ประกอบวชิ า ว32101 เทคโนโลยี 2 ครูผ้สู อน คุณครู รัชนก วงศ์เขยี ว
คานา หนงั สืออิเลก็ ทรอนิกส์เร่ืองสวนพฤกษศาสตร์ใน โรงเรียนเล่มน้ีจดั ทาข้ึนเพือ่ ใชป้ ระกอบการเรียนวิชา ว 32101เทคโนโลย2ี ซ่ึงเน้ือหาจะประกอบไปดว้ ยขอมลู เก่ียวกบั ตน้ ไม้ และดอกไม้ ในโรงเรียนวงั เหนือวิทยา ผจู้ ดั ทาหวงั เป็นอยา่ งยง่ิ วา่ จะเป็นประโยชนต์ ่อผทู้ ่ี ศึกษาไดอ้ ยา่ งดี ผจู้ ดั ทา นาย กิตติพงษ์ สมจิตร นางสาว ปวนั รัตน์ พนั เรือนดี
ดอกพดุ ซอ้ น การขยายพนั ธุ์ : โดยการตอนก่ิง สว่ นท่ีใชเ้ ป็นยา : น้าจากตน้ เน้ือไม้ น้าจากดอก เน้ือท่ีหุม้ เมล็ด ใบ สรรพคุณของ : น้าจากตน้ ใชเ้ ป็นยาขบั พยาธิ เน้ือไมใ้ ชเ้ ป็นยาเย็นลดพิษไข้ ใชท้ าธูป ทาหวั น้าหอมน้าจากดอก ใช้ ดอก : สว่ นมากจะออกดอกเป็นดอกเด่ียว อยตู่ ามงา่ มก่ิงตอน ใกล้ ๆ กบั ตรงสว่ น ยอด ลกั ษณะของดอกเหมือน ๆ กบั ดอก พุดจีบ ดอกของพุดซอ้ นจะมีสีขาว และ กลีบดอกจะซอ้ นๆ กนั หลายชน้ั จะมีกล่ิน หอมออ่ น เมล็ด (ผล) : ผลจะออกเป็นฝกั มีลกั ษณะ เป็นรูปขอบขนาน ตรงปลายจะแหลมและ โคง้ ภายในจะมีเมล็ดประมาณ 3-6 เม็ด ถา้ แกจ่ ดั จะ แตกออกเป็น 2 ซีก และเมล็ดจะมีเย่ือหุม้ เป็ นสีแดง
•ชื่อพ้ืนเมือง พดุ •ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Gardenia sp. RUBIACEAE •ชื่อวงศ์ ไมพ้ มุ่ •ลกั ษณะวิสัย ไมพ้ มุ่ สูง 2 เมตร ทรงพมุ่ รูปไข่ กวา้ ง 1 เมตร ลาตน้ เหนือดินต้งั ตรงไดเ้ อง ผวิ ลาตน้ แตกเป็น เสน้ เห็นปลอ้ งไม่ชดั เจน สีน้าตาล ไม่มีน้ายาง ใบเดียว เรียงสลบั รูปรี กวา้ ง 2 เซนติเมตร ยาว 5 เซนติเมตร ใบดา้ นบนสีเขียว ใบดา้ นล่างสีเขียวอ่อน ปลายใบเรียวแหลม ราก รสเฝ่ือน บารุงร่างกาย ระงบั อาการปวด แกป้ วด ฟัน ขบั พยาธิ ลาตน้ รสเฝ่ือน ค้นั เอาน้าดื่มใชข้ บั พยาธิ เน้ือไม้ รสเฝ่ือน เป็นยาเยน็ ใชล้ ดไข้ ใบ รสเฝ่ือน โขลกแลว้ ค้นั เอาแตน่ ้าทาแกโ้ รคผวิ หนงั
ดอกชบา ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Dimacarpus longan Lour ช่ือวงศ์ SAPINDACEAE ช่ือพืน้ เมืองอ่ืนๆ ชบา ถน่ิ กาเนิด เขตร้อน และก่ึงร้อนของเอเชีย การกระจายพนั ธ์ุ ในประเทศไทย ภาคเหนือภาคอิสานของ ประเทศไทย ในประเทศอ่ืนๆ พ้นื ที่ราบต่าของศรีลงั กา ประเทศอินเดีย , ตอนใตเ้ บงกอล ประเทศพม่า นิเวศวทิ ยา ดินชุ่ม ระบายน้าไดด้ ี กลางแจง้ เวลาออกดอก เมษายน – พฤษภาคม เวลาตดิ ผล มิถุนายน-กรกฎาคม
ชื่อ เฟื่ องฟ้า เฟ่ ื องฟ้า ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Bougainvillea hylorida Willd ช่ือวงศ์ NYCTACEAE ช่ือสามัญ China rose flower ชื่อพืน้ เมืองอื่นๆ เฟ่ื องฟ้า ถิน่ กาเนิด ประเทศบราซิล เวลาออกดอก ตลอดปี การใช้ประโยชน์ ไมป้ ระดบั ลกั ษณะวสิ ัย : ไมเ้ ล้ือย เรืนยอด ทรงพ่มุ : ทรงกลม ถ่ินอาศัย : พชื บก ลาต้น : ลาตน้ เหนือดิน ต้งั ตรงเองได้ เปลือกลาต้น : เรียบ สีน้าตาลอเขียว, เทาน้าตาล ยาง : ไม่มี ชนิดของใบ : ใบเดี่ยว สีเขียว ขนาดใบ กวา้ ง 3 ซ.ม. ยาว 6 ซ.ม.
การเรียงตวั ของใบบนกงิ่ : สลบั รูปร่างแผ่นใบ : รูปสี่เหล่ียมขา้ ว หลามตดั ปลายใบ : เรียวแหลม โคนใบ : รูปล่ิม ขอบใบ : เป็นคล่ืน ดอก : ดอกช่อกระจุก ตาแหน่งออกของดอก : ตน้ ลาตน้ หรือก่ิง กลบี ดอก : กลีบโคนเชื่อมกนั : เป็นหลอด เกสรเพศผู้ : จานวน 5 อนั สีเหลือง เกสรเพศเมีย : จานวน 1 อนั สีเหลือง รังไข่ : รังไขใ่ ตก้ ่ิงวงกลีบ กลน่ิ : ไม่มี เมลด็ : จานวน 5-20 เมลด็ สีของเมลด็ : ผลอ่อนสีเขียว ผลแก่สีน้าตาล รูปร่างเมลด็ : แบน
ช่ือวงศ์ :Apocynaceae ชื่อสามญั :Frangipani , Pagoda tree, Temple tree ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Plumeria spp. ช่ือสามัญ : ลนั่ ทม ลกั ษณะของต้นไม้ ลาต้น : ลีลาวดี เป็นไมย้ นื ตน้ ผลดั ใบขนาดเลก็ สูง 6-12 เมตร เรือนยอดมีรูปไข่หรือรูปร่ม แตกก่ิงแผก่ วา้ ง ลาตน้ มี ลกั ษณะกลม เปลือกสีเขียวอมเทา เมื่ออายมุ าก บริเวณแผล ที่กา้ นใบหลุดร่วงจะเกิดเป็นตุ่มนูนทวั่ ลาตน้ ทุกส่วนของลา ตน้ มีน้ายางสีขาว มีพษิ ต่อเน้ือเยอื่ อ่อนของร่างกาย เช่น ใบหนา้ ดวงตา ริมฝีปาก ใบหู เป็นตน้ ใบ : ใบลน่ั ทมเป็นใบเดี่ยว ใบมีรูปไขก่ ลบั หวั รูปหอก แกมรูปไขก่ ลบั หวั ออกบริเวณกิ่ง และเรียงสลบั เป็น กระจุกที่ปลายก่ิง มีเสน้ ใบแบบขนนก เส้นใตใ้ บนูน เด่นชดั ใบมีสีเขียวอ่อนจนถึงสีเขียวเขม้ เป็นมนั บาง พนั ธุ์ใบไม่เป็นมนั เงา
ดอก :ดอกออกเป็นช่อท่ีซอกใบบริเวณ ปลายก่ิง แต่ละช่อมี 8-16 ดอก จดั เป็นดอก สมบูรณ์เพศ มีเกสรเพศผเู้ ช่ือมติดกบั โคน กลีบดอก เกสรเพศเมียมีสีเหลือง และ ประกอบดว้ ยรังไขอ่ ยเู่ หนือกลีบดอก โคน กลีบดอกมีลกั ษณะเป็นหลอด ภายในมีขน อ่อนปกคลุม กลีบดอกมกั พบทว่ั ไป 5 กลีบ หรืออาจมีถึง 11 กลีบ มีลกั ษณะเป็นรูปไข่ หวั กลบั เรียงซอ้ นเป็นวงเหลื่อมกนั ปลาย กลีบดอกมน และโคง้ ออก มีหลายสี เช่น สี ขาว ชมพู เหลือง สม้ แดง ม่วง หรือสีผสม ในดอกเดียวกนั ส่งกลิ่นหอม ออกดอก ตลอดปี แต่ดกมากในช่วงหนา้ แลง้ หรือ ต้งั แต่ปลายเดือนมกราคม– พฤษภาคม ผล : ผลเป็นฝักคู่ รูปวงรียาว ตรงกลางโป่ งพอง เลก็ นอ้ ย บริเวณข้วั และปลายแหลม กวา้ ง 2-3 เซนติเมตร ผวิ เปลือกมีสีเขียว เปลี่ยนเป็นสีเขียว เขม้ หรือสีแดง และเป็นสีน้าตาลจนถึงดาเมื่อแก่จดั และจะแตกเป็นสองซีกเม่ือแก่จนฝักแหง้ ภายฝักมี เมลด็ ประมาณ 25 – 100 เมลด็ เมลด็ มีลกั ษณะแบน มีปี กติดที่ดา้ นใดดา้ นหน่ึงของเมลด็
สรรพคุณของตน้ ลีลาวดี ต้น : ใชป้ รุงเป็นยารักษาโรคลาไส้พิการ ของมา้ ใบ : ใบแหง้ ชงน้าร้อนด่ืมรักษาโรคหอบ หืด ใบสดลนไฟประคบร้อนแกป้ วด บวม เปลือกราก :เป็นยารักษาโรคหนองใน ยาถา่ ย แกโ้ รคไขขอ้ อกั เสบ ขบั ลม เปลือกต้น : ตม้ เป็นยาถา่ ย ขบั ระดู แกไ้ ข้ แกโ้ รคโกโนเรีย หรือผสม กบั น้ามนั มะพร้าว, ขา้ ว, มนั เนยเป็น ยาแกท้ อ้ งเดิน ยาถา่ ย ขบั ปัสสาวะ ดอก : ใชท้ าธูป และใชผ้ สมกบั พลู เป็นยาแกไ้ ข้ แกไ้ ขม้ าลาเรีย เนื้อไม้ : เป็นยาแกไ้ อ ยาถา่ ย ขบั พยาธิ ยางจากต้น : เป็นยาถา่ ย รักษาโรค ไขขอ้ อกั เสบ ใชผ้ สมกบั ไมจ้ นั ทน์ และการบูรเป็นยาแกค้ นั แกป้ วดฟัน
ดอกปี บ ช่ือสมุนไพร : ปี บ ช่ืออื่นๆ : กาซะลอง กาดสะลอง (เหนือ) ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Millingtonia hortensis L.f. Bignonia azedarachta König & Sims, B. cicutaria K.D.Koenig ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ไมย้ นื ตน้ ขนาดเลก็ ถึงขนาดกลาง ผลดั ใบ ลา ตน้ ตรง สูงไดถ้ ึง 25 เมตร เปลือกตน้ หนาสีน้าตาลออ่ น ปนเทา แตกเป็นร่องลึก มีช่องอากาศ ยอดอ่อนมีขน นุ่ม ใบประกอบแบบขน 2-3 ช้นั ออกเรียงตรงขา้ ม มี ใบยอ่ ย 4-6 คู่ ใบรูปใบหอกแกมรูปไข่ ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบหยกั เป็นซี่หยาบ กวา้ ง 1.5-2.5 เซนติเมตร ยาว 3-5 เซนติเมตร กา้ นใบยาว 3.5-6 เซนติเมตร แกนกลางใบประกอบยาว 13-19 เซนติเมตร แผน่ ใบเรียบท้งั สองดา้ น เน้ือใบบางคลา้ ย กระดาษ มองเห็นเส้นใบชดั ท่ีดา้ นทอ้ งใบ
ดอก:ออกเป็นช่อกระจุกแยกแขนงที่ปลายกิ่ง ยาว 10-25 เซนติเมตร ดอกยอ่ ยจานวนมาก กลีบดอกสี ขาว มีกลิ่นหอม กลีบดอกมี 5 กลีบ โคนเช่ือม ติดกนั เป็นหลอด หลอดกวา้ งประมาณ 0.5 เซนติเมตร ยาว 5-8 เซนติเมตร ปลายกลีบแหลม แยกเป็นหลอดปากแตร 5 แฉก สามแฉกบนรูปขอบ ขนานปลายแยกจากกนั สองแฉกล่างคอ่ นขา้ ง แหลม แยกจากกนั ท่ีส่วนปลายแฉกเลก็ นอ้ ย ขนาด กลีบดอก 6.5-12.5 x 5.6- 6.5 มิลลิเมตร กลีบเล้ียงสีเขียว โคนเช่ือมติดกนั วงกลีบเล้ียงรูปถว้ ย ปลาย แยกเป็น 5 แฉก กวา้ งประมาณ 0.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 0.5 เซนติเมตร ติดคงทน เกสรเพศผอู้ ยชู่ ิดกบั กลีบดอก มี จานวน 4 อนั แบ่งเป็นสองคู่ ยาวไม่เท่ากนั กา้ นชูเกสรเพศผคู้ ู่ ท่ียาวกวา่ ยาวประมาณ 10.5 มิลลิเมตร อบั เรณูท่ีไม่เป็นหมนั รูปขอบขนาน ยาว 4 มิลลิเมตร อบั เรณูท่ีฝ่อรูปแถบโคง้ ยาว 1.2 มิลลิเมตร เกสรเพศผทู้ ่ีเป็นหมนั รูปเสน้ ดา้ ย เกสรเพศเมีย มีจานวน 1 อนั อยเู่ หนือวงกลีบ รังไข่รูปขอบขนานก่ึงรูป แถบ ยาว 4.5 มิลลิเมตร ภายในแบ่งเป็น 2 หอ้ ง กา้ นชูรูป เส้นดา้ ย ปลายแยกเป็น 2 พู รูปก่ึงรูปไข่ ยาว 1.2 มิลลิเมตร
ผลเป็นฝักแบน ยาวแคบ รูปขอบขนาน ยาว 30- 40 เซนติเมตร ปลายฝักแหลม ฝักอ่อนสีเขียว มี เน้ือ พอแหง้ แขง็ แตกออกไดเ้ ป็น 2 ซีก เมลด็ แบน จานวนมาก รูปหยดน้า มีปี กสีขาว ค่อนขา้ งบางใสอยโู่ ดยรอบเมลด็ ยกเวน้ บริเวณ ส่วนปลายเมลด็ ดา้ นแหลม ออกดอกราวเดือน กนั ยายนถึงธนั วาคม ติดผลราวเดือน พฤศจิกายนถึงกุมภาพนั ธ์ สรรพคุณ ตารายาไทย ดอก รสหวานขมหอม ขยาย หลอดลม มวนเป็นบหุ ร่ีสูบรักษาหืด สูบแก้ ริดสีดวงจมูก ไซนสั อกั เสบ บารุงน้าดี เพ่มิ การ หลงั่ น้าดี บารุงโลหิต บารุงกาลงั แกล้ ม ดอกใส่ ปนกบั ยาไทย มวนสูบทาใหป้ ากหอม ราก รส เฝื่อน บารุงปอด แกห้ อบ แกว้ ณั โรคและโรคปอด แกไ้ อ แกเ้ หนื่อยหอบ เปลือก แกไ้ อ ขบั เสมหะ
ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Ixora stricta Roxb ชื่อวงศ์ RUBIACEAE ชื่อสามญั West Indian Jasmine ช่ือพ้นื เมืองอ่ืนๆ เขม็ ถิ่นกาเนิด แถบเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ การกระจายพนั ธุ์ : ในประเทศไทย ทวั่ ทุกภาค ในประเทศไทย นิเวศวทิ ยา ไมพ้ มุ่ ใบแขง็ หนาดก สีเขียวแก่ ดอก ออกเป็ นช่อตามยอดกิ่ง เวลาออกดอก ออกดอกตลอดปี การขยายพนั ธุ์ ปักชาก่ิง เพาะเมลด็ ตอนก่ิง การใชป้ ระโยชน์ เป็นไมป้ ระดบั และสมุนไพร ลกั ษณะวสิ ยั : ไมพ้ มุ่ เรือนยอด ทรงพมุ่ : รูปไข่ ถิ่นอาศยั : พชื บก ลาตน้ : ลาตน้ เหนือดิน ต้งั ตรงเองได้ เปลือกลาตน้ : เรียบ สีน้าตาล ยาง : ไม่มี
ชนิดของใบ : ใบเด่ียว สีเขียว ขนาดแผน่ ใบ กวา้ ง 6 ซ.ม. ยาว 11 ซม. การเรียงตวั ของใบบนกิ่ง : ตรงขา้ มสลบั ต้งั ฉาก รูปร่างแผน่ ใบ : รูปรี ปลายใบ : เรียวแหลม โคนใบ : มน ขอบใบ : เรียบ ดอก : ช่อซ่ีร่มเชิงประกอบ ตาแหน่งออกของดอก : ปลายยอด กลีบดอก : โคนเชื่อมติดกนั ปลายแยกเป็น 4 แฉก สี แดง รูปดอกเขม็ รังไข่ : รังไขใ่ ตว้ งกลีบ กลิ่น : ไม่มี สีของผล : ผลออ่ น สีเขียว ผลแก่ สีม่วง รูปร่างผล : กลม เมลด็ : จานวน 1 เมลด็ สีของเมลด็ : น้าตาลอ่อน รูปร่างเมลด็ : กลม
ผจู้ ดั ทา นาย กิตติพงษ์ สมจิตร เลขที่ 2 [email protected] นางสาวปวนั รัตน์ พนั เรือนดี เลขท่ี 12 [email protected]
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: