Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ ๖๑

รายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ ๖๑

Published by project, 2018-12-20 21:44:30

Description: รายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ ๖๑

Search

Read the Text Version

การพฒั นาแอปพลเิ คชน่ั เกม เสริมทักษะการเรยี นรู้ เรอ่ื ง ศาสตรพ์ ระราชา โดย นายพัตศกรณ์ ลีลาอดุ มวิทย์ นางสาววรรณนภา วเิ ชยี รศรี เดก็ ชายนัทธพงศ์ อัมโร ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑ – ๓ โรงเรยี นบา้ นโตสงั กดั สานกั งานเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษายะลา เขต ๓รายงานฉบบั นี้เปน็ สว่ นประกอบของโครงงานคอมพิวเตอร์ประเภทซอฟต์แวร์เนอื่ งในงานศลิ ปหตั ถกรรมนกั เรียน ครงั้ ท่ี ๖๘ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๑ระดับ ⃝ เขต ⃝ ภาควนั ท่ี ๑๐ เดอื น มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๒

การพัฒนาแอปพลเิ คชนั่ เกม เสรมิ ทกั ษะการเรยี นรู้ เร่ือง ศาสตรพ์ ระราชา โดย นายพัตศกรณ์ ลลี าอุดมวิทย์ นางสาววรรณนภา วเิ ชยี รศรี เดก็ ชายนัทธพงศ์ อัมโร ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ – ๓ โรงเรยี นบ้านโตสงั กดั สานักงานเขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต ๓ ครทู ่ีปรกึ ษา นายไอหยุ หมดั ชูดชู ครูที่ปรึกษพเิ ศษ นางจติ มยุรี หมดั ชูดชู

ชอ่ื เรือ่ ง การพัฒนาแอปพลเิ คชัน่ เกม เสริมทักษะการเรียนรู้ เร่ือง ศาสตร์พระราชาผูศ้ ึกษา นายพตั ศกรณ์ ลลี าอุดมวิทย์ นางสาววรรณนภา วิเชยี รศรี เด็กชายนทั ธพงศ์ อัมโรครทู ปี่ รกึ ษา นายไอหยุ หมัดชูดชู นางจติ มยุรี หมดั ชูดชูปที ศี่ กึ ษา 2560 บทคัดย่อ การศึกษาคร้ังน้ี มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพ่ือพัฒนาแอปพลิเคชั่นเกมเสริมทักษะการเรียนรู้ เร่ือง ศาสตร์พระราชา 2) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนหลังการใช้แอปพลิเคช่ันเกมเสริมทักษะ การเรียนรู้ เรื่อง ศาสตร์พระราชา 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้แอปพลิเคช่ันเกมเสริมทักษะ การเรยี นรู้ เรือ่ ง ศาสตรพ์ ระราชา การศึกษาครั้งนี้ศึกษาตัวแปรต้น ได้แก่ เกมเสริมทักษะการเรียนรู้ เรื่อง ศาสตร์พระราชา ตัวแปรตาม ได้แก่ 1. ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญต่อแอปพลิเคชั่นเกมเสริมทักษะการเรียนรู้ 2. ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนหลังการใช้แอปพลเิ คช่นั เกมเสริมทกั ษะการเรียนรู้ 3. ความพึงพอใจของผูเ้ ล่น ตอ่ เกมเสริมทกั ษะการเรียนรู้ เรอ่ื ง ศาสตรพ์ ระราชา ระยะเวลาท่ใี ชใ้ นการศกึ ษาดาเนินการจัดทาโครงงาน ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 เน้ือหาท่ีใช้ในการจัดทาโครงงาน เร่ือง ศาสตร์พระราชา ได้แก่ โครงการแกล้งดิน โครงการแก้มลิง โครงการชั่งหัวมัน โครงการฝนหลวง โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ โครงการกังหนั นา้ ชัยพฒั นาเผยเพรผ่ ่านเว็บไซต์ http://project61.banto.ac.th/ และ Mobile Application ช่อืKing Science โดยผู้เลน่ สามารถติดตง้ั บนสมาทโฟน ผลการศกึ ษาพบวา่ 1. ผลการแสดงความคิดเห็นของผ้เู ชย่ี วชาญต่อแอปพลิเคช่ันเกมเสรมิ ทักษะการเรยี นรู้ เร่อื งศาสตร์พระราชา ดา้ นการออกแบบเกม มีคา่ เฉล่ีย 4.62 อยใู่ นระดบั มากที่สุด และด้านเนือ้ หา มคี า่ เฉล่ีย4.67 อยใู่ นระดบั มากท่ีสดุ 2. นักเรยี นมีผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นระหว่างเรียน คดิ เปน็ ร้อยละ 82.47 และหลงั การใช้แอปพลเิ คชัน่ เกมเสริมทกั ษะการเรียนรู้ เร่ือง ศาสตร์พระราชา คดิ เป็นรอ้ ยละ 80.20 3. ผลการศึกษาความพึงพอใจของผู้เลน่ เกม ผูเ้ ลน่ มีความพงึ พอใจ มีค่าเฉล่ยี 4.90 อยใู่ นระดบัมากทสี่ ุด

กิตตกิ รรมประกาศ รายงานผลการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ ประเภทซอฟต์แวร์ เร่ือง การพัฒนาแอปพลิเคชัน่เกม เสริมทักษะการเรียนรู้ เร่ือง ศาสตร์พระราชา เล่มนี้ เสร็จสมบูรณ์ด้วยดี โดยได้รับคาปรึกษาจากครูไอหยุ หมัดชูดชู ครูจิตมยุรี หมัดชูดชู ท่ีได้ให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้โปรแกรมในการสร้าง MobileApplication เกมเสริมทักษะการเรียนรู้ เรื่อง ศาสตร์พระราชา แนะนาการศึกษาค้นคว้าข้อมูลในการจัดทาโครงงาน ตลอดจนข้อแนะนาต่าง ๆ ขอขอบคุณ นายประสิทธิ์ เรืองหิรัญ ผู้อานวยการโรงเรียนบา้ นโต ทสี่ นบั สนนุ ในการจัดทาโครงงานในคร้ังนี้ ขอขอบคุณคณะครู เพ่ือน ๆ น้อง ๆ โรงเรียนบ้านโต สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 3 ที่เข้ามาติชม ให้ข้อเสนอแนะ และหวังเป็นอย่างย่ิงว่าโครงงานท่ีคณะผูจ้ ดั ทาสรา้ งขึน้ จะมีประโยชนต์ อ่ การศกึ ษาของเพ่ือน นอ้ ง ๆ ต่อไป คณะผจู้ ัดทา

สารบัญ หนา้บทคัดยอ่ กกิตติกรรมประกาศ ขสารบญั คสารบญั ตาราง งสารบญั ภาพ จบทที่ 1 1 บทนา 1 ทม่ี า และความสาคญั 1 วัตถปุ ระสงค์ของโครงงาน 2 ขอบเขตของโครงงาน 2 นยิ ามศพั ท์เฉพาะ 2 ประโยชน์ทค่ี าดว่าจะไดร้ ับ 3 2 เอกสารและงานวจิ ัยที่เกีย่ วข้อง 3 เกมการศกึ ษา 4 โครงการแกล้งดิน 6 โครงการแก้มลิง 7 โครงการชัง่ หวั มนั 9 โครงการฝนหลวง 11 โครงการเกษตรทฤษฎใี หม่ 14 โครงการกังหนั นา้ ชยั พฒั นา 17 3 วธิ ดี าเนินการศกึ ษา 17 วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ โปรแกรมหรือท่ใี ชใ้ นการพฒั นา 17 ขั้นตอนการดาเนินงาน 18 18 4 ผลการดาเนินงาน ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู

สารบัญ ( ตอ่ ) หนา้ 205 สรปุ ผลการดาเนินงาน / อภปิ รายลการดาเนนิ งาน 20 การดาเนนิ งานจดั ทาโครงงาน 20 วัตถุประสงค์ของโครงงาน 20 วสั ดุ อุปกรณ์ เคร่ืองมือหรือโปรแกรมหรือทใ่ี ช้ในการพฒั นา 20 สรปุ ผลการดาเนินงานโครงงาน 20 ขอ้ เสนอแนะ 21 22 บรรณานุกรม ภาคผนวก

สารบญั ตารางตาราง หนา้1 ความคิดเหน็ ของผเู้ ชีย่ วชาญต่อแอปพลิเคชน่ั เกมเสรมิ ทักษะการเรยี นรู้ 182 ผลการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลงั การใช้แอปพลิเคชนั่ เกมเสรมิ ทกั ษะการเรยี นรู้ 193 ผลการศกึ ษาความพงึ พอใจของผ้เู ล่นเกม เรื่อง ศาสตร์พระราชา 19

สารบัญภาพ หนา้ภาพประกอบ 7 14 1 ลักษณะและวธิ ีการของโครงการแกม้ ลิง 15 2 ทฤษฎใี หม่ทีส่ มบูรณ์ 16 3 รปู กังหนั นา้ ชยั พฒั นา รูปแบบ A 16 4 รูปกงั หันน้าชัยพัฒนา รปู แบบ B 16 5 รูปกงั หันน้าชัยพฒั นา รปู แบบ C 16 6 รูปกงั หันนา้ ชัยพัฒนา รปู แบบ D 7 สทิ ธบิ ตั รเคร่ืองกลเติมอากาศ

1 บทท่ี 1 บทนำ1. ทมี่ ำ และควำมสำคัญ เป็นท่ีทราบกันว่าตลอดระยะเวลาการครองราชย์ 70 ปี ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรชั กาลที่ 9 พระองคท์ รงเปน็ พระมหากษัตริย์ที่เปี่ยมดว้ ยพระอจั ฉริยภาพและความสามารถพระองค์ทรงอุทิศพระวรกายในการประกอบพระราชกรณียกิจมากมาย เฉพาะโครงการในพระราชดาริมีมากกวา่ 4,000 โครงการ ในสาขาตา่ ง ๆ ซง่ึ ชว่ ยพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ของราษฎรใหม้ ีความเปน็ อยทู่ ่ดี ีขน้ึ อันเป็นคุณูปการย่ิงใหญ่แก่ประชาชนและประเทศชาติ สิ่งท่ีพระองค์ทรงสอน ทรงทาให้เป็นแบบอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแนวคดิ ทฤษฎี พระราชดาริ หลกั การทรงงาน โครงการอันเน่อื งมาจากพระราชดารติ ่าง ๆ หรอื แม้แต่พระราชกรณยี กิจของพระองคถ์ ือเป็น “ ศาสตร์พระราชา ” ท้งั ส้นิ ปัจจุบันการศึกษาก้าวสู่ยุคเทคโนโลยี 4.0 ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมการส่งเสริมให้เด็กไทยศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง คิดค้น ประดิษฐ์ส่ิงใหม่ๆ เพ่ือตอบสนองความต้องการด้านการศึกษา แต่นกั เรยี นหนง่ึ ใชเ้ ทคโนโลยีในทางทไี่ มเ่ หมาะสม เช่น การเลน่ เกม ดหู นังเพือ่ ความบนั เทงิ มากกว่าการศกึ ษา ซึง่ เกมเข้ามามบี ทบาทต่อเยาวชนตั้งแต่เด็กก่อนวัยเรยี น หรอื แม้กระทั้งวยั ทางาน ทั้งน้เี นอ่ื งจากเกมเปน็ ส่งิ ทห่ี าเล่นได้ไม่ยาก และมาพร้อมกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เชน่ สมารท์ โฟน แทปเล็ต จึงเป็นเรื่องทสี่ าคัญทีเ่ ราจะตอ้ งเลอื กสรรเล่นเกมท่ีดี มปี ระโยชนก์ ับผเู้ ลน่ เกม สง่ เสริมการเรยี นร้แู ก่ผู้เล่น การเรียนรู้ของผู้เรียนในยุคปัจจุบัน เป็นการเรียนรู้ท่ีผู้เรียนต้องสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา ตามศักยภาพ ความแตกต่างระหว่างบุคคล ดังนั้นการเรียนรู้เพียงในช้ันเรียน จึงไม่เพียงพอต่อความต้องการของผเู้ รียน ซึ่งสามารถเรยี นรู้จากมือถอื สมาร์ทโฟน แทปเล็ต หรอื อปุ กรณ์คอมพิวเตอร์ โน้ตบกุ เป็นต้น ศาสตรพ์ ระราชา เปน็ องคค์ วามรู้ท่ีพระบาทสามเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ท่ีพระองค์ได้พระราชทานองค์ความรู้ ผ่านโครงการในพระราชดาริต่าง ๆ มากมาย ซ่ึงล้วนมีประโยชน์ และมีคุณค่าแกก่ ารเรียนรู้ ดงั น้นั คณะผู้ศึกษาได้จัดทาเปน็ บทเรียนคอมพวิ เตอร์มลั ติมีเดยี ในรูปแบบเกมคอมพวิ เตอร์ที่สร้างโดยโปรแกรมสาเร็จรูป Construct 2 ซึ่งมีเนื้อหาเก่ียวกับโครงการพระราชดาริขององค์พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชการท่ี 9 เรือ่ ง ศาสตร์พระราชา2. วัตถปุ ระสงคข์ องโครงงำน 1. เพ่ือพฒั นาแอปพลิเคชัน่ เกมเสรมิ ทกั ษะการเรยี นรู้ เรื่อง ศาสตรพ์ ระราชา 2. เพ่อื ศึกษาผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นหลังการใช้แอปพลิเคชัน่ เกมเสริมทกั ษะการเรียนรู้ เรอ่ื ง ศาสตร์ พระราชา 3. เพ่ือศึกษาความพึงพอใจของผใู้ ช้แอปพลิเคชนั่ เกมเสริมทักษะการเรยี นรู้ เรื่อง ศาสตร์พระราชา

23. ขอบเขตของโครงงำน 3.1. ตัวแปรทศ่ี กึ ษำ 1. ตวั แปรต้น ไดแ้ ก่ เกมเสริมทกั ษะการเรยี นรู้ เรอ่ื ง ศาสตรพ์ ระราชา 2. ตวั แปรตำม ไดแ้ ก่ 1. ความคดิ เหน็ ของผ้เู ชย่ี วชาญต่อแอปพลิเคชน่ั เกมเสรมิ ทักษะการเรยี นรู้ เร่ือง ศาสตร์พระราชา 2. ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนหลังการใช้แอปพลเิ คช่ันเกมเสริมทักษะการเรียนรู้เรอ่ื ง ศาสตร์พระราชา 3. ความพึงพอใจของผู้เล่น ตอ่ เกมเสริมทกั ษะการเรยี นรู้ เรื่อง ศาสตรพ์ ระราชา 3. ระยะเวลำในกำรจดั ทำโครงงำน ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2560 4. เนอ้ื หำทใี่ ช้ในกำรจดั ทำโครงงำน เร่อื ง ศาสตร์พระราชา ได้แก่ โครงการแกล้งดนิโครงการแก้มลงิ โครงการชั่งหัวมัน โครงการฝนหลวง โครงการเกษตรทฤษฎใี หม่ โครงการกังหนั น้าชัยพฒั นา4. นิยำมศพั ท์เฉพำะ 1. แอปพลเิ คชน่ั เกม เสริมทกั ษะกำรเรียนรู้ หมายถึง บทเรยี นคอมพวิ เตอร์มัลติมีเดยี ในรูปแบบเกมคอมพิวเตอร์ท่สี ร้างโดยโปรแกรมสาเรจ็ รปู Construct 2 ซงึ่ มเี นือ้ หาเกย่ี วกับโครงการพระราชดาริขององค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั การท่ี 9 2. ศำสตร์พระรำชำ หมายถึง องค์ความรู้ขององค์พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดชโดยถ่ายทอดผา่ นโครงการในพระราชดาริ ประกอบดว้ ย โครงการแกลง้ ดนิ โครงการแก้มลิง โครงการชั่งหวั มนัโครงการฝนหลวง โครงการเกษตรทฤษฎใี หม่ โครงการกงั หันนา้ ชัยพัฒนา 3. ควำมพึงพอใจ หมายถงึ ความคิดเห็นของผู้เล่น ต่อการเล่นเกมเสรมิ ทักษะการเรยี นรู้ เรือ่ งศาสตร์พระราชา5. ประโยชนท์ ี่คำดว่ำจะไดร้ บั 1. นักเรียนมีความรู้ เร่ือง ศาสตรพ์ ระราชาสูงมากขน้ึ 2. นักเรยี นมคี วามเพลดิ เพลินจากการเลน่ เกมเสรมิ ทักษะการเรยี นรู้ 3. ผูจ้ ัดทามีความรู้เกยี่ วกบั การเขียนโปรแกรมเบื้องต้นในการพฒั นาแอปพลิเคชัน่ เกม

3 บทที่ 2เอกสำรทเี่ ก่ยี วข้อง โครงงานการพฒั นาแอปพลเิ คช่ันเกมเสริมทักษะการเรียนรู้ เรือ่ ง ศาสตร์พระราชา ผู้จดั ทาได้ศึกษาค้นควา้ เอกสาร ตารา และงานที่เก่ยี วข้องดังนี้ 1. เกมการศกึ ษา 2. โครงการแกลง้ ดิน 3. โครงการแก้มลงิ 4. โครงการชั่งหวั มนั 5. โครงการฝนหลวง 6. โครงการเกษตรทฤษฎใี หม่ 7. โครงการกังหันน้าชยั พัฒนา 1. เกมกำรศกึ ษำ 1.1 ควำมหมำยของ เกม เกมคอมพิวเตอร์ คือ เกมทีถ่ ูกสร้างข้นึ มาเพอื่ เลน่ บนเคร่ืองคอมพิวเตอร์ สามารถแบ่งตาม ลักษณะการแสดงผลไดเ้ ปน็ เกม 2 มิติ และเกม 3 มติ คิ รบั เกม 2 มิติ เปน็ รปู แบบเกมท่มี ีการใช้ภาพแบบ 2 มติ ิ ตวัละครหรอื ฉากสามารถเคลื่อนท่ไี ด้ เฉพาะในแนวแกน x และ y ไมส่ ามารถเปลย่ี นมมุ มองในการเลน่ ได้ เช่นเกมGhost เกม 3 มติ ิ เปน็ รูปแบบเกมที่มีการใช้ภาพแบบ 3 มิติ ตวั ละครหรอื ฉากสามารถเคลอื่ นท่ี ได้ท้ังในแนวแกน x แกน y และ แกน z ผู้เล่นสามารถเปลี่ยนมมุ มองในการเลน่ ได้ เช่นเกม GTA V 1.2 ประเภทของเกม 1. เกมแอคชัน่ (Action Game) 2. เกมสวมบทบาท (Role-Playing Game) 3. เกมการจาลอง (Simulation Game) 4. เกมการยงิ (Shooting Game) 5. เกมต่อสู้ (Fighting Game) 6. เกมวางแผนการรบ (Strategy Game) 7. เกมพซั เซลิ (Puzzle Game) 8. เกมกีฬา (Sport Game) 9. เกมการศึกษา (Education Game)

42. โครงกำรแกล้งดนิ ควำมเป็นมำ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระราชทานพระราชดาริ ให้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพกิ ุลทองฯ ดาเนนิ การศึกษา ทดลอง เพอื่ หาวธิ ีการปรับปรุงดนิ เปรี้ยว ให้สามารถใช้ประโยชน์ทางการเกษตรได้ ต้ังแตป่ ี พ.ศ. 2527 เปน็ ต้นมาผลกำรทดลอง การแกล้งดิน เป็นการเร่งทาให้ดินเปร้ียวเป็นกรดจัดรุนแรงที่สุด จนไม่สามารถปลูกพืช เศรษฐกิจได้จากนั้นหาวิธกี ารปรบั ปรุงดินเปรย้ี วจดั รุนแรงที่สุด ใหส้ ามารถปลกู พืชเศรษฐกิจได้ โดยอาศยั วิธีการต่าง ๆ ดงั น้ี 1. การปรับปรุงดินเปรยี้ วจัดเพื่อปลกู ข้าว• การใชน้ า้ ล้างความเปน็ กรด ในปีแรกข้าวเจริญเติบโต แต่ให้ผลผลิตต่า และผลผลติ เพิ่มข้นึ เร่ือย ๆ ในปีต่อมาชว่ งเวลาของการขังนา้ และระบายนา้ ทิง้ ท่เี หมาะสมคอื 4 สปั ดาห์• การใส่หินปูนฝุ่น ข้าวเจริญเติบโตและให้ผลผลติ ดีกว่า การใส่หินปูนอัตราครง่ึ หนึ่งของความต้องการปนู (1.5ตนั /ไร่) ขา้ วใหผ้ ลผลิตเทียบเทา่ กบั การใสป่ ูนเต็มอตั ราแนะนา• การใส่ปูนอัตราต่า (ครึ่งหน่ึงของความต้องการปูน) เพ่ือสะเทินกรด ควบคู่กับการขังน้า แล้วเปลี่ยนน้าทุก ๆ4 สัปดาห์ ข้าวจะใหผ้ ลผลติ ดีทีส่ ดุ 2. การปรับปรุงดินเปร้ียวจัดเพือ่ ปลูกพชื ไร่ พชื ผัก• โดยใส่หินปนู ฝุ่นอัตรา 2 ตัน/ไร่ ร่วมกบั การใสป่ ยุ๋ คอก ปุ๋ยหมัก และปุ๋ยเคมีอัตราแนะนา 3. การปรับปรุงดินเปรยี้ วจัดเพอ่ื ปลกู ไม้ผล• ควรขุดยกร่องเพ่ือป้องกันน้าท่วมและช่วยล้างกรด บนคันดินลงสู่คูด้านล่างควรปรับปรุงดินบริเวณสันร่องก่อน โดยหว่านหินปูนฝุ่นอัตรา 2 ตัน/ไร่ เพื่อสะเทินกรด ก่อนปลูกพืชรองก้นหลุมด้วยปูนขาวหรือหินปูนฝุ่นร่วมกบั ปุย๋ หมกั ปยุ๋ คอก ไมผ้ ลทีท่ ดลองปลกู ไดผ้ ลดี คือ มะพร้าวนา้ หอม ละมดุ กระทอ้ น ชมพู่ 4. จากการทดลองปรบั ปรงุ ดินแล้วไมใ่ ช้ประโยชนต์ ่อเนอื่ ง พบวา่ ดินจะเปร้ยี วจดั รนุ แรงอกี 5. ดินเปร้ียวจัดในสภาพที่ไม่ถูกรบกวน ความเป็นกรดจะเปล่ียนแปลงอย่างช้า ๆ และพืชพรรณธรรมชาติทที่ นทานความเปน็ กรดขึน้ ไดห้ ลายชนิดรำยละเอยี ดและวธิ ีกำร \"แกลง้ ดิน\"วตั ถุประสงค์• เพ่อื ทาการศึกษาการเปลยี่ นแปลงทางเคมีทเ่ี กิดขน้ึ ในดินเปรี้ยว และหาวธิ กี ารปรับปรงุ แก้ไขสภาพดนิ• เพอื่ ปรับแก้ไขสภาพดินเปร้ียวอันเกิดมาจากป่าพรุ และดนิ เปรีย้ วอื่น ๆ ใหส้ ามารถปลกู พืชได้แกล้งดนิ ทำอยำ่ งไร ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดาริ ได้ทาการศึกษาวิจัยและปรับปรุงดิน โดยวิธีการ \"แกล้งดนิ \" คือ ทาให้ดนิ เปร้ียว เป็นกรดจัดรุนแรงทส่ี ุด กล่าวคอื การทาให้ดินแห้ง และเปยี กโดยนาน้าเข้าแปลงทดลองระยะหน่ึง และระบายน้าออกให้ดินแห้งระยะหนึ่งสลับกัน จะเป็นการกระตุ้นให้เกิดกรดมากยิ่งข้ึน ด้วยหลักการน้ี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จึงทรงให้เลียนแบบ

5สภาพธรรมชาติ ซ่ึงมีฤดูแล้งและฤดูฝนเปน็ ปกติในแต่ละปี แต่ให้ใช้วิธกี ารรน่ ระยะเวลาชว่ งแล้ง และช่วงฝนในรอบปีให้ส้ันลง โดยปล่อยให้ดินแห้ง 1 เดือน และขังน้าให้ดินเปียกนาน 2 เดือน สลับกันไป เกิดภาวะดินแห้งและดินเปยี ก 4 รอบ ต่อ 1 ปี เสมอื นกบั มีฤดูแล้งและฤดูฝน 4 ครัง้ ใน 1 ปี หลังจากนั้นจึงให้หาวธิ ีการปรับปรุงดิน ดังกลา่ วใหส้ ามารถปลูกพชื เศรษฐกิจได้แกล้งดินแล้วปรับปรงุ ดนิ : วธิ กี ำรทส่ี ำคญั เมื่อดาเนินการตามกรรมวิธี \"แกล้งดิน\" แล้วก็ใช้วิธีการปรับปรุงดิน ซ่ึงเปร้ียวจัดให้สามารถใช้เพาะปลกู ได้ โดยมีหลายวิธีการดว้ ยกนั ดังนี้• ใชป้ นู เช่น ปนู ขาว หินปนู ฝนุ่ ใส่ลงไปในดิน แล้วคลุกเคลา้ ใหเ้ ข้ากัน ปูนจะทาปฏิกริยากับกรดกามะถนั ในดินเกิดสารสะเทิน ปรมิ าณกรดในดินจะลดลง ซงึ่ หากใสใ่ นปริมาณที่มากพอจะชว่ ย ใหด้ ินมสี ภาพเปน็ กลาง• ใช้น้าจืดล้างกรดและสารพิษออกจากดินโดยตรง วิธีการน้ีใช้เวลานานกว่าวิธีใช้ปูน เนื่องจากกรดจะชะล้างออกไปอยา่ งชา้ ๆ แตไ่ ดผ้ ลเช่นกนั• ยกร่อง เพ่ือปลูกไม้ผลหรือไม้ยืนต้น โดยมีคูน้าอยู่ด้านข้าง ให้นาหน้าดินจากดินในบริเวณที่เป็นคูมา เสริมหน้าดินเดิมที่เป็นคันร่อง ก็จะได้หน้าดินที่หนาขึ้น ส่วนดินที่มีสารไพไรท์จะใช้เสริมด้านข้าง เมื่อใช้น้าชะล้างกรดบนสนั รอ่ ง กรดจะถูกน้าชะลา้ งไปยงั คูด้านข้าง แลว้ ระบายออกไป• ควบคุมระดับน้าใต้ดิน ให้อยู่เหนือช้ันดินเลนตะกอนทะเล ป้องกันไม่ให้สารไพไรท์ทาปฎิกริยากับออกซิเจนกรดกามะถนั จึงไม่ถูกปลดปลอ่ ยเพิ่มขึน้• ใชพ้ ืชพันธุท์ นทานตอ่ ความเปน็ กรด มาปลูกในดินเปรี้ยว ใชว้ ิธกี ารตา่ ง ๆ ข้างตน้ ร่วมกนักำรดำเนินงำนศกึ ษำทดลองในโครงกำรแกลง้ ดนิไดม้ ีการดาเนินการในชว่ ง ต่าง ๆ ตามแนวพระราชดารดิ งั น้ี ช่วงที่ 1 (มกรำคม 2529-กันยำยน 2530) เป็นการศึกษา การเปลี่ยนแปลงทางเคมีของดินเปรียบเทียบระหว่างดินที่ปล่อยทิ้งไว้ตามธรรมชาติ กับดินท่ีทาให้แห้งและเปียกสลับกัน โดยวิธีการสูบนา้ เข้า-ออก การทาดินให้แห้งและเปียกสลับกัน ดินจะเป็นกรดจัดรุนแรง และมีผล ต่อการเจริญเติบโตของพืช พบว่าข้าวสามารถ เจริญเติบโตได้ แตใ่ หผ้ ลผลิตตา่ ช่วงที่ 2 (ตุลำคม 2530-ธันวำคม 2532) ศึกษาการเปล่ียน แปลงทางเคมีของดินโดยเปรียบเทียบระหว่างระยะเวลา ที่ทาให้ดินแห้งและ เปียกแตกต่างกัน การปล่อยให้ดินแห้งนานมากข้ึน ความเป็นกรดจะรนุ แรงมากกว่าการใช้ นา้ แช่ขังดนิ นาน ๆ และการให้นา้ หมุนเวยี นโดยไม่มกี ารระบายออก ทาให้ความเป็นกรดและ สารพิษสะสมในดินมากข้ึน ในการปลูกข้าวทดสอบความรุนแรงของกรด พบว่าข้าวตายหลังจากปักดาได้1 เดอื น ชว่ งที่ 3 (มกรำคม 2533-ปจั จุบนั ) ศึกษาถึงวิธีการปรบั ปรุงดิน โดยใช้นา้ ชะลา้ งความเป็นกรด ใชน้ า้ชะล้างควบคู่กับการใช้หินปูนฝุน่ ใช้หินปูนฝุ่นอัตราต่า เฝ้าติดตามการเปลยี่ นแปลงของดิน หลังจากที่ปรับปรงุแล้วปล่อยทิ้งไว้ ไม่มีการใช้ประโยชน์ และศึกษาการเปล่ียนแปลงของดินเปรี้ยวจัด เมื่ออยู่ในสภาพธรรมชาติในปริมาณเล็กน้อย พบว่าวิธีการใช้น้าชะล้างดิน โดยขังน้าไว้นาน 4 สัปดาห์ แล้วระบายออก ควบคู่กับการใช้หินปูนฝุ่นในปริมาณเล็ก น้อยจะสามารถปรับปรงุ ดินเปร้ียวจดั ได้เป็นอย่างดี ส่วนวิธีการใชน้ ้าชะล้างก็ให้ผลดี

6เชน่ เดียวกัน แต่ต้องใช้เวลานานกว่า หลงั จากมกี ารปรับปรงุ ดนิ แล้ว หากปล่อยทิ้งไว้ไม่มีการใช้ประโยชน์อย่างต่อเนื่อง จะทาให้ดินกลับเป็นกรดจัดรุนแรงข้ึนอีก สาหรับพ้ืนท่ีดินเปรี้ยวจัดตามธรรมชาติ ท่ีไม่มีการปรับปรุงการเปล่ยี นแปลง ของความเป็นกรดนอ้ ยมากเม่อื ปี พ.ศ. 2535 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้มรี ับสงั่ เม่อื คราวเสด็จพระราชดาเนนิ ตรวจแปลงศึกษาการเปลี่ยนแปลงความเปน็ กรดของดนิ กามะถันว่า\"...น่ีเป็นเหตุผลอย่างหนึ่ง ท่ีพูดมาสามปีแล้วหรือสี่ปี ว่าต้องการน้าสาหรับมาให้ดินทางาน ดินทางานแล้วดินจะหายโกรธ อนั น้ไี ม่มีใครเชื่อ แลว้ ก็มาทาที่นแ้ี ล้วมันไดผ้ ล... อันนผี้ ลงานของเราที่ทาทีน่ ี่ เปน็ งานทส่ี าคัญที่สุดเช่อื วา่ ชาวต่างประเทศ เขามาดูเราทาอยา่ งนีแ้ ล้ว เขาก็พอใจ เขามปี ัญหาน่แี ล้วเขาก็ไมไ่ ด้ แกห้ าตาราไมไ่ ด้ ...\"ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดาริ จึงได้จัดทาคู่มือ การปรับปรุงดินเปร้ียวจัด เพื่อการเกษตรขึน้ เม่อื ปี พ.ศ. 25363. โครงกำรแกม้ ลิงควำมเป็นมำของโครงกำรแก้มลิง โครงการแก้มลิง เป็นแนวคิดในพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร เพ่ือแก้ปัญหาอุทกภัย โดยพระองค์ทรงตระหนักถึงความรุนแรงของอุทกภัยที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร เมื่อปี พ.ศ.2538 จึงมีพระราชดาริ \"โครงการแก้มลิง\" ข้ึน เม่ือวันท่ี 14 พฤศจิกายน พ.ศ.2538 โดยให้จัดหาสถานทเี่ กบ็ กักน้าตามจุดตา่ งๆ ในกรุงเทพมหานคร เพอ่ื รองรับนา้ ฝนไว้ชว่ั คราว เมอ่ื ถงึ เวลาท่ีคลองพอจะระบายนา้ ได้จึงค่อยระบายน้าจากสว่ นท่กี ักเกบ็ ไวอ้ อกไป จงึ สามารถลดปญั หานา้ ท่วมได้ท้ังน้ี นอกจากโครงการแก้มลิงจะมีขึ้นเพ่ือช่วยระบายน้า ลดความรุนแรงขอ งปัญหาน้าท่วมในพื้นท่ีกรุงเทพมหานครและบริเวณใกล้เคียงแล้ว ยังเป็นการช่วยอนุรักษ์น้าและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย โดยน้าท่ีถูกกักเก็บไว้ เมื่อถูกระบายสู่คูคลอง จะไปบาบัดน้าเน่าเสียให้เจือจางลง และในท่ีสุดน้าเหล่าน้ีจะผลักดันน้าเสียให้ระบายออกไปได้แนวคิดของโครงกำรแกม้ ลงิ แนวคิดของโครงการแก้มลิง เกิดจากการท่ีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มพี ระราชดาริถงึ ลิงที่อมกล้วยไว้ในกระพุ้งแก้มได้คราวละมากๆ จึงมีพระราชกระแสอธิบายวา่ \"ลิงโดยท่ัวไปถ้าเราส่งกล้วยให้ ลิงจะรีบปอกเปลือก เอาเข้าปากเคี้ยว แล้วนาไปเก็บไวท้ ี่แก้มก่อน ลิงจะทาอย่างนี้จนกล้วยหมดหวีหรือเต็มกระพุ้งแก้ม จากนั้นจะค่อยๆ นาออกมาเคี้ยวและกลืนกินภายหลัง\" ด้วยแนวพระราชดารินี้ จึงเกิดเป็น \"โครงการแก้มลิง\" ข้ึน เพ่ือสร้างพื้นที่กักเก็บน้า ไว้รอการระบายเพ่ือใช้ประโยชน์ในภายหลังลกั ษณะและวธิ ีกำรของโครงกำรแกม้ ลงิ ลักษณะของโครงการแก้มลิงจะดาเนินการระบายน้าออกจากพน้ื ที่ตอนบน เพ่ือใหน้ ้าไหลลงคลองพักน้าท่ีชายทะเล จากนั้นเมื่อระดับน้าทะเลลดลงจนตา่ กว่าน้าในคลอง น้าในคลองจะไหลลงสทู่ ะเลตามธรรมชาติ ต่อจากน้ันจะเร่ิมสูบน้าออกจากคลองท่ีทาหน้าท่ีแกม้ ลงิ เพื่อ

7ทาให้น้าตอนบนค่อยๆ ไหลมาเอง จึงทาให้เกิดน้าท่วมพ้ืนที่ลดน้อยลง จนในที่สุดเมื่อระดับน้าทะเลสูงกว่าระดับในคลอง จึงปิดประตรู ะบายน้า โดยให้นา้ ไหลลงทางเดยี ว (One Way Flow) ลักษณะและวิธกี ำรของโครงกำรแก้มลิงประเภทของโครงกำรแก้มลงิโครงการแก้มลงิ มี 3 ขนาด คอื 1. แก้มลิงขนำดใหญ่ ( Retarding Basin) คือ สระน้าหรือบึงขนาดใหญ่ ที่รวบรวมน้าฝนจากพ้ืนที่ บริเวณน้ันๆ โดยจะกักเก็บไว้เป็นระยะเวลาหนึ่งก่อนท่ีจะระบายลงสู่ลาน้า พื้นท่ีเก็บกักน้าเหล่าน้ี ได้แก่ เขื่อน อ่างเก็บน้า ฝาย ทุ่งเกษตรกรรม เป็นต้น ลักษณะส่ิงก่อสร้างเหล่าน้ีจะมีวัตถุประสงค์อ่ืน ประกอบด้วย เชน่ เพ่ือการชลประทาน เพอื่ การประมง เป็นต้น 2. แก้มลิงขนำดกลำง เป็นพนื้ ท่ีชะลอนา้ ท่มี ีขนาดเล็กกว่า ก่อสรา้ งในระดับลุม่ น้า มกั เปน็ พน้ื ท่ธี รรมชาติ เชน่ หนอง บึง คลอง เปน็ ตน้ 3. แก้มลิงขนำดเล็ก (Regulating Reservoir) คือแก้มลิงท่ีมีขนาดเล็กกว่า อาจเป็นพ้ืนที่สาธารณะ สนามเด็กเลน่ ลานจอดรถ หรือสนามในบ้าน ซึง่ ต่อเขา้ กบั ระบบระบายนา้ หรือคลองท้ังน้ี แก้มลิงที่อยู่ในพ้ืนท่ีเอกชน เรียกว่า \"แก้มลิงเอกชน\" ส่วนท่ีอยู่ในพื้นที่ของราชการและรัฐวิสาหกิจจะเรยี กว่า \"แก้มลิงสำธำรณะ\"4. โครงกำรช่งั หวั มัน ตำมพระรำชดำริวตั ถุประสงค์ 1. เพอ่ื ใหเ้ ปน็ แหลง่ รวบรวมพนั ธพุ์ ชื เศรษฐกจิ พชื พนั ธ์ดุ ขี องอาเภอทา่ ยาง และของจังหวดั เพชรบรุ ี 2. เพ่ือเป็นแหล่งเรยี นรูด้ า้ นการเกษตรแก่เกษตรกร 3. เพ่อื ให้ประชาชนในพ้นื ทีเ่ ข้ามามีสว่ นร่วมในการจัดทาแปลงหรือมาชว่ ยงานพระองค์เปำ้ หมำย โครงการช่ังหัวมันตามพระราชดาริ มีเป้าหมายในการสนองพระราชประสงค์และพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ให้เป็นศูนย์รวมพันธ์ุพืชเศรษฐกิจของอาเภอทา่ ยาง จงั หวัดเพชรบรุ ี และพน้ื ที่ใกล้เคียงรวมทงั้ การจดั การฟาร์มโคนม และโรงเลย้ี งไก่ไข่ โรงงานแปรรูปผลิตภณั ฑน์ ม ซงึ่ มีผลติ ภณั ฑน์ มพาสเจอร์ไรส์ และสเตอรไิ รส์ ตลอดจนมีหน่วยทดลองพลังงานทดแทน เช่น

8ทุ่งกันหันลม พลังงานแสงอาทิตย์ และไบโอดีเซล ทั้งน้ีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงชาวบ้านท่ีอยู่พ้ืนที่ใกล้เคียงได้เข้ามาร่วมกันบารุงดูแลรักษา และแลกเปล่ียนความรู้ความคิดเห็นตามวิถีการดารงชีวิตเกษตรกรรมตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง “...โครงการช่ังหัวมันตามพระราชดาริ ได้ดาเนินการผลิตผลิตภัณฑ์เกษตรที่ปลอดภัยจากสารพิษภายใต้การควบคุมกากับดูแลข้ันตอนการผลิตอย่างใกล้ชิดโดยนักวิชาการเกษตรที่มีความชานาญเพ่ือให้ได้ผลติ ภณั ฑท์ ม่ี คี ณุ ภาพผ่านการเก็บเก่ยี วรวบรวมผลิตภัณฑ์ทถ่ี ูกต้องตามหลักวชิ าการ การคัดเลอื ก คดั แยก และบรรจุ เพือ่ ส่งถงึ ผ้บู รโิ ภค ให้มน่ั ใจได้วา่ ผู้บริโภคจะไดร้ บั ผลติ ภณั ฑ์ที่มีคณุ ภาพ...”แนวทำงกำรบรหิ ำรงำน 1. บริหารทรัพยากรแบบบูรณาการ ใช้ทรัพยากรธรรมชาติท่ีมีอยู่อย่างจากัดให้คุ้มค่า ได้แก่ การพัฒนาอ่างเก็บน้าหนองเสือเพ่ือส่งน้าไปใช้ในโครงการ โดยมีสัตว์เก็บกักน้าไว้ 2 สระ ไว้รองรับและกระจายนาเข้าสู่ระบบการเพาะปลูก ฟาร์มปศุสัตว์ และโรงงานแปรรูปนม รวมทั้งการขุดเอาเจาะน้าบาดาลเพ่ือนามาใช้ในการอปุ โภคดว้ ย 2. ใช้ช่องทางการจาหน่ายผลผลิตทางการเกษตรของโครงการฯ ผ่านร้านโกลเด้นเพลส (GoldenPlace) ภายใต้การดาเนินงานของ บริษัท สุวรรณชาด จากัด ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อควบคุมผลผลิตให้มีคณุ ภาพและจาหน่ายถึงผู้บรโิ ภคโดยตรง 3. เป็นแหล่งเรียนรู้ ในการนาพลังงานสะอาดจากธรรมชาติมาใช้เป็นพลังงานทดแทนเพ่ือผลิตกระแสไฟฟ้า เช่น ทุ่งกังหันลม (Wind Farm) และแผงพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar cells) สามารถจาหน่ายกระแสไฟฟ้าท่ีผลิตได้เข้าสู่ระบบของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซ่ึงนอกจากเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่โครงการฯแลว้ ยงั ช่วยให้ราษฎรในหม่บู ้านตา่ ง ๆ ท่อี ยใู่ กลเ้ คียง มีกระแสไฟฟา้ ใชไ้ ด้อยา่ งพอเพียง และทว่ั ถึง 4. เป็นแหล่งสาธิตทางการเกษตรของภาคเอกชนและวิทยาลัยแม่โจ้ เพ่ือให้โครงการนี้มีประโยชน์แก่เกษตรกรและประชาชนเพ่ิมมากขึ้น เช่น บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ จัดทาแปลงสาธิตการปลูกยางพาราที่ทนั สมัย และนาข้าวทดลองแบบใช้นาบังคับให้ไดผ้ ลผลิตสงู และลดตน้ ทุนการผลิต มหาวิทยาลัยแม่โจ้นาเสนอแปลงสาธติ การเกษตรแบบผสมผสานสาหรับการดาเนนิ ชวี ติ ได้อยา่ งพอเพียงในพื้นท่จี ากัด เพยี ง 1 ไร่ และเงินลงทุน 100,000 บาท รวมท้ังการเพาะเล้ียงไส้เดือน เพ่ือประโยชน์ในการผลิตปุ๋ยบารุงดินและเป็นรายได้เสริมของเกษตรกรทส่ี นใจ เปน็ ต้น ในปี 2556 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงมอบหมายให้โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนกิจการของโครงการฯ โดยจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมพัฒนาและปฏิบัติงานร่วมกับกองงานส่วนพระองค์ เช่น การเล้ียงโคนม การเล้ียงไก่ไข่ การผลติ น้านมพาสเจอไรซ์และสเตอริไรส์ หน่วยพลงั งานทดแทน ไบโอดเี ซล รวมทั้งการเผยแพรป่ ระชาสัมพันธ์ ปัจจุบัน โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดาริ ได้ก้าวเข้าสู่การเป็นแหล่งเรียนรู้ทางการเกษตรอีกแห่งหน่ึง ท่ีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานพระบรมราชานุญาต ใหผ้ ูท้ ีส่ นใจเขา้ ศึกษาดูงาน และเปิดให้เขา้ ชมไดจ้ ากจุดเร่ิมต้นทีม่ าจากพ้ืนท่ีที่แห้งแล้งและเส่ือมโทรม กลับกลายเป็นพ้ืนท่ีสีเขียว ที่สามารถเพาะปลูกพืชสวนครัวและ พันธ์ุพืชต่าง ๆ

9รวมท้ังการปศุสัตว์ การแปรรูปผลิตภัณฑ์นม และหน่วยพลังงานทดแทน ซึ่งได้มีนักเรียน นิสิต นักศึกษาเกษตรกร และประชาชนทั่วไป รวมท้ังหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน ภิกษุ สามเณรตลอดจนชาวต่างชาติ เขา้ เย่ียมชมกจิ กรรมของโครงการฯ เพิ่มมากข้นึ เป็นลาดบักจิ กรรมโครงกำร• การใชก้ งั หนั ลมผลิตไฟฟา้ เพ่อื เปน็ พลังงานทดแทน • การผลติ พืชปลอดภัยจากสารพิษ • การสาธิตการปลูกสบู่ดา • การปลูกข้าวสายพันธ์ุต่าง ๆ แปลงศึกษาและส่งเสริมการผลิตชมพู่เพชรสายรุ้ง • แปลงศึกษาและส่งเสริมการผลิตหน่อไม้ฝรั่ง • การทาปุ๋ยหมัก • การปลูกไม้ผล พืชไร่ ประกอบด้วย แก้วมังกร กล้วยน้าว้ากล้วยหักมุก มะละกอ มะนาว ฟักทอง กล้วย อ้อย มะพร้าวน้าหอม มะพร้าวห้าว ฯลฯ • การปลูกพืชผักประกอบดว้ ย มนั เทศ กระเพรา โหระพา พริกพันธซุ์ ูปเปอรฮ์ อต มะเขอื เทศราชินี กระเจี๊ยบเขยี ว วอเตอรเ์ ครสมะระขีน้ ก ผักหวานบ้าน ฯลฯ5. ทฤษฎกี ำรพัฒนำทรัพยำกรแหลง่ น้ำ “ ฝนหลวง ” พระบำทสมเดจ็ พระปรมินทรมหำภูมพิ ลอดุลยเดช บรมนำถบพติ รได้ทรงวิเครำะห์กรรมวธิ ที ี่จะทำกำรผลติ ฝนหลวงวำ่ มีข้นั ตอนทสี่ ำมำรถเขำ้ ใจกันได้ง่ำย 3 ข้นั ตอน คอืข้ันตอนท่ี 1 ก่อกวน โดยการใช้สารเคมีไปกระตุ้นมวลอากาศทางด้านเหนือลมของพื้นท่ีเป้าหมาย ให้เกิดการลอยตัวข้ึนสู่เบ้ืองบนรวมตวั กันเป็นกลุ่มก้อนเมฆฝน ขั้นตอนแรกนี้เป็นขั้นตอนท่ีเมฆธรรมชาติเร่ิมก่อตัวทางแนวต้ัง การทาฝนหลวงในข้ันตอนน้ีจึงมุ่งใช้สารเคมีไปกระตุ้นอากาศให้เกิดการลอยตัวข้ึนสู่เบื้องบน เพื่อให้เกิดกระบวนการชักนาไอน้าหรอื ความช้ืนเข้าส่รู ะดับการเกิดเมฆ ระยะเวลาทเี่ หมาะสมในการปฏิบัติงานของขั้นตอนแรกนี้ ควรดาเนินการในช่วงเช้าของแต่ละวัน สารเคมีที่ใช้ในข้ันตอนน้ี ได้แก่ สารแคลเซียมคลอไรด์ สารแคลเซียมคารไ์ บด์ สารแคลเซยี มอ๊อกไซด์ หรือสารผสมระหวา่ งเกลือแกงกับสารยูเรยี หรอื สารผสมระหว่างสารยูเรยี กับสารแอมโมเนียไนเตรทซึ่งสารผสมดังกล่าวนี้ แม้จะมีเปอรเ์ ซน็ ต์ความช้ืนสมั พัทธ์ตา่ ก็ตาม แต่กส็ ามารถดูดซับไอน้าจากมวลอากาศได้อันเป็นการกระตุ้นกลไกของกระบวนการกล่ันตัวของไอน้าในมวลอากาศ อีกท้ังยังเสริมสร้างให้เกิดสภาพแวดล้อมโดยรอบท่ีเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเมฆทางด้านเหนือลมของพ้ืนท่ีเป้าหมายอีกด้วย เมื่อเมฆเร่ิมเกิดมีการก่อรวมตัวและเจริญเติบโตทางตั้งแล้ว จึงใช้สารเคมีที่ให้ปฏิกิริยาคายความร้อนโปรยเป็นวงกลมหรือเป็นแนว ถัดมาทางใต้ลมเป็นะระยทางส้ัน ๆ เข้าสู่ก้อนเมฆ เพ่ือกระตุ้นให้เกิดก้อนเมฆเป็นกลุ่มแกนร่วมในบริเวณพ้ืนที่ปฏิบัติการ สาหรับใช้เป็นแกนกลางในการสร้างกลุ่มเมฆฝนในระยะต่อมา การวางแผนปฏบิ ัตกิ ารฝนหลวงในขั้นแรกนี้ กอ่ นดาเนินการจะต้องทาการศกึ ษาข้อมลู สภาพอากาศและกาหนดพื้นท่ีเป้าหมายในแต่ละวันโดยใช้ทิศทางและความเร็วของลมเป็นตัวกาหนดบริเวณหรือแนวพิกัดที่จะโปรยสารเคมี อุณหภูมิและความช้ืนของบรรยากาศ แต่ละระดับจะถูกนามาคานวณและวิเคราะห์ตามวิชาการทางอุตุนิยมวิทยา เพื่อหาสาเหตุที่ขัดขวางการก่อตัวของเมฆท่ีอาจเกิดขึ้นระหว่างดาเนินการ เช่น ปริมาณความช้ืนท่ีต่าเกินไป อากาศเกินภาวะสมดุล ระดับท่ีความช้ืนอ่ิมตัว ระดับที่เมฆฝนเร่ิมก่อตัว ระดับที่หยุดย้ังการเจริญเติบโตของยอดเมฆ ข้อมูลอ่ืน ๆ ที่ต้องนามาพิจารณาประกอบด้วย คือ สภาพภูมิประเทศ เช่น แนว

10เขา ปา่ ไม้ แหลง่ ความชืน้ ฯลฯ ลักษณะของเมฆที่สังเกตเห็น ขอ้ มลู แผนท่ที างอากาศ พายุโซนร้อนและเหตุอ่ืนๆ ที่อาจจะมีอิทธิพลต่อสภาพอากาศในพื้นที่เป้าหมาย ทั้งหมดของข้อมูลและสาเหตุต่าง ๆ นี้ มีความสาคัญต่อการกาหนดชนิดและปริมาณของสารเคมที ี่จะนามาใชใ้ นการทาฝนหลวง ซงึ่ จะตอ้ งกระทาดว้ ยความชานาญควบคู่ไปกับการคานึงถึงระดับความสูงผนวกกับอัตราการโปรยสารเคมี รวมถึงลักษณะของแนวโปรยสารเคมีด้วย หากแต่ละวันมีลักษณะข้อมูลที่แตกต่างกันออกไป ก็ย่อมทาให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนปฏิบัติงานแต่ละคร้ังดว้ ยขนั้ ตอนที่ 2 เลี้ยงใหอ้ ว้ น เป็นข้ันตอนสาคัญมากในการปฏิบัติการฝนหลวง เน่ืองจากเป็นระยะท่ีเมฆกาลังก่อตัวเจริญเติบโตจึงใช้ความรูท้ างเทคโนโลยแี ละประสบการณ์ผสมผสานกลยุทธในเชิงศลิ ปะแห่งการทาฝนหลวงควบคู่ไปพร้อมกันเพ่ือตัดสินใจโปรยสารเคมีฝนหลวงท่ีทรงค้นคว้าข้ึนมา โดยไม่มีสารอันเป็นพิษต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม การปฏิบัติงานต้องพิจารณาอย่างถ่องแท้ว่าจะใช้สารเคมีชนิดใดและอัตราใดจึงจะเหมาะสมในการตัดสินใจโปรยสารเคมีฝนหลวง ณ ท่ีใดของกลุ่มก้อนเมฆ เพ่ือให้สัมฤทธิผลท่ีจะทาให้ก้อนเมฆขยายตัวหรืออ้วนข้ึนและป้องกันมิให้ก้อนเมฆสลายตัวให้จงได้ การวางแผนปฏิบัติการในข้ันตอนน้ีจาต้องอาศัยข้อมูล และความต่อเน่ืองจากข้ันตอนที่หน่ึงประกอบการพิจารณาด้วย การสังเกตถึงความเปล่ียนแปลงของสภาพเมฆท่ีเกิดขึ้นจึงกล่าวได้ว่าข้ันตอนนี้การวางแผนปฏิบัติการอย่างต่อเน่ืองตลอดเวลาให้ทันต่อความเปล่ียนแปลงของเมฆท่ีเกิดข้ึนมีความสาคัญยิ่งสารเคมีที่ใช้ในขั้นตอนน้ีมักได้แก่ เกลือแกง สารประกอบสูตร ท. 1 (เป็นสารละลายเข้มข้นที่ได้จากกระบวนการอิเลคโตรไลซิส ซ่ึงเป็นผลงานค้นคว้าของ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล) สารยูเรีย สารแอมโมเนียไนเตรท แข็งแห้ง และบางครั้งอาจใช้สารแคลเซียมคลอไรด์ร่วมด้วย โดยพิจารณาลักษณะการเติบโตของเมฆ บริเวณเมฆและการเกดิ ฝนในวันน้ัน ๆ เป็นหลักข้ันตอนท่ี 3 โจมตี เมื่อกลุ่มเมฆฝนมีความหนาแน่นมากพอท่ีจะสามารถตกเป็นฝนได้ โดยภายในกลุ่มเมฆจะมีเม็ดน้าขนาดใหญ่มากมาย โดยภายในกลุ่มเมฆจะมีเม็ดน้าขนาดใหญ่มากมาย สังเกตได้หากเคร่ืองบินเข้าไปในกลุ่มเมฆฝนน้ีแลว้ จะมเี มด็ น้าเกาะตามปกี และกระจังหนา้ ของเคร่ืองบนิ ดังน้ันขนั้ ตอนสดุ ทา้ ยจึงมีความสาคัญอย่างยงิ่ ยวดเพราะจะต้องอาศัยความชานาญและประสบการณเ์ ป็นอย่างมากเหนือสิ่งอนื่ ใดต้องรู้จักใช้เทคนิคในการทาฝนหลวงซ่ึงพระองค์ท่านทรงให้ข้อคิดว่าจะต้องพิจารณาจุดมุ่งหมายของการทาฝนหลวงด้วยว่า ในการทาฝนหลวงของแต่ละพ้ืนที่นั้นต้องตอบสนองความต้องการอันแท้จริงของราษฎรใน 2 ประเด็น คือ เพ่ือเพิ่มปริมาณฝนตกให้กับพ้ืนที่ (Rain Enhancement) และเพ่ือให้เกิดการกระจายการตกของฝน (RainDistribution) ซง่ึ ทง้ั 2 วัตถปุ ระสงคน์ ไ้ี ด้เปน็ แนวทางในการบาบัดทุกขบ์ ารุงสุขของพสกนิกรให้คลายความเด็ดร้อนยามขาดแคลนน้าเร่ือยมาตราบเทา่ ทุกวันนี้ เพราะความต้องการน้าของมนุษยชาตินบั วันแตจ่ ะทวีขึ้นอย่างเกิดคาด สืบเนื่องมาจากผลกระทบที่เกิดจากปฏิกิริยาเรือนกระจกของโลก (Green House Effect) ทาให้ฝนไม่ตกตอ้ งตามฤดกู าลดังเชน่ เคยในอดีต

116. \"เกษตรทฤษฎีใหม่\" แนวพระรำชดำรกิ ำรแบ่งสดั สว่ นพ้นื ทที่ ำกิน เพื่อกำรอย่รู อดและพ่งึ ตนเอง ปัญหาหลักของเกษตรกรในอดีต จนถึงปัจจุบันที่สาคัญประการหนึ่ง คือ การขาดแคลนน้าเพ่ือเกษตรกรรม โดยเฉพาะอย่างย่ิงในเขตพ้ืนท่ีเกษตรที่อาศัยน้าฝน ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศท่ีอยู่ในเขตท่ีมีฝนค่อนข้างน้อยและส่วนมากเป็นนาข้าวและพืชไร่ เกษตรกรยังคงทาการเพาะปลูก ได้ปีละคร้ังในช่วงฤดูฝนเท่านั้น และมีความเส่ียงกับความเสียหาย อันเน่ืองมาจากความแปรปรวนของดินฟ้าอากาศและฝนทิ้งช่วงแม้ว่าจะมีการขุดบ่อหรือสระเก็บน้าไว้ใช้บ้างแต่ก็มีขนาดเพียงพอ หรือมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เป็นปัญหาให้มีน้าใช้ไม่เพยี งพอ รวมทัง้ ระบบการปลกู พชื ไม่มีหลักเกณฑ์ใด ๆ และสว่ นใหญ่ปลูกพชื ชนดิ เดียว ด้วยเหตุน้ี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จึงได้พระราชทานพระราชดาริ เพ่ือเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบความยากลาบาก ให้สามารถผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤติโดยเฉพาะการขาดแคลนน้าได้ โดยไม่เดอื ดรอ้ นและยากลาบากนัก พระราชดารนิ ้ี ทรงเรียกว่า \"ทฤษฎีใหม่\" ซึง่เป็นแนวทางหรือหลักการในการบริหารการจัดการท่ีดินและน้า เพ่ือการเกษตรในท่ีพ้ืนท่ีขนาดเล็กให้เกิดประโยชน์สูงสุดทฤษฎใี หม:่ ทำไมใหม่ ?  มีการบริหารและจดั แบ่งที่ดนิ แปลงเล็กออกเป็นสดั สว่ นที่ชัดเจน เพ่อื ประโยชน์สงู สดุ ของเกษตรกร ซ่ึง ไมเ่ คยมีใครคิดมากอ่ น  มีการคานวณโดยหลกั วชิ าการ เกย่ี วกบั ปรมิ าณน้าทจี่ ะกักเก็บให้พอเพยี งตอ่ การเพาะปลูกไดต้ ลอดปี  มีการวางแผนทส่ี มบรู ณ์แบบ สาหรบั เกษตรกรรายยอ่ ยการจัดสรรพนื้ ทอ่ี ยูอ่ าศัยและ ทท่ี ากนิทฤษฎีใหม่ข้นั ต้นให้แบ่งพ้นื ท่ี ออกเปน็ 4 สว่ น ตามอัตราสว่ น 30: 30: 30: 10 ซ่งึ หมายถึง  พ้ืนท่ีส่วนที่หนึ่ง ประมาณ 30% ให้ขุดสระเก็บกักน้า เพ่ือใช้เก็บกักน้าฝนในฤดูฝนและ ใช้เสริมการ ปลกู พืชในฤดูแล้ง ตลอดจนการเลี้ยงสัตว์นา้ และพืชน้าตา่ ง ๆ  พื้นทีส่ ่วนทสี่ อง ประมาณ 30% ให้ปลกู ขา้ วในฤดฝู น เพ่ือใชเ้ ป็นอาหารประจาวัน สาหรบั ครอบครัวให้ เพียงพอตลอดปี เพื่อตดั ค่าใช้จ่ายและสามารถพึง่ ตนเองได้  พื้นท่ีส่วนท่ีสาม ประมาณ 30% ให้ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชผัก พืชไร่ พืชสมุนไพร ฯลฯ เพ่ือใช้เป็น อาหารประจาวัน หากเหลือบรโิ ภคก็นาไปจาหนา่ ย  พ้ืนทีส่ ่วนทส่ี ่ี ประมาณ 10% เป็นทอี่ ยู่อาศยั เลีย้ งสัตวแ์ ละโรงเรือนอืน่ ๆหลักกำรและแนวทำงสำคัญ 1. เปน็ ระบบการผลติ แบบพอเพียง ท่ีเกษตรกรสามารถเล้ียงตวั เองได้ในระดบั ท่ีประหยดั ก่อน ทั้งนี้ชุมชน ต้องมีความสามัคคี ร่วมมือร่วมใจในการช่วยเหลือซ่ึงกันและกันทานองเดียวกับการ \"ลงแขก\" แบบ ดั้งเดมิ เพื่อลดค่าใชจ้ ่าย 2. เน่อื งจากขา้ วเป็นปัจจยั หลักท่ีทกุ ครัวเรือนจะต้องบริโภค ดงั นนั้ จงึ ประมาณว่าครอบครวั หนงึ่ ทานา 5 ไร่ จะทาให้มีขา้ วพอกินตลอดปี โดยไม่ตอ้ งซ้อื หาในราคาแพง เพอื่ ยดึ หลกั พ่ึงตนเองไดอ้ ยา่ งมอี สิ รภาพ

12 3. ต้องมีน้าเพ่ือการเพาะปลูกสารองไว้ใช้ในฤดูแล้ง หรือระยะฝนทิ้งช่วงได้อย่างพอเพียง ดังน้ัน จึง จาเปน็ ตอ้ งกันทีด่ ินส่วนหนึ่งไว้ขดุ สระนา้ โดยมหี ลกั วา่ ต้องมีนา้ เพียงพอทจ่ี ะทาการเพาะปลูกได้ตลอด ปี ทงั้ นไี้ ด้พระราชทานพระราชดาริเปน็ แนวทางวา่ ต้องมีน้า 1,000 ลกู บาศก์เมตร ต่อการเพาะปลกู 1 ไร่ โดยประมาณ ฉะนั้น เมื่อทานา 5 ไร่ ทาพืชไร่หรือไม้ผลอีก 5 ไร่ (รวมเป็น 10 ไร่) จะต้องมีน้า 10,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี ดงั นน้ั หากมพี น้ื ท่ี 15 ไร่ จึงมีสตู รครา่ ว ๆ ว่า แตล่ ะแปลงประกอบดว้ ย o นา 5 ไร่ o พืชไร่พชื สวน 5 ไร่ o สระน้า 3 ไร่ ลกึ 4 เมตร จปุ ระมาณ 19,000 ลูกบาศก์เมตร ซ่ึงเปน็ ปรมิ าณนา้ ทเ่ี พยี งพอที่จะ สารองไวใ้ ช้ยามฤดูแลง้ o ท่ีอยู่อาศยั และอนื่ ๆ 2 ไร่ รวมท้งั หมด 15 ไร่ 4. การจัดแบ่งแปลงท่ีดนิ เพ่ือให้เกิดประโยชน์สูงสุดนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช บรมนาถบพิตร ทรงคานวณและคานึงจากอัตราถือครองที่ดินถัวเฉลี่ย ครัวเรือนละ 15 ไร่ อย่างไรก็ ตาม หากเกษตรกรมีพื้นท่ีถือครองน้อยกว่าหรือมากกว่านี้ ก็สามารถใช้อัตราส่วน 30:30:30:10 ไป เป็นเกณฑป์ รับใช้ได้ กลา่ วคือ 30% ส่วนแรก ขดุ สระน้า (สามารถเลี้ยงปลา ปลูกพชื นา้ เช่น ผักบ้งุ ผกั กะเฉด ฯลฯ ไดด้ ้วย) 30% ส่วนท่สี อง ทานา 30% ส่วนที่สำม ปลูกพืชไร่ พืชสวน (ไม้ผล ไม้ยืนต้น ไม้ใช้สอย ไม้สร้างบ้าน พืชไร่ พืชผัก สมุนไพรเป็นต้น) 10% สุดท้ำย เป็นที่อยู่อาศัยและอ่ืน ๆ (ถนน คันดิน กองฟาง ลานตาก กองปุ๋ยหมัก โรงเรือน โรงเพาะเหด็ คอกสัตว์ ไมด้ อกไม้ประดับ พชื ผักสวนครวั หลังบ้าน เปน็ ต้น)อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนดังกล่าวเป็นสูตรหรือหลักการโดยประมาณเท่านั้น สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมโดยข้ึนอยู่กบั สภาพของพ้นื ท่ี ดนิ ปรมิ าณน้าฝนและสภาพแวดล้อม เชน่ ในกรณีภาคใต้ท่ีมีฝนตกชุกกวา่ ภาคอื่น หรือหากพื้นท่ีทม่ี ีแหล่งนา้ มาเติมสระได้ต่อเน่ือง กอ็ าจลดขนาดของบ่อหรือสระน้าให้เล็กลง เพื่อเกบ็ พ้นื ทไี่ ว้ใชป้ ระโยชนอ์ ื่นต่อไปได้ทฤษฎีใหมข่ ้ันก้ำวหน้ำ เม่ือเกษตรกรเข้าใจในหลักการและได้ลงมือปฏิบัติตามขั้นท่ีหนึ่งในท่ีดินของ ตนจนได้ผลแล้ว ฉะนั้นเกษตรกรก็จะพัฒนาตนเองไปสู่ข้ันพออยู่พอกิน เพื่อให้มีผลสมบูรณ์ยิ่งข้ึน จงึ ควรที่จะต้องดาเนนิ การตามข้ันที่สอง และขัน้ ทีส่ าม ตอ่ ไปตามลาดบั ดังนี้ทฤษฎใี หม่ขนั้ ทสี่ อง เม่ือเกษตรกรเข้าใจในหลักการและได้ปฏิบัติในที่ดินของตนจนได้ผลแล้ว ก็ต้องเร่ิมขั้นที่สอง คือ ให้เกษตรกรรวมพลังกันในรูป กล่มุ หรอื สหกรณ์ รว่ มแรง รว่ มใจกนั ดาเนนิ การในดา้ น 1. การผลติ (พันธุพ์ ชื เตรียมดิน ชลประทาน ฯลฯ)

13  เกษตรกรจะตอ้ งรว่ มมอื ในการผลิตโดยเริ่มต้ังแต่ ข้นั เตรียมดนิ การหาพันธุ์พืช ปุ๋ย การหาน้า และอื่น ๆ เพ่อื การเพาะปลกู 2. การตลาด (ลานตากขา้ ว ยุ้ง เครื่องสีข้าว การจาหนา่ ยผลผลิต)  เม่ือมีผลผลิตแล้ว จะต้องเตรียมการต่าง ๆ เพ่ือการขายผลผลิตให้ได้ประโยชน์สูงสุด เช่น การเตรียม ลานตากข้าวร่วมกัน การจัดหายุ้งรวบรวมข้าว เตรียมหาเคร่ืองสีข้าว ตลอดจนการรวมกันขายผลผลิต ให้ได้ราคาดี และลดคา่ ใช้จ่ายลงดว้ ย 3. ความเป็นอย(ู่ กะปิ น้าปลา อาหาร เครอ่ื งนุ่งหม่ ฯลฯ)  ในขณะเดียวกันเกษตรกรต้องมีความเป็นอยู่ที่ดีพอสมควร โดยมีปัจจัยพ้ืนฐานในการดารงชีวิต เช่น อาหารการกนิ ต่าง ๆ กะปิ น้าปลา เสอ้ื ผา้ ท่ีพอเพยี ง 4. สวสั ดกิ าร (สาธารณสุข เงินก)ู้  แต่ละชุมชนควรมีสวัสดิภาพและบริการที่จาเป็น เช่น มีสถานีอนามัยเมื่อยามป่วยไข้ หรือมีกองทุนไว้ กยู้ มื เพือ่ ประโยชน์ในกจิ กรรมตา่ ง ๆ ของชมุ ชน 5. การศึกษา (โรงเรยี น ทุนการศกึ ษา)  ชุมชนควรมีบทบาทในการส่งเสริมการศึกษา เช่น มีกองทุนเพ่ือการศึกษาเล่าเรียนให้แก่เยาวชนของ ชมุ ชนเอง 6. สงั คมและศาสนา  ชมุ ชนควรเปน็ ท่รี วมในการพฒั นาสังคมและจติ ใจ โดยมีศาสนาเปน็ ทยี่ ึดเหน่ยี วกิจกรรมท้ังหมดดังกล่าวข้างต้น จะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าส่วนราชการ องค์กรเอกชน ตลอดจนสมาชิกในชมุ ชนนั้นเป็นสาคญัทฤษฎีใหมข่ ั้นทสี่ ำมเมื่อดาเนินการผ่านพ้นขั้นที่สองแล้ว เกษตรกรหรือกลุ่มเกษตรกรก็ควรพัฒนาก้าวหน้าไปสู่ข้ันท่ีสามต่อไป คือตดิ ต่อประสานงาน เพื่อจัดหาทุน หรือแหลง่ เงิน เช่น ธนาคาร หรือบรษิ ทั ห้างรา้ นเอกชน มาช่วยในการลงทุนและพฒั นาคุณภาพชีวติ ทง้ั น้ี ทั้งฝา่ ยเกษตรกรและฝ่ายธนาคารกบั บรษิ ทั จะไดร้ ับประโยชน์รว่ มกนั กล่าวคือ  เกษตรกรขายข้าวไดใ้ นราคาสูง (ไม่ถูกกดราคา)  ธนาคารกบั บริษัทสามารถซอ้ื ขา้ วบริโภคในราคาตา่ (ซอ้ื ขา้ วเปลอื กตรงจากเกษตรกรและมาสีเอง)  เกษตรกรซื้อเคร่ืองอุปโภคบริโภคได้ในราคาต่า เพราะรวมกันซ้ือเป็นจานวนมาก (เป็นร้านสหกรณ์ ราคาขายส่ง)  ธนาคารกับบริษัทจะสามารถกระจายบคุ ลากร (เพื่อไปดาเนินการในกจิ กรรมตา่ ง ๆ ให้เกดิ ผลดียง่ิ ข้นึ )ประโยชน์ของทฤษฎใี หม่จากพระราชดารสั ของ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพติ ร ทีไ่ ดพ้ ระราชทานในโอกาสต่าง ๆ น้ัน พอจะสรปุ ถึงประโยชน์ของทฤษฎใี หมไ่ ด้ ดังนี้ 1. ให้ประชาชนพออยพู่ อกินสมควรแกอ่ ัตภาพในระดบั ที่ประหยัด ไมอ่ ดอยาก และเลี้ยงตนเองได้

14 2. ในหน้าแล้งมีน้าน้อยก็สามารถเอาน้าท่ีเก็บไว้ในสระ มาปลูกพืชผักต่าง ๆ ได้ แม้แต่ข้าวก็ยังปลูกได้ โดยไมต่ อ้ งเบยี ดเบียนชลประทาน 3. ในปีท่ีฝนตกตามฤดกู าลโดยมีน้าดตี ลอดปี ทฤษฎีใหมน่ ี้ก็สามารถสรา้ งรายได้ให้ร่ารวยขนึ้ ได้ 4. ในกรณีท่ีเกิดอุทกภัยก็สามารถที่จะฟ้ืนตัว และช่วยตัวเองได้ในระดับหนึ่ง โดยทางราชการไม่ต้อง ช่วยเหลือมากเกนิ ไป อันเปน็ การประหยัดงบประมาณด้วยทฤษฎีใหม่ทีส่ มบูรณ์ การท่ีจะทาให้ทฤษฎีใหม่สมบูรณ์ได้น้ันคือ สระเก็บกักน้าจะต้องทาหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเต็มความสามารถ โดยต้องมีแหล่งน้าขนาดใหญ่ที่สามารถเพิ่มเติมน้าในสระเก็บกักน้าให้เต็มอยู่ เสมอ ดังเช่นในกรณีของการทดลองที่วัดมงคลชัยพัฒนา จังหวัดสระบุรี ซ่ึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงเสนอวิธีการดังนี้ ระบบทฤษฎีใหม่ที่สมบูรณ์ อ่างใหญ่ เติมอ่างเล็ก อ่างเล็ก เติมสระนา้ ทฤษฎีใหมท่ ีส่ มบูรณ์จากภาพวงกลมเล็กคือสระน้าท่ีเกษตรกร ขุดข้ึนตามทฤษฎีใหม่ เมื่อเกิดช่วงขาดแคลนน้าในฤดูแล้ง เกษตรกรสามารถสูบน้ามาใช้ประโยชนไ์ ด้ และหากน้าในสระน้าไม่เพียงพอก็ขอรับน้าจากอ่างห้วยหินขาว (อ่างเล็ก) ซึ่งไดท้ าระบบสง่ นา้ เชอ่ื มต่อลงมายังสระน้าท่ีได้ขดุ ไวใ้ นแตล่ ะแปลงซงึ่ จะ ช่วยให้สามารถมีนา้ ใช้ตลอดปีกรณีท่ีเกษตรกรใช้น้ากันมาก อ่างห้วยหินขาว (อ่างเล็ก) ก็อาจมีปริมาณน้าไม่พอเพียง หากโครงการพัฒนาลมุ่น้าปา่ สกั หรือมโี ครงการใหญ่ที่สมบูรณแ์ ลว้ ก็ใชว้ ิธีการผันนา้ จากป่าสัก คืออา่ งใหญ่ ต่อลงมายังอา่ งเก็บน้าห้วยหินขาว (อา่ งเล็ก) ก็จะชว่ ยใหม้ ีปรมิ าณน้าใชม้ ากพอตลอดปีสาหรับสระของเกษตรกร7. โครงกำรกงั หันชยั พัฒนำ - บำบัดน้ำเสีย เม่ือวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2531 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรได้พระราชทานรูปแบบและพระราชดาริ เร่ืองการแก้ไขปัญหาน้าเสีย โดยการเติมออกซิเจนในน้า การเติมออกซิเจนในน้ามี 2 วิธี คือ วิธีหนึ่ง ใช้อากาศอัดเข้าไปตามท่อเป่าลงไปใต้ผิวน้าแบบกระจายฟอง และอีกวิธีหนึ่ง น่าจะกระทาได้โดยกังหันวดิ น้า วิดตักข้ึนไปบนผิวน้า แล้วปล่อยให้ตกลงไปยังผิวน้าตามเดิม โดยท่ีกังหันน้าดังกล่าวจะหมุนช้า ๆ ด้วยกาลังของมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นฝอย ซองน้านี้จะถูกขับเคล่ือนให้หมุนโดยรอบ ด้วยมอเตอรไ์ ฟฟา้ ขนาด 2 แรงมา้ ระบบแรงดัน 380 โวลต์ 3 เฟส 50 เฮริ ์ท ผ่านระบบส่งกาลังดว้ ยเฟอื งเกียร์ทดรอบและ/หรือจานโซ่ ซ่ึงจะทาให้การหมุนเคล่ือนท่ีของซองน้าวดิ ตักนา้ ด้วยความเร็ว 5 รอบ/นาที สามารถวิด

15น้าลึกลงไปใต้ผิวน้า ประมาณ 0.50 เมตร ยกน้าข้ึนไปสาดกระจายเป็นฝอยเหนือผิวน้าด้วยความสูงประมาณ1.00 เมตร ทาให้มีพื้นท่ีผิวสัมผัสระหว่างน้ากับอากาศกว้างขวางมากขึ้น เป็นผลทาให้ออกซิเจนในน้าละลายเข้าไปในน้าได้อย่างรวดเร็ว และในขณะท่ีนาเสียถูกยกข้นึ ไปสาดกระจายสัมผัสกับอากาศแล้วตกลงไปยังผิวน้าน้ัน จะเกิดการอัดอากาศภายในซองน้าภายใต้ผิวน้าจนกระทั่งซองน้าจมน้าเต็มที่ ทาให้เพ่ิมประสิทธิภาพในการถ่ายเทออกซิเจนได้สูงขึ้นตามไปด้วย หลังจากน้ันน้าท่ีได้รับการเติมอากาศแล้ว จะเกิดการถ่ายเทของน้าเคลอ่ื นทอี่ อกไปดว้ ยการผลักดันของซองนา้ ด้วยความเรว็ ของการไหล 0.20 เมตร/วนิ าที จึงสามารถผลกั ดันน้าออกไปจากเคร่ือง มีระยะทางประมาณ 10.00 เมตร และผลพลอยได้อีกประการหนึ่งได้แก่ การโยกตัวของทุนลอยในขณะทางานจะส่งผลให้แผ่นไฮโดรฟลอยที่ติดต้ังไวใ้ นส่วนขนาดเล็กไม่เกิน 2 แรงม้า หรืออาจจะใช้พลังน้าไหลก็ได้ จึงสมควรพิจารณาสร้างต้นแบบ แล้วนาไปติดต้ังทดลองใช้บาบัดน้าเสีย ท่ีภายในบริเวณโรงพยาบาลพระมงกฏุ เกลา้ และวัดบวรนิเวศวิหาร กำรศึกษำ วิจัย และพัฒนำ กรมชลประทานรับสนองพระราชดาริในการศึกษาและสร้างต้นแบบโดยดัดแปลงเคร่ืองสูบน้าพลังน้าจาก \"กงั หันน้าสูบน้าทนุ่ ลอย\" เปล่ียนเปน็ \"กังหันนา้ ชัยพฒั นา\" และไดน้ าไปติดตั้งใช้ในกิจกรรมบาบัดนา้ เสียที่โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า เมื่อวันท่ี 1 พฤษภาคม 2532 และท่ีวัดบวรนิเวศวิหาร เม่ือวันท่ี 3 พฤษภาคม2532 เพ่ือศกึ ษา วิจยั และพฒั นาระบบบาบดั นา้ เสีย เป็นระยะเวลา 4-5 ปีคุณสมบัติ กังหันน้าชัยพัฒนา หรือ เครื่องกลเติมอากาศท่ีผิวน้าหมุนช้าแบบทุ่นลอย (Chaipattana LowSurface Aerator) ซ่ึงเป็น Model RX-2 หมายถึง Royal Experiment แบบที่ 2 มีคุณสมบัติในการถ่ายเทออกซิเจนได้สูงถึง 1.2 กิโลกรัมของออกซิเจน/แรงม้า/ช่ัวโมง สามารถนาไปใช้ในกิจกรรมปรับปรุงคุณภาพน้าได้อย่างอเนกประสงค์ ติดต้ังง่าย เหมาะสาหรับใช้ในแหล่งน้าธรรมชาติ ได้แก่ สระน้า หนองน้า คลอง บึง ลาหว้ ย ฯลฯ ทม่ี คี วามลึกประมาณ 1.00 เมตร และมีความกว้างมากกวา่ 3.00 เมตรหลักกำรทำงำน เครื่องกลเติมอากาศ \"กังหันน้าชยั พัฒนา\" แบบทุ่นลอย สามารถปรับตัวขึ้นลงไดต้ ามระดับขึ้นลงของน้า ส่วนประกอบสาคัญ ได้แก่ โครงกังหันน้ารูป 12 เหล่ียม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.00 เมตร มีซองตักน้าขนาดบรรจุ 110 ลิตร ติดต้ังโดยรอบ จานวน 6 ซอง เจาะรูซองนา้ พรุน เพื่อให้น้าไหลกระจายใต้นา้ สามารถผลักดันน้าให้เคลื่อนท่ีผสมผสานออกซิเจนเข้ากับน้าในระดับความลึกใต้ผิวน้าเป็นอย่างดีอีกด้วย จึงก่อให้เกิดกระบวนการท้ังการเติมอากาศ การกวนแบบผสมผสานและการทาให้เกิดการไหลของน้าเสียไปตามทิศทางที่กาหนดโดยพร้อมกนั รปู กงั หนั น้ำชยั พัฒนำ รปู แบบ A

16รูปกังหันน้ำชยั พฒั นำ รปู แบบ A (ปี พ.ศ. 2535-2536) ซองน้าจะถูกขบั เคลื่อนโดยใช้ระบบขับส่งกาลังดว้ ยเฟอื งจานโซร่ ่วมกบั เกยี รม์ อเตอรข์ นาด 1 : 50 ใช้มอเตอร์ 2 แรงมา้รปู กังหันนำ้ ชัยพัฒนำ รปู แบบ B (ปี พ.ศ. 2538) ซองนา้ จะถกู ขับเคล่ือนโดยใชร้ ะบบขบั สง่ กาลังด้วยชดุ เกียรท์ ดรอบขนาด 1:300 ใชม้ อเตอร์ 1 แรงม้า ขบั 1 ข้างรปู กงั หนั น้ำชยั พฒั นำ รปู แบบ C (ปี พ.ศ. 2537) เหมอื นรปู แบบ Aแตใ่ ช้ในกรณที ่ตี อ้ งการขับเคลอื่ นแล่นไปตามแหล่งน้าด้วยตัวเองและแหล่งน้าน้ันไม่มีพลงั งานไฟฟ้าเข้าถึงตอ้ งใชเ้ คร่ืองยนตข์ บั เคลอื่ นโดยมีเจา้ หนา้ ท่บี ังคบั ทิศทางรูปกังหันน้ำชัยพัฒนำ รูปแบบ D (ปี พ.ศ. 2538) ซองน้าจะถูกขับเคล่ือนด้วยชุดเกียร์ทดรอบขนาด 1:50 รว่ มกับเกยี ร์ทดแบบเฟอื งตรง 1: 6 ใชม้ อเตอร์ 2 แรงม้าสิทธิบตั รในพระปรมำภิไธย เป็นท่ีน่าปิติยินดีเป็นล้นพ้นแก่ปวงพสกนิกรไทยท้ังมวล เมื่อเคร่ืองกลเติมอากาศ \"กังหันน้ำชัยพัฒนำ\" ได้รับการพิจารณาและทูลเกล้าฯ ถวายสิทธิบัตรในพระปรมาภิไธย เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2536 นับเป็นสิ่งประดิษฐ์เคร่ืองกลเติมอากาศเครื่องท่ี 9 ของโลกท่ีได้รับสิทธิบัตรและเป็นคร้ังแรกท่ีได้รับการจดทะเบียนและออกสิทธบิ ัตรถวายแด่พระมหากษัตริย์ดว้ ย จงึ นับได้ว่า \"สทิ ธบิ ตั รเครือ่ งกลเตมิ อำกำศในพระปรมำภิไธยของพระมหำกษตั ริยพ์ ระองคแ์ รกในประวัตศิ ำสตรช์ ำตไิ ทยและเป็นครัง้ แรกของโลก\"

17 บทท่ี 3 อุปกรณ์และวิธีกำรดำเนินกำรโครงงานคอมพวิ เตอร์ ประเภทซอฟตแ์ วร์ การพัฒนาแอปพลิเคชั่นเกมเสริมทักษะการเรยี นรู้ เร่อื งศาสตรพ์ ระราชา มวี ิธีดาเนนิ งานตามข้ันตอนดังต่อไปนี้1. วัสดุ อุปกรณ์ เคร่อื งมือ โปรแกรมหรือท่ใี ช้ในกำรพัฒนำ1.1 เครื่องคอมพวิ เตอร์1.2 โปรแกรมที่ใชใ้ นการดาเนินงาน ไดแ้ ก่- Construct 2 - โปรแกรม Photo scape- โปรแกรม Google Form - โปรแกรม AVC- โปรแกรม Format Factory - โปรแกรม Google Sites1.3 สมาร์ทโฟน1.4 สมดุ บันทกึ2. ขัน้ ตอนกำรดำเนินงำน2.1 คดิ หัวขอ้ โครงงาน และเลือกหวั ข้อท่ีสนใจ เพ่อื นาเสนอครูที่ปรึกษาโครงงาน2.2 ศึกษาและค้นควา้ ข้อมลู ที่เกยี่ วขอ้ งกบั เร่ืองทส่ี นใจ ประกอบด้วย- การสร้างเกม- โปรแกรมการสรา้ งเกม Construct 2- โปรแกรมตกแตง่ ภาพ PhotoScape- ศึกษา เร่อื ง ศาสตรพ์ ระราชา และโครงการในพระราชดาริ- การสรา้ งเครอื่ งมอื ประเมนิ ความพงึ พอใจ2.3 จัดทาเคา้ โครงเกมนาเสนอครูที่ปรึกษา โดยทาสตอรีบ่ อร์ด รูปแบบการเลน่ วิธเี ลน่ เกม2.4 พฒั นาโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาแอปพลเิ คชน่ั เกมเสรมิ ทักษะการเรยี นรู้ เรื่อง ศาสตร์พระราชา ดงั นี้1. ออกแบบเกม ดว้ ยโปรแกรม Construct 2 ตามสตอรี่บอร์ด2. นาเกมที่สรา้ งสมบรู ณใ์ หค้ รูผเู้ ชีย่ วชาญ ประเมินด้านการออกแบบบทเรยี น และเน้ือหา3. ปรับปรงุ พัฒนาตามคาแนะนาของครผู ้เู ช่ียวชาญ4. นาเกมท่ีออกแบบเสรจ็ สมบูรณ์ ให้นักเรยี นเลน่ และตอบแบบสอบถามความพึงพอใจ5.วิเคราะห์ข้อมลู การตอบแบบสอบถามแสดงความคดิ เห็นของผูเ้ ล่น2.5 จัดทารายงานและเผยแพรผ่ ่านเว็บไซต์ https://project61.banto.ac.th

18 บทที่ 4 ผลกำรดำเนินงำนการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ประเภทซอฟต์แวร์ การพัฒนาแอปพลิเคช่ันเกมเสริมทักษะการเรยี นรู้ เร่อื ง ศาสตร์พระราชา ผู้ศกึ ษาได้เสนอผลการดาเนนิ งานโครงงาน ดังนี้1. ผลกำรวิเครำะหข์ ้อมลู1. ความคดิ เหน็ ของผเู้ ชย่ี วชาญตอ่ แอปพลเิ คช่นั เกมเสริมทักษะการเรยี นรู้ เร่ือง ศาสตร์พระราชาจานวน 5 คน ปรากฏผลดงั ตาราง 1ขอ้ ท่ี รำยกำรประเมนิ x̅ SD. แปลผลดา้ นการออกแบบบทเรยี นเกม1 ความเหมาะสมของภาพประกอบในเกม 4.8 0.45 มากทีส่ ดุ2 ความเหมาะสมของดนตรปี ระกอบเกม 4.8 0.45 มากทส่ี ดุ3 ความสอดคล้องของภาพและเสียง 4.2 0.45 มากที่สดุ4 รูปแบบของตัวอักษรทใี่ ช้ในการนาเสนอ 4 0.00 มากทสี่ ดุ5 ความเหมาะสมของขนาดตัวอักษร 4.2 0.45 มากที่สดุ6 ความเหมาะสมของการเลือกใช้สีตวั อกั ษร 4.4 0.55 มากที่สุด7 ความตอ่ เน่ืองของการนาเสนอเน้ือหา 4.8 0.45 มากท่สี ุด8 ความเหมาะสมของการออกแบบหนา้ จอ 5 0.00 มากที่สดุ9 การควบคมุ เกม เชน่ การใช้เมาส์ 4.6 0.55 มากที่สุด10 ความน่าสนใจของการตอบโต้ของเกม 5 0.00 มากท่ีสุด11 การเชอื่ มโยงของแต่ละหนา้ ผลงงาน 5 0.00 มากทส่ี ดุ เฉลี่ยด้ำนกำรออกแบบบทเรียน 4.62 0.36 มำกทส่ี ุดดา้ นเนอ้ื หา12 ความถูกตอ้ งขอเน้ือหา 4.8 0.45 มากทส่ี ดุ13 ความสอดคล้องของจดุ ประสงค์และเนื้อหา 4.4 0.55 มากท่สี ดุ14 ลาดับข้ันของการนาเสนอเน้ือหา 4.8 0.45 มากที่สดุ15 ความเหมาะสมของระดบั ผเู้ รียน 5 0.00 มากทส่ี ุด16 ความน่าสนใจของเน้ือหา 4.8 0.45 มากที่สุด17 ระยะเวลาการนาเสนอเนื้อหา 4.2 0.45 มากทีส่ ุด เฉล่ียด้ำนเน้อื หำ 4.67 0.30 มำกท่สี ดุ N=5

19 2. ผลการศึกษาผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนหลงั การใช้แอปพลิเคช่นั เกมเสริมทักษะการเรยี นรู้ เรื่องศาสตรพ์ ระราชา จากนกั เรยี นที่เลน่ เกม จานวน 50 คน ปรากฏผลดงั ตาราง 2 เรือ่ ง คะแนนรวม คะแนนเฉลยี่ ร้อยละ SD โครงการแกลง้ ดนิ 212 4.24 84.8 0.43 โครงการแก้มลิง 204 4.08 81.6 0.85 โครงการชง่ั หวั มนั 207 4.14 82.8 0.67 โครงการฝนหลวง 201 4.02 80.4 0.87 โครงการเกษตรทฤษฎใี หม่ 206 4.12 82.4 0.56 โครงการกังหันนา้ ชยั พัฒนา 207 4.14 82.8 0.76 1,237 4.12 82.47 0.17 รวมเฉล่ีย 401 8.02 80.20 0.71 หลงั เรียน N = 50 3. ผลการศกึ ษาความพึงพอใจของผู้เลน่ เกม เรอ่ื ง ศาสตร์พระราชา จานวน 50 คน ปรากฏผลดงัตาราง 3 ขอ้ ที่ รำยกำรประเมนิ x̅ SD. แปลผล 1 วธิ กี ารเลน่ เกม สามารถเข้าใจง่าย 4.96 0.20 มากทสี่ ดุ 2 เวลาท่ีใช้เลน่ เกมมีความเหมาะสม 4.98 0.14 มากท่สี ดุ 3 สสี นั ของเกมมีความเหมาะสม 4.96 0.20 มากทส่ี ุด 4 คะแนนของเกมมีความเหมาะสม 4.88 0.39 มากทส่ี ุด 5 อปุ สรรคในเกมมีความเหมาะสม 4.98 0.14 มากทส่ี ุด 6 ความเหมาะสมของเกมกบั ช่วงวยั ของผู้เล่น 4.92 0.34 มากทส่ี ุด 7 ความทา้ ทายในการเลน่ 4.74 0.49 มากทส่ี ุด 8 แนะนาวธิ กี ารเลน่ ท่ดี ี 4.96 0.20 มากทส่ี ดุ 9 ความรูท้ ไี่ ด้รับจากการเล่นเกม 4.84 0.37 มากทส่ี ุด 10 ประสิทธภิ าพของเกมโดยรวม 4.74 0.44 มากที่สดุ รวม 4.90 0.13 มำกท่สี ุด N = 50

20 บทท่ี 5 สรุปผลกำรดำเนินงำน / อภปิ รำยผลกำรดำเนนิ งำนการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ ประเภทซอฟต์แวร์ การพัฒนาแอปพลิเคช่ันเกมเสริมทักษะการเรียนรู้ เรอื่ ง ศาสตรพ์ ระราชา สามารถสรปุ ผลการดาเนินโครงงาน และขอ้ เสนอแนะ ดังนี้5.1 กำรดำเนินงำนจดั ทำโครงงำน5.1.1 วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงงาน1. เพ่อื พัฒนาแอปพลิเคชัน่ เกมเสรมิ ทักษะการเรยี นรู้ เร่ือง ศาสตรพ์ ระราชา2. เพือ่ ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการใช้แอปพลิเคชั่นเกมเสรมิ ทกั ษะการเรียนรู้ เรอ่ื ง ศาสตร์พระราชา3. เพอื่ ศึกษาความพงึ พอใจของผใู้ ช้แอปพลิเคชัน่ เกมเสรมิ ทักษะการเรยี นรู้ เร่ือง ศาสตร์พระราชา5.2.2 วัสดุ อุปกรณ์ เครอื่ งมือหรือโปรแกรมหรือท่ีใช้ในการพัฒนา 1.1 เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ 1.2 โปรแกรมทีใ่ ชใ้ นการดาเนินงาน ไดแ้ ก่ - โปรแกรม RPG Maker MV - โปรแกรม Construct 2 - โปรแกรม Photo scape - โปรแกรม Google Form - โปรแกรม AVC - โปรแกรม FileZella - โปรแกรม Google Sites 1.3 สมารท์ โฟน 1.4 สมดุ บันทกึ 5.2 สรุปผลกำรดำเนินงำนโครงงำน การศึกษาผลการจัดทาโครงงานคอมพวิ เตอร์ ประเภทซอฟตแ์ วร์ การพัฒนาแอปพลเิ คช่ันเกมเสริมทักษะการเรยี นรู้ เรอื่ ง ศาสตร์พระราชา สามารถสรุปผลการศกึ ษาได้ดงั นี้ 1. ผลการแสดงความคดิ เห็นของผู้เชี่ยวชาญต่อแอปพลิเคช่นั เกมเสริมทักษะการเรยี นรู้ เรอ่ื ง ศาสตร์พระราชา ด้านการออกแบบเกม มีคา่ เฉล่ยี 4.62 อยู่ในระดับมากทสี่ ดุ และด้านเนื้อหา มีค่าเฉลย่ี 4.67 อยู่ในระดบั มากท่สี ุด 2. นักเรียนมีผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนระหวา่ งเรียน คิดเป็นร้อยละ 82.47 และหลังการใช้แอปพลเิ คชั่นเกมเสริมทักษะการเรยี นรู้ เร่ือง ศาสตร์พระราชา คิดเปน็ ร้อยละ 80.20 3. ผลการศกึ ษาความพงึ พอใจของผู้เลน่ เกม ผู้เล่นมคี วามพึงพอใจ มีค่าเฉลีย่ 4.90 อย่ใู นระดบั มากที่สดุ 5.3 ข้อเสนอแนะ 1. ควรศึกษาและผลติ เกมในกลมุ่ สาระอน่ื ๆ

21บรรณำนุกรมนริศรา เดชดี. กำรพฒั นำเกมคอมพวิ เตอรฝกทักษะกำรสังเกตกำรเขยี นคำยำก กลุมสำระกำรเรยี นรูภำษำไทย ชวงชั้นท่ี 2 วทิ ยานพิ นธ์ ค.ม. กรงุ เทพฯ : มหาวทิ ยาลัยศรีนครินทรวโิ รฒ, 2550.บญุ ธรรม กจิ ปรีดาบริสทุ ธิ.์ สถิตวิ ิเครำะหเ์ พื่อกำรวจิ ยั . พมิ พค์ รงั้ ที่ 3. กรงุ เทพฯ : จามจรุ ี โปรดกั ท,์ 2546.อภิเชษฐ์ ขาวเผือก. กำรพฒั นำเกมกำรศึกษำบนแทบ็ เลต็ โดยใช้เทคนคิ ช่วยจำเพ่อื สง่ เสริมควำมคงทนใน กำรจำคำศพั ทภ์ ำษำองั กฤษ สำำหรับนกั เรยี นชน้ั ประถมศึกษำปที ่ี 2 โรงเรียนวดั สะแกงำมhttps://www.youtube.com/watch?v=HeDvxJIfuuU&t=4shttps://www.youtube.com/watch?v=7BmLyQhbtjs&t=2shttp://www.tsdf.or.th/th/royally-initiated-projects/

ภาคผนก

ขน้ั ตอนการเข้าใชง้ าน๑.เขา้ เว็บไซต์ https://project61.banto.ac.th/home ๒.คลิกภาพ เพื่อเข้าสกู่ ารเล่นเกม๓.สามารถดาวโหลด App King ๔.ตดิ ต้งั App ลงสมาร์ทโฟน

๕.เริ่มเลน่ เกม และศึกษาเนื้อหาเกี่ยวกับศาสตรพ์ ระราชา

๖. เลอื กศกึ ษาเน้อื หาเก่ยี วกับศาสตร์พระราชา พรอ้ มตอบคาถาม











\

๗.ทดสอบหลังเรยี น ๘.สรปุ ผลการศึกษา๙.ตอบแบบสอบถามความพึงพอใจ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook