Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore E-book ร้อนๆๆ

E-book ร้อนๆๆ

Published by piyaporn.1018nur, 2020-06-06 06:14:47

Description: E-book ร้อนๆๆ

Search

Read the Text Version

การพยาบาลผปู้ ว่ ยระบบทางเดนิ ปสั สาวะในระยะวกิ ฤต  Acute kidney injury (AKI)  กลไกการเกดิ ไตวายเฉียบพลนั ระยะปสั สาวะน้อย คือ หลอดเลอื ดฝอยไตเสอ่ื มสมรรถภาพปัสสาวะไมเ่ กนิ 400 cc/วัน พบได้ในภาวะ shock แคททีโคลามีนหล่งั เขา้ กระแสเลือดมากข้ึน หลอดเลอื ดแดงหดรัดตัว ทาใหเ้ ลือดเล้ียงไตลดลง  กลไก เรนินเขา้ กระแสเลือดทาใหแ้ องจโิ อเทนซโิ นเจน เปน็ แองจโิ อเทนซนิ แล้วเปล่ียนเปน็ 2 ทาให้หลอดเลอื ดหดตัว เลือดไตลดลง เกดิ การไหลลดั ของเลือดจากผวิ ไตเขา้ สูแ่ กนไต เกดิ ลม่ิ เลอื ด

 ระยะท1ี่ ปสั สาวะนอ้ ย (Oliguria)  การเสยี สมดุลของนา้ และโซเดียม ความดนั ต่า ชพี จรเบาเรว็ ขบั น้าออกลดลง สบั สน ซมึ  เสียสมดลุ กรดด่าง เกิดภาวะกรดเกนิ ไตดูดกลบั HCO3 ไดน้ อ้ ย จงึ หายใจเร็ว กระตุก  เสียสมดุลโปแตสเซียม ทาให้ k สงู เกิดอาการ่อนแรง หายใจลาบาก  เสยี สมดุล Ca,P,Mg การค่ังของยเู รีย คล่ืนไสอ้ าเจียน การติดเชื้อ  ระยะท2่ี ปัสสาวะมาก (Diuresis)  ปสั สาวะมากกว่าวันละ 400 cc จนมากกวา่ 1500 cc ไตเรม่ิ ฟ้ืนตวั  กลไก  ระยะเร่มิ ปสั สาวะมาก อตั ราการกรองเพ่ิมขน้ึ ขบั นา้ แต่ไม่ขบั ของเสยี หลอดฝอยไตอยู่ในระยะซ่อมแซม  อาการขาดน้า Na ในเลือดต่า ผิวแห้ง เปน็ ตะครวิ K ต่า กล้ามเน้อื อ่อนแรง อาเจยี น หายใจลาบาก

 ระยะท3ี่ ระยะฟนื้ ตวั (Recovery) ระยะทไ่ี ตฟนื้ ตัว หลอดเลือดอยใู่ นเกณฑป์ กติ หลอดฝอยไตยงั ไม่สมบรู ณ์ ปสั สาวะ เข้มขน้ และเป็นกรด ใช้เวลา 6-12 เดอื น  ภาวะแทรกซอ้ น ของเสยี คง่ั นา้ เกิน ความดนั โลหิตสูง เลือดเป็นกรด สมดลุ กรดดา่ งจากโลหิตล้มเหลว  การดแู ล  1. MAP สูงกวา่ 80 mmHg  2. หลกี เลี่ยงยาท่เี ป็นพษิ ตอ่ ไต  3. ใหส้ ารอาหารที่เพียงพอ (25-30 kcal/kg/d) โปรตีน 40g/day

ไตวายเรอ้ื รงั (Chronic Kidney Disease / Chronic Renal Failure)  สาเหตุ พยาธสิ ภาพท่ไี ต Chronic Glomerulonephritis  โรคของหลอดเลือด การตดิ เช้ือ กรวยไตอักเสบ  ความผิดปกตแิ ตก่ าเนดิ ขาด K เรือ้ รงั  โรคอ่นื ๆ เบาหวาน SLE  เกณฑก์ ารวนิ จิ ฉยั  1. ไตผิดปกตนิ านเกนิ 3 เดือน  1.1 พบ Albumin มากกวา่ 30 มก./24 ชม.  1.2 พบ Hematuria  1.3 Electrolyte imbalance จากท่อไตผดิ ปกติ  1.4 เคยผ่าตดั ปลูกถา่ ยไต  2.eGFR นอ้ ยกวา่ 60 มล/นาที/1.73 ตร.เมตร นานติดต่อกันเกิน 3 เดอื น

การแบง่ โรคไตเร้ือรงั ตามแบบ GFR Categories GFR(มล/นาท/ี 1.73 ตร.เมตร) >90 ระยะ นยิ าม 60-89 G1 ปกตหิ รอื สงู 45-59 G2 ลดลงเลก็ นอ้ ย 30-44 G3a ลดลงเลก็ นอ้ ยถงึ ปานกลาง 15-29 G3b ลดลงปานกลางถงึ มาก <15 G4 ลดลงมาก G5 ไตวายระยะสุดทา้ ย 2.1ประเมนิ ค่า eGFR อยา่ งนอ้ ยปีละ 1 ครั้ง ดว้ ยการตรวจระดับครีแอตนิ ีนในเลือด และ คานวณดว้ ยสมการ CKD-EPI

 อาการเตอื นสาคญั  1.ปัสสาวะบ่อยกลางคนื ปสั สาวะขัด สะดุด ปัสสาวะมีเลอื ดปน  2.บวม ใบหน้า หลงั เทา้  3.ปวดบนั้ เอวหรอื หลงั  4.ความดันโลหิตสงู  ผลกระทบจากไตวายเรอื้ รงั  1.ระบบและหลอดลือดหัวใจ ภาวะความดันโลหติ สู. ภาวะหัวใจล้มเหลว  2.ระบบทางเดินหายใจ น้าท่วมปวด ร่วมกับหัวใจล้มเหลว  3.ระบบประสาท อาการคัง่ ของเสียสง่ ผลต่ออาการทางระบบประสาท  4.ระบบทางเดินอาหาร ภาวะยรู ีเมีย ส่งผลให้ คลื่นไส้อาเจียน เบอื่ อาหาร  5.ระบบเลือด โลหติ จาง  6.ภาวะภมู ิตา้ นทานตา่  7.ระบบกลา้ มเนอ้ื และกระดูก  8.ระบบผิวหนัง

Continuous Ambulatory Peritoneal Dialysis  ขอ้ บง่ ชใ้ี นการทา CAPD  1. ผปู้ ่วย CKD ระยะที่5  มอี าการของ Uremia  ภาวะน้าเกนิ  ภาวะทพุ โภชนาการ  2. ตอ้ งการทา CAPD  3. ไม่สามารถทาทางออกของเลอื ดเพอ่ื ทา HD ได้  4. ผูป้ ว่ ยท่ที นการทา HD ไม่ได้ เชน่ CHF,CAD  5. ผ้ปู ว่ ยเดก็

 ข้อหา้ มในการทา CAPD  1. มีรอยโรคบรเิ วณผิวหนงั หน้าทอ้ งที่ไมส่ ามารถวางสายได้  2. มพี ังผืดภายในช่องท้อง  3. มสี ภาพจติ บกพรอ่ งอยา่ งรนุ แรง  4. มสี ิง่ แปลกปลอมในชอ่ งท้อง  5. ไสเ้ ลือ่ น  6. นา้ หนักมากกวา่ 9 กก BMI > 35  7. มขี อ้ จากดั ด้านรูปรา่ ง  8. โรคลาไส้อักเสบเรอ้ื รงั

หลกั การของ CAPD

 กลไกของ Solute Transport  Osmosis (การซมึ ผา่ น) คอื การเคล่อื นที่ของตวั ทาละลายที่มีความเข้มขน้ นอ้ ยไปที่ทมี่ ีความเขม้ ขน้ มาก  Diffusion (การแพรผ่ า่ น) คือ การเคลื่อนทข่ี องสารละลายจากททีม่ คี วามเขม้ ขน้ มากไปทที่ทมี่ คี วามเขม้ ขน้ นอ้ ย  Convection (การนาพา) คอื การนาสารออกจากร่างกาย โดยอาศยั คณุ สมบัตใิ นการละลายของสารนน้ั ในตวั ทาละลาย  Ultrafiltration (การกรองนา้ ) คือ การดึงนา้ สว่ นเกินออกจากร่างกายผ่านทางเย่ือบุงชอ่ งท้องโดยอาศยั สารทม่ี คี ุณสมบัตใิ นการดูดนา้

Peritoneal catheter สาหรบั CAPD Tenckhoff catheter แบบตรง แบบโค้ง



การผา่ ตดั วางสาย Tenckhoff

ข้นั ตอนการลา้ งไตทางชอ่ งท้องแบบตอ่ เนื่อง (CAPD)  ผู้ปว่ ยทาการลา้ งวนั ละ 3-6 ครงั้ โดยการเปล่ียนถา่ ยนา้ ยา 3 ข้ันตอน ทาต่อเนอื่ งเป็นวงจร  1.ข้ันถ่ายน้ายาออก (Drain) ถา่ ยนา้ ยาค้างไว้ในช่องทอ้ ง 20 นาที  2.ข้ันเติมน้ายาใหม่ (Fill) ขัน้ เติมน้ายาใหม่แทนที่ของเดิม นาน10-15 นาที  3.ขน้ั การพกั ทอ้ ง (repression) การคงคา้ งน้ายา เพื่อให้เกดิ การฟอก 4-6 ชม.  การลา้ งไตทางช่องทอ้ งโดยการใชเ้ คร่ืองอตั โนมตั ิ (automated peritoneal dialysis : PAD)  เปน็ การเปลี่ยนถ่ายน้ายา 3 ครั้งโดยใชเ้ ครอื่ งอัตโนมัตแิ ทนผู้ป่วย  การเปลย่ี นถุงนา้ ยา ปกตแิ พทยส์ ่งั ทา 4-5 คร้งั ต่อวัน โยเรม่ิ 6.00น 12.00น 18.00 น 22.00น หากทาเกนิ 5ครัง้ ใหเ้ รมิ่ ที่ 6.00น ทาจนครบตามแผนการรักษา สามารถทาท่ีบ้าน ในพืน้ ที่สะอาด ไมเ่ สย่ี งตอ่ การติดเช้อื เปลีย่ นถุงน้ายา ใชเ้ วลา 30 นาที/ คร้ัง

การพยาบาล  ระยะพกั ทอ้ ง (1-2สปั ดาห)์  1.ไมใ่ ห้แผลโดนน้า  2.หา้ มเปดิ แผลเอง  3.ลดกิจกรรมที่ทาใหเ้ หง่อื ออก  4.งดใสเ่ สอ้ื ผา้ รดั รปู  5.หาก ปวด บวม มีไข้ ใหไ้ ปพบแพทย์  6.จากดั น้าด่ืม  7.เล่ียงกจิ กรรมทเี่ พม่ิ แรงดันในชอ่ งท้อง  8.ตดั ไหม 7-10 วนั

 ระยะหลงั พกั ทอ้ ง  1.หมั่นตรวจสอบสาย ทาความสะอาด  2.ต้องได้รบั การยืนยนั จากแพทย์วา่ แผลแหง้ สนทิ ถงึ จะอาบนา้ ได้  3.หา้ มโรยแปง้ ทาครีมบรเิ วณชอ่ งทางออกของสาย  4.ตดิ พลาสเตอร์เพอ่ื กันการดึงรัง้  ระยะลา้ งไตทางชอ่ งทอ้ ง  1.มักเริม่ ลา้ งในสัปดาหท์ ่ี 4  2.เนน้ การล้างมอื Medical hand washing  3.ประเมินนา้ ยาและจดบนั ทกึ รกั ษาความสะอาดสงิ่ แวดลอ้ ม  4.เฝา้ ระวงั อาการแทรกซ้อน น้าออกน้อย น้าเกนิ ติดเช้ือ ความดนั โลหิตต่า บวม  5.ออกกาลังกาย รบั ประทานอาหาร พกั ผอ่ น พบแพทย์ตามนัด  7.แนะนาชั่งน้าหนกั ทกุ วนั ห้ามยกของหนกั เกนิ 6 กก.

การประเมนิ ลกั ษณะแผล Exit site  Perfect exit site สีเดียวกบั ผวิ หนงั หรอื อาจมสี คี ลา้ ขนึ้ อาจพบคราบนา้ เหลอื ง (crust)ปรมิ าณเล็กน้อยหลดุ ลอกงา่ ย น้อยกว่าสปั ดาห์ละครง้ั  Good exit site exit site มีสเี ดยี วกบั ผวิ หนงั หรอื สคี ลา้ หรอื สชี มพอู ่อนความกว้างประมาณ1-2 มม. อาจพบคราบนา้ เหลืองเกดิ ขนึ้ ไมเ่ กิน3 ครั้ง/สปั ดาหs์ inus จะมผี วิ หนังปกคลุมบางสว่ นของโพรง อาจมขี องเหลวใสหรือเหนยี ว ปริมาณเล็กน้อยใน sinus หรอื มีต่ิงเนือ้ แต่ไมย่ ่ืนนูนออกมานอก sinus ไมม่ อี าการปวด, บวม, แดง และไม่มีexternal exudates

 Equivocal exit site exit site มสี ีชมพเู ขม้ หรอื สแี ดงความกวา้ งประมาณ 2-3 มม. แตไ่ มเ่ กนิ 13 มม. อาจพบคราบน้าเหลืองทกุ 1-2 วันหรือมสี ะเก็ดนา้ เหลืองทบี่ างครงั้ ยากตอ่ การลอก ไม่มีอาการปวด, บวม, หรอื หนองไหลออกจากแผล  Acute infection exit site มีอาการปวด บวม ร้อน ผวิ หนงั มสี แี ดงเส้นผ่าศนู ย์กลางมากกว่า 13 มม. ผวิ หนงั คลุม sinus นอ้ ยกวา่ 25 % อาจพบคราบเลือดหรอื หนองไหลออกมาเองติดบนผา้ ก๊อซหรือกดออกมาได้ มีคราบน้าเหลืองตดิ แนน่ ลอกยาก อาจมีติ่งเนอ้ื ยนื่ ออกมานอก sinus ระยะเวลาในการติดเช้ือน้อยกว่า4 สัปดาห์

 Chronic infection exit site ระยะเวลาเป็นนานกวา่ 4 สปั ดาห์ อาจจะมอี าการปวดหรอื ไมป่ วดก็ได้ ผิวหนงั มสี แี ดงคลา้ ย acute exit site infection แตส่ จี างกวา่ ถา้ มอี าการปวด, บวม, แดงแสดงวา่ มภี าวะ acute infection รว่ มดว้ ย

การฟอกเลอื ดด้วยเครื่องไตเทยี ม  ข้อบง่ ชี้ ท่วั ไป  Cr มากกว่า 12 mg/dl หรอื BUN มากกวา่ 100 mg/dl  นา้ เกินหรอื น้าท่วมปอด  ความดนั โลหิตสงู ไม่ตอบสนองตอ่ ยา  มภี าวะเลอื ดออกผิดปกติ  ภาวะ Uremic pericarditis  N/V ตลอดเวลา

 ขอ้ บง่ ชจ้ี ากการทางานของไต  Weekly renal Kt/V urea ต่ากวา่ 20 เนือ่ งจากเส่ียงตอ่ ภาวะทพุ โภชนาการ  การเรมิ่ ทาในผู้ปว่ ยไตวายระยะสุดทา้ ยทุพโภชนาการที่มีการปรับปรงุ การบรโิ ภคโปรตีนและพลงั งานแลว้  เส้นเลอื ดเพอ่ื การฟอกเลอื ด  1. เสน้ ฟอกช่ัวคราว double lumen catheter (DLC) หลอดเลอื ดดาทคี่ อ หรอื ขาหนีบ  2. เส้นฟอกเลือดถาวร แบ่งเปน็ 3 ชนดิ  1. Perm catheter สวนสายเขา้ ไปท่ี subclavian vein  2. Arteriovenous Fistula (AVF)  3. Arteriovenous graft (AVG)  AVF และ AVG นยิ มทาท่แี ขนท่อนบน ท่อนล่าง และต้นขา

ข้อดี ข้อเสยี อุปกรณท์ างการแพทยใ์ นการรกั ษาพยาบาลพรอ้ มเพรยี ง การฟอกเลอื ดตอ้ งมาตามเวลาและคดิ ตามกาหนด ผเู้ ชี่ยวชาญใหก้ ารดแู ลรกั ษาพยาบาลขณะทาฟอกเลอื ด จาเปน็ ตอ้ งจากดั นา้ การรบั ประทานผกั ผลไมท้ ม่ี ี K สงู สรา้ งสงั คมใหก้ บั ผปู้ ว่ ยรจู้ กั ผปู้ ว่ ยรายอนื่ เสียเวลาในการมาตามนดั บอ่ ยและตอ่ เนอื่ ง สามารถขอคาแนะนาจากแพทยพ์ ยาบาลไดบ้ อ่ ยครงั้ จากการนดั ค่าใชจ้ ่ายสูง สถานทใ่ี นบรกิ ารนอ้ ย สามารถลดปรมิ าณนา้ สว่ นเกนิ ปรับสมดลุ เกลอื แร่ และกรด Vascular access อาจทาใหร้ สู้ กึ สญู เสียภาพลกั ษณ์ ดา่ งไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ กาหนดปรมิ าณนา้ ทจ่ี ะดงึ ออกไดอ้ ยา่ งแมน่ ยา มีขอ้ จากดั และขอ้ หา้ มในการทาหตั ถการ แขนขา้ งทม่ี ี Vascular access

การพยาบาลผปู้ ว่ ยทม่ี ภี าวะชอ็ กและอวยั วะลม้ เหลวหลายระบบ







ห่วงโซก่ ารรอดชวี ติ  เหตกุ ารณต์ อ่ เน่อื งของการรอดชวี ติ สาหรบั ภาวะหวั ใจหยดุ ทางานท่ีเกดิ ขน้ึ ในโรงพยาบาล (IHCA)และภาวะหัวใจหยุด ทางานนอกโรงพยาบาล (OHCA)  เกดิ ขึน้ ในโรงพยาบาล (IHCA)

เกิดขึ้นนอกโรงพยาบาล (OHCA) วิธกี ารทาCPR  D > Danger? ผใู้ หก้ ารช่วยเหลือจะต้องปลอดภัยกอ่ น  R > Response? มีการตอบสนองไหม  C > Call for help and & start Chest compression ขอความชว่ ยเหลอื และขอเคร่ือง AED และมา start chest compression  ปลกุ กอ่ น คุณๆๆๆ แล้วตะโกน ช่วยด้วยๆ มคี นหมดสติ ชว่ ยโทร 1669 และขอเครือ่ ง AED ดว้ ยคะ่  Steps of BLS : C > A > B

 C: Circulation  คลา carotid pulse 10 sec  start CPR  วางสน้ มือขา้ งหนงึ่ ตรงกลางหนา้ อกผ้ปู ่วยบริเวณคร่งึ ลา่ งของกระดกู หนา้ อก

 Positioning  แขน 2 ขา้ งเหยยี ดตรงในแนวดง่ิ กดหนา้ อกลึกประมาณ 5 เซนตเิ มตร แตไ่ มเ่ กนิ 6 เซนตเิ มตร  กดดว้ ยอตั ราเรว็ 100-120 ครงั้ ต่อนาที  สลบั คนป๊มั ตอนทีค่ รบ5 cycle ต้องให้สญั ญาณ/ประเมินชีพจร

 A: Airway เปิดทางเดนิ หายใจ  Non-Trauma:  วางสนั มือข้างหน่งึ บนหน้าผากและกดใหศ้ รี ษะแหงนไปดา้ นหลัง  วางน้ิวของมอื อกี ขา้ งทีใ่ ตป้ ลายคางและยกปลายคางข้นึ จะทาให้ศีรษะผ้ปู ่วยแหงนไปขา้ งหลงั และปากตอ้ งไมเ่ ปดิ  Trauma: Jaw-thrust วธิ นี ี้ ผชู้ ว่ ยเหลือตอ้ งอยู่ดา้ นศรี ษะของผปู้ ว่ ย จากน้นั ใช้มือท้งั สองข้างจับบริเวณมุมของขากรรไกร (Angle of mandible) และยกขากรรไกรของผู้ปว่ ยขนึ้ พรอ้ มๆ กบั ใช้นิว้ หัวแมม่ อื อยบู่ ริเวณปลายคางของผูป้ ว่ ยเพอ่ื ชว่ ย เปดิ ปากผู้ปว่ ย

 B: Breathing เป่าลมเขา้ ปอดทั้งสองขา้ ง มองจากการเคล่อื นขน้ึ ลงของหน้าอก ใช้เวลา 1 วนิ าทตี ่อครั้ง  อตั ราการกดหน้าอก: การชว่ ยหายใจ 30:2  การชอ็ กไฟฟ้าหัวใจโดยใช้เครือ่ งช็อกไฟฟา้ หวั ใจแบบอตั โนมตั ิ Automated External Difibrilation : AED  5ป: เปิด-แปะ-แปล-เปรยี้ ง-ปมั๊  ทันทที ี่ AED มาถึงให้เรม่ิ เปิดสวชิ ต์ ทันที  ตดิ แผน่ กระตุกหัวใจทห่ี น้าอกผปู้ ่วย  เคร่ืองแนะนาให้ชอ็ ค กดปุ่มชอ็ ค  เครื่องไมแ่ นะนาให้ชอ็ คใหก้ ดหน้าอกต่อ  แนใ่ จวา่ ไม่มีใครสมั ผัสผปู้ ่วยขณะเคร่ืองทาการวเิ คราะห์หวั ใจหรือกดปมุ่ ช็อค

 การจดั ทา่ พักฟนื้ Recovery Position เมือ่ ปฏบิ ัตกิ ารช่วยฟ้ืนคนื ชีพได้ผลและสิ้นสุดลง ขณะรอชุดปฏบิ ตั ิการระดบั ทส่ี ูง กว่า หรอื ขณะการลาเลยี งนาสง่ ควรจดั ท่านอนใหผ้ ปู้ ่วยอยูใ่ นท่าพกั ฟน้ื ซึ่งเหมาะสาหรับผู้ป่วยฉุกเฉินทั่วไป ไม่ควรใช้ใน ผู้ป่วยทไ่ี ดร้ บั บาดเจบ็ วิธปี ฏิบัติ  ได้รบั บาดเจ็บ วิธปี ฏบิ ัติ  1) ยกแขนซ้ายข้ึนเหนือศรี ษะ จับขาขวาไขว้ซา้ ย  2) ประคองหน้า และจับไหล่ขวาของผู้ป่วย  3) ผลักผูป้ ว่ ยไปทางด้านซา้ ย  4) วางมอื ขวาของผปู้ ว่ ยไว้ขา้ งๆใบหน้า  5) ศีรษะ ลาตวั และไหลข่ องผปู้ ่วยจะต้องเคล่อื นไปพร้อมกนั โดยไมบ่ ิดหรือเอี้ยวตวั  6) จดั ศีรษะให้อยู่ตรงกลางมากทส่ี ดุ

ยาสาหรับการชว่ ยชวี ติ  1.Adrenaline รูปแบบยา 1mg/ml  กระตนุ้ แอลฟา -Adrenaline receptor มผี ลเพิ่มความดันโลหิตจากการหดตวั ของหลอดเลือด  กระตนุ้ เบตา้ -Adrenaline receptor มีผลการกระตนุ้ การบบี ตวั ของหัวใจและกระตุ้นอัตราการเต้นของหัวใจ  ผลขา้ งเคยี ง : Hypertension Tachycardia /Supraventricular Tachycardia  2.Cordarone (Amiodarone) รปู แบบยา 150 mg/3ml  กลไกการออกฤทธิ์ antiarrhythmic drug โดยลด automaticity ของ sinus node ทาให้หัวใจเต้นชา้ ลง  ข้อบง่ ใช้  cardiac arrest and Recurrent VT/VF ที่ไมต่ อบสนองตอ่ defibrillation และยา adrenaline  ขนาดยา :300mg +5%D/W 20 ml IV sloe push ใน 3 นาที อาจพจิ ารณาใหซ้ ้า 150 mg อกี 5 นาทตี อ่ มา  ขอ้ ห้ามใช้  Severe hypotension  Pregnancy  Heart block

 ผลขา้ งเคยี ง  Hypotension  Bradycardia  Prolong QT interval  Heart block  CHF  Phlebitis  ข้อควรระวงั  1.ขณะ drip ไม่ควรไดร้ ับยา Betablocker, digoxin, diltiazem: เพม่ิ risk Bradycardia, AV block Warfarin เพิม่ risk bleeding  2.การใหย้ าต้องไมเ่ กิน 2200 mg in 24 ช่วั โมง  3.ระดบั K และ Mg ต้องอย่ใู นเกณฑ์ปกติ เนอ่ื งจากอาจเกิด arrhythymia

3.7.5% Sodium bicarbonate รปู แบบยา HCO3 8.92 mEq/50 ml  เปน็ สารละลายมฤี ทธ์ิเปน็ ด่าง มีสว่ นประกอบคือ โซเดียมและไบคารบ์ อเนต  เม่ือเข้าสู่รา่ งกายจะทาหนา้ ทเ่ี พิม่ ความเปน็ ดา่ งในรา่ งกายเพ่มิ ปริมาณโซเดียมและไบคารบ์ อเนต  เสริมกับไบคารบ์ อเนตซง่ึ รา่ งกายสร้างขนึ้ ท่ไี ต  โซเดยี วไบคาร์บอเนตมกี ารขบั ออกทางปสั สาวะทาใหป้ ัสสาวะมคี วามเปน็ ดา่ งมากขนึ้  ข้อบง่ ใช้  Severe metabolic acidosis (PH < 7.15)  50 ml IV push ซ้าไดท้ ุก 30 นาที หรือ drip ตอ่ เน่ือง โดยใน  Septic shock: rate 20-50 ml/hr โดยไม่ตอ้ งผสมกับสารนา้ อนื่  DKA: 100 ml + 5%D/W 400ml IV rate 250 ml/hr หยดุ ให้เม่ือ blood PH > 7.2








Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook