Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่ 4วิธีการสอนคิดอย่างมี วิจารณญาณขั้นพื้นฐาน

บทที่ 4วิธีการสอนคิดอย่างมี วิจารณญาณขั้นพื้นฐาน

Published by Jarinthon kongthanee, 2021-06-10 05:44:45

Description: Jarintorn Kongthanee.pdf2

Search

Read the Text Version

บทท่ี 4 วธิ ีการสอนคดิ อย่างมี วจิ ารณญาณข้นั พืน้ ฐาน

แนวทางในการสอน แนวทางแรก เหน็ วา่ การสอนการคิดอย่างมีวิจารณญาณนนั้ ควรสอดแทรกไปทกุ เนือ้ หา วชิ าแบบเป็นสว่ นหน่งึ ของกระบวนการ เรยี นรูต้ ลอดเวลา หลกั คดิ กค็ ือวา่ จะเรยี นรูเ้ ร่อื งการคดิ ก็จะตอ้ งมี เนือ้ หาสาระในการใชป้ ระกอบการคิดคือตอ้ งฝึกการคดิ ภายใต้ เนือ้ หาสาระท่ีเรยี น แนวทางทสี่ อง ก็คือการสอนใหร้ ูจ้ กั แนวทางวิธีการคดิ อยา่ ง มีวจิ ารณญาณโดยตรง เลยเพ่ือใชเ้ ป็นเครอ่ื งมือนาไปสู่ กระบวนการวเิ คราะห์ การพิจารณาเช่ือมโยงเนือ้ หาท่ีเรยี นนนั้ วา่ ขอ้ มลู ท่ีเรยี นท่ีปรากฏมีความสมเหตสุ มผลอย่างไร แนวทางทสี่ าม ก็คือการสอนการคิดอย่างผสมผสานกนั ไปท่ี มีทงั้ หลกั สตู ร ท่ีนาเสนอวา่ เรม่ิ แนวคดิ เก่ียวกบั การคดิ อย่างมี วจิ ารณญาณและขณะเดียวกนั ก็อาจมีการประยกุ ต์ ใชใ้ นการสอน เนือ้ หาสาระวิชา ซง่ึ ก็อาจตอ้ งมีการลาดบั การเรยี นรูใ้ หเ้ หมาะสม

กระบวนการเรียนรู้โดยเร่ิมจากหลกั การสาคญั ของการคิดอยา่ งมี วจิ ารณญาณ ท่ีนกั เรียนจะตอ้ งรู้จกั หาความกระจ่างและการตรวจสอบใหไ้ ด้ วา่ ขอ้ สมมติฐานในเรื่องน้นั ที่ให้ นกั เรียนศึกษาน้นั คืออะไร ดว้ ยมุมมองตอ่ เน้ือเรื่องน้นั ท่ีแตกตา่ งกนั และถือวา่ เป็นหลกั สาคญั เช่น -ในยามท่ีจาเป็นตอ้ งใชด้ ุลยพินิจอยา่ งอิสระ นกั เรียนมีความจาเป็นตอ้ งเขา้ ถึง ปัญหา เอกาท่ีมีความซบั ซอ้ นอยา่ งแจง้ ตลอด ตอ้ งวเิ คราะห์แนวคิดได้ หรือมี ขอ้ มูลจานวนมากมาหกั ลา้ งและตอ้ งตดั สินไดว้ า่ การตีความหรือการกระทาใด ที่สมเหตุสมผลและมีความถูกตอ้ งท่ีสุด

การเลื อกกรณีศึ กษาสาหรั บการเรี ยนการคิดอย่ างมี วิจารณญาณ (Case Stu dy) สา ห รั บ นั ก เ รี ย น ที่ เ ริ่ ม เ รี ย น ก า ร คิ ด อ ย่ า ง มี วิ จ า ร ณ ญ า ณ ใ น เ นื้ อ ห า วิ ช า ใ ห ม่ เ ป็ น ค ร้ั ง แ ร ก น้ั น นั บ ว่ า เ ป็ น เ ร่ื อ ง สา คั ญ ที่ ค รู จ ะ ต้ อ ง ว า ง พื้ น ฐ า น ใ ห้ ดี แ ล ะ ใ ห้ นั ก เ รี ย น รู้ ว่ า ทา ไ ม ก า ร คิ ด อ ย่ า ง มี วิ จ า ร ณ ญ า ณ จึ ง มี ค ว า ม สา คั ญ นั ก ความผดิ พลาดอยา่ งหน่ึงของครูผมู้ ีประสบการณ์กค็ ือการทึกทกั เอาโดยง่ายวา่ นกั เรียนอาจมีความต่ืนเตน้ เกี่ยวกบั หลกั สูตร กฎทว่ั ไป ที่ สาคญั ในการสอนกค็ ือจะตอ้ งเลือกกรณีศึกษาหรือทากรณีศึกษาข้ึนมาใหด้ ีที่สุดเท่าที่จะทาไดแ้ ละใหน้ กั เรียนรู้วา่ ทาไม และอยา่ งไรจึงมีความ จาเป็นที่จะตอ้ งมีการเรียนเร่ืองน้ีอยา่ งจริงจงั ดูแนวทางที่สาคญั ในการจดั ทากรณีศึกษาน้ีวา่ มีประเดน็ อยา่ งไรจึงจะช่วยการเรียนใหไ้ ดผ้ ล อาทิ •การใชค้ นที่เคยเรียนมาก่อนมาพูดคุยอาจเป็นแบบวา่ นกั เรียนคนน้ีเคยเรียนการคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณมาก่อน •การเรียนจากกรณีชีวิตจริง ซ่ึงอาจจะนามาจากวดิ ีโอ ยูทูป จากทีวี ที่แสดงถึงการประยกุ ตเ์ ร่ืองการคิดอยา่ งมีวิจารณญาณมาใชใ้ นแต่ละ สถานการณ์ซ่ึงกจ็ ะเป็นการช่วยใหเ้ ดก็ ๆ เห็นภาพและมีความเขา้ ใจมากข้ึน •การใชแ้ บบจาลอง (Simulation) อาจเป็นการจาลองเหตุการณ์ สถานการณ์ ฯลฯ กจ็ ะทาใหเ้ ดก็ เห็นภาพและมีความเขา้ ใจ รวมท้งั การสร้างความเช่ือมนั่ วา่ เขาควรจะตอ้ งพฒั นาในเรื่องน้ีใหม้ ากข้ึน •การเป็นตวั แบบ (Modeling) ในเร่ิมแรกเลยครูเองควรจะเป็นตวั แบบท่ีแสดงใหเ้ ดก็ เห็นถึงการใชค้ วามคิดอยา่ งมีวิจารณญาณดว้ ย การพดู การแสดงออกและวธิ ีปฏิบตั ิ •ใชร้ ะบบการใหร้ างวลั อยา่ งเหมาะสม การใชร้ ะบบรางวลั ตอ้ งใหม้ ีความเหมาะสมและกระตุน้ ใหน้ กั เรียนปฏิบตั ิตนไปในทางน้นั เช่น เวลาครูตอ้ งการใหค้ วามสาคญั กบั กิจกรรมการอภิปรายและแสดงความคิดเห็น แต่ปรากฏวา่ เวลาใหค้ ะแนนจริงกลบั ไม่เป็นไปตามท่ีกาหนดไวน้ ้นั กจ็ ะทาใหน้ กั เรียนไม่ปฏิบตั ิตามน้นั อีกต่อไป

การสอนด้วยภาพจาลอง การสอนการคิดอยา่ งมีวิจารณญาณดว้ ยการวิเคราะห์เหตุการณ์ (Scenario Analysis) จาลองโดยครูจะเตรียมเน้ือหาหรือเตรียมเรื่องแลว้ ใหน้ กั เรียน จินตนาการโดยใหพ้ าตวั เองเขา้ ไป แทนท่ีบุคคลในเร่ืองแลว้ พยายามหา ใหไ้ ดว้ า่ เรื่องน้นั มีขอ้ สมมติฐานอะไร การสร้างเหตุการณ์จาลองน้ีจะเป็นการกาหนดแบบเน้ือหาส้นั ๆ ประมาณ 2 ยอ่ หนา้ ถึง 1 หนา้ กระดาษ ซ่ึงจะเป็นขนาดท่ีเหมาะกบั เวลา เรียนที่มีอยู่ แบบฝึกหดั น้ีสามารถท่ีจะปรับใชก้ บั วิชาและทุกหวั ขอ้ ดว้ ย การเขียนแบบจาลองสถานการณ์ข้ึนมา

ลองดูตวั อย่างการจาลองสถานการณ์ นกั คณิตศาสตร์คนหน่ึงไดส้ ร้างสูตรคณิตศาสตร์ข้ึนมาซ่ึงนกั เรียนสร้างความคุน้ เคย แลว้ นามา ผกู เป็นสมการ ใหน้ กั เรียนอา่ นเหตุการณ์จาลอง แลว้ ไดร้ ับคาถามใหร้ ะบุเหตุผลเบ้ืองหลงั ของการ ประยกุ ตใ์ ชส้ ูตรน้ีแลว้ กระตุน้ ใหน้ กั เรียนไดเ้ สนอทางเลือกใหม่ของการสร้างสมการข้ึนมา ในกรณีของการใชแ้ บบฝึกหดั เหตุการณ์จาลองน้ี สามารถใชไ้ ดก้ บั หลากหลายวิชาโดย มี ขอ้ แนะนาอนั เป็นหลกั ทว่ั ไป ดว้ ยการถามคาถาม 3 ขอ้ ต่อไปน้ี (1) คุณคิดวา่ มีขอ้ สมมติฐานท้งั หมดในเร่ืองน้ีอะไรบา้ งที่เห็นไดช้ ดั ใหร้ ะบุใหไ้ ดม้ ากท่ีสุด (2) รายการขอ้ สมมติฐานที่ระบุไวค้ ุณคิดวา่ อนั ไหนที่ตรวจสอบไดโ้ ดยง่าย (3) หากมีทางเลือกในการตีความเหตุการณ์จาลองน้ีรูปแบบการตีความชุดไหนท่ีเกิดข้ึน มีความ สอดรับกบั คาอธิบาย ท้งั สามคาถามมุง่ ท่ีจะใหน้ กั เรียนตรวจสอบขอ้ สมมติฐานและการคน้ หาทางเลือกและมุมมองที่ แตกต่างท่ีนกั เรียนสามารถท่ีจะเสนอได้ การกาหนดใหค้ น้ หาขอ้ สมมติฐานตอ้ งการให้ มีการวิเคราะห์ วิจยั และสอบถามไม่ไดม้ ุ่งใหห้ าคาตอบแบบโดยทนั ที

บทท่ี 5 การพฒั นาการคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ ทซ่ี ับซ้อนในระดบั กลางและข้นั สูง

การคิดในระดบั น้ีเป็นการยกระดบั การคิดท่ีสูงข้ึนกวา่ ในแบบพ้นื ฐานที่ ไดก้ ลา่ วในตอนก่อน ในการคิดข้นั กลางน้นั เป็นการคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณที่ มุ่งเนน้ การเขา้ ใกลก้ บั ประสบการณ์ส่วนบุคคลมากข้ึน ส่วนในระดบั ที่สูงน้นั เป็นการคิดที่เดก็ จะตอ้ งรู้จกั การต้งั สมมติฐานของ ตนเอง รวมท้งั การมีมุมมอง กระบวนการใชเ้ หตุผล และประสบการณ์ ตอ่ ไปน้ีเป็นแนวทางในการออกแบบแบบฝึ กหดั

การคิดข้ันกลาง 1 : แบบจาลองการ ตัดสิ นใจยาม วิกฤต เป็นแบบฝึกหดั ท่ีห่างออกจากประสบการณ์ของนกั เรียน เพราะวา่ เป็นวธิ ีท่ีง่าย ในการ ช่วยใหเ้ กิดการตีความดว้ ยวธิ ีที่ต่างกนั แบบฝึกหดั น้ีจะทาเป็นกลุ่มโดยครูจะถามใหน้ กั เรียนจินตนาการวา่ กาลงั เผชิญกบั สถานการณ์ท่ีตอ้ งตดั สินใจลงมือกระทาอะไรบางอยา่ ง ตอ้ งมีการเลือก ในสถานการณ์ท่ีไม่มี ใครรู้อยา่ งชดั เจนวา่ ทางเลือกท่ีเหมาะสมคืออะไรและท้งั หมดน้ีจะทาภายใตเ้ วลาท่ีจากดั เพยี ง ไม่ก่ีนาที

ก า ร คิ ด ข้ั น ก ล า ง 2 : ก า ร อ ภิ ป ร า ย ถ ก เ ถี ย ง เ ชิ ง วิ พ า ก ษ์ ภายหลงั ลงคะแนนกจ็ ะใหม้ ีการอภิปรายใหค้ วามเห็น (Critical Debate) เพิ่มเติมวา่ มีความเห็นอยา่ งไรต่อ หลงั จากท่ีไดร้ ับฟังขอ้ มูล ขอ้ คิดเห็นเพ่มิ ข้ึน เป็นกระบวนการพฒั นาการคิดอยา่ งมีวิจารณญาณท่ีสาคญั ในการฝึกหดั น้ีครูจะทาการเลือกหวั ขอ้ ภายใตเ้ น้ือเรื่องท่ีประเดน็ น้นั อาจยงั เป็นประเดน็ ร้อนที่มี ในช่วงสุดทา้ ยจะเป็นการใหน้ กั เรียนไปทาการบา้ นเพอื่ ผมู้ ีความเห็นแตกต่างกนั อยมู่ ากในสงั คม โดยครูจะขอใหน้ กั เรียนแบ่งออกเป็น สองกล่มุ ในการอภิปรายประเดน็ ดงั กลา่ ว ใครที่สนบั สนุนประเดน็ น้นั ใหอ้ ยกู่ ลมุ่ ที่ สรุปผลการอภิปรายดงั กล่าวเป็น ลกั ษณะการติดตาม หน่ึง และใครท่ีเห็นต่างใหอ้ ยอู่ ีกกลุ่มหน่ึง 1) ขอ้ สมมติฐานที่นกั เรียน (คนน้นั ) ยดึ ถือมีความกระจ่าง โดยเม่ือแบ่งกลุม่ แลว้ ครูอาจสร้างความประหลาดใจดว้ ยการพลิกโผโดย หรือไดร้ ับการยนื ยนั จากการอภิปรายมากนอ้ ยเพยี งใด ใหท้ ้งั สองทีม สลบั กลมุ่ กนั นน่ั คือคนที่เดิมคิดจะสนบั สนุนกจ็ ะมาอยกู่ ล่มุ ที่ คดั คา้ นแทน หลงั จากน้นั ใหเ้ วลา 10-15 นาที หารือกนั ในกล่มุ เพ่อื หาขอ้ โตเ้ ถียงท่ี (2) ขอ้ สมมติฐานท่ีเขายดึ ถือในการอภิปรายท่ีสร้างความ ดีท่ีสุดที่กลุ่มของตนเองจะนาเสนอ และใหแ้ ต่ละกลุ่มมีเวลา 5 นาที ในการ นาเสนอขอ้ คิดเห็นของตน ประหลาดใจหรือท่ีเกิดข้ึนใหม่ ในระหวา่ งการอภิปราย (3) เขาจะจดั การกบั ขอ้ สมมติฐานใหม่ไดอ้ ยา่ งไร หลงั จากน้นั จะใหเ้ วลาอีก 5 นาทีในการยกร่างขอ้ คิดเห็นตอบโตอ้ ีกผา่ ย หลงั จากไดย้ นิ การนาเสนอของแต่ละฝ่ าย ภายหลงั การโตแ้ ยง้ กนั เสร็จ จะให้ (4) มีมุมมองอะไรใหม่ๆ ที่เกิดข้ึนจากการอภิปราย นกั เรียนทุกคนลงคะแนนวา่ จะเห็นดว้ ยกบั ฝ่ ายไหน หลงั จากรับทราบเหตุผลแลว้ (5) ขอ้ สมมติฐานท่ีคงอยไู่ ดเ้ กิดมีความทา้ ทายหรือทาให้ โดยจะลงคะแนนตามความคิดเห็นของตนไม่จาเป็นวา่ ตอ้ งโหวตใหก้ บั ฝ่ ายของ ตนเองเสมอไป เกิดการเปล่ียนแปลงอนั เป็นผลจากการอภิปรายอยา่ งไร

ก า ร คิ ด ข้ั น ก ล า ง 3 : ตั ว อ ย่ า ง แ ล ะ ข้ อ บ ก พ ร่ อ ง ตวั อย่างหัวข้อทจี่ ะนาไปสู่การอภปิ ราย • ในบรรดาสูตรคณิตศาสตร์ที่ผา่ นการพิสูจน์แลว้ อนั ไหนที่รู้สึกวา่ แบบฝึกหดั น้ีจะนามาใกลต้ วั ของเดก็ นกั เรียนมากข้ึนโดยเดก็ จะ แสดงออกซ่ึงความคิดเห็นแทๆ้ ของเขา ตวั อยา่ งแบบฝึกหดั ท่ีผา่ นมา เลิศหรูอลงั การที่สุด จะเป็นการใหค้ วามเห็นไปตามบริบทของเน้ือเรื่องที่ใหม้ า และจะ เป็นความเห็นที่มีต่อคนอ่ืนคือเนน้ ประเดน็ ของคนอ่ืน อาจเป็นเรื่อง หลงั จากท่ีนกั เรียนไดใ้ หค้ วามคิดเห็นส่วนตวั เสร็จแลว้ ใหน้ า ที่ช่ืนชอบหรือท่ีถูกวิพากษว์ จิ ารณ์ แบบฝึกหดั น้ีเริ่มจากการใหน้ กั เรียนมุ่งท่ีจุดหรือหวั ขอ้ ท่ีมีคน ขอ้ คิดเห็นน้นั มาแลกเปลี่ยน กบั เพื่อนๆ ในช้นั เรียนเพอ่ื ร่วมกนั ให้ สามารถใหค้ วามรู้เพม่ิ เติม อนั เป็นประโยชนต์ ่อหวั ขอ้ น้นั ไดเ้ พ่อื ให้ ขอ้ คิดเห็นและแลกเปลี่ยนความคิดระหวา่ งกนั เกิดความเขา้ ใจในการขบั เคลื่อนการพดู คุยในหวั ขอ้ น้นั ในขณะเดียวกนั จากตวั อยา่ งน้ีกอ็ าจทาแบบฝึกหดั ที่มีความเห็นตรง ขา้ มจากโจทยข์ อ้ ก่อนมาเป็นแบบฝึกหดั คือ • ในบรรดาทฤษฎีเชิงตรรกะที่เรียนมาในที่น้ีอนั ไหนท่ีรู้สกวา่ มี ความออ่ นในหลกั การที่สุด อาจบอกนกั เรียนวา่ แบบฝึกหดั น้ีไม่มีผดิ หรือถกู ในคาตอบ ประเดน็ คือการดาเนินการเป็นกลุ่มเพื่อใหเ้ รียนรู้กนั ระหวา่ งเพอ่ื นโดยเป็นการ ฝึกระวงั การใหเ้ หตุผล การพจิ ารณาหลกั ฐานและความรู้ทใ่ี ช้

การคิดข้ันกลาง 4 :การอ่ านเพื่ อการพิสู จน์ และความท้ าทาย แบบฝึกหดั น้ีจะคลา้ ยกบั แบบฝึกหดั ที่แลว้ แต่วา่ จะสนั่ กวา่ โดยเนน้ การใหน้ กั เรียน คดั เลือกการอา้ งคากล่าว (Quote) โดยใหค้ ดั เลือกมาสองขอ้ ความ อนั แรกเป็นอนั ท่ีเราเห็น ดว้ ยกบั คากล่าวน้นั และอีกอนั คืออนั ที่เราตอ้ งการทา้ ทายความคิดอนั น้นั ท่ีอาจเห็นวา่ มีความ สบั สน ในการสื่อความหมายหรืออาจมีอคติ อาจแสดงออกบางอยา่ งที่เราไม่เห็นดว้ ยหรืออาจ ขาดเหตุผลไปในความคิดของเรากไ็ ด้ และอ่ืนๆ อีก

การบา้ นของนกั เรียนคือแต่ละคนมาท่ีหอ้ งเรียนดว้ ยการนาคา ครูอาจมีการติดตามตรวจสอบการคิดในเร่ืองน้ีดว้ ยโดย กลา่ วมาคนละ 2 คากล่าว คืออนั ท่ีเห็นดว้ ย กบั อนั ท่ีตอ้ งการทา้ ทาย นกั เรียนตอ้ งไปทาเป็นการบา้ นดว้ ยการตอบคาถาม 3 ขอ้ คือ จากน้นั ใหจ้ ดั กลมุ่ นกั เรียนเป็นกลุม่ ละ 5 คน แลว้ แต่ละคนเสนอคากล่าว ของตนเองท่ีเตรียมมา อาจเริ่มตน้ ที่คากล่าวท่ีเห็นดว้ ย ดว้ ยการนาเสนอ 1. คุณเลือก 2 คากลา่ วอา้ งอะไรและทาไมคุณจึงเลือกมนั ถา้ เหตุผลมาสนบั สนุนคากลา่ วน้นั และเมื่อทุกคนนาเสนอแลว้ กใ็ หก้ ล่มุ เลือกเอา 1 อนั ที่คิดวา่ ดีท่ีสุดเพ่อื นาเสนอต่อกลุ่มใหญ่ หากใหเ้ ลือกคากล่าวอา้ งใหม่ตามเน้ือหาท่ีกาหนดคุณจะยงั คงเลือกอนั เดิมหรือไม่ ถา้ ใช่เดก็ นกั เรียนคนอื่นใหค้ วามเห็นท่ีสร้างความมนั่ ใจ ส่วนคากล่าวที่มีความทา้ ทายกด็ าเนินการไปในแนวทางเดียวกนั ใหก้ บั คุณอยา่ งไรวา่ คากล่าวน้นั ดีและหากเพื่อนบอกวา่ ไม่ ท่ีตอ้ งการ แต่การคดั เลือกคากลา่ ว ใหค้ ุณเปลี่ยนคืออะไร อนั ท่ีสองน้ีของกลุ่มไม่อาจเลือกจากคนๆ เดียวกนั ได้ ท้งั สองคากลา่ วที่ จะนาเสนอต่อกลมุ่ จะทา 2. คุณเลือก 2 คากลา่ วจากกลุม่ ไหนมาอภิปรายและทาไมคุณ ดว้ ยการเขียนสรุปลงกระดาษแลว้ นามาติดไวท้ ี่ผนงั เพื่อที่ท้งั หอ้ งเรียน จึงเลือกคากลา่ วน้นั และเมื่อคุณไดค้ ุยกบั เพือ่ นที่เลือกเหมือนคุณ คุณ สามารถเห็นไดว้ า่ แต่ละ ไดเ้ รียนรู้ขอ้ มูลใหม่อะไร มุมมองใหม่หรือขอ้ คิดเห็นอะไรจากหวั ขอ้ กลุ่มเลือกอะไรมาอธิบายโดยใหน้ กั เรียนอ่านขอ้ ความท่ีเขียนใหเ้ พ่อื นๆ ท่ีเลือกน้นั หากไม่มีการอภิปรายเรื่องอะไรใหม่ๆ อะไรคือส่วนของ ท้งั หอ้ งไดร้ ับทราบ หลงั ความคิดที่ไดร้ ับการยนื ยนั จากน้นั ครูจะใหน้ กั เรียนคดั เลือกสองคากลา่ วท่ีเลือกโดยกลมุ่ อื่นๆ ที่ สนใจหวั ขอ้ น้นั และตอ้ งการมีการอธิบายพดู คุยเพิ่มเติมเขา้ ไปดว้ ย กล่มุ 3. การมีส่วนร่วมของคุณในแบบฝึกหดั น้ีไดบ้ อกอะไรเก่ียวกบั ท่ีเดิมทาไวก้ ก็ ลบั มาดูความคิดเห็นเพิม่ เติมจากกล่มุ อ่ืน รูปแบบการคิดของคุณบา้ งขอ้ โตเ้ ถียงหรือหลกั ฐานอะไรท่ีคุณหยบิ ยก และอะไรท่ีทาใหเ้ กิดความสับสนเกิดข้ึนแก่คุณ อะไรคือการคน้ ควา้ ท่ี ดีในหวั ขอ้ น้ีของคุณและอะไรที่คุณทาการคน้ ควา้ ไดไ้ ม่ดี

การคดิ ข้นั สูง , ในข้นั ท่ีสูงข้ึนของการคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณกค็ ือการท่ีนกั เรียนสามารถ ที่จะคิดบนพ้นื ฐานของตนเองในการตดั สินใจ การเลือกและการใหเ้ หตุผล ใน ข้นั น้ีนกั เรียนจะคน้ ควา้ วจิ ยั และระบุไดถ้ ึงขอ้ สมมติฐานและการดาเนินการสู้ การปฏิบตั ิที่เกิดจากความคิดที่ถูกจดั ระบบเป็นการเรียนรู้และก่อรูปการคิดจนมี รากฐานที่แขง็ แกร่ง

วัตถุประสงค์ ส น ท น า เ ชิ ง วิ พ า ก ษ์ 1. เพอ่ื ใหม้ ีความระแวดระวงั วา่ ภายใตข้ อ้ สมมติฐานท่ีคิดน้นั อ า จ ก ล่ า ว ไ ด้ ว่ า เ ป็ น กิ จ ก ร ร ม ใ น ลา ดั บ สุ ด ท้ า ย ข อ ง ก เป็นอยา่ งไร ฝึ ก ก า ร คิ ด อ ย่ า ง มี วิ จ า ร ณ ญ า ณ ก็ ไ ด้ มั น จ ะ มี ค ว า ม ซั บ ซ้ อ น โ ด ย ที่ 2. เพอ่ื สารวจวา่ ขอ้ สมมติฐานที่ต้งั ไวม้ ีเหตุผลรองรับแน่นหนา นั ก เ รี ย น จา เ ป็ น ที่ จ ะ ต้ อ ง มี ก า ร เ ต รี ย ม ตั ว อ ย่ า ง เ ห ม า ะ ส ม สา ห รั บ หรือไม่ ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ แ ล ะ ค รู ผู้ ส อ น ต้ อ ง ทา ใ ห้ มั น ใ จ ไ ด้ ว่ า ตั ว แ บ บ ก า ร 3. เพอ่ื ใหม้ องเห็นการนาไปสู่การใชเ้ หตุผลและการกระทา ส อ น จ ะ เ ป็ น อ ย่ า ง ไ ร ก่ อ น ท่ี ค รู น้ั น จ ะ ล ง มื อ ส อ น แ ล ะ ใ ห้ เ ด็ ก ไ ด้ ของเราบนความแตกต่างของมุมมอง เ ข้ า ม า มี ส่ ว น ร่ ว ม 4.เพื่อใหม้ ีการคิดเก่ียวกบั ขอ้ บ่งช้ีของการสนทนสาหรับการ นาไปสู่การกระทาในอนาคตและการคิด

ในการจดั ระบบการสนทนาน้ีมีขอ้ แนะนาวา่ อาจมีการเลือกบทบาทใดบทบาท หน่ึงใน 3 บทบาทน้ี คือ บทบาทของผเู้ ล่าเร่ือง (Storyteller) บทบาทของนกั สืบ (Detective) และบทบาทของผตู้ ดั สิน (Umpire) บทบาทของผู้เล่าเร่ือง กค็ ือบทบาทของคนท่ีตอ้ งการเป็นผเู้ ริ่มเร่ืองสู่การสนทนา ดว้ ยการเป็นผอู้ ธิบาย บทบาทของนักสืบ คือบุคคลผทู้ าหนา้ ท่ีช่วยใหเ้ กิดความเขา้ ใจในขอ้ สมมติฐาน และการกระทาท่ีเป็นกรอบความคิด การกระทา หรือประสบการณ์ของการเล่าเร่ืองน้นั บทบาทของผู้ตัดสิน คือผซู้ ่ึงมีหนา้ ที่ในการติดตามการพูดคุยดว้ ยมุมมองของ การพยายามช้ีในยามที่มีการสนทนากนั ในลกั ษณะของการพยายามหามุมมองท่ีจะตดั สิน และเป็นผทู้ ี่พยายามใหก้ ลุ่มพดู คุยตรงจุดไปตามลาดบั ข้นั ตอน

วิธีการ ตวั อย่างการสนทนาเชิงวพิ ากษ์

ข้ันท่ี 1 คนเล่ าเรื่ องบอกเรื่ องเล่ า (10 นาที) การพดู คุยเปิ ดฉากโดยคนอาสาเลา่ เร่ืองโดยคนเล่าใหม้ ีความ ชดั เจนและเจาะเร่ืองใหม้ ากที่สุดจากท่ีรู้หรือที่ศึกษามาและเห็นวา่ เรื่องน้นั มีประเดน็ ปัญหาท่ีตนคิดอยา่ งไร ข้ันท่ี 2 การถามในแบบของนักสื บ (10 นาที) ภายหลงั จากนกั เล่าเรื่องไดพ้ ดู จบ นกั สืบกจ็ ะไดร้ ับอนุญาตใหเ้ ร่ิมถามคาถามเดียวกบั เหตุการณ์ต่างๆ ท่ีไดร้ ับการอธิบายมา นกั สืบจึงตอ้ งคน้ หาขอ้ มูลข่าวสารใดกต็ ามท่ีจะช่วยให้ อธิบายขอ้ สมมติฐานที่ผเู้ ล่ายงั ยดึ ถืออยแู่ ละตอ้ งมองหารายละเอียดที่ไม่ไดม้ ีการเล่าในตอนแรกผา่ น มุมมองผเู้ ล่า

ข้ันท่ี 3 การรายงานของนั กสื บต่ อข้ อสมมติ ฐานที่ เขาได้ ยินจากคาอธิ บายของผู้เล่ าเรื่ อง(10 นาที) เป็นการท่ีนกั สืบอกกบั นกั เล่าท่ียอกเล่าและตอบคาถามและการตอบคาถามและ คิดวา่ อะไรคือขอ้ สมมติฐานท่ีผเู้ ล่ายดึ ถืออยู่ ข้ันท่ี 4 นั กสื บให้ ทางเลื อกในการตีความ (10นาที) ถึงข้นั น้ีนกั สืบจะไดร้ ับโอกาสในการเสนอความคิดใหม่ต่อเร่ืองท่ีอธิบายมาน้นั บนความ พยายามท่ีจะมองเรื่องน้นั ผา่ นสายตาของผรู้ ่วมหารือหรือเรียนรู้ผา่ นทางเลือกหน่ึงของกระบวน ทศั น์ การตีความในการที่จะใหม้ ุมมองทางเลือกใหม่จะตอ้ งวางอยบู่ นฐานของขอ้ มูลขอ้ เทจ็ จริง ตามท่ีอธิบายเท่าน้นั โดยนกั สืบจะช้ีใหเ้ ห็นในประเดน็ ท่ีมีความแตกต่างในการตีความ

ข้ันท่ี 5 ผู้เข้ าร่ วมทาการตรวจสอบ (10 นาที) ทา้ ยที่สุดตอนน้ีนกั สืบสามารถท่ีจะใหค้ าแนะนาอะไรกไ็ ดต้ ามท่ีตอ้ งการท้งั คนเล่า และนกั สืบจะพดู คุยแลกเปล่ียนการเรียนรู้กนั ท้งั ความเขา้ ใจเชิงลึก ขอ้ สมมติฐานอะไร ท่ีอาจคลาดเคล่ือนไปหรืออะไรที่ตอ้ งมีการสารวจเพมิ่ เติมตอ่ ไปและความเขา้ ใจอะไร ท่ีแตกตา่ งกนั

THANK YOU THANK YOU THANK YOU