Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานการวิจัยในชั้นเรียน นางสาวธีรดา ยอดสุวรรณ์ 6212120009 กลุ่ม1

รายงานการวิจัยในชั้นเรียน นางสาวธีรดา ยอดสุวรรณ์ 6212120009 กลุ่ม1

Published by Guset User, 2023-07-07 09:22:29

Description: รายงานการวิจัยในชั้นเรียน นางสาวธีรดา ยอดสุวรรณ์ 6212120009 กลุ่ม1

Search

Read the Text Version

การศกึ ษาสาเหตุการไม่ส่งงานของนกั เรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 3/2 โรงเรียนดงประคำพทิ ยาคม ธรี ดา ยอดสุวรรณ์ หลักสูตรครศุ าสตร์บัณฑิต สาขาวชิ าสงั คมศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏพิบลู สงคราม ปกี ารศึกษา 2565

ก ชือ่ เรื่อง : การศึกษาสาเหตกุ ารไม่ส่งงานของนักเรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3/2 โรงเรยี นดงประคำพิทยาคม ผวู้ จิ ัย : นางสาวธีรดา ยอดสุวรรณ์ ปกี ารศึกษา : 2565 ปริญญา : ครุศาสตร์บณั ฑติ สาขาวิชา : สงั คมศึกษา อาจารย์ที่ปรกึ ษา : อาจารย์ ดร.ธญั ญาพร ก่องขันธ์ บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสาเหตุการไม่ส่งงานของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนดงประคำพิทยาคม กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวจิ ัย เป็นนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 3/2 จำนวน 5 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วย แบบตรวจสอบชิ้นงาน และแบบสัมภาษณ์สาเหตุการไม่ส่งงาน ของนักเรียนเป็นรายบุคคล การวิเคราะห์ข้อมูลใช้การวิเคราะห์เนื้อหา และการศึกษาพบว่าสาเหตุการไม่ส่ง งานของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนดงประคำพิทยาคม มีสาเหตุที่สำคัญคือ จะขึ้นอยู่กับตัว นักเรียนเป็นหลัก ในเรื่องการไม่สนใจในการเรียน ไม่ให้ความสำคัญในการทำงาน ไม่มีความรับผิดชอบใน ตวั เอง ในเร่ืองการสอนของครู ทส่ี ง่ั งานนกั เรยี นมากเกนิ ไป มภี าระงานอ่นื ๆ ทีต่ ้องทำทีบ่ ้าน ส่งผลให้นักเรียน ไมม่ ีเวลาในการทำบา้ นให้ครบทกุ วชิ า

ข กติ ติกรรมประกาศ รายงานการวิจัยเรื่อง การศึกษาสาเหตุการไม่ส่งงานของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียน ดงประคำพิทยาคม ฉบับนี้สำเร็จสมบูรณ์ได้ด้วยความกรุณาและความช่วยเหลืออย่างสูงยิ่งจากอาจารย์ ดร.ธญั ญาพร กอ่ งขันธ์ และครูเรืองรอง วรรณปัตย์ ครพู ่ีเลย้ี ง ขอขอบพระคุณผู้อำนวยการโรงเรียนดงประคำพิทยาคม คณะครู ที่กรุณาให้ความช่วยเหลือ อำนวย ความสะดวกในการเก็บรวบรวมข้อมูล และขอขอบใจนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 ที่กำลังศึกษาอยู่ภาค เรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565 โรงเรยี นดงประคำพทิ ยาคมทุกคน บุคคลสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้กำลังใจ ให้วิจัยได้มีโอกาสก้าวหน้าเข้าสู่ความสำเร็จและความหวังดีดัง ปรารถนาคือบุพการีและบุคคลในครอบครัวทุกคน ผู้วิจัยขอกราบขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ ความดีและ ประโยชน์อันพงึ มีจากการรายงานการวจิ ัยฉบับนี้ขอมอบแดค่ ุณพ่อ คุณแม่ พ่ๆี นอ้ งๆ และญาติ ๆ ตลอดจน ครู อาจารย์ ทอ่ี บรมส่ังสอนและใหค้ วามรู้ อกี ท้ังยังเป็นกำลังใจชว่ ยผลักดันใหผ้ ้วู ิจยั ได้มีโอกาสประสบความสำเรจ็ ธีรดา ยอดสวุ รรณ์

สารบัญ ค หัวเร่ือง หน้า บทคัดย่อ ก กิตติกรรมประกาศ ข สารบัญ ค สารบัญตาราง ง บทท่ี 1 บทนำ 1 ความเป็นมาและความสำคญั ของปัญหา 1 วตั ถุประสงค์การวิจยั 2 สมมตฐิ านงานวจิ ัย 2 ขอบเขตการวจิ ัย 2 ตัวแปรทศี่ ึกษา 2 ระยะเวลาท่ีศึกษา 2 นิยามศัพท์เฉพาะ 2 ประโยชน์ท่ีคาดวา่ จะไดร้ บั 3 บทที่ 2 เอกสารและงานวิจยั ทเี่ กีย่ วขอ้ ง 4 ความหมายของการบา้ น 4 แนวคิดทฤษฎีท่ีเกยี่ วข้องกบั การบ้าน 5 ประโยชนข์ องการบา้ น 5 เทคนิคการให้การบา้ น 6 เทคนิคการตรวจการบ้านและประเมนิ ผลการสอน 7 การให้แบบฝึกหัด 8 เอกสารและงานวิจัยทเ่ี ก่ียวข้อง 9 บทท่ี 3 การดำเนนิ การวิจยั 11 ประชากรและกลุม่ ตัวอยา่ ง 11 เคร่อื งมอื ท่ีใช้ในการรวบรวมข้อมลู 11 การเก็บรวบรวมข้อมูล 13 การวเิ คราะห์ข้อมลู 13

สารบญั (ต่อ) ค หวั เร่อื ง หน้า บทท่ี 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมลู 14 14 ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู 17 บทที่ 5 สรุปผลการศึกษา อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ 17 สรุปผลการศกึ ษา 17 อภปิ รายผล 18 ขอ้ เสนอแนะ 19 บรรณานุกรม 20 ภาคผนวก 20 ภาคผนวก ก ตารางตรวจสอบช้ินงานนักเรยี น 22 ภาคผนวก ข แบบสมั ภาษณ์ เรอ่ื ง สาเหตกุ ารไม่สง่ งานของนกั เรยี น

สารบญั ตาราง ง ตารางท่ี หน้า 14 1.1 การตรวจสอบช้นิ งานของนักเรยี น 15 1.2 การสัมภาษณ์สาเหตกุ ารไมส่ ่งงานของนักเรยี น จำนวน 5 คน

1 บทที่ 1 บทนำ ความเป็นมาและความสำคัญของปญั หา การเรยี นการสอนในปัจจุบนั ของประเทศไทย ได้มกี ารสอนทั้งในหอ้ งเรยี นและการสอนออนไลน์เข้ามา เกี่ยวข้อง การมอบหมายการบ้านนักเรียนเป็นส่วนประกอบสำคัญของการจัดการเรียนการสอนของครู การท่ี ครูดำเนนิ กจิ กรรมการเรยี นการสอนโดยมอบหมายการบ้านให้นักเรยี นทำน้ัน เพ่อื ให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ การให้การบ้านแก่นักเรียนเพ่ือใหน้ ักเรียนไดฝ้ ึกฝนเพ่ิมเตมิ นอกจากการเรียนในช้ันเรียนนั้น จะทำให้นักเรียนมี ความรู้ ความชำนาญตามความมุ่งหมายของบทเรียนมากยิ่งขึ้น รวมทั้งได้ฝึกฝนเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหา ได้ พัฒนาการคิด มีทักษะกระบวนการวิเคราะห์ต่างๆ ทำให้ครูทราบถึงความก้าวหน้าในการเรียนของนักเรียน ประโยชน์หลักๆ ของการให้การบ้าน ช่วยให้นักเรียนได้ฝึกฝนปฏิบัติเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาและทักษะตาม จุดหมายของการเรียนซึ่งจะทำให้นักเรียนมีความชำนาญ นักเรียนได้พัฒนาการคิดมากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้เรียนได้ พัฒนาความคิดหลาย ๆ รูปแบบ เช่น คิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณและมีความคิด สรา้ งสรรค์ หากเปน็ งานกลุม่ จะทำให้นักเรยี นมีทกั ษะทางด้านสังคมมากยง่ิ ขึน้ พ่อแม่หรอื ผู้ปกครองหรือแม้แต่ ชุมชนได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอน ในการให้การบ้านแก่นักเรียนนัน้ ครูต้องให้การบ้านท่ีมคี ุณคา่ ตอ่ การเรยี นรขู้ องนักเรยี น มปี ริมาณและความยากงา่ ยพอเหมาะ จึงจำเปน็ ท่ีครูต้องอธิบายแนวทางทำการบ้าน ให้นักเรียนเข้าใจพร้อมตอบข้อซักถามหากนักเรียนสงสัย การบ้านที่ครูให้ควรมีความหลากหลาย มีการให้ โอกาสแก่นักเรียนในการเลือกทำ และครูควรคำนึงถึงความสามารถของนักเรียนตลอดจนสภาพแวดล้อมทาง บา้ นของนกั เรยี น (ไกรวิชญ,์ 2554:3) วิชาประวัติศาสตร์ เป็นวิชาหนึ่งที่มีความจำเป็นต่อการพัฒนาคุณภาพของเยาวชนที่จะกลายเป็น ทรัพยากรมนุษย์ในอนาคตข้างหน้าของประเทศชาติ แต่เนื่องจากเนื้อหาสาระของรายวิชานี้กว้างและ หลากหลาย การจัดการเรียนการสอนของครูยังขาดสิ่งจูงใจและเร้าความสนใจของผู้เรียน ประกอบกับผู้เรียน ไม่เห็นความสำคัญของการเรียน วิชาประวตั ิศาสตร์ ดังนั้นเพ่ือให้ผู้เรียนเกดิ การเรียนรู้และเกิดความสนใจการ เรยี นให้มากข้นึ ครจู ะตอ้ งจดั ทำสอ่ื การเรียนการสอนท่ชี ว่ ยให้บทเรียนมคี วามนา่ สนใจ ผเู้ รยี นสามารถเรียนรู้ได้ ด้วยตนเอง เพื่อเป็นสื่อกลางระหว่างผู้สอนและผู้เรียนให้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ ครูควรจะคำนึงถึง ความแตกต่างระหว่างผู้เรียนและให้ความสำคัญกับการสอน จะช่วยให้ผู้เรียนตระหนักถึงกระบวนการการ เรียนรู้ ข้อดีและข้อด้อยของตัวเอง ซึ่งจะทำให้เขารู้ตัวและปรับปรุงตัวได้ ในการจัดการเรียนสอนของครู ได้มี การมอบหมายภาระงานหรือการบ้านให้กับนักเรียนเพื่อเป็นคะแนนเก็บ รวมทั้งเพื่อให้นักเรียนได้ทบทวน ความรู้ และเพ่ิมทกั ษะกระบวนการตา่ งๆ จากการจัดการเรียนการสอนในรายวิชาประวัติศาสตร์ ของนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนดงประคำพิทยาคม ในเทอมที่ 1 ปีการศึกษา 2565 พบว่ามีนักเรียนส่วนหนึ่งไม่ส่งงาน ทำให้ครูผู้สอนไม่ สามารถวัดความรู้ หรือติดตามความก้าวหน้าของนักเรียนได้ ซึ่งส่งผลต่อคะแนนเก็บของนักเรียน จึงเป็นปัญหาท่ี เกดิ ขนึ้ และตอ้ งการที่จะแกไ้ ข เพอื่ ให้นักเรียนเห็นความสำคญั ของการทำการบ้าน มคี วามรบั ผิดชอบต่อภาระงานท่ี

2 ได้รับมอบหมาย ผู้วิจัยในฐานะที่เป็นทั้งครูผู้สอนและครูประจำรายวิชาประวัติศาสตร์ ได้เห็นความสำคัญของ ปญั หาดงั กล่าว จึงมคี วามตอ้ งการที่จะกระตนุ้ ใหผ้ ้เู รยี นมีการสง่ งานให้ครบตามระยะเวลาที่กำหนด เพือ่ ใหน้ กั เรียน ที่ไม่ประสบความสำเร็จในการเรียน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไปในทิศทางที่ดีขึ้น รวมทั้งให้นักเรียนได้เกิดการ เรียนรู้และมคี วามสุขในการเรยี น ดังนั้นเหตผุ ลและปัญหาดงั กลา่ วขา้ งตน้ ผู้วจิ ัยเห็นวา่ การไม่สง่ งานของนักเรียนในระดับชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนดงประคำพิทยาคม ถอื เป็นปัญหาสำคญั ที่ควรไดร้ บั การแก้ไข จึงไดท้ ำการวจิ ยั ศึกษาสาเหตุการไม่ส่ง งานของนกั เรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนดงประคำพทิ ยาคม เพอ่ื ให้นกั เรียนมีความรับผิดชอบและมีการ ส่งงานเพ่ิมมากข้ึน วัตถุประสงคข์ องการวิจัย เพือ่ ศึกษาสาเหตุการไมส่ ง่ งานของนกั เรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 3/2 โรงเรียนดงประคำพทิ ยาคม สมมติฐานของการวิจัย นักเรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 3/2 โรงเรยี นดงประคำพิทยาคม มกี ารสง่ งานที่เพ่ิมมากขึน้ ขอบเขตของการวจิ ยั การศึกษาในคร้งั นเ้ี ปน็ การศกึ ษาสาเหตุการไม่สง่ งานของนักเรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3/2 โรงเรียน ดงประคำพิทยาคม ประชากรที่ใชใ้ นการศึกษาคร้งั นี้ คอื นักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนดงประคำพิทยาคม จำนวน 2 ห้องเรยี น มีนักเรียน 31 คน ตวั แปรที่ศึกษา ตัวแปรต้น ได้แก่ การศึกษาสาเหตกุ ารไมส่ ่งงานของนักเรียน ตัวแปรตาม ไดแ้ ก่ สาเหตกุ ารไมส่ ง่ งานของนักเรียน ระยะเวลาทใ่ี ช้ในการวจิ ยั ระยะเวลาท่ีใช้ในการวิจัย ตลอดภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565 นยิ ามศพั ท์เฉพาะ 1. การไม่สง่ งาน หมายถึง พฤติกรรมของนกั เรียนที่ไมท่ ำการบ้านท่ีครูผ้สู อนมอบหมายให้ในระหว่างเรียน มามอบให้ครผู สู้ อนท่โี รงเรียนตามกำหนด 2. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หมายถึง นักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนดงประคำพิทยาคม อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา พษิ ณุโลก-อตุ รดิตถ์ จำนวน 2 หอ้ ง มนี ักเรยี น 31 คน

3 ประโยชน์ทค่ี าดว่าจะได้รบั 1. ทราบถึงสาเหตกุ ารไม่ส่งงานของนกั เรียน 2. ได้แนวทางในการแก้ปญั หาการเรียนการสอน 3. หลงั จบการวิจัยนกั เรยี นตระหนกั ถึงความสำคัญของการส่งงาน และมีความรับผิดชอบเพิ่มมากขนึ้

4 บทท่ี 2 เอกสารและงานวิจัยท่ีเกย่ี วข้อง การศึกษาสาเหตุการไมส่ ่งงานของนักเรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 3/2 โรงเรยี นดงประคำพทิ ยาคม ผูว้ ิจัย จึงศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นพื้นฐานในการดำเนินการ โดยศึกษารายละเอียดตามลำดับ หวั ข้อ ต่อไปนี้ 1. ความหมายของการบ้าน 2. แนวคดิ ทฤษฎที ่เี กย่ี วข้องกับการบ้าน 3. ประโยชน์ของการบ้าน 4. เทคนคิ การให้การบา้ น 5. เทคนิคการตรวจการบ้านและประเมินผลการสอน 6. การใหแ้ บบฝึกหดั 7. งานวิจยั ทเี่ ก่ยี วข้อง 1. ความหมายของการบ้าน การบ้าน หมายถึง แบบฝึกหัดที่ครูมอบหมายให้นักเรียนไปทำเองที่บ้าน เพื่อประโยชน์ในการ ฝึก ปัญญาของเด็กนักเรียนและสร้างความคุ้นเคย ในเรื่องเกี่ยวกับสิ่งที่วัตถุประสงค์ของบทเรียนนั้นๆมีอยู่ โดยเฉพาะในการแก้ปัญหาไปตามแนวทางที่โจทย์วางไว้ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเข้มแข็ง คล่องแคล่ว ในทาง ปัญญา คอื รูจ้ กั วธิ ีหาทางออกด้วยปัญญาในเร่ืองท่ฝี ึกน้นั ได้อย่างคล่องแคลว่ และเข้มแข็งดี ให้ติดตัวนักเรียน เหลา่ นั้นไป ซึ่งจะเป็นประโยชนใ์ นการเรียนรู้ในลำดบั ที่สงู ขน้ึ ไป ความหมาย คำว่า การบ้าน ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2542 หมายถึง งานทคี่ รใู ห้กำหนดให้นกั เรยี นไปทำทบี่ า้ น (ราชบัณฑิตยสถาน, 2546:115) วีระ ไทยพาณิช (2551:28) กลา่ ววา่ การบา้ น คืองานชนิดใดชนิดหนึง่ ทส่ี ัมพันธ์กบั กจิ กรรมในชั้นเรียน ท่ปี ฏิบัติหรอื กระทำนอกโรงเรียน จุดมงุ่ หมายสำคัญก็เพ่ือนใหน้ ักเรียนมโี อกาสฝึกปฏิบัติและเพิ่มพูนสิ่งที่ทำใน ชัน้ เรยี น การบ้านหรืองานมอบหมาย หมายถึง งานที่ครูหรืออาจารย์มอบหมายให้นักเรียน ทำให้เสร็จนอก ห้องเรียน การบ้านทั่วไปอาจประกอบด้วยระยะเวลาให้นักเรียนได้อ่านเพิ่มเติม และแสดงออกผ่านการเขียน หรือการพิมพ์การแสดงออกถึงทักษะในการแก้ปัญหา การเขียนโครงงาน หรือการฝึกฝนทักษะอื่นๆ เนื้อหา การบา้ นจะหมายถึงแบบฝึกหัดท่ีครูมอบหมายให้นักเรียน ไปทำเองทบ่ี ้าน เพื่อประโยชน์ในการฝึกปัญญา ของ เด็กนักเรียน โดยเฉพาะในการแก้ปัญหาไปตามแนวทางที่โจทย์วางไว้ การไม่มีการบ้านหรือมีแต่ง่ายและน้อย เกินไปจะทำให้เด็กไม่ได้รับการฝกึ ฝนออกกำลังกายสมองอย่างเพยี งพอ ในอกี มมุ หนง่ึ การบ้านท่ียากพอต่อการ ใช้ไปตอ่ ยอดความรู้มจี ำนวนมากพอท่จี ะบ่มเพาะปญั ญาได้จะเป็นส่ิงที่ใชฝ้ ึกฝนความเพยี รซึ่งเป็นคุณสมบัติของ จิตใจที่เป็นหนึ่งในสี่ของอิทธิบาท (ฐานของความสำเร็จ) ซึ่งเป็นประโยชนแ์ ก่อนาคตทั้งเด็กนักเรียนของสงั คม ประเทศชาติบ้านเมือง และผลงานการทำการบ้านที่เด็กเอามาส่งครูนอกจากจะสะท้อนความสำเร็จของการ

5 พฒั นาความรคู้ วามสามารถในเรื่องนนั้ ๆของครูและโรงเรียนแล้วยังบอกถึงความสำเรจ็ ในการฝกึ ฝนบุคลากรใน อนาคตของสังคมให้มีทัศนคติในการใช้ปัญญากับความเพียรที่ตนมีอยู่อย่างถูกต้องหาทางแก้ปัญหาที่เผชิญ มิใช่อาศัยกำลังหรือเลห่ เ์ หลี่ยมทางกฎหมาย หรือทางการเมือง ซึ่งเป็นทัศนะคติสำคญั ท่ีจะทำให้ประเทศของ เราเจริญก้าวหนา้ อยา่ งท่ีคุณต้องการ 2. แนวคดิ ทฤษฎที เ่ี กี่ยวข้องกับการบ้าน วัตถุประสงค์ดั้งเดิมของการบ้าน คือการเพิ่มพูนความรู้ ทักษะและความสามารถของเด็ก การบ้านที่ เหมาะสมควรถูกออกแบบเพอ่ื สนับสนุนเพิ่มเตมิ สิง่ ทีน่ กั เรยี นได้เรียนไปแลว้ เตรียมตวั สำหรับบทเรียนท่ียากใน วนั ถดั ไป ตอ่ ยอดสิ่งท่ไี ดร้ ูโ้ ดยนำไปประยุกต์กบั สถานการณ์ใหม่ ตลอดจนนำความสามารถหรือทักษะท่ีได้รับไป บรู ณาการ การบา้ นทีด่ ีในยุคปัจจุบันและยุคต่อไป ต้องเน้นเร่อื งของการเรยี นรผู้ า่ นการฝกึ ทักษะ ไม่ใช่การเรียนรู้ ผ่านการรับข้อมูลหรือองค์ความรู้ ทั้งนี้เนื่องจากความรู้แตกตัวขยายองค์ความรู้มากมายอันเนื่องมาจาก เทคโนโลยไี อทีในปจั จบุ ัน ความรู้หลายเร่ืองอาจผดิ ในวนั ข้างหน้า (เช่นไมม่ ีภาวะเรอื นกระจก) และเด็กสามารถ หาอา่ นได้เองจากอินเทอร์เนต็ วัตถุประสงค์ การให้การบ้านหรือการมอบหมายงานให้กับนักเรียนไปทำเพิ่มเติมที่บ้านนั้นมี วตั ถปุ ระสงคห์ ลายประการท่สี ำคัญไดแ้ ก่ 1. เพ่อื ใหน้ กั เรยี นได้ฝึกปฏบิ ตั เิ พมิ่ เตมิ เก่ียวกบั เนอ้ื หาและทักษะตามจุดประสงค์ของการเรียนซ่ึงจะทำ ใหน้ ักเรยี นมคี วามชำนาญ 2. เพื่อให้นักเรียนได้พัฒนาการคิดมากยิ่งขึ้น และการให้การบ้านในบางเรื่องทำให้ผู้เรียนพัฒนา ความคิดหลายรูปแบบ เชน่ คดิ วิเคราะห์ คิดสงั เคราะห์ คดิ อย่างมวี จิ ารณญาณและคิดสรา้ งสรรค์ เป็นต้น 3. หากการบ้านที่ครูให้นั้นเป็นการบ้านในลักษะงานกลุ่ม สำหรับนักเรียนที่โตแล้วก็จะทำให้นักเรียน ได้ฝกึ การประสานงานและทกั ษะทางสงั คม 4. เพอ่ื เปดิ โอกาสให้พ่อและแมห่ รือผปู้ กครองหรือแม้แต่ชุมชนได้สว่ นร่วมในการจัดกิจกรรมการเรียน การสอนโดยเป็นผูใ้ หค้ ำแกน่ กั เรียนไดร้ ับมอบหมายจากครู 5. เพื่อให้ครไู ด้ทราบถงึ ความก้าวหน้าในการเรยี นของนักเรียน สรุปได้ว่า การที่ครูดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอนโดยมอบหมายการบ้านให้นักเรียนไปทำนั้น มี วัตถุประสงค์ของบทเรียน และเพื่อให้นักเรียนได้ฝึกฝนเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาและทักษะตามจุดประสงค์ของ บทเรยี น และเพื่อให้นักเรยี นไดพ้ ฒั นาการคิดรวมท้ังเพื่อให้ครูทราบถงึ ความก้าวหนา้ ในการเรยี นของนักเรียน 3. ประโยชนข์ องการใหก้ ารบ้านแกน่ กั เรยี น การให้การบ้านแก่นักเรียนเพื่อให้นักเรียนได้ฝึกฝนเพิ่มเติมนอกจากการเรียนในชั้นเรียนนั้นจะ ทำให้ นกั เรียนมคี วามรู้ ความชำนาญตามความมุ่งหมายของบทเรยี นมากยิง่ ข้ึน ประโยชนห์ ลักๆ ของการให้การบ้าน แกน่ กั เรียนได้แก่

6 1. นักเรียนได้ฝึกฝนปฏิบัติเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาและทักษะตามจุดหมายของการเรียนซึ่งจะทำ ใหน้ ักเรียนมีความชำนาญ 2. นักเรียนได้พัฒนาการคิดมากยิ่งขึ้น และการให้การบ้านในบางเรื่องจะทำให้ผู้เรียนได้พัฒนา ความคดิ หลายๆรปู แบบ เชน่ คิดวเิ คราะห์ คิดสงั เคราะห์ คิดอย่างมวี จิ ารณญาณและคิดสร้างสรรค์ เปน็ ต้น 3. หากเป็นงานกล่มุ จะทำใหน้ ักเรยี นมีทกั ษะทางดา้ นสังคมมากยิง่ ข้ึน 4. พ่อแมห่ รือผปู้ กครองหรือแม้แต่ชุมชนได้มสี ่วนร่วมในกจิ กรรมการเรียนการสอน 5. ทำใหค้ รไู ด้ทราบถึงความก้าวหน้าในการเรยี นการสอน คู้เปอร์ (2545:41-42) กล่าวกับผลกระทบของการบ้านที่มีต่อความสำเร็จในการเรียนของเด็กว่า ใน เดก็ เล็กน้ัน การบ้านไม่ส่งผลท่ีแตกต่างกันมากนัก ระหว่างเด็กท่ีทำการบ้าน และเดก็ ที่ได้รับวิธีการอ่ืนทดแทน แต่นักเรียนในระดับชั้นสูงขึ้นไป การบ้านสามารถสร้างผลกระทบที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด และหากนำเอา องคป์ ระกอบในดา้ นคา่ ใชจ้ า่ ยของการบ้านมาเปรยี บเทียบกับวิธกี ารอ่ืนๆ แล้วพบวา่ การบ้านน้นั เป็นสงิ่ ที่วิธีการ อ่ืนไมส่ ารมารถเทยี บเท่าได้เลย นอกจากน้ี การบา้ นยงั ได้ส่งผลในเชิงบวกต่อเด็ก เม่อื กา้ วสู่การเป็นนักเรียนใน ชั้นสูงขึ้นไป สำหรับเด็กที่มีขีดจำกัดในด้านการเรียน การบ้านยังเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ยิ่ง ถ้าหากตั้งอยู่บน พน้ื ฐานของส่งิ ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. การเตรยี มการและวางแผนทด่ี ีของครผู สู้ อน 2. การมอบหมายงานทีเ่ หมาะกับทักษะ ความสนใจ และแรงจูงใจของเดก็ 3. การได้รับความร่วมมอื ที่ดจี ากผูป้ กครอง สรปุ ไดว้ า่ การใหก้ ารบา้ นแกน่ ักเรียนก่อให้เกดิ ประโยชน์หลายประการที่สำคัญได้แก่นักเรียนมีความรู้ และความความชำนาญตามจุดประสงค์ของบทเรียนมากยิ่งขึ้น นักเรียนได้พัฒนาการคิดและทำให้ครูทราบถงึ ความก้าวหน้าทางการเรยี นของนักเรียน รวมทั้งส่งเสริมให้ผู้ปกครองและชุมชนมีส่วนร่วมในการให้คำแนะนำ ปรกึ ษาเก่ยี วกับการบ้านหรืองานทคี่ รูมอบหมายใหน้ ักเรยี นศึกษาคน้ ควา้ เพม่ิ เติม 4. เทคนคิ การให้การบ้าน หลักการสำคัญในการให้การบ้าน คือ ครูต้องชี้แจงสิ่งที่มอบหมายให้นักเรียนทำให้ชัดเจน และ นกั เรียนมคี วามรแู้ ละทกั ษะเพยี งพอทส่ี ามารถจะทำการบ้านหรอื ค้นคว้าความร้เู พ่มิ เติมได้ มิลเลอร์ (Miller, 2009:198) วิเคราะหง์ านวจิ ยั เกีย่ วกับการใหก้ ารบ้านแกน่ ักเรยี นสรุปได้ว่า ครคู วร ปฏบิ ัติดังน้ี 1. ใหก้ ารบ้านทม่ี ีคณุ คา่ และสอดคล้องกบั ความสนใจและความต้องการของนักเรยี น 2. ครตู ้องแน่ใจวา่ การบา้ นท่ีให้น้นั มคี วามยากง่ายที่เหมาะสม 3. ครตู ้องอธิบายแนวทางการทำการบา้ นใหเ้ ข้าใจและตวั วอยา่ งประกอบชดั เจน 4. ครูตอ้ งอทุ ศิ เวลาในการตอบคำถามแก่นกั เรียน 5. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียนเกี่ยวกับงานทีม่ องหมาย 6. ครูใหก้ ารบา้ นท่ีหลากหลายและให้โอกาสแก่นักเรียนในการเลือกทำ

7 7. ใหพ้ อ่ แมห่ รือผปู้ กครองมีสว่ นรว่ มในการให้คำแนะนำ 8. ครูตอ้ งคอยให้ความชว่ ยเหลอื และให้ผลปอ้ นกลบั แก่นักเรียนในการทำงานทม่ี อบหมาย วีระ ไทยพานชิ (2551:29) แนะนำเกีย่ วกบั การให้การบา้ น สรุปได้ดังนี้ 1. ครูวางแผนในการใหก้ ารบ้านดว้ ยความรอบคอบ โดยคำนงึ ถึงความสามารถของนักเรียนความ สนใจตลอดจนสง่ิ แวดล้อมทางบา้ นของนกั เรียน 2. การบ้านควรชดั เจน รดั กุมและสัมพันธท์ ่ีเรยี นในชนั้ 3. การกำหนดเวลาสำหรบั การส่งการบา้ น ควรคำนึงถงึ กิจกรรมอื่นๆ ท่นี ักเรยี นต้องปฏบิ ัติดว้ ย เช่น กีฬาตา่ ง ๆ ชมุ นุมหรือชมรมต่าง ๆ ตลอดจนงานในวิชาอน่ื ๆของนักเรียน 4. ครสู ามารถช่วยเหลอื นักเรียน โดยการใช้เวลาในช่วั โมงทสี่ อนถามคำถามอภิปรายหรือแสดง ตวั อยา่ ง เพื่อใหน้ ักเรียนรู้วา่ เขาตอ้ งทำอะไร 5. ต้องตรวจสอบการบ้าน ไม่เช่นนั้นแล้วนักเรียนจะคิดว่าครูไม่สนใจและคิดว่าการบ้านเป็นสิ่งไม่ สำคญั ตรวจเสรจ็ แลว้ คนื ใหน้ ักเรียนเรว็ ทสี่ ุดจะเปน็ การเสรมิ แรงจูงใจใหน้ ักเรยี นได้ทำการบ้านด้วยความสนใจ มากยิ่งขึ้น และไม่ใช่การบ้านเป็นเครื่องมือในการลงโทษ แต่การบ้านควรเป็นการศึกษาเพื่อเพิ่มประสบการณ์ ใหแ้ ก่นกั เรยี น สุปราณี จิราณรงค์ (2551:103-104) กล่าวว่า เมื่อครูให้การบ้านครูจะต้องคำนึงถึงงานที่นักเรียน จะต้องทำในแต่ละวิชาด้วยเพราะถ้าครูต่างคนต่างให้มากๆ นักเรียนก็จะลำบากในการทำการบ้านก็เพ่ือ ทบทวนและไม่ควรให้การบ้านแก่นักเรียนพอประมาณโดยมีหลักการให้การบ้านที่ยังไม่ได้สอนก็จะทำให้ นกั เรยี นทำไมไ่ ด้ สรุปได้ว่า ในการให้การบ้านแก่นักเรียนนั้นครูต้องให้การบ้านที่มีคุณค่าต่อการเรียนรู้ของนักเรียน มี ปริมาณและความยากง่ายพอเหมาะ และครูต้องอธิบายแนวทางทำการบ้านให้นักเรียนเข้าใจพร้อมตอบข้อ ซักถามหากนักเรียนสงสัย การบ้านที่ครูให้ควรมีความหลากหลายและให้โอกาสแก่นักเรียนในการเลือกทำ รวมทั้งให้พ่อแม่หรือผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการให้ถูกต้องหรือไม่ นอกจากนี้ ครูต้องคำนึงความสามารถของ นักเรียนตลอดจนสภาพแวดลอ้ มทางบา้ นของนกั เรยี นอีกดว้ ย 5. เทคนิคการตรวจการบา้ นและประเมินผลการสอน เมื่อครูให้การบ้านแก่นักเรียนไปแล้ว หากการบ้านนัน้ นกั เรยี นต้องใชร้ ะยะเวลานานพอสมควรในการ ทำ ก่อนการกำหนดส่ง ครูต้องติดตามตรวจสอบเป็นระยะๆ และให้นักเรียนได้มีโอกาสขอคำปรึกษาหากมี ข้อเสนอแนะ และที่สำคัญที่สุด ครูต้องตรวจการบ้านและอธิบายในส่วนที่นักเรียนยังมีข้ อผิดพลาด ซึ่งการ ตรวจการบ้านจะทำให้ครูทราบถึงผลการสอนของเองไปในตัวอีกดว้ ย คลาย(Kline, 1989)อ้างถึงในMiler, 2009:206-207) กล่าวถึงขั้นตอนในการให้ผลป้อนกลับแก่ นักเรียน 1. ครูตรวจงานทน่ี กั เรยี นแก้ไขท่ผี ิด พรอ้ มท้งั จดบันทึกหากยงั มขี อ้ ผิดพลาด 2. ครแู ละนกั เรยี นประชมุ ร่วมกัน

8 3. ครูให้นักเรียนพูดถึงจุดเด่นของผลงานของนักเรียนเอง หากนักเรียนบอกไม่ได้ให้ครูเป็นคน กล่าวถึงจุดเดน่ ของผลงานอยา่ งน้อย 3 ขอ้ 4. ครูอธิบายข้อผิดพลาดของนักเรียน 1 ข้อ แสดงขั้นตอนของวิธีการให้นักเรียนดู จากนั้นจึงให้ นักเรียนฝกึ ปฏบิ ัติตามขั้นตอนดังกลา่ ว และครูเฝ้าดแู ละใหค้ วามชว่ ยเหลอื จนกระท่งั นักเรยี นสามารถทำได้ด้วย ตนเองอย่างน้อย 1 ตวั อยา่ ง 5. ครูอธิบายข้อผิดพลาดข้อถัดไปและดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 7 จนกระทั่งอธิบายข้อที่ นักเรยี นทำผดิ ทุกขอ้ 6. ครูสรุปสาระสำคัญของการประชุมและให้ผลป้อนกลับ รวมทั้งระบุว่า อะไรที่นักเรียนควรทำ ต่อไปและท้ายที่สุดครูพูดแสดงความคาดหวังต่อตัวนักเรียนในการลองปฏิบัติในครั้งใหม่ต่อไปน้ี เช่น พูดว่า เช่อื ได้เลยว่าพรงุ่ นเี้ ธอจะมคี วามเขา้ ใจเร่ืองนีเ้ ป็นอย่าง 6. การใหแ้ บบฝกึ หัด แบบฝึกหัดมีความจำเป็นต่อการเรียนการสอนวิชาทักษะ การใช้แบบฝึกพัฒนาการเรียนการสอนจะ ช่วยใหค้ รแู ละนักเรียนพบขอ้ บกพรอ่ งทางการเรียนการสอนและแก้ไขข้อบกพร่องนนั้ การใหท้ ำแบบฝกึ หัดหรือ การให้การบ้าน เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยตนเองของนักเรียน ผลงานจากการทำแบบฝึกหัด จะบอกให้ครู ทราบวา่ นกั เรียนเข้าใจบทเรียนท่เี รียนไปแล้วหรอื ไม่ ถ้านกั เรยี นทำแบบฝึกหัดหรอื ทำการบา้ นไม่ค่อยได้แสดง ให้เหน็ วา่ ครูจะตอ้ งสอนซอ่ มเสริมหรืออาจจะต้องทบทวนบทเรียนใหม่ จากความหมายของแบบฝึกหัดดังกล่าว สรุปได้ว่า แบบฝึกหัด หมายถึง สิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อเสริมสร้าง ทักษะให้แก่นักเรียน มีลักษณะเป็นแบบฝึกหัดให้นักเรียนได้กระทำกิจกรรมโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนา ความสามารถของนกั เรยี นใหด้ ขี ้นึ สุปราณี จิราณรงค์ (2551:105) กล่าวว่า ในการตรวจผลงานหรือชิ้นงานของนักเรียนไม่ว่าจะเป็น แบบฝกึ หดั ใบงาน รายงานหรอื ขอ้ สอบน้นั ครูไม่ควรคำนงึ เพียงแคค่ วามถูกผดิ ผ่านหรือไม่ผา่ น แตค่ รูควรตรวจ เพื่อประเมิน แกไ้ ข และปรบั ปรุง ดงั นี้ 1. ตรวจเพ่ือประเมินการเรียนของนักเรียน ว่านักเรยี นมีความเขา้ ใจมากน้อยเพยี งใดทำไมถึงทำ แบบฝึกหัด ใบงาน รายงานไม่ได้ เพราะนักเรียนอาจจะอ่านแล้วไม่เข้าใจภาษาที่ครูใช้ในการแบบฝึกหัดไม่สื่อ ความชดั เจน ทำใหน้ ักเรียนสบั สนได้ หรือเนอื้ หาทีใ่ ห้นักเรียนทำเกินบทเรียนท่กี ำหนด เปน็ ตน้ 2. ตรวจเพอื่ ประเมินการสอนของครู ว่าการสอนของครมู ีปญั หาอย่างไร เพราะครบู างท่านเรียน เกง่ แต่อาจมปี ญั หาในการถ่ายทอด หรือบางท่านคิดเอาเองวา่ นกั เรียนเขา้ ใจดแี ลว้ เพราะน่ังเงยี บท้งั ห้อง 3. เมื่อได้ข้อมูลจากการประเมินแล้ว ครูควรนำข้อมูลนั้นมาพิจารณาปรับปรุงแก้ไขโดยพิจารณา ตั้งแต่การสอนของครู วิธีสื่อความรู้ให้นักเรียนเข้าใจ ภาษาที่ครูใช้ วิธีการถามโดยพิจารณาตั้งแต่การสอนของ ครู หรือเนือ้ หาที่อาจมาเกนิ มาตรฐานการเรยี นรูใ้ นช้นั น้นั ๆ 4. หลังจากครปู ระเมนิ และปรบั ปรุงแกไ้ ขแลว้ ครูจะตอ้ งพัฒนาการจัดเตรยี มการเรยี นการสอนให้ ดขี ึ้นเพื่อให้เกิดการเรยี นการสอนผลดีทั้งนกั เรียนและครู

9 สรุปได้ว่า ครูต้องตรวจการบ้านที่มอบหมายให้นักเรียนทำ ให้การเสริมแรง และอธิบายให้นักเรียน เขา้ ใจในขอ้ ทีน่ ักเรียนทำผิดจนกระทง่ั นักเรียนสามารถทำได้ดว้ ยตนเอง และครูควรนำข้อมลู ท่ีได้จากการตรวจ การบ้านมาพิจารณาในการปรบั ปรุงเทคนิคและวิธกี ารสอน และรวมถึงสอื่ ทค่ี รูใช้อกี ดว้ ย จาการศึกษาเอกสารและงานวิจัยทเี่ กี่ยวข้องเพ่ือเป็นพ้ืนฐานในงานวจิ ัย เร่อื ง การศึกษาสาเหตุการไม่ สง่ งานของนกั เรียนชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 3/2 โรงเรียนดงประคำพิทยาคม ผวู้ จิ ัยสรุปได้ว่าจาการศกึ ษาเอกสารและงานวิจัยทเ่ี กย่ี วข้องสรปุ ได้วา่ 1. ไม่มีเวลาวา่ งในการทำการบา้ น 2. ไม่สนใจหรอื ใสใ่ จในงานหรอื การบ้านท่ีครมู อบหมาย 3. ไมม่ ีความกระตือรือร้นในการทำงาน 4. ไมเ่ ขา้ ใจเน้ือหาที่ครสู อน 5. ขาดความพร้อมดา้ นแหลง่ คน้ ควา้ ขอ้ มลู 7. งานวิจัยทเ่ี กย่ี วขอ้ ง พรรณี ชุติวัฒนธาดา (2544) ทำวิจัยในชั้นเรียน เรื่อง พฤติกรรมการไม่ส่งงานตามกำหนดของ นักเรียนชั้น ม.5/5 ประจำภาคเรียนที่ 1/2544 จำนวน 6 คน มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาหาสาเหตุที่ทำให้ นักเรียนทั้ง 6 คน ไม่ส่งงานตามกำหนดและเพื่อหาวิธีการให้นักเรียนทั้ง 6 คนส่งงานตามกำหนด ได้สรุปผล จากการสัมภาษณ์ครู เพื่อน ตัวนักเรียน ผลงานของนักเรียน และจากการสังเกตพฤติกรรมในขณะเรียนใน ห้องเรียน พบว่า สาเหตุที่ทำให้นักเรียนทั้ง 6 คน ไม่ส่งงานพร้อมเพื่อนมาจากไม่มีแบบเรียน ไม่เข้าใจใน บทเรยี นและมพี ื้นฐานทางภาษา อยใู่ นเกณฑ์ต่ำ จึงไมส่ ามารถทำแบบฝกึ หัดท้ายบทเรียนได้ ตอ้ งรอให้เพื่อนทำ สง่ กอ่ นแล้วลอกเพื่อนมาสง่ ครู เพยี งเพ่อื ใหม้ ีงานส่งได้ครบตามเกณฑ์ และไม่ตดิ “ร” และได้นำผลกาวิเคราะห์ ไปปรึกษาผู้ร่วมงานและถามความคิดเห็นของนักเรียนทั้งห้อง เพื่อหาแนวทางแก้ไข ได้ข้อสรุปว่า ครู ควร กำหนดวันที่แน่นอนที่จะต้องใช้แบบเรียนและสามารถให้นักเรียนขอยืมแบบเรียนเพื่อใช้ในคาบเรียนได้จาก ศูนย์ภาษาฯ ควรมีการจัดกลุ่มให้นักเรียน 6 คน กระจายไปอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่ตั้งใจเรียนและมีผลการเรียนดี เพื่อช่วยเหลือกัน ควรจัดทำเอกสารเสริมการสอนบทเรียนให้นักเรียนทุกคนสามารถนำไปทบทวนนอกเวลา เรียนได้ ควรเพิ่มคะแนนกล่มุ ทีส่ ามารถชว่ ยใหน้ ักเรยี นที่มปี ัญหาทัง้ 6 คน ส่งงานไดต้ ามกำหนดทุกครงั้ และ ควรสอนเสริมนักเรียนทัง้ 6 คนนอกเวลาเรียน สุธี สุกิจธรรมภาณ (2552) ทำวิจัยในชั้นเรียน เรื่อง การศึกษาพฤติกรรมการไม่ส่งงานหรือการบ้าน ของนักศึกษา ระดับ ปวส. ชั้นปีท่ี 2 กลุ่ม 2 แผนกวิชาช่างไฟฟ้ากำลัง วิทยาลัยเทคนิคสุโขทัย โดยมี วัตถุประสงคเ์ พื่อศึกษาพฤตกิ รรมการไมส่ ่งงานหรือการบ้านของนักศึกษา ผลการวจิ ัยพบวา่ สาเหตุของการไม่ ส่งงานหรือการบ้าน ลำดับที่ 1 คือ การให้งานท่ีมากเกินไป และแบบฝึกหัดยาก ทำไม่ได้ โดยคิดจากนักศึกษา 38 คน ท่เี ลอื กเป็นสาเหตุอนั ดบั ที่ 1 และ 2 จำนวน 23 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 65.85 อสิ รยิ า วฒุ ิจันทร์ (2553) ทำวจิ ยั ในช้นั เรยี น เรอื่ ง การแกป้ ัญหานกั ศึกษาไม่ส่งงานตามกำหนดสำหรับ ระดับประกาศนยี บัตรวิชาชีพช้นั ปีท่ี 1 ห้อง CD101 โรงเรียนพายัพเทคโนโลยีและบริหารธรุ กจิ มวี ัตถุประสงค์

10 เพื่อแก้ปัญหานักศึกษาไม่ส่งงานตามกำหนด ข้อมูลที่ใช้มาจากการสัมภาษณ์นักศึกษาท่ีไม่ส่งชิ้นงานหรือ การบ้านตามกำหนด การสังเกตการณ์ส่งชิ้นงานหรือการบ้านจากแบบบันทึกการส่งงานของนักศึกษา ห้อง CD101 จำนวน 6 คน และการใช้แบบสอบถามความคิดเห็นสำหรับนักศึกษาในชั้นเรียนต่อนักศึกษาที่ไม่ส่ง ชิ้นงานหรือการบา้ นตามกำหนดของนกั ศึกษาห้อง Cd101จำนวน 34 คน พบวา่ เปน็ เพศชายมากกวา่ เพศหญิง คดิ เป็นร้อยละ 5.88 และนกั ศึกษาที่ตอบแบบสำรวจไดส้ ่งงานตรงตามเวลาทุกคร้ังเป็นอันดับหน่ึง คิดเป็นร้อย ละ 70.59 อันดับสอง ยังมีนักศึกษาท่ีสง่ ไมต่ รงเวลาเป็นบางครั้ง คิดเป็นร้อยละ 11.76 อชณัชญา สวาสดิ์นา (2557) ทำวิจัยในชั้นเรียน เรื่องการไม่ส่งงาน / การบ้าน ตามกำหนดของ นักเรยี นชัน้ มัธยมศึกษาปี ที่ 2/7 ในครั้งน้ีสามารถอภิปรายผลได้ดังน้ี พบว่าแบบสอบถามเพ่ือศึกษาพฤติกรรม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/7 ในเรื่องการไม่ส่งงาน /การบ้านตามกำหนด ได้ทำให้ทราบถึงสาเหตุท่ี สำคัญมากที่สุดจนถึงสาเหตุที่น้อยที่สุด ในการไม่ส่งงาน /การบ้านตามกำหนด คือ ติดเกมส์มากเกินไป ครู อธบิ ายเร็วเกนิ ไปกจิ กรรมของโรงเรยี น ให้เวลานอ้ ยเกนิ ไป หนังสือหายลืมทำ เตรยี มตัวสอบเกบ็ คะแนนวิชาอ่ืน แบบฝึกหัดยากทำไม่ได้ สมุดหาย เบ่อื หนา่ ย ไมอ่ ยากทำ ไม่ค่อยมคี นใหค้ ำปรึกษา ชว่ ยเหลอื ผู้ปกครอง

11 บทท่ี 3 วิธดี ำเนนิ การวจิ ยั การวจิ ยั ในครง้ั น้มี ีจุดมุง่ หมายเพื่อศกึ ษาสาเหตุการไม่ส่งงานของนักเรียนชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 3/2 โรงเรยี นดงประคำพทิ ยาคม ซึ่งผูว้ จิ ยั ไดด้ ำเนนิ การตามลำดับข้ันตอนดังนี้ 1. ประชากรและกลมุ่ เป้าหมาย 2. เครื่องมือทใี่ ช้ในการรวบรวมข้อมูล 3. การเก็บรวบรวมขอ้ มลู 4. สถติ ิที่ใช้ในการวเิ คราะหข์ ้อมลู ประชากรและกลุ่มตัวอยา่ ง 1. ประชากร ประชากรที่ใช้ในการศึกษาคร้ังนี้ คอื นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนดงประคำ พิทยาคม อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา พิษณุโลก-อุตรดิตถ์ ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 2 ห้องเรียน มี นักเรียน 31 คน 2. กลุ่มเป้าหมาย กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาวิจัยในครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนดงประคำพิทยาคม อำเภอ พรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา พิษณโุ ลก-อุตรดิตถ์ โดยมกี ลมุ่ เป้าหมายท่ใี ชใ้ นการวจิ ัย เป็นนักเรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3/2 โรงเรยี นดงประคำ พิทยาคม จำนวน 5 คน ท่ีกำลงั ศึกษาอยู่ในภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565 เคร่ืองมอื ที่ใช้ในการรวบรวมขอ้ มูล ในการวิจัยในครั้งนี้ผู้วิจัยใช้เครื่องมือในการวิจัย 2 ประเภท ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวม ข้อมูลเพ่อื วิจยั ประกอบดว้ ย แบบตรวจสอบช้นิ งานของนักเรียนเป็นรายบุคคลและแบบสัมภาษณ์สาเหตุการไม่ สง่ งานของนกั เรียนเป็นรายบคุ คลของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3/2 โรงเรียนดงประคำพทิ ยาคม ดังนี้ 1. แบบตรวจสอบชิ้นงานของนักเรยี นเป็นรายบุคคล ซึ่งจะมีการสรุปข้อมูลพร้อมทั้งรวบรวมนำเสนอ ในรปู แบบตารางประกอบคำบรรยาย 2. แบบสัมภาษณ์สาเหตุการไม่ส่งงานของนักเรียนเป็นรายบุคคล ซึ่งจะมีการสรุปข้อมูลพร้อมท้ัง รวบรวมนำเสนอในรปู แบบตารางประกอบคำบรรยาย ข้ันตอนการดำเนินการ ในการดำเนนิ การศึกษาวจิ ยั ครง้ั นมี้ วี ัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสาเหตุการไมส่ ่งงานของนักเรียนช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 3/2 โรงเรียนดงประคำพทิ ยาคม โดยใช้แบบตรวจสอบช้ินงานมที งั้ หมด 3 ชน้ิ งาน โดยเจาะจง เปน็ รายบุคคลและแบบสมั ภาษณ์สาเหตุการไมส่ ่งงานของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล ผู้วิจยั ได้วางแผนการ ดำเนนิ การศึกษา สรา้ งแบบสมั ภาษณ์ เพื่อหาสาเหตุของการไม่สง่ งานของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 และ ไดด้ ำเนนิ การซ่ึงมรี ายละเอียดเป็นขั้นตอนดังน้ี

12 1. ขั้นวิเคราะห์ (Analysis) 1.1 วเิ คราะห์ข้อมูลพื้นฐานของผเู้ รียน การวเิ คราะห์ผูเ้ รยี นไดก้ ำหนดไว้ดงั น้ี ประชากร คอื นักเรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 3/2 โรงเรยี นดงประคำพิทยาคม ภาคเรยี นท่ี 1 ปี การศกึ ษา 2565 จำนวน 15 คน 1.2 วเิ คราะห์สาเหตุของการไมส่ ่งงานของนกั เรียน จากการสอนในเทอมที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565 พร้อมท้ังเจาะกลมุ่ เป้าหมาย จำนวน 5 คน โดยการใช้แบบสมั ภาษณ์ เปน็ รายบุคคล 2. ขน้ั ออกแบบ (Design) 2.1 ผูว้ จิ ัยดำเนินการสรา้ งแบบตรวจสอบชิน้ งานเปน็ รายบุคคลในการไมส่ ง่ งาน โดยมีลำดบั ขน้ั ตอน การสรา้ งดงั นี้ 2.1.1 สรา้ งตารางแบบตรวจสอบชิ้นงานเป็นรายบคุ คลในการไม่สง่ งานของนักเรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3/2 โรงเรียนดงประคำพทิ ยาคม โดยมีการกำหนดช้นิ งาน ทง้ั หมด 3 ชิ้นงาน 2.1.2 นำตวั อยา่ งแบบตรวจสอบชนิ้ งานเปน็ รายบคุ คลในการไมส่ ง่ งานของนักเรยี นชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 3/2 โรงเรยี นดงประคำพิทยาคม เสนอต่อทีป่ รึกษางานวิจัย เพอื่ ตรวจสอบแก้ไข 2.1.3 นำแบบตรวจสอบช้นิ งานเปน็ รายบคุ คลในการไม่ส่งงานของนักเรยี นชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 3/2 โรงเรียนดงประคำพทิ ยาคม มาปรบั ปรงุ แก้ไขก่อนนำไปใชจ้ ริง 2.2 ผู้วิจัยดำเนนิ การสร้างแบบสัมภาษณ์เป็นรายบุคคลของนกั เรียนในการไมส่ ่งงาน โดยมลี ำดบั ขนั้ ตอนการสร้างดังนี้ 2.2.1 ศกึ ษาเทคนคิ การสรา้ งแบบแบบสัมภาษณจ์ ากเอกสารต่างๆ 2.2.2 สรา้ งแบบแบบสัมภาษณ์ สาเหตกุ ารไม่สง่ งานของนักเรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3/2 โรงเรยี นดงประคำพิทยาคม โดยใหน้ ักเรียนเขียนสาเหตุของการไม่สง่ งานลงในแบบสมั ภาษณ์ 2.2.3 นำตัวอยา่ งแบบสัมภาษณ์ สาเหตกุ ารไมส่ ่งงานของนักเรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3/2 โรงเรยี นดงประคำพิทยาคม เสนอต่อท่ีปรึกษางานวจิ ยั เพื่อตรวจสอบแกไ้ ข 2.2.4 นำแบบสัมภาษณ์ สาเหตกุ ารไม่ส่งงานของนักเรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 3/2 โรงเรียน ดงประคำพิทยาคมมาปรบั ปรุงแกไ้ ขก่อนนำไปใช้จริง 3. ขั้นดำเนนิ การ ในการวิจัยครง้ั นี้ ผวู้ ิจัยได้มีการดำเนนิ การดังน้ี 3.1 แบบตรวจสอบชนิ้ งานเป็นรายบคุ คล ในการไมส่ ง่ งานของนักเรยี นช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3.13 โรงเรียนดงประคำพทิ ยาคม ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2565 กล่มุ เป้าหมาย จำนวน 5 คน 3.2 นำแบบสมั ภาษณ์ สาเหตุการไม่สง่ งานของนกั เรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3/2 โรงเรยี น ดงประคำพิทยาคม ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565 กลมุ่ เปา้ หมาย จำนวน 5 คน 3.3 ดำเนินรวบรวมขอ้ มลู สาเหตุการไมส่ ง่ งานของนักเรยี นช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3/2 โรงเรียน ดงประคำพทิ ยาคม

13 การเกบ็ รวบรวมข้อมลู ในการวิจัยในครั้งนี้ ผู้วิจัยทำการเก็บรวบรวมข้อมูลในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 2 ชวั่ โมง โดยดำเนินการเก็บรวบรวมขอ้ มูลดังน้ี 1. ผวู้ จิ ยั ดำเนินการ จัดนกั เรียนกลุม่ เป้าหมายดว้ ยตนเอง โดยคดั เลือกจากนกั เรียนทีไ่ ม่เคยส่งงานโดย การใช้แบบตรวจสอบช้นิ งานเปน็ รายบุคคล ในการไม่ส่งงานของนกั เรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษา ปีท่ี 3/2 โรงเรยี น ดงประคำพทิ ยาคม เพอ่ื ประเมินแบบตรวจสอบชนิ้ งานเปน็ รายบคุ คล 2. ผู้วิจัยดำเนินการ จัดนักเรียนกลุ่มเป้าหมายด้วยตนเอง โดยคัดเลือกจากนักเรียนที่ไม่เคยส่งงาน โดยใช้แบบสมั ภาษณ์ หาสาเหตกุ ารไม่สง่ งานของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3/2 โรงเรยี นดงประคำพทิ ยาคม 3. ภายหลังการใช้แบบสัมภาษณ์ หาสาเหตุของการไม่ส่งงานของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนดงประคำพทิ ยาคม ผูว้ จิ ยั มีการการประเมินโดยการตรวจสอบชิ้นงานของนกั เรยี น 4. การวิเคราะห์ข้อมูลและสรุปผลการวิจัย ผู้วิจัยนำข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์กลุ่มเป้าหมาย จำนวน 5 คน ไปทำการวิเคราะห์ข้อมูล การวเิ คราะหข์ ้อมลู (Content analysis) ใชก้ ารวเิ คราะหเ์ นื้อหาจากการตรวจสอบชิน้ งานและการสัมภาษณ์ถึงสาเหตกุ ารไมส่ ่งงานของนักเรยี น นำข้อมูลท่รี วบรวมไดไ้ ปใช้ในผลการวเิ คราะหว์ ิเคราะห์ข้อมูล

14 บทท่ี 4 ผลการศึกษาสาเหตุการศึกษาไมส่ ่งงานของนกั เรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 3/2 โรงเรยี นดงประคำพทิ ยาคม การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสาเหตุการไม่ส่งงานของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนดงประคำพิทยาคม จากการรวบรวมข้อมูลนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 จำนวน 15 คน พบว่ามี นักเรียนไม่ส่งงานอย่างต่อเนื่องมีจำนวนทั้งหมด 5 คน ซึ่งได้เก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมด 2 แบบ คือ แบบ ตรวจสอบชิน้ งานและแบบสมั ภาษณ์ และพบสาเหตดุ ังตอ่ ไปนี้ ตารางที่ 1.1 การตรวจสอบชิ้นงานของนกั เรียน นักเรยี นคนที ใบงาน สมุด แผน่ พับ 1 ครงั้ ท่ี 1 ครัง้ ท่ี 2 ครงั้ ท่ี 1 ครัง้ ที่ 2 คร้งั ที่ 1 ครง้ั ท่ี 2 2 ×√ ×√ 3 × √ 4 × √ ×× ×× 5 × √ ×× × √ ×× ×√ × √ ×× ×√ ×√ จากตารางที่ 1.1 การตรวจสอบชิ้นงานของนักเรียน พบว่ามีนักเรียนไม่ส่งงานอย่างต่อเนื่องมีจำนวน ทงั้ หมด 5 คน ชิน้ งานมที งั้ หมด 3 ชนิ้ คอื ใบงาน สมุด และแผน่ พับ สรปุ ได้ดังน้นี กั เรียนคนท่ี 1 มีการส่งใบงาน สมุดและแผ่นพับในคร้ังที่ 2 นักเรียนคนที่ 2 มีการส่งใบงาน ในครั้งที่ 2 ส่วนสมุดและแผน่ พับไม่มกี ารส่งงาน นักเรียนคนที่ 3 มีการส่งใบงาน และแผ่นพับในครั้งที่ 2 ส่วนสมุดไม่มีการส่งงาน นักเรียนคนที่ 4 มีการส่งใบ งาน และแผ่นพับในครัง้ ท่ี 2 ส่วนสมดุ ไมม่ กี ารส่งงาน และนกั เรียนคนท่ี 5 มีการส่งใบงาน และแผ่นพบั ในคร้ังท่ี 2 ส่วนสมดุ ไมม่ ีการส่งงาน

15 ตารางที่ 1.2 การสัมภาษณส์ าเหตุการไม่สง่ งานของนักเรียน จำนวน 5 คน นกั เรียนคนที่ สาเหตกุ ารไมส่ ง่ งาน 1 1. มีการบา้ นในวิชาอ่นื ๆ ทำให้ทำการบ้านไม่ทัน 2 2. ไม่มคี วามรับผดิ ชอบในตัวเอง 3. มีภาระงานอืน่ ๆ ทต่ี ้องทำทบี่ า้ น เชน่ ดูแลย่าทปี่ ว่ ย ทำให้ไม่มีเวลาในการทำการบา้ น 3 4. ไม่มแี รงจูงใจในการเรยี น 4 5. มปี ญั หาสว่ นตวั ที่บา้ น 1. มีการบา้ นในวิชาอื่นๆ ทำใหท้ ำการบา้ นไมท่ นั 5 2. ไม่สนใจเวลาทค่ี รูสัง่ งาน ทำให้ไม่ได้ทำงานที่ครสู ั่ง 3. ไม่ได้เอาสมุดมา 4. ทำการบา้ นบางรายวชิ าไมไ่ ด้ เชน่ วิชาคณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ เป็นต้น 5. การสอนของครูไม่นา่ สนใจ ทำใหไ้ มส่ นใจเรยี น 6. จัดสรรเวลาไม่ได้ เอาเวลาวา่ งไปทำกิจกรรมอยา่ งอ่ืน 7. ครอู ธิบายเร็วเกินไป ทำให้เรียนไมท่ ัน 8. ไม่มคี วามรบั ผิดชอบในตัวเอง 1. จำเวลาในการส่งงานไม่ได้ ทำใหไ้ ม่ได้ทำงานที่ครสู ั่ง 2. มกี ารบา้ นในวิชาอื่นๆ ทำให้ทำการบา้ นไม่ทนั 3. ไมส่ นใจเวลาทค่ี รูสัง่ งาน ทำใหไ้ ม่ได้ทำงานทค่ี รูสงั่ 4. เรียนหนกั ทำใหก้ ลับบ้านไปไม่อยากทำการบ้าน 1. มกี ารบา้ นในวชิ าอนื่ ๆ ทำใหท้ ำการบา้ นไมท่ ัน 2. ไมส่ นใจเวลาท่ีครูสง่ั งาน ทำใหไ้ ม่ไดท้ ำงานท่ีครสู ่ัง 3. ไมไ่ ดเ้ อาสมดุ มา 4. การสอนของครูไมน่ ่าสนใจ ทำให้ไม่สนใจเรียน 5. ทำการบา้ นบางรายวิชาไม่ได้ เชน่ วชิ าคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เป็นต้น 6. สง่ งานยอ้ นหลังในบางรายวิชาได้ ครูไม่ให้โอกาสนักเรยี นในการสง่ งาน และหกั คะแนน เวลาส่งงานชา้ 7. มีภาระงานอนื่ ๆ ที่ตอ้ งทำท่ีบ้าน เชน่ ชว่ ยพ่อทำงานทบ่ี ้าน ทำใหไ้ ม่มเี วลาในการทำ การบา้ น 1. ไม่มคี วามรบั ผดิ ชอบในตวั เอง 2. ไมส่ นใจเวลาท่ีครูสงั่ งาน ทำใหไ้ ม่ได้ทำงานทีค่ รูสั่ง 3. มภี าระงานอ่ืนๆ ที่ตอ้ งทำทบี่ า้ น เช่น ช่วยงานแมท่ ี่ร้าน ทำใหไ้ มม่ ีเวลาในการทำการบ้าน 4. ทำการบ้านบางรายวชิ าไมไ่ ด้ เช่น วิชาคณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เปน็ ตน้

16 นักเรียนคนท่ี สาเหตุการไม่สง่ งาน 5. อยู่ชมรมกีฬา ซ้อมกีฬาเกือบทกุ วันช่วง 5 โมงเยน็ จากตารางที่ 1.2 การสัมภาษณ์สาเหตุการไม่ส่งงานของนักเรียน จำนวนทั้งหมด 5 คน พบสาเหตุที่ สำคัญดงั นี้ ในการเรียนการสอนคุณครูทกุ วิชามกี ารสงั่ งาน สง่ ผลใหน้ ักเรียนมกี ารบ้านทกุ วิชา ทำใหท้ ำการบา้ น ไม่ทัน ไม่สนใจเวลาที่ครูสั่งงาน ทำให้ไม่ได้ทำงานที่ครูสั่ง มีการส่งงานไม่ตรงเวลาหรือไม่ส่งงานตามกำหนด นักเรียนบางคนไม่ได้เอาสมุดมา ทำใหท้ ำการบ้านไม่ได้ ในบางรายวิชาไม่เข้าใจในเน้ือหาทคี่ รูสอน บางรายวิชา มีเนื้อหาที่ยากเกินไป เช่น วิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ นักเรียนจึงทำการบ้านไม่ได้ การสอนของครูไม่ น่าสนใจ ทำให้นักเรียนไม่สนใจในการเรียน รวมทั้งขึ้นอยูก่ ับตัวนักเรียน ที่ไม่มีความรับผิดชอบในตวั เอง เรื่อง การสง่ งาน และมภี าระงานอนื่ ๆ ที่ตอ้ งทำท่ีบ้าน จงึ ทำให้ไมม่ ีเวลาทำการบา้ น

17 บทท่ี 5 สรุป อภิปรายผล และเสนอแนะ รายงานการวิจยั เรื่อง การศึกษาสาเหตุการไม่ส่งงานของนกั เรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนดง ประคำพิทยาคม สามารถสรุปผลการศกึ ษา อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ มรี ายละเอยี ดดังน้ี 1. สรุปผลการศึกษา สาเหตุการไม่ส่งงานของนักเรยี นช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 3/2 โรงเรยี นดงประคำพิทยาคม พบว่ามีนักเรียน ไม่ส่งงานอย่างต่อเนือ่ ง จำนวนทั้งหมด 5 คน โดยพบสาเหตุท่ีสำคัญดงั นี้ ในการเรียนการสอนคุณครูทุกวิชามี การสั่งงาน ส่งผลให้นักเรียนมีการบ้านทุกวิชา ทำให้ทำการบ้านไม่ทัน ไม่สนใจเวลาที่ครูสั่งงาน ทำให้ไม่ได้ ทำงานที่ครูสั่ง มีการส่งงานไม่ตรงเวลาหรือไม่ส่งงานตามกำหนด นักเรียนบางคนไม่ได้เอาสมุดมา ทำให้ทำ การบ้านไม่ได้ ในบางรายวิชาไม่เข้าใจในเนื้อหาที่ครูสอน บางรายวิชามีเนื้อหาที่ยากเกินไป เช่น วิชา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ นักเรียนจึงทำการบ้านไม่ได้ การสอนของครูไม่น่าสนใจ ทำให้นักเรียนไม่สนใจใน การเรยี น รวมทัง้ ขน้ึ อยู่กับตัวนักเรียน ท่ไี มม่ คี วามรับผิดชอบในตวั เอง เรอ่ื งการส่งงาน และมภี าระงานอ่ืนๆ ที่ ต้องทำท่ีบ้าน จงึ ทำให้ไมม่ เี วลาทำการบ้าน 2. อภปิ รายผล การวิจัยในครั้งนี้ผู้วิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสาเหตุการไม่ส่งงานของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีท่ี 3/2 โรงเรยี นดงประคำพทิ ยาคม ผลการวจิ ัยพบว่า 2.1 ผลการตรวจสอบชิ้นงานของนักเรียน มีนักเรียนไม่ส่งงานอย่างต่อเนื่องมีจำนวนทั้งหมด 5 คน ช้นิ งานมที ั้งหมด 3 ชิน้ งาน คอื ใบงาน สมดุ และแผน่ พบั สรุปไดด้ ังนี้ นักเรียนคนที่ 1 มกี ารสง่ ใบงาน สมดุ และ แผน่ พับในครั้งท่ี 2 นักเรียนคนท่ี 2 มกี ารส่งใบงาน ในครั้งท่ี 2 สว่ นสมดุ และแผ่นพับไม่มีการส่งงาน นักเรียน คนที่ 3 มีการส่งใบงาน และแผ่นพับในครั้งที่ 2 ส่วนสมุดไม่มีการส่งงาน นักเรียนคนที่ 4 มีการส่งใบงาน และ แผ่นพับในครัง้ ที่ 2 ส่วนสมุดไมม่ ีการสง่ งาน และนักเรียนคนที่ 5 มีการส่งใบงาน และแผ่นพับในคร้ังที่ 2 ส่วน สมดุ ไมม่ กี ารสง่ งาน 2.2 ผลการสัมภาษณ์สาเหตุการไม่ส่งงานของนักเรียน จำนวน 5 คน พบสาเหตุที่สำคัญดังนี้ ในการ เรยี นการสอนคณุ ครทู ุกวชิ ามกี ารสง่ั งานของนกั เรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรยี นดงประคำพทิ ยาคม สง่ ผล ให้นักเรยี นมีการบ้านทุกวชิ า ทำให้ทำการบ้านไม่ทัน ไม่สนใจเวลาที่ครูสัง่ งาน ทำให้ไม่ได้ทำงานที่ครูสั่ง มีการ ส่งงานไม่ตรงเวลาหรือไม่ส่งงานตามกำหนด นักเรียนบางคนไม่ได้เอาสมุดมา ทำให้ทำการบ้านไม่ได้ ในบาง รายวิชาไม่เข้าใจในเนื้อหาที่ครูสอน บางรายวิชามีเนื้อหาที่ยากเกินไป เช่น วิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ นักเรียนจงึ ทำการบ้านไม่ได้ การสอนของครูไม่น่าสนใจ ทำใหน้ ักเรยี นไมส่ นใจในการเรยี น รวมทั้งขึ้นอยู่กับตัว นักเรียน ที่ไม่มีความรับผิดชอบในตัวเอง เรื่องการส่งงาน และมีภาระงานอื่นๆ ที่ต้องทำที่บ้าน จึงทำให้ไม่มี เวลาทำการบ้าน ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยอชณัชญา สวาสดิ์นา (2557) ที่ได้ทำวิจัยในชั้นเรียนเรื่อง การไม่ส่ง งานของนกั เรียน ตามกำหนดของนกั เรียนช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 2/7 พบวา่ แบบสอบถามเพ่ือศึกษาพฤติกรรมของ

18 นกั เรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2/7 ในเรอ่ื งการไมส่ ่งงานตามกำหนด ทำใหท้ ราบถึงสาเหตุที่สำคัญมากที่สุดจนถึง สาเหตุที่น้อยที่สุด ในการไม่ส่งงานตามกำหนด คือ ครูอธิบายเร็วเกินไปกิจกรรมของโรงเรียน ให้เวลาน้อย เกินไป หนังสือหายลืมทำ เตรียมตัวสอบเก็บคะแนนวิชาอ่ืน แบบฝึกหัดยากทำไม่ได้ สมุดหาย เบื่อหน่าย ไม่ อยากทำ ไม่คอ่ ยมีคนใหค้ ำปรึกษา ช่วยเหลือผปู้ กครอง และติดเกมสม์ ากเกินไป จากการวจิ ัยครงั้ น้สี รุปไดว้ า่ สาเหตกุ ารไม่สง่ งานของนกั เรียน ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 3/2 โรงเรยี น ดงประคำพิทยาคม มีสาเหตุที่สำคัญ คืออยู่ที่ตัวนักเรียนเป็นหลัก ในเรื่องการไม่สนใจในการเรียน ไม่ให้ ความสำคัญในการทำงาน ไม่มีความรับผิดชอบในตัวเอง ในเรื่องการสอนของครู ที่สั่งงานนักเรียนมากเกินไป บางรายวชิ ามีเนอื้ หาท่ยี ากเกนิ ไป รวมท้งั นกั เรยี นมภี าระงานอื่นๆ ทตี่ อ้ งทำทบ่ี ้าน ส่งผลใหน้ ักเรียนทำการบ้าน ไมไ่ ดแ้ ละไม่มเี วลาในการทำบ้านให้ครบทุกรายวิชา 3. ข้อเสนอแนะ จากการวิจัยในครั้งนี้ ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะสำหรับการศึกษาสาเหตุการไม่ส่งงานของนักเรียนช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนดงประคำพิทยาคม ที่อาจจะเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุง ในการทำวิจัยครั้ง ต่อไป 3.1 ในการวิจัยครั้งต่อไป อาจเจาะจงทำการวิจัยกลุ่มนักเรียน ในระดับชั้นอื่นๆ ต่อไป และศึกษา เกีย่ วกับแนวทางการแกป้ ญั หาการไมส่ ่งงานของนกั เรยี นร่วมดว้ ย 3.2 ในการวจิ ยั ครง้ั ตอ่ ไป อาจปรับเปลี่ยนมาเป็นการใช้เทคนิคการสอนในรูปแบบตา่ งๆ เพอ่ื แก้ปญั หาการไม่ส่งงาน/การบา้ นของนักเรยี น

19 บรรณานุกรม ปรารถนา เชาวนเ์ สฏฐกลุ . (2556). งานวิจัยในชน้ั เรยี น เรอ่ื งการแก้ปัญหาการไมส่ ่งงานของนกั ศกึ ษา ระดบั ประกาศนียบตั รวิชาชีพชน้ั สูง ปที ่ี 2 สาขาวชิ าการเลขานกุ าร วิทยาลัยเทคนคิ ตรงั . อชณัชญา สวาสด์นิ า. (2557). วิจัยในชนั้ เรียน เรือ่ งการศึกษาสาเหตเุ ร่อื งการไมส่ ่งงาน / การบ้านของนักเรียนช้ัน มัธยมศึกษาปที ่ี2/7 โรงเรียนอสั สมั ชัญศรีราชา. จิตตรารัตน์ ตะตานงั . (2558). วิจยั ชนั้ เรียน เรือ่ งการศึกษาพฤตกิ รรมการไมร่ บั ผิดชอบสง่ งาน ของนักศกึ ษากลมุ่ CD 103 โรงเรียนพายัพเทคโนโลยีและบริหารธุรกจิ . ชุตมิ า อารยี ์. (2561). วจิ ัยช้นั เรยี น เร่ืองการศกึ ษาสาเหตกุ ารไม่ส่งงาน/การบ้าน วิชาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ของนกั ศกึ ษาระดับชนั้ ปวส. 2/1 สาขาคอมพวิ เตอร์ธรุ กจิ . ไกรวชิ ญ์. (2557). เทคนคิ การให้การบ้าน. [ออนไลน์]. เข้าถงึ ได้จาก : http://www.kraiwit3.blogspot.com/p/blog-page_22.html. (วนั ทคี่ ้นข้อมลู : 20 สิงหาคม 2565). วรากรณ์ สามโกเศศ. (2556). การบา้ นของนักเรียน. [ออนไลน]์ . เข้าถงึ ไดจ้ าก : https://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/491763?fbclid.htm. (วนั ที่คน้ ข้อมูล : 21 สงิ หาคม 2565). สภุ าภรณ์ ทาวิโชต.ิ (2559). แบบฝกึ หัด. [ออนไลน์]. เข้าถงึ ได้จาก : https://sites.google.com/site/thekhnikhkarcadkarphlangngan2/baeb-fukhad?fbclid.htm. (วนั ทีค่ ้นขอ้ มลู : 25 สงิ หาคม 2565)

20 ภาคผนวก ก

ตารางตรวจสอบชน้ิ งานนักเรียน 21 ใบงาน สมุด แผน่ พับ ครัง้ ท่ี 1 ครั้งท่ี 2 คร้งั ท่ี 1 ครั้งท่ี 2 นกั เรยี นคนท่ี ครั้งที่ 1 ครัง้ ที่ 2

22 ภาคผนวก ข

23 แบบสัมภาษณ์เรือ่ ง สาเหตุการไม่ส่งงานของนกั เรียน นกั เรียนคนที่ สาเหตุการไมส่ ่งงาน