Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 6144010327_Cream_Director's Digital Portfolio

6144010327_Cream_Director's Digital Portfolio

Published by Nattharika Tarin, 2021-12-13 17:48:03

Description: 6144010327_Cream_Director's Digital Portfolio

Search

Read the Text Version

01 Directed by ผู้บุกรุก Nattharika Tarin 02 An Education Student who loves PA by heart เครื่องพุ่งทะยานหมายเลข 4 03 Public Figures 04 Super Willy



TABLE OF CONTENTS 01 ผู้บุกรุก 02 เครื่องพุ่งทะยานหมายเลข 4 03 PUBLIC FIGURES 04 SUPER WILLY 05 ABOUT DIRECTOR



ผู้บุกรุก Directed by Bhutip Sukkree Nattharika Tarin

ผู้บุกรุก Preparation Responses to the text บทเป็นบทเรื่อง \"ผู้บุกรุก\" โดยกฤษณะ ดัดแปลงจากเรื่อง Calls โดย Timothée hochet / Fede Álvarez ซึ่งหลังจากได้รับการมอบงานนี้และได้ทราบว่ากำกับคู่กับต้น และมีนัก แสดงเป็นปริมและหมงจึงเริ่มสร้างกรุ๊ปและศึกษาตัวบทว่าเป็นอย่างไร โดยที่อ่านแล้วลิ สต์ Facts and Questions ออกมา สร้าง Character Biography Background situation and information ขึ้นมาเพื่อสร้างผู้บุกรุกในเวอร์ชันที่เป็น Realistic แบบ พวกเราเอง Investigating the big ideas หลังจากได้ Facts and Questions มาแล้ว เราจึงเริ่มตกลงกันจากความสนใจที่จะสร้าง งานของเรา จึงเลือก Sytle ของเรื่องให้เป็น Realistic และเริ่มหาความเป็นไปได้กันทันที ดิสคัสกันนานมากจนได้ข้อสรุปที่ว่าเป็นธีมของ Long distace relationship และได้ Big ideas ที่ว่าความสัมพันธ์ที่คนสองคนอยู่ห่างไกลกันและยังให้ความสำคัญกับงานและ ความมั่นคงในชีวิตมากกว่าแค่เรื่องรักใคร่กันทั้งคู่จึงทำให้ความสัมพันธ์จืดจางลงได้ใน ที่สุด Work on character การพัฒนาตัวละคร หลัก ๆ เราพัฒนาจากตัวบทดั้งเดิมที่ \"เบน\" เป็นนักแสดง ส่วน \"จอย\" ไป เรียนต่อป.โทที่เมืองมาธ ประกอบกับสไตล์ Realistic และ Theme และ Big ideas ด้านบนที่ เราตั้งไว้ เราจึงสร้างตัวละครให้เป็นเด็กนิเทศเหมือนกัน พบรักกันในคณะ ฝ่ายผู้ชายมี แพชชั่นแรงกล้าในการแสดง ส่วนฝ่ายหญิงมีสิ่งที่ให้ความสำคัญคือความมั่นคงในชีวิตจึงไป เรียนต่อแต่ทั้งสองก็ผูกพันธ์กัน ดังนั้นทั้งคู่จึงตัดกันขาดได้ยากแต่จะให้ไปต่อก็เหนื่อยล้า การ มีตัวละครอื่นเข้ามา จึงช่วยให้ทั้งเบนและจอยได้ลองเรียนรู้และรู้ตัวได้ดีขึ้น เช่น การเดินเข้า มาของเอในตอนท้าย ทำให้จอยรู้สึกผิดต่อทั้งตนเองและตัวเอจึงหยุดเล่นบทยื้อแล้ว

ผู้บุกรุก Preparation Preparation Phase Link ผลงาน: https://docs.google.com/document/d/1B3f_tq5LF2BXnu_o4K9Aap HG2DQeMj-O7OBO35WKOrA/edit?usp=sharing

ผู้บุกรุก Pre-production Meetings การประชุมของผู้กำกับครีมและต้นเกิดขึ้นผ่านซูมทุกครั้งเพราะยังเป็นช่วงการเรียน ออนไลน์อยู่ด้วย ในรายละเอียดของการประชุมจะแบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ ด้วยกัน ส่วนแรก คือ การประชุมเพื่อเตรียมบทละครให้พร้อม โดยที่การประชุมกับผู้กำกับกันวัน แรก คือ 24 สิงหาเพื่อลองดิสคัสหาแนวทางกำกับของเรา วันที่ 26 สิงหาเพื่อคุยเรื่อง วิเคราะห์บทต่อ เลือกเรฟสถานที่และ วางแผนงาน วันที่ 29 สิงหาเรื่องการวางแผนเพื่อเจอ นักแสดงต่อไป ส่วนที่สอง คือ มีการประชุมทุกครั้งก่อนนักแสดงเข้าซูมทั้ง 3 ครั้ง เพื่อรีแคปสิ่งที่จะเกิด ขึ้นในตอนเจอนักแสดงและเป้าหมายที่เราต้องการบรรลุในครั้งนั้น สุดท้าย คือ การประชุมหลังจากอัดคลิปเสร็จ เราประชุมกันเพื่อเขียนรีเฟลคไปพร้อม ๆ กัน Casting and Workshop การแคสติ้ง เนื่องจากเป็นงานชิ้นแรกของวิชานี้จึงทำให้ครูหนุ่มจับคู่ให้กำกับและ แสดงให้กันเองในคลาส นักแสดงจึงได้มาเป็นปริมและหมง PA 55 การเวิร์คช็อป เกิดขึ้นทุกครั้งก่อนการลองเล่นบทละครเพื่อช่วยเตรียมความพร้อม และให้นักแสดงสามารถเป็น \"จอย\" และ \"เบน\" ในเวอร์ชันของครีมต้น รายละเอียดเวิร์ค ช็อป ได้แก่ 1) 31 สิงหาคม 2564 เป็นการทำให้นักแสดงได้ลองทำความเข้าใจตัวละครเพื่อช่วยให้ เห็นภาพสิ่งที่ตัวละครคิดและเป็น 2) 5 กันยายน 2564 เป็นการช่วยให้นักแสดงมี Awareness มากขึ้น รับส่งเอเนอจี้กัน ผ่านการปรบมือ ะจูนอินกับตัวละครผ่านการให้ลอง Improvise ใช้ชีวิตผ่านเพลงที่เลือก มา และผ่อนคลายให้นักแสดงผ่านการเปิดเพลงรีแลกซ์ 3) 6 กันยายน 2564 เป็นการช่วย Relaz นักแสดง เพิ่มอินเนอร์และเข้าใจสถานการณ์ที่ ตัวละครเป็นผ่านการดื่มเครื่องดื่ม

ผู้บุกรุก Pre-production Workshop

ผู้บุกรุก Pre-production Planning/scheduling ในส่วนของการวางแผนและจัดตารางการซ้อมของเราจะขึ้นอยู่กับวันว่างของนักแสดงที่ ตรงกับผู้กำกับทั้งสองคน เนื่องจากช่วงนั้นเป็นช่วงที่งานของทุกคนค่อนข้างเยอะและ แน่น อีกทั้งยังเป็นการกำกับกันเองและฝั่ งนักแสดงก็ต้องไปกำกับงานของตน ทำให้ ตารางซ้อมค่อนข้างจัดได้ยาก แต่ทั้งครีมและต้นก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อนัดวันวลาเพื่อ ประชุมกัน และนัดซ้อมนักแสดงกันให้ได้

ผู้บุกรุก Rehearsals Building the world of the play การสร้างโลกของละครของเราทำโดยการที่ทำให้ตัวละครเข้าใจและเชื่อในสิ่งที่ตัวละคร เจอ และจากความสนใจที่ตรงกันของผู้กำกับทั้งสองคนจึงเป็นแรงบันดาลใจให้มีการ ตีความโดยยึด Big ideas และใช้ตัวละครที่ 3 เข้ามาช่วยคลี่คลายความสัมพันธ์ที่อึดอัด นี้ อย่างตอนที่เอเข้ามาในตอนสุดท้าย เป็นจุดที่เห็นได้ชัดและเป็นโมเมนต์ที่ผูกำกับตั้งใจ ให้จอยเห็นเบนเข้ามา เห็นสายตาที่เป็นห่วงและอบอุ่นของเบนที่สุด เห็นสายตาและ ภาษากายที่ตอกย้ำว่าทำไมจอยไม่รักตัวเองบ้างเลยขึ้นมา จอยจึงหยุดเล่นละครและจึง คิดได้ในที่สุด Working on the scene/bits อย่างที่บอกว่าเน้นไปในเรื่องของความสัมพันธ์ การเจาะแต่ละซีนจึงเป็นการที่เจาะให้นัก แสดงสามารถไปถึงจุดที่ต้องรู้สึกว่าอยากยื้อ รู้สึกว่าเหนื่อยกับการคุย รู้สึกผิดจนไม่ อยากยื้ออีกคนต่อแล้ว และรู้สึกโกรธและงงจนไม่ต้องการอะไรอีก Blocking การวาง Blocking เนื่องจากเป็นงานกำกับในซูมทำให้ไม่ต้องวาง Blocking เยอะและไม่ ต้องเปลี่ยนฉาก แต่ว่าจะมีการวางตำแหน่งว่าไฟและหน้าต่างอยู่ตรงไหน ซึ่งใช้ตำแหน่ง จริงของปริมได้เลยเพราะตำแหน่งจริงมีความเหมาะสมแล้ว และมีการวางว่าการขยับ และการเดินของ \"เอ\" ผู้เข้ามาหาจอยในตอนท้ายเดินมาอย่างไร เพื่อให้นักแสดงสามาร ถมองตจามและรู้สึกกระสับกระส่ายได้สมจริง

ผู้บุกรุก Rehearsals Blocking

ผู้บุกรุก Performance Tech and dress สำหรับงานนี้มีการใช้เทคนิค คือ การใช้ภาพและแสงเข้ามาช่วย ไม่ว่าจะเป็นภาพของ ตัว \"เอ\" ที่จำลองขึ้นมาและนักแสดงไม่ได้เห็นจริง มีการใช้ไฟสีวอร์มเหลืองเพื่อให้ บรรยากาศสมจริงเหมือนเพิ่งผ่านคริสมาสต์มาจริง และอยู่ในช่วงสิ้นปีจริง ๆ เหมือนที่ วิเคราะห์บทไว้ ส่วนการแต่งกายเนื่องจากเป็นฉากที่ตัวละครคุยกันในคืนวันสิ้นปีและอยู่ในหน้าหนาว มาก ทำให้ฝั่ งจอยจะต้องใส่ชุดคอเต่าเพื่อช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่นและยังแม้เสื้อจริงของ ปริมจะเป็นสีดำแต่ออกในกล้องเป็นสีเขียวพอดี ซึ่งตรงกับความต้องการของผู้กำกับด้วย ทำให้จอยได้ใส่สีเขียวเพื่ออินความ Festive และย้ำว่าเป็นคริสมต์มาสส่วนตัวเบนใส่เป็น ชุดธรรมดาเพราะอยู่ที่ไทย และได้มาคุยในห้องที่มอบความอบอุ่นให้แล้ว Link ผลงาน: https://drive.google.com/file/d/1XvPFkia5x2sRsx0j2u 7wJ5FDFLP6QLLO/view?usp=sharing

ผู้บุกรุก Reflection Notes after shows เมื่อแสดงจบงานได้มีการรีเฟลคระหว่างกัน โดยที่รีเฟลคทั้งตัวนักแสดงรีเฟลคในฐานะ นักแสดงของครีมต้น รีเฟลคจากครีมต้นที่มีต่องานนี้และต่อนักแสดง และสุดท้ายรีเฟลค กันสองคน โดยที่นักแสดงรีเฟลคมาก็จะเห็นได้ว่าชื่นชอบในเรื่องการจัดเวิร์คช็อปให้เยอะ เพราะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ทั้งสองคนเข้าใจตัวละครเบนและจอยและสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างมาก ส่วนตัวต้นเองก็เป็นคนที่มีประสบการณ์และเก่งมากทำให้ต้นนำเวิร์คช็อปได้ดี มาก และครีมก็ช่วยเสนอและเรียนรู้จากต้นเยอะมาก และต้นรีเฟลคมาว่าขอบคุณที่ ซัพพอร์ตและไม่ได้ทำให้ต้นรู้สึกว่าต้นทำอยู่คนเดียวก็เป็นสิ่งที่ใจชื้นและยังเป็นแรงผลัก ดันแรกที่ดีมาก เพราะรู้ว่าการนำจัดเวิร์คช้อปจะหนักไปที่ต้น นั่นเป็นเพราะงานนี้เป็น งานกำกับชิ้นแรกในชีวิต ทำให้ครีมยังเกร็ง ๆ และรู้สึกเกรงใจเวลาดิสคัสกันกับต้นแต่ก็ พยายามทำงานนี้และในส่วนอื่นออกมาอย่างเต็มที่ ถือเป็นงานที่ช่วยพัฒนาตัวครีมไป อย่างมากเลย What I learned ได้เรียนรู้ว่าการวางแผนและเตรียมพร้อมในการกำกับสำคัญมาก ยุ่งแค่ไหนก็ต้องหา เวลาให้กับงานกำกับให้ดีและซ้อมให้เหมาะสม ได้เรียนรู้ว่าการกำกับผ่านซูมและออนไซต์ยากกันคนละแบบ แต่สิ่งสำคัญที่ไม่ควร ละเลยคือการทำให้นักแสดงเข้าใจในตัวละคร เรื่องราวและเรื่อง Blocking แม้จะ ออนไลน์ก็สำคัญ สามารถใช้เสียงเข้ามาช่วยได้ What to improve \"ความมั่นใจ\" เป็นสิ่งที่ต้องมี แม้จะเป็นงานกำกับชิ้นแรกเพราะที่ผ่านมาครีมเคยเป็น แต่นักแสดงมาก่อน แต่ก็ต้องมีความมั่นใจให้ได้เพื่อการทำให้งานออกมาดีและพอใจ ที่สุด การวางปมและเรื่องราวที่ทำให้คนดูสามารถเข้าใจได้ง่าย อย่างปมของการเข้ามาของ \"เอ\" อาจจะทำให้คนดูไม่สามารถข้าถึงได้ในทันที จึงต้องมีการสื่อสารถึงตัวละครที่เข้า มาในซีนให้มากขึ้น การวางแผนและการซ้อมให้เหมาะสม เพื่อทำให้ละครสามารถไปได้ถึงความคาดหวัง ของผู้กำกับมากยิ่งขึ้น





เ คหรื่ อมงา ยพุ่เงลทขะ ย4า น DATE 80 มกนาคม 3018ห. TIME Directed by 23.40 Katayuth Saengsai Nattharika Tarin

เ คหรื่ อมงา ยพุ่เงลทขะ ย4า น Preparation Responses to the text บทเป็นบทเรื่อง \"เครื่องพุงทะยานหมายเลข 4\" โดย จตุรชัย ศรีจันทร์วันเพ็ญ (Draft2 6/10/55) ซึ่งก่อนจะได้กำกับเรื่องนี้ ครีมและหมีที่ได้มากำกับคู่กันได้มีการอ่านบทละคร ทั้งหมด 4 ละครด้วยกันก่อนแต่เราคลิ๊กกับเรื่องนี้มากที่สุด จึงเลือกกำกับเรื่องนี้และ ศึกษาบทว่าโน้ตและบรรณมีความต้องการหรือมีความน่าสนใจอะไรที่เราสามารถมา กำกับได้ Investigating the big ideas การค้นหา Big ideas ของเรา คือการที่เราวางก่อนว่าเราต้องการกำกับ Style ไหน ซึ่ง เราเห็นตรงกันว่าจะกำกับสไตล์ Scientific Fantasy และมีกลิ่นอายของความ Realistic ที่ตัวละครเป็นนักวิทยาศาสตร์ จากนั้นจึงดิสคัสกันว่าเราจะให้ความ Theme เป็นอย่างไร และตัวละครมีความสัมพันธ์กันอย่างไร เพราะเริ่มวางและพัฒนาตัวละครไป เรื่อย ๆ จึงพบว่าที่แน่ ๆ Big ideas คือเรื่องความต้องการเดินทางข้ามเวลาของโน้ต และ ความสัมพันธ์แบบเพื่อนที่เป็นห่วงกันมาก ๆ ของบรรณและของทั้งสองคน Work on character สำหรับการพัฒนาตัวละคร ในตอนแรกเรายังตเห็นภาพว่าบรรณอาจจะชอบโน้ตกันทั้งคู่ แต่พอเริ่มวาง Facts and Questions วาง Character Biography จึงได้คำตอบว่าใน ฉากที่เกิดขึ้นมันไม่สำคัญแล้วว่าจะชอบกันหรือไม่ เพราะเหนือความรู้อสึกชอบ คือ ทั้ง สองคนเป็นเพื่อนสนิทที่ดีและแน่นแฟ้นกันมาก ๆ จึงได้ Big ideas ข้างบนออกมาและ พัฒนาต่อในเรื่องความต้องการที่แตกต่างกันแต่ยังมีจุดยืนร่วมกันของทั้งคู่คือการอยาก ให้โน้ตข้ามเวลาได้สำเร็จ ความพยายามอยู่ที่ไหน...(ความสำเร็จก็อาจจะอยู่ที่นั่น)

เ คหรื่ อมงา ยพุ่เงลทขะ ย4า น Preparation Link ผลงาน: https://docs.google.com/document/d/1VDzhnwUXhSLlBVmkzgFJwA xDq7x5zbABAPYLLBIzqic/edit?usp=sharing

เ คหรื่ อมงา ยพุ่เงลทขะ ย4า น Pre-production Meetings การประชุมผู้กำกับ เนื่องจากครีมและหมีเป็นเพื่อนสนิทกันอยู่แล้วและเรียนด้วยกัน เยอะทำให้เรานัดคุยกันได้ง่ายและบ่อย ประกอบกับแพชชั่นที่มีต่อวิชานี้กันทั้งคู่ ทำให้ งานนี้เป็นงานที่คุยกันบ่อยมากเพื่อทำให้งานออกมาดีที่สุดในแบบของพวกเรา ซึ่งก็จะมี การประชุมกันในการทำงาน ทั้งในออนไลน์และออนไซต์ในเพื่อช่วยกันวิเคราะห์บทและ ตัวละคร มีการประชุมกันเพื่อวางตารางซ้อม และประชุมกันก่อนเจอนักแสดงเพื่อนัด หมายคิวอีกครั้ง สุดท้ายเป็นการประชุมหลังจากจบงานในแต่ละวันและการส่งงานเสร็จ ส่วนการมีตติ้งกับนักแสดง ในงานชิ้นนี้จะเฟิร์สมีทกับพิทก่อน จากนั้นจึงไปนัดเฟิร์สมี ทกับแจ็คกี้แยก และสุดท้ายมาเฟิร์สมีทจริง ๆ แบบครบทีมในวันเสาร์หลังสอบมิดเทอม โดยก็จะเป็นกิจกรรมละลายพฤติกรรมและลองให้ทั้งสองอ่านบท Casting การแคสติ้งครั้งนี้พวกเราได้แคสกันเองเพื่อหาคนที่เหมาะจะเป็น \"โน้ต\" และ \"บรรณ\" ใน แบบของพวกเรา ซึ่ง \"โน้ต\" ที่ต้องเป็นคนที่ทะเยอทะยานมาก ๆ แคนดิเดตคนแรกที่ครีม หามาเสนอเลย คือ พิท ส่วนบรรณเกิดการหากันมานานและยังไใ่เจอคนที่ถูกใจใช่เลย จน สุดท้าย พิทช่วยเสนอว่าลองชวน แจ็คกี้ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทพิทพอดี และเราก็ลองให้แจ็คกี้ มาอ่านบทดู กลายเป็นว่าแจ็คกี้คือเป็นบรรณที่เราไม่ได้คาดหมายไว้ว่าจะเป็น แต่กลับ กลายเป็นเคมีทั้งสองคนได้มากจริง ๆ และรู้สึกว่าคิดถูกที่ตัดสินใจชวนแจ็คกี้มา

เ คหรื่ อมงา ยพุ่เงลทขะ ย4า น Pre-production Workshop การเวิร์คช็อปเนื่องจากนักแสดงทั้งสองคนยังไม่ได้เป็นผู้ที่แสดงมาบ่อย พิทเป็นผู้ที่เคย แสดงมาบ้างแล้ว แต่ตัวแจ็คกี้ห่างหายไปนานและเคยเล่นเพียงละครของโรงเรียน ทำให้ เป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับพวกเรา ช่วงจึงมีเวิร์คช็อปที่หลากหลายและช่วยนักแสดง อย่างเต็มที่ ทั้งช่วยในการทำให้นักแสดงเข้าใจตัวละครโดยการให้เข้า Breakout rooms เพื่อเจาะคาแรกเตอร์และอารมณ์ความรู้สึกของตัวละคร ช่วยให้นักแสดงผ่อนคลายโดย การรีแลกซ์ ช่วยให้นักแสดงเข้าใจ Blocking โดยการเวิร์คช้อปให้ลองเดินและจัดการ ร่างกายดู แต่สิ่งที่ทั้งสองคนมีสตรองมากอย่างความสนิทกัน เราก็ช่วยเพิ่มให้ทั้งคู่เข้าใจ กันและรู้ใจกันมากขึ้นไปอีกผ่านการเล่นละครใบ้สื่อสารกันดู Planning/scheduling การวางแผนงานของพวกเรา คือ อย่างที่บอกว่าเราคุยกันบ่อยดังนั้นจึงไม่ติดปัยหาเรื่อง การคุยกันน้อย แต่ปัญหาที่เกิดขึ้น คือ นักแสดงทั้งสองคนเรียนวิศวกรรมศาสตรืซึ่งช่วง นั้นเป็นช่วงมิดเทอมพอดี ทำให้เราต้องรอนักแสดงทั้งสองคนสอบเสร็จแล้วค่อยนัดอ่าน บทพร้อมกันเป็นครั้งแรก และนักแสดงติดเรียน สอบและกิจกรรมของที่บ้านทำให้ตาราง ที่เราวางกันไว้ต้องเลื่อนและถูกปรับใหม่ จึงทำให้ตารางและแผนการซ้อมของเรามีการ ปรับอยู่บ่อยครั้งแต่สุดท้ายเป้าหมายของแต่ละวันที่ปรับใหม่ก็จะยังคงมีและเพื่อให้บรรลุ ตามที่ตั้งใจกันไว้ในตอนแรกอยู่ดี

เ คหรื่ อมงา ยพุ่เงลทขะ ย4า น Pre-production Workshop Planning/scheduling

เ คหรื่ อมงา ยพุ่เงลทขะ ย4า น Rehearsals Building the world of the play สำหรับการสร้างสรรค์โลกของละครในแบบฉบับของครีมหมี เราได้มีการทำให้นักแสดง เข้าใจในตัวละครโดยทำให้เกิดความเข้าใจตั้งแต่ช่วงแรกที่ยังเจอกันในซูมแล้วอย่างการ เข้า Breakout rooms เพื่อเจาะตัวละครกัน นักแสดงจึงเกิดความเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเล่น นอกจากนี้ ผู้ชมก็ยังจะเชื่อว่าทั้งสองคนสนิทกันจริง ส่วนการตีความเนื่องจากเราตีความ ว่าครั้งนี้โน้ตจะกลับมาได้ เราจึงทำให้โน้ตเดินกลับเข้ามาเพิ่มจากบทที่มีอยู่แล้วไปเลย ซึ่งในส่วนนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากการที่เราต้องการให้คนดูเข้าใจมากที่สุดและตอกย้ำ Big ideas และ Theme ที่ว่าความพยายามอยู่ที่ไหนของเรานั่นเอง Working on the scene/bits การพัฒนาฉากและหน่วยย่อยของเรา เรามีการเจาะซีน ซึ่งในบทเ็นการรันยาวไม่มีการ เปลี่ยนฉากใด ๆ ทำให้ต้องอาศัยการจำบทและเข้าใจบทได้ของนักแสดง และจังหวะการ เล่น แสงและเสียงเพลงด้วย

เ คหรื่ อมงา ยพุ่เงลทขะ ย4า น Rehearsals Blocking เนื่องจากงานนี้เป็นการแสดงออนไซต์ครั้งแรก ทำให้ต้องมีการ Blocking ตำแหน่ง สิ่งของแบบจริงจังขึ้นมา โดยที่เราได้มีการให้เครื่องพุ่งอยู่ตรงกลางและฝั่ งของบรรณเป็น ฝั่ งขวาและฝั่ งโน้ตเป็นฝั่ งซ้าย ซึ่งจากการให้ครูหนุ่มช่วยคอมเมนต์ในตอนซ้อม แล้วข้อ แนะนำที่ว่าระวังนักแสดงไม่ชำนาญในการใช้พื้นที่ เราจึงมีการใช้เวิร์คช้อปให้นักแสดง หลับตาเดินเพื่อเข้าใจบล็อกกิ้งมากขึ้นอีกด้วย

เ คหรื่ อมงา ยพุ่เงลทขะ ย4า น Performance Tech and dress การใช้เทคนิคของเครื่องพุ่งทะยานหมายเลข 4 ในแบบของครีมหมี คือ การใช้เทคนิค แสงและเสียงเพื่อช่วยเสริมบรรยากาศและสร้างสรรค์โลกละครขึ้นมาอย่างตรงใจกับ การตีความของพวกเรา อย่างเช่น ในตอนที่บรรณนอนลงไปแล้วโน้ตเดินเข้ามาเรามีการ เปิดใจเพิ่มความสว่างให้เห็นว่าโน้ตได้กลับมาได้แล้วจริง ๆ Link ผลงาน: https://drive.google.com/file/d/1 wDTG_-omFx2wx- 06o9UuPacL7C7qA9Fe/view? usp=sharing

เ คหรื่ อมงา ยพุ่เงลทขะ ย4า น Reflection Notes after shows งานนี้เป็นงานที่ครีมพูดได้เต็มปากว่าเป็นงานที่ภูมิใจในตัวเองและพาร์ทเนอร์ที่รู้ใจอย่าง หมีมาก ๆ เพราะความตั้งใจ แพชชั่นและความเป็นทีมเวิร์คของเราทั้งสองคนค่อนข้าง สะท้อนออกมาผ่านผลงานที่เราทั้งสองคนพอใจในวันส่งจริงมาก เป็นความรู้สึกที่ดีมาก และเมื่อจบงานเราได้มีการรีเฟลคกับน้องนักแสดงทั้งสองคนด้วย น้องก็รู้สึกว่าสนุกที่มา ช่วยเรา สนุกกับการเวิร์คช้อปที่เราจัดให้ และที่น่าภาคภูมิใจที่ครีมไม่เคยรู้มาก่อนหาก น้องไม่พูดก็คือ \"นึกว่าพี่เปิดเสียงยุทูปเอา แต่จริง ๆ แล้วเป็นเสียงพี่ครีม\" ซึ่งครีมได้มีการ ช่วยน้องรีแลกซ์ผ่านกิจกรรมแบบที่ต้นเคยทำในงานที่แล้ว คือ การเปิดเพลงให้นักแสดง หลับตา Relax และครีมก็จะพูดนำไปด้วย ถือเป็นความรู้สึกที่ดีมาก ๆ What I learned เป็นงานแรกที่มีการคุยงานกันและแบ่งหน้าที่ รวมถึงวางแผนงานกันชัดเจนและล่วง หน้าพอสมควร ทำให้ได้เรียนรู้ว่าการวางแผนสำคัญมากจริง ๆ ได้เรียนรู้ว่าการใช้เสียงประกอบระวังมาเป็นจุดที่ดึงความสนใจจากการแสดงไป แทนหากเสียงที่นำมาบีทหนักเกินซีนที่เล่นเกินไป ได้เรียนรู้ว่า ทีมเวิร์ค สำคัญมาก ต้องพูดคุยกันเยอะ ๆ และหาข้อตกลงร่วมกัน What to improve สิ่งที่ต้องพัฒนาสำหรับงานนี้ คือ เรื่องของเวลาซ้อมอาจจะน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับ เวลาที่มีและพื้นฐานของนักแสดง ดังนั้นจึงจัดสรรเวลาให้เหมาะสมขึ้น นักแสดงยังสามารถพัฒนาและแสดงออกถึงความต้องการที่จะรั้งโน้ตให้ได้อีก ดัง นั้นจึงต้องพัฒนาในส่วนของความรอบคอบและละเอียดของผู้กำกับ





CHECK OUT @Graecy @Kin_kanatas Public Figures Directed by @Creammyx Nattharika Tarin SUBSCRIBED Swipe Up

Public Figures Preparation Responses to the text บทเป็นบทเรื่อง \"Public Figures\" โดยธนวิชญ์ วนาสุขพันธ์ ดัดแปลงมาจากบทละคร เรื่อง Normal People โดย Sally Rooney ซึ่งงานนี้เป็นงานกำกับเดี่ยวครั้งแรกของครีม ดังนั้นในการศึกษาบท Public Figures และจากคำแนะนำของครูหนุ่ม ครีมจึงมีการ เข้าไปอ่านรีวิวเรื่องนี้และดูซีรีส์ใน 1-3 EP แรกเพื่อเข้าใจในบทและตัวละครต้นฉบับมาก ยิ่งขึ้น Investigating the big ideas สำหรับการค้นหา Big Ideas เนื่องจากเป็นงานกำกับเดี่ยวครีมจึงสามารถแสดงความ ต้องการและรูปแบบงานของตนเองได้อย่างเต็มที่ โดยที่จากความสนใจของตนเองที่จะ กำกับแนว Realistic อีกครั้งเพราะถนัดที่สุด และต้องการที่จะเล่าบทในแบบที่ทั้งสองคน เป็นบุคคลสาธารณะทั้งคู่ จึงได้ Big ideas ว่าความเป็นบุคคลสาธารณะของทั้งคู่ และ ปมที่นำมาดัดแปลงจากออริจินอล คือ เรื่องความต่างของชนชั้นและการแอบมีใจให้กัน แต่ไม่พูดของทั้งคู่ รวมทั้งยังได้ Theme ที่ว่า คนสาธารณะก็มีหัวใจ มีหัวใจที่จะรักและมี หัวใจที่จะเจ็บเป็นเหมือนคนธรรมดาทั่วไป Work on character การพัฒนาตัวละคร \"คิน\" และ \"เกรซ\" ของครีม คือ การที่ทำให้ทั้งสองคนเข้าใจบริบทที่ เกิดขึ้นของตัวเองชัดเจน เข้าใจความต้องการและความสำคัญสูงสุดของตนเอง โดยที่ให้ เกรซเป็นคนที่เป็นบุคคลสาธารณะเหมือนกับคิน แต่อยู่ในบทบาทที่ไม่ใช่นักแสดงละคร หรือซีรีส์แบบคิน และทำให้ปมที่เกิดขึ้นทำให้เกรซที่ดูจะโดนกระแสบ่อย ก็ยังเจ็บเป็นให้ คนดูเห็น Swipe Up

Public Figures Preparation Link ผลงาน: https://docs.google.com/docume nt/d/1J4ExWC2ovFT0RsbejdB677V rAAtTEtbbxiXrAV0NIoM/edit? usp=sharing Swipe Up

Public Figures Pre-production Meetings เนื่องจากงานนี้เป็นงานกำกับเดี่ยว จึงจะไม่ได้ประชุมกับทีมงานแบบจริงจังเป็นพิเศษ แต่เนื่องจากมีผู้ช่วยผู้กำกับอย่างหมีมาช่วยและมาเป็นทีมงานให้ ทำให้มีการปรึกษาหมี อยู่บ้าง Casting การแคสติ้งเป็นสิ่งที่สนุกและท้าทายสำหรับงานนี้มาก เนื่องจากครีมมีการวิเคราะห์ไว้ ชัดเจนว่าเกรซและคินต้องเป็นประมาณไหน ซึ่งเกรซได้นักแสดงที่เก่งอย่างบีม PA 54 มาแต่คนที่จะเป็นคินค่อนข้างหาที่ตรงใจและว่างยาก จนสุดท้ายท็อป SWU PA ตอบรับ ว่าสนใจ จึงถือเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ เพราะทั้งสองคนเป็นคนที่มีศักยภาพการเป็นนักแสดง ที่ยอดเยี่ยมและครีมชื่นชอบทั้งสองคนมาก ๆ Swipe Up

Public Figures Pre-production Workshop สำหรับการเวิร์คช็อปเนื่องจากทั้งสองคนเรียนการแสดงทั้งคู่และมีพื้นฐานมาระ ดับนึงแล้ว ครีมที่เป็นผู้กำกับจึงไปเวิร์คช็อปให้ในส่วนที่ตัวละครต้องเป็น คือ เป็น เด็กมหาวิทยาลัยปี 2 ซึ่งรายละเอียดมีอยู่ในลิงก์บทวิเคราะห์แล้ว แต่สั้น ๆ คือ ต้องทำให้บีมกลายเป็นเด็กปี 2 ที่ยังมีความสดใสแบบเด็กเดียงสาสูงขึ้น ส่วน ท็อปต้องทำให้ท็อปกลายเป็นคินที่มีความกังวลเรื่องกาจะอัพชนชั้นและเรื่องงาน เข้ามาเกี่ยว ดังนั้นเพื่อให้บรรลุควมเป็นตัวละครและบทละครในแบบครีม จึงจัดมี การ Improvisation ตามสถานการณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่เจอกันครบครั้งแรก เช่น การ ให้เล่นตอนที่เจอกัที่เชียงใหม่ช่วงคริสต์มาสปี 1 ซึ่งตอนนั้นเกรซมีข่าวไม่ดีมาบ้าง แล้ว ซึ่งว้าวมากเพราะท็อปและบีมสามารถเล่นไปในจุดที่ครีมไม่ได้คาดหวังไว้ หลายจุด และมันเป็น Magic moment มาก ๆ หรืออย่างการช่วยเวิร์คช็อปเพื่อ ให้เข้าใจ Blocking มากขึ้น เพราะมีการเปลี่ยนไปส่งงานที่ Action Play ซึ่งก่อน หน้านั้นใช้ IndepenDanze ซ้อมมาโดยตลอด เป็นต้น Planning/scheduling ส่วนการวางแผนลำดับงานจะเป็นการที่หาเวลาว่างและวางเป้าหมายในแต่ละครั้ง มากกว่า เนื่องจากนักแสดงทั้งสองคนตารางว่างน้อยมากในช่วงที่ผู้กำกับคนอื่น ซ้อมกัน ดังนั้นครีมจึงต้องขอส่งในวันอาทิตย์ที่ 7 ซึ่งน่าจะเป็นโปรสุดท้ายที่ส่ง และ ได้ซ้อมกันหนักหน่อยในสัปดาห์ที่เพื่อนส่งงานกัน ซึ่งเวลาซ้อมส่วนใหญ่ก็จะเป็น ช่วง 19.00-21.00 และมีการวางเป้าหมายในแต่ละวันว่าเวิร์คช้อปเพื่อช่วยอะไร ต้องการเจาะอะไร หรือต้องการซ้อมกับเพลง กับเสื้อผ้าให้คุ้นชิน Swipe Up

Public Figures Pre-production Workshop Swipe Up

Public Figures Rehearsals Building the world of the play การสร้างสรรค์โลกของละคร Public Figures ของครีม คือ การทำให้นักแสดงเข้าใจใน ตัวละครที่ตนเองเล่น และสามารถนำสิ่งที่ตนเองอยากนำเสนอมาผสมเข้าไปได้โดยผ่าน การคุยกันกับครีมก่อน งานนี้จึงค่อนข้างออกมาแล้วนักแสดงสามารถเข้าใจและ แสดงออกมาได้ดีมาก นอกจากนี้ในแง่ของการตีความครีมได้มีการตีความไว้ชัดเจนว่า เป็นเรื่องของความมีหัวใจของทั้งคู่ ดังนั้นในฉากท้ายที่เกิดขึ้นจึงเป็นช่วงที่ตัวละครทั้ง สองจะได้ใช้มันได้อย่างเต็มที่ และครีมได้นำเพลง I Think I มาช่วยสร้างโลกละครใบนี้ให้ สมบูรณ์ยิ่งขึ้นด้วย Working on the scene/bits การพัฒนาฉากและหน่วยย่อย ต้องบอกว่าเป็นการทำงานที่ทั้งสนุกและมีความกดดัน เพราะตัวครีมเองเป็นนิสิตครุที่ความจริงก็อาจจะไม่ได้มีประสบการณ์เท่าทั้งคู่ ดังนั้น ในช่วงแรกครีมจึงมีความเกรงใจและไม่มั่นใจเกิดขึ้นสูงมาก(โดยที่บางทีก็ไม่รู้ตัว) แต่ ผ่านไปได้ไม่นาน ได้มีการรีเฟลคกันเยอะขึ้นและได้มีโอกาสในการดิสคัสกันตรง ๆ จึง ทำให้ได้เจอว่าความต้องการบางฉากที่นักแสดงเล่นออกมาและความต้องการที่ผู้ กำกับอยากให้เป็น'ไม่ตรงกัน' ดังนั้นเพื่อให้แต่ละฉากเป็นไปได้ตามที่ครีมวางไว้ จึงมี การใช้ความมั่นใจของผู้กำกับและเป้าหมายของฉากนั้นที่ครีมต้องการให้เป็นเป็นหลัก ดังนั้นแต่ละฉากก็จะเป็นไปตามครีมเห็นว่าใช่เป็นหลัก แต่ในหน่วยย่อย ๆ เองหรือบาง อย่างก็เกิดจะไอเดียที่นักแสดงลองเสนอ ลองเล่นและมันเวิร์ค จึงเป็นงานที่นักแสดงได้ มีส่วนร่วมที่ค่อนข้างสูง Swipe Up

Public Figures Rehearsals Blocking การวาง Blocking คือ การที่ทำให้ฝั่ งของคินและเกรซอยู่คนละฝั่ ง และเนื่องจากสถาน ที่ที่ส่งงาน คือ ActionPlay ดังนั้นจึงแพลนบนพื้นฐานของประตู กระจก ความกว้าง ยาว และด้านตรงข้ามประตูของแอคชั่นเพลย์เป็นหลักด้วย นอกจากนี้ในการจัดพื้นที่ที่ นักแสดงเล่น จะพยายามไม่ให้นักแสดงฟรีซอยู่แค่ฝั่ งใดฝั่ นหนึ่งจึงให้คินมาอีกฝั่ ง คือ ฝั่ งขวาที่ก่อนหน้านี้ไม่มีคนเดินมาด้วย สุดท้ายมีการใส่กิมมิคให้ตอนสุดท้ายคินเดิน เข้าไปหาเกรซในระยะใกล้มาก ๆ และหยิบกระเป๋าออกไปเพื่อเพิ่มจังหวะตกหลุมรัก หรือเรื่องของหัวใจที่รักเป็นของทั้งคู่ออกมาตามบทที่วิเคราะห์ไว้ Swipe Up

Public Figures Performance Tech การใช้เทคนิค คือ ใช้ทั้งเทคนิคแสง เสียง เทคนิคการเปิดเวที การใช้พื้นที่และการรับ ส่งจังหวะต่อกันซึ่งทุกอย่างจะต้องผสมกันแล้วลงตัว นอกจากนี้ยังมีการทำให้คนดู สามารถทำความรู้จักตัวละครได้มากขึ้น เข้าใจและอินกับบทละครมากขึ้นผ่านการ เสริมการเปิดคลิปในตอนต้นและตอนสุดท้ายของตัวละครเข้าไปอีก โดยที่ช่วงแรกจะ เห็นได้ว่าเกรซมีความกดดันและเสียใจจากคลิปข่าวที่เปิดมาฟัง แต่ในช่วงท้ายพอได้ สารภาพความในใจให้แก่คินฟัง แล้วเหมือนจะคลิ๊กกัน เกรซก็เดินมาเปิดคลิปที่ทำให้ คนดูเข้าใจได้ว่าเกรซเคยดู EP ก่อน ๆ มาแล้ว โดย EP ที่เกรซเปิด ณ ตอนสุดท้าย คือ EP สุดท้ายที่รอดูว่าเค้ามีใจไหม และอีกอย่าง คือ การจงใจของครีมที่ให้ EP ใหญ่ที่ เกรซเปิดของรายการนั้นเป็น EP ที่ 230 ซึ่งความหมายในภาษาจีนคือฉันหลงรักเธอ เข้ามาด้วย จังหวะของไฟและเพลงก็ส่งเสริมโลกละครนี้ โดยที่ตอนที่เพลงรอสาย 'มันคงเป็น ความรัก' ของคิน ดังขึ้นจะเป็นจังหวะที่เกิดต่อจากเกรซสารภาพทันที และ ณจุดนั้น ไฟ ได้เปลี่ยนเป็นสีวอร์มขึ้น เพื่อโฟกัสไปที่ความรู้สึกของทั้งคู่ เรียกได้ว่าเป็นงานที่ใส่ เทคนิคที่ให้มันส่งเสริมกันทุกอย่างอย่างลมกล่อมเลย Dress เรื่องของการแต่งกายในฉาก ให้คินใส่เป็นชุดมาคุยเรื่อง Intern กับพ่อของเกรซ เพราะพ่อของเกรซชวนให้คินมาคุยเรื่อง Intern เองเลย แต่ด้วยลุคที่ต้องให้เห็นว่าคินก็ ยังเป็นเด็กปี 2 ที่อาจจะไม่ได้ร่ำรวยเท่ากับเกรซ จึงให้ใส่เป็นผ้าใบจะได้ดูเด็กขึ้น ส่วน เกรซที่ต้องเป็นลูกประธานบริษัทซึ่งเรียนนิเทศอินเตอร์และมีความรักที่มีให้คินสูงและ ชัดเจนมาก ดังนั้นจึงให้ใส่เป็นชุดสีชมพู ใส่กระโปรงและใส่ส้นสูง Swipe Up

Public Figures Performance Swipe Up

Public Figures Performance Link ผลงาน: https://drive.google.com/file/d/1z g8PYYN9pXUkoH0M2- ul85iOIyN29jaC/view? usp=sharing Swipe Up

Public Figures Reflection Notes after shows เนื่องจากเป็นงานกำกับที่นักแสดงมีส่วนร่วมสูง บางอย่างถูกหยิบยืมมาจากนักแสดง ดังนั้นจึงมีการนรีเฟลคกันทุกครั้งและรีเฟลคกันจริงจังในส่วนความต้อกงารของแต่ละ ฝ่ายและความชัดเจนของผู้กำกับ และสุดท้ายมีการรีเฟลคกันหลังจบงานซึ่งทำให้ครีม ในฐานะผู้กำกับจึงได้นำมาใช้กับงานอื่นต่อไปได้ดีมาก โดยหลัก ๆ ตัวของผู้กำกับก็จะ เป็นเรื่องความไม่ชัดเจนของ Objectives ที่ต้องการให้นักแสดงเล่นในช่วงแรกอย่างที่ เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ และเรื่องของการหา Costume ช้าไปหน่อยทำให้เกิดปัญหาใน การลองซ้อมไม่ชินเท่าที่ควร นอกนั้นนักแสดงก็ได้มีรีเฟลคถึงความตั้งใจที่เห็นได้ชัด มากของผู้กำกับและการพยายามใส่ทุกอย่าง ช่วยจัดเวิร์คช็อปให้ตลอดลงไป What I learned ได้เรียนรู้ว่าต้องมั่นใจให้ได้ไม่ว่าจะนักแสดงจะเชี่ยวชาญแค่ไหนและต้องชัดเจน ในความต้องการของตัวเองในแง่ของการเป็นผู้กำกับ ได้เรียนรู้ว่าต้องมีวันที่นักแสดงได้ลองซ้อมกับชุดให้ชินไปเลย ได้เรียนรู้ว่าการทำงานคนเดียวมันเหนื่อย การมีทีมงานและผู้ช่วยที่น่ารักแบบหมี เป็นเรื่องที่ทำให้งานออกมาได้ดียิ่งขึ้น What to improve ความมั่นใจ งานแรกและงานนี้อาจจะต่างกันนิดหน่อยตรงที่งานแรกกลัวการ แสดงความเห็นกับผู้กำกับเพราะเค้าดูมีประสบการณ์ และงานนี้กลัวว่านักแสดง จะเก่งมากกว่าตัวเองด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงต้องพกความมั่นใจเข้าไว้ให้ได้ เรื่องการวางแผนให้รอบด้านมากขึ้น เช่น การลองชุดให้คุ้น การลองกับพร๊อพ การ แสดงความต้องการให้ไปสุดของนักแสดง สุดท้ายคือการดูในเรื่องสถานที่ว่าตรงไหนที่มันดูไม่เข้าไหม เช่น ผ้าบนโซฟาที่อาจ จะดูไม่เรียบร้อย Swipe Up





Super Willy DIRECTED BY KATAYUTH SAENGSAI NATTHARIKA TARIN KITJUMNONG JUMNONGKIT

Super Willy Preparation Responses to the text บทเป็นบทเรื่อง \"Super Willy\" ที่เป็นละครที่ทีมละครคณะครุศาสตร์แต่งและนำ มาเล่นขึ้น และเนื่องจากงานนี้เป็นงานที่ครูหนุ่มให้อิสระมาก โดยที่เวลาต้องยังคง ไม่เกิน 30 นาที ดังนั้น จึงมีการศึกษาบทโดยที่ดูว่าบทจะต้องตัดออกไหมเพราะมี อยู่ 5 ฉากด้วยกันแต่ปรากฎว่าไม่ต้องตัดออกเลยแต่ต้องปรับเป็นแบบของเราทั้ง 3 คนเองและเนื่องจากหมีที่เคยรู้มาแล้วว่าบทเรื่องนี้ในฉบับครุศาสตร์มีการแสดง อย่างไร หมีจึงให้ครีมและมันนี่ในการแสดงความคิดเห็นก่อนเลย Investigating the big ideas สำหรับการค้นหา Big ideas เนื่องจากตัวละครแต่ละตัวมี Objectives ที่ ชัดเจนและมี Character ต่างกันมากอยู่แล้ว ดังนั้น Big ideas จึงเป็นอะไรไป ไม่ได้นอกจาก 'การผดุงความยุติธรรม' และอื่น ๆ ก็อย่างเช่น ความต้องการ เอาชนะ ความเป็นเพื่อนสนิทของทั้งสองคู่ ความไม่กล้าเพราะกลัวตกเป็นเป้า หมายของเวีย Work on character การพัฒนาตัวละครเนื่องจากตัวละครทั้ง 4 ตัวมีความชัดเจนของตนเองอยู่ แล้ว เพราะทันทีที่ให้เฟรช จีน่า เจและปริมลอง Improvise ในคาบเรียน ก็ พบว่าทั้ง 4 คนแม้จะไม่ใช่นักแสดงตัวจริงแต่ก็เข้าใจคอนเส็ปต์และ แสดงออกมาได้ค่อนข้างตรงกับตัวบทที่เป็น ดังนั้นเรื่องความชัดเจนของ นิสัยบุคลิกตัวละครมีอยู่สูงแล้ว แต่สิ่งที่พวกเราพัฒนาขึ้นไปอีกคือความ สัมพันธ์ของแต่ละคู่และการอยู่ด้วยกันของทั้ง 4 คนพร้อมกัน เห็นได้ชัดเจน คือการให้เวียอยู่กับวิลลี่แล้วสบายใจ แต่พอแอนดี้และคาร่าเดินมาเวียจะทำ เป็นไม่สนใจวิลลี่ทันที เป็นต้น

Super Willy Preparation Link ผลงาน: https://docs.google.com/docume nt/d/1k1G9MhfKP- woBQpCUUZoq8fC2AcKMUqF9oD 4hYZXqIE/edit?usp=sharing

Super Willy Pre-production Meetings ในการประชุมทีมงานผู้กำกับจะเป็นการประชุมในเรื่องของแพลนนิ่งในแต่ละ ครั้ง การวางหน้าที่รับผิดชอบ แต่งานนี้เนื่องจากเป็นงานที่อยู่ในช่วงไฟนอลของ นักแสดงและผู้กำกับ รวมถึงเป็นช่วงที่ผู้กำกับแต่ะลคนมีภารกิจแตกต่างกันออก ไป ทำให้อาจจะประชุมกันไม่ได้บ่อยมาก แต่จะคุยกันผ่านไลน์มากกว่าและในซูม ก็มีหลัก ๆ เป็นเรื่องข้างต้นที่บอก ส่วนการมีตติ้งกับนักแสดงก็จะเป็นการเจอกันผ่านตอนแคสแล้ว และเจอกัน ครั้งแรกในซูม และสุดท้ายการมีตติ้งกับแบคสเตจ การเจอกันครบคือเจอกันครบครั้งแรก ผ่านซูม มีการ Ice-breaking กันและบรีฟหน้าที่ให้ฟังก่อนลงออนไซต์จริง Casting Super Willy เป็นเรื่องทีต้องมีนักแสดงทั้งหมด 4 คนและหลังจากการ ประชุมทีมผู้กำกับแล้วพบว่าต้องมีแบคสเตจมาช่วยอีก 4 คนเพราะมีฉาก ให้เล่นถึง 5 ฉาก 3 สถานที่ ซึ่งในขั้นตอนของการแคสติ้ง ตัววิลลี่ได้เป็นท็อ ปมาเล่นให้ เพราะหมีเป็นคนชวนไว้ก่อนและเห็นว่าท็อป (SWU PA) เป็นวิล ลี่ได้แน่ ส่วนเวีย แอนดี้ คาร่า ได้ข้าวปั้ น (SWU PA) จอย (SWU PA) และ เซย์ริว (DramaArts) มาแสดง โดยทุกคนในที่นี้ได้แคสบทและมีแคนดิเดต คนอื่นกันทุกคน ยกเว้นท้อปที่ครีมหมีและมันนี่ที่มาดูงานที่แล้วของครีม ทีหลังเห็นแล้วว่าสามารถเป็นวิลลี่ได้ จึงมาเล่นโดยไม่ต้องแคสแข่งกับผู้อื่น ส่วนแบคสเตจก็จะเป็นเด็ก SWU PA 3 คนที่ข้าวปั้ นชวนมา และแทนย่า ที่เป็นเพื่อนครีมนั่นเอง โดยมีหลักที่ว่าจะต้องเคลื่อนไหวได้กระฉับกระเฉง

Super Willy Pre-production

Super Willy Pre-production Workshop เนื่องจากนักแสดงทั้ง 4 คนมี 3 ใน 4 ได้แก่ ท้อป ข้าวปั้ นและจอยที่เป็นเพื่อน กันมาอยู่แล้ว ในเรื่อของความสบายใจและสนิทใจที่จะแสดงจึงอาจจะสูง แต่เซย์ริ วเป็นนิสิตอักษรการละครคนเดียวในเหล่านักแสดง ดังนั้นอย่างแรกที่ผู้กำกับจัด Workshop ให้คือการสร้างความสบายใแจละสนิทสนมซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ ยังมีการจัดเวิร์คช็อปเพื่อพาทุกคนให้กลับไปเป็นเด็กม.4 อีกครั้ง ซึ่งแต่ละคนก็จะ ได้เวิร์คกับคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกันไปแต่โดยรวมจะยังต้องอยู่ม.4 นอกจากนี้ยังมีเรื่องการเวิร์คช้อปให้คุ้นชินกับสถานที่เพราะในงานนี้มีการ เปลี่ยนสถานที่บ่อยถึง 4 ที่ด้วยกัน เช่น IndepenDanze 2 ห้องและ ActionPlay อีก 1 ห้อง ส่วนการเวิร์คช็อปกับแบคสเตจก็คือให้แบคสเตจเข้ามาร่วมเวิร์คช้อปในช่วง แแรกกับนักแสดงได้เพื่อสร้างความคุ้นเคยและคุ้นชินกัน นอกจากนี้ก็จะมีเรื่องรัน เร็วเพื่อช่วยให้แบคสเตจจำคิวได้ดีขึ้น Planning/scheduling สำหรับการวางแผนลำดับงานก็จะให้นักแสดงวางตารางว่างให้ตั้งแต่แรก ที่เข้ากลุ่ม รวมถึงยึดหลักว่าเน้นที่นักแสดงว่างตรงกันก่อนเป็นหลัก ผู้กำกับ อาจจะไม่ครบไม่เป็นไรเพื่อให้งานมันเดิน ประกอบกับช่วงที่ซ้อมเป็นช่วงที่เด็ก SWU PA สอบไฟนอลกันเสร็จแล้ว รวมถึงเซย์ริวที่เหลือส่งงานอย่างเดียว จึง ทำให้ซ้อมกันในช่วง 15.00-18.00 อยู่บ่อยครั้ง โดยแพลนนิ่งในแต่ละวันก็จะเป็นการใส่เวิร์คช็อปและจูนอินให้ในช่วงต้น ที่ เหลือก็จะเป็นการลองรัน การเจาะซีน การลองชุดและแก้ไขอื่น ๆ ส่วนการเข้ามาซ้อมกับแบคสเตจคือเริ่มตั้งแต่วันพุธที่ 1 จากนั้นซ้อมกับ แบคสเตจครบทุกคนในพฤที่ 2 ทีมทุกคนครบในวันศุกร์ที่ 3 และเสาร์ที่ 4 เป็นวันส่งงาน

Super Willy Pre-production Workshop

Super Willy Rehearsals Building the world of the play การสร้างสรรค์โลกละครของเรื่อง Super Willy จะมีการทำให้นักแสดงเข้าใจ ในสิ่งที่ตนเองเล่นและเชื่อมันมาก ๆ ผ่านการจัดเวิร์คช้อปให้ทุกครั้ง ส่วนฝั่ งที เป็นคนดูมีการให้คนดูได้ร่วม Connect ตั้งแต่การแจกบัตรชมละครให้ทาง เข้า การให้คนดูได้เข้าถึงโลกความเป็นจริงในเรื่องที่วิลลี่ถูกกลั่นแกล้ง และ เข้าถึงโลกจินตนการในหัวของวิลลี่ที่มีเวียมาเป็นฮีโร่ และหลัก ๆ สุดท้ายคือ การให้คนดูได้ร่วมขึ้นมายิง Girl Arrow ไปด้วยกัน Working on the scene/bits สำหรับการพัฒนาฉากและหน่วยย่อยของ Super Willy เนื่องจากบทละคร เป็นบทที่มีทั้งหมด 5 ฉาก ความท้าทายที่เกิดขึ้นมากจึงตกอยู่ที่การทำให้ตัว ละครมีความเปลี่ยนแปลงในอารมณ์ความรู้สึกของแต่ละฉาก และการพัฒนา ไปถึงจุดที่ทำให้แอนดี้กลับใจคือตอนเวียโมโห ซึ่งนักแสดงได้เข้าใจดีมากว่า ตัวละครที่ตนเล่นและสถานการณ์ที่เผชิญเป็นอย่างไร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook