ระบบสารสนเทศเพอ่ื การจดั การ (Management Information System) ระบบสารสนเทศเพ่อื การจดั การ หมายถึง ระบบทร่ี วบรวมและจัดเก็บขอ้ มลู จากแหล่งข้อมลู ตา่ ง ๆ ทง้ั ภายใน และภายนอกองคก์ ารอยา่ งมีหลักเกณฑ์ เพือ่ นามาประมวลผลและจดั รูปแบบใหไ้ ดส้ ารสนเทศทช่ี ว่ ย สนับสนนุ การทางาน และการตัดสินใจในด้านต่าง ๆ ของผู้บรหิ าร เพอื่ ใหก้ ารดาเนนิ งานขององค์การเป็นไป อย่างมีประสิทธภิ าพ โดย MIS (เอม็ ไอเอส) จะประกอบด้วยหน้าทห่ี ลัก 2 ประการ คอื 1. สามารถเก็บรวบรวมข้อมลู จากแหล่งตา่ ง ๆ ทัง้ จากภายใน และภายนอกองค์การมาไวด้ ้วยกัน อย่างเป็นระบบ 2. สามารถทาการประมวลผลขอ้ มูลอยา่ งมีประสิทธิภาพ เพือ่ ใหไ้ ด้สารสนเทศทช่ี ่วยสนับสนุนการ ปฏบิ ตั งิ าน และการบริหารงานของผูบ้ รหิ าร
ดงั น้ันถา้ ระบบใดประกอบด้วยหนา้ ทห่ี ลกั สองประการตลอดจนสามารถปฏบิ ตั งิ านในหนา้ ที่หลกั ทั้งสองไดอ้ ยา่ ง ครบถ้วน และสมบรู ณ์ ระบบน้ันก็สามารถถกู จัดเป็นระบบสารสนเทศเพอื่ การจดั การได้ ระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการ ไมจ่ าเปน็ ทจ่ี ะตอ้ งสรา้ งข้ึนจากระบบคอมพิวเตอร์ ระบบสารสนเทศเพื่อการจดั การอาจสร้างขึน้ มาจากอปุ กรณ์อะไรกไ็ ด้ แต่ต้องสามารถปฏิบัตหิ นา้ ท่หี ลกั ท้ังสองประการได้อย่างครบถ้วนและสมบรู ณ์ แต่เนอ่ื งจากปจั จบุ ันคอมพิวเตอร์เป็น อปุ กรณท์ ่มี ีประสทิ ธภิ าพในการจดั การข้อมูล นักวเิ คราะหแ์ ละออกแบบระบบ (System Analyst and Designer ) จึงออกแบบระบบสารสนเทศใหม้ ีคอมพิวเตอรเ์ ปน็ อุปกรณ์หลกั ในการจดั การสารสนเทศ
การนาไปใช้งานสามารถแบง่ ได้ 4 ระดบั ดังน้ี 1. ระบบสารสนเทศเพอื่ การจดั การในการวางแผนนโยบาย กลยุทธ์ และการตัดสนิ ใจของผู้บริหารระดบั สูง 2. ระบบสารสนเทศเพอ่ื การจดั การในสว่ นยุทธวิธใี นการวางแผนการปฏิบตั แิ ละการตัดสินใจของผบู้ รหิ ารระดบั กลาง 3. ระบบสารสนเทศเพ่ือการจดั การในระดับปฏิบตั กิ ารและการควบคมุ ในข้นั ตอนน้ีผู้บริหารระดบั ลา่ งจะเปน็ ผใู้ ชส้ าร สนเทศเพ่ือชว่ ยในการปฏิบัตงิ าน 4. ระบบสารสนเทศทไ่ี ดจ้ ากการประมวลผลระบบสารสนเทศเปน็ ระบบรวมทาให้การนาไปใช้ไมส่ ะดวก จึงจาเปน็ ตอ้ ง แบง่ ระบบสารสนเทศออกเปน็ ระบบย่อย 4 สว่ นไดแ้ ก่ - ระบบประมวลผลรายการ - ระบบจดั การรายงาน - ระบบสนบั สนนุ การตัดสนิ ใจ - ระบบสารสนเทศสานกั งาน
สว่ นประกอบของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ 1. เคร่อื งมือในการสรา้ งระบบสารสนเทศเพือ่ การจัดการ หมายถึง ส่วนประกอบหรอื โครงสร้าง พื้นฐานทีร่ วมกันเข้าเป็น MIS โดยจาแนกเครื่องมือในการสร้างระบบสารสนเทศไว้ 2 ส่วน คือ 1.1 ฐานข้อมลู Data Base เปน็ สว่ นประกอบสาคญั ทช่ี ่วยให้ระบบสารสนเทสมคี วามสมบรู ณ์ 1.2 เครอ่ื งมอื Tools เปน็ เครื่องมือทใี่ ช้จัดเกบ็ และประมวลผลขอ้ มลู 2. วิธกี ารหรอื ข้นั ตอนการประมวลผล การทจ่ี ะได้ผลลพั ธ์ตามทต่ี ้องการ จะต้องมกี ารจัดลาดบั วางแผนงานและวิธกี ารประมวลผลให้ ถกู ต้อง เพื่อใหไ้ ด้ขอ้ มูล หรอื สารสนเทศทต่ี อ้ งการ 3. การแสดงผลลพั ธเ์ ม่อื ข้อมูลไดผ้ ่านการประมวลผลตามวธิ กี ารแลว้ จะได้สารสนเทศ หรือ MIS เกดิ ขน้ึ อาจจะนาเสนอในรูป ตาราง กราฟ รปู ภาพ หรือเสียง เพอื่ ใหก้ ารนาเสนอขอ้ มลู มปี ระสทิ ธภิ าพ
บทบาทสาคญั ของเทคโนโลยสี ารสนเทศ ความกา้ วหน้าทางด้านวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทาให้มีการพัฒนาคิดคน้ สิง่ อานวยความสะดวกสบาย ต่อการดาชีวติ เปน็ อันมากเทคโนโลยไี ด้เข้ามาเสริมปจั จยั พื้นฐานการดารงชีวติ ไดเ้ ป็นอยา่ งดี เทคโนโลยที าใหก้ าร สรา้ งท่พี กั อาศยั มคี ณุ ภาพมาตรฐาน สามารถผลิตสินคา้ และให้บรกิ ารตา่ ง ๆ เพอื่ ตอบสนองความต้องการของ มนษุ ย์มากขนึ้ เทคโนโลยที าให้ระบบการผลติ สามารถผลติ สนิ ค้าได้เปน็ จานวนมากมีราคาถกู ลงสนิ คา้ ไดค้ ุณภาพ เทคโนโลยที าใหม้ ีการตดิ ตอ่ สื่อสารกนั ไดส้ ะดวก การเดินทางเชื่อมโยงถงึ กนั ทาใหป้ ระชากรในโลกตดิ ต่อรับฟัง ข่าวสารกนั ไดต้ ลอดเวลาพฒั นาการของเทคโนโลยที าให้ชีวติ ความเป็นอยู่เปลยี่ นไปมาก
เทคโนโลยเี ร่มิ เขา้ มาชว่ ยในการพมิ พ์ ทาให้การสอ่ื สารดว้ ยข้อความและภาษาเพม่ิ ขนึ้ มาก เทคโนโลยพี ัฒนามาจน ถงึ การสอ่ื สารกนั โดยสง่ ขอ้ ความเปน็ เสียงทางสายโทรศพั ทไ์ ดป้ ระมาณร้อยกวา่ ปที ่ีแลว้ และเมือ่ ประมาณหา้ สิบปที ีแ่ ลว้ กม็ กี ารส่งภาพโทรทัศนแ์ ละคอมพวิ เตอร์ทาใหม้ ีการใชส้ ารสนเทศในรปู แบบขา่ วสารมากข้นึ ในปจั จุบนั มีสถานท่ีวทิ ยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ แ ละส่ือตา่ ง ๆ ทใ่ี ชใ้ นการกระจา่ ยขา่ วสาร มกี ารแพร่ภาพทางโทรทัศนผ์ า่ นดาวเทียมเพื่อรายงานเหตุการณ์สดๆ เห็นได้ชดั ว่าเทคโนโลยไี ดเ้ ขา้ มามบี ทบาทอย่างมาก บทบาทของการพฒั นาเทคโนโลยรี วดเร็วข้ึนเมือ่ มีการพัฒนาอปุ กรณท์ าง ด้านคอมพิวเตอร์และสว่ นประกอบ จะเหน็ ไดว้ ่าในช่วงสี่หา้ ปที ่ีผา่ นมาจะมผี ลติ ภัณฑใ์ หม่ ซึง่ มีคอมพิวเตอร์เขา้ ไปเกย่ี วขอ้ งให้ เห็นอยตู่ ลอดเวลา
ลกั ษณะสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยพื้นฐานของเทคโนโลยยี อ่ มมปี ระโยชนต์ อ่ การพฒั นาประเทศชาตใิ ห้เจรญิ ก้าวหน้าได้ แตเ่ ทคโนโลยีสารสนเทศ เปน็ เร่ืองทเี่ ก่ยี วข้องกบั วิถีความเป็นอยขู่ องสงั คมสมัยใหมอ่ ยมู่ าก ลักษณะเด่นท่สี าคญั ของเทคโนโลยสี ารสนเทศมีดังน้ี เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยเพิม่ ผลผลติ ลดต้นทุน และเพ่ิมประสทิ ธิภาพในการทางาน ในการประกอบการทางด้านเศรษฐกิจ การคา้ และการอตุ สาหกรรมจาเปน็ ตอ้ งหาวิธใี นการเพิ่มผลผลติ ลดตน้ ทุน และเพม่ิ ประสทิ ธิภาพในการทางานคอมพวิ เตอร์ และระบบสือ่ สารเขา้ มาช่วยทาให้เกดิ ระบบอตั โนมัติเราสามารถฝากถอนเงนิ สดผา่ นเคร่อื งเอทเี อม็ ไดต้ ลอดเวลา ธนาคารสามารถใหบ้ รกิ ารได้ดีข้ึน
เทคโนโลยีสารสนเทศเปล่ยี นรปู แบบการบริการเปน็ แบบกระจาย เมือ่ มกี ารพฒั นาระบบข้อมลู และการใชข้ ้อมูลได้ดี การบรกิ ารตา่ ง ๆ จึงเนน้ รปู แบบการบริการแบบกระจาย ผูใ้ ช้สามารถสั่งซอ้ื สินค้าจากทีบ่ ้าน สามารถสอบถามข้อมลู ผา่ น ทางโทรศพั ท์ นิสิตนักศึกษาบางมหาวิทยาลยั สามารถใช้คอมพวิ เตอรส์ อบถามผลสอบจากทีบ่ า้ นได้เทคโนโลยสี ารสนเทศ เป็นสิง่ ทจี่ าเป็น สาหรับการดาเนนิ การในหน่วยงานต่าง ๆ ปจั จุบันทกุ หนว่ ยงานตา่ งพฒั นาระบบรวบรวมจดั เกบ็ ข้อมูลเพ่อื ไขในองคก์ าร ประเทศไทยมรี ะบบทะเบียนราษฎร์ทีจ่ ัดทาด้วยระบบ ระบบเวชระเบียนในโรงพยาบาล ระบบการจดั เก็บ ข้อมูลภาษใี นองค์การทกุ ระดับเหน็ ความสาคญั ทจี่ ะนาเทคโนโลยสี ารสนเทศมาใช้ เทคโนโลยสี ารสนเทศเกยี่ วขอ้ งกับคนทุก ระดับ พัฒนาการด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศ ทาให้ชีวิตความเป็นอยูข่ องคนเก่ยี วข้องกบั เทคโนโลยี ดังจะเหน็ ไดจ้ าก การพมิ พ์ ดว้ ยคอมพิวเตอร์ การใชต้ ารางคานวณ และใช้อปุ กรณ์สื่อสารโทรคมนาคมแบบตา่ ง ๆ เป็นตน้
คุณสมบตั ขิ องระบบสารสนเทศเพอ่ื การจดั การ การจดั เก็บข้อมูลจาเป็นตอ้ งมีความพยายามและตัง้ ใจดาเนินการ หรอื กล่าวไดว้ า่ การได้มาซ่งึ ข้อมลู ทจี่ ะนามาใชป้ ระโยชน์ องคก์ ารจาเปน็ ตอ้ งลงทุน ทง้ั ในด้านตวั ขอ้ มลู เครื่องจกั ร และอปุ กรณ์ ตลอดจนการพฒั นาบคุ ลากรขน้ึ มา รองรับ เพื่อให้ใช้งานอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ การจัดการระบบขอ้ มูลจงึ ต้องคานงึ ถึง ปญั หาเหล่าน้ี และพยายามมองปัญหาแบบทีเ่ ปน็ จริง สามารถดาเนนิ การได้ ให้ ประสทิ ธผิ ลคมุ้ ค่ากบั การลงทุน ดังนั้นการดาเนนิ งานเพอื่ ให้ไดม้ าซง่ึ สารสนเทศที่ดี ข้อมลู จะตอ้ งมคี ณุ สมบัตขิ ั้นพ้นื ฐาน ดงั น้ี
1. ความถูกต้อง หากมกี ารเกบ็ รวบรวมข้อมลู แล้วข้อมลู เหลา่ นน้ั เชอ่ื ถอื ไม่ไดจ้ ะทาใหเ้ กดิ ผลเสยี อย่างมาก ผูใ้ ชไ้ มก่ ล้าอ้างอิง หรือนาเอาไปใชป้ ระโยชน์ ซง่ึ เปน็ เหตุให้การตดั สนิ ใจของผูบ้ รหิ ารขาดความแม่นยา และอาจมโี อกาสผิดพลาดได้ 2. ความรวดเรว็ และเปน็ ปจั จุบนั การไดม้ าของขอ้ มูลจาเปน็ ตอ้ งใหท้ นั ตอ่ ความต้องการของผู้ใช้ มีการตอบสนองต่อผู้ใช้ไดเ้ ร็ว ตคี วามหมายสารสนเทศไดท้ นั ตอ่ เหตกุ ารณห์ รอื ความตอ้ งการ มีการออกแบบระบบการเรียนค้น และรายงานตามผใู้ ช้ 3. ความสมบรู ณ์ ความสมบูรณ์ของสารสนเทศขน้ึ กับการรวบรวมขอ้ มลู และวธิ กี ารทางปฏิบัตดิ ว้ ย ในการดาเนินการจัดทาสาร สนเทศต้องสารวจและสอบถามความต้องการใช้ขอ้ มลู เพอื่ ให้ไดข้ ้อมลู ทสี่ มบรู ณ์ในระดบั หน่งึ ทเี่ หมาะสม 4. ความชดั เจนและกะทัดรัด การจัดเกบ็ ข้อมลู จานวนมากจะต้องใช้พน้ื ที่ในการจัดเกบ็ ขอ้ มลู มากจึงจาเป็นตอ้ งออกแบบโครงสรา้ ง ขอ้ มูลใหก้ ะทัดรัดส่อื ความหมายได้ มกี ารใชร้ หัสหรอื ยน่ ย่อขอ้ มูลให้เหมาะสมเพอื่ ทจี่ ะจดั เกบ็ เข้าไวใ้ นระบบคอมพิวเตอร์ 5. ความสอดคลอ้ ง ความต้องการเปน็ เรือ่ งท่ีสาคัญ ดังนน้ั จงึ ต้องมีการสารวจเพื่อหาความตอ้ งการของหน่วยงานและองคก์ าร ดสู ภาพการใช้ขอ้ มลู ความลึกหรอื ความกว้างของขอบเขตของขอ้ มลู ทสี่ อดคล้องกับความต้องการ
การทาข้อมูลให้เปน็ สารสนเทศ การทาข้อมลู ใหเ้ ป็นสารสนเทศที่จะเป็นประโยชน์ต่อการใชง้ าน จาเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยี เขา้ มาชว่ ยในการดาเนนิ การ เร่ิมต้ังแต่การรวบรวมและตรวจสอบข้อมลู การดาเนินการประมวล ผลข้อมลู ใหก้ ลายเปน็ สารสนเทศ และการดแู ลรักษาสารสนเทศเพอื่ การใชง้ าน 1. การรวบรวมและตรวจสอบขอ้ มลู ควรประกอบดว้ ย 1.1 การเกบ็ รวบรวมข้อมูล เป็นเร่อื งของการเก็บรวบรวมข้อมูลซงึ่ มีจานวนมาก และต้อง เก็บให้ได้อยา่ งทนั เวลา ปัจจุบันมีเทคโนโลยชี ่วยในการจัดเกบ็ อยูเ่ ปน็ จานวนมาก 1.2 การตรวจสอบข้อมูล เมอ่ื มกี ารเกบ็ รวบรวมข้อมลู แลว้ จาเปน็ ต้องมกี ารตรวจสอบข้อมลู เพื่อตรวจสอบความถกู ต้อง ขอ้ มูลทเ่ี กบ็ เข้าในระบบจะตอ้ งมคี วามเชื่อถอื ได้
2. การดาเนนิ การประมวลผลข้อมลู ใหก้ ลายเปน็ สารสนเทศ อาจประกอบดว้ ยกิจกรรมดงั ตอ่ ไปนี้ 2.1 การจัดแบง่ ข้อมลู ข้อมลู ท่ีจัดเกบ็ จะตอ้ งมกี ารแบง่ แยกกลมุ่ เพอื่ เตรียมไวส้ าหรบั การใช้งาน การแบง่ แยกกลุ่ม มวี ธิ ีการที่ชดั เจน 2.2 การจัดเรียงข้อมูล เม่ือจัดแบง่ กลมุ่ เป็นแฟ้มแลว้ ควรมีการจัดเรียงข้อมูลตามลาดับ ตวั เลข หรอื ตวั อักษร หรือเพอื่ ใหเ้ รียกใชง้ านได้ง่ายประหยัดเวลา 2.3 การสรุปผล บางคร้งั ขอ้ มูลทีจ่ ดั เก็บมเี ปน็ จานวนมาก จาเป็นตอ้ งมกี ารสรปุ ผลหรอื สร้างรายงานยอ่ เพอ่ื นาไปใช้ ประโยชน์ ขอ้ มลู ทีส่ รปุ ไดน้ ีอ้ าจสือ่ ความหมายได้ดกี วา่ 2.4 การคานวณ ขอ้ มลู ที่เกบ็ มีเปน็ จานวนมาก ขอ้ มูลบางส่วนเป็นขอ้ มลู ตัวเลขทส่ี ามารถนาไปคานวณเพ่อื หาผลลพั ธ์ บางอยา่ งได้ ดังนนั้ การสร้างสารสนเทศจากข้อมลู จึงอาศัยการคานวณขอ้ มลู ท่ีเกบ็ ไวด้ ้วย
3. การดูแลรกั ษาสารสนเทศเพอ่ื การใชง้ าน ประกอบด้วย 3.1 การเก็บรกั ษาข้อมลู การเกบ็ รกั ษาข้อมลู หมายถึงการนาขอ้ มลู มาบันทึกเกบ็ ไวใ้ นสอ่ื บนั ทกึ ต่างๆ เชน่ แผ่นบันทกึ ขอ้ มูล นอกจากน้ียัง รวมถึงการดูแล และทาสาเนาขอ้ มูล เพ่ือให้ใช้งานตอ่ ไปในอนาคตได้ 3.2 การค้นหาขอ้ มลู ข้อมูลท่ีจัดเก็บไว้มจี ุดประสงค์ท่จี ะเรียกใช้งาน ไดต้ อ่ ไปการค้นหาข้อมูลจะต้องค้นได้ถูกตอ้ งแม่นยา รวดเรว็ จึงมกี ารนา คอมพวิ เตอร์เขา้ มามีส่วนช่วยในการทางาน ทาใหก้ ารเรียกคน้ กระทาได้ ทันเวลา
3.3 การทาสาเนาข้อมลู การทาสาเนาเพ่อื ท่ีจะนาข้อมลู เกบ็ รักษาไว้ หรอื นาไปแจกจ่ายในภายหลงั จึงควรจัดเกบ็ ขอ้ มลู ใหง้ ่ายต่อการทา สาเนา หรอื นาไปใชอ้ กี ครง้ั ไดโดยงา่ ย 3.4 การสือ่ สาร ขอ้ มูลตอ้ งกระจายหรอื ส่งต่อไปยังผู้ใช้งานที่หา่ งไกลไดง้ า่ ย การสื่อสารขอ้ มูลจงึ เป็นเรอื่ งสาคญั และมบี ทบาทที่สาคัญยง่ิ ทีจ่ ะทาใหก้ ารสง่ ขา่ วสารไปยังผใู้ ช้ทาได้รวดเรว็ และทันเวลา
ระบบยอ่ ยของระบบสารสนเทศเพอื่ การจดั การ หน้าทห่ี ลกั ของระบบสารสนเทศเพอ่ื การจดั การ คอื การเก็บรวบรวมขอ้ มลู จาก ทัง้ ภายใน และภายนอกองคก์ ารมาไวอ้ ย่างเปน็ ระบบ เพ่อื ทาการประมวลผลและจัดรูป แบบข้อมลู ใหไ้ ด้สารสนเทศที่เหมาะสม และจดั พิมพ์เปน็ รายงานสง่ ตอ่ ไปยังผู้ใช้ เพ่ือช่วย ให้การตดั สนิ ใจและบรหิ ารงานของผู้บรหิ ารมีประสทิ ธภิ าพ เพื่อใหไ้ ดส้ ารสนเทศท่ีเหมาะ สมสาหรบั ผู้ใช้ การทางานต่าง ๆ สามารถแบ่งออกเป็น 4 ระบบย่อย ดังตอ่ ไปนี้ 1. ระบบปฏบิ ัติการทางธรุ กจิ (Transaction Processing System)หรือเรยี กวา่ TPS หมายถงึ ระบบสารสนเทศทถี่ กู ออกแบบและพัฒนาขน้ึ เพ่อื ให้ทางานเก่ยี วข้องกบั การดาเนนิ งานภายในองค์การ
2. ระบบจัดทารายงานสาหรบั การจัดการ (Management Report System)หรือเรียกว่า MRS หมายถงึ ระบบสารสนเทศทถ่ี กู ออกแบบและพัฒนาขนึ้ เพอ่ื รวบรวม ประมวลผล จัดระบบและจัดทารายงาน หรอื เอกสารสาหรับช่วยในการตัดสนิ ใจที่เกีย่ วข้องกบั การบรหิ าร 3. ระบบสนบั สนุนการตดั สินใจ (Decision Supporting System)หรือท่เี รียกว่า DSS หมายถงึ ระบบสาร สนเทศทจ่ี ัดหาหรือจัดเตรยี มขอ้ มูลสาคัญสาหรบั ผบู้ ริหาร เพ่ือจะชว่ ยในการตดั สินใจแก้ปญั หาหรือเลอื ก โอกาสทเ่ี กดิ ขนึ้ 4. ระบบสารสนเทศสานกั งาน (Office Information System)หรอื ทีเ่ รยี กวา่ OIS หมายถึง ระบบสารสนเทศ ที่ถูกออกแบบและพัฒนาขน้ึ เพือ่ ช่วยให้การทางานในสานกั งานมีประสทิ ธภิ าพ
องคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการ MIS สามารถรวบรวมและสรุปขอ้ มลู ที่มีรายละเอียดต่าง ๆ เพ่อื สร้างสารสนเทศใหก้ บั ผู้ บรหิ ารไม่วา่ จะเปน็ การสรุปผล การวเิ คราะห์ การวางแผน เปน็ ตน้ การทีร่ ะบบสารสนเทศจะ มคี วามสามารถดงั กล่าว จะตอ้ งมีองคป์ ระกอบดังต่อไปนี้ คือ 1. เคร่ืองมือในการสร้าง MIS ได้แก่ ฮาร์ดแวร์ (Hardware) ซอฟต์แวร์ (Software) และ ฐานข้อมูล (Database) ฮารด์ แวร์ คอื ตวั เครื่องคอมพวิ เตอร์และอปุ กรณ์ที่จาเป็นในการประมวล ซอฟตแ์ วร์ คือ โปรแกรมคาส่งั ทใ่ี ชใ้ นการรวมและสรุปขอ้ มูลฐานขอ้ มลู คอื การเกบ็ รวมรวมขอ้ มลู ทีจ่ าเปน็ ไว้ ณ ศูนยก์ ลางและสามารถนามาใช้ในงานเม่อื มีความต้องการได้ ข้อมลู เป็นหัวใจสาคัญของ MIS ขอ้ มลู ที่ดนี อกจากมีคณุ สมบัติ ของความเช่ือม่นั ถอื ไดแ้ ล้วยังต้องไดร้ บั การจดั เกบ็ เปน็ ระบบท่ีดสี ามารถเรียกใช้ไดอ้ ยา่ งรวดเร็วไม่ซ้าซ้อน อันจะทาให้กจิ การดาเนนิ ไปอย่างไดผ้ ล
2. วธิ กี ารหรือขั้นตอนการปะมวลผล ไดแ้ ก่ ลาดับของการประมวลข้อมูลภายในเครือ่ งคอมพวิ เตอร์ เพ่อื สรา้ งสารสนเทศท่ตี ้องการ ลักษณะ ที่สาคัญของการประมวลผลข้อมลู คอื 2.1 ทาการประมวลผลขอ้ มูลทวั่ ไป 2.2 ใช้ข้อมลู ท่ีมรี ายละเอียดมาก 2.3 ระยะเวลาในการใช้ข้อมูลเป็นระยะสน้ั สว่ นมากใช้กับการปฏบิ ัตงิ านประจาวนั 2.4 ระบบการทางานของเคร่อื งคอมพิวเตอร์ทใี่ ช้มกั เป็นระบบออนไลน์ (On-line Processing) ซ่งึ เป็นวิธกี ารประมวลผลท่ีรบั ขอ้ มลู เขา้ สู่ เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ แลว้ ทาการประมวลผลทันที โดยไมม่ กี ารเกบ็ รอหรือสะสมขอ้ มูลไวก้ ่อน
3. มกี ารจัดเก็บข้อมูลและสารสนเทศเป็นฐานขอ้ มูล ซง่ึ เป็นฐานขอ้ มลู นน้ั เกิดจากความคดิ ทีต่ ้องการเก็บรวบรวมขอ้ มูลไว้ เพอื่ เป็นศูนย์กลาง ของข้อมลู ในการใชข้ อ้ มูลร่วมกันและช่วยลดความซา้ ซอ้ นของขอ้ มลู 4. การแสดงผลลัพธ์ MIS จะจดั ทาสารสนเทศซึง่ จะจาเปน็ สาหรบั ผบู้ รหิ ารทีจ่ ะใชใ้ นการตดั สนิ ใจเกยี่ วกบั กจิ กรรมตา่ ง ๆ ของธุรกจิ หรอื องค์กร ผลลพั ธจ์ ากระบบสารสนเทศตอ้ งสามารถเรยี กใช้งาน หรอื แสดงผลได้รวดเรว็ และมักอยใู่ นรปู ของรายงานแบบต่าง ๆ 5. มีการจัดการเกีย่ วกบั ทรพั ยากรข้อมลู เพื่อควบคมุ การทางานระบบ ให้ทางานได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ ซึง่ เป็นปัจจยั พน้ื ฐานของความต้องการ MIS สาหรบั องคก์ ร ในการดาเนินงานขององคก์ ร ตา่ ง ๆ จึงได้มีการพฒั นา MIS ดว้ ยเหตผุ ลดงั ต่อไปน้ี 5.1. การบรหิ ารงานมคี วามซบั ซ้อนมากขนึ้ 5.2. ความจาเปน็ ในเรอื่ งกรอบเวลา 5.3. การพัฒนาทางเทคนคิ 5.4. การตระหนกั ถงึ คุณค่าและความก้าวหน้าของเทคโนโลยีต่าง ๆ
ประโยชนข์ องระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการ 1. ชว่ ยใหผ้ ใู้ ชส้ ามารถเขา้ ถึงสารสนเทศท่ีต้องการไดอ้ ย่างรวดเรว็ และทนั ต่อเหตกุ ารณ์ 2. ชว่ ยผู้ใช้ในการกาหนดเป้าหมายกลยทุ ธ์ และการวางแผนปฏบิ ตั ิการ โดยผบู้ ริหารจะสามารถ นาขอ้ มูลทไี่ ดจ้ ากระบบ สารสนเทศมาชว่ ยในการวางแผน และกาหนดเป้าหมายในการดาเนินงาน 3. ชว่ ยผ้ใู ชใ้ นการตรวจสอบประเมนิ ผลการดาเนนิ งาน 4. ช่วยผู้ใช้ในการศกึ ษา และวเิ คราะห์สาเหตุของปัญหาผูบ้ รหิ ารสามารถใช้ระบบสารสนเทศประกอบ การศึกษา และการคน้ หาสาเหตุ หรือข้อผดิ พลาดทเ่ี กิดขน้ึ ในการดาเนินงาน 5. ชว่ ยให้ผใู้ ชส้ ามารถวิเคราะหป์ ญั หาหรอื อปุ สรรคทเ่ี กิดข้นึ เพ่ือหาวิธีควบคมุ ปรบั ปรงุ และแกไ้ ขปญั หา 6. ช่วยลดคา่ ใชจ้ า่ ย ระบบสารสนเทศทมี่ ปี ระสิทธภิ าพ ชว่ ยใหธ้ รุ กิจลดเวลา แรงงาน และค่าใชจ้ า่ ยในการทางานลง
อาจารยว์ ิลาวัลย์ วชั โรทยั นางสาวธัญญลกั ษณ์ บญุ วดั หงษ์ 6032040002 นางสาวปยิ ะพร ดาวงศ์ 6032040010 นางสาวพัชญา ศรกี นก 6032040012 นางสาวสุทธิดา เปลี่ยนรศั มี 6032040026 นางสาวสโรชา อาจสาอางค์ 6032040040 นางสาวสุดาวรรณ พานทอง 6032040041
Search
Read the Text Version
- 1 - 23
Pages: