คำอธบิ ำยรำยวชิ ำพน้ื ฐำน กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รำยวชิ ำ วิทยาการคานวณ ระดับชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 ภำคเรยี นท่ี 2 ปกี ำรศกึ ษำ 2563 เวลำ 20 ชัว่ โมง หนว่ ยกติ 0.5 หนว่ ยกิต ศกึ ษาหลักการของแนวคิดเชงิ คานวณ การแยกสว่ นประกอบและการย่อยปัญหา การหารูปแบบการ คดิ เชิงนามธรรม ตัวอย่างและประโยชนข์ องแนวคิดเชิงคานวณเพ่ือแก้ปัญหาในชวี ิตประจาวนั ประยุกตใ์ ช้ แนวคดิ เชิงคานวณในการออกแบบขั้นตอนวธิ สี าหรบั แกป้ ัญหา การแก้ปัญหาดว้ ยคอมพวิ เตอร์ การระบุข้อมลู เข้า ขอ้ มลู ออก และเง่ือนไขของปญั หา การออกแบบข้ันตอนวธิ ี การทาซา้ การจดั เรียงและค้นหาข้อมูล ตัวอยา่ งการออกแบบขน้ั ตอนวิธีเพื่อแก้ปัญหาดว้ ยคอมพิวเตอร์ การศึกษาตัวอย่างโครงงานทางเทคโนโลยี สารสนเทศ การกาหนดปญั หา ศึกษา วางแผน ดาเนินงาน สรปุ ผลและเผยแพร่ ในการพัฒนาโครงงานทีม่ ี การบรู ณาการร่วมกบั วชิ าอ่นื และเชื่อมโยงกบั ชีวิตจรงิ โดยใชท้ กั ษะกระบวนการปฏิบัติกระบวนการกล่มุ กระบวนการทางานทักษะการทางานรว่ มกนั ทกั ษะ การแสวงหาความรู้ ทักษะการจดั การกระบวนการแก้ปญั หา เพ่ือให้ผู้เรียนมคี วามรู้ความเข้าใจหลกั การทางานมีความคิดสร้างสรรค์ มที ักษะกระบวนการทางาน ทักษะการจัดการทักษะกระบวนการแก้ปญั หาทกั ษะการทางานร่วมกนั และทักษะการแสวงหาความรู้ สอดคล้องกบั หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงปรับตนในการเป็นพลเมืองที่ดีภายใต้กฎบัตรของอาเซยี น สามารถดารงชวี ิตในยคุ โลกาภิวัตนไ์ ดอ้ ยา่ งเหมาะสมมีคุณธรรมและมีลักษณะนสิ ยั รักการทางาน ตัวชว้ี ดั ว4.2ม.4/1 รวมทง้ั หมด 1 ตวั ชีว้ ัด
กำรกำหนดโครงสร้ำงรำยวิชำ รำยวิชำพื้นฐำน วทิ ยำกำรคำนวณ กลุม่ สำระวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศึกษำปีท่ี 4 ภำคเรยี นท่ี 2 ปกี ำรศึกษำ 2563 จำนวน 20 ชั่วโมง หนว่ ย มาตราฐาน เวลาเรยี น ท่ี (ชม.) ชอ่ื หนว่ ย การเรียนรู้ สาระสาคัญ 6 ตัวขวี้ ดั หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 ขัน้ ตอนวิธี การแยกส่วนประกอบ แนวคิดเชิงคานวณ 1 และการย่อยปัญหา การหารูปแบบ ว 4.2 ม.4/1 การคดิ เชิงนามธรรม หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 การแก้ปัญหาดว้ ยคอมพิวเตอร์ 6 2 การแก้ไขข้นั ตอนวิธี ว 4.2 ม.4/1 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 การกาหนดปัญหา ศึกษาขอบเขต การพฒั นาโครงงาน ปญั หา วางแผน ออกแบบโครงงาน 3 ว 4.2 ม.4/1 นาแนวคดิ เชงิ คานวณไปพฒั นา 8 โครงงานทเ่ี ก่ียวกับชีวติ ประจาวัน - - และเผยแพร่ผลงาน 20 สรปุ ทบทวนภาพรวม (สอบกลางภาค) สรปุ ทบทวนภาพรวม (สอบปลายภาคภาค) รวมทัง้ สนิ้
หน่วยกำรเรียนรู้ แผนกำร เรือ่ ง เวลำ จัดกำร (ช่วั โมง) หน่วยกำรเรยี นรทู้ ี่ 1 เรียนรู้ แนวคดิ เชิงคานวนวณ แนวคิดเชิงคำนวณ การแยกสว่ นประกอบและพิจารณา 2 1 รปู แบบของปัญหา หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ่ี 2 การคิดเชิงนามธรรม 2 กำรแก้ไขขัน้ ตอนวธิ ี 2 ขั้นตอนวธิ ี หน่วยกำรเรียนร้ทู ี่ 3 การแก้ไขปญั หาและขัน้ ตอนวิธี 1 กำรพัฒนำโครงงำน 3 การออกแบบขน้ั ตอนวิธี 1 4 การจดั เรยี งข้อมลู 2 5 2 6 การพัฒนาโครงงาน 2 7 8 8
รำยวชิ ำ วิทยำกำรคำนวณ ระดบั ช้นั มธั ยมศ ภำคเรียนท่ี 2 ปีก รวมระยะเวลำท่ที ำก หนว่ ยการเรยี นรู้ แผนการจดั การการเรยี นรู้ วิธสี อน/วิธกี ารจัด แผนท่ี 1 กิจกรรมการเรยี นรู้ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 แนวคิดเชิงคานวนวณ 1.แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 แนวคิดเชิงคานวณ (5Es Instructional Mode แผนที่ 2 การแยก 2.Think Pair Share ส่วนประกอบและพิจารณา 3.Case Study รูปแบบของปัญหา การเรียนรู้แบบร่วมมือ แผนที่ 3 การคดิ เชงิ นามธรรม การเรยี นรูแ้ บบรว่ มมือ แผนที่ 4 ข้ันตอนวธิ ี Think Pair Share
ศึกษำปีที่ 3 กล่มุ สำระกำรเรียนร้วู ทิ ยำศำสตร์ กำรศกึ ษำ 2563 กำรสอน 20 สัปดำห์ สือ่ การเรยี นรู้ วธิ กี ารประเมิน เวลา (ชม.) 5Es 1. สอ่ื การเรียนรู้E-book 1.ตรวจแบบฝึกหัด el) 2.ส่อื วดี ีทศั น์สถานการณจ์ าลอง 2.ตรวจใบกิจกรรม 2 3.สงั เกตพฤตกิ รรม 3.Line Botchat 1. สื่อการเรียนรู้E-book 1.กระดานตอบคาถามpadlet 2 2.สือ่ Animation เรื่องการ 2.ตรวจใบกจิ กรรม 1 พจิ ารณารูปแบบของปัญหา 3.สงั เกตพฤตกิ รรม 1 3.Line Botchat 1. สือ่ การเรียนรู้E-book 1.กระดานตอบคาถามpadlet 2.สื่อเกมการคิดเชงิ นามธรรม 2.ตรวจใบกจิ กรรม 3.Line Botchat 3.สังเกตพฤตกิ รรม 1. สอ่ื การเรียนรู้E-book 1.ตรวจใบกจิ กรรม 2.สื่อวดี ที ศั น์ เร่อื งการทาสไลม์ 2.สังเกตพฤตกิ รรม โดยไมใ่ ชบ้ อแร็กซ์ 3.Line Botchat
หนว่ ยการเรียนรู้ แผนการจดั การการเรยี นรู้ วธิ ีสอน/วิธกี ารจัด กจิ กรรมการเรยี นรู้ แผนที่ 5 การแกไ้ ขปญั หา การเรยี นรแู้ บบใชค้ าถาม และขัน้ ตอนวิธี Questioning Method การศึกษาเป็นรายบุคคน หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 แผนที่ 6 การออกแบบ การแก้ไขขั้นตอนวธิ ี ข้ันตอนวธิ ี การเรยี นร้แู บบใช้คาถาม Questioning Method แผนท่ี 7 การจดั เรียงขอ้ มูล การเรียนร้แู บบรว่ มมือ แผนที่ 8 การพัฒนา Problem-based Learning หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 โครงงาน PBL การพฒั นาโครงงาน
สอ่ื การเรียนรู้ วิธีการประเมิน เวลา (ชม.) 1. สื่อการเรียนรู้E-book 1.ตรวจแบบฝกึ หดั 2.Line Botchat 2.ตรวจใบกิจกรรม 2 3.สงั เกตพฤตกิ รรม 1. สื่อการเรยี นรู้E-book 2 2.Line Botchat 1.ตรวจใบกิจกรรม 2 1. ส่อื การเรียนรู้E-book 2.สังเกตพฤติกรรม 2.Line Botchat 8 g: 1.สือ่ วดี ที ศั น์ เร่ืองหมูกระดาษ 1.ตรวจใบกิจกรรม 2. สอ่ื การเรยี นรู้E-book 2.สงั เกตพฤติกรรม 3.Line Botchat 1.ตรวจใบกิจกรรม 2.สงั เกตพฤตกิ รรม 3.โครงงาน
แผนกำรจัดกำรเรียนรูท้ ี่ 1 กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รำยวิชำ วทิ ยาการคานวณ ระดับช้ัน มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ภำคเรียนท่ี 2 ปีกำรศกึ ษำ 2563 หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 1 เวลำ 2 ชั่วโมง เรื่อง แนวคิดเชิงคานวณ ชั่วโมงท่ี 1 - 2 ผสู้ อน นางสาว วัชราภรณ์ กลุ วฒั นาสทุ ธา วันทีส่ อน............เดอื น.....................................พ.ศ................. 1. มำตรฐำนกำรเรียนร้/ู ตวั ช้ีวดั สำระที่ 4 เทคโนโลยี มำตรฐำน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคดิ เชิงคานวณในการแกป้ ญั หาที่พบในชวี ิตจรงิ อยา่ งเป็น ขั้นตอนและเปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารในการเรียนรู้ การทางาน และการ แก้ปญั หาได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ รูเ้ ทา่ ทัน และมจี ริยธรรม ตวั ชว้ี ดั ว 4.2 ม.4/1 ประยุกตใ์ ชแ้ นวคดิ เชิงคานวณในการพัฒนาโครงงานท่ีมีการบูรณาการกับวชิ า อื่นอย่างสร้างสรรคแ์ ละเชื่อมโยงกับชวี ิตจริง จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1. ผู้เรียนสามารถอธิบายหลกั การของแนวคิดเชิงคานวณ 2. ผเู้ รียนสามารถใชห้ ลักในการแกป้ ญั หา ได้แก่ การแยกสว่ นประกอบและการย่อยปญั หา การ หารปู แบบ การคดิ เชงิ นามธรรม และข้นั ตอนวิธี 3. ผ้เู รยี นเหน็ ประโยชนข์ องการใชแ้ นวคดิ เชิงคานวณในการแก้ปญั หา 2. สำระกำรเรียนรู้ 1. การคดิ แบบแยกส่วนประกอบและการย่อยปญั หา 2. การหารูปแบบของปญั หา 3. การคดิ เชิงนามธรรม 4. การออกแบบขนั้ ตอนวิธใี นการแก้ปัญหา 3. สำระสำคญั แนวคิดเชิงคานวณ(computational thinking) เป็นพื้นฐานของการคดิ แกป้ ัญหาท่สี ามารถ นาไปประยุกตใ์ นการแกป้ ัญหาในชวี ติ ประจาวนั แนวคิดเชิง เป็นการคิดแบบแยกสว่ นประกอบและ การยอ่ ยปัญหา (decomposition) การหารูปแบบของปัญหา (pattern recognition) การคดิ เชิง นามธรรม (abstraction) เพื่อพจิ ารณาสาระสาคัญของปัญหา และการออกแบบขนั้ ตอนวิธีการแกไ้ ข
ปัญหา (algorithm) ซึง่ ขนั้ ตอนและวธิ ี คือ ลาดบั ข้นั ในการแกไ้ ขปัญหาหรอื การทางานท่ีชัดเจน ช่วย ใหค้ ดิ อยา่ งเป็นระบบและเป็นขัน้ ตอน 4. สมรรถนะ 1.ความสามารถในการสือ่ สาร 2.ความสามารถในการคิด 3.ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ 4.ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. ทักษะและกระบวนกำร ทักษะการคดิ เชงิ คานวณ ทกั ษะการแกป้ ัญหา ทักษะการสอื่ สาร ทักษะการทางานรว่ มกบั ผอู้ ืน่ 6. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ ซื่อสัตย์ สุจริต มีวนิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ อย่อู ย่างพอเพยี ง มุง่ ม่นั ในการทางาน รักความเป็นไทย มจี ติ สาธารณะ 7. กระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ ยึดหลักการจดั การเรียนร้แู บบวฏั จกั รการสืบเสาะหาความรู้ Inquiry Cycle กระบวนการจัดการเรยี นรู้มีทั้งหมด 5 ขัน้ ตอนดังนี้ 1.การสรา้ งความสนใจ (Engage) 2.การสารวจและคน้ หา (Explore) 3.การอธบิ าย (Explain) 4.การขยายความรู้ (Elaborate) 5.การประเมินผล (Evaluate) โดยจะนาแนวคิดทฤษฎกี ารเรียนรู้ ทฤษฎกี ารสร้างความรูด้ ้วยตนเอง(Constructivism) Jean Piaget ซงึ่ เสนอวา่ การเรยี นรู้ของเดก็ เป็นกระบวนการส่วนบุคคลมคี วามเปน็ อตั นัย Vygotskyได้ขยายขอบเขตการ เรยี นรู้ของแตล่ ะบุคคลวา่ เกิดจากการสื่อสารทางภาษากับ บคุ คลอน่ื สาหรบั ดา้ นสังคมวิทยาEmile Durkheim และคณะ เชอื่ ว่า สภาพแวดล้อมทางสังคมมีผลต่อการเสริมสรา้ งความรูใ้ หม่
ประเดน็ ประกำรแรกของทฤษฎีกำรเรียนรูต้ ำม Constructivism คือ ผู้เรยี นเป็นผสู้ รา้ ง (Construct) ความรจู้ ากความสมั พันธ์ระหวา่ งส่ิงท่พี บเห็นกับความร้คู วามเขา้ ใจท่มี ีอย่เู ดิม โดยใช้กระบวนการ ทางปัญญา(cognitive apparatus) ของตน ประเดน็ ประกำรที่สองของทฤษฎี คือ กำรเรียนรู้ตำมแนว Constructivism คอื โครงสรา้ งทาง ปัญญา เปน็ ผลของความพยายามทางความคดิ ผเู้ รยี นสร้างเสริมความรู้ผ่านกระบวนการทางจิตวทิ ยาด้วย ตนเอง ผู้สอนไมส่ ามารถปรบั เปลี่ยนโครงสร้างทางปัญญาของผู้เรียนได้ แต่ผู้สอนสามารถช่วยผเู้ รียน ปรบั เปลยี่ นโครงสร้างทางปัญญาไดโ้ ดยจดั สภาพการณท์ ่ีทาให้เกดิ ภาวะไม่สมดลุ ขน้ึ การทย่ี ึดหลกั การจดั การเรยี นรู้แบบวัฏจักรการสบื เสาะหาความรู้ Inquiry Cycle : 5Esเพราะ เนื่องจากส่งเสริมให้ผูเ้ รยี นได้มสี ว่ นรว่ มในช้นั เรยี น ตัง้ แต่การสารวจและคน้ หา การอธิบายข้อมูลความรูข้ อง ตนเองเมื่อสามารถอธิบายความรู้ท่ตี นเองเองได้ศึกษามาแล้วก็นามาสู่การขยายความรู้ให้ผ้เู รียนไดเ้ ข้าใจมาก ข้นึ เมอื่ ผเู้ รยี นมกี ารสรา้ งความรูใ้ หม่ดว้ ยตวั เองแล้วข้ันตอนสุดท้ายของการจดั การเรยี นรแู้ บบวัฏจกั รการสบื เสาะหาความรู้ Inquiry Cycle : 5Es กค็ อื ขนั้ ตอนการประเมนิ ผลโดยในแต่ละขน้ั ตอน ผ้เู รียนจะมปี ฏิสัมพนั ธ์ ทางสงั คมกบั เพือ่ นรว่ มช้ัน ข้นั ท่ี 1 กำรสร้ำงควำมสนใจ (Engage) 1. ผสู้ อนให้ผเู้ รียนทาแบบทดสอบก่อนเรียนผา่ น Google form เรอ่ื งแนวคิดเชิงคานวณเพื่อ ศกึ ษาความรู้พื้นฐานของผูเ้ รยี น https://forms.gle/hjJpmzzQWN1SB3M38 2. ผู้สอนตัง้ คาถามกับผู้เรียนวา่ “นักเรียนเคยเจอปญั หาอะไรบ้าง” ผู้สอนส่มุ ผเู้ รียน 1-2 คนใน การเสนอคาตอบ และตั้งคาถามต่อวา่ ผ้เู รียนท่ีสมุ่ ข้นึ มามีการมองปัญหาและแก้ไขปัญหานั้น อย่างไร? 3. จากนนั้ ผู้สอนเปดิ สือ่ วดี ีทัศน์ เก่ียวกบั สถานการณ์ https://youtu.be/TxbYwfOSjMM 4. เมอ่ื ผู้เรยี นดสู ือ่ วีดีทศั นจ์ บ ผู้สอนตั้งคาถามโดยมีคาถามดังต่อไปน้ี 1) หากนกั เรยี นเป็นตวั ละครดังกลา่ วนักเรยี นจะทาอย่างไรเป็นอย่างแรก 2) เมอ่ื นักเรยี นเจอปญั หาดงั กล่าวนักเรยี นจะแก้ปัญหาดงั กล่าวอยา่ งไร 5. ผสู้ อนสุ่มผเู้ รยี น 3 คนในการตอบคาถาม ดังกลา่ ว โดยให้ผเู้ รียนอธบิ ายเปน็ ลาดบั ขน้ั ตอน (อาจให้ผูเ้ รยี นท้ังสามคน เขียนวิธกี ารแกป้ ัญหาบนกระดานแล้วให้เพ่อื นรว่ มช้นั เรยี นลงคะแนน วา่ เห็นดว้ ยกบั การแก้ไขปัญหาของใครมากที่สุด) 6. ผู้สอนสรปุ การแก้ไขปัญหาของผูเ้ รยี นท่ีสุม่ ขึน้ มาแตล่ ะคน เชอื่ มโยงเข้าสู่แนวคดิ เชิงคานวณ
ข้ันที่ 2 กำรสำรวจและค้นหำ (Explore) ให้ผู้เรียน แบ่งเป็น 4 กลมุ่ ในหอ้ ง ใหส้ มาชกิ ในกลุ่มร่วมกันศกึ ษาความรู้ เร่ือง แนวคดิ เชงิ คานวณ จาก หนงั สือเรียน ใบความรู้ หรืออนิ เทอร์เนต็ โดยแบง่ เป็นหวั ขอ้ ดงั นี้ 1.การแยกส่วนประกอบของปัญหา 2.การหารูปแบบ 3.การคดิ เชงิ นามธรรม 4.การออกแบบวิธี ขั้นที่ 3 กำรอธิบำย (Explain) 1.ให้ตวั แทนผู้เรยี นกลุม่ ที่ 1 กลุ่ม 2 กลุ่ม 3 และกลุ่มที่ 4 ร่วมกันเลา่ สกู่ นั ฟังแลกเปลีย่ น ความรูก้ ันและกัน จากการศึกษาข้อมลู ในประเด็นดังต่อไปนี้ 1.การแยกส่วนประกอบของปัญหา 2.การหารูปแบบ 3.การคิดเชงิ นามธรรม 4.การออกแบบวิธี 2.สมาชกิ ในแตล่ ะกลมุ่ สรุปสาระสาคัญจากการแลกเปลย่ี นความร้กู นั 3.ตวั แทนกลุ่มสรุปและ นาเสนอความรูท้ ่ีได้จากการแลกเปล่ียน ในแตล่ ะกลุ่ม โดยมีผสู้ อน คอยตรวจสอบความถูกตอ้ งและอธบิ ายเพิ่มเตมิ ในสาระสาคัญ ขนั้ ที่ 4 กำรขยำยควำมรู้ (Elaborate) 1. ให้นักเรยี นทาใบงานท่ี 1 เรอื่ งแนวคดิ เชงิ คานวณ 2. ผู้สอนให้อาสาสมัคร 1 คน นาเสนอความคิดในการแก้ไขปัญหาในใบงานของตน ผู้สอนและ เพือ่ นร่วมช้ันร่วมกันอภปิ รายปัญหาของอาสาสมัคร ขั้นท่ี 5 กำรประเมนิ ผล (Evaluate) 1. ผู้สอนและผู้เรยี นรว่ มกนั สรปุ ความรู้เร่อื งแนวคดิ เชงิ คานวณ วา่ สามารถนามาประยกุ ต์ใช้ ในชีวติ ประจาวนั ได้อย่างไรโดยให้ผู้เรียนช่วยกันตอบคาถาม 2. ผสู้ อนให้ผเู้ รยี นทาแบบทดสอบหลงั เรียน ผา่ น Google form https://forms.gle/B6duUPt6BMQSX4ah7
8. ส่อื /แหลง่ กำรเรียนรู้ 1) หนงั สอื เรียนรายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลย(ี วิทยาการคานวณ) มัธยมศึกษาปที ่ี 4 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง แนวคดิ เชงิ คานวณ 2) ส่อื วีดที ศั น์ สถานการณจ์ าลอง https://youtu.be/TxbYwfOSjMM 3) ใบกจิ กรรมท่ี 1 เร่ืองแนวคิดเชงิ คานวณ 4) สือ่ หนงั สืออเิ ล็กทรอนกิ ส์ https://drive.google.com/drive/my-drive 9. กำรวัดและกำรประเมินผล รำยกำรประเมิน วธิ ีกำรวัด เครอื่ งมอื ท่ใี ช้วดั เกณฑ์กำรประเมิน อธบิ ายหลักการของแนวคดิ เชิง คานวณ ตรวจแบบฝกึ หัด แบบฝึกหดั คะแนน 7-8 หมายถึง ดีมาก คะแนน 5-6 หมายถึง ดี ผู้เรียนสามารถใช้แนวคิดเชิงคานวณ ตรวจใบกจิ กรรม ใบกิจกรรม คะแนน 3-4 หมายถงึ พอใช้ แก้ปัญหาจากโจทย์ท่กี าหนด คะแนน 1-2 หมายถึง ปรบั ปรงุ ผูเ้ รยี นเหน็ ประโยชนข์ องการใช้ สังเกตพฤติกรรม สงั เกตพฤตกิ รรม คะแนน 7-8 หมายถึง ดีมาก แนวคดิ เชิงคานวณในการแก้ปัญหา คะแนน 5-6 หมายถึง ดี คะแนน 3-4 หมายถึง พอใช้ คะแนน 1-2 หมายถงึ ปรบั ปรุง ผู้เรยี นไดร้ ะดับ คุณภาพ ดี ขน้ึ ไปถือ ว่าผา่ น ทกั ษะการคิดเชิงคานวณ สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม ผเู้ รยี นไดร้ ะดับ ทกั ษะการสื่อสาร สังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤติกรรม คณุ ภาพ ดี ข้นึ ไปถือ ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ สงั เกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤตกิ รรม วา่ ผ่าน ทักษะการทางานรว่ มกับผูอ้ น่ื สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรม
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 2 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วทิ ยาการคานวณ ระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 1 เวลา 2 ชวั่ โมง เร่อื ง การแยกสว่ นประกอบและพจิ ารณารูปแบบของปญั หา ชวั่ โมงท่ี 3 - 4 ผสู้ อน นางสาว วชั ราภรณ์ กลุ วฒั นาสุทธา วันที่สอน............เดอื น.....................................พ.ศ................. 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้ีวัด สาระท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคดิ เชงิ คานวณในการแกป้ ญั หาที่พบในชวี ติ จริงอยา่ งเปน็ ขนั้ ตอนและเป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารในการเรยี นรู้ การทางาน และการ แกป้ ญั หาได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ รูเ้ ทา่ ทนั และมีจรยิ ธรรม ตัวช้ีวัด ว 4.2 ม.4/1 ประยุกตใ์ ชแ้ นวคดิ เชงิ คานวณในการพฒั นาโครงงานทมี่ ีการบรู ณาการ กบั วชิ าอ่ืนอยา่ งสร้างสรรค์และเช่อื มโยงกับชีวติ จรงิ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. ผู้เรยี นสามารถอธบิ ายการแยกองคป์ ระกอบและพิจารณารูปแบบของปญั หาไดถ้ ูกต้อง 2. ผ้เู รียนสามารถแยกองคป์ ระกอบและพิจารณารูปแบบของปญั หาได้ถูกต้อง 3. ผูเ้ รยี นสามารถสรา้ งนวตั กรรมใหม่จากการแยกองคป์ ระกอบ 2. สาระการเรียนรู้ 1. การคดิ แบบแยกส่วนประกอบและการยอ่ ยปญั หา 2. การหารปู แบบของปัญหา 3. สาระสาคัญ การแยกสว่ นประกอบและการยอ่ ยปัญหา (decomposition) เป็นขั้นตอนของกระบวนการ แกไ้ ขปัญหาด้วยแนวคดิ เชิงคานวณ (Computational thinking) ซง่ึ แบง่ ปัญหาหรืองานออกเป็น ส่วนยอ่ ยทาให้สามารถจดั การกบั ปญั หา หรือ งานได้ง่ายขนึ้ การพิจารณารปู แบบของปัญหาหรือวิธีการแกป้ ญั หา (pattern recognition) เป็นการ พจิ ารณารูป แบบ แนวโนม้ และลักษณะท่วั ไปของข้อมูล โดยพิจารณาว่าเคยพบปัญหาลักษณะนี้ มาก่อนหรือไม่ หากมี รูปแบบของปัญหาที่คลา้ ยกันสามารถนาวิธกี ารแก้ปัญหาน้นั มาประยกุ ตใ์ ช้ และพจิ ารณารูปแบบปัญหา ย่อยซึง่ อยูภ่ ายในปัญหาเดียวกนั วา่ มสี ว่ นใดทเี่ หมือนกนั เพ่ือใชว้ ิธกี าร แกป้ ญั หาเดยี วกนั ไดท้ าให้จดั การกบั ปัญหาได้ง่ายขน้ึ และการทางานมีประสิทธิภาพเพ่ิมขึ้น
4. ทกั ษะและกระบวนการ ทกั ษะการแกป้ ัญหา ทกั ษะการคิดเชงิ คานวณ ทักษะการคิดวิเคราะห์ และ สงั เคราะห์ ทักษะการคิดสรา้ งสรรค์ ซ่อื สัตย์ สจุ รติ 5. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ มุง่ มัน่ ในการทางาน มีวนิ ยั มจี ติ สาธารณะ อยู่อยา่ งพอเพียง รกั ความเปน็ ไทย 6. กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ทฤษฎีการเรยี นรู้แบบรว่ มมือ การเรียนร้แู บบรว่ มมือ (Cooperative and Collaborative Learning) เป็นวธิ ีการ จดั การเรียนการ สอนรูปแบบหนงึ่ ที่เนน้ ใหผ้ เู้ รียนลงมอื ปฏิบัติงานเปน็ กลมุ่ ย่อย โดยมสี มาชิกกลุ่มทม่ี ีความสามารถที่แตกต่าง กัน เพื่อเสริมสรา้ งสมรรถภาพการเรยี นรขู้ องแตล่ ะคน สนบั สนนุ ใหม้ กี ารช่วยเหลือซงึ่ กันและกัน จนบรรลตุ าม เปา้ หมายทวี่ างไว้นอก จากน้ี การเรยี นรู้แบบรว่ มมือ ยังเป็นการส่งเสรมิ การทางานรว่ มกันเป็นหมู่คณะ หรอื ทีม ตามระบอบประชาธปิ ไตย เปน็ การพฒั นาความฉลาดทางอารมณ์ สามารถปรบั ตวั ให้อยู่กับผ้อู น่ื ไดอ้ ย่างมี ความสขุ รปู แบบ LT (Learning Together) แบบนมี้ กี ารกาหนดสถานการณแ์ ละเง่ือนไขใหน้ ักเรียนทาผลงานเปน็ กลุ่ม ให้นกั เรียนแลกเปลีย่ น ความคดิ เห็นและแบ่งปันเอกสาร การแบ่งงานที่เหมาะสม และการใหร้ างวัลกลุม่ หลกั การจดั กจิ กรรมการเรยี น แบบร่วมมือ ขน้ั ท่ี 1 การจดั เตรยี ม 1. ใบกิจกรรมที่ 2 แยกส่วนประกอบ 2. ใบกจิ กรรมที่ 3 การพิจารณารปู แบบของปญั หา ข้นั ตอนการดาเนนิ การ 1. ผสู้ อนนาผู้เรียนเขา้ สบู่ ทเรียนดว้ ยการตั้งคาถาม พร้อมเปดิ ภาพคอมพิวเตอรป์ ระกอบ โดยมี คาถาม ดังน้ี 1). ผู้เรยี นคิดว่า ภายในเครือ่ งคอมพิวเตอร์ มสี ่วนประกอบอะไรบ้าง 2). ผ้เู รยี นรจู้ ัก คอมพิวเตอร์แบบประกอบเองหรือไม่เป็นอย่างไร 2. ผสู้ อนอาจจะสุ่มเรยี กผูเ้ รยี นในการตอบคาถาม
3. ผสู้ อนสรปุ คาตอบของผเู้ รียน และอธบิ ายวา่ คอมพวิ เตอรแ์ บบประกอบเองทาใหเ้ ราสามารถ จัดสรรความสามารถขององค์ประกอบแยกกันได้ นอกจากนยี้ งั ทาให้เห็นค่าใชจ้ า่ ยท่ีจะเกดิ ขึน้ ได้ ว่าแต่ละองคป์ ระกอบมคี ่าใชจ้ า่ ยเทา่ ไหร่ 4. ผู้สอนเชอ่ื มโยงผู้เรยี นเขา้ สเู่ นื้อหาบทเรยี น วา่ เม่ือเราเจอปัญหาสิ่งแรกทเ่ี ราต้องทาคือ การแยก ปัญหาเป็นปญั หายอ่ ย ๆ เหมือนกับองค์ประกอบของคอมพวิ เตอรแ์ บบประกอบเอง 5. ผ้สู อนสุ่มผู้เรยี นโดยการใช้ https://wordwall.net/th/resource/11257565 และต้งั คาถาม ผเู้ รยี นร้จู กั การแยกองค์ประกอบหรอื ไม่ อธบิ ายวา่ คอื อะไร 6. ผสู้ อนให้ผ้เู รยี นศึกษาค้นควา้ จากอินเทอร์เนต็ ใบความรู้ หนงั สือเรียน ในหวั ข้อ การแยก ส่วนประกอบของปญั หา และตอบในกระดานตอบคาถามอิเลก็ ทรอนิกส์ https://padlet.com/s61131114019/9uhkk8xbc55opx1j 7. ผสู้ อนสรุปและอธิบายในหวั ข้อ การแยกสว่ นประกอบของปญั หา 8. ผู้สอนให้ผเู้ รียนทาใบกจิ กรรมที่ 2 แยกส่วนประกอบโดยแบ่งกลุม่ ผเู้ รยี น(ตามจานวนผู้เรยี น คละ ความสามารถ) ข้ันท่ี 1 สรา้ งความร้สู ึกพงึ่ พากัน โดยกาหนดเป้าหมายของกลุ่ม ใหผ้ เู้ รียนชว่ ยกนั ทาใบ กจิ กรรมที่ 2 ชว่ ยกนั ออกแบบนวตั กรรมจากการแยกองค์ประกอบ ขนั้ ที่ 2 จดั ให้มีปฏสิ ัมพนั ธร์ ะหวา่ งผูเ้ รียน โดยให้ผู้เรียนทกุ คนในกลมุ่ พูดคุยแลกเปลย่ี น ความคิดในการทางาน ขั้นที่ 3 จดั ใหม้ ีความรบั ผดิ ชอบในส่วนบคุ คลทจี่ ะเรียนรู้ จัดให้แต่ละคนต้งั ใจทางาน ไม่กิน แรงเพ่ือน ผสู้ อนประเมนิ จากแบบพฤตกิ รรมรายกลุ่ม 9. ผสู้ อนให้ผู้เรยี นแตล่ ะกลมุ่ นาเสนอและใหเ้ พ่ือนร่วมชั้นรว่ มให้คะแนนนวตั กรรมกลมุ่ ทไี่ ดร้ ับการ เลือกมาทีส่ ุด จะได้รางวลั เป็นปากกาคนละ 1 ดา้ ม 10. ผู้สอนเชอ่ื มผู้เรียนเขา้ สู่การพิจารณารูปแบบของปัญหา จากการท่ีได้แยกองค์ประกอบขอบปญั หา แลว้ นามาสูก่ ารพิจารณารูปแบบของปัญหา 11. ผู้สอนเปิดสื่อ Animation เร่ืองการพิจารณารูปแบบของปัญหา https://youtu.be/FcsCFxrgil8 12. ผู้สอนใหผ้ เู้ รยี นทาใบกจิ กรรมที่ 3 การพจิ ารณารูปแบบของปญั หา ข้นั ที่ 3 ข้นั สรุปผล 1. ผสู้ อนและผู้เรียนรว่ มสรุปความรแู้ ละอธิบายเพิ่มเติมในหวั ข้อการแยกสว่ นประกอบของปัญหา และการพิจารณารปู แบบของปัญหา และการนาไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั
7. ส่ือ/แหลง่ การเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลย(ี วิทยาการคานวณ) มธั ยมศึกษาปีที่ 4 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรื่อง แนวคิดเชงิ คานวณ 2) ส่อื Animation เรื่องการพจิ ารณารูปแบบของปญั หา https://youtu.be/FcsCFxrgil8 3) ใบกิจกรรมที่ 2 แยกส่วนประกอบ 4) ใบกจิ กรรมท่ี 3 การพจิ ารณารปู แบบของปญั หา 5) สอ่ื หนังสอื อิเล็กทรอนิกส์ https://drive.google.com/drive/my-drive 8. การวดั และการประเมินผล รายการประเมิน วธิ กี ารวัด เครอื่ งมือทีใ่ ช้วัด เกณฑก์ ารประเมิน อธิบายการแยกองคป์ ระกอบและพจิ ารณา ตรวจบนกระดาน กระดานตอบคาถาม คะแนน 7-8 หมายถงึ ดมี าก คะแนน 5-6 หมายถึง ดี รูปแบบของปญั หาไดถ้ ูกต้อง ตอบคาถาม อเิ ล็กทรอนกิ ส์ คะแนน 3-4 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 1-2 หมายถงึ ปรบั ปรุง อเิ ลก็ ทรอนิกส์ คะแนน 7-8 หมายถงึ ดมี าก วิเคราะห์องค์ประกอบของส่ิงของต่าง ๆ ใน ตรวจใบกจิ กรรม ใบกิจกรรม คะแนน 5-6 หมายถึง ดี คะแนน 3-4 หมายถงึ พอใช้ การพัฒนาผลงานใหม่ คะแนน 1-2 หมายถึง ปรบั ปรุง สามารถแยกองค์ประกอบและพิจารณา ตรวจใบกจิ กรรม ใบกิจกรรม คะแนน 7-8 หมายถงึ ดมี าก รปู แบบของปัญหาได้ คะแนน 5-6 หมายถึง ดี สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรม คะแนน 3-4 หมายถงึ พอใช้ ทกั ษะการคิดเชงิ คานวณ สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรม คะแนน 1-2 หมายถึง ปรับปรุง ทักษะการแกป้ ญั หา สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤตกิ รรม ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์และสังเคราะห์ สงั เกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม ผู้เรียนได้ระดบั คุณภาพ ดี ทักษะการคดิ สร้างสรรค์ ข้ึนไปถือว่าผ่าน (ดูเกณฑ์ การประเมนิ ในภาคผนวก)
ประเดน็ ระดับคะแนน การประเมนิ 4 321 อธิบายการแยก อธบิ ายการแยก อธิบายการแยก อธิบายการแยก อธบิ ายการแยก องคป์ ระกอบและ องคป์ ระกอบและ พจิ ารณารูปแบบ พจิ ารณารูปแบบของ องค์ประกอบและ องคป์ ระกอบและ องคป์ ระกอบและ ของปญั หาได้ ปญั หาได้ ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง พิจารณารปู แบบของ พจิ ารณารปู แบบของ พจิ ารณารูปแบบของ ครบถว้ น ปญั หาได้ ปัญหาได้ ปัญหาได้ ได้อย่างถูกต้อง เป็น ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง บางส่วน ได้แต่ไม่ถกู ตอ้ ง ส่วนใหญ่ วเิ คราะห์ วิเคราะห์องค์ประกอบ วิเคราะห์องค์ประกอบ วิเคราะห์องค์ประกอบ วิเคราะห์องค์ประกอบ องค์ประกอบของ ของส่ิงของต่าง ๆ ใน ของส่ิงของต่าง ๆ ใน ของส่ิงของต่าง ๆ ในการ ของส่ิงของต่าง ๆ ใน สิ่งของต่าง ๆ ใน การพัฒนาผลงานใหม่ การพฒั นาผลงานใหม่ พัฒนาผลงานใหม่ การพัฒนาผลงานใหม่ การพฒั นาผลงาน ใหม่ ได้อย่างถกู ตอ้ ง ได้อยา่ งถกู ต้อง เป็น ได้อยา่ งถูกตอ้ ง บางส่วน ได้แต่ไม่ถูกต้อง ครบถ้วน ส่วนใหญ่ สามารถแยก สามารถแยก สามารถแยก สามารถแยก สามารถแยก องค์ประกอบและ องค์ประกอบและ องค์ประกอบและ พิจารณารปู แบบ องค์ประกอบและ องค์ประกอบและ พิจารณารปู แบบของ พจิ ารณารูปแบบของ ของปัญหาได้ ปญั หา ปัญหาไดแ้ ต่ไม่ถกู ต้อง พจิ ารณารูปแบบของ พจิ ารณารูปแบบของ ได้ถูกต้องบางสว่ น ปญั หาได้อยา่ งครบถว้ น ปญั หา สมบูรณ์ ได้ถูกต้องเป็นสว่ นใหญ่ เกณฑ์การตัดสนิ ระดบั คณุ ภาพ คะแนน 7-8 คะแนน หมายถงึ ระดบั คุณภาพ ดีมาก คะแนน 5-6 คะแนน หมายถงึ ระดับคณุ ภาพ ดี คะแนน 3-4 คะแนน หมายถึง ระดับคุณภาพ พอใช้ คะแนน 1-2 คะแนน หมายถึง ระดบั คุณภาพ ปรบั ปรุง
แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 3 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ า วิทยาการคานวณ ระดบั ช้ัน มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 เวลา 1 ช่ัวโมง เร่อื ง การคดิ เชงิ นามธรรม ช่ัวโมงท่ี 5 ผ้สู อน นางสาว วชั ราภรณ์ กุลวัฒนาสทุ ธา วันท่สี อน............เดอื น.....................................พ.ศ................. 1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวชว้ี ัด สาระท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคดิ เชิงคานวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวติ จริงอยา่ งเป็น ขน้ั ตอนและเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทางาน และการ แก้ปญั หาไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ รูเ้ ทา่ ทนั และมจี รยิ ธรรม ตวั ชวี้ ดั ว 4.2 ม.4/1 ประยุกตใ์ ช้แนวคิดเชงิ คานวณในการพฒั นาโครงงานทม่ี ีการบรู ณาการ กับวิชาอื่นอยา่ งสรา้ งสรรคแ์ ละเชือ่ มโยงกับชีวติ จรงิ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. ผู้เรียนสามารถอธิบายแนวคิดเชงิ นามธรรมได้ 2. ผเู้ รียนเขา้ ใจหลักการคิดเชงิ นามธรรมและสามารถเขียนหลักการทางานได้ 2. สาระการเรียนรู้ แนวคิดเชิงคานวณ ได้แก่การคิดแบบแยกส่วนประกอบและการย่อยปัญหา การหารูปแบบ ของปัญหาการคิดเชิงนามธรรม และการออกแบบขัน้ ตอนวิธใี นการแก้ปญั หา 3. สาระสาคัญ การคิดเชงิ นามธรรม (abstraction) คือ กระบวนการคดั แยกคณุ ลักษณะท่ีสาคญั ออกจาก รายละเอียด ในโจทยป์ ัญหาหรืองานท่ีกาลงั พจิ ารณา เพ่ือให้ไดอ้ งค์ประกอบท่จี าเป็น เพียงพอ และ กระชับทส่ี ุดในการ พิจารณาภายใตส้ ถานการณ์ทีส่ นใจ โดยจะไดผ้ ลลัพธเ์ ปน็ แบบจาลอง(model) ซึง่ สามารถแสดงเปน็ แผนภาพ ท่ีมกี ารตดั รายละเอยี ดที่ไม่จาเปน็ ในการพจิ ารณาออกทั้งหมด 4. ทกั ษะและกระบวนการ ทกั ษะการคิดเชงิ คานวณ ทกั ษะการแก้ปัญหา ทกั ษะการคิดสร้างสรรค์ ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ และ สงั เคราะห์
5. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ รักชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ ซอ่ื สตั ย์ สจุ ริต มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง มงุ่ มัน่ ในการทางาน รักความเปน็ ไทย มีจิตสาธารณะ 6. กระบวนการเรียนรู้ ข้ันท่ี 1 การจัดเตรียม 1. ใบกจิ กรรมที่ 4 เรือ่ งสร้างแบบจาลอง ข้นั ที่ 2 ขนั้ ตอนการดาเนินการ 1. ผู้สอนนาผู้เรียนเข้าสู่บทเรียนดว้ ยการตง้ั คาถาม โดยมคี าถามดงั น้ี 1). ผู้เรียนรู้จักการคดิ เชงิ นามธรรมหรือไม่ 2). ผเู้ รยี นลองยกตัวอย่าง การคดิ เชงิ นามธรรม 2. ผสู้ อนยกตวั อย่างการคิดเชิงนามธรรม โดยการให้ผเู้ รยี นร่วมเลน่ เกม จบั ครู่ ะหว่าง รปู ธรรมและนามธรรมผา่ นเว็บไซด์ https://wordwall.net/th/resource/11268540 3. หลงั จากเล่นเกมเสรจ็ ผูส้ อนเช่ือมโยงการคิดเชงิ นามธรรมโดยการผู้สอนใหผ้ ู้เรียนศึกษา ค้นควา้ เกยี่ วกบั การคดิ เชิงนามธรรม จากอนิ เทอรเ์ น็ต ใบความรู้ หนงั สือเรยี นในหวั ข้อ 1. การคดิ เชิงนามธรรมคืออะไร 2. การคดิ เชงิ นามธรรมนามาใช้ในชวี ิตประจาวันได้อย่างไร และตอบในกระดานตอบคาถามอิเลก็ ทรอนิกส์ https://padlet.com/s61131114019/vbykdd5aaag49s6f 4. ผสู้ อนอธบิ ายสรุปเก่ยี วกบั การคิดเชงิ นามธรรม 5. ผู้สอนให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่ม และทาใบกจิ กรรมท่ี 4 เรื่อง สร้างแบบจาลอง ขนั้ ที่ 3 ข้นั สรุปผล ผู้สอนและผ้เู รียนร่วมกนั สรุปความรู้และอธบิ ายเพ่ิมเตมิ ในหวั ข้อการคิดเชงิ นามธรรม
รายการประเมนิ วธิ ีการวัด เครือ่ งมอื ท่ีใช้วดั เกณฑก์ ารประเมิน ผู้เรยี นสามารถอธบิ ายแนวคิดเชิงนามธรรมได้ ตรวจบนกระดาน ตอบคาถาม ตรวจบนกระดานตอบ คะแนน 7-8 หมายถึง ดีมาก ผู้เรยี นเข้าใจหลกั การคิดเชงิ นามธรรมและ อิเล็กทรอนิกส์ คาถามอเิ ลก็ ทรอนิกส์ คะแนน 5-6 หมายถงึ ดี สามารถเขยี นหลกั การทางานได้ ตรวจใบกจิ กรรม คะแนน 3-4 หมายถึง พอใช้ ใบกจิ กรรม คะแนน 1-2 หมายถึง ทักษะการคิดเชงิ คานวณ สงั เกตพฤตกิ รรม ปรบั ปรงุ ทักษะการแก้ปญั หา สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤติกรรม คะแนน 7-8 หมายถงึ ดีมาก ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรม คะแนน 5-6 หมายถงึ ดี แบบสังเกตพฤตกิ รรม คะแนน 3-4 หมายถึง พอใช้ คะแนน 1-2 หมายถงึ ปรบั ปรงุ ผู้ เ รี ย น ไ ด้ ร ะ ดั บ คณุ ภาพ ดี ขึ้นไปถอื ว่า ผ่าน (ดูเกณฑก์ าร ประเมนิ ในภาคผนวก) ประเดน็ ระดบั คะแนน การประเมนิ 43 2 1 สามารถอธบิ าย สามารถอธิบายแนวคิด สามารถอธิบายแนวคิด สามารถอธิบายแนวคิด สามารถอธิบายแนวคิด แนวคดิ เชงิ นามธรรมได้ เชิงนามธรรมได้อย่าง เชิงนามธรรมได้อย่าง เชิงนามธรรมได้อย่าง เชิงนามธรรมได้แต่ไม่ ถกู ต้อง ถูกตอ้ ง เปน็ ส่วนใหญ่ ถกู ต้อง บางสว่ น ถูกต้อง ครบถ้วน เขา้ ใจหลักการคิด เขา้ ใจหลกั การคิดเชงิ เข้าใจหลกั การคิดเชงิ เข้าใจหลักการคิดเชงิ เขา้ ใจหลักการคดิ เชิง เชิงนามธรรมและ นามธรรมและสามารถ นามธรรมและสามารถ นามธรรมและสามารถ นามธรรมและสามารถ สามารถเขยี น เขยี นหลกั การทางานได้ เขยี นหลักการทางานได้ เขียนหลักการทางานได้ เขียนหลกั การทางานได้ หลกั การทางานได้ อยา่ งถูกต้อง ครบถ้วน อย่างถูกต้อง เปน็ ส่วน อยา่ งถูกต้อง บางสว่ น แตไ่ ม่ถูกต้อง ใหญ่
เกณฑก์ ารตดั สนิ ระดับคณุ ภาพ คะแนน 7-8 คะแนน หมายถึง ระดับคุณภาพ ดมี าก คะแนน 5-6 คะแนน หมายถงึ ระดบั คณุ ภาพ ดี คะแนน 3-4 คะแนน หมายถงึ ระดับคุณภาพ พอใช้ คะแนน 1-2 คะแนน หมายถึง ระดบั คณุ ภาพ ปรบั ปรุง 7. ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้ 1) หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี(วิทยาการคานวณ) มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 เรอ่ื ง แนวคดิ เชงิ คานวณ 2) ใบกจิ กรรมท่ี 4 การสรา้ งแบบจาลอง 3) สอ่ื หนังสอื อิเลก็ ทรอนกิ ส์ https://drive.google.com/drive/my-drive
แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 4 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาการคานวณ ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 1 เวลา 1 ชั่วโมง เร่ือง ขัน้ ตอนวธิ ี ชั่วโมงท่ี 6 ผู้สอน นางสาว วชั ราภรณ์ กลุ วฒั นาสุทธา วันท่สี อน............เดือน.....................................พ.ศ................. 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชี้วัด สาระท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคิดเชงิ คานวณในการแก้ปญั หาที่พบในชีวติ จรงิ อยา่ งเปน็ ข้นั ตอนและเปน็ ระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สารในการเรียนรู้ การทางาน และการ แก้ปญั หาไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ รเู้ ทา่ ทนั และมจี ริยธรรม ตัวช้วี ัด ว 4.2 ม.4/1 ประยุกตใ์ ช้แนวคดิ เชงิ คานวณในการพฒั นาโครงงานท่ีมกี ารบรู ณาการ กบั วชิ าอ่นื อย่างสร้างสรรคแ์ ละเชอื่ มโยงกับชีวิตจรงิ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. ผเู้ รยี นสามารถอธิบายข้ันตอนวธิ ีได้ 2. ผ้เู รยี นสามารถยกตวั อย่างขนั้ ตอนวิธแี ต่ละรปู แบบได้ 2. สาระการเรียนรู้ แนวคิดเชิงคานวณ ได้แก่การคิดแบบแยกส่วนประกอบและการย่อยปัญหา การหารูปแบบ ของปัญหาการคดิ เชงิ นามธรรม และการออกแบบขนั้ ตอนวิธีในการแกป้ ญั หา 3. สาระสาคญั คือลาดับข้ันตอนในการแก้ไขปัญหาหรือการทางานที่ชัดเจนการคิดค้นการอธิบายขั้นตอนวธิ ี ในการแก้ไขปญั หาตา่ ง ๆ มมี าต้งั แต่สมัยโบราณเช่นขน้ั ตอนวิธีในการบวก การลบ การคูณ การหาร ข้ันตอนวิธีมีบทบาทสาคัญเพราะนอกจากจะมีขั้นตอนวิธีในการคานวณ ทางคณิตศาสตร์แล้วยังมี ขน้ั ตอนวธิ อี ืน่ ๆ ท่ีสามารถพบได้ในชีวิตประจาวัน เชน่ การเขา้ เวบ็ ไซตเ์ พื่อซื้อหนังสอื 4. ทักษะและกระบวนการ ทกั ษะการคิดเชิงคานวณ ทักษะการแกป้ ัญหา ทักษะการคิดสรา้ งสรรค์ ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ และ สงั เคราะห์
5. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ ซอ่ื สัตย์ สจุ ริต มีวนิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ อยูอ่ ยา่ งพอเพียง ม่งุ ม่นั ในการทางาน รกั ความเป็นไทย มจี ติ สาธารณะ 6. กระบวนการเรยี นรู้ ขนั้ ท่ี 1 การจัดเตรยี ม 1. ใบกิจกรรมท่ี 5 เรอ่ื ง เรียงลำดบั ขน้ั 2. ใบกิจกรรมท่ี 6 เร่อื ง ข้ันตอนวธิ ี ขน้ั ท่ี 2 ข้ันตอนการดาเนนิ การ 1. ผู้สอนเปิด สื่อวดี ีทศั น์ กำรทำสไลม์โดยไม่ใส่บอแร็กซ์ https://youtu.be/4RfKj-nknbs 2. หลังจำกดูส่อื วีดที ัศนเ์ สร็จผสู้ อนตัง้ คำถำมเพื่อเช่อื มโยงโดยมคี ำถำมดงั น้ี 1) หลังจำกดสู ่อื วดี ีทัศน์แลว้ ผู้เรียนเหน็ ขนั้ ตอนกำรทำอะไรบ้ำง 3. ผู้สอนให้ผเู้ รยี นตอบคำถำมและเขยี นบนกระดำน หรือ บน กระดำนออนไลน์ https://awwapp.com/# 4. ผู้สอนเชื่อมโยงเขำ้ สู่เนื้อหำ โดยกำรยกตวั อยำ่ งกำรทำสไลม์ ซงึ่ มขี นั้ ตอนวธิ กี ำรทำซง่ึ ขั้นตอนวิธมี ีบทบำทสำคัญเพรำะทำใหผ้ ู้อนื่ สำมำรถปฏิบตั ิตำมได้ถูกต้อง และได้ผลลพั ธ์ ตำมท่ตี ้องกำร นอกจำกนเี้ มื่อเรำเขยี นขนั้ ตอนวิธเี รำยงั สำมำรถตรวจสอบข้อผดิ พลำด ของปัญหำได้ ซงึ่ กำรอธิบำยข้ันตอนวิธีสำมำรถทำไดห้ ลำยแบบ 5. ผสู้ อนใหผ้ ู้เรยี นจับกลุ่มศึกษำประเดน็ ต่อไปนี้ 1). กำรอธิบำยข้ันตอนวธิ ี แบบรหสั จำลอง 2). กำรอธิบำยขน้ั ตอนวิธี แบบผังงำน 3). กำรอธบิ ำยขั้นตอนวธิ ี แบบภำษำโปรแกรม 6. ผู้สอนให้ตวั แทนกลุ่ม อธบิ ำยเกีย่ วกบั หัวข้อที่กล่มุ ได้รับ 7. ผสู้ อนแจกใบกจิ กรรม เรียงลำดบั ขัน้ ให้ผเู้ รยี นทำใบกจิ กรรม 5 เรียงลำดับข้นั และใบ กจิ กรรมที่ 6 ขั้นตอนวธิ ี 8. ผสู้ อนยกตวั อย่ำงขน้ั ตอนวิธี
ข้ันที่ 3 ขนั้ สรุปผล 1. ผู้สอนและผเู้ รียนร่วมกันสรปุ ควำมรทู้ ่ไี ด้จำกกำรทำใบกิจกรรม โดยใหผ้ เู้ รียนยกตัวอย่ำง กำรอธบิ ำยข้นั ตอนวธิ ใี นรปู แบบต่ำง ๆ 8. การวดั และประเมินผล รายการประเมิน วธิ ีการวดั เครื่องมือทใี่ ช้วดั เกณฑก์ ารประเมิน ผเู้ รยี นสามารถอธบิ ายขัน้ ตอนวิธไี ด้ ตรวจใบกิจกรรม ใบกิจกรรม คะแนน 7-8 หมายถึง ดมี าก ผูเ้ รยี นสามารถออกแบบขน้ั ตอนวิธีแตล่ ะ ตรวจใบกิจกรรม ใบกจิ กรรม คะแนน 5-6 หมายถงึ ดี รปู แบบได้ คะแนน 3-4 หมายถึง พอใช้ ตรวจใบกิจกรรม ใบกจิ กรรม คะแนน 1-2 หมายถึง ผู้เรยี นสามารถเรียงลาดบั ข้นั ตอนวธิ ีได้ ปรบั ปรุง สงั เกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม คะแนน 7-8 หมายถึง ดมี าก ทักษะการคิดเชิงคานวณ สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม คะแนน 5-6 หมายถึง ดี ทกั ษะการแก้ปญั หา สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤติกรรม คะแนน 3-4 หมายถงึ พอใช้ ทักษะการคดิ วเิ คราะหแ์ ละสังเคราะห์ สงั เกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม คะแนน 1-2 หมายถงึ ทกั ษะการคิดสร้างสรรค์ ปรับปรุง เกณฑก์ ารประเมิน คะแนน 7-8 หมายถงึ ดีมาก คะแนน 5-6 หมายถงึ ดี คะแนน 3-4 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 1-2 หมายถงึ ปรบั ปรงุ ผู้เรียนได้ระดับคุณภาพ ดี ขึ้นไปถือว่าผ่าน (ดู เกณฑก์ าร ประเมนิ ในภาคผนวก) ประเด็น ระดับคะแนน การประเมิน 4 3 2 1 ผเู้ รียนสามารถ ผู้เรยี นสามารถอธบิ าย ผเู้ รยี นสามารถอธิบาย ผู้เรยี นสามารถอธิบาย ผเู้ รยี นสามารถอธิบาย อธบิ ายข้นั ตอนวธิ ี ขนั้ ตอนวิธี ขนั้ ตอนวิธี ได้ ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง เป็น ขนั้ ตอนวธิ ี ขน้ั ตอนวิธี ครบถ้วน สว่ นใหญ่ ได้อย่างถกู ตอ้ ง บางส่วน ได้แต่ไมถ่ ูกต้อง ผ้เู รียนสามารถ ผเู้ รยี นสามารถ ผเู้ รียนสามารถ ผู้เรยี นสามารถออกแบบ ผูเ้ รยี นสามารถ ยกตวั อยา่ งขนั้ ตอนวิธี ยกตวั อย่างวธิ แี ตล่ ะ ออกแบบขั้นตอนวิธีแต่ ยกตัวอยา่ งข้นั ตอน ยกตัวอย่างข้นั ตอนวธิ ี วธิ แี ต่ละรูปแบบได้
แตล่ ะรปู แบบได้อยา่ ง แตล่ ะรปู แบบได้ถูกต้อง รูปแบบได้ถูกต้อง ละรูปแบบได้แตไ่ ม่ ถกู ต้อง ครบถว้ น สมบรู ณ์ เปน็ สว่ นใหญ่ บางสว่ น เกณฑก์ ารตัดสนิ ระดบั คุณภาพ 1. คะแนน 7-8 คะแนน หมายถึง ระดับคณุ ภาพ ดีมาก 2. คะแนน 5-6 คะแนน หมายถึง ระดับคุณภาพ ดี 3. คะแนน 3-4 คะแนน หมายถึง ระดบั คุณภาพ พอใช้ 4. คะแนน 1-2 คะแนน หมายถงึ ระดบั คณุ ภาพ ปรบั ปรงุ 9. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรยี นรายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลย(ี วทิ ยาการคานวณ) มธั ยมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 1 เรอื่ ง แนวคดิ เชิงคานวณ 2) สือ่ วีดีทัศน์ การทาสไลม์ https://youtu.be/4RfKj-nknbs 3) ใบกจิ กรรมที่ 5 เรียงลาดบั ข้ัน 4) ใบกิจกรรมท่ี 6 ขัน้ ตอนวธิ ี 5) สอื่ หนงั สืออิเลก็ ทรอนิกส์ https://drive.google.com/drive/my-drive
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143