Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore E-book

E-book

Published by ying, 2018-11-13 15:12:29

Description: E-book

Keywords: 1234

Search

Read the Text Version

คหวนาังมสรอื เู้อบิเลอ้ื ็กงตทน้รอเทนกิคสโน์ โลยสี ารสนเทศ

คำนำ ในปัจจบุ นั ระบบสารสนเทศมคี วามสาคัญและความจาเป็นอยา่ งย่ิง ในการดาเนนิ งานของหน่วยงานตา่ ง ๆ ไม่ว่าจะเปน็ หน่วยงานรัฐบาลหรือเอกชนเทคโนโลยสี ารสนเทศเข้ามามบี ทบาททสี่ าคัญมากในทุกธุรกิจ ตง้ั แตธ่ รุ กจิ ขนาดเล็กจนไปถงึธุรกิจขนาดใหญ่ ล้วนได้มกี ารนาเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาชว่ ยในการดาเนนิ ธรุ กจิ ทง้ั สิน้ เช่น การค้าขาย การธนาคาร การขนส่ง การคมนาคม การบริการ ออฟฟิศอตั โนมตั เิ ป็นตน้ และระบบสารสนเทศมีบทบาทสาคญั ต่อมนษุ ยม์ ากขึ้นทกุ วัน นกั เรยี นนักศกึ ษาต้องใช้สารสนเทศเพอ่ื ศกึ ษาคน้ คว้ารวมถึงนักวชิ าการต้องใชส้ ารสนเทศเพ่อื พฒั นาความรู้และนวัตกรรมทมี่ ปี ระโยชน์ในอนาคต และไม่วา่ จะเปน็ บคุ ลากรหรือบคุ คลทว่ั ไปก็ตอ้ งใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกันไม่มากก็น้อย ซง่ึ ในปจั จุบันสารสนเทศมคี วามซบั ซ้อนและหลายรปู แบบเปน็ ผลมาจากการพัฒนาของเทคโนโลยีสารสนเทศท่พี ฒั นาขึ้นอย่างต่อเน่อื ง การเขา้ ถึงสารสนเทศจงึตอ้ งมคี วามรูแ้ ละทกั ษะเฉพาะดา้ นมากยิง่ ข้ึน เทคโนโลยสี ารสนเทศในหนังสือออนไลน์(e-book)ผ้จู ดั ทา จัดทาขึ้นเพื่อเป็นสว่ นหนึ่งของการศกึ ษาเรอ่ื งต่างๆของเทคโนโลยสี ารสนเทศ เชน่ นิยามเกีย่ วกับเทคโนโลยีสารสนเทศ ลักษณะสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ พฒั นาการเทคโนโลยีสารสนเทศ ประเภทเทคโนโลยีสารสนเทศ ความกา้ วหน้าเทคโนโลยีสารสนเทศ ประโยชนแ์ ละโทษของเทคโนโลยีสารสนเทศ เปน็ ต้น เพอื่ ให้นกั ศึกษาและผู้ท่ีสนใจศกึ ษาคน้ คว้ามคี วามรูแ้ ละความเข้าใจเกยี่ วกับระบบสารสนเทศมากย่งึ ขน้ึ เทคโนโลยีสารสนเทศ มีความสาคญั และจาเปน็ อย่างมากในชีวติ ประจาวันในปจั จบุ ันนี้ ผ้จู ดั จึงไดร้ วบรวมข้อมลู ตา่ งๆเก่ยี วกับเทคโนโลยีสารสนเทศจากแหล่งข้อมูลท่เี กยี่ วขอ้ งตา่ งๆของเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น อินเตอร์เน็ตเอกสาร เพือ่ หวงั วา่ เทคโนโลยีสารสนเทศในหนงั สอื ออนไลน์ (e-book) จะเปน็ แหลง่ ความรสู้ าหรับที่ผ้สู นใจไม่มากกน็ ้อย คณะผจู้ ัดทา 14 พฤศจกิ ายน 2561

ความรเู้ บอื้ งตน้ เทคโนโลยสี ารสนเทศ1.ควำมหมำยของเทคโนโลยสี ำรสนเทศ(Information Technology) ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถงึอปุ กรณห์ รือเครือ่ งมือทเ่ี กย่ี วขอ้ งกับการรวบรวมประมวล เก็บรักษา และเผยแพรข่ อ้ มูลและสารสนเทศโดยรวมทัง้ ฮารด์ แวร์ ซอฟตแ์ วร์ ฐานข้อมลู และการส่อื สาร โทรคมนาคม

ความรเู้ บอ้ื งตน้ เทคโนโลยสี ารสนเทศ 2. ควำมหมำยของขอ้ มูลและสำรสนเทศ ระบบสารสนเทศสรา้ งข้นึ มาเพอื่ จุดมงุ่ หมายหลายประการ จุดมงุ่ หมายพ้นื ฐานประการหน่ึง คือ การประมวลข้อมลู (Data) ให้ เป็นสารสนเทศ (Information) และนาไปสูค่ วามรู้ (Knowledge) ที่ช่วยแกป้ ัญหาในการดาเนินงาน3. ควำมหมำยของขอ้ มลู ขอ้ มลู คือ ขอ้ เทจ็ จริงเก่ยี วกบั เหตกุ ารณ์ หรอื ข้อมูลดบิ ทยี่ ังไมผ่ ่านการประมวลผล ยงั ไม่มีความหมายในการนาไปใชง้ าน ขอ้ มูลอาจเปน็ตวั เลข ตัวอกั ษร สัญลักษณ์ รปู ภาพ เสียง หรอื ภาพเคล่อื นไหว

ความรเู้ บอื้ งตน้ เทคโนโลยสี ารสนเทศ4. ควำมหมำยของสำรสนเทศสารสนเทศ คือ ข้อมูลท่ีไดผ้ ่านการประมวลผลหรอื จัดระบบแล้ว เพ่ือให้มคี วามหมายและคุณคา่ สาหรับผู้ใช้5. ควำมหมำยของระบบสำรสนเทศเพือ่ กำรจัดกำร(Management Information System)ระบบสารสนเทศเพ่อื การจดั การ คือ ระบบท่ีรวบรวม ประมวลเกบ็ รักษา และเผยแพร่ สารสนเทศ เพอ่ื ใช้ ในการวางแผน การพัฒนาตดั สนิ ใจ ประสานงาน และควบคุมการดา เนินงาน

6. องคป์ ระกอบระบบสำรสนเทศที่ ใชค้ อมพวิ เตอร์ระบบสารสนเทศเพือ่ การจัดการท่ีใชค้ อมพวิ เตอร์(Computer-based information systems CBIS) มีองค์ประกอบท่สี าคญั 6 สว่ น ได้แก่ ฮารด์ แวร์ (hardware) ซอฟตแ์ วร์ (software)กระบวนการ (procedure) คน (people)ฐานขอ้ มูล (database) เครือข่าย (network)

ความรเู้ บอ้ื งตน้ เทคโนโลยสี ารสนเทศ 7. ประโยชนข์ องระบบสำรสนเทศ ประสิทธิภำพ (Efficiency)ประสทิ ธิภำพ (Efficiency)1. ระบบสารสนเทศทาใหก้ ารปฏบิ ตั งิ านมคี วามรวดเรว็ มากขนึ้ โดยใชก้ ระบวนการประมวลผลข้อมูลซึ่งจะทาให้สามารถเกบ็ รวบรวม ประมวลผลและปรับปรุงข้อมลู ให้ทนั สมัยไดอ้ ยา่ งรวดเร็วระบบสารสนเทศช่วยในการจัดเกบ็ ขอ้ มลู ทม่ี ีขนาดใหญ่ หรือมปี รมิ าณมากและชว่ ยทาให้การเข้าถงึ ข้อมลู (access) เหลา่ น้ันมคี วามรวดเรว็ ดว้ ย2. ช่วยลดตน้ ทนุ การที่ระบบสารสนเทศช่วยทาใหก้ ารปฏิบตั ิงานทเ่ี ก่ียวข้องกับขอ้ มลู ซ่งึ มีปริมาณมากมีความสลบั ซับซ้อนให้ดาเนินการได้โดยเร็วหรือการช่วยให้เกดิ การตดิ ต่อสือ่ สารได้อยา่ งรวดเร็ว ทาให้เกิดการประหยดั ต้นทุนการดาเนนิ การอย่างมาก3. ชว่ ยให้การตดิ ต่อสอื่ สารเป็นไปอย่างรวดเรว็ การใช้เครอื ขา่ ยทางคอมพวิ เตอรท์ าใหม้ ีการติดต่อไดท้ ั่วโลกภายในเวลาที่รวดเรว็ ไม่ว่าจะเปน็ การติดตอ่ ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอรก์ ับเครื่องคอมพวิ เตอรด์ ว้ ยกัน (machine to machine) หรอื คนกับคน(human to human) หรอื คนกับเครื่องคอมพิวเตอร์ (human to machine) และการตดิ ตอ่ สื่อสารดังกลา่ วจะทาใหข้ ้อมูลท่ีเป็นท้งั ข้อความ เสียง ภาพนง่ิ และภาพเคล่ือนไหวสามารถส่งไดท้ นั ที

ความรเู้ บอ้ื งตน้ เทคโนโลยสี ารสนเทศประสิทธิผล (Effectiveness)1. ระบบสารสนเทศช่วยในการตัดสนิ ใจ ระบบสารสนเทศทอ่ี อกแบบสาหรับผ้บู ริหาร เชน่ ระบบสารสนเทศทชี่ ่วยในการสนบั สนนุ การตัดสนิ ใจ (Decisionsupport systems) หรือระบบสารสนเทศสาหรับผ้บู ริหาร (Executivesupport systems) จะเออ้ื อานวยใหผ้ ้บู ริหารมีข้อมลู ในการประกอบการตัดสนิ ใจไดด้ ขี ึ้น อันจะสง่ ผลใหก้ ารดาเนินงานสามารถบรรลวุ ตั ถุประสงค์ไวไ้ ด้2. ระบบสารสนเทศช่วยในการเลอื กผลติ สนิ คา้ /บรกิ ารท่ีเหมาะสมระบบสารสนเทศจะชว่ ยทาให้องค์การทราบถงึ ขอ้ มูลท่เี กีย่ วข้องกับตน้ ทุน ราคาในตลาดรปู แบบของสนิ คา้ /บรกิ ารทมี่ อี ยู่ หรือช่วยทาใหห้ น่วยงานสามารถเลือกผลิตสนิ ค้า/บรกิ ารทมี่ คี วามเหมาะสมกับความเช่ียวชาญ หรือทรัพยากรท่ีมีอยู่3. ระบบสารสนเทศชว่ ยปรับปรุงคุณภาพของสินค้า/บริการให้ดีขึ้นระบบสารสนเทศทาใหก้ ารติดต่อระหวา่ งหนว่ ยงานและลกู ค้า สามารถทาไดโ้ ดยถูกตอ้ งและรวดเร็วข้นึ ดังนั้นจึงช่วยให้หนว่ ยงานสามารถปรบั ปรุงคณุ ภาพของสินค้า/บรกิ ารใหต้ รงกับความตอ้ งการของลกู ค้าไดด้ ขี นึ้ และรวดเรว็ ข้นึ ดว้ ย4. ความได้เปรยี บในการแข่งขัน (Competitive Advantage)5. คุณภาพชวี ิตการทางาน (Quality o f Working Life)

คุณสมบตั ขิ อง คอมพวิ เตอร์ เคร่อื งคอมพวิ เตอรถ์ ูกสรา้ งขน้ึ มาเพ่ือใหม้ จี ดุ เดน่ 4 ประการ เพอื่ ทดแทน ขอ้ จากัดของมนษุ ย์ เรยี กวา่ 4 S special ดังน้ี1. หน่วยเกบ็ (Storage) หมายถงึ ความสามารถในการเก็บข้อมูลจานวน มากและเปน็ เวลานานนบั เป็น จุดเด่นทางโครงสรา้ งและเป็นหัวใจของการทางานแบบ อตั โนมัติของเคร่อื งคอมพิวเตอร์ ทงั้เปน็ ตัวบง่ ช้ีประสทิ ธิภาพของคอมพวิ เตอร์แต่ละเคร่อื ง ด้วย 2. ความเร็ว (Speed) หมายถงึ ความสามารถ ในการประมวลผลข้อมลู (Processing Speed) โดยใช้เวลาน้อย เป็นจดุ เดน่ ทาง โครงสร้างทผ่ี ้ใู ช้ทว่ั ไปมีสว่ น เกี่ยวข้องน้อยท่ีสดุ เป็นตวั บง่ ชปี ้ ระสิทธิภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์ ท่สี าคญั สว่ นหนงึ่ เชน่ กนั

3. ความเป็นอัตโนมตั ิ (Self Acting) หมายถงึความสามารถในการประมวลผลขอ้ มลู ตามลาดับข้นั ตอนได้อย่างถกู ตอ้ งและต่อเน่อื งอย่างอัตโนมตั ิโดยมนุษยม์ ีส่วนเก่ียวขอ้ งเฉพาะในขนั้ ตอนการกาหนด4. ความนา่ เชอื่ ถอื (Sure) หมายถงึ ความสามารถในการประมวลผลให้เกิดผลลพั ธท์ ่ีถูกต้อง ความนา่ เช่อื ถือนับเป็นสิ่งสาคญั ทส่ี ดุ ในการทางานของเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ ความสามารถนเ้ี กี่ยวข้องกบั โปรแกรมคาสัง่ และข้อมูลทม่ี นษุ ยก์ าหนดใหก้ บัเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์โดยตรง กล่าวคือหากมนุษยป์ อ้ นขอ้ มูลทไี่ ม่ถูกต้องใหก้ ับเครือ่ งคอมพวิ เตอร์ก็ย่อมได้ผลลพั ธท์ ีไ่ ม่ถูกต้องด้วยเชน่ กัน

ววิ ฒั นำกำร ของ คอมพวิ เตอร์1. จุดกำเนิดของคอมพิวเตอร์ ตน้ กาเนิดของคอมพวิ เตอรอ์ าจกล่าวไดว้ ่ามาจากแนวความคดิ ของระบบตัวเลขซงึ่ ได้พัฒนาเป็นวิธกี ารคานวณต่าง ๆ รวมท้งั อุปกรณ์ทชี่ ่วยในการคานวณอย่างง่าย ๆคอื \" กระดานคานวณ\" และ \"ลูกคดิ \" ในศตวรรษที่ 17 เคร่อื งคาแบบใช้เฟื่องเครือ่ งแรกได้กาเนดิ ขึน้ จากนกั คณติ ศาสตร์ชาวฝรง่ั เศส คอื Blaise Pascal โดยเคร่อื งของเขาสามารถคานวณการบวกการลบได้อย่างเท่ียงตรง และในศตวรรษเดียวกนั นกั คณิตศาสตรช์ าวเยอรมนั คือ GottriedWilhelm von Leibniz ได้สร้างเครือ่ งคดิ เลขเคร่อื งแรกที่สามารถคณู และหารได้ดว้ ย ในต้นศตวรรษท่ี 19 ชาวฝรั่งเศส ชอื่ Joseph Marie Jacquard ได้พฒั นาเครอ่ื งทอผา้ ท่ีสามารถโปแกรมได้ โดยเคร่ืองทอผา้ นใี้ ชบ้ ตั รขนาดใหญ่ ซ่ึงไดเ้ จาะรไู้ ว้เพอ่ืควบคุมรปู แบบของลายที่จะปัก บตั รเจาะรู(punched card) ที่ Jacquard ใช้น้ีได้ถูกพัฒนาตอ่ ๆมาโดยผอู้ ่ืน เพอื่ ใชเ้ ปน็ อุปกรณป์ อ้ นข้อมลู และโปรแกรมเขา้ เครือ่ งคอมพิวเตอรใ์ นยุคแรกๆ

ต่อมาในศตวรรษเดยี วกัน ชาวองั กฤษชื่อ Charles Babbage ได้ทาการสร้างเคร่อื งสาหรบั แก้สมการโดยใช้พลังงานไอน้า เรียกว่า difference engine และถัดจากนัน้ ได้เสนอทฤษฎีเก่ียวกบั คอมพวิ เตอรส์ มัยใหม่ เมื่อเขาได้ทาการออกแบบเครื่องจกั รสาหรับทาการวเิ คราะห์ (analytical engine) โดยใช้พลังงานจากไอน้า ซง่ึไดม้ ีการออกแบบใหใ้ ช้บตั รเจาะรูของ Jacquard ในการปอ้ นขอ้ มลู ทาให้อุปกรณ์ชนิ้นมี้ หี นว่ ยรบั ข้อมลู หนว่ ยประมวลผล หนว่ ยแสดงผล และหน่วยเก็บข้อมูลสารองครบตามรูปแบบของคอมพิวเตอรส์ มยั ใหม่ แตโ่ ชคไมด่ ที ่ีแมว้ า่ แนวความคิดของเขวจะถูกต้อง แตเ่ ทคโนโลยีในขณะนนั้ ไม่เอ้อื อานวยตอ่ การสร้างเคร่ืองทส่ี ามารถทางานได้จรงิ อย่างไรกด็ ี Charles Babbage ก็ได้รับการยกย่องว่าเปน็ บดิ าของคอมพวิ เตอรค์ นแรก และผ้รู ว่ มงานของเขาคอื Augusta Ada Byron ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นนกั เขยี นโปรแกรมคนแรกของโลก เคร่ือง Difference Engine ของ Charles Babbage

จากนัน้ ประมาณปี ค.ศ. 1886 Dr.Herman Hollerith ไดพ้ ัฒนาเครอื่ งจดั เรียงบัตรเจาะรูแบบ electromechanical ขน้ึ ซึ่งทางานโดยใชพ้ ลังงานไฟฟา้ และสามารถทาการ จัดเรียง (sort) และ คดั เลอื ก (select) ข้อมูลได้ ตอ่ มาในปี ค.ศ.1896 Hollerith ได้ทาการก่อต้ังบริษัทสาหรับเคร่อื งจกั รในการจัดเรียงชือ่Tabulating Machine Company และในปี ค.ศ.1911 Hollerith ได้ขยายกิจการโดยเข้าหุ้นกับบริษทั อืน่ อกี 2 บรษิ ัทจดั ต้งั เปน็ บรษิ ทั Computing -Tabulating-Recording-Company ซ่ึงประสบความสาเรจ็ เป็นอยา่ งมาก และในปี ค.ศ. 1924 ได้เปลี่ยนช่ือเป็น International Business Corporation หรือทร่ี ู้จักกันตอ่ มาในชือ่ ของบรษิ ัท IBM น่ันเอง เครอ่ื งจดั เรียงบัตรเจาะรูของ Dr. Her Hollerith

ในปี ค.ศ.1939 Dr. Howard H. Aiken จาก Harvard University ได้รว่ มมอื กับบริษัท IBM ออกแบบคอมพวิ เตอร์โดยใชท้ ฤษฎีของ Babbage และในปี ค.ศ.1944Harvard mark I ก็ไดถ้ อื กาเนิดขึ้นเปน็ คอมพวิ เตอร์เครอื่ งแรก ซึง่ มขี นาดยาว 5 ฟุตใช้พลงั งานไฟฟ้าและใช้ relay แทนเฟือง แตย่ ังทางานได้ชา้ คือใช้เวลาประมาณ 3-5วนิ าทีสาหรับการคณู การพฒั นาทส่ี าคญั กับ Mark I ไดเ้ กดิ ขน้ึ ปี 1946 ดดย Jonh Preper Eckert, Jr.และ Dr. Jonh W.Msuchly จาก University of Pennsylvnia ได้ออกแบบสร้างเครื่อง ENIAC ( Electronic Numeric Integator and Calcuator ) ซึง่ ทางานได้เร็วอยใู่ นหน่วยของหนงึ่ สว่ นลา้ นวนิ าที ในขณะที่ Mark I ทางานอยใู่ นหนว่ ยของหนงึ่ ส่วนพันล้านเท่า โดยหัวใจของความสาเรจ็ น้ีอยู่ที่การใชห้ ลอดสูญญากาศมาแทนที่ relayนนั่ เอง และถดจากนั้น Mauchly และ Eckert กท็ าการสร้าง UNIVAC ซึง่ เป็นคอมพิวเตอร์อเิ ล็กทรอนกิ ส์เพอ่ื การค้าเครอ่ื งแรกของโลก เครอื่ ง ENIAC สูง 10 ฟุต กว้าง 10 ฟตุ และยาว 10 ฟตุ

การพฒั นาทส่ี าคัญได้เกดิ ขนึ้ มาอีก เมื่อ Jonh von Neumann ซงึ่ เปน็ ทีป่ รึกษาของโครงการ ENIAC ได้เสนอแผนสาหรบั คอมพิวเตอร์เครอ่ื งแรกทจ่ี ะทาการเก็บโปรแกรมไวใ้ นหนว่ ยโปรแกรมไวใ้ นหน่วยความจาท่ีเหมือนกับทีเ่ กบ็ ข้อมลู ซึ่งพัฒนาการนีท้ าให้สามารถเปล่ยี นวงจรของคอมพวิ เตอร์ได้โดยอัตโนมตั แิ ทนท่ีจะตอ้ งทาการเปล่ียนสวทิ ต์ด้วยมอื เหมอื นชว่ งก่อน นอกจากน้ี Dr. Von neumann ยังได้นาระบบเลขฐานสองมาใช้ในคอมพวิ เตอร์ซ่ึงหลกั การตา่ งๆเหล่านีไ้ ดท้ าใหเ้ คร่ือง IAS ท่ีสรา้ งโดย Dr. von Neumann เป็นเครือ่ งคอมพวิ เตอรเ์ อนกประสงคเ์ ครอ่ื งแรกของโลก เป็นการเปดิ ศกั ราชของคอมพิวเตอร์อยา่ งแทจ้ ริงและยงั ไดเ้ ปน็ บิดาคอมพวิ เตอร์คนท่ี 2

ยคุ ของ เทคโนโลยีคอมพวิ เตอรม์ ีการพฒั นาอย่างตอ่ เนอ่ื งคอมพวิ เตอร์ สามารถแบ่งออกได้โดยแบ่งส่วนประกอบของฮารด์ แวร์ (Hardward ) เปน็ 4 ยคุ ด้วยกนัยคุ ที่ 1 (1951-1958)ก่อนหนา้ ปี 1951 เคร่ืองคอมพวิ เตอร์จะมใี ชเ้ ฉพาะนกั วทิ ยาศาสตร์ วศิ วกร และทหารเทา่ นั้น จนกระทัง่ ผู้สร้าง ENIAC คือ Mauchly และ Eckert ได้จดั ตงั้ บรษิ ัทเพอ่ื ทาตลาดเชิงพาณชิ ยข์ องเครื่องร่นุ ถดั มาของพวกเขา คอื เคร่ือง UNIVAC ซึง่ คอมพิวเตอร์ในยคุ นจ้ี ะมีหลอดสูญญากาศ และ ดรมั แม่เหลก็ (magnetic drum) เปน็ ส่วนประกอบสาคญั แต่หลอดสุญญากาศจะมีไม่น่าเชือ่ ถอื สูง เป็นเหตใุ ห้ต้องใชค้ วามพยายามอย่างมากในการทาใหเ้ ครอ่ื งในยุคนั้นสามารถทางานได้ ส่วนดรมั แมเ่ หลก็ ถกู ใชเ้ ปน็ หน่วยความจาหลัก (primarymemory) บนเคร่ืองคอมพิวเตอรส์ ว่ นมากในยุคแรกนี้ ส่วนหนว่ ยบันทึกขอ้ มูลสารอง(secondary storage) ซงึ่ ใชเ้ ก็บทั้งขอ้ มลู และคาสั่งโปรแกรมในยคุ น้จี ะอย่ใู นบตั รเจารู จนปลายยคุ นีเ้ ทปแม่เหลก็ จงึ ไดถ้ ูกนามาใช้เปน็ หนว่ ยบันทึกขอ้ มลู สารองภาษาคอมพิวเตอรใ์ นยคุ นจี้ ะอยู่ในรปู ของภาษาเคร่อื ง ซงึ่ เปน็ ตวั เลขฐาน 2 ท้ังสนิ้ ทาใหผ้ ู้ทีจ่ ะสามารถโปรแกรมใหเ้ ครือ่ งทางานได้ ต้องเปน็ ผูเ้ ชยี่ วชาญเทา่ น้นั เครอื่ ง UNIVAC

ยคุ ที่ 2 (1959-1964) การพัฒนาที่สาคัญท่สี ุดทแี่ บง่ แยกยคุ นอ้ี อกจากยคุ แรก คอื การแทนทีห่ ลอดสูญญากาศดว้ ยทรานซสิ เตอร์ (Transistor) หน่วยความจาพ้ืนฐานก็ไดม้ ีการพฒั นามาเป็น magnetic core รวมทง้ั มีการใช้ magnetic disk ซึ่งเปน็ หนว่ ยบนั ทึกขอ้ มูลสารองทมี่ คี วามเรว็ สูงขนึ้ นอกจากน้ี สว่ นประกอบท่ีคอมพวิ เตอรไ์ ด้ถกู รวบรวมเขา้ ไว้ใน แผน่ วงจรพิมพ์ลาย (printed circuit boards) ซึ่งงา่ ยตอ่ การเปล่ียนและมีการสร้างโปรแกรมวิเคราะห์เพอื่ หาสว่ นผิดพลาดได้อยา่ งรวดเร็ว ภาษาโปรแกรมระดับสงู เชน่ FORTRAN และ COBOL ไดถ้ ูกใชใ้ นการโปรแกรมสาหรบั ยคุ นี้ โปรแกรมเมอร์สามารถใช้งานภาษาเหลา่ นี้ไดส้ ะดวกกว่าคอมพวิ เตอรใ์ นยุคท่ี 1 เนื่องจากมีไวยากรณท์ ี่คล้ายคลึงกับภาษาองั กฤษ อย่างไรก็ดี เนื่องจากคอมพวิ เตอรส์ ามารถทางานไดแ้ ตเ่ ฉพาะกับภาษาเครือ่ ง ทาใหต้ ้องใชโ้ ปรแกรมตวั อนื่คอื compiler และ interpreter ในการแปลงภาษาระดบั สูงให้เป็นภาษาเครอื่ ง ในยคุ ท่ี 2 เริม่ มกี ารติดตอ่ สื่อสารระหวา่ งคอมพวิ เตอร์ 2 เครอื่ งที่อยูห่ า่ งกนั โดยผ่านสายโทรศพั ท์ ถงึ แมว้ ่าจะตดิ สอ่ื สารกนั ได้ชา้ มากก็ตาม ปญั หาในยุคนคี้ ืออุปกรณ์รับขอ้ มลู และอปุ กรณแ์ สดงผลทางานไดช้ ้ามาก ทาให้คอมพวิ เตอรต์ ้องรอการรับข้อมลูหรือการแสดงผลบ่อย ๆ ซ่ึง Dr.Daniel Slotnick ได้ทาการพฒั นาเพม่ิ เตมิ โดยใช้หลักการของการประมวลผลแบบขนานกัน นอกจากนั้นยังมกี ลุ่มคณาจารย์และนกัเรียกจาก Massachusetts Instiute of Technoligy พัฒนาระบบ มลั ตโิ ปรแกรมมิ่ง(multiprogramming) ซึ่งเปน็ การจัดสรรให้คอมพวิ เตอรท์ างานหลายโปรแกรมพรอ้ มๆ กนได้ ทาใหไ้ มต่ ้องเสยี เวลารอหนว่ ยรบั ขอ้ มลู และหนว่ ยแสดงผลอกี ตอ่ ไป

ยุคท่ี 3 (1965-1971) ในยคุ ที่ 3 เป็นยุคของอตุ สาหกรรมคอมพวิ เตอร์ท่ีมีการเตบิ โตมาก ไดม้ กี ารนาแผงวงจรรวม (IC หรือ integrated circuits) ซง่ึ ประกอบดว้ ยทรานซสิ เตอรแ์ ละวงจรไฟฟ้าที่รวมอยู่บนแผน่ ซลิ กิ อนเล็ก ๆ มาแทนการประกอบแผ่นวงจรพมิ พ์ลายทาใหเ้ วลาการทางานขิงคอมพิวเตอรล์ ดลงอยใู่ นหนว่ ยหนงึ่ สว่ นพนั ล้านวนิ าทีนอกจากน้ี มินคิ อมพิวเตอร์ไดถ้ ือกาเนดิ ขึ้นในปี ค.ศ.1965 คอื เครอ่ื ง PDP-8 ของDigital Equipment Corportion (DEC) ซง่ึ ต่อมากม็ ีการใชม้ นิ ิคอมพวิ เตอร์ท่ีสามารถตดิ ตอ่ กบั คอมพวิ เตอร์กนั อย่างแพร่หลาย รวมทง้ั มกี ารใชง้ าน เทอรม์ ินัล(terminal) ซงึ่ เป็นจอคอมพวิ เตอร์ผา่ นทาง คีย์บอร์ด (keyboard) ทาให้การป้อนขอ้ มลู และพัฒนาโปรแกรมกระทาไดส้ ะดวกขึ้น แผงวงจรรวมเปรยี บเทยี บกนั ทรานซสิ เตอรแ์ ละหลอดสูญญากาศ

ยคุ ท่ี 4 (1971-ปัจจบุ นั ) ในยคุ ท่ี 4 เทคโนโลยแี ผงวงจรรวมได้พฒั นาข้ึนเปน็ แผงวงจรรวมขนาดใหญ่ (LSI หรือ large-scale integartion) และจากนัน้ ก็มีการพัฒนาตา่ งเป็น แผงวงจรขนาดใหญ่มาก (Very Large-Scale integartion - VLSI) ซง่ึ ทาใหเ้ กิด microprocessor ตัวโลกของโลก คอื Intel 4004 จากบรษิ ัท Intel ซึ่งเปน็ การใช้แผน่ ชิฟเพียงแผ่นเดยี วสาหรับเกบ็ หนว่ ยควบคุม (control unit) และคานวณเลขตรรกะ (arithmetic-logic unit) ของคอมพิวเตอร์ทง้ั หมดเทคนิคในการย่อทรานซสี เตอร์ให้อยู่กันอยา่ งหนาแน่นบนแผน่ ซลิ กิ อนนี้ ไดร้ บั การพัฒนาอยา่ งตอ่ เนอ่ื งจากปจั จุบนัสามารถเกบ็ ทรานซสิ เตอร์นบั ลา้ นตวั ไว้ในชปิ เพียงหนง่ึ แผน่ ในส่วนของหน่วยบนั ทึกขอ้ มูลสารอง(secondary storage) ก็ได้เพ่ิมความจขุ น้ึ อยา่ งมากจนสามารถเกบ็ ขอ้ มลู นบั พันล้านตวั อกั ษรได้ในแผน่ ดิสกข์ นาด 3 น้วิ เนอื่ งจากการเพ่ิมความจขุ องหนว่ ยบันทึกข้อมูลสารองน่ีเอง ซอฟต์แวร์ชนิดใหมไ่ ดพ้ ัฒนาขึ้นเพอ่ื ให้สามารถเก็บรวมรวบและบนั ทึกแกไ้ ขขอ้ มลู จานวณมหาศาลท่ถี กู จดั เกบ็ ไว้ น่นั คอืซอฟร์แวร์ ฐานขอ้ มูล (Data base ) นอกจากนี้ ยังมีการถอื กาเนดิ ขน้ึ ของเคร่อื งคอมพวิ เตอรส์ ว่ นบคุ คลในปี 1975 คือเครื่อง Altair ซงึ่ ใชช้ ิป intel 8080 และถดั จากนน้ั ก็เป็นยุคของเคร่อื ง และตามลาดบั ในส่วนของซอฟต์แวรก์ ไ็ ด้มกี ารพฒั นาให้เป็นมิตรกบั ผูใ้ ช้ มขี นาดใหญแ่ ละซบั ซอ้ นมากขน้ึ เร่อื ย ๆ รวมท้ังมีการนาเทคนิคตา่ ง ๆ เชน่ OOP (Object-Oriented Programming) และVisual Programming มาเป็นเครอื่ งมือชว่ ยในการพฒั นา การพฒั นาท่สี าคัญอน่ื ๆในยคุ ที่ 4 คอื การพฒั นาเครอื่ งขา่ ยคอมพิวเตอรค์ วามเร็วสูง ทาให้คอมพวิ เตอร์สามารถเชอ่ื มโยงและแลกเปลยี่ นกนั ได้ โดยการใชง้ านภายในองค์กรนัน้ ระบบเครือข่ายทอ้ งถนิ่ (Local Area Networks) ซ่ึงนิยมเรียกวา่ แลน (LANs) จะมบี ทบาทในการเช่ืองโยงเคร่อื งนับร้อยเข้าดว้ ยกนั ในพืน้ ที่ไทห่ ่าวกนั นกั ส่วนระบบเครอื่ งข่ายระยะไกล ( Wide AreaNetworks ) หรือ แวน (WANs) จะทาหนา้ ท่เี ช่ือมโยงเครือ่ งคอมพวิ เตอรท์ ่ีอยู่ห่างไกลคนละซีกโลกเขา้ ดว้ ยกนั

กำรประยุกตใ์ ช้งำนประยุกต์ใช้ในงำนดำ้ นกำรศึกษำ เทคโนโลยีสารสนเทศที่นามาใช้สาหรับการเรยี นการสอน เปน็ การใชเ้ ทคโนโลยีสมยั ใหม่หลายอยา่ ง สอนด้วยสอื่ อปุ กรณท์ ที่ ันสมยั หอ้ งเรียนสมัยใหม่ มีอปุ กรณว์ ิดโี อโปรเจคเตอร์ (Video Projector)มีเคร่อื งคอมพวิ เตอร์ มรี ะบบการอ่านข้อมูลอิเล็กทรอนิกสแ์ บบต่าง ๆ รปู แบบของสอ่ื ทีน่ ามาใช้ในดา้ นการเรยี นการสอน ก็มีหลากหลาย ข้นึ อยูก่ บั ความเหมาะสมในการนามาใช้ เชน่ คอมพิวเตอรช์ ่วยสอนอิเล็กทรอนิกส์บุควดิ ีโอเทเลคอนเฟอเรนซ์ ระบบวิดีโอออนดีมานด์ การสบื ค้นข้อมลูในคอมพวิ เตอร์ และระบบอินเทอรเ์ น็ต เป็นตน้

คอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน เปน็ การนาเอาเทคโนโลยี รวมกบั การออกแบบโปรแกรมการสอน มาใช้ช่วยสอน ซึง่ เรียกกนั โดยทั่วไปวา่บทเรียน CAI ( Computer - Assisted Instruction ) การจดั โปรแกรมการสอน โดยใชค้ อมพิวเตอร์ช่วยสอน ในปัจจุบันมกั อยใู่ นรูปของส่ือประสม (Multimedia) ซ่ึงหมายถึงนาเสนอได้ท้ังภาพ ขอ้ ความ เสยี งภาพเคลอื่ นไหวฯลฯ โปรแกรมช่วยสอนนเ้ี หมาะกบั การศกึ ษาดว้ ยตนเองและเปิดโอกาสให้ผู้เรยี นสามารถโตต้ อบ กับบทเรยี นได้ตลอด จนมผี ลปอ้ นกลบั เพ่อื ใหผ้ ูเ้ รียนรู้ บทเรยี นได้อยา่ งถกู ต้อง และเขา้ ใจในเนอื้ หาวิชาของบทเรยี นนัน้ ๆ

กำรเรยี นกำรสอนโดยใช้เว็บเปน็ หลกั เป็นการจดั การเรียน ทม่ี ีสภาพการเรียนต่างไปจากรูปแบบเดิม การเรียนการสอนแบบน้ี อาศัยศกั ยภาพและความสามารถของเครือข่ายอนิ เทอรเ์ นต็ ซ่งึ เป็นการนาเอาส่ือการเรียนการสอน ทีเ่ ปน็ เทคโนโลยี มาช่วยสนบั สนุนการเรียนการสอนใหเ้ กิดการเรยี นรู้ การสืบค้นข้อมลู และเช่ือมโยงเครือขา่ ย ทาให้ผเู้ รยี นสามารถเรยี นได้ทกุ สถานทแ่ี ละทุกเวลา การจดั การเรยี นการสอนลกั ษณะนี้ มชี ่อื เรยี กหลายชอ่ื ได้แก่ การเรียนการสอนผา่ นเว็บ (Web-basedInstruction) การฝกึ อบรมผา่ นเวบ็ (Web-based Trainning) การเรยี นการสอนผ่านเวลิ ์ดไวด์เว็บ (www-based Instruction) การสอนผา่ นสอ่ืทางอิเลก็ ทรอนิกส์ (e-learning) เปน็ ตน้

อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์บคุ๊ คอื การเก็บขอ้ มูลจานวนมากดว้ ยซดี รี อม หนึ่งแผ่นสามารถเกบ็ ข้อมูลตวั อักษรได้มากถึง 600 ล้านตวั อักษร ดังนั้นซดี รี อมหนึง่ แผน่ สามารถเก็บข้อมูลหนังสอื หรอื เอกสารได้มากกว่าหนงั สอื หนึง่ เลม่ และที่สาคญั คอื การใช้กับคอมพิวเตอร์ ทาให้สามารถเรียกค้นหาข้อมูลภายในซดี รี อม ไดอ้ ย่างรวดเรว็ โดยใชด้ ชั นี สบื ค้นหรอืสารบัญเรอื่ ง ซีดรี อมจึงเป็นส่อื ทีม่ บี ทบาทต่อการศกึ ษาอย่างยง่ิ เพราะในอนาคตหนงั สือตา่ ง ๆ จะจดั เก็บอยูใ่ นรูปซดี ีรอม และเรียกอ่านด้วยเคร่อื งคอมพิวเตอร์ ทเ่ี รยี กวา่ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์บุค ซีดรี อมมขี อ้ ดีคอื สามารถจัดเกบ็ขอ้ มลู ในรปู ของมลั ตมิ เี ดยี และเมือ่ นาซดี รี อมหลายแผน่ ใส่ไวใ้ นเครอ่ื งอา่ นชุดเดยี วกนั ทาใหซ้ ดี ีรอมสามารถขยายการเกบ็ ข้อมูลจานวนมากย่งิ ขึน้ ได้

กำรสืบคน้ ขอ้ มลู (Search Engine) ปัจจบุ ันไดม้ ีการกลา่ วถงึ ระบบการสืบคน้ ข้อมูลกันมาก แม้แต่ในเครอื ข่ายอนิ เทอร์เน็ต กม็ ีการประยกุ ตใ์ ชไ้ ฮเปอรเ์ ทก็ ซใ์ นการสืบคน้ ข้อมลู จนมโี ปรโตคอลชนดิ พเิ ศษที่ใช้กัน คอื World Wide Web หรอื เรียกวา่ www. โดยผ้ใู ช้สามารถเรยี กใช้โปรโตคอล http เพอ่ื เชื่อมโยงเขา้ สูร่ ะบบไฮเปอร์เทก็ ซ์ ซึง่ เป็นฐานข้อมูลในอินเทอร์เนต็ ไฮเปอรเ์ ท็กซม์ ลี กั ษณะเป็นแบบมัลติมีเดียเพราะสามารถสร้างเปน็ ฐานขอ้ มลู ขนาดใหญ่ ทเ่ี กบ็ ได้ทง้ั ภาพ เสียง และตัวอกั ษร มีระบบการเรยี กค้นท่ีมีประสิทธภิ าพ โดยใช้โครงสร้างดชั นีแบบลาดบั ชัน้ ภมู ิ โดยทัว่ ไป ไฮเปอร์เทก็ ซ์จะเป็นฐานขอ้ มลู ทีม่ ดี ัชนีสืบคน้ แบบเดินหนา้ ถอยหลงั และบนั ทกึ ร่องรอยของการสืบค้นไว้ โปรแกรมท่ีใช้ในการสร้างไฮเปอรเ์ ท็กซ์มเี ป็นจานวนมาก สว่ นโปรแกรมทม่ี ีชอื่ เสียงได้แก่HTML Compossor FrontPage Macromedia Dreamweaver เปน็ต้น ปัจจบุ ันเราใชว้ ธิ กี ารสืบค้นขอ้ มลู

ประยุกตใ์ ช้ในงำนดำ้ นวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี กลมุ่ นักวทิ ยาสตร์ วิศวกรทต่ี อ้ งการศกึ ษาพฤตกิ รรมบางอยา่ งของสิง่ มชี วี ิต รวมถึงส่งิ แวดล้อมต่างๆ เชน่ ศึกษาการกระจายถิน่ ที่อยู่ของนก การกระจายของแบคทีเรยีการสร้างอาณาจักรของมด ผง้ึ ชีวติ ความเปน็ อย่ขู องสัตว์ปา่ ตา่ ง ๆ การพงึ่ พาอาศัยซึง่กันและกนั ตลอดจนระบบนิเวศวิทยา ความสนใจในการจาลองความเป็นอยูข่ องสง่ิ มีชวี ติ ได้มมี านานแลว้ เร่มิ ตง้ั แต่ครง้ั จอหน์ พอยเมน ผูเ้ ป็นนักคณติ ศาสตร์ เสนอแนวคิดการทาให้เครื่องจกั รทางานโดยอตั โนมตั ิภายใต้โปรแกรม ซ่ึงเปน็ รากฐานของเครื่องคอมพวิ เตอร์จนถึงปจั จบุ ันเกมแห่งชีวติ จงึ เกดิ ขนึ้ ประยุกต์ใช้ในงานดา้ นการสื่อสารและโทรคมนาคม เทคโนโลยขี องการส่อื สารและโทรคมนาคมในปัจจุบนั ก้าวไกลไปมาก มีบริการมากมายที่ทนั สมยั และตอบรบั กับการนามาประยุกตใ์ ช้ในการดาเนินธุรกจิตัวอยา่ งการใช้โทรศพั ท์ในปัจจบุ นั นก้ี ็มไิ ดมไี วเ้ พยี งสาหรบั คยุ สนทนาเพียงอยา่ งเดียวอกี ตอ่ ไป แตม่ นั สามารถช่วยงานได้มากขน้ึ โดยอา้ งอิงข้อมูลและการเปิดให้บรกิ ารของบริษทั มตี ดิ ต่อสอื่ สารผา่ นดาวเทยี มทงั้ ภาพและเสียง มโี ทรศัพท์มอื ถอื รุ่นต่าง ๆออกมามากมาย พัฒนาท้งั หนว่ ยงานของภาครัฐและเอกชน เชน่ เทเลคอม เอเชีย คอร์ปอรเ์ รชัน่ จากดั (มหาชน) ซ่งึ เปน็ ผ้วู างแผนการกอ่ สร้าง และตดิ ตัง้ ขยายบริการโทรศพั ทพ์ ื้นฐาน 2.6 ล้านเลขหมาย ครอบคลมุ พน้ื ทใ่ี นเขตกรุงเทพและปริมณฑลรวมถงึ การซ่อมบารงุ รักษาเป็นระยะเวลา 25 ปี และเปน็ หน่งึ ในผใู้ ห้บรกิ ารในปัจจุบัน

กำรประยกุ ตใ์ ช้งำนอนิ เทอร์เนต็ เม่ือเครือขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ เชื่อมโยงเครอื ข่ายท่วั โลกใหส้ ามารถติดตอ่ถงึ กนั ได้หมดจนกลายเปน็ เครือข่ายของโลก ดังน้ันจงึ มผี ้ใู ชง้ านบนเครอื ข่ายนจ้ี านวนมาก การใชง้ านเหล่าน้ีเปน็ สิ่งทกี่ าลังได้รับการกลา่ วถึงกนั ทวั่ ไป เพราะการเชื่อมโยงเครือขา่ ยอินเทอร์เนต็ ทาใหโ้ ลกไรพ้ รมแดนขอ้ มลู ข่าวสารต่างๆ สามารถสื่อสารถึงกนั ไดอ้ ย่างรวดเร็ว ตัวอย่างการใช้งานบนอนิ เทอรเ์ น็ตท่ีจะกล่าวต่อไปนเ้ี ปน็ เพยี งตัวอยา่ งที่แพร่หลายและใหก้ นั มากเท่าน้ัน ยังมกี ารประยกุ ต์งานอน่ื ที่ไดร้ บั การพัฒนาขึน้ มาใหม่ตลอดเวลา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook