Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักฐานและข้อมููลที่ใช้ในการศึกษาวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต

หลักฐานและข้อมููลที่ใช้ในการศึกษาวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต

Published by patcharee.in, 2020-11-30 21:52:48

Description: หลักฐานและข้อมููลที่ใช้ในการศึกษาวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต

Search

Read the Text Version

ซากดึกดาบรรพข์ องอารค์ ีออพเทอริกซ์

 เปน็ การเปลี่ยนแปลงทีละนิดจากสิ่งมชี ีวติ แบบเดิมเปน็ ระยะเวลานานจน กลายเป็นสิ่งมีชีวติ ท่แี ตกต่างไป  เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของทงั้ สิ่งแวดล้อมและพันธกุ รรม - ทาให้เขา้ ใจพื้นฐานของสิง่ มชี ีวติ ชนิด - รูจ้ กั ต้นกาเนดิ ความแตกต่าง และความคลา้ ยของสิง่ มชี ีวติ แตล่ ะชนิด ความสมั พันธร์ ะหวา่ งสิง่ ทีส่ ง่ ตอ่ กนั ทางกรรมพันธแุ์ ละสิง่ แวดล้อม - เปน็ สง่ิ สาคัญในการทาความเขา้ ใจธรรมชาติของสิ่งชีวติ

7.1 หลกั ฐานและข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต 1. ซากดึกดาบรรพ์ (Fossil) ซากดึกดาบรรพ์ (Fossil) คือ ซากหรือรอ่ งรอยของสิง่ มชี ีวติ ในอดีต ทีถ่ กู ทับถมไวใ้ นชั้นหิน เช่น ซากพืช ปลา หอย ไดโนเสาร์ บางชนิดสญู พันธไ์ุ ปแล้ว บางชนิดยังมีวิวฒั นาการต่อจนถึงปจั จุบนั

7.1 หลกั ฐานและขอ้ มูลทีใ่ ชใ้ นการศึกษาวิวัฒนาการของสิง่ มีชีวิต 1. ซากดึกดาบรรพ์ (Fossil)  อายุช้นั หินคานวณหาไดจ้ ากซากดึกดาบรรพ์ที่พบในชน้ั หิน ซึ่งจะมีอายุ เท่ากบั อายุหินในชั้นนนั้  บรรพชีวนิ วทิ ยา (Palaeontology) เปน็ แขนงท่ศี ึกษาเกีย่ วกบั ซากดกึ ดาบรรพ์  สาหรา่ ยสีเขียวแกมน้าเงนิ เปน็ ซากดึกดาบรรพข์ องสิง่ มีชวี ิตทีโ่ บราณทีส่ ุด

7.1 หลักฐานและข้อมูลทีใ่ ช้ในการศึกษาวิวฒั นาการของสิง่ มีชีวิต 1. ซากดึกดาบรรพ์ (Fossil)

7.1 หลักฐานและข้อมูลทีใ่ ช้ในการศึกษาวิวฒั นาการของสิง่ มีชีวิต 1. ซากดึกดาบรรพ์ (Fossil)

7.1 หลักฐานและข้อมลู ทีใ่ ช้ในการศึกษาวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต สิง่ มีชีวติ คงสภาพดึกดาบรรพ์

ซากดึกดาบรรพใ์ นช้นั หินตะกอนช้นั ตา่ งๆ 5 4 3 2 1



ววิ ฒั นาการของม้า ยคุ อคิ วุส (Equus) ยคุ พลิโอซีน (Pliocene) ยคุ ไมโอซีน (Miocene) ยคุ โอลิโกซีน (Oligocene) ยคุ อิโอซนี (Eocene)

7.1 หลักฐานและข้อมลู ทีใ่ ช้ในการศึกษาวิวฒั นาการของสิ่งมีชีวิต 2. กายวภิ าคเปรยี บเทียบ กายวภิ าคเปรยี บเทียบ คือ การศึกษาเปรียบเทียบของโครงสร้างต่างๆ ในตัวเต็มวยั จุดกาเนิด หน้าท่ี และการทางานของกลุ่มสิ่งมีชีวติ ต่างๆ ได้แก่ Homologous structure และ Analogous structure

7.1 หลักฐานและข้อมลู ทีใ่ ชใ้ นการศึกษาวิวัฒนาการของสิง่ มีชีวิต 2. กายวภิ าคเปรยี บเทียบ  สตั ว์หลายชนิดมีโครงสรา้ งบางอย่าง คล้ายคลึงกนั แตท่ าหน้าที่ตา่ งกัน  โครงสร้างกาเนิดเดียวกัน  เรียกว่า โครงสร้างโฮโมโลกสั (Homologous Structure)  เช่น แขนมนุษย์ ครบี วาฬ และปกี คา้ งคาว ซึง่ เจริญมาจากรยางคค์ หู่ น้า ของสตั ว์เลี้ยงลกู ด้วยน้านม

7.1 หลักฐานและข้อมูลทีใ่ ช้ในการศึกษาวิวฒั นาการของสิง่ มีชีวิต 2. กายวภิ าคเปรยี บเทียบ  ส่วนโครงสร้างทีด่ แู ตกตา่ งกนั แตม่ ีหนา้ ที่ เหมือนกัน  โครงสร้างกาเนิดตา่ งกนั  - เรียกว่า โครงสร้างแอนาโลกสั (Analogous Structure)  เช่น ปกี แมลงและปีกค้างคาว ซึง่ ใช้บินเหมือนกนั แต่มีโครงสร้างไม่เหมือนกัน

7.1 หลักฐานและข้อมลู ที่ใช้ในการศึกษาวิวฒั นาการของสิง่ มีชีวิต 2. กายวภิ าคเปรยี บเทียบ

7.1 หลักฐานและขอ้ มูลทีใ่ ชใ้ นการศึกษาวิวฒั นาการของสิ่งมีชีวิต 3. วทิ ยาเอม็ บรโิ อ วทิ ยาเอม็ บรโิ อ คือ การศึกษาตัวอ่อนของสิง่ มีชวี ิต ซึง่ สิง่ มีชวี ิตชนั้ สูงทีม่ ี บรรพบุรษุ รว่ มกนั ในระยะที่เปน็ ตวั ออ่ นระยะแรกจะมีโครงสรา้ งอวยั วะ และรปู ร่างคลา้ ยคลึงกัน

ดงั ภาพ จะเห็นแบบแผนการเจริญของเอ็มบรโิ อของสัตว์มีกระดกู สันหลังทีค่ ล้ายกัน คือขณะเปน็ ตัวอ่อนจะมีชอ่ งเหงอื ก (Gill Slit) และหาง จึงสันนิษฐานว่าน่าจะมา จากบรรพบุรษุ รว่ มกัน

7.1 หลักฐานและขอ้ มลู ทีใ่ ชใ้ นการศึกษาวิวฒั นาการของสิง่ มีชีวิต 4. ชีววิทยาโมเลกลุ ชีววิทยาโมเลกุล หรือ อณูชีววทิ ยา (Molecular biology) คือ การศึกษา เกี่ยวกบั โครงสร้างและการทางานของหน่วยพันธุกรรมในระดบั โมเลกลุ ปฏสิ ัมพนั ธ์ กนั ระหว่าง ดีเอ็นเอ(DNA), อาร์เอน็ เอ(RNA), โปรตีน, หาความสัมพนั ธท์ ีใ่ กลช้ ิดกัน ทางววิ ัฒนาการของสิง่ มีชวี ติ

การเปรยี บเทียบรอ้ ยละของลาดับกรดอะมิโนทต่ี า่ งกันในสายฮีโมโกลบนิ ระหว่างมนษุ ย์กบั สิ่งมีชวี ติ ชนิดอืน่

7.1 หลกั ฐานและขอ้ มูลที่ใชใ้ นการศึกษาวิวฒั นาการของสิง่ มีชีวิต 5. การแพรก่ ระจายของสิ่งมีชวี ติ ทางภมู ิศาสตร์ การแพร่กระจายของสิง่ มีชวี ติ ทางภมู ิศาสตร์ คือ สิ่งมีชีวิตบางชนิดกาเนิดจาก บริเวณนี้แล้วไม่สามารถแพร่กระจายไปบริเวณอื่นได้ เนื่องจากสภาพแวดล้อม บริเวณอื่นไม่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตเต็มท่ี จึงพบเห็นแต่บริเวณท่ีกาเนิด เท่าน้ัน สิ่งมีชีวิตเข้าไปอาศัยในแหล่งใหม่จะต้องปรับตัวให้เข้ากับ สภาพแวดล้อมใหม่โดยเปลี่ยนแปลงโครงสร้างลักษณะรูปร่าง รูปร่าง ลกั ษณะ บางคร้ังเม่อื เปลีย่ นแปลงมาก ๆ กเ็ กิดเป็น Species ใหมข่ ึน้

7.1 หลักฐานและขอ้ มลู ที่ใช้ในการศึกษาวิวฒั นาการของสิ่งมีชีวิต 5. การแพร่กระจายของสิง่ มีชวี ติ ทางภมู ิศาสตร์



THE END