ง้ิว ในหนังสือวรรณคดขี องไทยหลายเร่ืองทเี ดยี วทีก่ ลา่ วถงึ ต้นงิ้ว และเมื่อพูด ถึงต้นงิ้วเราก็มักจะมีความรู้สึกนึกคิดที่เกี่ยวโยงไปถึงความรักความใคร่ในสำนวน โวหารของไทย เม่อื พดู วา่ “ระวังจะข้นึ ต้นง้วิ ” เราก็เขา้ ใจกันดี นน่ี ับว่าเป็นอิทธิพลของ วรรณคดีอย่างหนึ่ง และเมื่อพูดถึงต้นงิ้ว เราก็มักจะนึกต่อไปถึงเรื่องครุฑ เพราะใน วรรณคดีครุฑอาศัยอยู่บนต้นงิ้ว อย่างในเรื่องกาพญาครุฑ ก็มีวิมานอยู่บนต้นงิ้วซ่ึง เรามักเรยี กกันว่า วิมานฉมิ พลี เจา้ พระยาพระคลงั หนไดแ้ ต่งไว้ว่า เจ้ากเ็ ปน็ พระยาครุฑอุดมเดช วิไสเพศพงศร์ าชปักษา สถิตยส์ ถานพิมานทพิ สิมพลี เพราะบารมอี บรมสรา้ งสมมา พระสนุ ทรโวหาร หรือสุนทรภู่ กไ็ ดก้ ล่าวถึงไม้งว้ิ ไว้หลายแห่ง เช่นในนิราศ พระประธม พูดนว้ิ คล้ายกบั ว่าจะมีชอ่ื ไปพ้องกับคนรกั ตามกลอนว่า๕ เห็นไรไรไมง้ ิ้วละล่วิ เมฆ ดังฉัตรเฉกช่อื ชุมพุ่มพฤกษา สงู สันโดษโสดสดุ จึงครุฑา เธอแอบอาศัยสถานพมิ านงิ้ว เห็นไม้งามนามไม้อาลยั มติ ร ราํ คาญคิดเงนิ ขวยระโหยหิว ฉิมพลีปลอี ่อนเกสรปลิว มารว้ิ ร้วิ รีนรนี ชน่ื ชื่นใจ ในกลอนบทนี้ทำให้คนที่ไม่รู้จักต้นงิ้วทราบว่า ต้นงิ้วนั้นเป็นไม้ใหญ่สูงมาก สนุ ทรภ่ไู ด้พรรณาถึงต้นงว้ิ ไว้อีกแห่งหน่ึงในนริ าศภเู ขาทอง คราวนเี้ กี่ยวกับวรรณคดี ๕ ประวัติในหนังสือ “อมนษุ ยนิยาย” ของ ส. พลายน้อย ๕๐
ถงึ บ้านง้ิวเห็นแตจ้ ๋ิวละล่ิวสูง ไม่มฝี ูงสัตว์สงิ กิง่ พฤกษา ดว้ ยหนาม กรกดาษระดะตา นกิ ก็น่ากลวั หนามขา ขามใจ ง้ิวนรกสบิ หกองคุลแี หลม ดงั ขวากแซมเซี่ยมแทรกแตกไสว ใครทำช้ำค่ทู า่ นคร้นั บรรลยั ก็ตอ้ งไปปนี ตน้ น่าขนพอง ตน้ งว้ิ ทคี่ รุฑอยู่กบั ตน้ งิว้ ในเมืองนรกน้ันตา่ งกันมาก ตน้ งิ้วท่คี รฑุ อยู่นั้นกล่าว ตามหนงั สอื ไตรภมู ิพระรว่ งว่า “ตีนเขาพระสุเมรรุ าชนนั้ มีสระใหญ่อันหนึ่งได้ชื่อวา่ สมพลสี ระ โดยกว้างได้ ๕๐๐ โยชน์ รอบนั้นเทียรย่อมป่างิ้วเป็นรอบปลายไม้งิ้วนั้นสูงเพียงกันดังแสร้งปลูก และเห็นเขียวงามและพึงพอใจนักหนาและว้าใหญ่ต้นหนึ่งโดยธรรมดาใหญ่เท่า ไม้ชมพูทวีปเรานี้แล ต้นงิ้วนั้นใหญ่ ฝูงนิ้วนั้นเป็นหนามรอบฝั่งสระนั้นๆเป็นที่อยู่แก่ ฝงู ครฑุ ท้ังหลายนนั้ ” ตามนี้จะเห็นว่าต้นงิ้วและครุฑอยู่ที่เชิงเขาพระสุเมรุ แต่ก็มีบางแห่งกล่าววา่ ครุฑอยทู่ ี่ยอดเขากุฏศาลมลี ครุฑจึงมีชื่ออีกอย่างหน่ึงว่าศาลมลนิ กค็ งจะเนื่องมาจาก ที่อยู่นเ่ี อง นักโบราณคดียงั ได้สนั นษิ ฐานต่อไปอีกว่า แหลมมลายูสมยั โบราณนั้นเรียก กันว่าศาลมลีทวีป และที่เรียกเช่นนี้ก็เพราะเป็นถิ่นที่มีต้นจิ๋วมาก เมื่อครุฑชอบอยู่บน ตน้ ง้วิ ถน่ิ ของครุฑกค็ วรจะอยูแ่ ถวๆ แหลมมลายนู ่ีเอง ต้นงิ้ว ตามที่เล่ามานั้น ดูไม่น่ากลัวอะไรนักไม่เหมือนต้นงิ้วในเมืองนรก ทีส่ นุ ทรภกู่ ล่าวไว้ในนิราศภเู ขาทองที่กล่าวมาแลว้ ข้างต้น แตถ่ ึงกระนั้นก็ยังไม่น่ากลัว เท่ากบั ตน้ งวิ้ ที่ได้พรรณนาไว้ในไตรภมู ิพระร่วง ซง่ึ ได้กล่าวถึงโลหสมิ พลนี รกไว้ว่า “ฝงู คนอันทำด้วยเมียท่านก็ดี แตผ่ หู้ ญิงอนั มีผวั แล้วแลทำจากตัวก็ดี คนฝูง นั้นตายไปเกิดในนรกน้ันๆ มีป่าไม้งิ้วป่า ๑ หลายต้นนัก แลต้นงิว้ สงู ได้แลโยชน์ และ ๕๑
หนามจิ๋วนัน้ เทยี รย่อมเหล็กแดงเป็นเปลวไฟลุกอยู่ และหนามจ๋ิวน้ันยาวได้ ๑๖ นิ้วมือ เป็นเปลวไฟลุกอยู่บห่อนจะรู้ดับสักคาบแล ในนรกนั้นเทียรย่อมฝงู หญิงฝูงชายหลาย แลคนฝูงนั้นเขาได้รักใคร่กันดังได้กล่าวมาดุจก่อนนั้นแล ลางคาบผู้หญิงอยู่บน ปลายนิ้ว ผู้ชายอยู่ภาย ฝูงยมบาลเขาก็เอาหอกดาบหลาวแหลมอันคม เทียรย่อม เหล็กแดงแทงตีนผู้ชายน้ัน ทำใหข้ ้ึนไปหาผู้หญิงของอันอยู่บนปลายน้ิวโพ้นเร็วอย่าอยู่ แลฝงู ผู้ชายนนั้ ทนเจ็บบมิไดจ้ ึงปีนขน้ึ ไปบนตน้ งิ้วนัน้ ครน้ั ว่าขึ้นไปไดห้ นามจ๋ิวน้นั บาดทั่ว ตนเขาขาดทุกแห่ง\" เท่าที่คัดมานั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่ง จะยกมาทั้งหมดก็ดูเป็นเรื่องหวาดเสียว มากไปนัก สรุปรวมความว่าหญิงชายต่างเล่นเอาเถิดเจ้าล่อกันบนต้นงิ้วนั่นเอง คือ พอผู้ชายถูกยมบาลไล่ให้ขึ้นไปหาผ้หู ญิงบนต้นงวิ้ พอขนึ้ ไปแล้วผ้หู ญิงก็กลับลงมาอยู่ ที่โคนต้นงิ้ว ยมบาลก็เอาหอกแทงผู้หญิงให้ขึ้นไปหาผู้ชายบนยอดนิ้ว พอขึ้นไปถึง ผูช้ ายกก็ ลบั ลงมาอยู่ขา้ งลา่ งอกี เปน็ อย่เู ช่นนไี้ ม่มที างพบกันช้านานนักหนา ได้เล่าถึงต้นงิ้วในวรรณคดีมาแล้ว จะขอเล่าถึงต้นงิ้วที่เราเอามาใช้เป็น ประโยชน์ต่อไป ต้นงิ้วที่มีชื่อทางตำราพฤกษศาสตร์ว่า Bombax malabaricum ในภาษาอังกฤษเรียกวา่ silk cotton tree แตใ่ นภาษาสันสกฤตซ่ึงมีกลา่ วไว้ในตำรา สมุนไพรของอินเดียได้ออกชื่อไว้หลายอย่างเช่น ศาลม, โมค, รักตาศาลมมหา พฤกษา, ปัญจปารนี้ และกัลปพฤกษ์ แต่ในสันสกฤต-ไทย-อังกฤษ อภิธานอธิบาย ว่าเป็นต้นนุ่น ในหนงั สือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทยของกรมป่าไม้อธิบายว่าเป็น น้ิว มีเรียกกันหลายอย่าง เช่น งิ้วบ้าน ทางพายัพ เรียกว่า วงวพง พวกชอง ที่จังหวัด จนั ทบุรี เรียกว่า สะเนม้ ระกา แต่อย่างไรก็ตามในที่นี้เราหมายถึงงิ้วไม่ใช่นุ่น เพราะต้นนุ่นไม่มีหนาม ถึงแม้ ว่าปุยในฝักของจิ๋วจะใช้ยัดหมอนได้ก็ตาม ในหนังสืออินเดียอธิบายว่า ประโยชน์ส่วนใหญ่ของต้นงิ้วนั้น ก็คือเอาปุยในฝักมายัดหมอนใบใช้เป็นอาหารสัตว์ ให้วัวกิน ต้นเลื่อยทำเป็นแผ่นกระดานสำหรับต่อเป็นลังใส่ของ ทำเครื่องเล่นทำทุ่น ตกปลา ทำหีบศพ ในคอนคานและในพมา่ เอาลำต้นมาขุดเปน็ เรือ ในแควน้ พิหารไม้งิ้ว ๕๒
นิยมเอามาทำประตูและหน้าต่าง ฝรั่งคนหนึ่งเขียนเรื่องสุมาตราได้บอกว่ามีต้นงิ้วเตม็ ไปหมดทุกหม่บู า้ น และใช้ปุย๋ ยดั หมอนและทน่ี อนมากกวา่ ทําอย่างอ่นื เหมอื นกนั ตามปกติแลว้ ตน้ งิ้วไม่คอ่ ยจะมีใบมากนัก ตน้ เหตุทีจ่ ะไมม่ ีใบน้ีมีตำนานของ อนิ เดียเล่ากันว่า กาลครั้งหนึ่งในเทือกเขาหิมาลัยนั้น มีต้นงิ้วใหญ่ต้นหน่ึงมีใบดกแผ่กิ่งก้าน สาขาเปน็ ร่มเงาใหแ้ ก่ผู้ท่ีผา่ นไปมาได้พักผ่อน คือมใี บมาก ไมน่ อ้ ยเหมือนอย่างต้นง้ิว ทุกวันน้ี คราวหน่ึงพระนารทไดม้ าท่ตี ้นงวิ้ ตน้ นแี้ ล้วถามขนึ้ วา่ งิ้วเอย ใบของท่านช่างแผ่ผายมากมายทำความร่มเย็นให้เกิดขึ้น และ นอกจากนั้นกิ่งของท่านก็ไม่หัก ใบของท่านก็ไม่ร่วง นี่เป็นเพราะอะไรกันหรือว่า พระปวัน” เทพเจ้าแห่งลมและพายุเป็นเพื่อนของท่าน จึงได้ทำให้ท่านพ้นจากการ ทำลายของพระองค”์ เมื่อต้นงิ้วได้ฟังเช่นนั้นก็ตอบว่า “ข้าแต่พระนารท พระปวัน เทพเจ้าแห่งลม และพายุ ไม่ใช่นายและก็ไม่ใช่เพื่อนของข้าพเจ้า ความจริงนั้นอยู่ที่ว่าอำนาจและ ความแข็งแกร่งของข้าพเจ้าเหนือกว่าพระปวันนั่นเอง เมื่อพระปวันได้หักกิ่งและฉุด กระชากใบจากต้นไม้อ่ืนๆ แลว้ ก็มกั จะมาที่ข้าพเจ้าบ่อยๆ โดยหวงั ที่จะปราบข้าพเจ้าบ้าง แต่ข้าพเจ้ากไ็ ด้โต้ตอบกลับไปทกุ ครงั้ ” พระนารทไดฟ้ ังเชน่ นั้นกพ็ ูดข้นึ วา่ “โอ้วเอย ท่านพดู อย่างโง่เขลาแท้ๆ เพราะ แม้แต่ พระอาทิตย์ พระยม พระกุเวร และพระวรุณก็ยังยอมกลัวอำนาจและ ความแข็งแกร่งของพระปวัน ก็ในเมื่อเทพทั้งหลายที่กล่าวนามมาแล้วยังไม่ได้ แล้วไฉนท่านจึงจะมากล่าวดูถูกพระปวันเช่นนี้ ข้าพเจ้าจะไปหาพระปวันแล้วบอกให้ ทราบถึงเรอ่ื งท่ีทา่ นพดู พอพูดจบพระนารทก็ไปหาพระปวัน แล้วเล่าเรื่องที่ต้นงิ้วพูดจาดูหมิ่นให้ พระปวนั ฟังโดยตลอด เมื่อพระปวนั ไดฟ้ งั เช่นนน้ั ก็รีบไปทีต่ ้นง้วิ แลว้ พูดว่า “งิ้วเอย เจ้าได้พูดดูถูกเราฝากพระนารทไปโดยที่เจ้าหาได้รู้ความจริงไม่ การที่เจ้าไม่เป็นอันตรายจากเรานั้น ก็เพราะครั้งหนึ่งของเรา คือ พระพรหมาได้เคย ๕๓
ประทบั ภายใต้ร่มเงาของเจ้า เรานกึ ถึงบญุ คณุ ในข้อน้จี งึ ไม่ทำลายเจ้า แตค่ ราวน้ีเราจะ ทำให้เจา้ รู้สึกตัวเสยี บา้ งต้นงิ้วได้ฟังดังน้ันก็ตอบว่า “พระปวันเอย ข้าพเจ้าระวังตัวอยู่ แลว้ ท่านจะทําอะไรกต็ ามใจเถิด”๖ ตน้ งว้ิ ในเมืองนรก ภาพจากหนงั สอื สมดุ ภาพ ไตรภมู ิ สมัยกรุงศรอี ยธุ ยา ครั้นตกตอนกลางคืน ต้นงิ้วก็ได้สำนึกตนและคิดว่าพระนารทพูดถูกที่ว่า พระปวันมีอำนาจและแข็งแกร่งมากกว่าตน เมื่อตรึกตรองอย่างรอบคอบแล้วต้นง้ิว ก็สลดั ใบและทำกง่ิ ใหห้ กั ลู่ คอยการมาของพระปวันok เมือ่ ถงึ เวลารงุ่ อรณุ พระปวนั ก็พัดโหมมาหวงั จะทำลายต้นงว้ิ แต่เมื่อมาเห็น ตน้ งิ้วมีอาการใบโกน อารมณ์โกรธกท็ ุเลาลงแล้วพูดกับตน้ งิ้ววา่ “งิ้วเอย เราจะทำให้เจ้าต้อยทรุดโทรม เหมือนอย่างที่เจ้าตัวเองอยู่นี้แล้ว ทเี ดียว แตเ่ ม่ือเจา้ ทำตัวเองเชน่ นแี้ ลว้ ความโกรธของเราก็สงบลง เราจะไมข่ ุน่ เคืองเจ้า อกี ตอ่ ไป พูดแลว้ พระปวนั กจ็ ากไป และต้งั แตน่ ้ันมาตน้ งิว้ กไ็ ม่มใี บอกหนาเหมือนเดิม มาจนถึงทุกวันนี้นิทานเรื่องนี้ถ้าจะฟังกันอย่างสนุก ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรนัก แต่ถ้า ๖ เขยี นตามตน้ บับ Pavana เปน็ ช่อื หนงึ่ ของพระพายุ พระนารทเคยยุให้พระปวันพดั ยอดเขาพระสเุ มรุเสียฟัง แลว้ หอบไปทงิ้ ทะเล ตอ่ มาได้กลายเป็นเกาะลังกา ๕๔
หยิบยกเอาจากเรื่องก็จะเป็นประโยชน์อยู่บ้าง คำพูดของพระปวันที่ว่าไม่ทำลาย ต้นงิ้ว เพราะเคยมานั่งพักนั่นแหละเป็นคติอันหนึ่ง คนโบราณมันจะแต่งนิทานให้เห็น คุณประโยชนจ์ ากต้นไม้ไม่ทำลายต้นไม้ แต่คนทุกวันน้ีทำลายตน้ ไม้เพื่อประโยชน์ของ ตนเอง ไม่ไดน้ ึกถึงประโยชนข์ องสว่ นรวม เรอ่ื งมันกลบั กันอย่อู ย่างนี้แหละ ๕๕
รวมภาพกจิ กรรม “พระครอู นศุ าสน์โสภณ” เม่อื ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ สร้างศาลาปฏบิ ตั ิธรรม คอนกรีตเสริมเหล็ก มุงดว้ ยเมทลั ชที ขนาด ๑๐x๒๔ เมตร สูง ๒ ชนั้ ปัจจบุ นั ใช้เปน็ ท่พี กั สำหรับพระภิกษุ-สามเณร และใชเ้ ปน็ ทพี่ กั รบั รองอาคนั ตุกะ ๕๖
เมอื่ ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ สรา้ งศาลาปฏิบัติธรรม คอนกรีตเสริมเหล็ก มุงดว้ ยกระเบ้ือง ขนาด ๑๐x๒๔ เมตร สูง ๒ ชัน้ ปจั จุบนั ใชเ้ ป็นท่ตี ้งั ของ สถาบันพลังจิตตานุภาพ สาขาที่ ๑๑๔ วดั มว่ ยตอ่ ตำบลจองคำ อำเภอเมือง จังหวัดแมฮ่ ่องสอน และช้นั ๒ ใช้เป็นห้องเรยี นภาษาบาลขี องคณะสงฆจ์ ังหวัดแมฮ่ ่องสอน ๕๗
เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๖๕ สรา้ งศาลาการเปรียญ คอนกรีตเสริมเหล็ก มุงดว้ ยเมทัลชีท ขนาด ๑๐x๒๔ เมตร สูง ๑ ช้ัน ถวายไว้ในบวรพระพทุ ธศาสนา โดยเรม่ิ สร้างขน้ึ เมื่อ วันท่ี ๒๐ กนั ยายน พ.ศ.๒๕๖๕ จนแล้วเสรจ็ และได้ทำบุญอุทศิ ส่วนกศุ ลถวายใหท้ า่ น เม่อื วนั ที่ ๒๕ ธนั วาคม พ.ศ.๒๕๖๕ ๕๘
รวมภาพเสนาสนะภายในวัดม่วยตอ่ ตำบลจองคำ อำเภอเมอื ง จังหวัดแม่ฮอ่ งสอน ๑. เจดีย์ ๖ องค์ ๒. ศาลาการเปรยี ญ ๓. อุโบสถ ๕๙
ประมวลภาพพธิ ีบำเพ็ญกุศล ระหวา่ งวันท่ี ๑๑-๒๕ กนั ยายน ๒๕๖๕ ๖๐
ประมวลภาพพธิ ีบำเพ็ญกุศล ระหวา่ งวันท่ี ๑๑-๒๕ กนั ยายน ๒๕๖๕ ๖๑
ประมวลภาพพธิ ีบำเพ็ญกุศล ระหวา่ งวันท่ี ๑๑-๒๕ กนั ยายน ๒๕๖๕ ๖๒
ประมวลภาพพิธบี ำเพ็ญกศุ ลบำเพ็ญกุศลปณั รสมวาร วนั ที่ ๒๕ กนั ยายน ๒๕๖๕ ๖๓
๖๔
Search