Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เนื้อหาในคาบเรียน

เนื้อหาในคาบเรียน

Published by James Thanakrit, 2022-07-23 02:57:32

Description: เนื้อหาในคาบเรียน

Search

Read the Text Version

เนอื ้ หารายวชิ าสำหรับการสอบปลายภาค กฎหมายอาญา กฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ ระบบการศาลของไทย กฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความ กฎหมายอาญา  กฎหมายอาญาคอื กฎหมายทบ่ี ญั ญตั ไิ ว้วา่ อะไรเป็นความผดิ ท่มี นษุ ย์ห้ามฝ่าฝืน หากฝ่าฝืนแล้วจะมโี ทษ ทก่ี ระทบตอ่ ชีวติ และร่างกายและเสรีภาพและทรพั ย์สนิ  กฎหมายอาญาถกู ออกแบบมาไว้สำหรับให้รัฐลงโทษประชาชนทอ่ี ยใู่ ต้ปกครอง  การกระทำผดิ กฎหมายอาญาถือเป็นการกระทำผดิ ตอ่ สงั คม เน่อื งจากกระทบตอ่ ความสงบเรียบร้อยของสงั คมโดยรวม รฐั จงึ เข้ามามีสว่ นลงโทษ และมสี ว่ นในการสอบสวนดำเนนิ คดดี ้วย  กฎหมายอาญา เป็นกฎหมายทบ่ี ญั ญตั วิ า่ การกระทำ หรือการไมก่ ระทำการใดเป็นความผดิ และกำหนดโทษสำหรับ ความผดิ นนั้ ไว้ด้วย  โดยสรุป กฎหมายอาญากำหนดอยสู่ องอยา่ งด้วยกนั  กำหนดความผดิ  กำหนดโทษ กำหนด กรอบของโทษ วา่ ผ้กู ระทำผดิ จะโดนลงโทษอยา่ งไรบ้าง หลกั การสำคญั ของกฎหมายอาญา  กฎหมายอาญาต้องชดั เจนแนน่ อน กำหนดความผดิ และกำหนดโทษ  ไมม่ ีความผดิ และไมม่ โี ทษ ถ้าไมม่ ีกฎหมายบญั ญตั ิ ม 2  กฎหมายอาญาต้องตคี วามโดยเคร่งครดั  กฎหมายอาญาจะไมม่ ีผลย้อนหลงั ในสว่ นทเ่ี ป็นโทษ จะมผี ลย้อนหลงั ได้ในสว่ นทเ่ี ป็นคณุ (เป็นประโยชน์ตอ่ ผ้กู ระทำ ความผดิ ) เทา่ นนั้ ม 3  จะอ้างวา่ ไมร่ ู้กฎหมายไมไ่ ด้ ความรับผดิ ทางอาญา ม 59  บุคคลจะต้องรับผดิ ทางอาญา ต่อเม่อื ได้ กระทำโดยเจตนา  การกระทำโดยเจตนา - แยกเป็ นสององค์ประกอบ  การกระทำ

o การกระทำ เคลอ่ื นไหวร่างกาย ทำให้เกิดอะไรบางอยา่ ง o คดิ ตกลงใจ กระทำตามท่คี ดิ o กระทำโดยรู้สำนกึ o มีสตริ ู้ตวั ในการกระทำของตน เข้าใจวา่ การกระทำของตนจะกอ่ ให้เกิดอะไรขนึ้  แบบไหนถงึ เรียกวา่ ไมม่ กี ารกระทำ  กระทำความผดิ ขณะไมร่ ู้สำนกึ  กระทำความผดิ ขณะไมร่ ู้ผดิ ชอบ  กระทำความผดิ ขณะไมม่ สี ติ  ไมส่ ามารถบงั คบั ตนเองได้  เป็นโรคจิตฟ่ันเฟือน จติ ประสาท  คนละเมอ  คนเป็นลมบ้าหมู  คนท่มี อี าการชกั  ถกู ผลกั ถกู ชน  การกระทำท่เี กดิ จากแรงธรรมชาติ เชน่ ลมพายพุ ดั  การกระทำ รวมถงึ การไมเ่ คลอ่ื นไหวร่างกายด้วย  หมายถงึ การไมเ่ คลอ่ื นไหวร่างกายโดยรู้สำนกึ มสี ตริ ู้ตวั เข้าใจวา่ การไมเ่ คลอ่ื นไหวร่างกายของตนจะ กอ่ ให้เกดิ อะไรขนึ้  เน่อื งจากวา่ การไมเ่ คลอ่ื นไหวร่างกายกอ็ าจจะกอ่ ให้เกิดผลของการไมเ่ คลอ่ื นไหวร่างกายได้  การไมเ่ คลอ่ื นไหวร่างกายเเบง่ ออกเป็นสองประเภทด้วยกนั o การละเว้น  คนทม่ี หี น้าท่โี ดยทว่ั ไป o การงดเว้น  คนทม่ี ีหน้าท่โี ดยเฉพาะ  องคป์ ระกอบภายนอกของความผดิ  องคป์ ระกอบภายนอกของความผดิ หมายความวา่ สง่ิ ท่ผี ้กู ระทำความผดิ ได้ทำ เข้าเงอ่ื นไขความผดิ ของกฎหมาย  องค์ประกอบภายนอก หมายถงึ เงอ่ื นไขความผดิ ของกฎหมายทส่ี ามารถเหน็ ได้ด้วยตา  ตดั สนิ ได้จากการกระทำของผ้กู ระทำความผดิ o ผ้กู ระทำ  ผ้ทู ก่ี ระทำความผดิ ผ้ทู ล่ี งมือกระทำความผดิ o การกระทำ  การลงมือกระทำความผดิ  สว่ นใหญจ่ ะผดิ ตอ่ เม่อื ลงมอื กระทำ  ต้องเร่ิมลงมือแล้ว ถงึ จะผดิ

 ยกเว้นบางฐานความผดิ ท่กี ารตระเตรียมเป็นความผดิ o วตั ถแุ หง่ การกระทำ  สง่ิ ทถ่ี กู กระทำ เชน่ คนหรือสง่ิ ของ o ถ้าขาดองคป์ ระกอบภายนอกอนั หนง่ึ อนั ใดไป ก็จะไมเ่ ป็นการกระทำท่ผี ดิ กฎหมาย เนอ่ื งจากไมค่ รบองค์ ประกอบ o เชน่ ลกั ทรัพย์ของตนเอง  บุคคลจะต้องรับผดิ ทางอาญา ต่อเม่อื ได้ กระทำโดยเจตนา  การกระทำโดยเจตนา - แยกเป็ นสององค์ประกอบ  การกระทำ  โดยเจตนา o โดยเจตนา o เร่ืองของเจตนา คอื องคป์ ระกอบภายใน o หมายถงึ สง่ิ ทอ่ี ยภู่ ายในจติ ใจของผ้กู ระทำความผดิ o เป็นองคป์ ระกอบสำคญั ของความผดิ ทางอาญา o ให้ดู มาตรา 59 o กฎหมายจะเอาผดิ คนทก่ี ระทำความผดิ โดยเจตนา หรือกระทำความผดิ โดยประมาท o หรือกระทำความผดิ แม้ไมเ่ จตนาและไมป่ ระมาท  เจตนาแบง่ เป็นสองประเภท  เจตนาประสงค์ตอ่ ผล  เจตนาเลง็ เหน็ ผล กฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์  กฎหมายบคุ คล o ประเภทของบคุ คลตามกฎหมาย o การเกดิ – เน้นดวู า่ คนเรามสี ภาพบคุ คลตอนไหน  มีสภาพบคุ คลเทา่ กบั มสี ทิ ธิและหน้าทใ่ี นฐานะบคุ คลตามกฎหมาย  มสี ภาพบคุ คล เทา่ กบั มคี วามสามารถในการทำสง่ิ ตา่ งๆได้ o การตาย - ต้องรู้วา่ ตายเมอ่ื ไหร่ และตายอยา่ งไร  เวลาในการตายและวธิ ีการตายจะมีผลตอ่ การสบื มรดก o การสาบสญู – เป็นการตายโดยกฎหมาย มีไว้จดั การมรดก และทรพั ย์สนิ ของผ้ทู ห่ี ายไป o ความสามารถ - บง่ บอกถงึ ความสามารถและประสทิ ธิภาพในการทำนติ กิ รรมของบคุ คล เพราะคนบาง ประเภทเป็นผ้หู ยอ่ นความสามารถ เชน่ ผ้เู ยาว์ คนวกิ ลจริต คนไรความสามารถ คนเสมอื นไร้ความสามารถ o ภมู ลิ ำเนา - เป็นหลกั กฎหมายท่เี อาไว้บง่ บอกท่อี ยอู่ าศยั ของคน

o นิตบิ คุ คล - เป็นบคุ คลสมมตุ ิ ตามกฎหมายท่มี คี วามสามารถคล้ายๆบคุ คลธรรมดาเกือบทกุ ประการ ถกู สร้าง ขนึ้ มาเพ่อื จดั การธรุ กิจการค้าตา่ งๆ และกิจการอน่ื ๆ ในนามของกลมุ่ บคุ คลธรรมดา  นติ บิ คุ คลมสี ภาพบคุ คลและมีสทิ ธิหน้าท่เี หมือนบคุ คลธรรมดาเกอื บทกุ ประการ  กฎหมายลักษณะทรัพย์ o ประเภทตา่ งๆของทรพั ย์ - กฎหมายจำแนกประเภทตา่ งๆของทรพั ย์ไว้เพอ่ื จดั การทรัพย์ท่ตี า่ งกนั โดยวธิ ีท่แี ตก ตา่ งกนั o ทรพั ย์ o ทรัพย์สนิ  อสงั หาริมทรพั ย์ – ทรพั ย์ท่ตี ดิ กบั ท่ดี นิ เคลอ่ื นทไ่ี มไ่ ด้  สงั หาริมทรัพย์ – ทรัพย์ท่เี คลอ่ื นไหวได้ ถกู เคลอ่ื นย้ายไปทต่ี า่ งๆได้  ทรพั ย์แบง่ ได้ – ทรพั ย์ทแ่ี บง่ ออกจากกนั ได้โดยไมบ่ บุ สลาย เชน่ ดนิ ทราย เมลด็ พชื น้ำ  ทรัพย์แบง่ ไมไ่ ด้ -ทรัพย์ทแ่ี บง่ ออกจากกนั ไมไ่ ด้เว้นแตว่ า่ จะถกู ทำลาย  ทรพั ย์นอกพาณชิ ย์ – ทรัพย์ทน่ี ำมาค้าขายกนั ไมไ่ ด้ o สว่ นควบ - เป็นสว่ นประกอบทรัพย์ประธานท่ตี ดิ อยเู่ ป็นอนั หนง่ึ อนั เดยี วกบั ทรัพย์ประธาน - เจ้าของ ทรัพย์ประธาน จะเป็นเจ้าของ สว่ นควบ ด้วย o อปุ กรณ์ - เป็นสว่ นประกอบทรพั ย์ประธานทส่ี ามารถแยกออกจากทรพั ย์ ประธานได้แตว่ า่ ต้องมไี ว้เพอ่ื ประโยชน์ในการดแู ลใช้สอยรกั ษาทรัพย์ประธาน จงึ ต้องตกตดิ ไปกบั ทรัพย์ประธานเสมอ o ดอกผล – เป็นผลประโยชน์หรือทรัพย์ทง่ี อกเงยมาจากทรพั ย์ประธาน ยอมตก เป็นกรรมสทิ ธ์ขิ องเจ้าของทรพั ย์ประธาน ด้วย  สทิ ธิทม่ี อี ยเู่ หนือทรัพย์  กรรมสทิ ธ์ิ  สทิ ธิครอบครอง  นิตกิ รรม  สญั ญา  ละเมดิ o เป็นการแสดงเจตนาเข้าผกู พนั ตามกฎหมาย o ควบคมุ สง่ิ ตา่ งๆและกิจกรรมตา่ งๆในชีวติ o เป็นบอ่ เกิดแหง่ หนี ้ o เม่อื เกดิ หนขี ้ นึ้ แล้ว ยอ่ มเกิดสทิ ธิและหน้าทข่ี องเจ้าหนแี ้ ละลกู หนี ้  ความหมายของนิตกิ รรม  ม.149 ปพพ  นิตกิ รรมหมายความถงึ การใดๆอนั ทำลงโดยชอบด้วยกฎหมายและด้วยใจสมคั ร มงุ่ โดยตรงตอ่ การผกู นิตสิ มั พนั ธ์ขนึ้ ระหวา่ งบคุ คลเพอ่ื ท่จี ะกอ่ เปลย่ี นแปลงโอนสงวนหรือ ระงบั ซง่ึ สทิ ธิ

 นติ กิ รรมคอื การกระทำการอนั เป็นการแสดงเจตนา มงุ่ กอ่ นิตสิ มั พนั ธ์ ผกู พนั กบั ผ้อู น่ื ใน ทางกฎหมาย ต้องการจะ สร้างความผกู พนั ทางกฎหมายให้เกดิ ขนึ้ เพ่อื ท่จี ะกอ่ ให้เกิด ความเคลอ่ื นไหวแหง่ สทิ ธิ  โดยปกตถิ ้าการแสดงเจตนาสมบรู ณ์ ไมม่ อี ะไรขดั ข้อง นติ กิ รรมหรือสญั ญานนั้ ก็จะ สมบรู ณ์ไปด้วย  แตใ่ นบางกรณี การแสดงเจตนาอาจไมส่ มบรู ณ์ อาจมีข้อบกพร่อง ด้วยเหตตุ า่ งๆ ทำให้ นิตกิ รรมนนั้ ไมส่ มบรู ณ์ แปลวา่ นติ กิ รรมนนั้ อาจไมม่ ผี ลทางกฎหมายได้ o เหตแุ หง่ ความไมส่ มบรู ณ์ของนติ กิ รรม  เหตแุ หง่ ความสามารถของผ้ทู ำนิตกิ รรม  วตั ถปุ ระสงค์ของนติ กิ รรม  แบบของนติ กิ รรมท่กี ฎหมายกำหนด  การแสดงเจตนาบกพร่องของผ้ทู ำนิตกิ รรม o นติ กิ รรมท่ไี มส่ มบรู ณ์ – นติ กิ รรมทเ่ี ป็นโมฆะ นิตกิ รรมทเ่ี ป็นโมฆยี ะ  สญั ญา คอื นติ กิ รรมสองฝ่าย  สญั ญาเกิดจากการแสดงเจตนา ที ตรงกนั ของคกู่ รณี  เเบง่ ออกเป็นสองสว่ น สว่ นแรกคอื การแสดงเจตนาทำคำเสนอ  สว่ นทส่ี องคอื การแสดงเจตนาทำคำสนอง  เมอ่ื คำเสนอและคำสนองถกู ต้องตรงกนั ทกุ ประการ สญั ญากจ็ ะเกิดขนึ้ และมผี ล  เมอ่ื สญั ญาเกิดขนึ้ และมผี ล เทา่ กบั วา่ สญั ญานนั้ กอ่ ให้เกดิ หนขี ้ นึ้ แล้ว  เมอ่ื เกดิ หนขี ้ นึ้ ก็จะมี สทิ ธิ และ หน้าท่ี ของ เจ้าหนี ้และ ลกู หนี ้ทีจะต้องปฏบิ ตั ติ าม  เอกเทศสญั ญา o สญั ญาประเภทตา่ งๆท่กี ฎหมายกำหนดรูปแบบ รายละเอยี ดไว้เฉพาะ o สญั ญาบางชนดิ กฎหมายจะกำหนดแบบของสญั ญาไว้เฉพาะ หากไมท่ ำตามจะมีผลร้ายเชน่ สญั ญาเป็นโมฆะ - เชน่ สญั ญาซอื ้ ขายอสงั หาริมทรพั ย์ – ต้องทำเป็นหนงั สอื และจดทะเบยี นตอ่ เจ้าพนกั งาน o สญั ญาเชา่ ซอื ้ - ต้องทำเป็นหนงั สอื o สญั ญาบางชนดิ กฎหมายไมไ่ ด้กำหนดแบบไว้โดยเฉพาะแตก่ ำหนดให้ ทำหลกั ฐานเป็นหนงั สอื หากไมท่ ำจะ ไมส่ ามารถฟอ้ งร้องบงั คบั คดตี วั สญั ญานนั้ ได้ – เชน่ สญั ญาก้ยู ืมเงนิ เกินกวา่ สองพนั บาท ต้องทำเป็นหนงั สอื o สญั ญาซอื ้ ขาย o สญั ญาเชา่ ทรัพย์ สญั ญาเชา่ ซอื ้ o สญั ญาจำนอง จำนำ  ละเมดิ o ละเมดิ เป็นบอ่ เกิดเเหง่ หนชี ้ นิดหนง่ึ o อาจจะเกดิ จากความจงใจหรือประมาทกไ็ ด้ การละเมดิ จะกอ่ ให้เกิดความเสยี หายซง่ึ ผ้กู อ่ ให้เกิดความเสยี หายจำเป็นต้องชดใช้ ด้วยเงนิ – เน้นทก่ี ารชดใช้เยยี วยาให้แกผ่ ้เู สยี หาย – ตา่ งจากกฎหมายอาญาท่เี น้น ลงโทษผ้กู ระทำความผดิ - หนขี ้ องผ้กู ระทำละเมดิ กค็ อื จำนวนคา่ เสยี หายท่ตี ้องชดใช้ให้ผ้เู สยี หาย

o ม.420 ปพพ - ผ้ใู ดจงใจหรือประมาทเลนิ เลอ่ ทำตอ่ บคุ คลอน่ื โดยผดิ กฎหมายให้เขาเสยี หายถงึ แกช่ ีวติ กด็ ี แก่ ร่างกายก็ดี อนามยั ก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรพั ย์สนิ หรือสทิ ธิอยา่ งหนง่ึ อยา่ งใดกด็ ี ทา่ นวา่ ผ้นู นั้ ทำละเมดิ จำต้องใช้คา่ สนิ ไหมทดแทนเพอ่ื การนนั้ o คา่ สนิ ไหมทดแทน สามารถจะเป็น การคนื ทรัพย์สนิ การใช้ราคาทรพั ย์สนิ หรือคา่ เสยี หาย หรือคา่ รักษา พยาบาล คา่ ทำศพ คา่ ขาดไร้อปุ การะ คา่ เสยี หายจากการท่ไี มส่ ามารถทำงานได้ คา่ เสยี หายแกช่ อ่ื เสยี ง  กฎหมายครอบครัว o การสมรส - เป็นนิตกิ รรมทส่ี ำคญั เน่อื งจาก เป็นนิตกิ รรมท่เี ปลย่ี นแปลงสถานะของบคุ คลจากคนสองคนท่ไี มม่ ี ความสมั พนั ธ์อะไรกนั เลยกลายเป็นสามภี รรยากนั ซง่ึ ต้องจดั การทรัพย์สนิ ร่วมกนั และมหี น้าท่ตี า่ งๆอกี มากมายท่มี ีตอ่ กนั เชน่ หน้าทฉ่ี นั สามีภรรยาและหน้าท่ขี องบดิ ามารดาและบตุ ร  รูปแบบของการสมรส  มีรูปแบบเดยี วเทา่ นนั้ คือการจดทะเบยี น  เง่อื นไขของการสมรส  หน้าทข่ี องสามภี รรยา  การจดั การทรัพย์สนิ ระหวา่ งสามีภรรยา - เมอ่ื สมรสสมบรู ณ์แล้ว ทรัพยส์ นิ ก็จะต้องจดั การร่วมกนั โดยกฎหมายให้ถือวา่ ทรพั ย์สนิ ท่ไี ด้มาหลงั สมรสสว่ นใหญ่เป็นสนิ สมรสทงั้ หมด เว้นแตท่ รัพย์สนิ สว่ น ตวั บางประการจะถอื วา่ เป็นสนิ สว่ นตวั  สนิ สมรสต้องจดั การร่วมกนั หรือขออนญุ าต - ในกรณีทเ่ี ป็นนติ กิ รรมสำคญั  สนิ สว่ นตวั จดั การเองได้เลย o การหมนั้ o การสนิ ้ สดุ ลงของการสมรส การตาย การหยา่ การเพกิ ถอนการสมรสโดยศาล  การหยา่ ด้วยความยนิ ยอม  การหยา่ โดยคำพพิ ากษา o หน้าท่ขี องบดิ ามารดา  ต้องอปุ การะเลยี ้ งดบู ตุ รจนกระทง่ั พ้นความเป็นผ้เู ยาว์  บตุ รต้องอปุ การะเลยี ้ งดบู ิดามารดา o บตุ รบญุ ธรรม  มีเงอ่ื นไขเร่ืองอายุ ผ้รู บั บตุ รบญุ ธรรมต้องอายยุ ส่ี บิ ห้าปีขนึ้ ไป และต้องอายมุ ากกวา่ ลกู บญุ ธรรมสบิ ห้าปี  การรบั บตุ รบญุ ธรรมมีแบบทก่ี ฎหมายกำหนด – จำเป็นต้องจดทะเบยี น  เมอ่ื จดทะเบยี นรับบตุ รบญุ ธรรมแล้วกจ็ ะมีสทิ ธิหน้าทเ่ี หมือนบตุ รโดยชอบด้วยกฎหมายทกุ ประการ โดยทบ่ี ตุ รบญุ ธรรมไมไ่ ด้ ถกู ตดั ขาดสทิ ธิเดมิ ในฐานะบตุ รของพอ่ แมท่ ่แี ท้จริง  การเลกิ รบั บตุ รบญุ ธรรมสามารถทำได้หลายกรณี  ตกลงกนั  ผ้รู บั บตุ รบญุ ธรรมกบั บญุ ธรรมสมรสกนั  ฟอ้ งเลกิ รบั บตุ รบญุ ธรรม - ด้วยเหตเุ ชน่ ประพฤติชว่ั

 กฎหมายมรดก o ทรพั ย์มรดกคอื อะไร  กองมรดกได้แกท่ รพั ย์สนิ ทกุ ชนิดของผ้ตู าย  รวมถงึ สทิ ธิ หน้าท่ี นะรวมถงึ ความรบั ผดิ ตา่ งๆด้วย  เว้นแต่ สทิ ธิหน้าท่คี วามรบั ผดิ เป็นการเฉพาะตวั ของผ้ตู ายโดยแท้  โดยทท่ี ายาทไมจ่ ำเป็นต้องรับผดิ เกินกวา่ ทรัพย์มรดกทต่ี กทอดแกต่ น o เม่อื บคุ คลตายลง มรดกของบคุ คลนนั้ ตกทอดแกท่ ายาท o การตายอาจเป็นการตายธรรมชาติ หรือเป็นการตายด้วยกฎหมายกไ็ ด้ คอื การสาบสญู นน่ั เอง o กองมรดกยอ่ มตกทอดแกท่ ายาท  โดยสทิ ธิตามกฎหมาย  หรือโดยพนิ ยั กรรม  ถ้ามพี นิ ยั กรรมให้ดพู นิ ยั กรรมกอ่ น  ถ้าไมม่ พี นิ ยั กรรมให้แบง่ มรดกตามท่กี ฎหมายกำหนด  อยา่ ลมื วา่ พนิ ยั กรรมต้องทำตามแบบ มเิ ชน่ นนั้ เป็นโมฆะ  แบบของพนิ ยั กรรมมหี ลายประเภท  แบบธรรมดา  เขียนเองทงั้ ฉบบั  แบบเอกสารฝ่ายเมอื ง  แบบเอกสารลบั  การทำพนิ ยั กรรมด้วยวาจาในสถานการณ์พเิ ศษ o สรุป o ถ้ามพี นิ ยั กรรม ให้ดพู นิ ยั กรรมกอ่ น ถ้าพนิ ยั กรรมไมม่ ีปัญหาก็ ให้แบง่ มรดกตามพนิ ยั กรรม o ถ้าไมม่ ีพนิ ยั กรรม หรือพนิ ยั กรรมไมส่ มบรู ณ์ ให้แบง่ มรดกไปตามกฎหมายตามหลกั ทายาทโดยธรรม o ให้ดวู า่ มใี ครถกู ตดั ออกจากกองมรดก ถกู จำกดั ไมใ่ ห้รบั มรดก หรือสละมรดกหรือไม่ o ทเ่ี หลอื ให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนด o ใช้หลกั กอ่ นตดั หลงั o แต่ ผ้สู บื สนั ดานไมต่ ดั สทิ ธิของบดิ ามารดา o สนิ สมรสให้แบง่ คร่ึงกบั คสู่ มรสกอ่ นแล้วเอาคร่ึงท่เี หลอื มาแบง่ กนั ตามทก่ี ฎหมายกำหนด o พาญาตใิ นลำดบั ชนั้ เดยี วกนั รบั เทา่ กนั o การสบื มรดก o การทำพนิ ยั กรรม  กระบวนการพจิ ารณาคดที างอาญา o กฎหมายท่เี กย่ี วข้องคอื ประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา o เรียกสนั้ ๆวา่ ป วอิ าญา

 ขนั้ แรก กอ่ นพจิ ารณาคดี o เกดิ การกระทำความผดิ o ผ้เู สยี หายจากการกระทำความผดิ สามารถดำเนนิ คดไี ด้สองทาง o ชอ่ งทางแรกคอื ผ้เู สยี หายไปร้องทกุ ข์ กบั เจ้าพนกั งานตำรวจ o เจ้าหน้าท่ี จะสบื คดแี ละจบั กมุ ผ้กู ระทำความผดิ o ตำรวจจะดำเนินการสอบสวน และควบคมุ ตวั ไว้ ตามเวลาท่กี ฎหมายกำหนด o หากมีพยานหลกั ฐาน ตำรวจจะสง่ สำนวนท่ไี ด้สอบสวนแล้วให้อยั การ o อยั การถ้าพจิ ารณาแล้วมีมลู อยั การจะฟอ้ งคดเี ข้าสศู่ าล o ชอ่ งทางทส่ี อง หากผ้เู สยี หายไมไ่ ด้ร้องทกุ ข์กบั เจ้าพนกั งานตำรวจ ผ้เู สยี หายสามารถดำเนนิ คดเี องได้ โดย ฟอ้ งคดตี อ่ ศาลอาญาโดยตรง ซง่ึ อาจจะยงุ่ ยากกวา่ และเอกสารจะไมค่ รบถ้วน จงึ ไมค่ อ่ ยมใี ครนิยมทำกนั  ขนั้ ทส่ี อง ขนั้ ตอนระหวา่ งพจิ ารณาคดี o ศาลพจิ ารณาคดี o ศาลมสี ามชนั้ ด้วยกนั มศี าลชนั้ ต้น ศาลอทุ ธรณ์ ศาลฎีกา o คดอี าจจะจบในศาลชนั้ ใดชนั้ หนง่ึ กไ็ ด้ หาก ไมม่ กี ารส้คู ดตี อ่ o เมอ่ื ไมม่ ีการส้คู ดตี อ่ ถอื วา่ คดถี งึ ท่สี ดุ แล้ว o เมอ่ื ศาลพพิ ากษา ให้ผดิ จริง กจ็ ะต้องมกี ารบงั คบั ตามคำพพิ ากษา o โทษอาญามี ประหารชีวติ จำคกุ กกั ขงั ปรบั ริบทรพั ย์ o


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook