รายงาน การอบรมเร่ือง การเขียนบทความ วิชาการและบทความวิจัยเพ่ือตีพิมพใน สารสารระดับชาติและระดับนานาชาติ สําหรับนิสิตระดับบัณฑิตศึกษา และการ ส รุ ป ก า ร ดู ค ลิ ป วิ ดี โ อ เ ร่ื อ ง น วั ต ก ร ร ม เทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่ือการศกึ ษา จดั ทําโดย นางสาวกาญจนา ขัดพลู เลขท่ี 7 รหสั 61170072 เสนอ ดร.วิลาวลั ย สมยาโรน รายงานนี้เปนสวนหนึง่ ของวชิ านวตั กรรม และเทคโนโลยสี ารสนเทศทางการศึกษา ภาคเรียนที่ 1 ปการศกึ ษา 2562
รายงานน้ีเปนสวนหน่ึงของวิชานวัตกรรมและ เทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา นิสิตไดสรุปองค ความรูจากการอบรมเร่ือง การเขียนบทความ วิชาการและบทความวิจัยเพ่ือตีพิมพในสารสาร ระดับชาติและระดับนานาชาติสําหรับนิสิตระดับ บณั ฑติ ศึกษา และจากการดูคลปิ วดิ ีโอเรื่องนวัตกรรม เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา ทําใหนิสิตมี ความรทู ส่ี ามารถนํามาใชในการจัดการเรียนการสอน และพฒั นาตวั เองในดานเทคโนโลยสี ารสนเทศตอ ไป กาญจนา
การอบรมเรื่อง การเขียนบทความ 1 วิ ช า ก า ร แ ล ะ บ ท ค ว า ม วิ จั ย เ พ่ื อ 2 ตีพิมพในสารสารระดับชาติและ 3 ระดับนานาชาติสําหรับนิสิตระดับ 4-6 บณั ฑิตศึกษา วารสารไทยท่ีมคี ณุ ภาพหาไดจาก ไหน ขอมลู การเปรียบเทยี บของการใช web of science ทาํ อยา งไรที่จะทําใหง านวิจยั ถูก เผยแพร ข้ันตอนการเขียนบทความวจิ ัยเพอื่ พมิ พเผยแพร
ก า ร ดู ค ลิ ป วิ ดี โ อ เ รื่ อ ง น วั ต ก ร ร ม 7 เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา 9 รูปแบบการสอนใหมๆ เทคนคิ การสอนแบบตางๆ 9 การศึกษาของเอฟเวอรเรส เอ็ม โร 11-13 เจอรส เรือ่ งการเผยแพรน วตั กรรม หรอื Diffusion of Innovation model
วารสารไทยทม่ี คี ุณภาพหาไดจาก ? WEB OF SCIENCE : » MANDELEY » Research fish » ORCID » Scopus » Google Scholar » Research Gate » Academia.edu » THE CONVERSATION » RESEARCHERID © 1999 - 2014 IX Web Hosting. All rights reserved
ข้อมลู การเปรียบเทยี บของการใช้ web of science © 1999 - 2014 IX Web Hosting. All rights reserved
ทาํ อย่างไรท่จี ะทาํ ให้งานวจิ ยั ถกู เผยแพร่ 1.กาํ หนดสมมติฐานและวัตถปุ ระสงคใ นบทนาํ 2. ศกึ ษางานวจิ ยั ทีเ่ ก่ียวขอ งกับหัวขอ และเลอื ก บางเรอื่ งทส่ี ามารถอา งองิ ในงานวจิ ยั ของเราได © 1999 - 2014 IX Web Hosting. All rights reserved
การเขียนบทความวิจัยเพอ่ื พิมพเ ผยแพร มขี ้ันตอนดังน้ี 1 . นั บ ตั้ ง แ ต เ ริ่ ม ต น ที่ จ ะ ทํ า วิ จั ย แ ล ะ ใ น ร ะ ห ว า ง ทํ า ก า ร วิ จั ย ใ ห เ ก็ บ ข อ มู ล แ ล ะ บั น ทึ ก เรอื่ งราวและเหตุการณในการดาํ เนินการวิจัยไวให คร บ ถ วน ท้ั ง ดว ยก า ร เขี ยน จ ด บัน ทึก ก า ร บันทึกเสยี ง การบันทึกเปนภาพถาย หรือ วีดิทัศน มีการระบุวันที่ เวลาและสถานท่ีใหครบถวนทุก ครงั้ ทมี่ ีการบันทึก 2.นําส่ิงท่ีบันทึกไวมาเรียงลําดับตามวัน เวลาที่เกิดขึน้ หรือตามข้ันตอนของการทาํ วิจัย 3.นํารายงานการวิจัยฉบับสมบูรณมาอาน และทาํ ความเขาใจใหละเอียดจะเปนการดีมากถา ทานมรี ายงานการวจิ ัยฉบับสมบูรณเรียบรอยแลว เพราะจะทําใหทานทราบภาพรวมของงานวิจัย ทัง้ หมด 4. เขียน Outline หรอื โครงรา งที่ ประกอบดว ยหัวขอตาง ๆสาํ หรบั ที่จะเขียนใน บทความวจิ ัย © 1999 - 2014 IX Web Hosting. All rights reserved
การเขียนบทความวจิ ยั เพื่อพิมพ เผยแพร มีขนั้ ตอนดังนี้ (ตอ) 5.คนหาแหลงอางอิงและทําการบันทึกไว สาํ หรบั การเขียนในหัวขอตางๆ เพ่ือหลีกเล่ียงการ ลอกเลียนผลงานผูอน่ื หรอื Plagiarism 6.ดําเนินการเขียนตามหัวขอในโครงราง แ ล ะ เ ขี ย น ต า ม ข อ แ น ะ นํ า ใ น แ ต ล ะ ต อ น จ า ก บทความน้ีดวยภาษาและสํานวนการเขียนของ ตนเองจากความเขาใจในองครวมของงานวิจัย อยางดแี ลว 7.เมื่อเสร็จแลวนําไปพิมพตนฉบับแลวพัก ท้ิงไวไมนอยกวา 2 วัน แตไมควรเกิน 5 วัน ใช เวลาท่ีพักนั้นคิดวิเคราะหถึงการนําเสนอขอมูลใน สวนตา ง ๆ แตละตอนในบทความวจิ ัย 8.กลับมาเพิ่มเติม แกไข ตัดท้ิง ปรับปรุง สวนตางๆจนเห็นวาไดทําอยางเหมาะสมและดี ที่สดุ แลว
การเขยี นบทความวิจยั เพือ่ พมิ พ เผยแพร มีขนั้ ตอนดังนี้ (ตอ ) 9. ใหผูอ่ืนท่ีอยูในกลุมพวกเดียวกัน อาน บทความวิจัยนี้กอนและขอความเห็นเพื่อการ ปรับปรุงจากน้ันนํามาปรับปรุงแกไขขยายความ หรือคงไวตามท่ีผูวิจัยเห็นสมควรและเตรียมการ ช้ีแจงปองกันในประเด็นปญหาที่อาจเกิดขึ้นเม่ือ บทความวิจัยได รบั การพิมพเผยแพรแลว 10. ตรวจความถกู ตอ งของตนฉบับในดาน รูปการพิมพการอางอิงความชัดเจนหรือคุณภาพ ของภาพประกอบและตารางตามแบบตามท่ี วารสารวชิ าการกาํ หนดรวมท้ังการใชคํา ตัวสะกด และไวยากรณ
สรปุ การดูคลปิ วดิ โี อเร่ืองนวตั กรรม เทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อการศกึ ษา ทฤษฎี ความหมาย แนวคิด ความสําคัญ ทางนวัตกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือการศึกษา อ ดี ต แ ล ะ ป จ จุ บั น มี ก า ร นํ า เ ท ค โ น โ ล ยี ม า ใ ช ใ น การศึกษาสงผลใหผูเรียนเกิดการเรียนรูอยาง ตอเนื่องและมีประสิทธิภาพและทําใหเกิดเรียนรู บรรลุวัตถุประสงคท่ีต้ังไวนวัตกรรมตางๆท่ีถูก นํามาใชในการเรียนการสอน สามารถอยูในรูปแบบ ที่ใชไ อที และไมใชไ อที NON IT (NON Information Technology) ไดแก ทฤษฎีการสอน วิธีการสอน เครื่องมือ อุปกรณท่ีไมใชเทคโนโลยี เปนตน IT (Information Technology) ไดแก โทรศัพท โนต บคุ แทปเล็ต นวัตกรรม INNOVATION หมายถึง แนวความคิดใหม วิธีการปฏิบัติใหม ส่ิงประดิษฐ ใหมท ยี่ งั ไมเคนใชมากอน การดัดแปลงจากของเดิม ที่มีอยูแลวใหทันสมัยและใชไดผลดีกวาเดิม เมื่อ นํามาใชแลวชวยใหการทํางานมีประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลสูงกวาเดิม และยังชวยประหยัดเวลา และแรงงาน © 1999 - 2014 IX Web Hosting. All rights reserved
โลกปจจุบันมีการเปล่ียนแปลงอยางรวดเร็ว จงึ ทาํ ใหเกิดนวัตกรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศข้ึน มากมายไมวาจะเปนดานเครื่องมือ อุปกรณ เชน คอมพิวเตอร เครื่องแอลซีดี ส่ือการสอนใหมๆ เชน บทเรียนCAI, WBI ,Learning Object, E-Learning, Social media for Learning, Future เปน ตน จ ะ พ บ วา น วั ต กร ร มห รือ เท ค โน โล ยี ที่ สถานศึกษาแตละแหงนํามาใชสวนมากจะคํานึงถึง ความเหมาะสม และความพรอมของสถานศึกษา เปนสาํ คญั สถานศึกษาท่มี คี วามพรอมดานอุปกรณ สถานท่ี งบประมาณ และบุคลากรอาจเริ่มมีการใช นวัตกรรมหรือเทคโนโลยีมาแลวหลายยุคจนถึง ปจจุบัน อาจเร่ิมตั้งแตการใชกระดานดํา กระดาน ไวทบอรด เคร่ืองฉายขามศรีษะ คอมพิวเตอร สื่อ การสอนอิเลก็ ทรอนิกสรูปแบบตา งๆ © 1999 - 2014 IX Web Hosting. All rights reserved
รูปแบบการสอนใหมๆ 1. หอ งเรยี นกลบั ทาง Flipped Classroom 2. การจัดการเรียนรูโดยใชกิจกรรมเปนฐาน Activity-Based Learning 3. การจัดการเรียนรูโดยใชปญหาเปนฐาน Problem-Based Learning เทคนคิ การสอนตางๆ 1. เทคนคิ การเรียนรกู ลุมเล็ก Small Group Learning 2. เทคนิคการเรียนรูแบบรวมมือ Collaborative Learning 3. การประดิษฐส่ิงของตางๆซึ่งอาจอยูในรูปแบบส่ือ ดั้งเดิมเชน สื่อที่ใชกระดาษเพ่ือทดแทนการใช เครื่องมือไอที การใชปายสีในการโหวตหรือตอบ คําถาม Color Paper Tag เปน ตน © 1999 - 2014 IX Web Hosting. All rights reserved
นวัตกรรมท่ีเกิดข้ึนในแตละยุคสมัยที่ เกี่ยวกับการศึกษาลวนแตเปนสิ่งใหมท่ีเราตอง เรียนรูทําความเขาใจ และยอมรับในสิ่งใหม การ ยอมรับในส่ิงใหมจะไมไดรับการยอมรับจนกวาผูน้ัน จะเห็นวา สงิ่ นั้นมีประโยชน เหมาะสมกับการนําไปใช จึงจะเกิดการยอมรับและคอยๆเปลี่ยนแปลงตนให ย อ ม รั บ แ ล ะ ใ ช แ น ว คิ ด ก า ร ป ฏิ บั ติ ห รื อ สิ่ ง ใ ห ม ๆ เหลาน้ัน
Diffusion of Innovation model การศึกษาของเอฟเวอรเรส เอ็ม โรเจอรส เรื่องการเผยแพรนวัตกรรม หรือ Diffusion of Innovation model แสดงใหเห็นสัดสวนของการ ยอมรับนวัตกรรมที่แตกตางกัน ซึ่งสามารถแบงได ดงั นี้ กลุมแรกเราเรีย กวา กลุมนวัตก ร (2.5%) I'm an innovator กลุมคนเหลาน้ีจะเปน กลุมแรกๆที่ตองการใชหรืออยากลองนวัตกรรม แนวคิด วิธีการที่เกิดขึ้นใหมๆ แรงจูงใจสําคัญคือ การคิดวาตัวเองเปนสวนหนึ่งของการเปล่ียนแปลง คนกลุมนี้จะยินดีใชนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีใหม โดยยอมรับกับปญหาและความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นใน ระยะแรกของการใชสิ่งใหมๆเหลาน้ัน เชนการนํา Smart board หรือการนํา MOOC มาใชในหองเรียน กลุมนวัตกรจะเปนกลุมแรกที่สนใจเขาไปศึกษา เรียนรูและนําไปใชในการเรียนการสอนทนั ที
กลุมที่สอง กลุม early adopter (13.5%) เปนกลุมที่พรอมจะเปล่ียนแปลงตัวเอง เม่ือเห็นผูอื่นเริ่มใชและมองเห็นประโยชนจาก นวัตกรรม หรือแนวคิดใหมๆท่ีเกิดขึ้น มีความ ตระหนักถึงความจําเปนท่ีตองมีการเปลี่ยนแปลง ไมจ ําเปนตอ งชกั จงู โนมนาว กลุมคนที่สาม กลุม early majority (34%) คนกลุมนี้มีความพรอมที่จะเปล่ียนแปลง ตัวเอง มองเหน็ ประโยชนจากนวัตกรรมหรือเทรน ใหมๆ ทจี่ ะเกดิ ขน้ึ แตจะระมดั ระวังและใชเหตุผลใน การตดั สนิ ใจพอสมควรเพราะตองการความม่ันใจ วาเทคโนโลยีนจ้ี ะประสบความสาํ เร็จโดยอาจจะดู กลุมคนที่ใชเท คโนโลยีแรกๆวาใชไดผลมี ประโยชนจ งึ จะคอ ยๆเปล่ียนแปลงตัวเอง กลุมท่ีส่ี กลุม Late majority (34%) คนกลุมน้ีจะเปนกลุมคนท่ีจะเปล่ียนแปลงตนเอง ชาที่สุดหรืออาจจะเรียกวาเปลี่ยนแปลงตนเองใน นาทีสุดทายถาไมโดนสั่งหรือบังคับก็จะไมยอม เปลี่ยนแปลงหรือคนอื่นเขาใชกันจนจะตกยุคด แลวจึงจะเร่ิมใชคนกลุมนี้มีความตองการท่ีจะไม ตกกระแสหลักไปซ่ึงมากกวาการคิดถึงประโยชน ของนวตั กรรมหรอื การบริการเสียอีก
กลุมที่หา กลมุ Laggard (16%) เปนกลุม ท่ีลา หลงั ซ่ึงมักเปนกลุมผูมีอายุท่ีใชเทคโนโลยีเดิมๆ จนเคยชินไมอยากเปล่ียนแปลงเน่ืองจากไมตองการ เรียนรูใหม คนกลุมน้ีเปนกลุมท่ีไมยอมเปล่ียนแปลง ตัวเองมักพอใจในส่ิงท่ีตัวเองมีอยูแลวและไมเชื่อใน เทคโนโลยีใหมๆ แถมบางทีอาจจะตอตานการ เปลย่ี นแปลง จะเห็นไดวาการยอมรับเทคโนโลยีใหมๆ ไมใชวาทุกคนจะยอมรับไดในทันที ดังน้ันการที่จะให ทุกคนเปล่ียนมาใชนวัตกรรมจึงจําเปนที่จะตอง พิจารณาและศึกษาใหเกิดความเขาใจในเรื่องของ การยอมรับนวัตกรรม ท่ีครอบคลุมประเภทของคน กลุมตางๆกับการยอมรับนวัตกรรม นอกจากน้ี จะตองรูถึงธ รรมชาติของ คนในกา รยอ มรั บ นวัตกรรม ซ่ึงไดแกระยะพัฒนาการของการยอมรับ นวัตกรรม รวมไปถึงวิธีการในการท่ีจะทําให นวัตกรรมน้ันๆเกิดการยอมรับจากคนหมูมากอีก ดวย
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: