แบบรายงานผลการปฏบิ ัตงิ าน ประจาปงี บประมาณ 256๓ ตาแหน่งพนกั งานราชการ ของ ชื่อ – สกุล นางสาวพชั รญดา โอบเอ้ือ กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 อาเภอแมแ่ จม่ จงั หวดั เชียงใหม่ สังกัดสานกั บรหิ ารงานการศึกษาพเิ ศษ สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน
คานา รายงานผลการปฏิบัติงานและการประเมินตนเองฉบบั น้ี ไดจ้ ัดทาขน้ึ เพอ่ื รายงานผลการ ปฏิบตั ิหน้าที่ที่ได้รบั มอบหมาย ด้านการจดั การเรียนการสอน การพัฒนาตนเอง การวางแผน การปฏบิ ตั งิ าน ขอ้ มลู การประเมินการปฏิบัตหิ น้าท่ีครูทีป่ รึกษา / ครปู ระจาชน้ั และครูผสู้ อน ตามมาตรฐานด้านผู้เรียน ตามมาตรฐานการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ให้แก่ผู้บังคับบัญชา เพ่ือใน การพฒั นาคุณภาพการจดั การศึกษาในปกี ารศึกษาตอ่ ไปให้มีคณุ ภาพสงู ขนึ้ พัชรญดา (นางสาวพชั รญดา โอบเอือ้ ) ตาแหนง่ พนกั งานราชการ
สารบัญ หนา้ ก เรือ่ ง ข คำนำ สำรบญั สว่ นที่ 1 ด้านการจดั การเรียนการสอน ส่วนที่ ๒ ดา้ นการบรหิ ารกิจการนักเรยี น สว่ นที่ ๓ ดา้ นบุคคล ส่วนท่ี ๔ งานในหนา้ ท่ีพเิ ศษ สว่ นท่ี ๕ ผลงานเชงิ ประจกั ษ์ สว่ นท่ี ๖ ภาพรวมของการทางาน
1.ประวตั ิสว่ นตัว ชอ่ื นางสาวพัชรญดา นามสกลุ โอบเอ้ือ ชอ่ื เลน่ จอย เกิดวนั ท่ี 1 พฤศจิกายน 2531 วันองั คาร อยูบ่ ้านเลขที่ ๕๐๐/๔๔ หมู่ 6 ตาบลรมิ กก อาเภอเมือง จงั หวัดเชียงราย 57000 2.ประวัตกิ ารทางาน วัน เดอื น ปี ระยะเวลา ตาแหนง่ ตาแหนง่ เจ้าหนา้ ทธ่ี ุรการ 1 กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ถงึ 31 ตลุ าคม ๒๕๖๑ ตาแหนง่ เจ้าหน้าท่ีธุรการ ตาแหนง่ พนกั งานราชการ ๑ พฤศกายน ๒๕๖๑ ถึง ปจั จุบนั 3.รายงานผลการปฏิบัติงาน 1.ดา้ นการจัดการเรียนการสอน 1.เอกสำรทำงวชิ ำกำร สอนรำยวชิ ำภำษำไทย ชนั้ มธั ยมศกึ ษำปที ่ี 1 และช้ันประถมศึกษำ ปีท่ี ๔ ปีที่ ๕ และรำยวชิ ำเพิ่มเตมิ กำรอำ่ นกำรเขียน ช้นั มธั ยมศึกษำ ตอนต้น ช่ือผ้สู อน วชิ า ชนั้ จานวน รวม ม.1/1 3 ช่วั โมง นางสาวพัชรญดา โอบเอื้อ ภำษำไทย ม.1/2 3 ชั่วโมง ม.1/3 3 ช่วั โมง ภำษำไทย ม.1/4 3 ช่วั โมง ม.1/๕ ๓ ช่วั โมง ภำษำไทย ป.4 ๒ ชัว่ โมง ๒๔ ช่ัวโมง ป.5 ๒ ช่ัวโมง ภำษำไทย ม .ต้น ๒ ชั่วโมง ภำษำไทย - 3 ช่วั โมง ภำษำไทย ภำษำไทย ภำษำไทย PLC กลมุ่ สำระภำษำไทย
เอกสารทางวชิ าการ โครงสรา้ งและแผนการจัดการเรยี นรรู้ ายวชิ าภาษาไทยชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑
2.งานธรุ การช้นั เรียน (การบรหิ ารจดั การหอ้ งเรียนสขี าว/การตรวจสอบบนั ทกึ ช้นั เรยี นของห้องเรยี น/ เอกสารทเี่ กี่ยวเนื่องกับการบริหารจัดการห้องเรียน) กำรจัดทำผังคณะทำทำงำนหอ้ งเรียนสีขำว และจัดบอร์ดให้ควำมรู้เกยี่ วกบั ยำเสพติดให้โทษ
3.การจัดการเรียนการสอนในหอ้ งเรยี น (บรรยากาศการจัดการเรียนการสอนในหอ้ งเรียน / การสนับสนนุ ใหผ้ ้เู รยี นได้เกิดการเรยี นรูอ้ ยา่ งเต็มศกั ยภาพ/การกระตนุ้ ผู้เรียนให้มสี ่วนร่วมในการจัดกิจกรรมการเรียน การสอน) กำรจดั กำรเรียนกำรสอนโดยกำรเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ช่วยเหลือ อำนวยควำมสะดวก แนะแนวทำง เป็นผู้ต้ังคำถำมให้เด็กเกิดควำมสงสัย เป็นผู้นำเด็กไปสู่ประสบกำรณ์ตรงที่เกี่ยวเน่ืองกับควำมจริงมำกที่สุด ควำมจรงิ ท่เี ปน็ กระต้นุ ใหผ้ ู้เรยี นเกิดกำรเรียนรู้โดยกำรนำสือ่ กำรเรียนกำรสอนทีเ่ หมำะสมกับผเู้ รยี น
2.ดา้ นการบรหิ ารกิจการนกั เรียน 1.การดแู ลหอนอน (การบรหิ ารจัดการในเรอื นนอนในหน้าที่ครูเรือนนอน / ครูผู้ชว่ ยเรอื นนอน) ได้รบั หนา้ ท่ีแตง่ ตง้ั ใหเ้ ปน็ ครหู อนอนชอ่ เออ้ื ง โดยดแู ลความเรยี บรอ้ ยของนักเรียนตง้ั แต่ตื่นนอน ถงึ เวลาเขา้ นอน บริหารการขยะร่วมกบั นักเรียนหอนอน ให้ความรู้เองการคัดแยกขยะ ดแู ลให้คาปรึกษาแกน่ ักเรียนเรอ่ื งการปลกู ผกั ที่ทาให้เกดิ อาชพี สามารถส่งโรงครวั เพ่ือประกอบอาหาร พบปะนกั เรียนก่อนเข้านอนและทาการเช็คชือ่ นักเรยี น พูดคยุ ถามถึงปัญหาในหอนอน เปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงความคิดเหน็
กจิ กรรมการพฒั นาหอนอนวนั อาทติ ย์ เพ่อื ใหน้ กั เรยี นเกดิ ความรบั ผดิ ชอบและความสามคั คี
2.ระบบดูแลช่วยเหลอื นกั เรียนในช้นั เรยี น (แผนในการดแู ลช่วยเหลือนกั เรยี นท่มี ปี ัญหาพฤตกิ รรม / การ สง่ เสรมิ สนบั สนนุ นักเรยี นท่ีมีความพรอ้ มและมคี วามสามารถในด้านตา่ งๆ) ได้รับแต่งตัง้ ให้เปน็ ครปู ระจาช้นั มัธยมศกึ ษา ปที ี่ ๒/๔ โดยมีการดแู ลช่วยเหลอื นักเรียนเรอ่ื งความ ประพฤติ เช็คชอ่ื การเขา้ แถวตอนเช้า การติดตามการขาดเรียนของนกั เรียน ดแู ลกาชับใหน้ กั เรียนแต่งกาย ใหถ้ กู ระเบยี บโดยมีกรอบดังนี้ กระบวนการดาเนินงาน วธิ กี าร เครือ่ งมอื 1.การรู้จกั นักเรียนเป็น ศกึ ษาข้อมลู จากการใช้ รายบุคคล 1) ระเบยี นสะสม 1)ระเบียนสะสม 1.1 ด้ำนควำมสำมำรถ 2) แบบประเมนิ พฤติกรรม 2) แบบประเมินพฤตกิ รรมเด็ก - กำรเรยี น เด็ก (SDQ) - ควำมสำมำรถอื่น ๆ (SDQ) 3)อนื่ ๆ เช่น 1.2 ดำ้ นสุขภำพ - แบบประเมนิ ควำมฉลำด 3)อ่นื ๆ เช่น - รำ่ งกำย ทำงอำรมณ์(E.Q.) - จติ ใจ -แบบประเมนิ ควำม - พฤตกิ รรม ฉลำดทำง -แบบสมั ภำษณ์นักเรียน แบบ 1.3 ด้ำนครอบครัว อำรมณ์(E.Q.) - เศรษฐกจิ -แบบสังเกตพฤตกิ รรม - แบบสัมภำษณ์นักเรียน นักเรียน - กำรคมุ้ ครอง - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม นักเรยี น - แบบสมั ภำษณ์ นักเรยี น ผูป้ กครองและเยยี่ มบ้ำน 1.4 ด้ำนอ่นื ๆ - แบบสมั ภำษณ์ นกั เรียน ฯลฯ 2.การคดั กรองนักเรยี น ดาเนินการตอ่ ไป 1)เกณฑก์ ำรคัดกรอง 2.1กลุม่ ปกติ 1)วิเครำะห์ขอ้ มลู จำก 2.2กลุ่มเสี่ยง/มีปัญหำ 1.1ระเบยี นสะสม 2)แบบสรุปผลกำรคดั กรองและ 1.2แบบประเมนิ พฤตกิ รรมเดก็ ช่วยเหลอื นักเรยี นเป็น (SDQ) รำยบุคคล 1.3แหลง่ ข้อมูลอนื่ ๆ 3)แบบสรุปผลกำรคัดกรอง 2)คัดกรองนักเรยี นตำมเกณฑ์กำร นักเรียนเปน็ หอ้ ง คดั กรองของโรงเรียน
กระบวนการดาเนินงาน วิธกี าร เครือ่ ง ดาเนนิ การตอ่ ไป 3.สง่ เสรมิ นักเรียน 1)จัดกิจกรรมโฮมรูม 1)แนวทำงในกำรจัดกจิ กรรม (สำหรบั นักเรียนทุกกลมุ่ ) (Homeroom) โฮมรูมของโรงเรียน 2)แนวทำงกำรจดั กิจกรรม 2)จดั ประชุมผปู้ กครองชัน้ ประชุมผปู้ กครองชนั้ เรียนของ เรียน โรงเรยี น (Classroom meeting)หรอื 3)แบบบนั ทกึ /สรุปประเมินผล กำรดำเนินกจิ กรรม 3)จัดกจิ กรรมอน่ื ๆ ท่ีครู พิจำรณำวำ่ เหมำะสมในกำร * โฮมรูม ส่งเสรมิ นกั เยนให้มคี ุณภำพ *ประชุมผู้ปกครองช้นั เรยี น มำกขนึ้ * อ่ืนๆ 4.การปอ้ งกนั การแก้ไขปญั หา ดาเนนิ การตอ่ ไปน้ี 1)แนวทำงในกำรจัดกจิ กรรม เพือ่ ป้องกนั และแกไ้ ขปัญหำของ (จำเป็นมำกสำหรบั นกั เรียน 1)ใหก้ ำรปรกึ ษำเบื้องต้น นักเรยี น 5 กจิ กรรม กล่มุ เส่ยี ง/มปี ัญหำ) 2)ประสำนงำนกบั ครแู ละ 2)แบบบนั ทึกสรุปกำรคัดกรอง และช่วยเหลือนักเรยี นเป็น ผูเ้ กย่ี วขอ้ งอื่นๆ เพ่ือกำรจดั รำยบคุ คล กจิ กรรมสำหรบั กำรป้องและ 3)แบบบันทกึ รำยงำนผลกำร ดูแลช่วยเหลอื นกั เรยี น ชว่ ยเหลอื ปญั หำของนกั เรียน คอื 2.1กิจกรรมในหอ้ งเรียน 2.2กิจกรรมเสริมหลกั สตู ร 2.3กิจกรรมเพอื่ ชว่ ยเพือ่ น 2.4กิจกรรมซอ่ มเสริม 2.5กจิ ส่ือสำรกับผู้ปกครอง 5.การสง่ ตอ่ ดาเนินการต่อไปน้ี 5.1ส่งต่อภำยใน 1)บันทึกกำรส่งนกั เรยี นไปยัง 1)แบบบันทึกกำรส่งตอ่ ของ 5.2ส่งตอ่ ภำยนอก ครูท่ีเกย่ี วข้องในกำรชว่ ยเหลอื โรงเรยี น นักเรียนตอ่ ไป เช่น ครูแนะ 2)แบบรำยงำนแจง้ ผลกำร แนว ครปู กครองครูประจำ ชว่ ยเหลือนกั เรียน วชิ ำ ครูพยำบำล เป็นตน้ ซง่ึ เป็นกำรส่งต่อภำยใน 2)บนั ทึกกำรส่งนกั เรียนไปยงั ผูเ้ ชยี วชำญภำยนอกโดยครู แนะแนวหรือฝำ่ ยปกครองเปน็ ผู้ดำเนนิ กำรซึ่งเปน็ กำรสง่ ตอ่ ภำยนอก
ทาการเช็คช่อื นกั เรยี นเขา้ แถวกจิ กรรมไตรรงค์ และพบปะนักเรยี นในทกุ เชา้
กิจกรรมการเยีย่ มบา้ นนักเรียน กจิ กรรมการประชุมผ้ปู กครอง พบปะพูดคยุ กบั ผู้ปกครอง คัดเลอื กผู้ปกคอรงแกนนาแตล่ ะฝ่าย และแจ้งพฤติกรรมของนักเรียนที่คอ่ นขา้ งมปี ญั หาให้ผูป้ กครองทม่ี ปี ญั หาทราบและหาแนวทางการแกไ้ ข ปญั หารว่ มกนั 3.ด้ำนบคุ คล ๓.Project (MOU) จำกที่ข้ำพเจำ้ ได้จดั กำรเรียนกำรสอนในรำยวิชำภำษำไทย ไดเ้ ลง็ เห็นถึงปญั หำกำรไมส่ นใจเรียนของ นักเรียนและนักเรียนมปี ญั หำกำรอ่ำน และไมก่ ลำ้ พดู จึงคดิ นำประโยชนจ์ ำกต้นไม้ซึ่งเปน็ สง่ิ แวดล้อมรอบๆ ตัว ท่ีนอกจำกจะให้ร่มเงำ หรอื ช่วยเพิม่ ออกซิเจนให้กับโลกของเรำแล้ว ต้นไม้ยังสำมำรถเป็นสื่อในกำรเรียนกำร สอนเพอ่ื ให้นกั เรยี นเกดิ ควำมสนใจที่จะอำ่ นโดยใชน้ วตั กรรม \"ต้นไม้พดู ได้\" เพื่อเปน็ ประโยชน์แกน่ ักเรียนไม่ มำกกน็ ้อย ขำ้ พเจ้ำอย่ใู นชว่ งรวบรวมหำคำ ควำมหมำยทถ่ี ูกตอ้ ง อยูใ่ นช่วงดำเนนิ กำร
การลา ลากิน มาสาย สรุปการลา ลาป่วย ๑ วนั ลากจิ ๒ วนั
๔.งานในหนา้ ทีพ่ เิ ศษ รายงานผลการปฎิบติ งิ านหนา้ ทพี่ เิ ศษท่ีไดร้ ับมอบหมาย ทาหน้าท่ี ๑. งานห้องสมุด ดแู ลควำมสะอำด ควำมเป็นระเบยี บเรยี บร้อย เรียบรอ้ ย แนวคิดเร่อื งห้องสมุดมชี ีวิตทไ่ี ดร้ ับกำร กล่ำวขวัญอย่ำงมำก และหอ้ งสมดุ แต่ละแหง่ ถอื เป็นแนวดำเนนิ งำนหอ้ งสมุดในปจั จุบันน้ัน กลำ่ วโดยรวมก็คอื กำรจดั บรรยำกำศห้องสมุดใหม้ ีชีวิตชวี ำ เป็นห้องสมดุ ท่ีผู้ใช้มีควำมพอใจและมีควำมสขุ ในกำรเขำ้ ใช้บริกำร นัน่ เอง “พระรำชบัญญตั กิ ำรศึกษำแหง่ ชำติ พ.ศ. 2542” นับเปน็ กฎหมำยกำรศึกษำฉบับแรกซงึ่ นำไปสู่ กำรปฏิรปู กำรศึกษำในด้ำนตำ่ ง ๆ และไดใ้ ห้ควำมสำคญั ของแหลง่ กำรเรยี นรู้ ไวใ้ น มำตรำ 25 ดงั นี้ “มำตรำ 25 รฐั ต้องส่งเสริมกำรดำเนนิ งำนและกำรจดั ตั้งแหลง่ กำรเรยี นรู้ตลอดชีวติ ทุก รปู แบบ ไดแ้ ก่ หอ้ งสมุดประชำชน พิพิธภณั ฑ์ หอศิลป์ สวนสัตว์ สวนสำธำรณะ แหลง่ ขอ้ มลู และกำรเรียนรู้อนื่ อย่ำงพอเพยี งและมีประสทิ ธภิ ำพ” ซึ่งสอดคลอ้ งกบั นโยบำยรัฐบำล พ.ต.ท. ดร.ทักษณิ ชินวตั รด้ำนกำรศึกษำตำมเจตนำรมณ์แห่งรัฐธรรมนญู แห่งรำชอำณำจักรไทย เพื่อพัฒนำสงั คมไทให้ เป็นสังคมแห่งกำรเรยี นรซู้ ึง่ กำหนดไว้ในนโยบำยขอ้ 8 วำ่ “ปฏิรปู กำรเรยี นรโู้ ดยยึดผู้เรยี นเปน็ ศูนยก์ ลำง หลกั กำรเรียนรูด้ ว้ ยตนเองและหลกั กำรเรยี นร้ตู ลอดชวี ติ เนน้ พลงั ควำมคดิ สรำ้ งสรรค์นิสัยรักกำร อำ่ น กำรจัดใหม้ ีหอ้ งสมุด ศนู ย์กำรเรียนรชู้ ุมชน และสื่อกำรเรียนรปู้ ระเภทตำ่ ง ๆ อยำ่ งทว่ั ถงึ (กระทรวงศึกษำธิกำร,2546) สำระสำคญั ดงั กลำ่ วสง่ เสริมบทบำทของหอ้ งสมุดโรงเรียนท่ีถอื ไดว้ ่ำเปน็ แหลง่ เรียนรู้ท่ีสำคัญ ได้เข้ำมำมีสว่ นร่วมและมบี ทบำทเพมิ่ มำกข้นึ ในฐำนะเป็นแหลง่ กำรเรยี นรทู้ ่สี ำคัญในกำรศกึ ษำ ค้นควำ้ ทีอ่ ยู่ใกลช้ ิดครู และนกั เรยี นมำกที่สดุ ซงึ่ ครูอำจำรยจ์ ะสำมำรถใช้เป็นแหลง่ สนบั สนุนและสง่ เสริมกำร เรยี นกำรสอนไดเ้ ปน็ อยำ่ งดี สถำนศึกษำทกุ แห่งจะมีหอ้ งสมดุ ไว้บรกิ ำรแก่นักเรียน ครู อำจำรย์ บำงแห่งอำจ เป็นแค่มุมหนังสอื เล็ก ๆ บำงแหง่ ก็เปน็ หอ้ งสมุดท่ไี ดม้ ำตรฐำนและมคี วำมทนั สมัย บำงแห่งสำมำรพัฒนำเปน็ ห้องสมดุ อิเลก็ ทรอนิกส์ มสี ำรสนเทศและสือ่ ทีใ่ ห้ควำมรปู้ ระเภทอ่ืน ๆ ไว้บริกำรอยำ่ งมำกมำย ซง่ึ ในปจั จุบัน ห้องสมดุ บำงแห่งยงั สำมำรถให้บรกิ ำรแก่ชมุ ชนได้เป็นอย่ำงดอี กี ด้วย ในยคุ ทข่ี ้อมูลข่ำวสำร และเทคโนโลยมี ี กำรพฒั นำเจรญิ ก้ำวหนำ้ ไปเร่อื ย ๆ ห้องสมดุ จงึ มีกำรพฒั นำรูปแบบให้มีควำมทันสมัย และก้ำวลำ้ ทำง เทคโนโลยี มีส่อื กำรเรยี นรทู้ ี่หลำกหลำยท่สี ำมำรถดึงดดู ควำมสนใจของผู้อำ่ น กระตุน้ ให้อยำกเขำ้ ไปใช้บริกำร มำกขึ้น ๒. โรงนา้ ดม่ื พอเพยี ง ทำหน้ำท่ี จัดเก็บบิล ทำบญั ชรี ำยรับรำยจำ่ ย จดั ช้ือภำชนะน้ำ ดแู ลควำมสะอำด จ่ำยค่ำไฟ
5.ผลงานเชิงประจกั ษ์ รางวัล ความภาคภมู ิใจ นวัตกรรมที่ใช้คือบันได 6 ขั้น ข้าพเจ้าได้นามาใช้ในการเรียนการสอนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ โดยจากเร่ิมแรกที่สอนนักเรียนมีปัญหาคือการอ่าน และการเขียน ข้าพเจ้าจึงได้ศึกษาวิธีการและแนวทางจึงได้ค้นพบกับนวัตกรรมท่ีใช้คือบันได 6 ข้ัน และจากผลท่ี ดาเนินการเรียนการสอนบนั ได ๖ ขัน้ นกั เรียนสามารถอ่านออกเขียนไดจ้ ากเดมิ มีดังน้ี ขนั้ ที่ 1 ฝึกอ่านทกุ วนั ในช่วงแรกของกำรเขำ้ เรียน โดยกำรอ่ำนท่องทำนองเสนำะ ขัน้ ท่ี 2 ฝกึ การอา่ นควบค่กู บั การเขียน โดยใช้ ทำนองเสนำะบทหลัก บทเลอื กของชนั้ มัธยมศึกษำปที ่ี 1 และประโยค นทิ ำน ขัน้ ท่ี 3 การฝึกคดั ลายมอื นอกจำกทำให้ ลำยมือสวยงำมแล้วยังเปน็ กำรช่วยในกำรจดจำ รปู คำตำ่ งๆ ไดม้ ำกขึ้นดว้ ย ขน้ั ที่ 4 การวาดรูป ประกอบคา ด้วยควำมคิด ริเริ่มสร้ำงสรรค์และสนุกไปกับงำน โดยมีกำร จำแนกคำออกมำเพอื่ ใหน้ กั เรยี นเขำ้ ใจกำรผสมคำมำกข้นึ ขั้นท่ี 5 การนาคามาแต่งเป็นประโยคส่อื สารรปู หรือเหตกุ ารณจ์ ริง เช่น ใคร + ทำอะไร , ใคร+ทำอะไร+กับ ใคร ขน้ั ท่ี 6 การเขยี นคาตามภาพวาดโดยให้นกั เรยี นมอี สิ ระตำมควำมคิดของนักเรียนเอง โดยกระบวนกำร 6 ข้ัน นี้ เด็กๆ จะตอ้ งผำ่ นไปทีละขน้ึ โดยมนี ักเรียนและครูคอยชว่ ยกันและเม่อื ครบ 6 ข้ันแล้ว ก็เร่มิ สอนขัน้ ท่ี 1 - 6 ใหมจ่ ำกขยับยำกข้นึ มำทีละนอ้ ยๆ ทำอย่ำงนีท้ ำให้เหน็ ผลงำนทีอ่ อกมำมองเห็นเด็กมีควำมภมู ิใจในตัวเอง เพรำะกำรอ่ำนออกเขยี นได้
6.ภำพรวมของกำรทำงำน 1.กำรมสี ่วนรว่ มในองคก์ ร ขำ้ พเจ้ำมีควำมมจี ติ อำสำท่จี ะชว่ ยเหลืองำนของทำงโรงเรียนให้เป็นไปดว้ ยควำมเรียบร้อย และเขำ้ ร่วมกิจกรรม ของทำงโรงเรียนโดยไมข่ ำดตกบกพร่อง กำรเปน็ แบบอย่ำงทดี่ ี กำรเปน็ แบบอย่ำงของครูทด่ี ขี องขำ้ พเจำ้ แตก่ ำรทเ่ี รำจะเป็นครทู ่ีดี เป็นแบบอยำ่ งให้กบั นกั เรยี นยำก ยิ่งกวำ่ เพรำะสังคมสว่ นใหญม่ ักคำดหวงั ว่ำครูจะเป็นแบบอยำ่ งทีด่ ีของลูกศิษย์เป็นผู้สรำ้ งสมำชกิ ใหมข่ องสังคม ใหเ้ ป็นทรัพยำกรมนุษยท์ ม่ี คี ณุ ภำพตอ่ สงั คม โดยธรรมชำติของอำชีพครเู ป็นอำชพี ทีต่ ้องเกย่ี วขอ้ งกับผู้คน มำกมำย ฉะนนั้ ผู้ดำเนนิ อำชีพครูจงึ ตอ้ งเป็นผู้ใฝร่ ู้ ใฝ่เรยี น และใฝพ่ ัฒนำตนเองอย่ำงต่อเน่อื ง
ข้ำพเจ้ำมีควำมรอบรู้ทั้งวิชำกำร และตัวเด็กต้องเป็นผู้ที่มีควำมรู้ ควำมเข้ำใจในดำ้ นวิชำกำรและควำม เข้ำใจในตวั ของลูกศิษย์ทก่ี ำลังทำกำรสอน เพื่อปรบั วิธีกำรเรียนกำรสอนใหเ้ ข้ำกับบรบิ ทของโรงเรียน และใน ห้องเรียนนั้น ๆ และครูต้องสำมำรถให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษำแก่เด็กนักเรียนได้ทั้งเร่ืองกำรเรียนและเรื่อง อ่ืน ๆ ได้ และทำกำรสอนอย่ำงมีประสิทธิภำพ ต้องเตรียมกำรสอนล่วงหน้ำอย่ำงมีเป็นระบบและครบทุก ขั้นตอน วำงแผนและจัดสิ่งแวดล้อมในหอ้ งเรียนใหเ้ หมำะสมแกก่ ำรเรยี นรู้ของผู้เรียน จดั ทำกิจกรรมกำรเรียน กำรสอนโดยให้เด็กนักเรียนมีส่วนร่วม ทำเทคโนโลยีมำใช้เพ่ือให้เกิดควำมเข้ำใจในบทเรียนมำกยิ่งขึ้น และรู้ หลักกำรวัด และประเมินผล มีควำมรู้เกี่ยวกับลักษณะแบบทดสอบตำมหลักกำรวัดผล ประเมินผล และ สำมำรถออกขอ้ สอบและปรบั ปรุงแบบทดสอบ รวมท้งั นำมำใช้งำนได้จรงิ เหมำะสมกับทุกระดับช้ันของผเู้ รยี น โดยกำรวัดผลต้องมีควำมเหมำะสมกับสภำพกำรเรียนรู้และสำมำรถนำผลที่ได้จำกกำรวัดผลมำปรับปรุงกำร เรียนกำรสอนทำหน้ำท่เี ป็นครูแนะแนว รู้จักแนะแนวกำรท่ีครูรู้จักท่ีจะสังเกตและรู้จักนักเรยี นเปน็ รำยบุคคล และบันทึกลงระเบียนประวัตินักเรียน เป็นกำรสอดส่องดูควำมประพฤตินักเรียนเมือ่ นักเรียนคนใดเกิดปัญหำ ขน้ึ ครูสำมำรถจัดกิจกรรมหรือเรียกมำพูดคุยเพื่อช่วยแนะแนวทำงหรือแกป้ ัญหำให้แก่นกั เรียน จะต้องมีควำม เมตตำกรุณำมีควำมสนใจและห่วงใยในกำรเรียนและควำมประพฤติของผู้เรียน แนะนำเอำใจใส่ช่วยเหลือเด็ก และเพ่ือนรว่ มงำนให้ได้รับควำมสขุ เปน็ กันเองกบั ผู้เรียนเพ่ือให้ผู้เรียนมีควำมรู้สึกเปดิ เผย ไว้วำงใจและเป็นท่ี พึง่ ได้ และมีควำมยุติธรรมมีควำมเป็นธรรมต่อนักเรียน และรู้จักที่จะเอำใจใส่ต่อผู้เรียนและเพ่ือนร่วมงำนทุก คนอยำ่ งเสมอภำคและไมล่ ำเอยี งตัดสินปัญหำของผเู้ รียนด้วยควำมเป็นธรรม มีควำมเป็นกลำง ยินดีช่วยเหลือ ผู้เรียน ผู้ร่วมงำนและผู้บริหำร โดยไม่เลือกท่ีรักมักที่ชัง จะต้องมีควำมรับผิดชอบสูงมุ่งเน้นกำรสอนให้เด็ก นักเรียนได้ควำมรู้ มีวิธีปฏิบัติงำนให้บรรลุวัตถุประสงค์ วำงแผนกำรใช้เวลำอย่ำงเหมำะสมและปฏิบัติงำนได้ ทนั เวลำ ใช้เวลำได้อยำ่ งคมุ้ คำ่ และมปี ระสิทธิภำพสงู สุด ทส่ี ำคัญมีวนิ ัยในตัวเองมีวินัยในตนเอง ควบคมุ ตนเอง ให้ปฏิบัตติ นอย่ำงถกู ต้องตำมทำนองคลองธรรม มีวิธีทำงำนทเ่ี ปน็ แบบอยำ่ งที่ดีให้แกน่ กั เรียนและบคุ คลอ่นื ได้c และที่ขำดไม่ได้คือมีควำมขยันและอดทนมีควำมต้ังใจและกระตือรือร้นและปฏิบัติงำนเต็มควำมสำมำรถของ ตนเองอย่ำงสม่ำเสมอ ไม่ท้อถอยต่ออุปสรรคในกำรทำงำน มีควำมอดทนเม่ือเกิดอปุ สรรคในกำรทำงำน และมี ควำมสำมำรถในกำรที่จะควบคุมอำรมณ์ของตนเองข้ำพเจ้ำมีควำมรักและศรัทธำในอำชีพครูเหน็ ควำมสำคัญ ของอำชพี ครู เขำ้ ร่วมกิจกรรมทำงวิชำชีพครู สนับสนุนกำรดำเนินงำนขององค์กรวิชำชีพ ร่วมมือและส่งเสริม ให้มีกำรพัฒนำมำตรฐำนวิชำชีพครู รักษำชื่อเสียงวิชำชีพครู ต้ังใจปฏิบัติหน้ำที่ให้เกิดผลดีและประโยชน์ต่อ สว่ นรวมเป็นสำคัญ รกั ษำควำมสำมคั คแี ละชว่ ยเหลือซง่ึ กันและกันในหนำ้ ทกี่ ำรงำน และพร้อมที่จะพฒั นำตน เอครูที่ดีต้องรู้จักประเมินผลและปรับปรุงกำรทำงำนของตนเองอยู่เสมอ รับฟังคำวิพำกษ์วิจำรย์และนำมำ พัฒนำตนเอง ยอมรับควำมเปลี่ยนแปลงและปรับตัวเข้ำกับสิ่งแวดล้อมอย่ำงมีเหตุผล ศึกษำหำควำมรู้อยู่ ตลอดเวลำ สนใจตดิ ตำมเข้ำร่วมประชมุ เพือ่ แลกเปลยี่ นควำมรูค้ วำมคิดเมื่อมโี อกำส
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: