Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่ 2 การใช้ถ้อยคำ

บทที่ 2 การใช้ถ้อยคำ

Published by นนท์นารี จับใจนาย, 2021-02-23 07:26:51

Description: บทที่ 2 การใช้ถ้อยคำ

Search

Read the Text Version

“เสียง” เป็นหวั ใจของภาษา เพราะภาษาทุกภาษาใช้เสียงพดู เป็ นส่ือ ในการส่ือสาร มนุษยใ์ ช้อวยั วะออกเสียงได้มากมาย มนุษยก์ ลุ่มหน่ึง ๆ จะ เลือกเสียงมาใช้เพียงจานวนหนึ่ ง ภาษาแต่ละภาษาจึงมีเสียงต่างกัน ภาษาไทยมีการกาหนดเสียงท่ีใช้อยู่ ๓ ประเภทตามลกั ษณะของเสียง ดงั นี้ ๑ เสียงพยญั ชนะ ๒ เสียงสระ ๓ เสียงวรรณยกุ ต์ ๑๙

จาแนกเป็น ๒ ประเภท ได้แก่ เสียงพยญั ชนะต้นและเสียงพยญั ชนะท้าย ๑.๑ เสียงพยญั ชนะต้น คือ เสียงที่ปรากฏหน้าสระในพยางค์หน่ึง ๆ เสียงในภาษาไทยทุกพยางค์จะขึ้นต้นด้วย เสียงพยญั ชนะต้น ซ่ึงอาจจะปรากฏเป็นเสียงพยญั ชนะต้นเด่ียว หรือ พยญั ชนะควบกลา้ ดงั นี้ พยางคท์ ่ีขึน้ ต้นด้วยเสียงพยญั ชนะต้นเด่ียว พยางคท์ ่ีขึน้ ต้นด้วยเสียงพยญั ชนะควบกลา้ คือ พยางคท์ ี่ออกเสียงพยญั ชนะต้น ๑ เสียง คือ พยางค์ท่ีออกเสียงพยญั ชนะต้น ๒ เสียง เช่น คาว่า “ปา” ติดต่อกนั พยญั ชนะที่นามาควบ ๓ เสียง ได้แก่ ขึน้ ต้นด้วยเสียงพยญั ชนะต้น /ป/ /ร/ /ล/ และ /ว/ คาว่า “แก้ว” ขึน้ ต้นด้วยเสียงพยญั ชนะต้น /ก/ เช่น คาว่า “ปราบ” คาว่า “ฐาน” ขึน้ ต้นด้วยเสียงพยญั ชนะต้น /ปร/ ขึน้ ต้นด้วยเสียงพยญั ชนะต้น /ท/ คาว่า “กวาง” ขึน้ ต้นด้วยเสียงพยญั ชนะต้น /กว/ ๒๐

๑.๒ เสียงพยญั ชนะท้าย คือ เสียงพยญั ชนะท่ีสามารถปรากฏตามหลงั สระมี ๙ เสียง ดงั นี้ ป /p/ เช่น ดิบ ขาบ ลาภ บาป ต /t/ เช่น ราช ครฑุ กรด นิตย์ ก /k/ เช่น มาก นาค เมฆ สขุ อ // เช่น จุ ทะลุ เละ แปะ ม /m/ เช่น ราม อิ่ม คราม เย่ียม น /n/ เช่น วนั การ หาญ วาฬ ง / / เช่น ยงั ก้าง น้อง เรอ่ื ง ย // เช่น ขาย เลย เรือ่ ย ใจ ว /w/ เช่น ขาว หิว เรว็ แผว้ เฝ้า ๒๑

คือ เสียงท่ีเปล่งออกมาจากลาคอโดยตรง ไมท่ าให้อวยั วะเหนือเส้นเสียงขึน้ ไป สนั่ สะบดั มีการเปล่ียนแปลงรปู ริมฝี ปากและระดบั ของลิ้น ทาให้ลมท่ีออกมาไม่ถกู กกั หรอื ถกู บีบจนเกิดเป็นเสียงเสียดแทรก เสียงสระในภาษาไทยมี ๒ ประเภท คือ สระเดี่ยว สระประสม ๒.๑ สระเดี่ยว สระท่ีออกเสียงจากอวยั วะในช่องปากเพียงตาแหน่งเดียวตลอดเสียง มีทงั้ หมด ๑๘ เสียง ได้แก่ สระเดี่ยวเสียงสนั้ อะ อิ อึ อุ เอะ แอะ เอาะ เออะ โอะ สระเด่ียวเสียงยาว ๒๒ อา อี อือ อู เอ แอ ออ เออ โอ

๒.๒ สระประสม คือ สระที่ออกเสียงจากอวยั วะท่ีใช้ออกเสียงมากกว่า ๑ ตาแหน่ง เมื่อออกเสียงจาก อวยั วะตาแหน่งหนึ่งแล้วเปล่ียนไปอย่ใู นอีกตาแหน่งหนึ่ง ในภาษาไทยมี ๓ เสียง ได้แก่ อวั เกิดจากสระ อู ประสมกบั อา เอือ เกิดจากสระ อือ ประสมกบั อา เอีย เกิดจากสระ อี ประสมกบั อา คือ เสียงระดบั สงู ตา่ ในพยางคห์ รือคา ในภาษาไทยมี ๒๓ ๕ เสียง ดงั นี้ เสียงวรรณยกุ ตส์ ามญั เป็นเสียงวรรณยกุ ตร์ ะดบั กลาง เช่น ปลา แพ จริง ยาว เสียงวรรณยกุ ตเ์ อก เป็นเสียงวรรณยกุ ตร์ ะดบั ตา่ เช่น ส่มุ หลดุ อาบ เสี่ยง

เสียงวรรณยกุ ตโ์ ท เป็นเสียงวรรณยกุ ตเ์ ปล่ียนระดบั แบบเปลี่ยนตก เช่น ค่า ยาก ว่อกแว่ก ล่ะ เสียงวรรณยกุ ตต์ รี เป็นเสียงวรรณยกุ ตร์ ะดบั สงู เช่น เชิ้ต รู้ คิด นับ เสียงวรรณยกุ ตจ์ ตั วา เป็นเสียงวรรณยกุ ตเ์ ปลี่ยนระดบั แบบเปล่ียนขนึ้ เช่น ขา เด๋ียว หนาม สวย “คา” เป็ นหน่วยหนึ่งในภาษาท่ีมีความหมาย เจ้าของภาษาร้จู กั และใช้ใน การพูดและการเขียน การเรียนรู้คาจึงเป็ นการเรียนรู้รากฐานของภาษาทงั้ ระบบ เนื่องจากในการสื่อสารจะใช้คาเพียงคาเดียว สื่อความหมาย หรือจะนาคาหลายคา มาเรียงร้อยกนั เป็ นข้อความเพ่ือการสื่อสาร ในการสื่อสารควรให้ความสาคญั ๒ ประการ ได้แก่ การเขียนสะกดคาให้ถกู ต้องและการเลอื ก ๒๔ ใช้คาให้ถกู ต้องตามความหมาย

ปัญหาการเขียนสะกดคาไม่ถกู ต้องเป็ น ๒๕ ปั ญหาหนึ่ งที่ ทาให้ การสื่อสารไม่มีประสิ ทธิ ภาพ เพราะอาจทาให้เข้าใจความหมายคลาดเคลื่อน และยงั แสดงถึงความไม่รอบคอบของผ้สู ่งสารด้วย ปัญหาการเขียนสะกดคาผิดมกั เกิดขึ้นจากความ สบั สนท่ีจะเลือกใช้พยญั ชนะ สระ และวรรณยุกต์ เพราะคาอ่านบางคาสามารถใช้พยญั ชนะต้นหรือ พยญั ชนะท้ายหลายตวั มาเขียนให้เกิดคาอ่านแบบ เดียวกนั ได้ รวมทงั้ อาจเกิดจากการใช้แนวเทียบ ในการสะกดคาผิดและการออกเสียงผิด การเขียน สะกดคาจึงควรตรวจสอบความถกู ต้องอยู่เสมอ โดยเฉพาะการเขียนพยญั ชนะต้น พยญั ชนะท้าย สระ วรรณยกุ ต์ และตวั การนั ตผ์ ิด ดงั ตวั อยา่ ง

พยญั ชนะต้น ท่ีมกั จะเขียนสะกดคาผิดมีหลายคา เช่น ๒๖

พยญั ชนะท้าย ที่มกั จะเขียนสะกดคาผิดมีหลายคา เช่น ๒๗

สระ ท่ีมกั จะเขียนสะกดคาผิดมีหลายคา เช่น ๒๘

วรรณยกุ ต์ ท่ีมกั จะเขียนสะกดคาผิดมีหลายคา เช่น ๒๙

ตวั การนั ต์ ท่ีมกั จะเขียนสะกดคาผิดมีหลายคา เช่น ๓๐

นอกจากนี้ การเขียนสะกดคาทบั ศพั ทท์ ่ีมาจากภาษาต่างประเทศเป็นอกี หนึ่งส่ิง ที่จะต้องมีความรอบคอบในการเขียน เนื่องจากการทบั ศพั ท์จากภาษาหนึ่งเป็ นอีกภาษาหนึ่ง จะให้ความสาคญั กบั รูปเขียนและเสียงจากภาษาเดิมด้วย โดยพบคาที่มกั เขียนสะกด คาผิดดงั นี้ ๓๑

การเลือกใช้คาให้ถกู ความหมายมีความสาคัญอย่างย่ิงที่จะทาให้การส่ือสาร สมั ฤทธิผล เพราะคาในภาษาไทยหลายคามีความหมายคล้ายกนั และใช้ในบริบทใกล้เคียงกนั ส่งผลให้เกิดความสบั สนและใช้คาผิดความหมาย ดงั นัน้ ในการส่ือสารจึงควรพิจารณา ความหมายของคากับบริบทท่ีใช้ให้ถกู ต้อง ควรทาความเข้าใจกับความหมายของคา โดยเฉพาะคาที่อย่ใู นหมวดหม่เู ดียวกนั ดงั ตวั อย่างต่อไปนี้ ๓๒

๓๓

๓๔

๓๕

๓๖

๓๗


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook