Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 3.Science

3.Science

Published by project, 2018-12-20 21:34:46

Description: 3.Science

Search

Read the Text Version

 แบบทดสอบ ( วทิ ยาศาสตร์ ระดับ ปวช. ) ความรู้ความสามารถด้านตรรกะ ความมีเหตุผลและแก้ปัญหาทาง วทิ ยาศาสตร์คาํ ชี้แจง1. ขอ้ สอบแบบปรนัย 50 ขอ้ 5 ตัวเลือก เวลา 60 นาที2. ให้ใชเ้ ครอื่ งหมาย X หน้าขอ้ ท่ีถูกทสี่ ดุ เพยี งข้อเดยี ว3. อยา่ ขดี เขียนอะไรลงในขอ้ สอบ1. “ชาวบ้านแถบป่าชายเลน ตัดไม้โกงกางไปเผาถ่าน เม่อื ยางไมต้ ดิ เสือ้ ซักไมอ่ อก นักเรยี นจึงสกดั สีจากไม้โกงกางไปยอ้ มผา้ และผมว่าสามารถยอ้ มผา้ ด้วยสี สกดั จากยางไม้โกงกางไดแ้ ละเปน็ สสี ม้ ”ข้อใดเป็นการระบุวธิ ีการทางวิทยาศาสตร์ทีถ่ ูกต้องและสอดคล้องกบั สถานการณน์ ้ี1. การตัง้ ปัญหา คอื สสี กัดจากไมโ้ กงกางนําไปใชย้ ้อมผา้ ไดห้ รอื ไม่2. การต้ังสมมตุ ฐิ าน คือ การสกดั สีจากไม้โกงกางไปยอ้ มผ้า3. การทดลอง คือ สกดั สจี ากไม้โกงกางโดยการตม้4. การสรุปผล คือ ผ้าทุกชนดิ สามารถใช้ยางจากไมโ้ กงกางได้5. การวิเคราะหข์ อ้ มูล คือ ผ้าที่ย้อมด้วยสจี ากไม้โกงกาง เม่ือซกั สีไมต่ ก2. “ แผ่นมนั ฝรัง่ ทอดกรอบมสี เี หลือง ผวิ ขรขุ ระ มกี ลิน่ คลา้ ยหัวหอม เวลาเค้ียวมีเสียง” ประสาทสัมผสัที่ใช้ในการสังเกตตามขอ้ ความขา้ งต้น คือขอ้ ใด1. ตา จมกู ผิวกาย ฟนั 2. ตา ผวิ กาย ฟนั หู3. จมูก ผวิ กาย ฟนั หู 4. ตา จมูก ฟัน หู5. ตา จมกู ผวิ กาย หู3. ข้อใดเปน็ ขอ้ ความทเ่ี ป็นการลงความเห็นจากข้อมลู1. แหล่งนํา้ ในชมุ ชนมีกลิน่ เหมน็ 2. มขี ยะหลายชนิดลอยอย่บู นผวิ น้ํา3. มีบา้ นเรือนแออดั อยู่ใกลแ้ หลง่ นา้ํ 4. ชาวบา้ นนําขยะเททง้ิ ในแหลง่ นํ้าทกุ วนั5. นา้ํ เนา่ เสีย เกิดจากการท้ิงขยะของชาวบา้ น4. การนํากลา้ ไม้ปา่ ชายเลนมาปลูกใหมใ่ นพื้นที่ราบน้ําข้นึ ถึงขอบปา่ ชายเลน พบว่ากล้าไม้ปา่ ชายเลน ท่ปี ลกู มีจาํ นวน ที่ตายมากกวา่ จํานวนที่เหลอื รอดอยู่ ทเี่ ป็นเชน่ น้นี า่ จะเป็นผลมาจากปจั จัยสิง่ แวดลอ้ มใด1. แสง 2. อุณหภมู ิ3. ภูมปิ ระเทศ 4. ความเคม็ ของนํ้า 5. คล่ืนและกระแสนํา้

 5. จากตารางแสดงการแบง่ สารต่างๆ ออกเป็นสองกลุม่ ดงั นี้ กลมุ่ ชนดิ ของสาร 1 เกลือแกง ดนิ สอพอง สารส้ม ผงซักฟอก คอนกรตี 2 นา้ํ โคลน ทงิ เจอร์ไอโอดนี นา้ํ ยาเช็ดกระจก นาํ้ สม้ สายชู แอลกอฮอล์การแบ่งกล่มุ ของสารตามตารางขา้ งต้นใชเ้ กณฑ์ในขอ้ ใด1. สี 2. สถานะ3. เนอื้ สาร 4. ความเปน็ กรดด่าง 5. ความสามารถในการละลายน้าํ6.จากการเพาะเม็ดพนั ธคุ์ ะน้า จาํ นวน 50 เมลด็ และนบั จาํ นวนท่ีงอกได้สมบูรณ์ทดลอง 5 ครง้ั ได้จํานวนต้นดังน้ี 25, 26, 25, 27 และ 32 ตน้ ค่าเฉลี่ยของจาํ นวนต้น ที่งอกไดค้ ือขอ้ ใด1. 25.0 2. 26.0 3. 27.04. 27.5 5. 32.07. ขอ้ ความใดบอกลักษณะการวดั ไดถ้ กู ตอ้ งและเหมาะสม1. โต๊ะยาว 300 หลา 2. กระดาษมีความหนา 2 มลิ ลเิ มตร3. เตารีดใชก้ ลังไฟฟ้า 750 แอมแปร์ 4. นํ้าเชอ่ื มมมี วล 250 มลิ ลลิ ติ ร5. สมดุ หนกั 0.05 กโิ ลกรมั8. จากการวดั อณุ หภูมิของหอ้ งเรยี น ณ เวลาต่างๆ พบว่าเม่ือ เวลา 09 : 00 น. อุณหภูมเิ ป็น 28.0 0C เมือ่ เวลา 10 : 00 น. อุณหภูมิเป็น 29.0 0C เมื่อเวลา 11 : 00 น. อณุ หภมู เิ ป็น 31.0 0C เม่ือเวลา 12 : 00 น. อณุ หภูมิเปน็ 32.0 0C ข้อมูลนค้ี วรนําเสนอในรปู แบบใดจงึ จะเหมาะสมทส่ี ุด1. บรรยาย 2. แผนภาพ3. ตาราง 4. แผนภมู ิ 5. กราฟเส้น9. ถ้าฉายไฟฉายไปยงั วตั ถทุ รงกระบอกดงั รูป เงาท่ีปรากฏบนฉากรับภาพจะมองเหน็ เป็นรูปใด

ฉากรบั ภาพ วัตถุ   ไฟฉาย1. 2. 3. 4. 5.10. กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหวา่ งระยะทางทีว่ ตั ถเุ คลื่อนทไี่ ด้กับเวลา 30 ระยะทาง (เมตร)  20  10  0  4  8  12 เวลา  (วินาที) ที่วนิ าทที ี่ 10 วัตถเุ คลื่อนที่ไดร้ ะยะทางเท่าไร 1. 4 เมตร 2. 16 เมตร 3. 22 เมตร 4. 25 เมตร 5. 30 เมตร11. “จาการทดลองปลกู ขา้ วโพด 3 แปลง โดยใชด้ นิ สภาพเดยี วกนั แปลงท่ี 1 ใชป้ ุย๋ A 25 กิโลกรมั ต่อไร่แปลงที่ 2 ใชป้ ยุ๋ B 25 กิโลกรมั ต่อไร่ แปลงที่ 3 ใชป้ ยุ๋ C 25 กิโลกรัมต่อไร่ พบวา่ ขา้ วโพดท้ัง 3 แปลง มีผลผลติ ต่อไรแ่ ตกตา่ งกันอยา่ งชัดเจน” ขอ้ ใดเป็นตวั แปรตน้ 1. ผลผลิตของข้าวโพดตอ่ ไร่ 2. ชนดิ ของดินที่ปลูก 3. พนั ธ์ุของข้าวโพด 4. ชนดิ ของปยุ๋ 5. ปรมิ าณปุ๋ย12. “ฉนวนไฟฟ้าท่ดี ี” หมายความวา่ อย่างไร1. วัตถใุ ดๆ กต็ ามเมือ่ นาํ มาต่อกับแหล่งกาํ เนิดแรงดันไฟฟ้าแลว้ ไม่ยอมใหก้ ระแสไฟไหลผา่ น2. วัตถใุ ด ๆ กต็ ามเมอื่ นํามาต่อกับโอหม์ มิเตอร์แลว้ เข็มมเิ ตอรช์ ี้ตรงกลาง3. วัตถใุ ด ๆ กต็ ามเมือ่ นํามาต่อกับแหลง่ กาํ เนดิ แรงดนั ไฟฟา้ แล้ว ยอมให้กระแสไฟฟา้ ไหลผ่าน4. วัตถุใด ๆ กต็ ามเม่อื นาํ มาตอ่ กบั โวลต์มิเตอรแ์ ลว้ เขม็ ของโวลตม์ ิเตอร์ไม่กระดิก5. วัตถุใด ๆ กต็ ามเมอ่ื นาํ มาต่อกับแหล่งกําเนดิ แรงดนั ไฟฟา้ และแอมมเิ ตอรแ์ ล้ว เขม็ ของแอมมเิ ตอร์ จะไมก่ ระดิก

 13. ถา้ ตอ้ งการศึกษาเรื่อง “อุณหภมู ิมผี ลตอ่ การงอกของเมลด็ พืช”ควรเลือกใชอ้ ุปกรณช์ ดุ ใด1. เมลด็ พืชแชน่ าํ้ แลว้ 1 คนื เตาอบ กระถางสาํ หรับเพาะเมล็ด2. เมลค็ พชื แชน่ ํ้าแลว้ 1 คืน อปุ กรณ์วดั ความช้นื สัมพัทธ์ เทอร์มอมิเตอร์3. เมลค็ พืชแชน่ าํ้ แล้ว 1 คืน กระถางสาํ หรับเพาะเมลด็ เทอรม์ อมิเตอร์4. เมลค็ พืชแช่นา้ํ แล้ว 1 คืน กระถางสาํ หรับเพาะเมลด็ อุปกรณ์รดนา้ํ5. เมลค็ พืชแชน่ าํ้ แลว้ 1 คืน อปุ กรณ์วดั ความชืน้ สมั พัทธ์ อปุ กรณ์รดนาํ้14. ผลการทดลองว่งิ แข่งขนั ของนกั กฬี าสีในระยะทาง 100 เมตร ได้ผลดงั ตาราง นักกีฬา เวลาที่ใชว้ ิง่ (วนิ าท)ี สีม่วง 13.00 สเี ขยี ว 15.25 สีเหลอื ง 12.21 สชี มพู 11.15 สีฟ้า 14.05นกั กฬี าสใี ดว่งิ เข้าเสน้ ชยั เปน็ ที่ 21. สีมว่ ง 2. สีเขียว3. สเี หลอื ง 4. สีชมพ5. สีฟ้า15. การทดลองปล่อยวัตถุทีม่ มี วล 2.0 กโิ ลกรัมให้ตกจากทส่ี งู จากพน้ื 2.5 เมตร และหาคา่ พลงั งานศกั ย์พลงั งานจลน์ ได้ขอ้ มลู แสดงดังตารางระดับความสูง พลังงานศกั ย์ พลงั งานจลน์ ผลรวมพลังงานศักยแ์ ละ (m) (J) (J) พลังงานจลน์ (J) 2.5 50 0 50 2.0 40 10 50 1.5 30 20 50 1.0 20 30 50 0 0 50 50

 ขอ้ สรุปผลการทดลองไดถ้ กู ต้องและสอดคลอ้ งกบั ตาราง 1. พลงั งานศักย์มีคา่ ลดลง เมอื่ ความสงู ลดลง 2. พลังงานจลน์มีคา่ เพ่ิมข้ึน เมอ่ื ระดบั ความสูงลดลง 3. เมื่อพลังงานศกั ยล์ ดลง พลังงานจลนจ์ ะเพ่มิ ขน้ึ 4. ทกุ ระดบั ความสงู ผลรวมพลงั งานศกั ย์และพลงั งานจลน์มีคา่ คงท่ี 5. เมื่อใชว้ ัตถมุ วล 2.0 กิโลกรมั ผลรวมพลังงานศักย์และพลงั งานจลนเ์ ปน็ 50 จลู16. เดก็ คนหนึง่ เผาคอปเปอร์ (II ) ซัลเฟส (จุนสี ) ซึง่ เป็นของแขง็ ทม่ี ีสีฟ้า ขณะทเ่ี ผา มีหยดนาํ้ เกาะที่ผนังด้านในหลอดทดลอง สารเปล่ียนสีเป็นสีขาว ต้ังไวใ้ ห้เย็นแล้วหยดน้ําลงไป พบว่าสารเปลีย่ นจากสขี าว เปน็ สฟี ้า ลกั ษณะเชน่ นเี้ ปน็ การเปลยี่ นแปลงทางกายภาพข้อความนเี้ กย่ี วข้องกบั ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรใ์ นข้อใด มากทส่ี ุด1. การวัด 2. การสังเกต3. การทดลอง 4. การลงความเหน็ 5. การแปรความหมาย17. การกําหนดความสมั พันธข์ องส่งิ มชี วี ิตด้วยเครื่องหมายดงั น้ี + หมายถึง ฝ่ายท่ีได้ประโยชน์ - หมายถึง ฝา่ ยที่เสียประโยชน์ 0 หมายถึง ฝ่ายทไ่ี ม่ไดแ้ ละไม่เสยี ประโยชน์ส่ิงที่มีชีวิตคใู่ ดมีความสัมพนั ธ์แบบเดียวกัน1. กบบนใบบัว โพรโทซัวในลําไส้ปลวก2 . นกทาํ รงั บนต้นไม้ ม้าลายกับนกกระจอกเทศ3. ปลาการ์ตนู กบั ดอกไมท้ ะเล แบคทีเรยี นบนผวิ หนงั คน4 . ดอกไมก้ ับแมลง สาหรา่ ยอยู่ร่วมกนั กบั ราไลเคนส์5. ไรโซเบยี มในรากถั่ว แบกทเี รยี ในกระเพาะอาหารของโค18. การนํากล้าไม้ปา่ ชายเลนมาปลกู ใหมใ่ นพนื้ ท่รี าบน้าํ ขึน้ ถงึ ขอบป่าชายเลน พบว่ากลา้ ไมป้ ่าชายเลน ทปี่ ลกู มีจาํ นวน ท่ีตายมากกวา่ จํานวนทีเ่ หลือรอดอยู่ ทเี่ ปน็ เชน่ นีน้ ่าจะเปน็ ผลมาจากปัจจัยสิ่งแวดล้อมใด1. แสง 2. อุณหภมู ิ3. ภูมปิ ระเทศ 4. ความเค็มของนา้ํ 5. คลืน่ และกระแสน้าํ

 19. ธาตสุ ังกะสมี ีอเิ ล็กตรอนเท่ากับ 30 และมีนิวตรอนเท่ากบั 35 เขยี นสัญลกั ษณน์ ิวเคลียร์ได้อย่างไร 1. Zn35 2. Zn65 30 30 3. Zn35 4. Zn65 5. Zn30 65 35 3520. สญั ลกั ษณข์ องธาตุ Al27 ธาตอุ ะลูมเิ นียมมกี ารจดั เรยี งอเิ ลก็ ตรอนอยา่ งไร 13 1. 2 8 3 2. 2 8 4 3. 2 8 17 4. 2 8 8 9 5. 2 8 8 8 121. จากภาพข้างล่างนี้ คํากลา่ วขอ้ ใดผิด 7 Li 9 Be 3 4 23 Na 24 Mg 11 12 K39 40 Ca 20 19 1. ธาตุแคลเซยี มมีจดุ หลอมเหลวตํา่ กวา่ แมกนีเชียม 2. ธาตุแมกนเี ซยี มมีความหนาแน่นสูงกว่าธาตโุ ซเดียม 3. ธาตุโพแทสเชยี มเม่ือกลายเป็นออนบวก จะมรี ะดับพลงั งานเพมิ่ ขึ้น 4. ธาตุโพแทสเชยี มมีค่าพลังงานไอออไนเซชนั ลาํ ดบั ที่ 1 นอ้ ยกว่าธาตโุ ซเดียม 5. ธาตุโพแทสเชียมมขี นาดอะตอมใหญก่ วา่ ธาตุลเิ ทยี ม22. สารใดไม่เกิดพนั ธะโคเวเลนต์ 1. CH4 2. CO2 3. NH3 4. NaI 5. PCl323. ขณะท่รี ถยนต์แล่นบนถนน หากยางรถยนตไ์ ม่มีดอกจะมผี ลทาํ ใหล้ อ้ ลอยเหนอื ผิวถนน ขอ้ ความน้ี เกย่ี วข้องกับแรงใดมากท่ีสดุ 1. แรงโนม้ ถ่วง 2. แรงเสียดทาน 3. แรงปฏิกิริยา 4. แรงอัด 5. นํ้าหนกั

 24. ข้อใดเป็นการเคลอ่ื นทีแ่ บบหมนุ และแบบเล่ือนตาํ แหนง่1. ชิงชา้ 2. ล้อรถจักรยาน3. ลูกตุม้ นาฬิกา 4. ใบพดั ของพดั ลม 5. เตะลูกฟตุ บอลให้โดง่25. ชายคนหน่งึ แบกกระสอบปนู เดนิ ข้ึนบนั ไดดว้ ยแรง 100 นวิ ตัน บันไดแตล่ ะข้ันสูง 20 เซนตเิ มตรจาํ นวน 15 ขนั้ งานท่ชี ายคนนแ้ี บกกระสอบปูนขึน้ บันไดหน่ึงขัน้ กีจ่ ลู1. 20 จลู 2. 300 จูล3. 2,000 จลู 4. 3,000 จลู 5. 30,000 จูล26. ผู้ศึกษาสามารถนําขอ้ มูลจากการสงั เกต การวัดและการทดลอง มาจดั ระบบใหม่โดยเรียงลําดบั แยกประเภทให้งา่ ยตอ่ การแปลความหมายข้อมูล เปน็ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ด้านใด1. การแยกประเภท 2. การคํานวณ3. การสอื่ ความหมายข้อมลู 4. การกําหนดและการควบคุมตัวแปร5. การต้งั สมมตฐิ าน27. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ จุดมุ่งหมายของการทําโครงงานวทิ ยาศาสตร์1. ส่งเสรมิ การศึกษาคน้ คว้าหาความรดู้ ว้ ยตนเอง2. สง่ เสริมความคิดริเริม่ สรา้ งสรรค์และใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการแกป้ ัญหา3. ส่งเสริมการประยกุ ตใ์ ชค้ วามรูท้ างวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี4. ประกวดแข่งขันเพือ่ สร้างช่อื เสยี งใหแ้ กผ่ จู้ ดั ทํา5. สง่ เสรมิ ใหผ้ ้เู รียนไดพ้ ัฒนาและแสดงความสามารถตามศักยภาพ28. ข้อใด ไมใ่ ช่ กิจกรรมการแปลความหมาย1. การบนั ทกึ ข้อมลู ลงในตาราง 2. การนําเสนอข้อมูล3. การเขียนกราฟระบบพิกัดฉาก 4. การรวบรวมข้อมลู5. การวิเคราะห์และแปลความหมายจากกราฟ29. การบนั ทกึ ผลขอ้ มลู ทางวิทยาศาสตร์ ควรทําอย่างไร1. รวดเรว็ ว่องไว รอบคอบ 2. รอบคอบ ซ่ือตรง ละเอียด3. รวดเร็ว ว่องไว ละเอยี ด 4. ทําอยา่ งรวดเร็วเพอื่ การผิดพลาด5. รวดเร็ว ละเอยี ด ซ่อื ตรง

 30. ขอ้ ใดกลา่ วถูกตอ้ ง 1. สิ่งแวดล้อมเป็นส่วนหนึง่ ของระบบนิเวศ 2. ระบบนเิ วศเป็นสว่ นหนึง่ ของสิง่ แวดล้อม 3. ระบบนเิ วศไม่เก่ียวกับส่ิงแวดล้อม 4. ระบบนิเวศเปน็ สิง่ แวดลอ้ มทางชวี ภาพ 5. ระบบนเิ วศทสี่ มบรู ณ์ทส่ี ดุ คือระบบนเิ วศในบ่อนํา้31. การวดั ความยาวของโต๊ะ เกา้ อ้ี ควรใชเ้ ครือ่ งมือชนดิ ใด 1. ไมบ้ รรทดั 2. ไมโ้ ปรแทรกเตอร์ 3. ตลับเมตร 4. เวอร์เนียร์ 5. ไม้เมตร32. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ ผลกระทบตอ่ ปัญหาสงิ่ แวดล้อม 1. ทําใหท้ รัพยากรลดลง 2. ทําให้เกดิ มลพิษ 3. ทําให้เกดิ การแข่งขัน 4. ทาํ ใหเ้ กดิ ภยั ธรรมชาติคุกคาม 5. เกดิ สปี ชีสใ์ หม่33. ปัญหาการขาดแคลนน้ําทสี่ าํ คญั เกดิ จาก 1. ฝนตกน้อย 2. การตัดไม้ทําลายปา่ 3. ไม่มีแหล่งกกั เก็บนํ้า 4. พนื้ ดินเปน็ ทราย 5. การขยายตวั ทาง เศรษฐกิจ34. ทรพั ยากรประเภทใดจําเป็นมากทสี่ ุดในการดาํ รงชีวิตของส่งิ มีชีวิต 1. ทรัพยากรที่ใชแ้ ลว้ ไม่หมด 2. ทรัพยากรที่ใช้แล้วหมด 3. ทรพั ยากรท่ีใชแ้ ล้วเกดิ ทดแทนได้ 4. ทรัพยากรท่กี ําลังขาดแคลน 5. ทรัพยากรที่มนุษย์สร้างขนึ้35. มลู เหตุท่ที ําใหส้ ่ิงแวดลอ้ มเปลยี่ นแปลงคอื อะไร1. ความเจริญของบ้านเมือง 2. การเพ่ิมของประชากร3. การเผาไหม้ 4. การทง้ิ ขยะมูลฝอย 5. การเกดิ โรคระบาด36. ถ้าเราตดั ไมใ้ หญใ่ นป่า โดยไม่มกี ารปลกู ทดแทน พบวา่ สภาพป่าจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เพราะปัจจยั ใดที่เปน็ ตัวกําหนด 1. อณุ หภมู ิ 2. แสงสวา่ ง 3. สภาพพื้นดิน 4. การแก่งแยง่ อาหาร 5. ความกดอากาศ

 37. วิธีท่ีดที ี่สดุ ท่จี ะช่วยใหป้ รากฎการณ์เรือนกระจกเกดิ ข้ึนน้อยทีส่ ุด คอื1. ลดการใช้เชื้อเพลิงใหม้ าก 2. ปลูกผกั สวนครัว3. ดรู ายการโทรทศั นใ์ หน้ ้อยลง 4. งดการเดินในห้างสรรพสนิ คา้ ที่มีเครือ่ งปรับอากาศ5. ประหยดั พลงั งานในครัวเรอื น38. ขอ้ ใดทําให้สมดลุ ธรรมชาติเสียมากท่ีสดุ1. แมลงถูกทาํ ลาย 2. สัตวป์ ่าถกู ทําลาย3. ปา่ ถูกทําลาย 4. เกดิ อทุ กภัย 5. การเกดิ โรคระบาด39. การใชพ้ ลงั งานจากแหล่งใด นา่ จะทําใหเ้ กิดผลทางดา้ นมลพษิ ของส่งิ แวดล้อมนอ้ ยที่สุด1. พลงั งานนิวเคลียร์ 2. พลงั งานจากเชื้อเพลิงท่ีสร้างขึ้นใหม่ได้3. พลังงานเชื้อเพลงิ ท่ีสรา้ งข้ึนมาใหม่ไมไ่ ด้ 4. พลังงานจากลม5. พลังงานจากปโิ ตรเลยี ม40. มีคาํ กลา่ วว่า ในผู้หญิงต้องการธาตุเหลก็ มากกวา่ ผชู้ าย ขอ้ ความนี้จริงหรือไม่1. เป็นจริง เพราะหญงิ มีการเสยี เลือดในรปู ของประจําเดือนอยูเ่ สมอ2. เปน็ จรงิ เพราะหญิงเก็บธาตุเหล็กไวไ้ ม่ได้3. ไม่เปน็ จรงิ ทั้งหญงิ และชายตอ้ งการเทา่ ๆกัน4. ไมเ่ ป็นจริง ความตอ้ งการเหล็กของชายสงู กวา่ หญิง5. ไมจ่ ริง เพราะหญิงมีความตอ้ งการในการใช้พลังงานมากกว่าชาย41. มคี าํ กล่าววา่ หญิงมคี รรภ์ตอ้ งการธาตแุ คลเซยี มมากกว่าหญงิ ทัว่ ไปนนั้ จริงหรือไม่1. จรงิ เพราะหญงิ มีครรภ์ต้องใชใ้ นการสรา้ งกระดูกและฟัน2. จรงิ เพราะหญิงมีครรภต์ อ้ งใช้แคลเซียมชดเชย สว่ นที่ขับถา่ ยออกมามากกว่าหญงิ ทว่ั ไป3. จรงิ เพราะเดก็ ในครรภจ์ ะใชแ้ คลเซียมจากแมใ่ นการสรา้ งกระดกู และฟนั4. ไม่จริง หญิงทว่ั ไปและหญงิ มคี รรภ์ต้องการแคลเซียมเท่าๆกัน5. ไม่จรงิ เพราะหญงิ มีครรภม์ ีโอกาสเป็นโรคกระดกู พรนุ มากกว่าหญงิ ท่วั ไป42. การสั่นและขนลกุ ในหนา้ หนาวมผี ลทําให้1. เมแทบอลซิ มึ รา่ งกายลดลง 2. เมแทบอลซิ มึ ของรา่ งกายเพม่ิ ข้ึน3. อณุ หภมู ิของรา่ งกายลดเท่ากับสง่ิ แวดลอ้ ม 4. มกี ารสลายไขมันมากขึ้น5. อุณหภมู ขิ องร่างกายสูงกวา่ ภายนอก

 43. ในวนั ที่อากาศร้อนและอากาศชนื้ เรามกั จะรู้สกึ อดึ อัดเพราะเหตใุ ด1. เหง่ือออกมากและระเหยออกไปอยา่ งเร็ว 2. เหง่อื อกน้อยและระเหยออกไปอยา่ งเร็ว3. เหงือ่ ออกมากและระเหยออกไปชา้ 4. เหง่ือออกน้อยและระเหยออกไปชา้5. เหงื่อไมอ่ อกและอณุ หภมู ริ า่ งกายตาํ่ กว่าสิ่งแวดล้อม44. ถ้าหากมปี รมิ าณอาหารเท่ากนั อาหารประเภทใดทใี่ หพ้ ลังงานมากทส่ี ุด1. ขนมปัง 2. นาํ้ ตาลทราย3. เนย 4. นมสด 5. ขา้ วสวย45. อะไรท่ไี ม่ใช่การปรบั ตัวของส่ิงมชี วี ิตใหเ้ ขา้ กับส่ิงแวดล้อม1. ตั๊กแตนมสี เี ขยี วคล้ายกบั ใบไม้ 2. สนุ ัขระบายความร้อนจากรา่ งกายด้วยการหอบ3. ตน้ ตะบองเพชรลดรูปใบไปเปน็ หนาม 4. ก้ิงกา่ มสี คี ลา้ ยกิง่ ไมท้ ่ีมนั อาศัยอยู่5. นกเค้าแมวออกหากนิ ในตอนกลางคืน46. การท่เี ราเหน็ กลว้ ยไมม้ ีหลายชนิด ซึง่ ตน้ ตระกูลมาจากกลว้ ยไม้ปา่ ด้วยกนั ทงั้ นั้น ข้อความนี้สนับสนุน1. ส่งิ มชี วี ิตหนึง่ เปล่ียนแปลงเป็นสงิ่ มีชีวิตอีกอย่างหนง่ึ ได้2. สิง่ มชี ีวติ มโี ครงสรา้ งท่งี า่ ยๆก่อนจึงมีโครงสร้างยากๆ3. สิง่ มชี วี ิตมโี ครงสรา้ งแบบตา่ งๆมานานแลว้4. สงิ่ มีชีวติ ในปจั จบุ ันมโี ครงสรา้ งเหมาะสมท่ีสุด5. ส่งิ มชี วี ิตตา่ งๆมีโครงสร้างทีซ่ บั ซอ้ น47. การท่ีตัก๊ แตนมีสเี หมือนกบั สิ่งแวดล้อมทม่ี นั อาศยั อยู่เพอื่ ประโยชนอ์ ะไร1. ในการหาอาหารจากสิ่งแวดลอ้ มทมี่ นั อาศยั อยู่ 2. จับแมลงอนื่ ๆกนิ เปน็ อาหาร3. พลางตัวไม่ใหศ้ ตั รแู ลเหน็ 4. ในการดํารงชีวิตแบบsymbiosisกบัสิ่งแวดลอ้ ม5. ชว่ ยในการหาอาหาร48. การแก้ไขมลภาวะตา่ งๆเราควรเน้นข้อใดมากทีส่ ุด1. ออกกฎหมายควบคมุ อย่างเครง่ ครดั2. ปลกู ฝงั ใหป้ ระชาชนมองเหน็ ความสาํ คัญของสภาวะแวดล้อม3. ปลกู ตน้ ไม้มากๆ4. ควบคุมจาํ นวนประชากร5. จัดภูมทิ ัศนใ์ หด้ สู วยงาม

 49. ขอ้ ใดมคี วามสําคัญมากทีส่ ดุ ตอ่ การอนุรักษ์น้าํ1. ใชน้ ํ้าอย่างประหยดั ที่สุด 2. ใช้น้าํ อยา่ งคมุ้ คา่ ท่ีสดุ3. ปอ้ งกนั การเกิดมลภาวะของนาํ้ 4. รักษาแหล่งต้นนํ้าไว้5. การออกกฎหมายอนุรักษ์แหล่งน้ํา50. ทําไมจึงกลา่ วว่าการสงวนปา่ เป็นการอนุรักษธ์ รรมชาติทยี่ ิง่ ใหญ่ ข้อใดมีความสาํ คญั มากทสี่ ุด1. เพราะเป็นต้นน้าํ ลําธาร 2. เปน็ ทอ่ี าศยั ของสตั วป์ า่3. เปน็ แหลง่ ให้อากาศบรสิ ทุ ธิ์ 4. ช่วยปอ้ งกันภยั ธรรมชาติ5. เป็นทรพั ยากรท่มี ีคณุ คา่ ΩΩΩΩΩΩΩ แบบทดสอบ ( วทิ ยาศาสตร์ ระดบั ปวช. )ความรู้ความสามารถด้านตรรกะ ความมีเหตุผลและแก้ปัญหาทาง วทิ ยาศาสตร์ข้อท่ี คาํ ตอบ ข้อที่ คําตอบ ขอ้ ท่ี คําตอบ ข้อท่ี คําตอบ ขอ้ ท่ี คําตอบ 12 11 4 21 3 31 3 41 8 23 12 22 4 32 3 42 2 35 13 3 23 2 33 1 43 3 44 14 3 24 2 34 1 44 3 53 15 4 25 1 35 2 45 2 63 16 3 26 1 36 3 46 1 71 17 5 27 4 37 2 47 3 85 18 4 28 4 38 3 48 2 91 19 2 29 2 39 4 49 310 4 20 1 30 1 40 6 50 4


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook