คู่มอื การบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นวนาสงเคราะห์ กลุม่ งานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นวนาสงเคราะห์ สานกั งานเขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสระแกว้ เขต ๑ สานกั งานศกึ ษาธิการจงั หวัดสระแกว้
2 วสิ ยั ทศั น์ พนั ธกจิ เป้าหมาย อตั ลกั ษณ์ และเอกลกั ษณข์ องสถานศกึ ษา วสิ ยั ทศั น์ ผู้เรียนมีความเปน็ เลศิ ทางวิชาการ ผา่ นกระบวนการคิด มจี ิตสานกึ คณุ ธรรม สบื สานภมู ปิ ัญญารว่ มกับชุมชน กา้ วทนั เทคโนโลยี มพี ลานามัยสมบูรณ์ พนั ธกจิ ๑. พฒั นาผูเ้ รียนใหม้ ีคณุ ธรรมตามหลักศาสนาและหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ๒. พฒั นาผเู้ รยี นใหเ้ ตม็ ศักยภาพและมคี วามรู้ตามมาตรฐานการศึกษา เพื่อพัฒนาสู่ความเป็นเลิศ ๓. พัฒนาระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศมาใช้ในการจดั กระบวนการเรยี นรู้ ๔. พัฒนาคุณภาพชีวติ ของผู้เรยี นให้มพี ลานามัยสมบูรณ์ ส่งเสริมศลิ ปะ ดนตรี กีฬาและพัฒนาระบบดูแล ช่วยเหลอื นักเรยี นให้มีประสิทธภิ าพ ๕. ส่งเสรมิ การมสี ว่ นรว่ มของคณะกรรมการสถานศึกษาบุคลากรภายในโรงเรยี น ชุมชน และทกุ ภาคส่วนใหม้ ี ส่วนร่วมในการบริหารจดั การศึกษา เปา้ หมาย ๑. นกั เรียนได้รับบรกิ ารทางการศกึ ษาอยา่ งทวั่ ถงึ และมคี ุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน ๒. โรงเรียนมหี ลักสตู รสถานศึกษาที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน ๓. นกั เรียนมคี วามสามารถในการนาเทคโนโลยีไปประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ิตประจาวนั ๔. บุคลากรได้รบั การพัฒนาสู่มาตรฐานวชิ าชพี ๕. โรงเรยี นมภี มู ทิ ัศน์สวยงามและแหล่งเรียนร้ตู ามแนวปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงอย่าง หลากหลาย ๖. โรงเรยี นได้รบั ความร่วมมอื จากชมุ ชนในการจัดการศึกษา อตั ลักษณ์ “ยิ้มง่าย ไหวส้ วย” เอกลกั ษณ์ “มารยาทงาม ความรดู้ ี” ปรัชญาของโรงเรยี นวนาสงเคราะห์ “คุณธรรม นาความรู้ ควบคู่ภมู ปิ ญั ญา พัฒนาส่งิ แวดล้อม” คาขวญั ของโรงเรยี นวนาสงเคราะห์ “การศึกษาดี มวี ินยั นา้ ใจนักกีฬา ไม่พ่ึงพายาเสพตดิ ” คตธิ รรมของโรงเรยี นวนาสงเคราะห์ “นตถฺ ิ ปัญญา สมาอาภา” แสงสว่าง เสมอดว้ ยปัญญาไมม่ ี สีประจาของโรงเรยี นวนาสงเคราะห์ สีเขียว หมายถึง สดช่นื ร่มรน่ื รม่ เย็น สีขาว หมายถึง ความบรสิ ทุ ธ์ และความนอบน้อม สญั ลักษณ์ของโรงเรียนวนาสงเคราะห์ อักษรย่อของโรงเรยี นวนาสงเคราะห์ “ ว.ค.” ชื่อเตม็ โรงเรยี นวนาสงเคราะห์
3 การบรหิ ารงานวชิ าการ แนวคดิ หลักในการบริหารวิชาการ การบริหารงานวิชาการเป็นภารกิจท่ีสาคัญของการบริหารโรงเรียนตามที่พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 ถือเป็นงานที่มีความสาคัญท่ีสุด เป็นหัวใจของการจัด การศึกษา ซึ่งทง้ั ผ้บู รหิ าร โรงเรียน คณะครู และผมู้ สี ว่ นเกีย่ วขอ้ งทุกฝ่าย ต้องมคี วามรู้ความเขา้ ใจ ให้ความสาคญั และ มีส่วนร่วมในการวางแผนกาหนดแนวทางปฏิบัติการประเมินผลและการปรับปรุงแก้ไขอย่างเป็น ระบบและต่อเน่ือง มงุ่ ให้กระจายอานาจในการบรหิ ารจัดการไปให้สถานศึกษาให้มากทสี่ ุด ดว้ ยเจตนารมณท์ ี่จะให้สถานศึกษาดาเนินการ ไดโ้ ดยอิสระ คล่องตวั รวดเร็ว สอดคล้องกบั ความต้องการของผเู้ รยี น โรงเรยี น ชุมชน ท้องถ่ินและการมสี ่วนรว่ มจากผู้ มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ซ่ึงจะเป็นปัจจัยสาคัญทาให้สถานศึกษามีความเข้มแข็งในการบริหารและจัดการ สามารถ พัฒนาหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ตลอดจนการวัดผล ประเมินผล รวมท้ังปัจจัยเก้ือหนุนการพัฒนาคุณภาพ นักเรียน โรงเรยี น ชมุ ชน ท้องถ่นิ ได้อยา่ งมคี ณุ ภาพและมีประสิทธภิ าพ วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพือ่ ให้บริหารงานดา้ นวิชาการได้โดยอิสระ คล่องตัว รวดเร็วและสอดคลอ้ งกบั ความต้องการของนักเรียน สถานศึกษา ชมุ ชน ทอ้ งถนิ่ 2. เพื่อให้การบริหาร และ การจัดการศึกษาของโรงเรียนได้มาตรฐาน และ มีคุณภาพสอดคล้องกับระบบ ประกันคุณภาพการศึกษาและประเมินคุณภาพภายในเพ่ือพัฒนาตนเองและจากการประเมินหน่วยงาน ภายนอก 3. เพ่ือใหโ้ รงเรียนพัฒนาหลักสูตร และ กระบวนการเรียนรู้ ตลอดจนปจั จัยหนุนการเรียนรู้ทีส่ นองต่อความ ต้องการของผเู้ รียน ชุมชน และ ท้องถน่ิ โดยยดึ ผูเ้ รียนเป็นสาคัญได้อยา่ งมคี ุณภาพและประสทิ ธิภาพ 4. เพ่ือให้โรงเรียนได้ประสานความร่วมมือในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาและของบุคคล ครอบครัว องคก์ ร หน่วยงานและสถาบันอน่ื ๆ อย่างกวา้ งขวาง ขอบขา่ ยและภารกจิ ผรู้ ับผดิ ชอบ 1. การพฒั นาหรอื การดาเนนิ การเกย่ี วกบั การให้ความเหน็ การพฒั นาสาระหลกั สตู รท้องถนิ่ บทบาทและหน้าที่ 1. วเิ คราะหก์ รอบสาระการเรียนรู้ทอ้ งถิน่ ที่สานักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศึกษาจดั ทาไว้ 2. วเิ คราะห์หลกั สตู รสถานศึกษาเพ่ือกาหนดจดุ เน้น หรอื ประเด็นทสี่ ถานศึกษาให้ ความสาคญั 3. ศกึ ษาและวเิ คราะหข์ ้อมลู สารสนเทศของสถานศึกษา และชุมชนเพอ่ื นามาเป็นข้อมลู จดั ทาสาระการเรยี นร้ทู ้องถ่ินของสถานศึกษาให้สมบูรณย์ ิ่งข้นึ 4. จัดทาสาระการเรียนรู้ทอ้ งถน่ิ ของสถานศกึ ษา เพ่ือนาไปจดั ทารายวิชาพนื้ ฐานหรอื รายวิชาเพม่ิ เตมิ จัดทาคาอธบิ ายรายวิชา หนว่ ยการเรียนรู้ แผนการจดั การเรียนรู้ เพอ่ื จดั ประสบการณ์ และจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนใหแ้ ก่ผเู้ รยี น ประเมินผล และปรบั ปรงุ 5. ผ้บู รหิ ารศึกษาอนุมัติ 2. การวางแผนงานด้านวชิ าการ บทบาทและหน้าท่ี 1. วางแผนงานด้านวชิ าการโดยการรวบรวมขอ้ มลู และกากบั ดแู ล นเิ ทศและตดิ ตามเกี่ยวกบั งานวิชาการ ได้แก่ การพัฒนาหลักสูตรสถานศกึ ษา การพัฒนากระบวนการเรยี นรู้ การวัดผล ประเมินผล และการเทียบโอนผลการ เรียน การประกนั คุณภาพภายในและมาตรฐานการศึกษา การพฒั นาและใช้ส่อื และเทคโนโลยเี พอื่ การศึกษา การ
4 พัฒนาและส่งเสริมให้มีแหล่งเรียนรู้การวิจยั เพื่อพัฒนา คุณภาพการศึกษา และสง่ เสริมชุมชนใหม้ ีความเข้มแข็งทาง วิชาการ 2. ผูบ้ รหิ ารสถานศึกษาอนุมตั ิโดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการสถานศึกษา 3. การจดั การเรยี นการสอนในสถานศกึ ษา บทบาทและหนา้ ท่ี 1. จัดทาแผนการเรยี นรู้ทุกกลุ่มสาระการเรยี นรู้ 2. จัดการเรยี นการสอนทุกกลุม่ สาระการเรียนร้ทู ุกช่วงช้นั ตามแนวปฏิบัตกิ ารเรยี นรู้โดยเน้นผเู้ รยี นเป็น สาคญั พัฒนาคุณธรรมนาความรตู้ ามหลกั การปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง 3. ใชส้ อื่ การเรียนการสอน และแหลง่ การเรยี นรู้ 4. จดั กจิ กรรมพัฒนาห้องสมุด ห้องปฏิบตั กิ ารต่าง ๆ ใหเ้ อ้ือต่อการเรียนรู้ 5. สง่ เสรมิ การวจิ ยั และพฒั นาการเรยี นการสอนทุกกล่มุ สาระการเรียนรู้ 6. ส่งเสริมการพฒั นาความเปน็ เลศิ ของนักเรยี นและชว่ ยเหลอื นกั เรียนพิการ ดอ้ ยโอกาสและ มคี วามสามารถพเิ ศษ 4. การพฒั นาหลกั สตู รของสถานศกึ ษา บทบาทและหน้าที่ 1. จัดทาหลกั สตู รเป็นของตนเองโดยจดั ให้มกี ารวิจัย และพัฒนาหลักสูตร ให้ทันกับการเปล่ียนแปลงทางดา้ น เศรษฐกิจและสงั คม จัดทาหลักสตู รทีม่ ุ่งเนน้ พฒั นานกั เรยี นให้เป็นมนษุ ย์ท่สี มบรู ณ์ทั้งร่างกาย จติ ใจ สตปิ ัญญา มี ความรู้และคุณธรรม สามารถอยู่รว่ มกับผอู้ น่ื ได้อย่างมีความสุข จดั ให้มีวชิ าต่าง ๆ ครบถ้วนตามหลกั สตู รแกนกลาง การศึกษาพื้นฐานของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร 2. เพิม่ เติมเนื้อหาสาระของรายวิชา ได้แก่ การศึกษาดา้ นศาสนา ดนตรี นาฏศลิ ป์ กฬี า การศกึ ษาทส่ี ง่ เสริม ความเปน็ เลศิ ผู้บกพรอ่ ง 3. เพม่ิ เติมเน้อื หาสาระของรายวิชาท่ีสอดคลอ้ งสภาพปญั หาความตอ้ งการของผู้เรียน ผ้ปู กครอง ชุมชน สังคม และอาเซ่ยี น 5. การพฒั นากระบวนการเรยี นรู้ บทบาทและหนา้ ที่ 1. จัดเนือ้ หาสาระและกจิ กรรมให้สอดคล้องกบั ความสนใจและความถนดั ของผูเ้ รยี นโดย คานงึ ถึงความ แตกตา่ งระหว่างบคุ คล 2. ฝึกทกั ษะ กระบวนการคิด การเผชิญสถานการณ์และการประยุกต์ความรู้มาใช้ เพ่ือปอ้ งกันและแก้ไข ปัญหา 3. จัดกิจกรรมใหผ้ เู้ รยี นได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝกึ การปฏบิ ัติใหท้ าได้ คิดเป็น ทาเป็นรกั การอ่าน และเกดิ การใฝ่รอู้ ยา่ งต่อเนอื่ ง 4. จัดการเรียนการสอน โดยผสมผสานสาระความรู้ด้านต่าง ๆ อย่างไดส้ ัดสว่ นสมดลุ กันรวมท้งั ปลกู ฝัง คุณธรรม คา่ นิยมที่ดงี ามและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ไวใ้ นทกุ กล่มุ สาระ/วิชา 5. ส่งเสริมสนับสนุนใหผ้ ูส้ อนสามารถจัดบรรยากาศสภาพแวดลอ้ ม สอื่ การเรียนและอานวยความสะดวก เพื่อใหผ้ ูเ้ รยี นเกดิ การเรียนรู้ และมีความรอบรู้ รวมทง้ั สามารถใช้การวิจยั เปน็ สว่ นหนง่ึ ของกระบวนการเรียนรู้ ทั้งนี้ ผู้สอนและผ้เู รียนรอู้ าจเรยี นรู้ไปพร้อมกนั จากส่อื การเรียนการสอน และแหลง่ วิทยาการประเภทต่าง ๆ 6. จดั การเรียนรู้ให้เกดิ ขึ้นได้ทกุ เวลา ทุกสถานท่ี มกี ารประสานความรว่ มมือ กับบิดามารดาและบุคคล ในชมุ ชนทกุ ฝา่ ย เพื่อร่วมกันพฒั นาผ้เู รยี นตามศกั ยภาพ 7. ศกึ ษาคน้ คว้าพฒั นารปู แบบหรือการออกแบบกระบวนการเรยี นรู้ที่
5 6. การวดั ผล ประเมนิ ผล และดาเนนิ การเทยี บโอนเทา่ ผลการเรยี น บทบาทและหน้าที่ 1. กาหนดระเบยี บการวัด และประเมนิ ผลของสถานศึกษาตามหลักสูตรสถานศกึ ษาโดยให้สอดคล้อง กบั นโยบายระดบั ประเทศ 2. จดั ทาเอกสารหลักฐานการศกึ ษาใหเ้ ป็นไปตามระเบยี บการวัด และประเมินผลของสถานศึกษา 3. วัดผล ประเมนิ ผล เทยี บโอนประสบการณ์ ผลการเรียนและอนุมัตผิ ลการเรยี น 4. จัดให้มีการประเมนิ ผลการเรียนทุกช่วงช้นั และจดั ให้มีการซ่อมเสริมกรณีท่ีมีผูเ้ รยี น ไม่ผา่ น เกณฑ์การประเมนิ 5. ใหม้ ีการพัฒนาเครือ่ งมือในการวัดและประเมนิ ผล 6. จดั ระบบสารสนเทศด้านการวดั ผลประเมินผลและการเทียบโอนผลการเรยี นเพ่ือใชใ้ นการอ้างองิ ตรวจสอบ และใชป้ ระโยชน์ในการพัฒนาการเรยี นการสอน 7. ผบู้ รหิ ารสถานศึกษาอนมุ ัติผลการประเมินการเรยี นดา้ นตา่ งๆ รายปี รายภาคและตดั สินผลการเรยี นผา่ น ระดับชั้นและจบการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน 8. การเทียบโอนผลการเรยี นเป็นอานาจของสถานศึกษา ที่จะแต่งต้งั คณะกรรมการดาเนินการ เพื่อกาหนดหลักเกณฑ์วธิ กี าร ได้แก่ คณะกรรมการเทยี บระดบั การศึกษาท้ังในระบบ นอกระบบ และตามอธั ยาศัย คณะกรรมการเทียบโอนผลการเรียนและเสนอคณะกรรมการบริหารหลกั สูตรและวิชาการ พรอ้ มทั้งให้ผบู้ ริหาร สถานศกึ ษาอนุมัตกิ ารเทยี บโอน 7. การวจิ ยั เพอ่ื พฒั นาคณุ ภาพการศึกษาในสถานศกึ ษา บทบาทและหนา้ ที่ 1. กาหนดนโยบายและแนวทางการใช้ การวจิ ยั เป็นส่วนหน่ึงของกระบวนการเรยี นรู้และกระบวนการ ทางานของนักเรียน ครแู ละผ้เู กี่ยวขอ้ งกบั การศกึ ษา 2. พัฒนาครู และนักเรยี นให้มคี วามรเู้ ก่ียวกับการปฏริ ปู การเรียนรู้ โดยใชก้ ระบวนการวจิ ยั เปน็ สาคญั ในการ เรยี นรูท้ ซี่ ับซ้อนข้ึน ทาให้ผเู้ รียนไดฝ้ กึ การคดิ การจัดการ การหาเหตผุ ลในการตอบปญั หา 3. พฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาดว้ ยกระบวนการวจิ ยั 4. รวบรวมและเผยแพร่ผลการวจิ ัยเพื่อการเรียนรู้และพฒั นาคุณภาพการศึกษา รวมทั้งสนบั สนุนใหค้ รูนา ผลการวิจัยมาใชเ้ พื่อพฒั นาการเรยี นร้แู ละพฒั นาคณุ ภาพการศึกษาของสถานศึกษา 8. การพฒั นาและสง่ เสริมใหม้ ีแหลง่ เรยี นรู้ บทบาทและหน้าที่ 1. จัดใหม้ ีแหล่งเรียนรูอ้ ย่างหลากหลาย ทง้ั ภายในและภายนอกสถานศึกษา ให้พอเพียงเพ่ือสนบั สนนุ การ แสวงหาความรู้ดว้ ยตนเองกับการจดั กระบวนการเรียนรู้ 2. จัดระบบแหลง่ การเรียนรภู้ ายในโรงเรยี นให้เอ้ือต่อการจัดการเรียนรู้ของผ้เู รียน เช่น พฒั นาหอ้ งสมุด ให้เป็นแหลง่ การเรยี นรู้ มุมหนงั สือในห้องเรียน ห้องดนตรี ห้องคอมพวิ เตอร์ หอ้ งพยาบาล ห้องศูนย์วชิ าการ สวนสขุ ภาพ สวนหนงั สือ เป็นต้น 3. จัดระบบข้อมลู แหล่งการเรยี นร้ใู นท้องถ่นิ ให้เอ้ือต่อการจัดการเรยี นรู้ ของผู้เรยี น ของสถานศกึ ษาของ ตนเอง 4. ส่งเสริมใหค้ รแู ละผเู้ รยี นได้ใช้แหล่งเรียนรู้ ทง้ั ในและนอกสถานศึกษา เพ่ือพฒั นาการเรียนรู้และนิเทศ กากบั ติดตาม ประเมินและปรับปรุงอยา่ งต่อเนื่อง 5. สง่ เสริมให้ครู และผูเ้ รียนใช้แหลง่ เรยี นรู้ทั้งภายในและภายนอก
6 9. การนเิ ทศการศกึ ษา บทบาทและหนา้ ที่ 1. สรา้ งความตระหนักให้แก่ครู และผู้เกี่ยวข้องให้เขา้ ใจกระบวนการนิเทศภายในวา่ เปน็ กระบวนการ ทางานร่วมกนั ทใ่ี ชเ้ หตผุ ลการนเิ ทศ เป็นการพฒั นาปรับปรงุ วธิ กี ารทางานของแต่ละบุคคล ให้มีคณุ ภาพการนิเทศเป็น สว่ นหนง่ึ ของกระบวนการบริหาร เพ่ือให้ทุกคนเกดิ ความเช่อื มั่นวา่ ไดป้ ฏิบตั ิถูกต้อง ก้าวหน้า และเกิดประโยชนส์ งู สดุ ตอ่ ผู้เรยี น และตัวครูเอง 2. จัดการนเิ ทศภายในสถานศึกษาให้มีคุณภาพท่ัวถงึ และตอ่ เนื่องเป็นระบบและกระบวนการ 3. จัดระบบนเิ ทศภายในสถานศึกษาใหเ้ ชื่อมโยงกบั ระบบนเิ ทศการศึกษาของสานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษา 10. การแนะแนว บทบาทและหน้าที่ 1. กาหนดนโยบายการจัดการศึกษา ทม่ี ีการแนะแนวเป็นองค์ประกอบสาคญั โดยให้ทุกคนในสถานศกึ ษา ตระหนกั ถึงการมีส่วนร่วมในกระบวนการแนะแนว และการดูแลชว่ ยเหลอื 2. จัดระบบงานและโครงสร้างองค์กรแนะแนว และดูแลช่วยเหลอื นกั เรยี นของสถานศึกษาให้ชัดเจน 3. สรา้ งความตระหนักใหค้ รูทกุ คนเห็นคุณคา่ ของการแนะแนว และดแู ลชว่ ยเหลือนกั เรียน 4. สง่ เสรมิ และพัฒนาให้ครูได้รับความรเู้ พ่มิ เตมิ เร่อื งจิตวิทยาและการแนะแนวและดแู ลชว่ ยเหลือนกั เรียน เพือ่ ใหส้ ามารถบูรณาการในการจัดการเรียนรูแ้ ละเช่ือมโยงสกู่ ารดารงชวี ิตประจาวัน 5. คัดเลือกบุคลากรทม่ี คี วามรู้ ความสามารถและบุคลกิ ภาพที่เหมาะสม ทาหน้าที่ครูแนะแนว ครทู ่ปี รกึ ษา ครูประจาช้ันและคณะอนุกรรมการแนะแนว 6. ดูแล กากับ นเิ ทศ ตดิ ตามและสนับสนนุ การดาเนนิ งานแนะแนว และดแู ลชว่ ยเหลอื นักเรียนอยา่ งเป็น ระบบ 7. ส่งเสริมความร่วมมอื และความเข้าใจอนั ดีระหวา่ งครู ผู้ปกครองและชมุ ชน 8. ประสานงานด้านการแนะแนวระหว่างสถานศึกษา องคก์ ร ภาครฐั และเอกชน บา้ นศาสนสถาน ชมุ ชน ในลักษณะเครือข่ายการแนะแนว 9. เชอ่ื มโยงระบบแนะแนวและระบบดูแลช่วยเหลือนกั เรียน 11. การพฒั นาระบบประกนั คณุ ภาพภายใน และมาตรฐานการศกึ ษา บทบาทและหนา้ ท่ี 1. กาหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา 2. จัดทาแผนสถานศึกษาทม่ี ุ่งเน้นคุณภาพการศึกษา (แผนกลยุทธ์/แผนยุทธศาสตร)์ 3. จดั ทาระบบบรหิ ารและสารสนเทศ 4. ดาเนินการตามแผนพฒั นาสถานศกึ ษาในการดาเนนิ โครงการ/กิจกรรมสถานศกึ ษาต้อง สรา้ งระบบ การทางานทเ่ี ขม้ แขง็ เน้นการมสี ว่ นรว่ ม และวงจรการพฒั นาคณุ ภาพของเดมม่ิง (Deming Cycle) หรือทีร่ จู้ กั กันวา่ วงจร PDCA 6. ตรวจสอบและทบทวนคุณภาพการศกึ ษาโดยการดาเนนิ การอยา่ งจรงิ จังต่อเน่ืองดว้ ยการสนบั สนนุ ให้ครู ผู้ปกครองและชุมชนเขา้ มามีสว่ นรว่ ม 7. ประเมนิ คุณภาพการศึกษาภายในสถานศกึ ษาตามมาตรฐานที่กาหนด เพื่อรองรับการประเมินคุณภาพ ภายนอก 8. จัดทารายงานคุณภาพการศึกษาประจาปี (SAR) และสรุปรายงานประจาปี โดยความเห็นชอบของ คณะกรรมการสถานศึกษาขนั้ พื้นฐานเสนอต่อหนว่ ยงานต้นสังกดั และเผยแพรต่ ่อสาธารณชน
7 12. การสง่ เสริมชมุ ชนให้มคี วามเขม้ แขง็ ทางวชิ าการ บทบาทและหนา้ ท่ี 1. จัดกระบวนการเรยี นร้รู ว่ มกับบคุ คล ครอบครวั ชุมชน องค์กรชมุ ชน องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่นิ เอกชน องค์กรวิชาชพี สถาบัน ศาสนา สถานประกอบการและสถาบันอ่นื 2. ส่งเสริมความเข้มแข็งของชมุ ชน โดยการจัดกระบวนการเรยี นรภู้ ายในชุมชน 3. สง่ เสริมให้ชมุ ชนมกี ารจดั การศึกษาอบรม มีการแสวงหาความรู้ ขอ้ มูล ข่าวสารและเลอื กสรรภูม ปญั ญา วิทยาการตา่ ง ๆ 4. พัฒนาชุมชนให้สอดคล้องกับสภาพปัญหา และความตอ้ งการรวมท้งั หาวธิ ีการสนับสนนุ ให้มีการ แลกเปล่ียนประสบการณ์ระหวา่ งชมุ ชน 3. การประสานความรว่ มมอื ในการพฒั นาวชิ าการกบั สถานศกึ ษา และองคก์ รอืน่ บทบาทและหน้าท่ี 1. ระดมทรัพยากรเพ่ือการศกึ ษา ตลอดจนวิทยากรภายนอกและภมู ปิ ญั ญาท้องถนิ่ เพ่ือเสริมสร้าง พฒั นาการของนักเรียนทุกดา้ น รวมท้ังสบื สานจารีตประเพณีศลิ ปวฒั นธรรมท้องถน่ิ 2. เสรมิ สรา้ งความสัมพนั ธร์ ะหว่างสถานศึกษากบั ชุมชน ตลอดจนประสานงานกับองค์กรท้ังภาครฐั และเอกชน เพื่อให้สถานศึกษาเป็นแหลง่ วทิ ยาการของชมุ ชน เพือ่ ให้สถานศกึ ษาเปน็ แหลง่ วทิ ยาการของชมุ ชน และมสี ่วนในการพัฒนาชุมชนและท้องถ่นิ 3. ใหบ้ รกิ ารด้านวชิ าการท่ีสามารถเชอ่ื มโยงหรือแลกเปล่ียนข้อมลู ข่าวสารกับแหลง่ วชิ าการในทอี่ นื่ ๆ 4. จดั กจิ กรรมร่วมกับชุมชนเพื่อส่งเสริมวฒั นธรรมการสรา้ งความสัมพันธ์อนั ดีกบั ศิษยเ์ กา่ การประชมุ ผปู้ กครองนักเรียน การปฏบิ ตั ิงานร่วมกับชมุ ชน การร่วมกจิ กรรมกับสถาบันการศกึ ษาอืน่ เป็นต้น 14. การสง่ เสริมและสนบั สนนุ งานวชิ าการแกบ่ คุ คล ครอบครวั องคก์ ร หนว่ ยงาน สถานประกอบการและสถาบนั อน่ื ทจ่ี ัดการศึกษา บทบาทและหนา้ ท่ี 1. ประชาสัมพนั ธ์สรา้ งความเข้าใจต่อบุคคล ครอบครวั ชุมชน องค์กรชมุ ชน องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชพี สถาบนั ศาสนา สถานประกอบการและสถาบนั สังคมอ่ืนในเร่ืองเก่ียวกบั สทิ ธใิ น การจดั การศึกษาขนั้ พื้นฐานการศึกษา 2. จัดให้มกี ารสร้างความรู้ความเข้าใจ การเพิ่มความพร้อมให้กับบุคคล ครอบครัว ชมุ ชน องคก์ รชุมชน องค์กรปกครองสว่ นท้องถนิ่ เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวชิ าชพี สถาบันศาสนา สถานประกอบการและสถาบัน สงั คมอ่นื ทร่ี ่วมจดั การศกึ ษา 3. ร่วมกับบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชมุ ชน องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ เอกชน องคก์ ร เอกชนองค์กร วิชาชีพ สถาบนั ศาสนา สถานประกอบการและสถาบันสังคมอ่นื ทรี่ ่วมจดั การศึกษาและใช้ทรัพยากรรว่ มกันใหเ้ กิด ประโยชน์สูงสุด 4. สง่ เสริมสนบั สนุนใหม้ กี ารจดั กจิ กรรมการเรยี นรรู้ ะหว่างสถานศกึ ษากบั บุคคล ครอบครวั ชมุ ชน องคก์ ร เอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการและสถาบนั สังคมอื่น 5. สง่ เสรมิ สนับสนนุ ให้บุคคล ครอบครวั ชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชพี สถาบันศาสนาสถาน ประกอบการและสถาบนั สังคมอน่ื ได้รบั ความชว่ ยเหลือทางด้านวชิ าการตามความ เหมาะสมและจาเป็น 6. ส่งเสรมิ และพัฒนาแหลง่ เรยี นรู้ ทัง้ ด้านคณุ ภาพและปรมิ าณ เพื่อการเรยี นรตู้ ลอดชวี ิต อยา่ งมี ประสิทธภิ าพ 15. การจดั ทาระเบยี บและแนวปฏบิ ตั ิเกยี่ วกบั งานดา้ นวชิ าการของสถานศกึ ษา บทบาทและหน้าที่ 1. ศึกษาและวิเคราะหร์ ะเบยี บ และแนวปฏิบัติเก่ียวกับงานด้านวชิ าการของสถานศึกษา เพ่ือให้ ผูท้ ี่ เก่ยี วข้องรบั รู้ และถือปฏบิ ตั เิ ปน็ แนวเดยี วกัน
8 2. จัดระเบยี บและแนวปฏิบัติเกี่ยวกบั งานดา้ นวิชาการของสถานศกึ ษา เพ่ือใหผ้ ู้ทีเ่ กย่ี วข้องรับรู้ และถือ ปฏิบัติเป็นแนวเดยี วกนั 3. ตรวจสอบร่างระเบียบและแนวปฏิบัตเิ กีย่ วกับงานดา้ นวชิ าการของสถานศกึ ษาและแกไ้ ขปรับปรงุ 4. นาระเบียบและแนวปฏบิ ตั เิ ก่ียวกบั งานด้านวิชาการของสถานศึกษาไปสูก่ ารปฏิบัติ 5. ตรวจสอบ และประเมินผล การใช้ระเบียบและแนวปฏบิ ตั ิเกีย่ วกับงานด้านวิชาการของสถานศกึ ษาและ นาไปแก้ไขปรับปรุง ให้เหมาะสมต่อไป 16. การคดั เลอื กหนงั สอื แบบเรียนเพอ่ื ใชใ้ นสถานศกึ ษา บทบาทและหน้าท่ี 1. ศกึ ษา วเิ คราะห์ คดั เลือกหนงั สอื เรียน กลุ่มสาระการเรยี นรู้ตา่ งๆ ท่ีมีคุณภาพสอดคล้องกับหลกั สตู ร สถานศกึ ษา เพ่ือเป็นหนงั สือแบบเรยี นใชใ้ นการจัดการเรยี นการสอน 2. จัดทาหนงั สอื เรยี น หนังสือเสริมประสบการณ์ หนังสืออ่านประกอบ แบบฝกึ หดั ใบงาน ใบความรู้ เพือ่ ใช้ประกอบการเรียนการสอน 3. ตรวจพิจารณาคุณภาพ หนงั สือเรยี นเรียน หนงั สือเสริมประสบการณ์ หนังสืออา่ นประกอบ แบบฝกึ หดั ใบงาน ใบความรู้ เพอื่ ใช้ประกอบการเรยี นการสอน 17. การพฒั นา และใชส้ ื่อเทคโนโลยเี พอ่ื การศึกษา บทบาทและหน้าที่ 1. จดั ใหม้ ีการรว่ มกันกาหนดนโยบาย วางแผนในเรื่องการจดั หาและพฒั นาส่ือการเรียนรู้และเทคโนโลยเี พื่อ การศกึ ษา 2. พฒั นาบุคลากรใสถานศกึ ษาในเรอ่ื งเกีย่ วกบั การพัฒนาส่ือการเรยี นรู้ และเทคโนโลยเี พ่ือ การศกึ ษา พร้อมทั้งให้มีการจดั ต้ังเครือข่ายทางวิชาการ ชมรมวชิ าการเพอื่ เปน็ แหลง่ การเรยี นรู้ 3. พัฒนาและใช้ส่อื และเทคโนโลยีทางการศึกษา โดยมุ่งเนน้ การพฒั นาส่ือและเทคโนโลยีทางการศึกษาที่ให้ ขอ้ เทจ็ จริงเพ่ือสรา้ งองค์ความรู้ใหม่ๆเกิดขึ้น โดยเฉพาะหาแหลง่ สือ่ ท่ีเสรมิ การจดั การศึกษาของสถานศกึ ษาให้มี ประสิทธภิ าพ ๔. พัฒนาหอ้ งสมดุ ของสถานศกึ ษา ให้เปน็ แหลง่ การเรยี นรู้ของสถานศึกษา และชุมชน ๕. นเิ ทศ ติดตาม และประเมินผลการปฏิบตั ิงานของบคุ ลากรในการจัดหา ผลิต ใช้และพัฒนาสอ่ื และ เทคโนโลยที างการศึกษา ดา้ นบรหิ ารวิชาการ 1. หัวหน้างานบรหิ ารวิชาการ ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้ากลุ่มการบริหารวิชาการ มีหน้าท่ี ดูแล กากับ ติดตาม กล่ันกรองอานวยความสะดวก ให้คาแนะนา ปรึกษาการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าท่ีท่ีปฏิบัติงานในกลุ่มการบริหาร วิชาการตามขอบข่ายและภารกิจการบริหารวิชาการ ปฏิบัติหน้าที่เก่ียวข้องกับการจัดระบบบริหารองค์กร การ ประสานงานและให้บริการสนับสนุน ส่งเสริมให้ฝ่ายบริหารงานวิชาการต่างๆ ในโรงเรียนสามารถบริหารจัดการและ ดาเนินการตามบทบาทภารกิจ อานาจหน้าที่ด้วยความเรียบร้อยตลอดจนสนับสนุนและให้บริการข้อมูล ข่าวสาร เอกสาร ส่ือ อุปกรณ์ทางการศึกษา และทรัพยากรท่ีใช้ในการจัดการศึกษาแก่เจ้าหน้าท่ีของแต่ละฝ่ายงานเพื่อให้ฝ่าย บริหารจัดการไดอ้ ยา่ งสะดวกคล่องตัว มคี ุณภาพและเกิดประสิทธิภาพ 2. หัวหน้าวชิ าการสายชน้ั ปฏิบัติหน้าที่ผู้ช่วยหัวหน้ากลุ่มการบริหารวิชาการ มีหน้าท่ีช่วยหัวหน้ากลุ่มการ บริหารวิชาการ ในการปฏิบัติงานตามภารกิจของงานบริหารงานวชิ าการและหน้าที่อื่นๆท่ีหัวหน้ากลุ่มบริหารวชิ าการ มอบหมายปฏิบัตหิ น้าทแี่ ทนในกรณีหวั หนา้ บรหิ ารงานวิชาการไมส่ ามารถปฏบิ ัติหนา้ ท่ีได้
9 ขอบข่ายงานบริหารวิชาการ มดี งั น้ี 1. การพัฒนาหรอื การดาเนินงานเกยี่ วกับการใหค้ วามเห็นการพฒั นาสาระหลักสตู รท้องถนิ่ หน้าท่ีรับผดิ ชอบปฏบิ ัตงิ านดงั นี้ 1) วิเคราะหก์ รอบสาระการเรยี นรู้ทอ้ งถน่ิ ที่สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาจัดทาไว้ 2) วิเคราะห์หลักสูตรสถานศึกษาเพ่ือกาหนดจุดเน้นหรือประเด็นท่ีสถานศึกษาหรือกลุ่มเครือข่าย สถานศึกษาให้ความสาคญั 3) ศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลสารสนเทศของสถานศึกษาและชุมชนเพื่อนามาเป็นข้อมูลจัดทาสาระการ เรียนรทู้ อ้ งถ่ินของสถานศึกษาใหส้ มบูรณ์ย่ิงข้นึ 4) จัดทาสาระการเรียนรู้ท้องถ่ินของสถานศึกษาเพ่ือนาไปจัดทารายวิชาพื้นฐานหรือรายวิชาเพ่ิมเติมจัดทา คาอธิบายรายวิชา หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ เพื่อจัดประสบการณ์และกิจกรรมการเรียนการสอนให้แก่ ผู้เรียนประเมนิ ผลและปรบั ปรงุ 5) ผบู้ รหิ ารสถานศึกษาอนมุ ัติ 2. การวางแผนงานด้านวิชาการ หนา้ ท่รี บั ผิดชอบปฏบิ ัติงานดงั น้ี 1) วางแผนงานด้านวิชาการโดยการรวบรวมข้อมูลและกากับ ดูแล นิเทศและติดตามเก่ียวกับงานวิชาการ ไดแ้ ก่ การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การพฒั นากระบวนการเรียนรู้ การวัดผล ประเมินผล และการเทยี บโอนผลการ เรียนการประกันคุณภาพภายในและมาตรฐานการศึกษา การพัฒนาและใช้สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา การ พัฒนาและสง่ เสรมิ ให้มีแหล่งเรยี นรู้การวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาและการส่งเสรมิ ชุมชนให้มีความเขม้ แข็งทาง วชิ าการ 2) ผบู้ ริหารสถานศกึ ษาอนมุ ตั โิ ดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน 3. การจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษา หนา้ ที่รบั ผดิ ชอบปฏิบตั ิงานดงั น้ี 1) จดั ทาแผนการเรียนร้ทู ุกกลุ่มสาระการเรยี นรโู้ ดยความรว่ มมอื ของเครือข่าย สถานศึกษา 2) จัดการเรียนการสอนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ทุกช่วงช้ัน ตามแนวปฏิรูปการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็น สาคัญ บูรณาการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ เพ่ือคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนพัฒนาคุณธรรมนาความรู้ตาม หลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง 3) ใช้สอ่ื การเรยี นการสอนและแหลง่ การเรียนรู้ 4) จัดกิจกรรมพฒั นาหอ้ งสมดุ หอ้ งปฏบิ ตั ิการต่างๆ ให้เอ้ือต่อการเรยี นรู้ 5) ส่งเสรมิ การวิจัยและพฒั นาการเรียนการสอนทกุ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ 6) ส่งเสรมิ การพัฒนาความเป็นเลิศของนักเรียนและชว่ ยเหลือนักเรียนพิการด้อยโอกาสและมีความสามารถ พเิ ศษ 4. การพฒั นาหลักสูตรของสถานศกึ ษา หน้าทีร่ ับผิดชอบปฏิบัติงานดังน้ี 1) จดั ทาหลักสตู รสถานศึกษาเป็นของตนเอง 1.1 จัดให้มีการวิจัยและพัฒนาหลกั สูตรข้ึนใชเ้ องให้ทันกับการเปล่ียนแปลงทางด้านเศรษฐกิจและ สงั คมและเปน็ ต้นแบบให้กับโรงเรียนอื่น 1.2 จดั ทาหลักสตู รทม่ี งุ่ เน้นพัฒนานักเรียนให้เป็นมนุษย์ทสี่ มบรู ณท์ ัง้ ร่างกาย จิตใจ สติปัญญา มีความรูแ้ ละคณุ ธรรม สามารถอยู่รว่ มกับผูอ้ ื่นไดอ้ ยา่ งมีความสขุ ๑.๓ จัดให้มวี ิชาตา่ ง ๆ ครบถ้วนตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐานของ กระทรวงศกึ ษาธิการ
10 1.4 เพ่ิมเติมเนื้อหาสาระของรายวิชาให้สูงและลึกซึ้งมากข้ึนสาหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ ได้แก่ การศึกษาด้านศาสนา ดนตรี นาฏศิลป์ กีฬา อาชวี ศกึ ษา การศึกษาที่ส่งเสริมความเปน็ เลิศ ผบู้ กพร่อง พิการ และการศกึ ษาทางเลือก 1.5 เพิม่ เติมเนื้อหาสาระของรายวิชาท่ีสอดคล้องสภาพปัญหา ความตอ้ งการของผูเ้ รียน ผปู้ กครอง ชมุ ชน สงั คม และโลก 2) สถานศึกษาสามารถจัดทาหลักสูตรการจัดกระบวนการเรียนรู้ การสอนและอ่ืนๆให้เหมาะสมกับ ความสามารถของนักเรียนตามกลุ่มเป้าหมายพิเศษ โดยความร่วมมือของสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาและเครือข่าย สถานศกึ ษา 3) คณะกรรมการสถานศึกษาข้นั พื้นฐานให้ความเหน็ ชอบหลักสูตรสถานศกึ ษา 4) นิเทศ ติดตาม ประเมินผลและปรับปรุง หลักสูตรสถานศึกษา และรายงานผลให้สานักงานเขตพื้นท่ี การศกึ ษารับทราบ 5. การพัฒนากระบวนการเรียนรู้ หนา้ ทร่ี บั ผิดชอบปฏิบัติงานดงั นี้ 1) จัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียนโดยคานึงถึงความ แตกต่างระหวา่ งบุคคล 2) ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการการเผชิญสถานการณ์ และการประยุกต์ความรู้มาใช้เพื่อป้องกัน และแกไ้ ขปัญหา 3) จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงฝึกการปฏิบัติให้ทาได้ คิดเป็น ทาเป็น รักการอ่าน และเกิดการใฝ่รอู้ ย่างต่อเนอื่ ง 4) จัดการเรียนการสอน โดยผสมผสานสาระความรู้ด้านต่างๆ อย่างได้สัดส่วนสมดุลกันรวมท้ังปลูกฝัง คณุ ธรรม ค่านิยมท่ดี งี านและคุณลกั ษณะอนั พ่ึงประสงค์ไวใ้ นทุกวชิ า 5) ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศสภาพแวดล้อม ส่ือการเรียนและอานวยความสะดวก เพ่ือให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และมีความรอบรู้ รวมท้ังสามารถใช้การวิจัยเป็นส่วนหน่ึงของกระบวนการเรียนรู้ ท้ังน้ี ผสู้ อนและผ้เู รียนอาจเรียนรูไ้ ปพร้อมกนั จากส่ือการเรยี นการสอน และแหลง่ วิทยาการประเภทตา่ งๆ 6) จัดการเรียนรู้ให้เกิดข้ึนได้ทุกเวลาทุกสถานท่ีมีการประสานความร่วมมือ กับบิดามารดาและบุคคลใน ชมุ ชนทุกฝา่ ย เพ่อื รว่ มกนั พฒั นาผู้เรยี นตามศักยภาพ 6. การวัดผล ประเมินผลและดาเนนิ การเทยี บโอนผลการเรยี น หน้าท่ีรับผดิ ชอบปฏิบัติงานดังน้ี 1) กาหนดระเบียบการวัดและประเมินผลของสถานศึกษาตามหลักสูตรสถานศึกษาโดยสอดคล้องกับ นโยบายระดับประเทศ 2) จดั ทาเอกสารหลกั ฐานการศกึ ษาใหเ้ ปน็ ไปตามระเบยี บการวัดและประเมนิ ผลของสถานศึกษา 3) วดั ผล ประเมนิ ผล เทยี บโอนประสบการณ์ผลการเรยี นและอนุมตั ผิ ลการเรียน 4) จัดให้มีการประเมินผลการเรียนทุกช่วงชั้นและจัดให้มีการซ่อมเสริมกรณีท่ีมีผู้เรียนไม่ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน 5) จดั ให้มกี ารพัฒนาเครือ่ งมอื ในการวัดและประเมนิ ผล 6) จัดระบบสารสนเทศด้านการวัดผลประเมินผลและการเทียบโอนผลการเรียนเพื่อใช้ในการอ้างอิง ตรวจสอบและใช้ประโยชนใ์ นการพัฒนาการเรยี นการสอน 7) ผูบ้ ริหารสถานศึกษาอนุมตั ิผลการประเมินการเรียนด้านต่างๆ รายป/ี รายภาคและตดั สินผลการเรยี นการ ผ่านชว่ งช้นั และจบการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน 8) การเทียบโอนผลการเรียนเป็นอานาจของสถานศึกษาที่จะแต่งตั้งคณะกรรมการดาเนินการเพ่ือกาหนด หลกั เกณฑว์ ธิ ีการ ไดแ้ ก่ คณะกรรมการเทยี บระดับการศึกษา ทัง้ ในระบบนอกระบบและตามอัธยาศัย คณะกรรมการ เทียบโอนผลการเรียน และเสนอคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการพร้อมท้ังให้ผู้บริหารสถานศึกษาอนุมัติ การเทียบโอน
11 7. การวิจัยเพือ่ พฒั นาคณุ ภาพการศึกษาในสถานศึกษา หนา้ ที่รับผิดชอบปฏบิ ัติงานดงั นี้ 1) กาหนดนโยบายและแนวทางการใช้การวิจัยเป็นส่วนหน่ึงของกระบวนการทางานของนักเรียน ครู และ ผู้เกี่ยวขอ้ งกับการศึกษา 2) พัฒนาครูและนักเรียนให้มีความรู้เก่ียวกับการปฏิรูปการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการวิจัยเป็นสาคัญในการ เรียนรู้ที่ซับซ้อนข้ึนทาให้ผู้เรียนได้ฝึกการคิด การจัดการ การหาเหตุผล ในการตอบปัญหา การผสมผสานความรู้ แบบสหวิทยาการและการเรยี นรูใ้ นปัญหาทีต่ นสนใจ 3) พฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาดว้ ยกระบวนการวิจัย 4) รวบรวม และเผยแพร่ผลการวิจัยเพ่ือการเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพการศึกษา รวมท้ังสนับสนุนให้ครูนา ผลการวจิ ยั มาใช้ เพ่อื พฒั นาการเรียนร้แู ละพฒั นาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา 8. การพฒั นาและส่งเสรมิ ใหม้ แี หลง่ เรียนรู้ หน้าที่รบั ผิดชอบปฏบิ ัติงานดงั น้ี 1) จัดให้มีแหล่งเรียนรู้อย่างหลากหลายท้ังภายในและภายนอกสถานศึกษาให้พอเพียงเพ่ือสนับสนุนการ แสวงหาความรู้ดว้ ยตนเองกับการจัดกระบวนการเรยี นรู้ 2) จัดระบบแหล่งการเรียนรู้ภายในโรงเรียนให้เอ้ือต่อการจัดการเรียนรู้ของผู้เรียน เช่น พัฒนาห้องสมุด หมวดวิชา ห้องสมุดเคล่ือนท่ี มุมหนังสือในห้องเรียน ห้องพิพิธภัณฑ์ ห้องมัลติมีเดีย ห้องคอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต ศนู ยว์ ชิ าการ ศูนย์วิทยบรกิ าร Resource Center สวนสุขภาพ สวนวรรณคดี สวนหนงั สือ สวนธรรมะ เปน็ ตน้ 3) จัดระบบข้อมูลแหล่งการเรียนรู้ในท้องถ่ินให้เอื้อต่อการจัดการเรียนรู้ของผู้เรียนของสถานศึกษาของ ตนเอง เช่น จัดเส้นทาง/แผนท่ี และระบบการเช่ือมโยงเครือข่ายห้องสมุดประชาชน ห้องสมุดสถาบันการศึกษา พิพธิ ภณั ฑ์ พพิ ธิ ภณั ฑ์วิทยาศาสตร์ ภมู ปิ ัญญาท้องถน่ิ ฯลฯ 4) ส่งเสริมให้ครูและผู้เรียนได้ใช้แหล่งเรียนรู้ ท้ังในและนอกสถานศึกษาเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และนิเทศ กากบั ตดิ ตาม ประเมิน และปรับปรุงอย่างต่อเน่ือง 9. การนิเทศการศกึ ษา หนา้ ทร่ี ับผิดชอบปฏบิ ัตงิ านดังน้ี 1) สร้างความตระหนักให้แก่ครูและผู้เกี่ยวข้องให้เข้าใจกระบวนการนเิ ทศภายในว่าเปน็ กระบวนการทางาน รว่ มกนั ทใ่ี ชเ้ หตุผลการนิเทศเป็นการพัฒนาปรับปรุงวิธกี ารทางานของแต่ละบคุ คลให้มีคุณภาพ การนเิ ทศเปน็ ส่วนหน่ึง ของกระบวนการบริหาร เพื่อให้ทุกคนเกิดความเช่ือมั่นว่า ได้ปฏิบัติถูกต้อง ก้าวหน้า และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อ ผเู้ รียนและตวั ครเู อง 2) จดั การนิเทศภายในสถานศกึ ษาให้มีคุณภาพท่ัวถึงและต่อเนื่องเปน็ ระบบและกระบวนการ 3) จดั ระบบนิเทศภายในสถานศึกษาใหเ้ ชือ่ มโยงกบั ระบบนิเทศการศึกษาของสานกั งานเขตพนื้ ท่ีการศึกษา 10. การแนะแนวการศึกษา มีหน้าทีร่ บั ผดิ ชอบปฏบิ ัติงานดงั นี้ 1) กาหนดนโยบายการจัดการศึกษาที่มีการแนะแนวเป็นองค์ประกอบสาคัญ โดยให้ทุกคนในสถานศึกษา ตระหนักถึงการมสี ่วนรว่ มในกระบวนการแนะแนวและการดแู ลช่วยเหลอื นักเรยี น 2) จัดระบบงานและโครงสร้างองคก์ รแนะนาและดแู ลช่วยเหลือนักเรยี น 3 สร้างความตระหนักให้ครูทุกคนเห็นคุณคา่ ของการแนะแนวและดูแลช่วยเหลอื นกั เรียน 4) ส่งเสริมและพัฒนาให้ครูได้รับความรู้เพ่ิมเติมในเรื่องจิตวิทยาและการแนะแนวและดูแลช่วยเหลือ นักเรยี นเพอื่ ใหส้ ามารถ บูรณาการ ในการจดั การเรียนรูแ้ ละเช่อื มโยง สู่การดารงชีวิตประจาวัน 5) คัดเลือกบุคลากรท่ีมีความรู้ ความสามารถและบุคลิกภาพท่ีเหมาะสม ทาหน้าที่ครูแนะแนวครูที่ปรึกษา ครปู ระจาช้ัน และคณะอนกุ รรมการแนะแนว 6) ดูแล กากับ นิเทศ ติดตามและสนับสนุนการดาเนินงานแนะแนวและดูแลช่วยเหลือนักเรียนอย่างเป็น ระบบ 7) ส่งเสรมิ ความร่วมมอื และความเข้าใจอันดรี ะหวา่ งครู ผปู้ กครองและชมุ ชน 8) ประสานงานดา้ นการแนะแนว ระหว่างสถานศึกษา องค์กรภาครฐั และเอกชน บา้ นศาสนสถาน ชมุ ชน ในลักษณะเครอื ขา่ ยการแนะแนว
12 9) เชอื่ มโยงระบบแนะแนวและระบบดแู ลช่วยเหลอื นักเรยี น 11. การพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในและมาตรฐานการศกึ ษา มหี น้าท่รี ับผิดชอบปฏิบตั งิ านดงั น้ี 1) กาหนดมาตรฐานการศึกษาเพิ่มเติมของสถานศึกษาให้สอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาชาติ มาตรฐาน การศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐานมาตรฐานสานกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษาและความตอ้ งการของชมุ ชน 2) จัดระบบบริหารและสารสนเทศ โดยจัดโครงสรา้ งการบริหารที่เอ้ือต่อการพัฒนางานและการสร้างระบบ ประกันคุณภาพภายในจัดระบบสารสนเทศให้เป็นหมวดหมู่ ข้อมูล มีความสมบูรณ์เรียกใช้ง่าย สะดวก รวดเร็ว ปรบั ปรงุ ให้เปน็ ปัจจบุ นั อยู่เสมอ 3) จดั ทาแผนสถานศึกษาทม่ี งุ่ เนน้ คุณภาพการศึกษา (แผนกลยทุ ธ์/แผนยทุ ธศาสตร)์ 4) ดาเนินการตามแผนพัฒนาสถานศึกษาในการดาเนินโครงการ/กิจกรรมสถานศึกษาต้องสร้างระบบการ ทางานท่ีเข้มแข็งเน้นการมีส่วนร่วม และวงจรการพัฒนาคุณภาพของเดมม่ิง (Deming Cycle) หรือที่รู้จักกันว่าวงจร PDCA 5) ตรวจสอบและทบทวนคุณภาพการศึกษาโดยดาเนินการอย่างจริงจังต่อเนื่องด้วยการสนับสนุนให้ครู ผู้ปกครองและชมุ ชนเขา้ มามีสว่ นรว่ ม 6) ประเมินคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษาตามมาตรฐานท่ีกาหนดเพื่อรองรับการประเมินคุณภาพ ภายนอก 7) จัดทารายงานคุณภาพการศึกษาประจาปี (SAR) และสรุปรายงานประจาปี โดยความเห็นชอบของ คณะกรรมการสถานศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐานเสนอตอ่ หน่วยงานต้นสงั กดั และเผยแพร่ต่อสาธารณชน 12. การส่งเสรมิ ชุมชนใหม้ ีความเขม้ แขง็ ทางวิชาการ มหี น้าที่รบั ผิดชอบปฏิบตั งิ านดงั นี้ 1) จัดกระบวนการเรียนรรู้ ว่ มกับบคุ คล ครอบครวั ชมุ ชน องคก์ รชุมชน องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิ่น เอกชน องคก์ รเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบนั ศาสนา สถานประกอบการและสถาบันอ่นื 2) สง่ เสรมิ ความเข้มแขง็ ของชมุ ชนโดยการจัดกระบวนการเรียนรู้ภายในชมุ ชน 3) ส่งเสริมให้ชุมชนมีการจัดการศึกษาอบรมมีการแสวงหาความรู้ ข้อมูล ข่าวสารและรู้จักเลือกสรรภูมิ ปญั ญาและวทิ ยาการตา่ งๆ 4) พัฒนาชุมชนให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการรวมทั้งหาวิธีการสนับสนุนให้มีการ แลกเปลีย่ นประสบการณ์ระหวา่ งชุมชน 13. การประสานความร่วมมอื ในการพัฒนาวชิ าการกับสถานศกึ ษาและองค์กรอ่นื มีหนา้ ทร่ี บั ผิดชอบปฏิบัตงิ านดงั นี้ 1) ระดมทรัพยากรเพือ่ การศกึ ษา ตลอดจนวิทยากรภายนอกและภมู ิปัญญาทอ้ งถนิ่ เพ่ือเสรมิ สร้างพฒั นาการ ของนกั เรยี นทุกด้านรวมทง้ั สบื สานจารตี ประเพณีศิลปวฒั นธรรมของท้องถิน่ 2) เสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษากับชุมชน ตลอดจนประสานงานกับองค์กรทั้งภาครัฐและ เอกชน เพอื่ ให้สถานศกึ ษาเป็นแหล่งวทิ ยาการของชมุ ชนและมสี ว่ นในการพฒั นาชุมชนและท้องถนิ่ 3) ให้บรกิ ารดา้ นวิชาการท่ีสามารถเชือ่ มโยงหรือแลกเปลี่ยนข้อมลู ขา่ วสารกบั แหล่งวิชาการในทอ่ี น่ื ๆ 4) จัดกิจกรรมร่วมชุมชน เพ่ือส่งเสริมวัฒนธรรมการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับศิษย์เก่าการประชุม ผู้ปกครองนักเรียน การปฏบิ ัติงานร่วมกบั ชมุ ชน การรว่ มกิจกรรมกบั สถานบันการศกึ ษาอ่ืนเปน็ ต้น 14. การสง่ เสรมิ และสนบั สนนุ งานวชิ าการแกบ่ คุ คล ครอบครวั องคก์ ร หนว่ ยงาน สถานประกอบการและสถาบนั อนื่ ที่จดั การศึกษา มีหนา้ ทรี่ บั ผดิ ชอบปฏบิ ตั ิงานดงั น้ี 1) ประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจต่อบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการและสถาบันสังคมอ่ืนในเร่ืองเกี่ยวกับสิทธิใน การจัดการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน 2) จัดให้มีการสร้างความรู้ความเข้าใจ การเพิ่มความพร้อมให้กับบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน เอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการและสถาบันสังคมอ่ืนท่ีร่วมจัด การศกึ ษา
13 3) ร่วมกับบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน องค์กรเอกชน องค์ วิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการและสถาบันสังคมอ่ืนร่วมกันจัดการศึกษาและใช้ทรัพยากรร่วมกันให้เกิด ประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เรยี น 4) ส่งเสริมสนับสนุนให้มีการจัดกิจกรรมการเรียนร่วมกันระหว่างสถานศึกษากับบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ิน เอกชน องคก์ รเอกชน องคก์ รวิชาชีพ สถาบนั ศาสนา สถานประกอบการณ์ และสถาบนั สงั คมอ่นื 5) ส่งเสริมสนับสนุนให้บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน องค์กร เอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการณ์ และสถาบันสังคมอื่น ได้รับความช่วยเหลือทางด้าน วชิ าการตามความเหมาะสมและจาเปน็ 6) ส่งเสริมและพัฒนาแหล่งเรียนรู้ ทั้งด้านคุณภาพและปริมาณเพ่ือการเรียนรู้ตลอดชีวิต อย่างมี ประสิทธิภาพ 15. การจดั ทาระเบียบและแนวปฏบิ ัตเิ กยี่ วกบั งานด้านวชิ าการของสถานศกึ ษา มหี น้าทรี่ บั ผดิ ชอบปฏบิ ตั ิงานดงั นี้ 1) ศึกษาและวเิ คาระห์ระเบียบและแนวปฏิบตั ิเกี่ยวกับงานดา้ นวชิ าการของสถานศึกษา เพอ่ื ให้ผู้ทเี่ กี่ยวข้อง ทุกรายรบั ร้แู ละถือปฏบิ ตั ิเปน็ แนวเดียวกนั 2) จัดทาร่างระเบียบและแนวปฏิบัติเก่ียวกับงานด้านวิชาการของสถานศึกษา เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย รบั รู้และถอื ปฏบิ ัตเิ ปน็ แนวเดียวกัน 3) ตรวจสอบรา่ งระเบียบและแนวปฏิบตั เิ กีย่ วกับงานดา้ นวชิ าการของสถานศึกษาและแก้ไขปรับปรุง 4) นาระเบยี บและแนวปฏิบตั ิเก่ยี วกับงานดา้ นวิชาการของสถานศกึ ษาไปส่กู ารปฏิบตั ิ 5) ตรวจสอบและประเมินผลการใช้ระเบียบและแนวปฏิบัติเก่ียวกับงานด้านวิชาการของสถานศึกษาและ นาไปแกไ้ ขปรบั ปรงุ ให้เหมาะสมต่อไป 16. การคัดเลือกหนงั สอื แบบเรียนเพื่อใชใ้ นสถานศึกษา มหี นา้ ทร่ี บั ผิดชอบปฏบิ ัตงิ านดงั นี้ 1) ศึกษา วิเคาระห์ คัดเลือกหนังสือเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ ที่มีคุณภาพสอดคล้องกลับหลักสูตร สถานศกึ ษาเพ่ือเป็นหนงั สอื แบบเรียนเพ่ือใช้ในการจดั การเรยี นการสอน 2) จัดทาหนังสือเรียน หนังสอื เสริมประสบการณ์ หนงั สอื อา่ นประกอบ แบบฝึกหัด ใบงาน ใบความรูเ้ พื่อใช้ ประกอบการเรยี นการสอน 3) ตรวจพจิ ารณาคุณภาพหนังสือเรยี น หนังสือเสรมิ ประสบการณ์ หนังสืออ่านประกอบ แบบฝึกหัด ใบงาน ใบความรู้เพือ่ ใชป้ ระกอบการเรียนการสอน 17. การพฒั นาและใชส้ ่ือและเทคโนโลยเี พือ่ การศกึ ษา มหี นา้ ท่รี บั ผดิ ชอบปฏบิ ัติงานดงั นี้ 1) จดั ใหม้ ีการร่วมกันกาหนดนโยบาย วางแผนในเรอ่ื งการจัดหาและพัฒนาสื่อการเรียนรู้และเทคโนโลยีเพื่อ การศกึ ษาของสถานศกึ ษา 2) พัฒนาบุคลากรในสถานศึกษาในเร่ืองเก่ียวกับการพัฒนาส่ือการเรียนรู้และเทคโนโลยี เพื่อการศึกษา พรอ้ มทั้งให้มีการจดั ตงั้ เครอื ขา่ ยทางวิชาการ ชมรมวชิ าการเพ่อื เปน็ แหลง่ เรยี นร้ขู องสถานศึกษา 3) พัฒนาและใช้ส่ือและเทคโนโลยีทางการศึกษาโดยมุ่งเน้นการพัฒนาส่ือและเทคโนโลยีทางการศึกษาท่ีให้ ข้อเท็จจริงเพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆเกิดขึ้น โดยเฉพาะหาแหล่งส่ือท่ีเสริมการจัดการศึกษาของสถานศึกษาให้มี ประสิทธภิ าพ 4) พัฒนาหอ้ งสมุดของสถานศึกษาใหเ้ ปน็ แหลง่ การเรยี นรู้ของสถานศึกษาและชมุ ชน 5) นิเทศ ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานของบุคลากรในการจัดหา ผลิตใช้และพัฒนาส่ือและ เทคโนโลยที างการศกึ ษา
14 18. การรบั นักเรียน หนา้ ท่ีรับผิดชอบปฏบิ ัตงิ านดังนี้ 1) ให้สถานศึกษาประสานงานการดาเนินการแบ่งเขตพื้นที่บริการการศึกษาร่วมกัน และเสนอข้อตกลงให้ เขตพนื้ ที่การศึกษาเหน็ ชอบ 2) กาหนดแผนการรบั นักเรยี นของสถานศึกษา โดยประสานงานกับเขตพ้ืนท่ีการศึกษา 3) ดาเนินการรบั นกั เรียนตามทีแ่ ผนกาหนด 4) ร่วมมือกบั องคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่น ชมุ ชน ในการตดิ ตามช่วยเหลือนักเรยี นท่ีมปี ญั หาในการเข้าเรยี น 5) ประเมินผลและรายงานผลรบั เดก็ เขา้ เรยี นให้เขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษาทราบ 19. การจัดทาสามะโนนกั เรยี น มหี นา้ ทีร่ ับผดิ ชอบปฏิบตั ิงานดังนี้ 1) ประสานงานกับชุมชนและท้องถ่ินในการสารวจข้อมูล จานวนนักเรียนที่จะเข้ารับบริการทางการศึกษา ในเขตบรกิ ารของสถานศกึ ษา 2) จัดทาสามะโนผ้เู รียนท่จี ะเขา้ รับบริการทางการศกึ ษาของสถานศึกษา 3) จัดระบบข้อมลู สารสนเทศจากสามะโนผูเ้ รียนให้เขตพืน้ ท่กี ารศึกษารบั ทราบ 20. การทัศนศกึ ษา มหี น้าที่รับผิดชอบปฏบิ ตั ิงานดงั น้ี 1) วางแผนการนานกั เรียนไปทัศนศึกษานอกสถานศึกษา 2) ดาเนนิ การนานกั เรียนไปทศั นศกึ ษานอกสถานศกึ ษา ตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการที่กาหนด
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: