ตอน ศึกกะหมังกหุ นิง สอนโดย นางทองปอน แน่นชารี
ผ้แู ตง่ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลศิ หล้านภาลยั (รัชกาลท่ี 2 ) มพี ระนามเดมิ ว่า ฉมิ (สมเดจ็ พระเจา้ ลกู ยาเธอ เจา้ ฟา้ กรมหลวงอศิ รสุนทร) เป็นพระราชโอรสใน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจฬุ าโลก และสมเด็จ พระอัมรินทราบรมราชินี
ผลงานในด้านกวนี พิ นธ์ • เป็นยคุ ทองของวรรณคดี • พระองคม์ ีพระราชนิพนธ์ทเ่ี ปน็ บทกลอนมากมาย ทรงเป็นยอดกวีดา้ นการแต่งบทละครทัง้ ละครในและละครนอก มหี ลาย เร่อื งทม่ี ีอยเู่ ดิมและทรงนามาแต่งใหมเ่ พ่อื ให้ใชใ้ นการแสดงได้ บทละครใน บทละครนอก รามเกยี รต์ิ แสดงในราช ไกรทอง สังข์ทอง เดมิ ตัวละครเป็นชาย อณุ รุท สานักใช้ ไชยเชษฐ์ หลวิชัยคาวี ล้วน ภายหลังมีทงั้ อิเหนา ผหู้ ญงิ แสดง มณพี ชิ ยั สังข์ศลิ ป์ชยั หญิงชาย มีบทเจรจา แสดงพลิกแพลงนอก เรือ่ งได้
ลักษณะคาประพันธ์ แต่งดว้ ยกลอนบทละคร วรรคหนงึ่ มีคา 6-9 คา คาขนึ้ ต้น เม่ือนั้น ใชก้ บั ตัวละครท่สี าคญั ตวั ละครเอก กษตั รยิ ์ บดั นนั้ ใช้กับตวั ละครรอง เช่น เสนา อามาตย์ หรอื ตวั ละครธรรมดา มาจะกล่าวบทไป ใชข้ นึ้ ตน้ เมื่อเริ่มบทใหม่
ท่ีมาของเรอ่ื ง ❖ ไดเ้ คา้ เรอ่ื งมาจากนิยายของชวา ซ่งึ เรียกวา่ “นยิ ายปนั หยี” ❖ บทละครเรอ่ื งอิเหนามมี าต้งั แต่สมยั อยุธยา พระเจ้าอยหู่ วั บรมโกศ คือ เจา้ ฟ้าหญิง กุณฑล (อิเหนาใหญ)่ เจา้ ฟา้ หญิงมงกฎุ (อิเหนาเลก็ ) ได้ฟงั ขา้ หลวงชาวชวาเลา่ นทิ าน ❖ สมัยรชั กาลท่ี 1 ฟื้นฟศู ิลปวัฒนธรรม โปรดเกล้าฯ ใหแ้ ต่ง “อเิ หนา” ตามเรอ่ื ง “อเิ หนาเลก็ ” ❖ รชั กาลท่ี 2 ทรงปรับปรุงบทกลอนและท่าราเรือ่ งอเิ หนา
• ประไหมสหุ รี = มเหสีเอก • มะเดหวี = มเหสอี งคท์ ่ีสอง • มะโต = มเหสีองค์ทส่ี าม • ลิกู = มเหสีองคท์ สี่ ่ี • เหมาหลาหงี = มเหสอี งค์ที่ส่ี
เนื้อเรอื่ งยอ่ ➢ ท้าวกเุ รปันและท้าวดาหาจดั การหมั้นอิเหนากับบุษบา ➢ อเิ หนาเดนิ ทางไปถึงเมอื งหมันหยาในงานศพพระอยั กพี บนางจินตะหราและไดเ้ ป็นชายา ➢ อิเหนาไม่ยอมกลับไปแตง่ งานกับบุษบา ➢ ท้าวดาหาโกรธมากประกาศว่าใครมาขอบุษบากจ็ ะยกให้
เน้อื เรอื่ งยอ่ ➢ จรกาใหช้ า่ งวาดภาพพระราชธดิ าเมืองต่างๆ พอใจบุษบา จึงให้พ่ีชายไปส่ขู อ ท้าวดาหายกให้ พรอ้ ม ประกาศงานแตง่ ภายใน ๓ เดือน ➢ องคป์ ะตาระกาหลา เทวดาและอัยกาของอเิ หนาบันดาลใหร้ ปู บุษบาไปตก ณ กลางป่า วิหยาสะกา โอรสท้าวกะหมงั กหุ นิงเห็นจึงพอใจ ถ้าไม่ไดน้ างบุษบาเป็นชายาจะฆา่ ตวั ตาย ➢ ท้าวกะหมังกุหนงิ สงสารพระโอรส จึงสง่ สารไปสูข่ อนางบุษบา หากทา้ วดาหาปฏิเสธจะยกทพั ไปรบ
เนื้อเรอื่ งย่อ ➢ ท้าวกะหมงั กหุ นงิ จึงยกทพั ไปตีเมอื งดาหา โดยใหพ้ ระอนชุ าทั้งสองยกทัพมาช่วย ➢ ท้าวกะหมังกหุ นงิ ให้ วิหยาสะกา เปน็ ทัพหน้า พระอนุชาทัง้ สองเป็นทัพหลงั ➢ ฝ่ายทา้ วดาหาได้ขอความช่วยเหลอื ไปยัง ทา้ วกุเรปนั ท้าวกาหลัง และท้าวสิงหดั สา่ หรี ➢ ท้าวกุเรปนั ไปเมืองหมันหยา ใหอ้ เิ หนา ยกทัพมาชว่ ยท้าวดาหาทาศกึ
เนอื้ เรือ่ งย่อ ➢ อิเหนามาชว่ ยรบ อเิ หนาฆ่าทา้ วกะหมังกุหนิง สงั คามาระตาฆา่ วิหยาสะกา ➢ เสรจ็ ศกึ อเิ หนาได้พบบษุ บาเปน็ ครง้ั แรก หลงรักนางบุษบามากกว่านางจินตะหรา ➢ อเิ หนาทาอุบายลักพานางไปอยถู่ ้าที่เตรียมไว้ เพอื่ ไม่ใหแ้ ตง่ งานกบั จรกา แล้วอเิ หนาก็ยอ้ นกลบั มา เมืองดาหาเพ่อื แก้สงสัยวา่ ตนมใิ ชผ่ พู้ าบุษบาไป
สานวนชวนคดิ \"ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง\" อิเหนาไมส่ นใจในตวั บุษบาต้ังแตแ่ รก !!แต่เม่อื อิเหนาเองไดเ้ ห็นหน้าบุษบา!!!!! อิเหนาก็คิดแยง่ ชิงนางมาจากจรกาเชน่ เดียวกนั
ตวั ละคร
วิเคราะหต์ วั ละครทม่ี ผี ลกระทบตอ่ กนั ทา้ วดาหา-บุษบา ทา้ วกะหมงั กหุ นิง-วหิ ยาสะกา ท้าวกเุ รปัน-อเิ หนา
วิเคราะหต์ วั ละคร ทา้ วกะหมงั กหุ นงิ - รักลกู มาก ตามใจลูกทกุ อยา่ ง จงึ ทาให้เกดิ ศกึ กบั วงศเ์ ท วา (ศกึ ชิงนาง) จนตนเองตอ้ งตาย - เช่ียวชาญเพลงอาวุธหลายอย่างทั้งหอก กริช “พ่ดี งั พฤกษาพนาวนั จะอาสญั เพราะลูกเหมือนกล่าวมา”
ตวั ละคร อเิ หนา - มอี ารมณอ์ อ่ นไหวตอ่ สตรแี ละความรกั - ยามรบส้ศู ึกเตม็ กงั ความสามารถ ใช้ไหวพรบิ สตปิ ญั ญา - เชีย่ วชาญการรบและการใชอ้ าวุธหลายชนิด โดยเฉพาะกรชิ - เคารพนอบนอ้ มต่อผู้ใหญ่
ตวั ละคร ท้าวดาหา - หย่ิงในศักดสิ์ รี ใจรอ้ น เชน่ ตดั สินใจรบั ศกึ กะหมงั กหุ นิง โดยไม่สนใจว่าจะมีใครมาชว่ ยหรือไม่ - เปน็ คนรกั ษาสจั จะ รกั ษาเกียรติยศชอ่ื เสียงเปน็ อย่างยิ่ง - เม่ือไดย้ กนางบษุ บาให้จรกาไปแลว้ เมื่อท้าวกะหมังกุหนิงมาสู่ ขออีกจงึ ปฏเิ สธ “กษตั ริยต์ รสั แล้วไมค่ ืนคา”
คณุ คา่ ดา้ นเนือ้ หา • แนวคดิ เรอ่ื งอเิ หนา ตอนศกึ กะหมงั กุหนงิ เปน็ เร่ืองทแี่ สดงใหเ้ หน็ ถึงความรกั ของพอ่ ทม่ี ตี ่อลกู รักและตามใจทกุ อยา่ ง แมน้ กระทวั่ ตัวตายก็ยอม • ฉาก ตอนศกึ กะหมงั กหุ นงิ จะปรากฎฉากรบทชี่ ัดเจนมีการต้ังค่ายการใชอ้ าวธุ และการต่อสขู้ องตวั ละครสาคญั • ปมขัดแยง้ ตอนศึกกะหมงั กหุ นงิ มีหลายขอ้ แยง้ แตล่ ะปมปญั หาเป็นเรอื่ งทอี่ าจเกิดได้ในชวี ิตจริงและ สมเหตุสมผล เชน่ ปมแรก คือ ทา้ วกุเรปนั ให้อิเหนาอภเิ ษกกับบษุ บาแต่อเิ หนาหลงรกั จนิ ตะหราไม่ยอมอภิเษกกบั บษุ บา • ปมที่สอง คือ ท้าวดาหาขดั เคอื งอเิ หนา ยกบษุ บาให้จรกา ทาให้ทา้ วกเุ รปันและพระญาติ ท้งั หลายไม่พอพระทยั • ปมท่สี าม ท้าวกะหมังกหุ นงิ มาสู่ขอบษุ บาใหว้ ิหยาสะกาแต่ทา้ วดาหายกใหจ้ รกาไปแล้ว จึงเกิดศกึ ชงิ • นางขนึ้ ปมท่ีส่ี อิเหนาจาเปน็ ต้องไปชว่ ยดาหา จินตะหราคิดวา่ อิเหนาจะไปอภเิ ษกกบั บุษบา จินตะหรา ขดั แย้งในใจตนเอง หวัน่ ใจกบั สถานภาพของตนเอง
คณุ คา่ ดา้ นวรรณศิลป์ • การใชค้ าและโวหาร เร่อื งอเิ หนา ตอนศึกกะหมงั กหุ นงิ มกี ารใช้ภาษาทีส่ ละสลวย ใหอ้ ารมณอ์ นั ลึกซง้ึ กนิ ใจ อีกทง้ั มโี วหารเปรยี บเทยี บใหเ้ หน็ ภาพพจน์ให้เกดิ ความรู้สกึ สะเทือนอารมณ์ • การใชอ้ ปุ มาโวหาร แล้วว่าอนิจจาความรัก พง่ึ ประจักษด์ ่งั สายนา้ ไหล ตงั้ แตจ่ ะเช่ยี วเป็ นเกลยี วไป ทไ่ี หนเลยจะไหลคนื มา สตรีใดในพภิ พจบแดน ไมม่ ีใครไดแ้ ค้นเหมอื นนอกข้า ดว้ ยใฝ่ รักใหเ้ กดิ พกั ตรา จะมีแต่เวทนาเป็ นเนืองนิตย์
• การใช้ภาษาสละสลวยงดงาม มีการเล่นคา เลน่ สมั ผสั พยญั ชนะเพื่อให้เกดิ ความไพเราะ เชน่ ตอนอิเหนา ชมดง ว่าพลางทางชมคณานก โผนผกจบั ไม้องึ ม่ี เบญจวรรณจบั วลั ย์ชาลี เหมือนวันพีไ่ กลสามสุดามา นางนวลจับนางนวลนอน เหมือนพ่ีแนบนวลสมรจินตะหรา จากพรากจบั จากจานรรจา เหมอื นจากนางสการะวาตี
แสดงให้เห็นถงึ ความกล้าหาญ ความรักใน ศักดิศ์ รี รักษาคาสตั ย์ การรจู้ ักให้อภยั และการแยกแยะ ระหว่างความรกั กับความหลงใหลใจ
•บทอาขยาน วา่ พลางทางชมคณานก โผนผกจับไมอ้ ึงม่ี เบญจวรรณจบั วัลย์ชาลี เหมอื นวนั พี่ไกลสามสุดามา นางนวลจบั นางนวลนอน เหมอื นพีแ่ นบนวลสมรจนิ ตะหรา จากพรากจบั จากจานรรจา เหมอื นจากนางสะการะวาตี แขกเตา้ จบั เต่าร้างรอ้ ง เหมือนรา้ งห้องมาหยารศั มี นกแก้วจับแก้วพาที เหมอื นแกว้ พ่ที ้งั สามส่งั ความมา ตระเวนไพรรอ่ นรอ้ งตระเวนไพร เหมอื นเวรใดให้นิราศเสน่หา เค้าโมงจับโมงอยเู่ อกา เหมือนพนี่ ับโมงมาเม่ือไกลนาง คบั แคจับแคสนั โดษเดีย่ ว เหมอื นเปล่าเปล่ยี วคบั ใจในไพรกว้าง ชมวิหคนกไมไ้ ปตามทาง คะนงึ นางพลางรีบโยธี
อเิ หนา ตอน ศกึ กะหมงั กหุ นงิ
Search
Read the Text Version
- 1 - 23
Pages: