กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านเชิงเขา

1.มคี วามสามารถในการบริหารจัดการกลุ่ม/องคก์ ร การบรหิ ารจดั การกลมุ่ ตามหลกั ๕ ก. (รวมกลมุ่ กรรมการ กตกิ า กองทุน กจิ กรรม) กล่มุ ออมทรพั ยบ์ า้ นเชิงเขา เรม่ิ ก่อตงั้ เม่อื ๑ กรกฎาคม ๒๕๒๙ โดย การรวมตวั กนั ของกลมุ่ สตรใี นหมบู่ า้ น ทเ่ี ลง็ เหน็ ความสาํ คญั ของการออมเงนิ เพ่อื ชว่ ย ลดปัญหาทางการเงนิ แก่คนในชุมชน โดยเรมิ่ จากสมาชกิ ๓๗ คน ดว้ ยเงนิ ทนุ สจั จะท่ี ไมม่ ากนกั จนปัจจบุ นั กลมุ่ ออมทรพั ยบ์ า้ นเชงิ เขาเพมิ่ จาํ นวนสมาชกิ มากขน้ึ อยา่ ง ต่อเน่ือง

ปัจจบุ นั มสี มาชกิ เพม่ิ ขน้ึ เรอ่ื ย ๆ เงนิ สะสมมากขน้ึ อยา่ งเหน็ ไดช้ ดั ถอื วา่ เป็น ความพอใจของคนในชุมชนในระดบั หน่ึง ปจจบุ ันมีสมาชกิ เพม่ิ ขน้ึ เรอ่ื ย ๆ จนถึงปจจุบัน มีสมาชิก จํานวน ๒๘๖ คน เงนิ สะสมมากข้ึน จํานวน ทง้ั ส้นิ ๗, ๔๐๐๐๐๐บาท อยา งเห็นไดชดั ถอื วาเปน ความพอใจของคนในชมุ ชนในระดบั หนง่ึ

คณะกรรมการกลุ่มออมทรัพยเ์ พอ่ื การผลิตบ้านเชงิ เขา โดยคณะกรรมการบริหารฯ ประกอบด้วย ๔ ฝ่ าย ดงั นี้ ๑. คณะกรรมการฝ่ ายอาํ นวยการ ๑. ร.ต.ต.แสวง ชมุ คง ๒. นางละออง ดาํ สี ๓. นางเสาวลกั ษณ์ ทองคาํ ๔. นางกณั ฐา เลศิ กุลดลิ ก ๒. คณะกรรมการฝ่ ายเงินกู้ ๑. นางประทุม ทองเอยี ด ๒. นายพทิ ยา จนั ทรค์ ง ๓. นางสาวอรพรรณ นิรนั ครพ์ ฒุ ๓. คณะกรรมการฝ่ ายตรวจสอบ ๑. นางสมนึก ชมุ คง ๒. นางกลั ญาณีย์ จนั จติ จรงิ ใจ ๔. คณะกรรมการฝ่ ายส่งเสริม ๑. นางสายพมิ ทองแดง ๒. นางประทมุ ทองเอยี ด ๓. นางพมิ พนั ธ์ จนั ทร์เตม็

ระเบยี บกลุ่มออมทรัพยเ์ พอ่ื การผลิตบา้ นเชิงเขา

มแี ผนงานการขับเคลือ่ นและกาํ กับตดิ ตามการดาํ เนินกจิ กรรม ท่ี กิจกรรม ลกั ษณะและปริมาณ ระยะเวลาดาํ เนิ นการ งบประมาณ ผ้◌รู บั ผิดชอบ หมายเหตุ ทาํ เมื่อไร (บาท) คณะกรรมการ (ทาํ อะไร) (ทาํ อย่างไร) - คณะกรรมการ ๑. การประชาสมั พนั ธแ์ ละรบั สมาชิก มิ.ย. ๖๕ – ก.ค. ๖๕ คณะกรรมการ - คณะกรรมการ - การประกาศประชาสมั พนั ธก์ ล่มุ -ทาํ การติดต่อเพื่อ มิ.ย. ๖๕ – ก.ค. ๖๕ - และรบั สมคั รสมาชิก เช่ือมโยงกบั เครอื ข่าย ธนั วาคม ๖๕ เป็นต้น และองคก์ รอ่ืน ๆทงั้ ใน ไป - ตาํ บลและอาํ เภอ เม.ย.-ธ.ค. ๖๕ ๒. การเพ่ิมเงินออม และขยายกิจกรรม - เกบ็ เงินสจั จะอย่าง ครบถว้ นสมาํ่ เสมอ - การนําเงินทนุ ไปลงทนุ ดาํ เนิน กิจกรรม/ปล่อยเงินกู้ - ดาํ เนิ นกิจกรรมที่ ก่อให้เกิดผลกาํ ไรให้ เพิ่มขึน้ เช่น ลงทนุ ค้าขาย และปล่อยเงินกู้ - เข้ารว่ มกิจกรรม - การแลกเปล่ียนเรียนรรู้ ะหว่างกล่มู ก แลกเปล่ียนเพิ่มขึน้ เพ่ือ นําความร้มู าพฒั นา องทุนอื่น ๆ /เครือข่าย ความรดู้ าํ เนิ นงานของ กล่มุ

ภาพกจิ กรรม การสง่ เงนิ กลมุ่ ออมทรพั ยฯ์ แจกถุงยงั ชพี แกส่ มาชกิ การประชมุ กลมุ่ ออมทรพั ยฯ์

ดาํ เนินกจิ กรรม/กจิ กรรมตามหลักปรัชญา เศรษฐกจิ พอเพยี ง กจิ กรรมสรา้ งความมนั่ คงทางดา้ นอาหาร - ผนู้ ําชมุ ชน และคณะกรรมการกลมุ่ ออมทรพั ยเ์ พ่อื การผลติ มกี ารสง่ เสรมิ ให้ สมาชกิ กลมุ่ ออมทรพั ยฯ์ รวมทงั้ คนในชุมชนรว่ มกนั ปลกู ผกั สวนครวั เพ่อื สรา้ งความมนั ่ คง ทางดา้ นอาหาร

2. มคี วามสามารถในการจดั การกจิ กรรม/กจิ การ ของกลุ่ม/องคก์ ร 1.ใช้ทนุ ทางสงั คม-วฒั นธรรม พลงั ภมู ิปัญญา ให้เป็นพลงั ในการสรา้ งสรรคก์ าร ดาํ เนินงาน -คณะกรรมการ/สมาชิกกล่มุ ออมทรพั ยเ์ พื่อการผลิตบ้านเชิงเขา เหน็ ชอบ ในการซื้อธนบตั รธนาคาร

2. มคี วามสามารถในการจัดการกจิ กรรม/กจิ การ ของกลุ่ม/องคก์ ร 2. มีการดาํ เนินงานที่ริเร่ิมสร้างสรรคห์ รอื เป็นนวตั กรรม ใช้กระบวนการมีส่วนร่วมในการพฒั นาคนร่นุ ใหม่เพื่อการพฒั นาเพ่ือให้เป็น กล่มุ ออมทรพั ยฯ์ ยคุ ใหม่ ให้ทนั กบั เทคโนโลยี ใช้หลกั “พ่ีสอนน้อง เพื่อนสอนเพ่ือน” มาเรียนร้กู ิจกรรมแนวทางดาํ เนินงาน กล่มุ ออมทรพั ย์ แต่ต้องเป็นบคุ คลที่มีความพรอ้ มและสนใจงานกล่มุ ออมทรพั ย์ โดยคณะกรรมการแบง่ หน้าท่ีเป็นฝ่ าย โดยไม่มีค่าตอบแทน มาช่วยดแู ลในอาํ นวย ความสะดวกและเรียนรู้ จนสามารถพฒั นาได้ จึงนําเอาระบบเทคโนโลยีเข้ามาใช้ ในการทาํ งานเพ่ือความสะดวกและรวดเรว็ ในระบบงานต่างๆของกล่มุ ฯ เพ่ือ ประโยชน์ของสมาชิกกล่มุ ออมทรพั ยเ์ พ่ือการผลิตบ้านเชิงเขาต่อไป

2. มคี วามสามารถในการจดั การกจิ กรรม/กจิ การ ของกลุ่ม/องคก์ ร 3.มีการขยายผลหรอื ถ่ายทอดองคค์ วามร้ใู ห้กบั ผ้สู นใจทวั ่ ไป 4. การบรู ณาการร่วมมือจากภายนอกและสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงกิจกรรม/กิจการ สรา้ งความเข้าใจตามแนวทางของกรมฯ

2. มีความสามารถในการจดั การกจิ กรรม/กจิ การ ของกลุ่ม/องคก์ ร 5.มีการอนุรกั ษ์และสืบทอดกิจกรรม/กิจการของกล่มุ /องคก์ ร จากรนุ่ ส่รู ่นุ 6.มีการเผยแพร่ประชาสมั พนั ธก์ ิจกรรม/กิจการ ในรปู แบบต่างๆ

3.มคี วามสามารถในการสร้างนวัตกรรม 1.มีการสร้างสรรคส์ ินค้า/ผลิตภณั ฑ์ หรอื กิจกรรม หรือการจดั การใหม่ที่ตอบท่ี สนองต่อสมาชิกและชมุ ชน 2.มีการนําเทคโนโลยี/ความร้ใู หม่มาใช้ในการดาํ เนินงาน

3.มคี วามสามารถในการสร้างนวัตกรรม 3.มีการยกระดบั ความร้ดู ้วยกระบวนการจดั การความร้หู รือถอดบทเรียน

4.การสร้างผลประโยชนแ์ กส่ ังคมและสาธารณะ 1. สรา้ งรายได้แก่สมาชิก หรอื สนับสนุนไห้เกิดการพฒั นาต่อประชาชน ชมุ ชน และ สงั คมอย่างต่อเนื่อง 2. มีการจดั แบง่ ผลกาํ ไร หรือจดั กิจกรรมเพื่อสาธารณะประโยชน์

5. การยดึ ม่ันในหลักธรรมาภบิ าล 1.บรหิ ารจดั การตามหลกั ธรรมาภบิ าล 1.การบรหิ ารเงนิ ทุนจดั สรรไดอ้ ยา่ งชดั เจน อยา่ งมรี ะบบ โปรง่ ใส ตรวจสอบได้ และยดึ หลกั ธรรมาภบิ าล - กําหนดบทบาทแบง่ หน้าทแ่ี ละปฏบิ ตั ติ ามหน้าท่ี 2.การควบคมุ งานมอี ยา่ งระบบ - มคี วามรบั ผดิ ชอบ แบ่งงานกนั ทาํ สอนงาน 2.กลมุ่ /องคก์ ร ไดร้ บั รางวลั /คาํ ช่นื ชม ทป่ี รากฏแก่สาธารณะ

จบการนาํ เสนอ