ใบความรู้ เร่อื ง การเกดิ รอยคดโคง้ โลกของเรามีอายุประมาณ 4,600 ล้านปี โดยในช่วงแรกที่โลกถือกาเนิดนั้น ยังไม่มีสิ่งมีชีวิตบนโลก ซ่ึงมนุษย์เราเร่ิมถือกาเนิดบนโลกประมาณ 0.003 ล้านปี โลกของเราก่อกาเนิดจากการรวมตัวของอนุภาค จานวนมากภายใต้แรงโน้มถ่วงมหาศาล จากอนุภาคเล็กๆ เป็นมวลขนาดใหญ่ข้ึนจนกลายเป็นดาวเคราะห์ใน ทส่ี ุดรปู รา่ งของโลกมีลักษณะกลมแป้นคล้ายผลส้มเขียวหวาน ส่วนบน และส่วนล่างท่ีเป็นขั้วโลกเหนือและขั้ว โลกใต้จะแบนลงเล็กนอ้ ย มีเสน้ ผ่านศูนยก์ ลางเฉลีย่ ประมาณ 12,700 กโิ ลเมตร โลกและการเปลี่ยนแปลง เปลอื กโลกมีการเปล่ียนแปลงอยูต่ ลอดเวลา ซึง่ แบง่ ออกเป็น 2 แบบ ได้แก่ 1. การเปลย่ี นแปลงแบบรวดเรว็ เชน่ การเกิดแผน่ ดนิ ไหวอย่างรนุ แรง เปลือกโลกบางส่วนแยกตัวออกมา ทาให้ผิวโลกบางสว่ นถลม่ ทลายหรอื ยุบตวั หรือภูเขาไฟระเบดิ ซง่ึ มีผลต่ออาคาร บ้านเรอื น ตน้ ไม้ และ สง่ิ กอ่ สร้าง นอกจากน้ยี ังทาให้มนุษยแ์ ละสิง่ มีชวี ิตไดรับอนั ตราย เช่น แผ่นดนิ ไหวท่ภี าคเหนือของประเทศไทย 2. การเปลี่ยนแปลงอยา่ งช้าๆ เช่น การเคล่อื นที่ของเปลือกโลก การกร่อนและการผุพังของหิน ทาให้พ้นื ท่ี บางส่วนหายไป ลกั ษณะการเปลี่ยนแปลง 1. การกร่อน เปน็ กระบวนการพังทลายของช้ันหิน ท่ีเกดิ จากกระแสนา้ กระแสลม ปฏิกิรยิ าเคมี การ เปล่ียนแปลงอุณหภูมิ แรงโน้มถ่วงของโลก และธารนา้ แข็ง
2. การพัดพาและทับถม เม่ือหินหรอื ดนิ ถูกกัดกร่อน จะถูกกระแสน้าหรือกระแสลมพัดพาไปสทู่ ่ีตา่ กวา่ ซึง่ เปน็ ลกั ษณะตา่ งๆ เชน่ ตะกอนรูปพัด เกิดจากกระแสน้าไหลลงมาจากภเู ขาสงู ลงสู่รอ่ งนา้ ทาให้ดนิ ทับถมในร่องน้า นัน้ และกระจายตวั คลา้ ยพดั ตะกอนดินดอนสามเหลีย่ ม เกิดจากตะกอนทบั ถมกนั ท่ีปากแม่นา้ กลายเปน็ รูปสามเหลย่ี ม ทาให้ฐานของดินดอนสามเหลี่ยมโคง้ ขึ้นมา เนนิ ทรายในทตี่ ่างๆ กระแสลมนั้นจะพัดพาตะกอนในท่รี าบสูง ภูเขา หรอื ทะเลทราย ไปทบั ถมกัน เกิดเปน็ พน้ื ท่ใี หม่ 3. การคดโคง้ โก่งงอ เกดิ จากเปลอื กโลก 2 แผ่น ไดร้ ับพลังงานและแรงดนั สงู ทาให้เปลือกโลกเคลื่อนท่ีชนกัน จนคดโคง้ โกง่ งอ ซึ่งการเกิดกระบวนการน้ีต้องใช้พลังงานอย่างต่อเน่ืองและใช้เวลานานมาก หากช้ันหินคดโค้ง โกง่ งอเปน็ บริเวณกวา้ งและตดิ กนั จะกลายเปน็ เทอื กเขา เชน่ เทอื กเขาหิมาลัยในทวีปเอเซีย เทือกเขาแอลป์ใน ทวปี ยโุ รป เปน็ ตน้ 4. การยกตวั หรอื ยบุ ตวั เนอื่ งจากพลังงานทสี่ ะสมใต้เปลือกโลกมีแรงดันทาใหเ้ ปลอื กโลก จะเร่ิมแตกและแยก ออกจากกนั ทาให้เปลือกโลกยกตัวหรือยุบตัว ซึ่งมีหลายลักษณะ เช่น การยกตัวของแผ่นเปลือกโลกทาให้เกิด ภูเขาลักษณะราบและไหล่เขาชันมาก เช่น ภูกระดึง จังหวัดเลย หรือการยุบตัวของแผ่นเปลือกโลก ทาให้ กลายเป็นแอง่ หรอื หบุ เขา 5. การผุพังอย่กู ับที่ คือกระบวนการท่ีทาให้หินผุพังออก โดยเปลย่ี นแปลงขนาดและองคป์ ระกอบทางเคมี ปัจจยั ทาใหเ้ กิดการผพุ งั อยู่กบั ที่ ได้แก่ ปัจจัยทางกายภาพ เกิดจากน้าแทรกตัวเข้าไปอยู่ในรอยแตกของช้ันหินรอยแตก เม่ือมีการ เปลยี่ นแปลง เช่น อากาศเยน็ จัด นา้ จะกลายเป็นน้าแข็ง ซงึ่ จะดนั รอยแยกให้ขยายตัว ช้ันหิน ทอี่ ย่ดู ้านลา่ งจงึ แตก และน้าแขง็ ละลาย น้าจะแทรกไปตามรอยแตกใหม่ เกดิ ไปเรือ่ ยๆ ปจั จัยทางเคมี เกิดจากน้าฝนท่มี สี ภาพเปน็ กรดอ่อน ทาให้หินเกิดการผุพงั ปจั จยั ทางชีวภาพ เกิดจากสิง่ มีชีวิตทที่ าให้ช้ันหินเกิดการผุพัง เช่น รากพืชชอนไชในรอยแตก ทาให้หินแตก สรปุ สาระสาคัญ โลกเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มที ั้งเกิดอยา่ งเรว็ และช้า การเปล่ียนแปลงของโลกเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก
ลักษณะการเคลอื่ นท่ีของแผ่นเปลือกโลก แผ่นเปลือกโลกแต่ละแผ่นมีการเคลื่อนที่ในทิศทางท่ีต่างกัน ผลจากการเคล่ือนท่ีทาให้เกิดสิ่งต่างๆบน พื้นผิวโลก ท้ังบนพ้ืนดินและใต้มหาสมุทร เช่น เทือกเขา ภูเขา เนินเขา ที่ราบสูง แอ่ง หุบเขา ภูเขาไฟ การ เคล่ือนทีข่ องแผ่นเปลือกโลกมอี ยู่ 3 แบบ ทีม่ า: http://www.geothai.net 1. รอยต่อทีแ่ ผ่นเปลือกโลกจะแยกจากกนั (Divergent Boundary) เกิดขน้ึ ตรงรอยตอ่ ระหว่างแผ่นเปลือกโลก 2 แผ่น ท่ีอยู่ใต้มหาสมุทรมากกว่าบนพ้ืนทวีป เช่น รอยต่อของ แผ่นอเมริกาเหนือกับแผ่นยูเรเซีย โดยที่แผ่นทั้งสองมีการเคล่ือนที่แยกออกจากกัน ทาให้เกิดรอยแยกใต้ท้อง มหาสมุทร และหินหลอมละลายที่อยู่ลึกลงไปจะดันออกมาตามรอยแยก เมื่อกระทบกับความเย็นจะแข็งตัว และกลายเป็นหินเปลือกโลกใหม่ และเกิดเป็นสันเขา เม่ือแผ่นเปลือกโลกแยกตัว ต่อไปหินหลอมละลายก็จะ ออกมาและดันหนิ ทแี่ ข็งตวั ออกไปด้านข้าง พน้ื มหาสมุทรก็จะแผ่ขยายออกไปเรื่อยๆ ด้วยเหตุน้ีจึงมีเปลือกโลก ที่เกดิ ใหมใ่ ต้มหาสมุทรแอตแลนติกอยตู่ ลอดเวลา และทาให้ทวีปอเมรกิ าเหนือแยกจากทวปี ยโุ รป ท่มี า: http://www.oknation.net
2. รอยทแ่ี ผน่ เปลือกโลกจะเคล่ือนที่ชนกนั และเกยกัน (Convergent Boundary) มี 3 แบบ คือ 2.1 แผน่ ธรณมี หาสมุทรชนกนั แผ่นธรณีมหาสมุทรเกิดข้ึนและเคลื่อนที่ออกจากจุดกาเนิด บริเวณรอยต่อที่แผ่นธรณีเคล่ือนท่ีออก จากกัน แรงขับดันจากเซลล์การพาความร้อน (Convection cell) ในชั้นฐานธรณีภาค ทาให้แผ่นธรณี มหาสมุทรสองแผ่นเคลื่อนที่ปะทะกัน ดังภาพที่ 1 แผ่นธรณีท่ีมีอายุมากกว่า มีอุณหภูมิต่ากว่า และมีความ หนาแน่นมากกว่า จะจมตัวลงในเขตมุดตัว ทาให้เกิดร่องลึกก้นสมุทร (Mid oceanic trench) เมื่อแผ่นธรณี จมตวั ลง เปลอื กมหาสมุทรและเนอ้ื โลกช้ันบนสุดซึ่งมีจุดหลอมเหลวต่าจะหลอมละลายเป็นหินหนืด ซ่ึงมีความ หนาแน่นต่ากว่าเน้ือโลกในชั้นฐานธรณีภาค จึงลอยตัวขึ้นดันพ้ืนผิวโลกให้เกิดเป็นหมู่เกาะภูเขาไฟรูปโค้ง (Volcanic island arc) เรียงตัวขนานกับแนวร่องลึกก้นสมุทร บรรดาหินปูนซึ่งเกิดจากส่ิงมีชีวิตใต้ทะเล เช่น ปะการัง เป็นตะกอนคารบ์ อนเนตมีจุดเดือดตา่ เมอ่ื ถกู ความร้อนจะเปลี่ยนสถานะเป็นแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ลอยตัวสูงขึ้นปลดปล่อยออกทางปล่องภูเขาไฟ ทาให้เกิดการหมุนเวียนของวัฏจักรคาร์บอนและธาตุ อาหาร ตัวอย่างหมู่เกาะภูเขาไฟท่ีเกิดขึ้นด้วยกระบวนการน้ี ได้แก่ หมู่เกาะฟิลิปปินส์ และ หมู่เกาะญี่ปุ่น ทมี่ า: http://www.lesa.biz 2.2 แผน่ ธรณีมหาสมุทรชนกบั แผน่ ธรณีทวปี แผ่นธรณีมหาสมุทรเป็นหินบะซอลต์ มีความหนาแน่นมากกว่าแผ่นธรณีทวีปซึ่งเป็นหินแกรนิต เมอ่ื แผน่ ธรณที ้ังสองปะทะกัน แผน่ ธรณีมหาสมทุ รจะจมตวั ลงและหลอมละลายเป็นหินหนืด เนื่องจากหินหนืด มีความหนาแน่นน้อยกว่าเน้ือโลกในชั้นฐานธรณีภาค มันจึงยกตัวข้ึนดันเปลือกโลกทวีปให้กลายเป็นเทือกเขา สงู เกิดแนวภเู ขาไฟเรียงรายตามชายฝัง่ ขนานกับร่องลึกก้นสมุทร ดังภาพที่ 2 ตัวอย่างเทือกเขาท่ีเกิดข้ีนด้วย กระบวนการนี้ ไดแ้ ก่ เทอื กเขาแอนดสิ บรเิ วณชายฝ่ังตะวนั ตกของทวปี อเมริกาใต้ ที่มา: http://www.lesa.biz
2.3 แผ่นธรณีทวปี ชนกัน แผน่ ธรณีทวปี มีความหนามากกว่าแผ่นธรณีมหาสมุทร ดังนัน้ เมอื่ แผน่ ธรณีทวีปปะทะกัน แผ่นหน่ึง จะมดุ ตัวลงสชู่ ้นั ฐานธรณภี าค อกี แผน่ หนงึ่ จะถูกยกเกยสูงข้ึน กลายเป็นเทือกเขาที่สูงมาก เป็นแนวยาวขนาน กับแนวปะทะ ดังภาพท่ี 3 ตัวอย่างเทือกเขาสูงที่เกิดขึ้นด้วยกระบวนการน้ี ได้แก่ เทือกเขาหิมาลัย ใน ประเทศเนปาลเทอื กเขาแอลป์ ในทวปี ยุโรป ท่ีมา: http://www.lesa.biz 3. รอยต่อทแี่ ผน่ เปลือกโลกเคลอื่ นที่สวนกนั (Transform Boundary) เมื่อแผ่นเปลอื กโลกท้งั สอง เคลื่อนที่สวนกันจะทาใหเ้ กดิ รอยเลอ่ื นขนาดใหญ่ขน้ึ และหากแผ่นเปลือกโลก เคล่ือนที่กระทบกันอย่างรนุ แรงจะทาให้เกิดการสนั่ สะเทือนและเกดิ แผ่นดินไหวขึ้นได้ แตม่ กั จะไม่พบภูเขาไฟ ทมี่ า: http://www.divediscover.whoi.edu.com สรุปสาระสาคญั
Search
Read the Text Version
- 1 - 5
Pages: