143 ท้าวเวสสุวรรณ ทา้ วเวสสุวรรณ หมายถึง เทวดาสายยกั ษ์ มีหนา้ ท่ีคอยเก็บวญิ ญาณลงไปในนรก ทา้ วเวสสุววรณ นอกจากจะมีหนา้ ท่ีเก็บวญิ ญาณแลว้ ยงั เป็นเจา้ แห่งสมบตั ิดว้ ย คนเราชอบพรจากสวรรค์ ประทานโชคลาภทางการเงินให้ แต่ลืมขอพรนรก ให้เปิ ด ทรัพย์สมบตั ิให้ด้วย ถ้านรกไม่เปิ ดทรัพย์สมบตั ิให้ ขอแต่สวรรค์เปิ ดให้อย่างเดียว เรียกว่า บุญมี แต่กรรมมาบงั อาทิเช่น ถูกหวยรางวลั ท่ี 1 แต่ไม่มีบุญไดใ้ ช้ เป็นตน้ บุคคลจะข้ึนสวรรค์ หรือลงนรก อยทู่ ี่การกระทาของตวั เอง ในโลกน้ี คนที่ไม่ชอบเรา ต่อให้เราทาดีแค่ไหน ก็สาปแช่งเรา ให้เราตกนรก คนที่ชอบเรา ต่อให้เราทาชวั่ แค่ไหน ก็ อวยพรเราให้ข้ึนสวรรค์ ในความเป็ นจริงน้นั คนจะข้ึนสวรรค์หรือลงนรก อยทู่ ี่บุญและกรรม ความประพฤติดีชว่ั ของแตล่ ะบุคคล จะเป็นที่ปากคนอ่ืน กห็ าไม่ ทา้ วเวสสุวรรณ มีท้งั สายบุญฤทธ์ิ และสายอิทธิฤทธ์ิ สายบุญฤทธ์ิ จะเป็นองคเ์ ขียว สายอิทธิฤทธ์ิ จะเป็นองคส์ ีแดง หรือสีดา องค์สีแดง ถึงจะดุ แต่ก็มีความใจดีอยู่บา้ ง แต่ถา้ เป็ นองค์สีดา จะดุ และปราบมาร เกบ็ วญิ ญาณทนั ที ไม่มีความปรานีใดๆ สายญาณแต่ละอยา่ ง จึงแตกตา่ งกนั การอญั เชิญทา้ วเวสสุวรรณผา่ นร่าง ทา้ วเวสสุวรรณ ท่านเป็ นญาณท่ีแรง การจะอญั เชิญท่านผา่ นร่าง ตอ้ งทาจิตใหน้ ิ่ง เยน็ ญาณท่านถึงจะสงบ สุขุม ญาณทา้ วเวสสุวรรณมีท้งั สายบุญฤทธ์ิ และสายอิทธิฤทธ์ิ ไม่วา่ จะ เป็นสายญาณใด กม็ ีหลกั การอญั เชิญเหมือนกนั การอญั เชิญทา้ วเวสสุวรรณผา่ นร่าง ทาจิตใหส้ งบ เยน็ สุขมุ ปล่อยวาง ร่างกายใหเ้ บา วา่ งเปล่าเป็นอากาศธาตุ จะลงมาประทบั ร่างเราไดเ้ ตม็ องค์ การขอพร ทา้ วเวสสุวรรณ ท่านเป็นเจา้ แห่งสมบตั ิ ร่างปฏิบตั ิตวั ดีๆ การเงินจะข้ึนมาก จะมีเงินใช้ ไม่ขาดมือ ใหข้ อพร เกี่ยวกบั โชคลาภ การเงินใหต้ วั เอง และอีกเรื่องที่เด่นของท่าน คือ การเก็บวิญญาณภูตผีปี ศาจ ไปลงนรก ถา้ เราอยทู่ ่ีไหน หรือไปสถานท่ีแห่งใด ถูกวญิ ญาณร้ายรบกวน แผเ่ มตตาจิตแลว้ ไม่ยอมรับส่วนบุญ ก็สามารถ อญั เชิญทา้ วเวสสุวรรณมาปราบได้ การถูกลงโทษ การมีทา้ วเวสสุวรรณตอ้ งถือศีลปฏิบตั ิให้มาก เพราะถือวา่ รู้ดีรู้ชว่ั อย่แู ลว้ อยูใ่ กลก้ บั โลกวิญญาณ แต่ร่างกลับทาผิดเสียเอง ปฏิบัติตวั ออกจากศีล ก็จะโดนข้างในเราลงโทษ ขาดโชคลาภทางการงาน การเงิน ก็มีแต่ปัญหา ใหเ้ รากลบั ตวั เสียใหม่ ต้งั ใจปฏิบตั ิตวั อยใู่ นศีล
144 กุมารทอง
145 กุมารทอง กมุ ารทอง หมายถึง เทวดาเด็ก ใหโ้ ชคลาภ แก่ผเู้ ล้ียงดู เจา้ ของ กุมารทอง มีอยู่ 2 ประเภท คือ 1. กมุ ารเทพ หมายถึง เทวดาสายเดก็ เล้ียงไวใ้ หค้ ุณอยา่ งเดียวไม่มีโทษ 2. กุมารพราย หมายถึง ผพี ราย ผตี ายโหง ผตี ายทอ้ งกลม ที่เป็นวญิ ญาณเด็ก หมายเหตุ กุมารเทพเล้ียงไว้ ให้คุณอยา่ งเดียวไม่มีโทษ ส่วนกุมารพรายเล้ียงไว้ มีท้งั คุณและโทษ ผเู้ ป็นเจา้ ของตอ้ งเล้ียงดูแลใหด้ ี การข้ึนของไหวก้ มุ ารเทพ 1. ข้ึนน้าแดง จะเป็นกมุ ารภาคอิทธิฤทธ์ิ 2. ข้ึนน้าเขียว จะเป็นกุมารภาคบุญฤทธ์ิ 3. ข้ึนน้านม จะเป็นกมุ ารท่ียงั เป็นเด็กองคเ์ ล็กอยู่ ยงั ไม่ใช่องคโ์ ต การข้ึนของไหวก้ ุมารพราย 1. ข้ึนน้าแดง จะเป็นกุมารพรายภาคอิทธิฤทธ์ิ 2. ข้ึนน้ามนั จนั ทน์ จะเป็นกมุ ารพรายที่โหดมาก หา้ มปล่อยใหน้ ้ามนั จนั ทนห์ มดเด็ดขาด ข้อแนะนาพเิ ศษ กมุ ารพรายไมแ่ นะนาใหเ้ ล้ียงไว้ ถา้ เราคุมไมอ่ ยจู่ ริงๆ จะเกิดปัญหามาก แนะนาใหเ้ ล้ียงกุมารเทพอยา่ งเดียว นอกจากน้ี ไม่ว่าจะเป็ นกุมารเทพ หรือกุมารพราย จะข้ึนน้าแดงแลว้ สิ่งท่ีตอ้ งข้ึน เหมือนกนั คือ ข้ึนขนมใหก้ มุ ารเรากินอยเู่ สมอดว้ ย (ถา้ ซ้ือของเล่นมาใหก้ ุมารเราดว้ ยกด็ ีมาก) กุมารทอง กบั ลูกเทพ แตกต่างกนั อย่างไร กุมารทอง หมายถึง เป็นวญิ ญาณเดก็ จะเป็นเทพ หรือผพี รายกไ็ ด้ ลูกเทพ หมายถึง ดดั แปลงพฒั นามาจากกุมารทอง เป็ นเทวดาเด็ก เป็ นวญิ ญาณที่ เป็นเทพอยา่ งเดียว ตดั วญิ ญาณผพี รายออกไป สังคมสมยั น้ี นิยมเล้ียงลูกเทพ แต่ในความเป็ นจริง กุมารทอง หรือลูกเทพ ก็ข้ึนของ ไหวเ้ หมือนกัน ดูแลเหมือนกัน แต่กุมารทองจะดีกว่าลูกเทพ ที่ตรงว่า ไม่ต้องถือติดตัว ไปไหนมาไหน ใหค้ นอ่ืนรับรู้วา่ เราน้นั มีอะไร จะเป็นการไม่รู้จกั ซ่อนเล็บ มีอะไรกใ็ หช้ าวบา้ น รู้หมดวา่ เราน้นั มีอะไร การมีทางน้ี ต้องรู้จกั ซ่อนเล็บด้วย จึงเล้ียงกุมารทองดีกว่า ไม่จาเป็ นต้องพกหุ่น เพียงแต่เรียกจิตกุมารทองไป ก็จะไปไหนมาไหน กับเราได้ ใช้งานได้ทุกท่ี เวลาเรากิน ก็มากินกบั เรา คนอ่ืนไมส่ ามารถรู้ไดว้ า่ เราน้นั มีอะไร ข้อควรรู้ คนท่ีมีทางเทพคุม้ ครอง หรือมีองค์เป็ นกุมารทอง จะเป็ นกุมารที่เป็ นเทวดา มาสร้างบุญบารมี โปรดช่วยเหลือคน จะไม่ใช่วญิ ญาณผพี ราย
146 การอญั เชิญกมุ ารทองผา่ นร่าง กุมารทอง เป็นเทวดาเด็ก เราแค่ทาจิตใหน้ ิ่ง นึกถึง หรือเรียกกมุ ารทองผา่ นร่างไดท้ นั ที ไม่คอ่ ยเรื่องมาก หรือมีพิธีรีตองมาก เหมือนเทพองคใ์ หญ่ๆ คนท่ีเก่งแลว้ ไม่จาเป็ นตอ้ งใชค้ าถาเรียกกุมารทอง เพียงใชจ้ ิตเรียก กุมารทองก็มาทนั ที สาหรับคนที่มีใหม่ๆ ยงั ไม่มีความชานาญ ในการอญั เชิญเรียกกุมารทอง ก็ให้ใชค้ าถาไปก่อน และผเู้ ขียนก็ใหค้ าถาไวก้ ่อน เพอ่ื จะเป็นมือใหม่ ไม่ไดเ้ ป็นร่างทรง หดั เล้ียงกุมารทอง การอญั เชิญกมุ ารทองผา่ นร่าง ทาจิตใหน้ ่ิง นึกถึงชื่อกุมาทอง ท่ีตอ้ งการอญั เชิญผา่ นร่าง เรามา เด๋ียวกุมารทองพอรู้วา่ เราเรียกก็มาเอง จะอยไู่ กลแสนไกลอยา่ งไร ไม่จาเป็ นตอ้ งมีหุ่น หรือพกหุ่นกุมารทองติดตวั กต็ อ้ งมาหาเราทนั ที คาถาเรียกกมุ ารทอง โอม กุมาโร (ตามดว้ ยชื่อกุมาร) มามะมามา เอหิ จิตตงั ปิ ยงั มะมะ. หมายเหตุ เดก็ ผชู้ าย จะเรียกวา่ กมุ ารทอง ถา้ เป็นเด็กผหู้ ญิง จะเรียกวา่ กุมารี ในกรณีท่ีเป็น เด็กผหู้ ญิง ใหเ้ ปล่ียนจากคาวา่ กมุ าโร เป็น กมุ ารี แทน การขอโชคลาภการเงินจากกุมารทอง เม่ือตอ้ งการโชคลาภทางการเงิน งานมีความเจริญกา้ วหนา้ เราจะทางานอะไรก็แล้วแต่ โดยเฉพาะการคา้ ขาย ก็สามารถเรียกใช้งานกุมารทอง ให้ไปเรียกลูกคา้ มาให้เรา เราจะมีลูกคา้ เขา้ ร้านตลอดเวลา มีเงินเขา้ มาไมข่ าดมือ เม่ือกุมารทอง เรียกลูกคา้ มาใหเ้ รา ใหค้ า่ ตอบแทน เป็นการข้ึนน้าแดง ขนมใหด้ ว้ ย กมุ ารทอง กบั นางกวกั แตกต่างกนั อย่างไร กุมารทอง ลูกคา้ ไม่จาเป็นตอ้ งเดินผา่ นหนา้ ร้าน แมอ้ ยไู่ กลแสนไกลแค่ไหน กุมารทองก็ ไปเรียกลูกคา้ มาใหเ้ รา นางกวกั ลูกคา้ ตอ้ งเดินผา่ นหนา้ ร้านก่อน อยไู่ กลๆ นางกวกั จะไม่ไปเรียกให้ จะเรียก ใหเ้ ฉพาะอยใู่ กลๆ้ ที่กาลงั เดินผา่ นหนา้ ร้านเรา ใหเ้ ขา้ มาในร้าน เพราะฉะน้นั การเรียกใชก้ มุ ารทอง จึงดีกวา่ นางกวกั การโดนลูกค้าชักดาบ เรียกใช้งานกุมารทองอย่างไร การทางานทุกประเภท ทุกสายอาชีพ อย่าไปใจดีมากเกินไป ไม่ง้นั เราจะโดนลูกคา้ เอาเปรียบ ชักดาบเราเสมอ ให้ใช้กุมารไปเรียกลูกคา้ ที่ชกั ดาบเรา ให้มาจ่ายเงินเราเสียดีๆ ถา้ ไม่มาจา่ ย เขาก็อยไู่ มเ่ ป็นสุข กุมารทองกไ็ ปกวนอยนู่ ้นั แหละ จนกวา่ จะยอมมาจ่ายเงินใหเ้ รา การใชง้ านกุมารทอง ตอ้ งบน หรือจ่ายค่าจา้ ง เป็ นน้าแดง น้าเขียว ขนม ของเล่น หรืออยา่ งอ่ืน อนั น้ี แลว้ แตเ่ ราจะจา้ ง หรือเราจะบนกมุ ารทอง
147 ข้อควรรู้พเิ ศษ สาหรับการเจริญเทวตานุสสติ การเจริญเทวตานุสสติ หมายถึง การทาสมาธิกาหนดสติ ระลึกถึงคุณของเทวดา จุดประสงคเ์ พอื่ ใหค้ นละเวน้ ความชว่ั ประพฤติความดี บางคนคิดมากไปว่า เทวดาองค์น้ันองค์น้ี นับถือพระพุทธศาสนาหรือเปล่า เรียกวา่ ยึดติดจนเกินไป เกิดความสงสัยในตวั เทวดา ในการปฏิบตั ิธรรม ก็ไม่สามารถปฏิบตั ิธรรมให้ เจริญกา้ วหนา้ ไปได้ คนส่วนใหญ่จะเขา้ ใจวา่ พระอินทร์เป็ นผนู้ บั ถือดูแลพระพุทธศาสนา และ ยงั รู้ไม่หมดว่า ไม่ใช่พระอินทร์องค์เดียว ที่คุม้ ครองดูแลพระพุทธศาสนา แมเ้ ทวดาองคอ์ ่ืนๆ เช่น พญานาค พญาครุฑ คนธรรพ์ กินรี พระยายมราช ทา้ วเวสสุวรรณ เป็ นตน้ ก็ดูแล พระพุทธศาสนาอยู่เช่นกัน โดยเฉพาะท้าวสันดุสิต พระบรมมหาโพธิสัตว์ ยิ่งต้องดูแล พระพุทธศาสนามากเป็นพิเศษกวา่ เทวดาองคอ์ ่ืน ไม่เวน้ แมแ้ ต่สายเซียน มีพระแมก่ วนอิม เหง้ เจีย เป็นตน้ ต่างกด็ ูแลพระพทุ ธศาสนา ส่วนใหญ่ท่ีคนสงสัยกนั คือ เทวดาสายแขก ใช่เทวดาในพระพุทธศาสนาหรือเปล่า ในความเป็ นจริงน้ัน เทวดาสายแขก เป็ นฮินดู หรือพราหมณ์ แต่ก็นาร่างให้เขา้ วดั มาทาบุญ สร้างบารมี โดยเฉพาะงานไหวค้ รูประจาปี ยงิ่ ตอ้ งนิมนตพ์ ระ มาทาบุญเสมอ เพราะมีความเช่ือ และถือวา่ พระนารายณ์อวตารลงมาเป็ นพระพุทธเจา้ ศาสนาฮินดู พราหมณ์ จึงถือว่า เป็ น พน่ี อ้ งกบั ศาสนาพุทธ เทวดาสายแขก จึงตอ้ งหนั มาคุม้ ครองพระพุทธศาสนาเช่นกนั ที่คนสงสยั และเขา้ ใจผดิ เก่ียวเทวดาสายแขก พดู กนั ต่อๆกนั มาอีกที คนอ่ืนปากเขาวา่ มา อยา่ งไร ก็พูดตามกนั มา โดยท่ีไม่รู้จริง ขาดปัญญาพิจารณา คือ หาวา่ เทวดาสายแขก เป็ น อิสลาม ซ่ึงเป็ นความเข้าใจท่ีไม่ถูกต้อง “ศาสนาอิสลามน้ัน ไม่นับถือเทวดา นับถือแต่ พระเจา้ ของเขาองคเ์ ดียวเทา่ น้นั ” เทวดาสายแขก จึงไม่ใช่ศาสนาอิสลามอยา่ งท่ีคนอื่นเขา้ ใจผดิ กนั เทวดาสายแขกที่ถูกตอ้ ง คือ ศาสนาฮินดู หรือพราหมณ์ พระพทุ ธศาสนา ถือกาเนิดที่ประเทศอินเดีย โดยมีเจา้ ชายสิทธตั ถะ ทรงเสด็จออกผนวช (ออกบวช) และตรัสรู้เป็ นพระสัมมาสัมพุทธเจา้ เพราะแขกท่ีนบั ถือพระพุทธศาสนาก็มี แขกท่ี เป็ นพราหมณ์ก็มี แขกท่ีเป็ นอิสลามก็มี แขกที่นบั ถือศาสนาอื่นก็มี ใช่วา่ เป็ นแขกวา่ จะนบั ถือ ศาสนาอิสลามทุกคนไปหมดกห็ าไม่ ในศาสนาปรัชญากล่าววา่ ประเทศอินเดีย มีศาสนาท้งั หมดอยู่ 300 กวา่ ศาสนา และ ลัทธิต่างๆอีกมากมาย ศาสนาที่คนรู้จกั กันไปทว่ั โลก มีแค่ศาสนาใหญ่อยู่ 4 ศาสนา คือ ศาสนาพุทธ ศาสนาฮินดู หรือศาสนาพราหมณ์ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ไม่สาคญั เลยวา่ เทวดาจะเป็ นสายแขก ไทย จีน หรือสายเซียน ประเด็นสาคญั อยทู่ ี่วา่ เจริญสติระลึกคุณของเทวดา ใหล้ ะเวน้ จากความชว่ั ประพฤติความดี พระพทุ ธเจ้าตรัสว่า บุคคลใดกม็ เี ทวดาคุ้มครอง ทาการสิ่งใด ย่อมสาเร็จทุกเม่ือ
148 การสาเร็จเป็ นเทวดา หรือการมเี ทวดาคุ้มครอง ปฏบิ ตั อิ ย่างไร ให้ได้ดวงตาเห็นธรรม มนุษยน์ ้นั มีทิฏฐิอยอู่ ยา่ งหน่ึงวา่ ไม่ใช่พวกของตน สีเส้ือไม่เหมือนกนั ก็ไม่ยอมรับกนั แมน้ บั ถือศาสนาพุทธเหมือนกนั แต่คนละนิกาย ก็คอยจอ้ งโจมตีกนั เอง และแมจ้ ะนิกายเดียวกนั แต่พอมีผลประโยชน์ให้กนั ก็ยงั เป็ นมิตรกนั อยู่ ตราบใดท่ีคนเราหมดผลประโยชน์ให้กนั แลว้ ต่อให้เป็ นนิกายเดียวกนั ก็ย่อมจะโจมตีกนั เอง สังคมพระพุทธศาสนา จึงมีปัญหากนั มาถึง ทุกวนั น้ี ไมต่ อ้ งรอใหศ้ าสนาอ่ืนมาโจมตีเรา แต่เรากลบั โจมตีกนั เอง ยิ่งคนน้ันคนน้ี มีองค์เทพ มีเทวดาคุ้มครอง พวกย่ิงแอนต้ี หมน่ั ไส้มาก เรียกว่า คนน้นั เป็นคนมีทิฏฐิรุนแรง ไมส่ ามารถดึงคนใหเ้ ขา้ วดั ได้ ในความเป็นจริง คนจะเขา้ วดั หรือไม่ ตอ้ งดูท่ีตวั เราว่า ปฏิบตั ิดีแลว้ หรือยงั ย่ิงไปแอนต้ีคนมีเทวดาคุม้ ครอง ก็ไม่เขา้ วดั ทาบุญวดั น้ี กลับไปทาบุญวดั อื่นแทน หรือท่ีอ่ืนแทน เพราะคนท่ีมีองค์ หรือมีเทวดาคุ้มครอง จะมี ญาณวเิ ศษ เพียงกระดิกจิตทีเดียวก็รู้แลว้ วา่ วดั ไหนน่าเขา้ ไปทาบุญหรือไม่ ในโลกน้ี ไม่มีใครดาเนินรอยตามพระพุทธเจ้า ถ้ามีคนในสังคมดาเนินรอยตาม พระพทุ ธเจา้ โลกจะเจริญข้ึนอีกมากมาย จิตใจของคนก็จะสูงข้ึน สมยั พระพุทธเจา้ ยงั พระชนมายุอยู่ ทรงโปรดเทวดา เพราะเทวดาน้ันมีญาณวิเศษ เขา้ ใจธรรมะง่าย ไม่ตอ้ งเร่ิมตน้ นบั หน่ึงใหม่ เหมือนมนุษยธ์ รรมดา ที่ไม่รู้อะไรเลย ตอ้ งใช้ ความเพียรมาก ถึงจะเขา้ ใจธรรมะที่ลึกซ้ึงได้ พระอรหนั ตท์ ้งั หลาย ก็เจริญรอยตามพระพุทธเจา้ ท้งั น้นั คือ โปรดเทวดา ใหร้ ู้ธรรมะ จนเทวดาท้งั หลาย ไดด้ วงตาเห็นธรรม คนท่ีมีเทวดาคุม้ ครองก็เช่นกนั มีญาณวเิ ศษ ไม่มีคนทวั่ ไป สามารถเขา้ ใจธรรมะที่ลึกซ้ึง ไดง้ ่าย แต่ไม่มีใครคิดจะโปรดกนั หรือเจริญรอยตามคาสั่งสอนของพระพุทธเจา้ มวั แต่แอนต้ี เทวดาอยู่ ทุกวนั น้ี คนเราเลยไมค่ ่อยไดด้ วงตาเห็นธรรม การมีเทวดาคุ้มครอง ปฏิบตั ิอย่างไร ให้ได้ดวงตาเหน็ ธรรม การไดด้ วงตาเห็นธรรม คือ ละกิเลสสังโยชน์ เบ้ืองต่า ซ่ึงเป็ นกิเลสท่ีอยใู่ นใจตวั เอง ไดท้ ้งั หมด 3 ขอ้ คือ ละสักกายทิฏฐิ ละความลงั เลสงสัยหรือวิจิกิจฉา ละความยึดมน่ั ถือมน่ั ในส่ิงศกั ด์ิสิทธ์ิท้งั หลาย วา่ มีมาดว้ ยศีลหรือพรต การหยอ่ นเกินไป เป็นวจิ ิกิจฉา ความลงั เลสงสัย การตึงเกินไป เป็นสักกายทิฏฐิ และสีลพั พตปรามาส (ความยดึ มนั่ ถือมนั่ ในส่ิงศกั ด์ิสิทธ์ิ มากจนเกินไป) ไมส่ ามารถปล่อยวางได้ การปฏิบตั ิสายกลาง เบ้ืองตน้ ตอ้ งละวางจากทิฏฐิท้งั ปวง เบ้ืองปลายมีเทวดาก็สักแต่วา่ รู้แลว้ วา่ มีเทวดาคุม้ ครอง มีแลว้ ไมไ่ ดย้ ดึ ติด จึงเป็นการละสีลพั พตปรามาส เมอื่ ปฏบิ ตั ิดงั นี้ เรียกว่า ละกเิ ลสเบอื้ งต่าได้ 3 ข้อ จึงได้ดวงตาเหน็ ธรรม
149 บทส่งท้ายผู้เขยี น เคล็ดลบั การใชพ้ ลงั เทพทุกสายญาณ ผเู้ ขียน เขียนเขา้ เรื่อง และเนน้ เน้ือหาสาระสาคญั มากกวา่ น้า เนื่องจากเขียนเทวดาทุกสายญาณ จะใช้น้ามากเกินไปไม่ได้ จะไม่เกิดประโยชน์ จึงเขียนใหเ้ ขา้ ประเด็นโดยตรง เนน้ เน้ือหาสาระสาคญั ดีกวา่ เรื่องของเทวดา หรือองคเ์ ทพน้นั ตอ้ งพิจารณาใคร่ครวญก่อนว่า ควรหรือไม่ควรพูด กบั ใคร เพราะคนบางคนพูดได้ คนบางคนก็ไม่สมควรพูด เรื่ององค์เทพ คนเข้าใจก็ดีไป คนไม่เขา้ ใจ ก็จะว่าเราเสียๆหายๆได้ ให้คุยและปรึกษากบั คนที่มีญาณวิเศษเหมือนกนั และ บุคคลผนู้ ้นั ตอ้ งเป็นกลั ยาณมิตรดว้ ย ไม่ใช่เป็นบาปมิตร ลกั ษณะบาปมิตร กบั กลั ยาณมติ ร คนที่เป็ นประเภทบาปมิตรน้นั ยงั ไม่มีใครถาม ก็เอาเรื่องไม่ดีของคนอ่ืนมาพูดใหเ้ ราฟัง เอาเร่ืองไมด่ ีของครอบครัวตวั เองมาพดู ใหเ้ ราฟังบา้ ง เป็นคนประเภทไฟในนาออก ไฟนอกนาเขา้ คนพาลด้วยกันชอบ เพราะเม้าส์คุยกนั สนุกปาก แต่บณั ฑิตจะมองคนพวกน้ี ติดลบทนั ที เป็นคนท่ีคบไมไ่ ด้ แมท้ ี่สุด เอาเรื่องพระมาคุยใหเ้ ราฟัง เช่น พระวดั โนน้ วดั น้ีไม่ดี เป็ นตน้ เร่ืองจริงเป็ น อยา่ งไร ยงั ไม่ทนั รู้ พอฟังคนอ่ืนเขาพูดมา ก็มาพูดกระจายข่าว เมา้ ส์กนั สนุกปาก แสดงให้ เห็นวา่ คนแบบน้ี คบไม่ได้ เพราะเขาเอาเร่ืองไม่ดีของคนอ่ืนมาพูดให้เราฟัง เขาก็เอาเร่ืองไม่ดี ของเรา ไปพดู ใหค้ นอ่ืนฟังไดเ้ ช่นกนั ในโลกน้ี ที่คนพาลใส่ร้ายคนดีไดง้ ่าย เหตุผลเพราะ คนพาลรู้วา่ ผฟู้ ังขาดการพิจารณา ดว้ ยปัญญา พอฟังคนอ่ืนเขาพูดมามากๆเขา้ ก็พูดต่อกนั อีกที พระพุทธเจา้ ตรัสวา่ คาพดู หาก แมเ้ ป็นเทจ็ คนฟังไดย้ นิ บ่อยๆ ก็เช่ือ คนมีญาณวเิ ศษน้นั ใครจะผดิ ศีล ใครมีศีลบริสุทธ์ิกระดิกจิตทีเดียวก็รู้แลว้ ไม่จาเป็นตอ้ ง ไปฟังคนอื่นเขาพดู มา คนพาลชอบใส่ร้ายคนอื่น หาวา่ คนอ่ืนไม่มีศีลบา้ ง ท้งั ที่ไม่เคยมองตวั เอง เลยวา่ ตวั เองเป็นคนมีศีลก่ีขอ้ และรู้ไดอ้ ยา่ งไรวา่ คนอื่นเขามีศีลกี่ขอ้ หรือไม่มีศีล คนอื่นพอฟัง คนพาลพดู ใส่ร้ายคนอื่น ก็มาพดู กนั ต่อๆอีกที คนดีจึงมกั โดนใส่ร้ายไดง้ ่าย คนดีจึงโดนระแวง จากคนอ่ืนในสงั คม เพราะถูกคนพาลใหร้ ้าย เป็นแบบน้ีทุกยคุ ทุกสมยั เรื่องบางเรื่อง จึงหลอกคนอื่นได้ แต่หลอกคนท่ีมีญาณวเิ ศษ หรือญาณเทพไม่ได้ เพราะ กระดิกจิตทีเดียวก็รู้แลว้ วา่ คนไหนมีศีลก่ีขอ้ คนไหนควรคบหรือไมค่ วรคบ คนพาลท่ีพดู วา่ ตวั เองน้นั ไม่ดี หรือแสดงออกวา่ เป็นคนพาล ยงั ดูออกง่ายกวา่ คนพาลที่พูดว่า ตวั เองเป็ นคนดีมีศีล สร้างภาพให้ดูดีในสังคม เสแสร้งต่างๆนาๆ คนแบบน้ีน่ากลวั มาก ไมส่ มควรคบเป็นมิตร กลั ยาณมิตร จึงไม่พูดให้ร้ายใคร การพูดให้ร้ายพูดอนื่ อยู่ คนน้ันเป็ นคนพาลโดยแท้
150 สาหรับเร่ืองของเทวดาน้นั สามารถแยกญาณได้ องคเ์ ดียวสามารถแยกญาณออกมาเป็ น หลายองค์ ใหไ้ ปอยกู่ ี่หลายกไ็ ด้ บางคนสามารถมีองคเ์ ดียวกนั และสายญาณเดียวกนั ได้ เรื่องน้ี คนไม่มีทิฏฐิ ก็จะเขา้ ใจและเชื่อได้ คนมีมีทิฏฐิ ก็คิดวา่ ตวั เองเป็ นองคจ์ ริงองค์เดียว คนอื่นมี เหมือนตวั เอง ไม่ใช่ของจริง แสดงใหเ้ ห็นวา่ เขามีอตั ตารุนแรงมาก และยดึ ติดในเทวดาของตน เรื่องการแยกญาณของเทวดาน้ี คนเช่ือก็ดี คนไม่เช่ือก็อย่าไปคุย ตอ้ งปล่อยให้เขาอยู่ อยา่ งน้นั ไมเ่ ชื่อ เพราะมีปัญญาพจิ ารณา ยงั สามารถแนะนาได้ ไมเ่ ชื่อ เพราะมีทิฏฐิ ตอ้ งปล่อยใหเ้ ขาโง่อยอู่ ยา่ งน้นั ไม่สามารถแนะนาได้ การละความลงั เลสงสัย เรื่องเสื่อมและไม่เสื่อม ในโลกน้ี มีวิชาเหนือโลกตอ้ งมากมาย ที่ฝึ กแลว้ ไม่เส่ือม เช่น บุญฤทธ์ิ บารมีฤทธ์ิ เทวฤทธ์ิ อริยฤทธ์ิ เป็นตน้ คนเรามกั จะคุน้ เคยกบั ฌานฤทธ์ิ หรือญาณฤทธ์ิ กลวั ฝึกแลว้ จะมีวนั เส่ือม เพราะไปฟังคนอื่นเขาพดู กนั ต่อๆมา โดยท่ียงั ไม่รู้จริงเลยวา่ เหตุแห่งความเส่ือมเกิดจาก อะไร แลว้ ปฏิบตั ิตวั อยา่ งไร ไมใ่ หฤ้ ทธ์ิเส่ือม คนบางคน ยงั ไม่ทนั สาเร็จเลย ก็เกิดความลงั เลสงสัยเสียแลว้ วา่ ตวั เองฝึ กแลว้ จะเสื่อม หรือไม่ ซ่ึงจะคิดไปทาไมให้เสียเวลา เร่ืองของอจินไตย คิดมากก็เสียเวลามาก ปวดหัวมาก ยงิ่ คิดมาก ยงิ่ เป็นอุปสรรคสาหรับการปฏิบตั ิธรรม “สู้ปฏิบตั ิใหส้ าเร็จก่อน ไมด่ ีกวา่ หรือ” ตวั อยา่ ง พระอนุรุทธก่อนจะสาเร็จเป็นพระอรหนั ต์ ทา่ นมีตาทิพยท์ ุกภพทุกชาติ แมก้ าร อยคู่ รองเรือน มีภรรยา หลายภพหลายชาติ ก่อนการบรรลุธรรม กไ็ มส่ ามารถทาใหต้ าทิพยข์ อง ท่านเสื่อมสลายได้ เรื่องแบบน้ี คนไม่ฝึ กกนั เพราะคิดอยู่แต่ในกรอบวา่ ฤทธ์ิเสื่อม ส่วนทา อยา่ งไร ไม่ใหฤ้ ทธ์ิเส่ือม คนไม่ยอมเขา้ ใหถ้ ึง หรือปฏิบตั ิให้ถึง แมใ้ ครจะช้ีทางสวา่ งให้ เขาก็ ยงั ยดึ ติดกบั ส่ิงเดิมๆ กค็ วรปล่อยเขาอยทู่ างน้นั เหรียญมกั จะมีสองดา้ น ดา้ นที่ไม่เสื่อม คนไม่มองกนั หรือไม่ยอมศึกษาเรียนรู้ ไปมอง แต่ดา้ นท่ีเสื่อม แลว้ จะเสียเวลาฝึกกนั ทาไม (เอาเวลาไปฝึกดา้ นที่เสื่อม สู้เอาเวลาทาไปเร่ืองอื่นท่ี มีประโยชนก์ วา่ ไมด่ ีกวา่ หรือไรกนั ) เทวฤทธ์ิ ก็เป็ นหน่ึงในวิชาเหนือโลก ที่สาเร็จแล้ว ฤทธ์ิจะไม่มีวนั เส่ือมสลาย หายไปง่ายๆ ไม่วา่ จะเป็นเพศตรงขา้ ม กไ็ มส่ ามารถทาใหฤ้ ทธ์ิเสื่อมได้ บวั ถา้ พน้ จากน้า ก็สามารถแนะนาได้ บวั ถา้ ยงั อยใู่ ตน้ ้า ไม่กระทาตวั เองให้พน้ จากน้า กต็ อ้ งปล่อยใหเ้ ขาอยอู่ ยา่ งน้นั ทางมีอยู่ ขา้ พเจา้ ช้ีแลว้ บอกแลว้ วา่ ทางไหนเป็ นทางไม่เส่ือม ท่านควรเดิน ทางไหน เป็นทางแห่งความเสื่อม กอ็ ยา่ ไปเดิน ดว้ ยเหตุน้ี ทา่ นจะกา้ วเดินไปทางไหน จะไปทางไมเ่ ส่ือม หรือไปทางเส่ือม ทา่ นตอ้ งเลือกเดินเอง ขา้ พเจา้ เป็นผชู้ ้ีทางบอกทางเทา่ น้นั
151 เร่ืองน่ารู้ การบาเพญ็ บุญบารมีเพอื่ ไปนิพพาน คนมกั จะทาตามกนั ต่อๆมา โดยขาดปัญญาพิจารณา คิดวา่ อยทู่ างธรรมแลว้ จะสบาย จะไดบ้ รรลุธรรมในชาติน้ี ลืมคิดไปวา่ บารมีตวั เองเตม็ แลว้ หรือยงั ถา้ บุญบารมีตวั เองยงั ไมเ่ ตม็ ตอ่ ใหไ้ ปอยใู่ นทางธรรม สบายในชาติน้ี กจ็ ะกลบั มาเกิดใหม่ในชาติหนา้ เป็นทุกขอ์ ีก แต่ถา้ ยอมลาบากทนทุกขใ์ นทางโลก บาเพญ็ บุญบารมีใหเ้ ต็ม ชาติหนา้ ก็ไมต่ อ้ งลาบาก รอการบรรลุธรรม สาหรับผทู้ ี่สร้างบุญบารมีเป็นพระอรหนั ต์ และรอการตรัสรู้ธรรม สาหรับผทู้ ่ี สร้างบุญบารมีเป็นพระพทุ ธเจา้ อยสู่ วรรคช์ ้นั ดุสิต ดงั คาโบราณที่วา่ ลาบากวนั น้ี สบายวนั หนา้ บางคนไปตดั สินใจแทน พระโพธิสัตว์ คิดจะให้ท่านไปอย่ใู นทางธรรม เพ่ือตอ้ งการ สาเร็จเร็วๆ เรียกวา่ ไปดูที่ปลายเหตุ ไมใ่ ช่ดูท่ีตน้ เหตุ พระโพธิสตั ว์ ทา่ นจะอยทู่ างธรรม หรือทางโลก ตอ้ งวเิ คราะห์พิจารณาก่อนวา่ ควรจะ บาเพญ็ บารมีดา้ นใด การเป็นอยใู่ นทางธรรม จะบาเพญ็ บารมี ดา้ นเนกขมั มะ ศีลบารมี เป็นตน้ การเป็นอยใู่ นทางโลก จะบาเพญ็ บารมี ดา้ นทานบารมี วริ ิยะบารมี เป็นตน้ เพราะฉะน้นั ถา้ บุญบารมีทางโลกยงั ไม่เตม็ ยงั ไม่ไดบ้ ริจาคลูกและเมียเป็ นทาน ต่อให้ ไปอยใู่ นทางธรรม ก็ตอ้ งลงมาเกิดอยดู่ ี เพอื่ บาเพญ็ บุญบารมีดา้ นอ่ืนใหเ้ ตม็ บริบูรณ์ ผรู้ ู้จึงใคร่ครวญก่อนว่า ตอ้ งทนทุกข์ลาบากเสียวนั น้ี เพ่ือบาเพญ็ บารมีทางโลกให้เต็ม มีการบริจาคลูกและเมียเป็ นทาน จะทาใหบ้ ารมีท้งั หมด 30 ทศั ของตวั เองเต็มบริบูรณ์ ไม่ตอ้ ง ลงมาเกิดอีก รอการตรัสรู้เป็นพระพทุ ธเจา้ เป็นลาดบั องคต์ อ่ ไป ในสวรรคช์ ้นั ดุสิต การจะบรรลุธรรม ตอ้ งมองท่ีตน้ เหตุ ไม่ใช่ไปมองท่ีปลายเหตุ ถา้ บุญบารมีของตวั เอง ยงั ไม่เตม็ ตอ่ ใหไ้ ปอยใู่ นทางธรรม ก็ยากท่ีจะหลุดพน้ จากกิเลสท้งั ปวงได้ พระพุทธเจ้า คร้ันตอนเสวยพระชาติเป็ นพระโพธิสัตว์ และพระอรหันต์ท้ังหลาย สร้างบุญบารมีมานบั ภพชาติไมถ่ ว้ น เพอ่ื ความหลุดพน้ จากกิเลสท้งั ปวง จะอธิบายการบาเพญ็ บุญบารมีโดยยอ่ เพอื่ ละกิเลส ไดด้ งั น้ี บาเพญ็ เนกขมั มะบารมี เพอื่ ละกิเลสดา้ นราคะ บาเพญ็ ทานบารมี เพอ่ื ละกิเลสดา้ นโลภะ บาเพญ็ เมตตาบารมี เพ่อื ละกิเลสดา้ นโทสะ บาเพญ็ ปัญญาบารมี เพื่อละกิเลสดา้ นโมหะ บาเพญ็ บารมีดา้ นอื่นๆ เพื่อละกิเลส ตณั หา อวชิ ชา อุปาทาน เพราะฉะน้นั ทุกขเ์ กิดที่ใจ ย่อมดบั ไดท้ ี่ใจ การดบั กิเลสก็เช่นกนั ตอ้ งดบั ที่ตอ้ งเหตุ ไม่ใช่ไปดบั ที่ปลายเหตุ การบรรลุธรรม ก็ตอ้ งบาเพ็ญบุญบารมีให้เต็ม ทาตน้ เหตุให้ดี และ ปลายเหตุกจ็ ะออกมาดีเอง
152 พระพุทธเจา้ ในอนาคต มีจานวน 10 พระองค์ คือ 1. พระศรีอาริยเมตไตย 2. พระรามะพทุ ธเจา้ 3. พระธรรมราชพทุ ธเจา้ 4. พระธรรมสามีพทุ ธเจา้ 5. พระนารทพทุ ธเจา้ 6. พระรังสีมุนีพทุ ธเจา้ 7. พระเทวเทพพทุ ธเจา้ 8. พระนรสีหพทุ ธเจา้ 9. พระติสสพทุ ธเจา้ 10. พระสุมงั คลพุทธเจา้ หมายเหตุ รายช่ือพระพุทธเจา้ ในอนาคต จานวน 10 พระองค์ อีกประมาณนับกปั ไม่ถว้ น ถึงจะอุบตั ิพระพุทธเจา้ เกิดข้ึนในโลกมาสักพระองค์หน่ึง และหลงั จากพระพุทธเจา้ ในอนาคตกาลไปอีก 10 พระองค์ ก็ยงั มีพระพทุ ธเจา้ อุบตั ิข้ึนในโลกมีอีกมากมาย นบั ประมาณ ไม่ถว้ น พระพทุ ธเจา้ จึงไม่ไดม้ ีแคพ่ ระองคเ์ ดียว ดงั น้นั ทุกคนมีสิทธ์ิบาเพญ็ บุญบารมี เพื่อตรัสรู้เป็ นพระพุทธเจา้ ไดท้ ้งั หมด ข้ึนอยวู่ า่ ใครบาเพ็ญบุญบารมีไดก้ ่อน คนน้ันก็จะไดต้ รัสรู้เป็ นพระพุทธเจา้ ได้ก่อน ถา้ บาเพ็ญบารมีมา ทีหลงั ก็ตอ้ งรอตรัสรู้เป็นพระพุทธเจา้ เป็นลาดบั องคต์ ่อไป ดว้ ยเหตุน้ี การสาเร็จเป็นเทวดายงั ง่ายกวา่ สาเร็จเป็นพระโพธิสัตว์ เพราะมนุษยธ์ รรมดา บาเพ็ญบุญบารมีชาติเดียว ก็ได้สาเร็จเป็ นเทวดาแล้ว แต่บุคคลใดก็ดี ต้องการสาเร็จเป็ น พระโพธิสตั ว์ ตอ้ งบาเพญ็ บุญบารมี เป็นอสงไขยกปั แสนกปั ถึงจะไดส้ าเร็จเป็นพระโพธิสัตว์ ข้อควรทราบ เคลด็ ลบั การใช้พลงั เทพทกุ สายญาณ ผูเ้ ขียน เขียนโดยย่อเท่าน้ัน เพราะเทวดามีทุกสายญาณ ถา้ ผูอ้ ่านตอ้ งการให้ผูเ้ ขียน อธิบายเจาะลึกลงไปในรายละเอียด (เฉพาะบางองค์ท่ีเป็ นเทวดาประจาตัวท่าน) มากกว่า ในหนงั สือเล่มน้ี กรุณาแอดไลน์ไอดีผเู้ ขียน suteva เพ่ือเขา้ มาสอบถามปัญหาได้ ส่ิงศักด์สิ ิทธ์ิมจี ริง บุญและบาปมีจริง แต่ไม่ควรยดึ ตดิ ให้ใจตวั เองเป็ นทุกข์ ควรปล่อยวางอย่างมีสติ แล้วมชี ีวติ อยู่ด้วยปัญญา เขียนโดย นายตะวนั เพง่ พิศ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160