Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ 1

แผนการจัดการเรียนรู้ 1

Published by aomam.kampong.panadda, 2021-04-05 07:26:41

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ 1

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรียนรู้ในสถานการณโ์ ควิด - 19 รหสั วิชา ว 23102 รายวิชา วิทยาศาสตร์ 6 ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2/2563 ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ ไฟฟ้า จำนวน 27 ชวั่ โมง จำนวนแผนการจดั การเรียนรู้ 9 แผน ชอ่ื ผูจ้ ัดทำ นางสาวปนดั ดา เสนารัตน์ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชวี้ ัด 1.1 มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชวี ติ ประจำวนั ธรรมชาตขิ องคลน่ื ปรากฏการณท์ ่ีเกยี่ วข้องกบั เสยี ง แสงและ คล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟ้ารวมทัง้ นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ 1.2 ตวั ชี้วัด ว 2.3 ม.3/1 วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหวา่ งความต่างศักย์ กระแสไฟฟา้ และความตา้ นทานและคำนวณ ปรมิ าณทเ่ี กี่ยวขอ้ งโดยใชส้ มการ V = IR จากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ 2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.1 ดา้ นความรู้ (K) 1. นักเรยี นสามารถบอกความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งกระแสไฟฟ้า ความตา่ งศกั ย์ และความต้านทานตามกฎของ โอหม์ ได้ 2.2 ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) 1. นกั เรียนสามารถคำนวณปรมิ าณทเี่ กีย่ วข้องโดยใชส้ มการ V = IR จากหลกั ฐานเชิงประจักษ์ 2.3 ดา้ นเจตคติ (A) 1. นกั เรยี นมีเจตคตทิ ด่ี ใี นการทำงานร่วมกับผู้อ่นื 2.4 ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. นกั เรียนมคี วามรบั ผิดชอบทำงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย 3. สาระสำคญั ยอร์จ ซีมอน โอห์ม นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน ได้ให้ความสำคัญของวงจรไฟฟา้ และสรุปเปน็ กฎออกมาดังน้ี คือ “เมื่ออุณหภูมิของตัวนำคงที่ อัตราส่วนระหว่างความต่างศักยไ์ ฟฟ้าที่ปลายทั้งสองของตัวนำต่อการไหลของ กระแสไฟฟา้ ในตัวนำจะคงที่ และเทา่ กับความตา้ นทานของตัวนำน้นั ”

4. สาระการเรียนรู้ - ปริมาณทางไฟฟ้า - วงจรไฟฟ้าแบบอนกุ รมและแบบขนาน - พลงั งานไฟฟ้า - อเิ ล็กทรอนิกส์ 5. ช้นิ งาน/ภาระงาน 5.1 ใบกิจกรรมที่ 1 การคำนวณหาความสัมพันธ์ระหว่างกระแสไฟฟ้า ความต่างศักย์ไฟฟ้า และความ ต้านทาน

6. การวดั และประเมนิ ผล วิธกี ารวดั เคร่ืองมอื เกณฑ์การตัดสิน การตอบคำถามในช้ันเรยี น แบบสงั เกตการตอบคำถาม เกณฑก์ ารประเมนิ การตอบ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ คำถามคะแนนตั้งแต่ 8–16 1. นกั เรียนสามารถบอก ใบกิจกรรมที่ 1 การ ผา่ น ความสัมพนั ธ์ระหวา่ ง คำนวณหาความสมั พนั ธ์ 14 - 16 = ดมี าก กระแสไฟฟา้ ความต่างศักย์ ระหว่างกระแสไฟฟา้ ความ 11 - 13 = ดี และความต้านทานตามกฎ ตา่ งศักยไ์ ฟฟา้ และความ ของโอห์มได้ (K) ต้านทาน 8 - 10 = พอใช้ แบบสงั เกตพฤติกรรม 0 - 7 = ปรบั ปรงุ 2. นักเรียนสามารถคำนวณ ตรวจใบกิจกรรมที่ 1 การ คะแนนต่ำกวา่ 8 ไมผ่ า่ น แบบสังเกตพฤติกรรม ระดบั 10 คะแนนข้ึนไป ปริมาณท่ีเกีย่ วขอ้ งโดยใช้ คำนวณหาความสัมพนั ธ์ ถือว่าผ่าน (คะแนนเต็ม 20 คะแนน) สมการ V = IR จาก ระหว่างกระแสไฟฟ้า ความ เกณฑ์การประเมนิ การตอบ หลกั ฐานเชิงประจักษ์ (P) ต่างศกั ย์ไฟฟ้าและความ คำถามคะแนนตัง้ แต่ 8–16 ผ่าน ตา้ นทาน 14 - 16 = ดมี าก 11 - 13 = ดี 3. นักเรยี นมีเจตคตทิ ีด่ ใี นการ การสงั เกตพฤติกรรม 8 - 10 = พอใช้ ทำงานรว่ มกับผอู้ ่นื (A) 0 - 7 = ปรับปรงุ คะแนนตำ่ กวา่ 8 ไมผ่ ่าน 4. นักเรียนมีคุณลักษณะอัน การสงั เกตพฤติกรรม เกณฑ์การประเมินการตอบ พงึ ประสงค์ คำถามคะแนนตั้งแต่ 8–16 ผา่ น 14 - 16 = ดมี าก 11 - 13 = ดี 8 - 10 = พอใช้ 0 - 7 = ปรบั ปรุง คะแนนต่ำกว่า 8 ไมผ่ ่าน

7. แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 7.1 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างกระแสไฟฟ้า ความต่างศักย์ไฟฟ้า และ ความต้านทาน จำนวน 3 ชัว่ โมง ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) (30 นาท)ี 1. ครูแจกใบความร้ทู ี่ 1 ผ่าน Google Classroom โดยให้นกั เรยี นศึกษาภาพแสดงการไหลของน้ำจากถัง น้ำประปาเพือ่ อธิบายความสมั พันธ์ระหวา่ งกระแสไฟฟ้า ความต่างศกั ย์ไฟฟา้ และความต้านทานไฟฟ้า โดยอาศัย ความรเู้ ร่อื งดังกลา่ วจากบทเรยี นท่ีผ่านมาเปน็ พน้ื ฐานในการสร้างความเข้าใจให้กบั นกั เรียน รูป การไหลของนำ้ จากถงั น้ำประปา ทีม่ า : www.myfirstbrain.com ครูนำเสนอผ่าน Google meet ในหัวข้อตารางเปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่างความต่างศักย์ไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า และความต้านทานไฟฟ้ากับการไหลของนำ้ ในทอ่ นำ้ ประปา และให้นกั เรยี นตอบคำถาม ดังนี้ การไหลของน้ำในท่อประปา การเปรยี บเทียบ ถังเก็บนำ้ ที่อยู่ในระดบั สงู - แรงดัน (E) หรือ ความต่างศกั ย์ไฟฟา้ - ทอ่ ประปา ความตา้ นทานไฟฟา้ - ปริมาณของนำ้ กระแสไฟฟา้ สรุปเปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่างแรงดันน้ำ ความสูงของถังน้ำกับปริมาณทางไฟฟ้าได้ว่าอย่างไร (ถ้าถังน้ำตั้งอยู่ในระดับสูง จะทำให้อัตราการไหลของน้ำมากขึ้น เช่นเดียวกัน ถ้าความต่างศักย์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น จะทำให้กระแสไฟฟา้ ท่ไี หลผ่านวงจรเพม่ิ มากข้นึ ดว้ ย) ความต้านทานเปรียบได้กับท่อน้ำประปา ท่อน้ำประปาขนาดใหญ่ และท่อน้ำประปาขนาดเล็กความ- ต้านทานแตกต่างกันอย่างไร (ท่อขนาดใหญ่พื้นที่หน้าตัดมากน้ำไหลได้สะดวก แสดงว่ามีความต้านทานน้อย ท่อน้ำขนาดเล็กพืน้ ท่หี นา้ ตัดนอ้ ยน้ำไหลไม่สะดวก แสดงวา่ มคี วามตา้ นทานมาก) สรุปเปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่างพื้นที่หน้าตัดของท่อน้ำกับปริมาณทางไฟฟ้าได้ว่าอย่างไร (ท่อน้ำมีพื้นที่หน้าตัดมากจะทำให้อัตราการไหลของน้ำเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกัน ลวดตัวนำชนิดเดียวกัน มีความ ยาวเทา่ กนั ลวดตัวนำทม่ี พี ้นื ท่ีหนา้ ตดั มาก จะมกี ระแสไฟฟา้ ไหลผ่านมาก)

- จากการเปรยี บเทียบการไหลของนำ้ จากถงั เก็บนำ้ นักเรียนจะพบความสมั พนั ธอ์ ย่างไร กระแสไฟฟ้าจะแปรผันตรงกบั แรงดันไฟฟ้า (ความต่างศักย์ไฟฟ้า) และกระแสไฟฟา้ จะแปรผกผันกบั ความ ตา้ นทานในวงจรไฟฟ้า) จากการเปรยี บเทียบดงั กลา่ วท่นี กั เรียนไดร้ ่วมกันวเิ คราะห์ นกั เรยี นจะได้ทำกิจกรรม สำรวจ และทดลอง ต่อไปเพื่อหาความสมั พนั ธ์ของปรมิ าณเหล่าน้นั ตอ่ ไป ขนั้ สำรวจและคน้ หา (Exploration) (50 นาที) 1. ครูอธิบายผ่าน Google meet โดยนำเสนอผ่าน Power-point เพื่อเชื่อมโยงการไหลของน้ำในท่อ น้ำประปากับการไหลของกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟา้ ซึง่ ประกอบไปด้วย 3 สว่ น คอื - แรงดันของนำ้ - ท่อน้ำประปา - และ ปรมิ าณของนำ้ และในวงจรไฟฟา้ ใด ๆ กเ็ ช่นเดียวกัน จะประกอบดว้ ยส่วนสำคัญ 3 สว่ นคอื - แหล่งจ่ายพลงั งานไฟฟ้า - ตัวตา้ นทานหรอื อุปกรณ์ - และกระแสไฟฟา้ ทจ่ี ะใส่เขา้ ไปในวงจร ไฟฟา้ นัน้ ๆ สรุป การไหลของน้ำในทอ่ น้ำประปา การไหลของกระแสไฟฟา้ ในวงจรไฟฟ้า แรงดนั ของน้ำ แหล่งจ่ายพลงั งานไฟฟ้า ทอ่ นำ้ ประปา ตัวต้านทานหรอื อุปกรณ์ ปรมิ าณของน้ำ กระแสไฟฟ้าท่ใี ส่เขา้ ไปในวงจรไฟฟ้า (เพราะฉะนั้น ความสำคัญของวงจรที่จะต้องคำนึงถึงเมื่อมีการต่อวงจรไฟฟ้าใด ๆ เกิดขึ้น คือ ทำอย่างไรจึงจะไม่ให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านเข้าไปในวงจรมากเกินไปซึ่งจะทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าชำรุดเสียหาย หรอื วงจรไหม้เสียหายได้) 2. ครูอธิบาย Google meet โดยนำเสนอผ่าน Power-point การค้นพบของ ยอร์จ ซีมอน โอห์ม นักฟิสกิ ส์ชาวเยอรมนั ซึ่งให้ความสำคัญของวงจรไฟฟา้ และสรุปเปน็ กฏออกมาดังนี้ คอื “เมื่ออณุ หภูมิของตัวนำคงที่ อัตราส่วนระหว่างความต่างศักย์ไฟฟา้ ท่ีปลายทั้งสองของตัวนำต่อการไหลของ กระแสไฟฟา้ ในตัวนำจะคงที่ และเท่ากบั ความต้านทานของตัวนำนนั้ ”

เมื่อ I แทนกระแสไฟฟ้า มีหนว่ ยเปน็ แอมแปร์ (A) V แทนความต่างศกั ย์ มหี นว่ ยเป็นโวลต์ (V) R แทนความต้านทานไฟฟา้ มหี นว่ ยเป็นโอหม์ (Ω) ซง่ึ เป็นคา่ คงที่ 3. ครูยกตัวอย่างการคำนวณเพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างกระแสไฟฟ้า ความต่างศักย์ไฟฟ้า และความ ตา้ นทานไฟฟ้า เพื่อใหน้ กั เรียนเข้าใจมากยงิ่ ขึ้น ผา่ น Google meet โดยนำเสนอผา่ น Power-point 4. ครูแจกใบกิจกรรมที่ 1 ผ่าน Google Classroom การคำนวณหาความสัมพันธ์ระหว่างกระแสไฟฟ้า ความต่างศักย์ไฟฟ้าและความต้านทาน ให้นักเรียนแต่ละคนได้ฝึกการคำนวณเพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจมาก ยงิ่ ขน้ึ ขั้นอธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (50 นาที) 1. เพื่อให้นักเรียนสามารถสรุปได้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างความต่างศักย์ไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า และความ ตา้ นทานไฟฟ้า ใหน้ กั เรียนตอบคำถาม ดังน้ี - ในวงจรไฟฟา้ ใด ๆ จะประกอบดว้ ยส่วนสำคัญ 3 ส่วนคือ (แหล่งจ่ายพลังงานไฟฟ้า ตัวต้านทานหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า และกระแสไฟฟ้าที่จะใส่เข้าไปใน วงจรไฟฟา้ นนั้ ๆ) - ความสำคัญของวงจรทจี่ ะต้องคำนึงถงึ เมื่อมีการต่อวงจรไฟฟ้าใด ๆ คอื อะไร (คอื การทำอย่างไรจงึ จะไมใ่ หก้ ระแสไฟฟา้ ไหลผ่านเขา้ ไปในวงจรมากเกินไปซึ่งจะทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้า ชำรดุ เสียหาย หรือวงจรไหม้เสยี หายได้) 2. ครูให้นักเรียนแลกเปลี่ยนความรู้โดยตอบคำถามผ่าน Google meet เพื่อตรวจให้คะแนนโดยครเู ป็น ผู้เฉลยแบบฝึกหัดและบอกเกณฑ์การให้คะแนนใหน้ กั เรยี นใช้เป็นเกณฑใ์ นการตรวจผลงาน ข้ันขยายความรู้ (Explanation) (30 นาที) 1. ให้นักเรียนสรปุ ความรู้ด้วยตนเองเกี่ยวกับความสัมพนั ธ์ระหว่างกระแสไฟฟ้า ความต่างศักย์ไฟฟ้าและ ความตา้ นทานไฟฟ้า โดยเขียนในผังมโนทศั น์ จดั ทำเป็นชิ้นงาน และส่งงานผ่าน Line ห้องเรยี น ขัน้ ประเมนิ (Evaluation) (20 นาท)ี 1. ดวู ่านักเรยี นแต่ละคนได้สรุปสิ่งท่ไี ด้จากการเรียนรู้ท้งั หมดเกี่ยวกบั ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งกระแสไฟฟ้า ความต่างศักย์ไฟฟ้า และความต้านทานไฟฟา้ ลงในสมุดของตนเอง อาจสรุปเป็นตาราง แผนภาพ แผนภูมิ mind map ตามความเข้าใจของนักเรยี นหรอื ไม่ และวัดความรูค้ วามใจของนักเรียนจากแบบฝกึ หัดการคำนวณเกีย่ วกับ ความสัมพันธ์ระหว่างกระแสไฟฟ้า ความต่างศักย์ไฟฟ้า และความต้านทานไฟฟ้า ทำแบบทดสอบหลังเรียนเรื่อง ความสมั พันธร์ ะหว่างความตา่ งศักย์ไฟฟ้า กระแสไฟฟา้ และความตา้ นทานไฟฟ้า

8. สื่อ/แหล่งศกึ ษาคน้ คว้า/แหล่งเรียนรู/้ ชือ่ เอกสารอ้างอิง 8.1 เอกสารประกอบการสอนรายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 6 8.2 power point เร่ือง ความสมั พนั ธ์ระหว่างความตา่ งศักย์ไฟฟา้ กระแสไฟฟา้ และความตา้ นทานไฟฟ้า 8.3 ใบความร้ทู ่ี 1 ความสมั พันธร์ ะหวา่ งความตา่ งศักยไ์ ฟฟา้ กระแสไฟฟา้ และความต้านทานไฟฟ้า 8.4 ใบกิจกรรมท่ี 1 การคำนวณหาความสัมพันธร์ ะหว่างกระแสไฟฟ้า ความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้า และความ ต้านทาน 8.5 Google meet 8.6 Google Classroom 8.7 Line

ภาคผนวก

ใบความรทู้ ี่ 1 1. ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งกระแสไฟฟ้า ความต่างศักยไ์ ฟฟา้ และความตา้ นทาน ในวงจรไฟฟ้าใด ๆ จะประกอบดว้ ยส่วนสำคัญ 3 สว่ นคือ แหลง่ จา่ ยพลงั งานไฟฟา้ ตัวต้านทานหรืออุปกรณ์ และไฟฟ้าที่จะใส่เข้าไปในวงจรไฟฟ้านั้น ๆ เพราะฉะนั้น ความสำคัญของวงจรที่จะต้องคำนึงถึงเมื่อมีการต่อ วงจรไฟฟ้าใด ๆ เกดิ ข้นึ คอื ทำอยา่ งไรจึงจะไม่ใหก้ ระแสไฟฟ้าไหลผ่านเขา้ ไปในวงจรมากเกินไปซง่ึ จะทำให้อุปกรณ์ ไฟฟ้าชำรดุ เสยี หายหรอื วงจรไหม้เสยี หายได้ เราสามารถเปรียบเทียบความสัมพันธ์เหล่านี้กับการไหลของน้ำในท่อน้ำประปา กล่าวคือให้แรงดัน (E) เป็นถังเก็บน้ำ ที่อยู่ในระดับสูง ให้ความต้านทาน (R) เป็นท่อประปา (ความต้านทานมากท่อจะมีขนาดเล็ก ความตา้ นทานน้อยทอ่ จะมีขนาดใหญ่) ใหก้ ระแสไฟฟา้ (I) เป็นปรมิ าณของนำ้ ทเ่ี ราตอ้ งการใช้ รูป การไหลของน้ำจากถงั น้ำประปา ท่ีมา : www.myfirstbrain.com แรงดันที่ไหลออกมาจากถังเก็บน้ำ ถ้าต้องการให้มีแรงดันสูงต้องตั้งไว้ที่สูง ความต้านทานเป็นท่อ น้ำประปา ถ้าความตา้ นทานมาก หมายความว่า ทอ่ นำ้ มีขนาดเล็ก ความตา้ นทานนอ้ ย หมายความว่า ท่อมีขนาด ใหญซ่ ่งึ แสดงว่าแรงเคลอื่ นจะไหลได้มากนัน่ เอง ปรมิ าณของกระแสกจ็ ะเปรียบเหมอื นกับปรมิ าณของนำ้ 1.1 ความสมั พันธ์ระหว่างความตา่ งศักยไ์ ฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า เมื่อมีความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่างจุดสองจุดของตัวนำไฟฟ้าจะทำให้เกิดการไหลของกระแสไฟฟ้าโดย กระแสไฟฟ้าจะไหลจากบรเิ วณทม่ี คี วามต่างศักยไ์ ฟฟา้ สูงไปยังบริเวณทีม่ ีความตา่ งศักย์ไฟฟา้ ตำ่ กำหนดใหค้ วามต้านทานไฟฟ้า (R) ในวงจรคงที่ กระแสไฟฟา้ (I) จะไหลได้มากเม่ือมีความต่างศักย์ไฟฟ้า (V) ในวงจรมาก และกระแสไฟฟา้ (I) จะไหลได้นอ้ ยเมื่อมีความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟา้ (V) นอ้ ย ถ้ามีความต่างศักยไ์ ฟฟ้ามาก จะใหก้ ระแสไฟฟา้ มาก ถา้ ความต่างศักยไ์ ฟฟา้ น้อย จะให้กระแสไฟฟ้าน้อย ดังนั้น กระแสไฟฟา้ จะแปรผันตามกับความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟ้า เมอ่ื นามาเขยี นกราฟจะไดก้ ราฟ มลี ักษณะเป็นเส้นตรง เฉียงข้ึน

กราฟแสดงความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งความตา่ งศักย์ไฟฟา้ และกระแสไฟฟ้า 1.2 ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งกระแสไฟฟ้าและความต้านทาน ลวดนโิ ครมเบอร์ 30 จะมขี นาดเล็ก จะมีค่าความตา้ นทานมาก กระแสไฟฟ้าจะผ่านได้นอ้ ย ลวดนิโครมเบอร์ 26 จะมีขนาดใหญ่ จะมีคา่ ความตา้ นทานน้อย กระแสไฟฟ้าจะผ่านไดม้ าก กำหนดให้ ความต่างศกั ย์ไฟฟ้า (V) ในวงจรคงที่ กระแสไฟฟา้ (I) จะไหลได้มากเม่ือค่าความต้านทานไฟฟ้า (R) ในวงจรมีคา่ น้อย กระแสไฟฟ้า(I) จะไหลได้นอ้ ยเม่ือคา่ ความตา้ นทานไฟฟา้ (R) ในวงจรมคี า่ มาก ดงั นัน้ กระแสไฟฟ้าจะแปรผกผันกับคา่ ความต้านทานไฟฟา้ เมอื่ นามาเขียนกราฟ จะได้กราฟมลี ักษณะเป็น เสน้ ตรงเฉียงลง กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหวา่ งกระแสไฟฟา้ และความตา้ นทานไฟฟา้ 2. กฎของโอหม์ (Ohm’s law) ยอร์จซีมอนโอห์มนักฟิสิกส์ชาวเยอรมันให้ความสำคัญของวงจรไฟฟ้า และสรุปเป็นกฎออกมาดังนี้ คือ “เมื่ออุณหภมู ิของตัวนำคงท่ี อัตราส่วนระหว่างความต่างศักยไ์ ฟฟา้ ที่ปลายท้ังสองของตัวนำต่อการไหลของ กระแสไฟฟ้าในตวั นำจะคงที่ และเทา่ กับความต้านทานของตัวนำนน้ั ” เมอ่ื I แทนกระแสไฟฟา้ มหี น่วยเป็นแอมแปร์ (A) V แทนความต่างศกั ย์ มีหนว่ ยเปน็ โวลต์ (V) R แทนความต้านทานไฟฟ้า มีหนว่ ยเปน็ โอห์ม (Ω) ซึง่ เปน็ ค่าคงที่

จากกฎของโอหม์ เขียนความสมั พันธ์ของ V, I และ R ไดด้ ังนี้ ข้อควรรู้ วิธีการจำสูตรง่ายๆ ใหใ้ ชร้ ปู ตอ่ ไปน้ี ความสมั พันธ์ตามสมการนีเ้ รียกว่า กฎของโอห์ม น่นั คอื เราจะสามารถให้คำจำกัดความของความตา้ นทาน 1 โอหม์ คือ ความตา้ นทานท่ีทำใหเ้ กิดกระแสไฟฟา้ 1 แอมแปร์ ในระหวา่ งข้วั ไฟฟา้ ที่มคี วามตา่ งศักย์ 1 โวลต์

ใบกิจกรรมที่ 1 คำชแ้ี จง : ให้นกั เรียนคำนวณหาปริมาณทางไฟฟ้าตามทโี่ จทยก์ ำหนดต่อไปน้ีให้ถูกตอ้ ง 1. ไฟทา้ ยรถยนตเ์ ช่อื มตอ่ กับแบตเตอร์ร่ขี นาด 12 โวลต์ ถ้ากระแสไฟฟา้ มีคา่ 0.05 แอมแปร์ ความต้านทานของไฟ ท้ายรถยนตม์ คี า่ เท่าไร วธิ ที ำ ......................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... 2. ให้กระแสไฟฟา้ ไหลผา่ นขดลวดทมี่ ีความต้านทาน 10 โอหม์ มีขนาด 12 แอมแปร์ จงหาค่าความต่างศกั ย์ไฟฟา้ วิธีทำ ......................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... 3. แรงดนั ไฟฟ้า 12 โวลต์ ตกคร่อมตวั ต้านทาน 4 โอห์ม คา่ กระแสไฟฟา้ ในวงจรมคี ่าเท่าไร วธิ ีทำ ......................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... 4. วงจรไฟฟ้ามีแหลง่ จ่ายไฟ 24 โวลต์ กระแสไฟฟา้ ไหลผา่ นวงจร 4 แอมแปร์ คา่ ความตา้ นทานในวงจรมีคา่ เทา่ ไร วธิ ที ำ ......................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................

5. วงจรไฟฟา้ มีความตา้ นทาน 100 โอหม์ กระแสไฟฟา้ ไหลผ่านวงจร 2 แอมแปร์ จงหาค่าแรงดันไฟฟา้ ตกครอ่ มตัว ตา้ นทานมคี า่ เท่าไร วธิ ที ำ ......................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................

แบบประเมินใบกิจกรรม คำช้แี จง ให้ครผู สู้ อนประเมนิ ใบงานของนักเรยี นแลว้ ใหท้ ำเครือ่ งหมาย ✓ ลงในช่องท่ีตรงกับระดบั คะแนน ลำดับ ชื่อ – สกุล การบรรยาย ความ ความสวยงาม ความถูกตอ้ ง การตรงต่อ รวม ที่ จุดประสงค์ ครอบคลมุ ของ การตกแต่ง เวลา 20 เนอ้ื หา ชนิ้ งาน 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 คะแนน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ลงช่อื ..................................................................ผู้สอน (....................................................) ............./.........../............. เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้ัง ให้ 3 คะแนน 18-20 ดีมาก ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 2 คะแนน 14-17 ดี ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมนอ้ ยคร้ัง ให้ 1 คะแนน 10-13 พอใช้ ต่ำกวา่ 10 ปรบั ปรงุ

เกณฑก์ ารวัดและประเมนิ ผล ประเด็นการ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ประเมิน 4 3 21 การบรรยาย บรรยายเกีย่ วกบั บรรยายเก่ียวกับ บรรยายเก่ียวกบั บรรยายเกย่ี วกบั จดุ ประสงค์ จดุ ประสงค์ในการ จดุ ประสงค์ในการ จุดประสงค์ในการ จุดประสงคใ์ นการ สรา้ งสรรค์ผลงานได้ สร้างสรรคผ์ ลงานได้ สร้างสรรค์ผลงานได้ สร้างสรรคผ์ ลงาน ถูกตอ้ ง ชดั เจน ถกู ตอ้ งเป็นส่วนใหญ่ ถูกต้องเป็นบางสว่ น ได้ถูกตอ้ งเพียงสว่ น น้อย การนำเสนอเปน็ ไป การนำเสนอเปน็ ไป การนำเสนอเปน็ ไป การนำเสนอเปน็ ไป ความครอบคลุม ตามลำดับข้นั ตอน ตามลำดับขั้นตอน ตามลำดบั ขั้นตอน ตามลำดบั ขั้นตอน ของเนอ้ื หา ความถกู ต้องของ ความถกู ต้องของ ความถกู ต้องของ ความถูกตอ้ งของ เนื้อหา 100% เน้ือหา 80% เนื้อหา 70% เนือ้ หา 50% ความสวยงามการ ใชเ้ ครอื่ งหมาย รูปภาพ ใชเ้ ครอื่ งหมาย ใชเ้ ครื่องหมาย ไมไ่ ด้ใช้เครอื่ งหมาย ตกแต่งชนิ้ งาน สมการ สญั ลักษณ์แทน รูปภาพ สมการ รูปภาพ สมการ รูปภาพ สมการ กฎ ทฤษฎี หลกั การ สญั ลกั ษณ์แทนกฎ สญั ลักษณแ์ ทนกฎ สัญลกั ษณแ์ ทนกฎ นิยามต่าง ๆ ได้ถูกต้อง ทฤษฎี หลกั การ ทฤษฎี หลกั การ ทฤษฎี หลักการ นยิ ามตา่ ง ๆ ได้ นยิ ามตา่ ง ๆ ไดไ้ ม่ นยิ ามตา่ ง ๆ และครบถ้วน ถกู ต้องแต่ไม่ครบถว้ น ถกู ตอ้ งและไม่ ครบถว้ น ความถูกตอ้ ง ใชส้ ีท่ชี ว่ ยจดจำ เพลนิ ใชส้ ีทชี่ ว่ ยจดจำ ใชส้ ีทช่ี ่วยจดจำ ไม่ได้ใช้สีทช่ี ่วย เพลินตา แต่สี จดจำ เพลินตา ตา สีเดียวตลอด แต่ละ เพลนิ ตา สีเดยี ว เดยี วกัน สีไม่ซ้ำกนั ตลอด บางสีซำ้ กนั ความตรงต่อเวลา สง่ งานครบถ้วนตรง สง่ งานครบถว้ นแต่ชา้ ส่งงานครบถว้ นแตช่ า้ ส่งงานครบถว้ นแต่ ตามเวลาท่ีกำหนด กวา่ เวลาที่กำหนด กวา่ เวลาทกี่ ำหนด ชา้ กว่าเวลาที่ 1-2 วนั 3-4 วนั กำหนด 5 วนั ขนึ้ ไป หรือไมส่ ่ง

แบบประเมินการสังเกต ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี........................ สังเกตพฤติกรรมการเรยี นร้วู ันท่ี...........เดอื น.......................................พ.ศ......................... เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลำดับ ช่ือ – สกุล ความ ความ การตอบ มสี ว่ นรว่ ม รวม ระดบั ท่ี ตง้ั ใจใน สนใจและ คำถาม ใน (16) คณุ ภาพ การเรยี น การ (4) กจิ กรรม (4) ซักถาม (4) (4) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ลงช่ือ..................................................................ผูส้ อน (....................................................) ............./.........../............. เกณฑ์การให้คะแนนดงั ตารางแนบท้าย เกณฑ์การประเมนิ ในการสงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ ดังน้ี ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ เกณฑ์การสรปุ ผลการประเมิน 14-16 ดีมาก นกั เรียนทไี่ ดร้ ะดบั คุณภาพพอใช้ขน้ึ ไป ถือวา่ ผา่ น 11-13 ดี 8-10 พอใช้ 0-7 ปรับปรุง

เกณฑ์การวัดและประเมินผลการสงั เกต ประเดน็ การ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ประเมิน ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ต้องปรับปรงุ (1) 1. ความต้งั ใจใน การเรยี น สนใจในการเรียนไม่คยุ สนใจในการเรียนคุย สนใจในการเรยี นคุย ไม่สนใจในการเรียน หรอื เลน่ กนั ในขณะ กนั เล็กนอ้ ยในขณะ กันและเลน่ กัน คุยและเล่นกัน 2. ความสนใจ ในขณะเรียนเป็น ในขณะเรยี น และการซกั ถาม เรยี น เรยี น บางครัง้ 3. การตอบ มีการถามในหวั ขอ้ ที่ตน มีการถามในหวั ข้อท่ี มกี ารถามในหวั ข้อที่ ไมถ่ ามในหัวข้อที่ คำถาม ไม่เขา้ ใจทกุ เรื่องและ ตนไมเ่ ขา้ ใจเป็น ตนไมเ่ ขา้ ใจเป็น ตนไม่เขา้ ใจและไม่ ส่วนมากและกลา้ บางคร้ังและไม่คอ่ ย 4. มีส่วนรว่ มใน กล้าแสดงออก แสดงออก กลา้ แสดงออก กลา้ แสดงออก กิจกรรม รว่ มตอบคำถามในเร่อื ง รว่ มตอบคำถามใน รว่ มตอบคำถามใน ไมต่ อบคำถาม ที่ครูถามและตอบ เร่อื งทค่ี รูถามและ เรอื่ งทีค่ รถู ามเปน็ คำถามถกู ทกุ ขอ้ ตอบคำถามสว่ นมาก บางครั้งและตอบ คำถามถกู เปน็ ถูก บางครัง้ รว่ มมือและช่วยเหลอื รว่ มมือและชว่ ยเหลือ ร่วมมอื และช่วยเหลอื ไมม่ ีความร่วมมอื เพื่อนในการทำ เพ่ือนเปน็ ส่วนใหญ่ใน เพอื่ นในการทำ ในขณะทำกจิ กรรม กจิ กรรม การทำกจิ กรรม กจิ กรรมเปน็ บางครงั้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook