ระบบอุปถัมภแ์ ละระบอบประชาธปิ ไตย จดั ทำโดย นายณัฐวุฒิ หวังสป 6331215334201 นายจตุรพร สุภาพ 6331215334202 นายปรเมศ พ่งึ ยนต์ 6331215334203 นายฮิโรโนบุ ใจเกษม 6331215334206 นายปิติพฒั น์ วรางค์พิวัชร์ 6331215334209 นายกันตพงศ์ มว่ งงาม 6331215334211 นายชัยวฒั น์ สมพงษ์ 6331215334216 นายธนพล บุญโญภาส 6331215334218 เสนอ ผูช้ ว่ ยศาสตรต์ ราจารยณ์ กมล ปุญชเขตต์ทกิ ุล คณะมนุษย์ศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์ สาขาวิชารฐั ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั พระนคร
บทท่ี 5 ระบบอปุ ถัมภแ์ ละระบอบประชาธิปไตย บทนำ ความหมายของระบบอปุ ถมั ภแ์ ละระบอบประชาธปิ ไตย คำว่า ระบบอุปถมั ภ์ และระบอบประชาธปิ ไตย มผี ูใ้ ห้ความหมายไว้ ดังนี้ 1. ความหมายของระบบอุปถมั ภ์ ระบบอุปถัมภ์ (The Patronage System) มีชื่อเรียกกันหลายอย่าง เช่น ระบบชุบเลี้ยง หรือระบบสกปรก (Spoils System) ระบบเลือกที่รัก (Favoritism) หรือ ระบบเล่นพวก (Nepotism) โดยเฉพาะสังคมไทยเป็นสังคมระบบเครือญาติพึ่งพาอาศัยกันและยึดมั่นบุคคลมาแต่อดีตเป็นระบบเก่าแก่ที่มี มานาน ดังท่นี ักการศกึ ษาไดใ้ ห้ความหมาย ดังนี้ ระบบอุปถัมภ์ หมายถึง การได้รับสิทธิพิเศษจากผู้ใหญ่หรือญาติมิตรของตนเปน็ ระบบที่ ตรงข้ามกบั ระบบความชอบธรรม (เดโช สวนุ านนท์, 2545) ระบบอุปถัมภ์ หมายถงึ การคำ้ จนุ การคำ้ ชู การสนับสนนุ การเลี้ยงดู (พจนานกุ รรมฉบับ ราชบัณฑิตสถาน, 2542) ระบบอุปถัมภ์ หมายถึงระบบคัดเลือกบุคคลเข้าทำงานโดยใช้เหตุผลทางการเมือง หรือ ความสัมพันธ์เป็นหลักสำคัญโดยไม่คำนึงถึงความรู้ ความสามารถและความเหมาะสม (วิทยากร เชียงกูล, 2552) กล่าวโดยสรุปได้ว่าระบบอุปถัมภ์ หมายถึง การสรรหาบุคคลเข้ารับตำแหน่งหรือการให้ คุณให้โทษแก่บุคคลเป็นไปตามความพอใจของผู้มีอำนาจ ซึ่งจะสนับสนุนบุคคลที่ตนรู้จักชอบพอ ญาติ พี่น้อง หรอื ผ้ทู จ่ี งรกั ภกั ดตี ่อตนเขา้ รบั ตำแหน่ง 2. ความหายของระบอบประชาธิปไตย คำวา่ ประชาธปิ ไตย มีผู้ให้ความหมายไว้ ดังน้ี พจนานุกรมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ.2542 ไดใ้ หค้ วามหมายของคำว่า ประชาธปิ ไตย ไว้วา่ “ประชาธิปไตย” หมายถงึ ระบอบการปกครองท่ีถือมติปวงชนเปน็ ใหญ่ ประชาธิปไตย ตรงกับคำในภาษอังกฤษว่า Democracy ซึ่งมาจากคำภาษากรีกว่า “ดีมอส = ประชาชน และ คราโตส = อำนาจ และหากจะแปลตรงๆ อาจได้ความว่า อำนาจนั้นเป็นของ ประชาชน ขณะที่คำว่า “ประชาธิปไตย” มาจาก ประชา + อธิปไตย (อธิปไตย หมายถึง เป็นใหญ่) คือ ประชาชนเป็นใหญ่ แนวคิดประชาธิปไตยโดยรวมจึงหมายถึง การที่ประชาชนผู้เป็นใหญ่มีอำนาจตัดสินใจใน สังคมชมุ ชนทตี่ นอาศยั ผูกพันอยู่ (พระพรหมคุณาภรณ์, 2549)
ปริญญา เทวานฤมิตรกุล (2555) กล่าวว่า ประชาธิปไตย หมายถึง การปกครองโดย กตกิ าทม่ี าจากประชาชน นอกจากนี้ยังมีความหมายที่เน้นเรื่องสิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาค นักปรัชญา การเมืองหลายท่านได้ชี้ให้เห็นว่ารูปแบบการปกครองที่ดีก็คือ การปกครองที่เคารพสิทธิและความเสมอ ภาค ของมนุษย์ เชื่อว่าสมาชิกของสังคมทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันที่จะเข้ามีส่วนร่วมในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การเมอื ง และสงั คมเพื่อพัฒนาตนเองและสังคมโดยสว่ นรวม นอกจากนร้ี ะบบการเมอื งจะต้อง เปิดโอกาส หรอื ให้เสรีภาพแก่ประชาชนในการดำเนินการใดๆ ภายใต้กฎระเบียบของสังคมด้วย ซึ่ง รูปแบบการปกครอง ดังกล่าว กค็ ือระบอบประชาธิปไตย นอกจากนั้นยังมีความหมายที่เน้นการเข้ามีส่วนร่วมหรือเสียงของประชาชน ในเมือง ระบอบประชาธิปไตยให้ความสำคัญกับประชาชนในฐานะที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ใช้อำนาจนี้ผ่านทาง องคก์ รทางการเมืองต่างๆ เพ่อื ประโยชนส์ ุขของตนเอง บทบาทของประชาชนในทางการเมือง จึงมีความสำคัญ มากในระบอบนี้ จนมีผู้กล่าวว่า ประชาธิปไตยนั้นถือวา่ ประชาชน คือ เสียงสวรรค์ เป็น ระบอบที่เปิดโอกาส ให้ประชาชนร่วมดำเนินการเพื่อสร้างสรรค์สังคมของตนเอง กิจกรรมการเข้าร่วมทางการเมืองของประชาชน อาจเป็นทางอ้อมโดยผ่านกระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเข้าไปทำหน้าที่แทน หรืออาจะเป็น ทางตรง เชน่ การประท้วง การรอ้ งเรียน ในรปู แบบตา่ งๆ เพื่อใหร้ ฐั บาลรบั ทราบ ถึงปัญหา เปน็ ตน้ ความหมายที่เน้นเจตนารมณ์ของประชาชน ประธานธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น แห่ง สหรัฐอเมริกาได้ให้ความหมายของคำว่าประชาธิปไตยไว้อย่างกระชับและคมคายว่า “เป็นการปกครอง ของ ประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน” ในระบอบประชาธิปไตยนั้น ผู้น้ำทางการเมืองเป็นผู้ที่ ถือ เสมือนเปน็ ตัวแทนเจตนารมณ์ของประชาชน รัฐบาลเปน็ ตวั แทนของพรรคการเมอื งท่ีมีเสียงข้างมาก หรอื ได้รับ เสียงสนับสนุนส่วนใหญ่ รัฐบาลจะคงอยู่ในอำนาจต่อไปได้เมื่อวาระสิ้นสุดลง ก็โดยการแสดงให้ประชาชนผู้ เลือกตง้ั เห็นวา่ รัฐบาลสามารถสนองตอบตอ่ เจตนารมณข์ องประชาชนได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ เทา่ นัน้ ความหมายตามที่มาและขอบเขตอำนาจ มีผู้ให้ความหมายของประชาธิปไตยไว้ว่า อำนาจสูงสุดมาจากประชาชน ทั้งนี้โดยอ้างว่ามนุษย์ทุกคนเกิดมาย่อมมีสิทธิและเสรีภาพ โดยธรรมชาติ พวก เขาสามารถคิดและกระทำการใดๆ ได้ แต่เมื่อมนุษย์มาอยู่รวมกันเป็นสังคม เขาจะสละสิทธิ์และ อำนาจบาง ประการให้กับผู้ปกครอง เพื่อใช้อำนาจนั้นดำเนินการภายในกรอบที่กำหนด ฉะนั้นเราจะพบว่ารัฐบาลใน ประเทศท่ปี กครองดว้ ยระบอบประชาธิปไตยนน้ั จะมีอำนาจท่ีมขี อบเขต จากความหายอันหลากหลายจึงอาจสรุปความหายได้ว่า ประชาธิปไตย หมายถึง ระบอบการปกครองโดยกติกาที่ประชาชนมีอำนาจในการตัดสินใจด้วยตนเอง เพ่อื ให้ประชาชนมชี วี ิตอยู่ อย่าง สมศักดศ์ิ รีความเปน็ มนุษยร์ ่วมสรา้ งชุมชนท่ีมีความเปน็ ธรรม อย่รู ่วมกันอยา่ งสงบสุข มีภราดรภาพ และความ ปรองดองสมานฉันท์
ทม่ี า : https://www.matichon.co.th/columnists/news_407070 ความเปน็ มาของระบบอปุ ถัมภ์และระบอบประชาธปิ ไตย ระบบอุปถมั ภแ์ ละระบอบประชาธปิ ไตยมีความเป็นมาดงั ต่อไปน้ี 1. ความเป็นมาของระบบอุปถัมภ์ ระบบอปุ ถัมภ์เป็นระบบท่ีอยใู่ นสังคมจารีตนิยมท้ังในทวีป เอเชีย ทวีปยุโรป และทวีอเมริกา เช่น ประเทศจีนสมัยโบราณมีการขายตำแหน่งงานในราชการด้วยสาเหตุ เริ่มแรกจากการเกดิ ความเดือดร้อนของประชาชนจากภัยธรรมชาติ ข้าวยากหมากแพงกษัตริย์ต้องการเอาเงนิ มาช่วยเหลือประชาชน เมื่อได้เงินดีก็ขายต่อเนื่องกันมาเรื่อย ในยุโรปยุคศักดินา (Feudalism) เจ้าของที่ดิน รายใหญ่มักจะได้รับแต่งตั้งให้เป็นขุนนาง ต่อมาก็มีการขายตำแหน่งกันอย่าง ปิดเผย และมีการใช้อำนาจ หน้าที่ของตำแหน่งแสวงหาผลประโยชน์ให้แก่ตนเองและหมู่คณะต่อมาราว คริสต์ศตวรรษที่ 17 ยุโรปเร่ิม เปลี่ยนการปกครองจากระบอบราชาธิปไตยมาเป็นระบอบประชาธิปไตย อำนาจของกษัตรยิ ์ลดลงหรือหมดไป แต่อำนาจของรัฐสภาเพิ่มมากขึ้น ข้าราชการก็หันไปจงรักภักดีต่อ นักการเมืองมากขึ้น แต่ก็ไม่ค่อยทำให้การ แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวและพรรคพวกดีขึ้นในอังกฤษ เริ่ม ตั้งแต่ ค.ศ. 1868 ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงจาก ระบบข้าราชบริพารของกษัตริย์มาเป็นข้าราชการของชาติ (National Civil Service) และต่อมามีการจัดให้มี การสอบแข่งขันเข้ารับราชการแต่สงวนไว้เฉพาะคน ชั้นสูง จนมาถึงศตวรรษที่ 19 จึงค่อยๆ เปลี่ยนมาเป็ น ระบบไม่เล่นพรรคเล่นพวก (Impartial Civil Service) ในสหรัฐอเมริกาเริ่มแรกก็เป็นอาณานิคมของอังกฤษ ปกครองโดยข้าหลวงใหญ่อังกฤษ ระบบ ข้าราชการก็เป็นไปในระบบอุปถัมภ์ ตำแหน่งข้าราชการเป็นของชน ชนั้ อภสิ ทิ ธ์ิชน เมื่อชาวอเมริกันต่อสู้ ปลดแอกจากอังกฤษได้กห็ ันมาใช้การปกครองในระบบประธานาธิบดี แต่ ระบบอุปถัมภ์ก็ยังมีการใช้กัน อย่างกว้างขวางรุนแรง จนมาถึงจุดผกผันที่สำคัญเมื่อประธานาธิบดี James A.
Garfield ถูกฆาตกรรม โดยบุคคลท่ผี ดิ หวงั ในการหาทางเข้ารับราชการไม่ไดส้ ภาคลองเกรสของสหรัฐเมริกาจึง ตรากฎหมายชื่อ Pindleton Act เมื่อปี ค.ศ.1883 ซึ่งเป็นการวางรากฐานระบบการบริหารข้าราชการผล เรือนของสหรฐั ในประเทศไทยสมัยสโุ ขทยั ระบบข้าราชการเปน็ ระบบครอบครัว กษัตริย์เปรียบเสมือนพ่อของ ข้าราชการ หรือข้าราชการบริพาร มาถึงสมัยอยุธยามกี ารแบ่งข้าราชการออกเปน็ สองฝา่ ย คือฝ่ายทหาร (สมุ หกลาโหม) กับฝ่ายพลเรือน (สมุหนายก) ระบบข้าราชการก็เป็นไปในระบบอุปถัมภ์ ใครเป็นข้าราชการก็นำ บุตร หลานพรรคพวกเข้ามารับราชการ จนถึงสมัย ร.7 เมื่อปี พ.ศ.2471 จึงได้มีการตรา พ.ร.บ.ระเบียบ ข้าราชการพลเรอื นฉบบั แรกออกมา ทำให้ระบบราชการพลเรอื นเร่ิมเข้าส่รู ะบบคุณธรรม 2. ความเป็นมาของระบอบประชาธิปไตย ประชาธิปไตยเป็นรูปแบบการปกครองและวิธีการดำเนิน ชวี ติ ซง่ึ ยดึ หลักของความเสมอภาค เสรีภาพและศักดศิ์ รแี หง่ ความเป็นมนษุ ย์การปกครองระบอบประชาธิปไตย ถือว่าทกุ คนมีสทิ ธเิ สรีภาพเท่าเทียมกัน และอำนาจอธิปไตยต้องมาจากปวงชน คำวา่ ประชาธปิ ไตย เป็นศัพท์ที่ นำมาใช้กันอย่างแพร่หลายมากในโลกปัจจุบัน เป็นที่น่าสังเกตว่าประเทศต่างๆ แม้จะมีรูปแบบการเมืองการ ปกครอง เศรษฐกิจ และสังคมที่แตกต่างกัน แต่ต่างก็อ้างว่าประเทศของตนเป็นประชาธิปไตยกันทั้งนั้น ใน ประเทศสังคมนิยมหลายประเทศ เช่น อดีตสหภาพโซเวียต และจีนต่างก็อ้างว่าประเทศของตน ปกครองด้วย ระบอบประชาธิปไตย แต่เป็นประชาธิปไตยในอีกแง่หนึ่งที่ เรียกว่า ประชาธิปไตยแบบรวมศูนย์ กล่าวคือ ยินยอมให้ประชาชนมีสทิ ธแิ ละเสรภี าพในขอบเขตท่ีจำกัด ส่วนการดำเนินการทางการเมือง ยังคงตกอยู่ในมือ ของผู้มีอำนาจเพียงไม่กี่คนเท่านั้น นอกจากนี้ประเทศอินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านของไทย หลังจาก ไดร้ บั เอกราชจาเนเธอร์แลนดใ์ นสมัยของประธานาธิบดีซกู าร์โน ได้ประกาศใชร้ ะบอบประชาธปิ ไตยนำวิถี จาก ความหลากหลายของการให้ความหมายนี้เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ในที่นี้จะขออธิบายประชาธิปไตยใน ความหมายของเสรีประชาธิปไตย หรอื ประชาธิปไตยแบบตะวันตกเท่าน้ัน ประเทศที่มีประชาธิปไตยมั่นคงในปัจจุบันและได้ชื่อว่าเป็นประเทศต้นแบบประชาธิปไตย เช่น สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี และอังกฤษ ประสบความสำเร็จกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยมา ตั้งแต่เริ่มเริ่มเลยหรือ เราจะเป็นได้ว่าประเทศเหล่านี้ล้วนแต่เคยล้มเหลวกับการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตย และเคยฆ่ากันเพราะประชาธิปไตยมาแล้วทั้งสิ้น ไม่มีประเทศใดในโลกทีป่ ระสบความสำเร็จกบั ประชาธิปไตย หรอื เป็นประชาธปิ ไตยมาตง้ั แตเ่ ริ่มตน้ เพราะไมม่ ีชนชาติใดเกิดมาเปน็ ชนชาตปิ ระชาธิปไตย เรา สามารถสรุปได้ว่า ปัจจัยของความสำเร็จของประชาธิปไตยนั้นเป็นเร่ืองของระบบที่ดปี ระมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ เท่านนั้ อกี 50 เปอร์เซน็ ตห์ รืออาจจะมากกว่าน้นั เปน็ เร่ืองของคน เพราะต่อให้มีระบบทด่ี ี หรือมีรัฐธรรมนูญที่ ดีแค่ไหนแต่คนใช้ไม่เป็นหรือไม่เคารพ ก็หามีความหมายแต่ประการใดไม่ต่อให้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่อีกกี่คร้ัง หรือต่อให้เขียนดีวิเศษแค่ไหนก็หามีประโยชน์อันใด ถ้าเราไม่เคารพไม่ทำตาม หรือฉีกทิ้งกันอยู่อย่างนี้ (ปรญิ ญา เทวานฤมิตรกลุ , 2555)
รูปแบบและหลกั การสำคญั ของระบบอปุ ถัมภ์และระบอบประชาธิปไตย 1. รูปแบบของระบบอปุ ถัมภ์ ระบบอุปถมั ภใ์ นสงั คมไทยแบง่ ไดเ้ ปน็ 4 รูปแบบ คือ 1)ระบบอุปถัมภ์ในหมู่ญาติ เป็นระบบที่เก่าแก่มากระบบหนึ่งในสังคมไทยตาม วัฒนธรรมความสัมพันธ์ระหว่างญาติอาวุโส (พี่ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย) กับญาติผู้น้อง (น้อง ลูก หลาน เหลน) เป็นความสัมพันธแ์ บบอุปถมั ภอ์ ยา่ งชัดเจน ซง่ึ นา่ จะเปน็ ระบบที่คงทนถาวรที่สุดดว้ ย 2)ระบบอปุ ถัมภใ์ นหมูม่ ติ รสหาย ความเป็นเพอื่ นในสังคมไทยปรากฏออกมาได้หลาย รูปแบบรูปเชน่ เพือ่ นเลน่ เพื่อนรว่ มรุ่น เพื่อนร่วมชน้ั เพอื่ นสถานศึกษา และเพอ่ื นตาย เป็นต้น ความคาดหวัง ระหว่างเพื่อนมีความลึกซ้ึงและมากกว่าบางสังคม เพื่อนในสังคมไทยคาดหวังต่อกันและกันมากกว่าความเปน็ เพื่อนแท้จึงมักจะวัดกันได้ด้วยพฤติกรรมการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน หรือการที่เพื่อนซึ่งมีฐานะทางสังคมและ เศรษฐกิจสูงกว่าให้ความช่วยเหลือแก่เพื่อนผู้ด้อยฐานะอย่างสม่ำเสมอ ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนก็จะแน่นแฟ้ นยิ่งขึ้นจึงถึงขั้นกลายเป็นญาติสนิทกันก็ได้ เพื่อนผู้ที่ได้รับความอุปถัมภ์ทางด้านวัตถุก็จะตอบแทนด้วยความ จงรักภักดี การรู้จักบุญคุณ คอยป้องกันเพื่อนผู้ให้ความอุปถัมภ์ด้วยวิธีการต่างๆ ตามสติปัญญา และ ความสามารถทต่ี นมีอยู่ การตอบแทนบุญคุณบางคร้ังก็แสดงออกดว้ ยการนำส่ิงเล็กๆ นอ้ ยๆ มาใหใ้ นโอกาสอัน ควร 3) ระบบอุปถัมภ์ในองค์กรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นของรฐั หรือของเอกชนก็ตาม มักจะถูก มองในแง่ลบอยู่ตลอดเวลาวา่ ระบบอุปถัมภ์ทำให้ระบบบริหารขาดประสิทธภิ าพ ซึ่งก็มีส่วนจริงอยู่บ้าง การใช้ ระบบอุปถัมภ์มากเกินไปก็อาจจะทำให้เกิดความระส่ำระสายเกิดการเสยี ขวัญกำลังใจในการปฏิบัตหิ น้าท่ีของ พนกั งานอยนู่ อกวงอปุ ถมั ภ์ไดเ้ ชน่ กนั 4) ระบบอุปถัมภ์ระหว่างอาชีพ เป็นระบบอุปถัมภ์ที่น่าจะมีลักษณะคงทนน้อยกว่า แบบอื่นๆ ที่กล่าวมาแล้ว แต่ลักษณะอื่นๆ ของระบบอุปถัมภ์ก็ยังมีครบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการปฏิบัติต่าง ตอบแทน ความสูงศักดิ์ของผู้อุปถัมภ์และความจงรักภักดีของผู้รับอุปถัมภ์ สำหรับสังคมไทย ระบบอุปถัมภ์ ระหว่างอาชพี หรอื ข้ามอาชพี น้ี อาจจำแนกได้เป็น 2 กลมุ่ ใหญๆ่ คอื กลุ่มข้าราชการ พอ่ ค้า กับกล่มุ นกั การเมือง ชาวไร่ชาวนา การอุปถัมภ์ระหว่างข้าราชการและพ่อค้าเป็นไปในรูปของการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางด้าน วัตถุระหว่างกันมากกว่า คือว่าฝ่ายราชการจะอำนวยสิทธิประโยชน์ให้แก่พ่อค้า นักธุรกิจ ซึ่งจะเป็นฝ่าย ทดแทนบญุ คุณหรอื ตอบแทนด้วยการให้เงนิ ทองหรอื ทรพั ยส์ ินมีค่าอย่างอ่ืน 2. รปู แบบของประชาธปิ ไตย จากโบราณมาการเมืองและอำนาจจำกัดอยู่ในแวดวงแคบๆ เฉพาะกลุ่มผู้ปกครอง เช่น หัวหน้าเผ่า ตอ่ มาในสังคมสมยั ใหม่ การเมืองหรือเรื่องของอำนาจค่อยๆ ขยายออกไปสปู่ ระชาชนมีการยอมรับ อำนาจของประชาชนมากขึ้น การเมืองจึงกระจายออกมาสู่ตัวบุคคล จึงเป็นตัวกำหนดกิจกรรมของสังคมน้นั ๆ แทบทุกแง่ทุกมุมทีเดียว ซึ่งหากจะให้ เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์จริงๆ “การเมือง น่าจะหมายถึงอำนาจใน การจัดสรรผลประโยชน์ในสังคมนั้นๆ อย่างเป็นธรรมและยั่งยืน” เมื่อพูดถึง “อำนาจ” ในมาตรา 8 แห่ง รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันบัญญัติไว้ว่า “อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย” ซึ่งมีกระบวนการการใช้
อำนาจทั้งทางตรงและทางอ้อมต่างๆ มากมาย ซึ่งประชาชนสามารถใช้อำนาจอธิปไตยได้ทั้งโดยตรงและโดย ออ้ มดงั น้ี 1) ใช้อำนาจทางตรงด้วยตนเองโดยการใช้สิทธิ เสรีภาพด้วยตนเองตามที่กำหนดไว้ ในรฐั ธรรมนญู เชน่ การพดู การเขียน การร้องเรียน การฟอ้ งรอ้ ง การขอดูข้อมูลข้าวสารราชการ ฯลฯ 2) ใช้อำนาจทางตรงร่วมกับผู้อื่น โดยการใช้สิทธิ เสรีภาพร่วมกับผู้อื่นในรูปแบบ ต่างๆ เช่น การรวมกลุ่ม การชมุ นุมประทว้ ง การเข้าชอ่ื เสนอกฎหมาย การเขา้ ซ่อื ถอดถอน ฯลฯ 3) ใช้อำนาจทางอ้อมผ่านทางตัวแทนหรือให้ผู้อื่นใช้อำนาจแทนตน โดยผ่านตัวแทน ทุกระดับ ตั้งแต่ระดับท้องถิ่นจนถึงระดับชาติ เช่น การเลือกตั้ง องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)/เทศบาล/ องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)/เมืองพัทยา/กทม.ไปจนถึงการเลือกตั้ง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) / สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ฯลฯ เพื่อไปทำหน้าท่ีนติ ิบัญญัติ หรือบางครัง้ ไปทำหน้าที่กำหนดนโยบายใน การบรหิ าร หรือเพอ่ื ไปตรวจสอบการบริหาร และกระทง้ั เพ่อื ไปผลกั ดันการแก้ไขปัญหาต่างๆ แทนเราในแต่ละ ระดบั ดังนั้นประชาธิปไตย สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ (1) ประชาธิปไตยทางตรง เป็นรูปแบบ การปกครองที่ให้ประชาชนทั้งประเทศ เป็นผู้ใช้อำนาจในการปกครองโดยตรง ด้วยการประชุมร่วมกัน พจิ ารณา ตัดสินปัญหาร่วมกนั ในทปี่ ระชมุ โดยตรง และจะเปน็ ผู้เลือกต้งั เจ้าหน้าทีป่ ฏิบตั ิงานของรัฐโดยตรง เรา จะเห็นว่าประชาธิปไตยประเภทนีจ้ ะใช้ได้ในเชิงปฏิบัติจริงๆ ก็แต่เฉพาะในสังคมเล็กๆ หรือประเทศเล็กๆ ที่มี สมาชกิ จำนวนนอ้ ย ซึ่งแต่ละคนมีโอกาสอภปิ ราย วพิ ากษ์วิจารณ์ และพจิ ารณาปญั หาต่างๆ อยา่ งละเอียดและ มีเหตุผล แต่ถ้านำเอาประชาธิปไตยประเภทนี้มาใช้กับสังคมขนาดใหญ่ที่มีสมาชิกจำนวนมากแล้วจะเป็น อุปสรรค เนื่องจากความไม่พร้อมเพรียงกัน และการที่จะหาสถานที่ประชุมขนาดใหญ่ เพื่อจะให้ประชาชนทั้ง ประเทศมาประชุมในที่เดี่ยวกันย่อมเป็นไปได้ยากยิ่ง และ 2) ประชาธิปไตยทางอ้อม เป็นประชาธิปไตยอีก ประเภทหน่ึงซึ่งเป็นผลเนื่องมาจากประเทศต่างๆ ของโลกได้ขยายตัวออกไปมาก ประชาชนพลเมืองเพิ่มข้ึน ปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นมามาก ฉะนั้นโอกาสที่ประชาชนทั้งประเทศจะมานั่งปรึกษาหารือกัน เพื่อแก้ปัญหากัน แบบประชาธิปไตยโดยทางตรงย่อมเป็นไปไม่ได้ เพื่อแก้ไขอุปสรรคนี้แทนที่ประชาชนทุกคนจะต้องมาประชุม ร่วมกันเพอ่ื พิจารณาตัดสินปัญหาใด ก็จะใหป้ ระชาชนได้มีโอกาสเลอื กตัวแทนหรือทร่ี จู้ ักในนาม สมาชิกรัฐสภา เข้าไปสู่ที่ประชุมแทน ส่วนลักษณะและวิธีการเลือกสมาชิกรัฐสภาของประชาชนในแต่ละประเทศจะแตกต่าง กันไป (สำนกั ส่งเสริมการเมอื งภาคพลเมอื ง สถาบันพระปกเกลา้ , 2556) 3. หลักการสำคัญของระบบอปุ ถัมภ์ หลกั การสำคัญของระบบอุปถัมภ์ สรปุ ไดด้ ังน้ี (สันตสิ ขุ , 2554) 1)ระบบสืบสายโลหิต เป็นระบบทีบ่ ตุ รชายคนโตจะไดส้ บื ทอดตำแหนง่ ของบิดา 2)ระบบชอบพอเปน็ พเิ ศษ เป็นระบบท่แี ตง่ ตั้งผูท้ อี่ ยู่ใกลช้ ิด หรอื คนทโ่ี ปรดปรานเป็นพิเศษให้ ดำรงตำแหนง่ 3)ระบบแลกเปลี่ยน เป็นระบบที่ใช้สิ่งของหรือทรัพย์สินมีค่ามาแลกเปลี่ยนกับตำแหน่งการ ยึดระบบอุปถมั ภ์เปน็ แนวปฏิบตั ิในการบริหารทรัพยากรมนษุ ย์ในองค์การจะก่อใหเ้ กิดผล ดงั น้ี
-การพิจารณาบรรจุแต่งตั้ง เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง เป็นไปตามความพอใจส่วนบุคคล ของหวั หนา้ เป็นหลกั ไมไ่ ด้คำนึงถึงความรคู้ วามสามารถของบุคคลเปน็ เกณฑ์ -การคัดเลือกคนไม่เปิดโอกาสที่เท่าเทียมกันแก่ผู้ที่มีสิทธิ์ แต่จะให้โอกาสกับพวกพ้อง ตนเองกอ่ น -ผ้ปู ฏิบัติงานมุง่ ทำงานเพอ่ื เอาใจผคู้ รองอำนาจ มากกวา่ จะปฏบิ ตั ิงานตามหน้าท่ี -อิทธิพลทางการเมอื งเข้ามาแทรกแซงการดำเนนิ งานภายในของหน่วยงาน -ผู้ปฏิบัติงานไม่มีความมั่นคงในหน้าที่ที่กำลังทำอยู่ เพราะอาจถูกปลดได้ถ้ามีผู้มีอำนาจ ไม่พอใจ 4. หลกั การสำคัญของระบอบประชาธิปไตย หลกั การสำคัญของระบบประชาธปิ ไตยไดแ้ ก่ (สำนักงานเลขาธกิ ารผแู้ ทนราษฎร, 2555) 1)ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และหน้าที่ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เป็นหลักการท่ี สำคัญของรัฐธรรมนูญในบางประเทศ เช่น ประเทศเยอรมนี ถือว่าศักดิ์ศรีความเป็นหลักการสูงสุดของ รัฐธรรมนูญ การกระทำของรัฐทั้งหงายต้องสอดคล้องกับหลักการสูงสุดนี้ เพราะต้องถือว่าการที่รัฐมีอยู่เพื่อ มนุษย์ มิใช่มีอยู่เพื่อรัฐ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ต้องเป็นพื้นฐานสำหรับการวางรากฐานของหลักสิทธิ เสรีภาพ และหลกั ความเสมอภาคของบคุ คล คำว่า สิทธิตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ หมายถึง อำนาจหน้าที่กฎหมายสูงสุดได้ บัญญัติ ใหก้ ารรับรองคุ้มครองแกบ่ ุคคลในอันท่จี ะกระทำการใด ไมก่ ระทำการใด รวมทัง้ กอ่ ใหเ้ กิดสทิ ธเิ รียกร้องท่ีจะให้ บุคคลอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรของรัฐเข้าแทรกแซงในขอบเขตของสิทธิของบุคคลนั้น ในบางกรณี ก่อให้เกิดสิทธิเรียกร้องให้รัฐดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง สิทธิตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนู ญจึงเป็นสิ่งท่ี องคก์ รผใู้ ช้อำนาจรฐั ต้องให้ความเคารพ ปกปอ้ งคุ้มครอง เพื่อใหส้ ิทธเิ หลา่ นั้นมผี ลในทางปฏิบัติ เสรีภาพ หมายถึง สภาพการณ์ที่บุคคลมีอิสระในการที่จะกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งตาม ความประสงคข์ องตน โดยไม่ละเมิดสทิ ธิ เสรภี าพของผอู้ ื่น สิทธิ เสรภี าพ มีความสำคัญดงั น้ี 1.ป้องกนั ตนเองจากการแทรกแซงของรัฐในชีวติ และร่างกาย หรือทรัพย์สนิ ของประชาชน 2. เป็นขอ้ ห้ามมิให้มีการเลอื กปฏิบัติ หรือเพ่ือให้เกิดการปฏิบัติอยา่ งเสมอภาคเท่าเทยี มกนั 3.เรียกร้องให้รัฐกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อให้สิทธิและเสรีภาพของปร ะชาชนบรรลุ เป้าหมายตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ซึ่งมักจำกัดเฉพาะสิทธิขั้นพื้นฐานทางสังคม อันเป็นเรื่องเกี่ยวกับความ จำเปน็ ในการดำรงชวี ิต 4. สามารถใช้สิทธโิ ต้แยง้ ในทางศาลกรณที ่ีมกี ารละเมดิ สทิ ธแิ ละเสรีภาพ ขอ้ จำกดั ในการใช้สทิ ธแิ ละเสรภี าพ -การใช้สทิ ธิและเสรีภาพใช้ไดเ้ ท่าท่ไี ม่ละเมิดสิทธแิ ละเสรภี าพของผู้อ่นื
-การใช้สิทธิและเสรีภาพต้องไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญ เช่น การแสดงความคิดเห็น เชญิ ชวนใหผ้ ู้อ่ืนล้มลา้ งระบบประชาธปิ ไตย เปน็ ต้น -การใช้สิทธิและเสรีภาพตอ้ งไมข่ ัดต่อศีลธรรมอันดขี องประชาชน สิง่ ทตี่ อ้ งตระหนัก สิทธิ เสรีภาพ และหน้าท่ีเป็นของค่กู ัน ไมม่ ใี ครมีสทิ ธิ เสรภี าพโดยไม่มี หน้าท่ี 2)หลักความเสมอภาค ความเสมอภาคเป็นหลักที่มีความสำคัญอีกอย่างหนึ่ง เพราะเป็น หลักพื้นฐานของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และความยุติธรรม หมายความว่า ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์จะได้รับ ความคุ้มครอง ต่อเมอ่ื บุคคลสามารถนำสทิ ธิตา่ งๆ ที่รฐั ธรรมนูญบัญญตั ิไปอ้างได้อย่างเท่าเทยี มกัน ความเสมอ ภาคเป็นหลักท่ีใช้ควบคุม ตรวจสอบมิให้รัฐใช้อำนาจตามอำเภอใจ ไม่ว่าจะเป็นการออกกฎหมายของฝ่ายนิติ บญั ญตั ิ การกระทำของฝ่ายบรหิ าร การวินิจฉัยคดขี องศาล บุคคลจงึ ตอ้ งไดร้ บั การ ปฏิบัติจากรฐั อย่างเทา่ เทียม กนั ในความเป็นมนุษย์ และในฐานะสมาชกิ ของสงั คมเดยี วกัน ทัง้ ในด้านกฎหมาย การเมือง และเศรษฐกจิ -ความเสมอภาคทางกฎหมาย รัฐจะออกกฎหมายบังคับหรือคุ้มครองใครคนใดคนหน่ึง มิได้แต่ตอ้ งใช้บังคบั แกค่ นท่วั ประเทศ -ความเสมอภาคทางเศรษฐกิจ ประชาชนสามารถประกอบการทางเศรษฐกิจโดเสรี สามารถเป็นเจ้าของทรัพย์สินและถือกรรมสิทธิ์ในประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ตนดำเนินการ ทุกคนมีสิทธิได้รับ ประโยชน์จากทรพั ยากรธรรมชาติอยา่ งเท่าเทยี มกนั เป็นต้น -ความเสมอภาคทางการเมือง ทุกคนในรัฐมีสิทธิในการมีส่วนร่วมทางการเมืองการ บรหิ ารประเทศอยา่ งเท่าเทยี มกัน เป็นต้นว่า การออกเสียงเลอื กต้งั การสมคั รเลือกตง้ั การจัดต้งั พรรคการเมือง การรวมกลมุ่ ทางการเมอื ง 3) หลักนิติธรรม หมายถึง การใช้กฎหมายเป็นหลักในการบริหารประเทศ ทุกคนต้องอยู่ ภายใตก้ ฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน โดยไมม่ กี ารเลือกปฏิบัติ เปน็ การบรหิ ารประเทศโดยใช้กฎหมายท่ีเป็นธรรม และมิใช้บริหารประเทศตามอำเภอใจ กฎหมายเทา่ นนั้ ที่จะเปน็ เครอ่ื งตดั สนิ ชี้ขาดไมใ่ ช่ดุลพนิ จิ สว่ นตน 4) หลักอำนาจอธปิ ไตยเปน็ ของปวงชน คือ การบรหิ ารประเทศทเ่ี ปน็ ไปในนามของประชาชน ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจและยินยอมมอบอำนาจให้มีผู้กระทำการแทน รัฐคือกลมุ่ บุคคลซึ่งได้รับการเลือก จากประชาชนใหม้ าทำหน้าทีแ่ ทนเป็นผบู้ รหิ ารประเทศ รัฐท่ดี ีจงึ ต้องรบั ผิดชอบตอ่ ประชาชน 5)หลักการยอมรับเสียงส่วนใหญ่ และเคารพเสียงส่วนน้อย ประชาธิปไตยมี 2 แบบ คือ หลกั การยอมรับเสียงสว่ นใหญเ่ ป็นคตริ ะบอบประชาธิปไตยแบบโบราณ ทีใ่ ห้ความสำคัญกับเสียงข้างมาก ซึ่งมี จุดอ่อนคือ ทำให้เกิดเผด็จการแบบเสียงข้างมากขึ้นได้ ส่วนประชาธิปไตยอีกแบบหนึ่งคือ ประชาธิปไตยแบบ พหุนยิ ม ทีใ่ ห้ความสำคัญกับกลุ่มบุคคลท่ีเป็นส่วนประกอบหลากหลายของสงั คมมากกว่าจำนวนเสียง ทุกกลุ่ม ต้องได้รับสิทธิท่ีจะให้เสยี ง จำนวนเสียงจะมีมากหรือน้อยไมส่ ำคัญ แตถ่ า้ เปน็ กลุ่มทมี่ ีอยู่ในสังคม เช่น กลุ่มชน ชาติพันธุ์ เป็นต้น เสียงของกลุ่มเหล่านี้ต้องได้รับการเคารพ แม้ว่าจะมีเสียงจำนวนน้อยก็ตาม นอกจากนี้ การ ยอมรับเสียงขา้ งมากต้องยบู่ นพ้ืนฐานของเหตผุ ลท่ีถูกต้องชอบธรรม
6)หลักการมีส่วนร่วมของประชาชน คำนี้ “ประชาธิปไตย”มาจากคำว่า “ประชา” กับ “อธิปไตย” แปลว่าอำนาจสูงสุดของประชาชน ดังนั้น ประชาธิปไตย จึงมีความหายว่าอำนาจสูงสุดในการ บริหารประเทศเป็นของประชาชน หรือดังที่ อับราฮัม ลินคอล์น ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกากล่าวว่า ประชาธปิ ไตย คือ อำนาจของประชาชน ใชโ้ ดยประชาชนและเปน็ ไปเพื่อประชาชน ดงั นั้น การบรหิ ารประเทศ ตามระบอบประชาธิปไตย จึงต้องให้สิทธิ เสรีภาพแก่ประชาชนที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองมบี ทบาทใน การกำหนดความเปน็ ไปของบ้านเมือง มีส่วนร่วมในการควบคุม ตรวจสอบการใชอ้ ำนาจรฐั อนั เป็นการแสดงให้ เห็นว่าประชาชนเปน็ เจ้าของอำนาจอธิปไตย หรอื อำนาจในการบรหิ ารประเทศดว้ ยตนเองอย่างแทจ้ รงิ 5. ลกั ษณะสำคัญของประชาธิปไตย การปกครองระบอบประชาธิปไตยเป็นการปกครองโดยประชาชน หรือประชาชนปกครองตนเอง ซงึ่ ความเป็นพลเมืองต้องประกอบดว้ ยลกั ษณะท่สี ำคัญ 6 ประการ ได้แก่ (ปริญญา เทวานฤมิตรกุล, 2555) 1)ความรบั ผิดชอบและพ่ึงตนเองได้ ระบอบประชาธิปไตย คอื ระบบการปกครองทป่ี ระชาชน เป็นเจ้าของอำนาจสูงสดุ ในประเทศ ประชาชนในประเทศจงึ มีฐานะเปน็ เจา้ ของประเทศเมื่อประชาชนเป็นเจา้ ประเทศ ประชาชนจึงเป็นเจ้าของชีวิตและมีสิทธิเสรีภาพในประเทศของตนเอง ทำนองเดียวกับเจ้าของบ้านมี สิทธิเสรีภาพในประเทศของตนเอง ระบอบประชาธิปไตยจึงทำให้เกิดหลักเสรีภาพและทำให้ประชาชนมี อิสรภาพคือ เป็นเจ้าของชีวิตตนเอง “พลเมือง” ในระบอบประชาธิปไตยจึงเป็นไท คือ เป็นอิสระชน ที่ พึ่งตนเองและสามารถรับผิดชอบได้ และไม่ยอมตกอยู่ภายใต้อิทธิพลอำนาจหรือภายใต้ “ระบอบอุปถัมภ์” ของผู้ใด เด็กจะเป็น “ผู้ใหญ่” และเป็น “พลเมือง” หรือสมาชิกคนหนึง่ ของสังคมไดอ้ ยา่ งแท้จริง เมื่อสามารถ รบั ผิดชอบตนเองได้ 2)การเคารพหลักความเสมอภาค ประชาธิปไตยเป็นระบอบการปกครองที่มีอำนาจสูงสุดใน ประเทศเปน็ ของประชาชนดังนน้ั ในระบอบประชาธิปไตยไมว่ ่าประชาชนจะแตกต่างกนั อย่างไร ไมว่ า่ จะรำ่ รวย หรือยากจน หรือมีอาชีพอะไร จะเป็นเจ้านายหรือลูกน้อง ทุกคนล้วนแต่เท่าเทียมกันในฐานะที่เป็นเจ้าของ ประเทศ “พลเมือง” จึงต้องเคารพหลักความเสมอภาค และจะต้องเห็นคนเท่าเทียมกัน คือ เห็นคนในแนว ระนาบ (Horizontal) เหน็ ตนเท่าเทียมกบั คนอื่นแลเหน็ คนอนื่ เท่าเทียมกับตน ไม่ว่าจะยากดีมีจน ทกุ คนล้วนมี ศักดิ์ศรีของความเป็นเจ้าของประเทศอย่างเสมอกัน ซึ่งจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงจากสังคมแบบอำนาจใน ระบอบเผด็จการ หรือสังคมระบบอุปถมั ภ์ซ่ึงโครงสร้างสงั คมจะเป็นแนวดง่ิ (Vertical) ท่ีประชาชนไม่เสมอภาค ไมเ่ ท่าเทียม ไมใ่ ช่อิสระชน และมองเห็นคนเป็นแนวดิ่ง มคี นที่อย่สู ูงกว่า และมคี นท่ีอยู่ตำ่ กวา่ โดยจะยอมคนท่ี อยู่สงู กว่า แตจ่ ะเหยียดคนท่ีอย่ตู ำ่ กวา่ ซึง่ มิใช่ลักษณะของ “พลเมือง” ในระบอบประชาธปิ ไตย 3)เคารพความแตกตา่ ง เม่อื ประชาชนเปน็ เจ้าของประเทศ ประชาชนจงึ มีเสรภี าพในประเทศ ขอตนเอง ระบอบประชาธิปไตยจึงให้เสรีภาพ และยอมรับความหลากหลายของประชาชน ประชาชนจึง แตกต่างกันได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเลือกอาชีพ วิถีชีวิต ความเชื่อทางศาสนา หรือความคิดเห็นทางการเมือง ดังนั้นเพื่อมิให้ความแตกต่าง นำมาซึ่งความแตกแยกในสังคม “พลเมือง” ในระบอบประชาธิปไตยจึงต้อง ยอมรับและเคารพความแตกต่างของกันและกัน เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ถึงแม้จะแตกต่างกัน และจะต้อง
ไม่มีการใช้ความรนุ แรงต่อผู้เหน็ แตกต่างไปจากตนเอง ถึงแม้จะไม่เหน็ ดว้ ย แต่จะต้องยอมรับว่าคนอื่นมสี ทิ ธิท่ี จะแตกต่างหรือมีความคิดเห็นที่แตกต่างไปจากเราได้และต้องยอมรับโดยไม่ จำเป็นที่จะต้องเข้าใจว่าทำไมเขา ถึงเชื่อหรือเห็นแตกต่างไปจากเรา “พลเมอื ง” จึงคยุ เรื่องการเมอื งกนั ในบา้ นได้ถึงแม้จะเลือกพรรคการเมืองคน ละพรรค หรือมคี วามคิดเห็นทางการเมืองคนละข้างกัน 4) การเคารพสิทธิผู้อื่น ระบอบประชาธิปไตย ทุกคนเป็นเจ้าของประเทศทุกคนมีสิทธิ เสรีภาพ แตถ่ า้ ทกุ คนใชส้ ิทธิโดยคำนึงถึงแต่ประโยชน์ของตนเอง หรือเอาแค่ความคดิ ของตนเองเปน็ ทีต้ังโดยไม่ คำนึงถึงสิทธผิ ู้อน่ื หรือไม่สนใจว่าจะเกิดความเดือดร้อนแกผ่ ู้ใด ย่อมจะทำให้เกิดใชส้ ทิ ธิท่ีกระทบกระท่ังกันจน ไม่อาจจะอยู่รวมกันอย่างผาสุกต่อไปได้ ประชาธิปไตยก็จะกลายเป็นอนาธิปไตยเพราะทุกคนเอาแต่สิทธิของ ตนเองเปน็ ใหญ่ สุดทา้ ยประเทศชาตยิ ่อมจะไปไมร่ อด สทิ ธิในระบอบประชาธิปไตยจงึ จำเป็นต้องมีขอบเขต คือ มีสิทธิและใช้สิทธิได้เท่าที่ไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น “พลเมือง” ในระบอบประชาธิปไตยจึงต้องเคารพสิทธิผู้อื่นและ จะต้องไมใ่ ช้สทิ ธเิ สรีภาพของตนไปละเมดิ สทิ ธิของผ้อู ่ืน 5) การเคารพกติกา ประชาธิปไตยต้องใช้กติกา หรือกฎหมายในการปกครองไม่ใช่อำเภอใจ หรือใช้กำลัง โดยทุกคนต้องเสมอภาคกันภายใต้กติกานั้น แต่ถึงแม้จะมีกฎหมาย หรือมีกติกาแต่หากว่า ประชาชนไม่เคารพ หรือไม่ปฏิบัติตาม กติกาก็หามีประโยชน์อันใดไม่ ระบอบประชาธิปไตยจึงจะประสบ ความสำเร็จได้ต่อเมื่อมี “พลเมือง” จึงต้องเคารพ “กติกา” ถ้ามีปัญหาหรือมีความขัดแย้งเกิดขึ้นก็ต้องใช้วิธี ทางประชาธิปไตยและใชก้ ตกิ าในการแกไ้ ขไมเ่ ล่นนอนกกติกา และไม่ใช้กำหลังหรือความรนุ แรง 6) ความรับผิดชอบต่อสังคมและส่วนรวม ประชาธิปไตยมิใช่ระบอบการปกครองตาม อำเภอใจ หรือใครอยากจะทำอะไรก็ทำ โดยไม่คำนึงถึงส่วนรวม ดังนั้น นอกจากจะต้องเคารพสิทธิเสรีภาพ ของผอู้ ืน่ และรับผิดชอบต่อผูอ้ ่ืนแล้ว “พลเมอื ง” ในระบอบประชาธิปไตยยังจะตอ้ งใช้สิทธเิ สรภี าพของตนโดย รับผิดชอบต่อสังคมด้วย โดยเหตุที่สังคมหรือประเทศชาติมิได้ดีขึ้นหรือแย่ลงโดยตัวเอง หากสังคมจะดีขึ้นได้ก็ ดว้ ยการกระทำของคนในสังคมและทสี่ ังคมแย่ลงไปก็เป็นเพราะการกระทำของคนในสังคม “พลเมอื ง” จึงต้อง ตระหนักว่าตนเองเป็นสมาชิกคนหนึ่งของสังคม และความรับผิดชอบต่อการกระทำของตน “พลเมือง” จึง ไม่ใช่คนที่ใช้สิทธิเสรีภาพตามอำเภอใจ แล้วทำให้สังคมเสื่อมลงหรือเลวร้ายลงไป หากเป็นผู้ที่ใช้สิทธิเสรีภาพ โดยต้องตระหนักอยู่เสมอว่าการกระทำใดๆ ขอบตนเองย่อมมีผลต่อสังคมและส่วนรวม เห็นตนเองเป็นส่วน หนึ่งของปัญหา และมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหานั้น โดยเริ่มต้นที่ตนเอง หรือร่วมแก้ปัญหา ด้วยการไม่ก่อ ปัญหา และลงมือทำด้วยตนเองไม่ใช่เอาแต่เรียกร้องคนอื่น หรือเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาแล้วตนเองก่อ ปญั หานนั้ ตอ่ ไป 6. เงอ่ื นไขสังคมประชาธปิ ไตย ในสังคมประชาธิปไตยที่มีการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพโดยไม่ต้องการให้มีกฎกติกามาบังคับตน หน่วยงานภาคเอกชนองค์กรสื่อประชาชนในชุมชนหรือกลุ่มต่างๆ บางกลุ่มก็เรียกร้องการดูแลตนเองจัดต้อง องค์กรของตนขึ้นมาตรวจสอบกันเองแต่สุดท้ายบางองค์กรก็ดูแลกลุ่มตนเองไม่ให้ใช้เสรีภาพที่ไปกระทบผู้อ่ืน ไมไ่ ดด้ งั น้นั การท่จี ะพัฒนาประเทศด้วยวิธปี ระชาธปิ ไตยจึงต้องทำใหป้ ระชาชนในสงั คมเขา้ ใจกติกาเง่ือนไขท่ีจะ
อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขในสังคมโดยไม่ใช้สิทธิเสรีภาพตามใจตนแล้วไปละเมิดสิทธิผู้อื่นได้แก่ (สำนักส่งเสริม การเมืองภาคพลเมอื ง สถาบนั พระปกเกลา้ , 2556) 1) เคารพกฎหมาย นักประชาธิปไตยต้องเคารพกฎมายไม่ฝา่ ฝืนกฎกติกาของสังคมหากทำผิด ก็ต้องยอมรับผลตามที่บัญญัติไว้ในกฎกติกานั้นจะอ้างว่าไม่รู้ไม่ยอมรับไม่ได้ปากเห็นว่ากฎกติกาที่ใช้บังคับน้นั ไมถ่ กู ต้องไมเ่ ป็นธรรมกต็ ้องผลกั ดนั ให้มกี ารแกไ้ ขหรือเรียกรอ้ งความเปน็ ธรรมตามวิถีทางทถ่ี ูกตอ้ ง 2) มีความรบั ผดิ ชอบ ทกุ คนต้องรับผิดชอบในหน้าที่หรือบทบาทท่ีตนได้รบั หรือรับผิดชอบใน การกระทำของตนไม่ปดั ความรบั ผดิ ชอบให้เกดิ ความเสยี หายแกผ่ ู้อื่นหรือสังคม 3) เคารพความแตกต่างและใช้เหตุผลในสังคมประชาธิปไตยนอกจากการรับผิดชอบตัวเอง แล้วยังต้องดำรงตนอยู่อย่างมีเหตุผลแสวงหาข้อมูลไม่ใชอ้ ารมณ์หรือจินตนาการหรือความชอบไม่ชอบส่วนตวั และต้องเข้าใจว่าบุคคลแต่ละคนมีความแตกต่างกันทั้งด้านความคิดและพฤติกรรมต่างๆ ตามกระบวนการขัด เกลาทางสังคมตามภูมิหลังของคนแต่ละคนแต่ตราบใดที่ใครไม่ละเมิดสิทธิชีวิตความสงบสุขหรือผลประโยชน์ ของผู้อื่นของส่วนรวมก็เป็นสิทธิอันชอบธรรมที่ทุกคนที่จะมีความคิดเห็นมีพฤติกรรมหรือวิถีชีวิตที่แตกต่างได้ โดยไม่ไประรานผูท้ ีแ่ ตกต่างไม่วา่ จะดว้ ยทางกายวาจาใจ 4) ประชาชนมีส่วนร่วม สังคมประชาธิปไตยรัฐต้องเคารพสิทธิชีวิตความเป็นอยู่ของ ประชาชนเคารพวิถีชีวิตศิลปวัฒนธรรมอันดีภูมิปัญญาของท้องถิ่นหากรัฐจะทำหรืออนุญาตให้ผู้ใดดำเนิน โครงการหรือกิจกรรมใดที่อาจมีผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมสุขภาพอนามัยคุณภาพชีวิตหรือส่วนได้เสีย อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับประชาชน หรือชุมชนการวางแผนพัฒนาชุมชนการกำหนดนโยบายหรือการออกกฎที่ กระทบต่อประชาชนก็ต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นรัฐต้องส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมใน การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐทุกระดับทั้งต้องส่วนเสริมให้การศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาการเมืองและการ ปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมุขแก่ประชาชน 5) ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐทุกรูปแบบ โดยร่วมกบั บุคคลหรือองค์กรอิสระต่างๆ เพื่อให้รฐั ใช้อำนาจชอบธรรมใช้งบประมาณอยา่ งโปรง่ ใสเพื่อให้เกดิ ประโยชน์กับประชาชนโดยรวมโดยใช้กลไกท่ีมีอยู่ใน สังคมรวมถงึ การเขา้ ช่ือถอดถอนนักการเมือง ทุกระดบั หรือข้าราชการระดับสงู ท่ีทำผิดกฎหมาย หรือทำให้เกิด ความเสยี หายต่อประชาชน อย่างไรก็ตามการพิจารณาว่าพฤติกรรมใดเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ก็ให้พิจารณาว่า พฤติกรรมนั้นเป็นไปเพื่อประโยชน์ของใครหากเป็นไปเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ก็นับได้ว่าเป็นพฤติกรรม หรือการเคลื่อนไหวที่เป็นประชาธิปไตยแต่หากพฤติกรรมหรือการเคลื่อนไหวที่มีคน จำนวนมากเพียงใดหาก เป็นไปเพื่อประโยชน์ของคนคนเดียวหรือคนบางกลุ่มก็ไม่ถือว่าเป็นประชาธิปไตยดังท่านพุทธทาสกล่าวไว้ว่า “ประชาธปิ ไตยคือประโยชนป์ ระชาชนเปน็ ใหญไ่ ม่ใช่ประชาชนเปน็ ใหญ”่ โดยสรุป ประชาธิปไตยในมุมมองต่างๆ มีประเด็นที่ต้องตอกย้ำคือ หลักการแห่งเสรีภาพ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หลักความเป็นธรรม ที่เป็นเบ้าหลอมของประชาธิปไตยที่มีธรรมาธิปไตยเป็นจิต วิญญาณ สังคมประชาธิปไตยจึงไม่ใช่เป็นเพียงชุมชนที่ประกอบด้วยผู้คนที่อยู่ด้วยกันอย่างเสรีและเสมอภาค
แต่เป็นชุมชนที่มีสมาชิกมีอิสรภาพในการตัดสินใจด้วยตนเอง มีชีวิตอยู่อย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ร่วม ก่อสรา้ งชุมชนทีม่ คี วามเปน็ ธรรม อยูร่ ว่ มกันอย่างสงบสุข มีภราดรภาพและความสมานฉนั ท์ 7. ขอ้ ดีและข้อจำกัดของระบบอุปถัมภแ์ ละระบอบประชาธิปไตย ระบบอุปถัมภแ์ ละรอบประชาธปิ ไตยกับมที งั้ ข้อดแี ละข้อจำกดั ดังนี้ 1) ขอ้ ดขี องระบบอุปถมั ภ์ - การสรรหาและบรรจุบุคคลกระทำได้รวดเร็วและสิ้นเปลืองน้อย เพราะไม่มีการ แตง่ ตงั้ กรรมการข้นึ มาสอบแขง่ ขนั คดั เลือก - ระบบอุปถัมภ์ช่วยส่งเสริมระบบคุณธรรมให้สมบูรณ์ ระบบคุณธรรมนั้นดีในแง่ท่ี การสรรหาคดั เลือกบคุ คลเป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ - ในกรณีทตี่ อ้ งการบุคคลเข้าทำงานโดยเร่งดว่ น การใชร้ ะบบคณุ ธรรมจะล้าช้าไม่ทัน การ อาจจะใช้ระบบอุปถัมภแ์ ทน 2) ข้อจำกดั ของระบบอปุ ถัมภ์ - ผู้ปฏิบัติงานขาดสมรรถภาพ เพราะการบรรจุตกแต่งตั้งกันตามความพอใจขาด ความเปน็ ธรรม - ผู้ปฏิบัติงานถูกใช้ไปในทางส่วนตัวเสียมาก เพราะความเป็นแก่บุญคุณหรือสนิท สนมส่วนตวั - ฐานะผู้ปฏิบัติงานคลอนแคลน ขาดหลักประกันที่มั่นคงเพราะไม่แน่ใจว่าจะได้รับ การสนบั สนุนสง่ เสริมใหก้ ้าวหนา้ หรือจะถูกไลอ่ อกจากงานเม่ือไร - ทำให้เกิดการทำงานมุ่งสู่การประจบประแจงผู้มีอำนาจเพื่อผลประโยชน์ส่ วน ตัวการทำงานจึงไม่ใช่การทำงานเพื่อประโยชน์ขององค์กรโดยส่วนรวม แต่มักจะเป็นเพื่อเจา้ นายที่มีอำนาจให้ คุณให้โทษมากกวา่ - ผู้ไม่มีพรรคพวกในหน่วยงานก็จะไม่มีโอกาสก้าวหน้า แม้จะทำงานดีมี ประสทิ ธิภาพเพยี งใดกต็ าม - โอกาสที่จะเกิดความลำเอียงและความไม่ยุติธรรมมีมากถ้าผู้มีอำนาจไม่ตั้งอยู่ใน ความเที่ยงธรรม 3) ข้อดีของระบอบประชาธิปไตย - ประชาชนมีสิทธิ เสรีภาพและเสมอภาค ประชาชนทุกคนมีสิทธิแห่งความเป็นคน เหมือนกันไม่ว่ายากดีมีจน เช่น สิทธิในร่างการ สิทธิในทรัพย์สิน ทุกคนมีเสรีภาพในการกระทำใดๆ ได้หาก เสรภี าพนน้ั ไมล่ ะเมดิ สิทธเิ สรภี าพของผ้อู น่ื เช่น เสรีภาพในการนบั ถือศาสนา เสรีภาพในการพูด การเขียน การ วิพากษ์วจิ ารณ์ และทกุ คนมคี วามเสมอภาค หรอื เท่าเทียมกนั ทจ่ี ะได้รบั การคุ้มครองโดยกฎหมาย มีความเสมอ ภาคในการประกอบอาชีพ เป็นต้น
- ประชาชนปกครองตนเอง ประชาชนสามารถเลือกตัวแทนไปใช้อำนาจนิติบัญญัติใน การออกกฎหมายมาใช้ปกครองตนเอง และเป็นรัฐบาลเพื่อใช้อำนาจบริหาร ซึ่งสามารถสนองตอบความ ต้องการของประชาชนสว่ นรวมได้ดี เพราะผู้บรหิ ารทีเ่ ป็นตัวแทนของปวงชนย่อมรู้ความต้องการของประชาชน ไดด้ ี - ประเทศมีความเจริญมั่นคง การมีส่วนร่วมในการปกครองตนเองทำให้ประชาชนมี ความพร้อมเพรียงในการปฏิบัติตามกฎ และระเบียบที่ตนกำหนดขึ้นมายอมรับในคณะผู้บริหารที่ตนเลือก ขึ้นมาและประชาชนไม่มีความรู้ต่อต้าน ทำให้ประเทศมคี วามสงบสขุ เจริญกา้ วหนา้ และมนั่ คง 4) ข้อจำกดั ของระบอบประชาธิปไตย - ดำเนินการยาก ระบอบประชาธิปไตยเป็นหลักการปกครองที่ดี แต่การที่จัดสรร ผลประโยชน์ตรงกับความต้องการประชาชนทุกคนย่อมทำไม่ได้ นอกจากนั้นยังเป็นการยากที่จะให้ประชาชน ทกุ คนมีความรู้ความเข้าใจและปฏิบตั ิตามสิทธิ เสรีภาพทกุ ประการ ทงั้ นี้เพราะวิสยั ของมนุษย์ย่อมมีความเห็น แก่ตวั เหน็ แกไ่ ด้ การดำเนนิ ชวี ติ ของมนุษย์ในสงั คมจึงมีการกระทบกระท่ังและละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อ่นื ได้ - เสยี คา่ ใช้จ่ายสูง การปกครองระบอบประชาธิปไตย จำเปน็ ตอ้ งให้ประชาชนไปใช้สิทธิ เลือกตั้งผแู้ ทน เพ่ือให้ปฏิบตั หิ น้าทีแ่ ทนตน การเลอื กตัง้ ในแต่ละระดบั ต่างต้องเสียคา่ ใช้จา่ ยมากทั้งงบประมาณ ดำเนนิ งานของทางราชการและคา่ ใชจ้ า่ ยของผ้สู มคั รรบั เลือกตั้ง - ความล่าช้าในการตัดสนิ ใจ การตัดสินใจในระบอบประชาธิปไตยต้องใช้เสยี งส่วนใหญ่ โดยผ่านขั้นตอนการอภิปราย แสดงเหตุผลและมติที่มีเหตุผลเป็นที่ยอมรับของสมาชิกส่วนใหญ่จึงดำเนินตาม ขั้นตอนทำให้เกิดความล่าช้า เช่น การตรากฎหมาย ต้องดำเนินการตามลำดับขั้นตอนของวาระ อาจใช้เวลา เป็นสปั ดาหเ์ ป็นเดอื น หรอื บางฉบบั ตอ้ งใช้เวลาเป็นปี จงึ จะตราออกมาเปน็ กฎหมายได้
ที่มา : https://sites.google.com/site/krualeeymat/phaenkar-cadkar-reiyn-ru-1 การปฏิบตั ติ นเปน็ พลเมอื งดตี ามหลักประชาธิปไตย ประชาธิปไตยประสบความสำเร็จได้ประชาชนตอ้ งเป็นพลเมอื ง การปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย ไม่เพียงแต่มีกติกาหรือรัฐธรรมนูญที่กำหนดการปกครองประเทศเท่านั้น สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือคนหรือ ประชาชนที่มีความหลากหลายในการปกครองเดียวกัน จึงจำเป็นต้องมี “ความเป็นพลเมือง” ภ ายใต้หลัก เสรภี าพและหลักเสมอภาค (ปรญิ ญา เทานฤมติ รกลุ , 2555) นอกจากนี้ การปฏบิ ตั ติ นเปน็ พลเมืองดีตามหลัก ระบอบประชาธิปไตยประชาชนจะต้องมีวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตย กล่าวคือ มีความเคารพซึ่งกันและกัน มี ความเชื่อในปัญหา มีการแบ่งปัน ร่วมมือ และประสานงานกันนอกจากนี้ยังต้องปฏิบัติตนตามสถานภาพ บทบาท สทิ ธิและเสรีภาพ กระทรวงศึกษาธิการได้จัดทำยุทธศาสตร์พัฒนาการศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมือง พ.ศ. 2553- พ.ศ. 2561 กล่าวถงึ ความเป็นพลเมอื งในระบอบประชาธปิ ไตยชัน้ พื้นฐานมี 6 ประการ คอื 1.การมีอิสรภาพ (liberty) และพึ่งตนเองได้ (independent) มีอิสรภาพและพึ่งตนเองได้ ไม่อยู่ ภายใตก้ ารครอบงำของระบบอุปถัมภ์ 2. การเคารพสิทธิผู้อื่น ไม่ใช้สิทธิเสรีภาพของตนเองไปละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่นตาม รฐั ธรรมนูญมาตรา 28 “บคุ คลย่อมใช.้ .สทิ ธแิ ละเสรภี าพของตนได้เท่าทีไ่ มล่ ะเมิดสิทธเิ สรภี าพของบุคคลอื่น” 3. การเคารพความแตกตา่ ง มีทกั ษะการฟัง และยอมรับความคดิ เหน็ ท่แี ตกตา่ งจากตนเอง 4. การเคารพหลักความเสมอภาค เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น และเห็นคนเท่าเทียมกัน มองคนเป็นแนวราบ ไม่ใชแ่ นวดิ่ง 5. การเคารพกติกา เคารพกฎหมายใช้กติกาในการแก้ปัญหา ไม่ใช้กำลัง และยอมรับผลของการ ละเมิดกฎหมาย 6. การรับผดิ ชอบตอ่ สังคม ตระหนักว่าตนเองเปน็ ส่วนหน่งึ ของสังคมกระตือรือร้นท่ีจะรบั ผดิ ชอบ และ ร่วมแกไ้ ขปัญหาสังคมโดยเรมิ่ ตน้ ทตี่ นเอง
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าการปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตยสามารถแบ่งออกเป็น 4 ด้าน ได้แก่ 1) การเคารพกติกา 2) การเคารพผู้อื่น (รวมการเคารพสิทธิผู้อื่น การเคารพความเสมอภาค และการ เคารพความแตกต่างเข้าด้วยกัน) 3) ความรับผิดชอบต่อสังคม และ 4) การมีอิสรภาพและพึ่งตนเองได้ (สามารถศกึ ษารายละเอยี ดเพ่มิ เติมได้ท่ีหนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 5 หน้า 62-68) บทสรปุ สังคมไทยอาจได้รับอิทธิพลของระบบอุปถัมภ์ที่คนไทยมักจะถูกอบรมสั่งสอนให้รู้จักคุ้นเคยกับคำว่า ผู้ใหญ่กับผู้น้อย โดยผู้น้อยต้องปฏิบัติตอ่ ผู้ใหญ่ดว้ ยความเคารพ เชื่อฟังและเกรงใจ ซึ่งหากไม่ปฏบิ ตั ิตามก็อาจ ถูกตำหนิ ในขณะเดียวกนั ผู้ใหญ่ก็อาจจะถูกคาดหวังจากผู้น้อยว่า ต้องเป็นคนทีป่ ระพฤติตัวเหมาะสม ใจกว้าง และช่วยเหลือลกู น้องได้ ความสมั พนั ธ์ในลักษณะน้ีทำให้คา่ นยิ ม กตัญญูกตเวที โดยคนหนง่ึ ทำสงิ่ ใดกต็ ามให้กับ คนหนึ่ง ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์นั้นก็จะมีการตอบแทน ระบบอุปถัมภ์จึงไม่เอื้อต่อหลักประชาธิปไตยและธรร มาภิบาล โดยเฉพาะหลกั ความเท่าเทยี มและความเสมอภาค ระบบอปุ ถมั ภจ์ ะมีลักษณะของการเปน็ เจา้ นายกับ ลูกน้อง ผู้ใหญ่กับผู้นอ้ ยซ่ึงนำไปสู่การให้สทิ ธพิ ิเศษ ติดสินบนหลีกเลีย่ งกฎหมายทำให้เกดิ การคอร์รปั ชัน (บวร ศักดิ์ อุวรรณโณ, 2542) ในขณะที่ระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบการปกครองที่ส่งเสริมให้ประชาชน ตระหนักและเห็นคุณค่าของการเคารพในความคิดเห็นและสิทธิของผู้อื่นการเห็นคุณค่าของเพื่อนมนุษย์และ ปฏบิ ตั ติ ่อเขาเหล่านัน้ อย่างทัดเทยี มกันการคำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวมความกระตือรือร้นที่จะมีส่วนร่วมใน การทำกิจกรรมการเคารพกฎเกณฑ์กติกาของสังคมความกล้าแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ความอดทน อดกลั้นในความแตกต่างเสรีภาพและความรับผิดชอบความเสมอภาคที่เป็นธรรมและจิตสำนึกสาธารณะ เป็น ตน้ ทั้งนี้ระบบอุปถัมภ์และระบอบประชาธิปไตยล้วนแต่มีข้อดีและข้อจำกัดทั้งนั้น สิ่งที่สำคัญจึงอยู่ที่ตัว บุคคลที่มีคุณภาพมากน้อยเพียงใด เพราะถึงแม้ว่าระบบการปกครองจะดีเพียงใดหากคนไม่มีคุณภาพก็ยากที่ จะพฒั นาประเทศให้เจริญกา้ วหนา้ ได้ในอนาคต
คำถามท้ายบท 1. ระบบอปุ ถัมภ์ หมายถงึ 2. เสรภี าพ หมายถงึ 3. ขอ้ ดีของระบบอุปถัมภ์ หมายความว่าอยา่ งไร จงอธบิ าย 4. หลักการสำคัญของระบบประชาธิปไตย มอี ะไรบา้ ง 5. เสรภี าพ หมายถงึ 6. ขอ้ จำกดั ของระบบอปุ ถัมภ์ มีอะไรบ้าง 7. ข้อจำกดั ของระบอบประชาธิปไตย มอี ะไรบ้าง 8. ความเสมอภาคทางกฏหมาย หมายความว่าอย่างไร 9. ความเสมอภาคทางเศรษฐกิจ หมายความวา่ อยา่ งไร 10. หลักนติ ธิ รรม หมายความว่าอยา่ งไร
เอกสารอา้ งอิง เจิมศักด์ิ ปิน่ ทอง (2556).ไทยปฏริ ปู อะไร?.สืบคน้ จาก http://www.oknation.net/blog/ print.php?id=619854 สบื คน้ เมือ่ 4 เมษายน 2556 อา่ นตอ่ ไดท้ ่ี : https://www.gotoknow.org/posts/532522 ถวิลวดี บรุ กี ลุ และคณะ, (2555). ความเป็นพลเมืองในประเทศไทย. กรงุ เทพฯ : สถาบนั พระปกเกล้า, เอกสารเพ่ือเผยแพรใ่ นการประชมุ วชิ าการสถาบันพระปกเกล้า คร้งั ที่ 13 ณ ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ วันที่ 22 – 24 มีนาคม 2555. บวรศกั ด์ิ อุวรรณโณ. (2542). การสร้างธรรมาภบิ าล (Good Governance) ในสังคมไทย. กรุงเทพฯ : สำนักพมิ พ์วญิ ญูชน จำกดั . ปรญิ ญา เทวนฤมิตรกลุ , (2555). การศึกษาเพอ่ื สรา้ งพลเมอื ง. กรุงเทพฯ: อกั ษรสัมพนั ธ์ พระพรหมคณุ าภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต). (2549). ธรรมาธิปไตยไม่มา จึงหาประชาธปิ ไตยไมเ่ จอ. กรงุ เทพฯ : พิมพ์สวยจำกดั . ไม่มชี ื่อผู้แตง่ . (2556) ปญั หาโครงสร้างประเทศไทย: ระบบอุปถัมภ.์ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=art19&date=09-04- 2009&group=2&gblog=1 สืบคน้ เม่ือ 4 เมษายน 2556. ไมม่ ชี อื่ ผู้แตง่ . ระบบอุปถัมภ์.http://dc401.4shared.com/doc/HqI5aRHM/preview.html เขา้ ถงึ เม่อื วันที่ 4 เมษายน 2556. ระบบคณุ ธรรมกบั ระบบอปุ ถมั ภ.์ https://www.gotoknow.orglpostl/324159 ราชบณั ฑิตยสถาน. 2542. พจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ.2542. กรุงเทพฯ : ลิขิต ธรี เวคนิ . (2556),ระบบอปุ ถมั ภก์ บั การเมืองการบรหิ ารในสังคมไทย. http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9500000135236 สบื ค้นเม่ือ 4 เมษายน 2556. สภาการศกึ ษา, กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (2553). ยุทธศาสตร์พฒั นาการศึกษาเพือ่ สรา้ งความเปน็ พลเมอื ง พ.ศ. 2553 – 2561. ฉบบั แก้ไขตามมติท่ีประชุมคณะกรรมการนโยบายปฏริ ูป การศึกษาในทศวรรษทีส่ อง (กนป.) ครั้งท่ี 6/2553 วันศกุ รท์ ี่ 19 พฤศจิกายน 2553 เวลา 13.30 น. ณ หอ้ งประชมุ ตึกสนั ติไมตรหี ลงั นอก ทำเนยี บรฐั บาล. สามหนมุ่ . ปัญหาระบบอปุ ถัมภ์ (Spoil System) มีผลกระทบต่อการเมอื งไทย. http://www.oknation.net/blog/print.php?id=385823 สบื ค้นเมอื่ 4 เมษายน 2556. สำนกั ส่งเสรมิ การเมืองการพลเมอื ง สถาบันพระปกเกล้า 2556. หลักสตู รและคู่มอื การฝกึ อบรม การพัฒนาผนู้ ำเยาวชนสำหรับวิทยากรเผยแพรค่ วามร้กู ารเมอื งการพลเรอื นสู่เยาวชน
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. (2555). พลเมืองที่ดีในระบอบประชาธิปไตย. กรุงเทพฯ : สำนักการพิมพ์ สำนกั งานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร. อำพนั ถนอมงาม. ระบบอปุ ถมั ภ์ในสงั คมไทยhttp://amphuntha.blogspot.com/ สืบคน้ เมอื่ 4 เมษายน 2556. Aum Neko. (2556). ระบบอปุ ถมั ภ์ :ความสมั พนั ธใ์ นสายงานราชการการเมืองของคณะ รัฐศาสตร์. http://prachatai.com/journal/2012/11/43706 เข้าถงึ เมอ่ื 4 เมษายน 2556.
ผ้จู ัดทำ 1.นายณัฐวุฒิ หวังสป 6331215334201 2.นายจตุรพร สภุ าพ 6331215334202 3.นายปรเมศ พึ่งยนต์ 6331215334203 4.นายฮิโรโนบุ ใจเกษม 6331215334206 5.นายปติ ิพัฒน์ วรางค์พิวัชร6์ 331215334209 6.นาย กันตพงศ์ มว่ งงาม 6331215334211
7.นาย ชัยวฒั น์ สมพงษ์ 6331215334216 8.นาย ธนพล บญุ โญภาส 6331215334218
Search
Read the Text Version
- 1 - 21
Pages: