Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สรุปความรู้

สรุปความรู้

Published by NAPHAT PANYAWONG, 2019-09-06 06:01:38

Description: การเขียนบทความวิชาการและนวัตกรรมทางการศึกษา

Keywords: บทความวิชาการ,นวัตกรรมทางการศึกษา

Search

Read the Text Version

สรปุ ความรู้ที่ไดร้ ับจากการอบรม การเขียนบทความวิชาการ และการเรียนรู้ การประยกุ ต์ใชน้ วัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อการศึกษา เสนอ : ดร.วิลาวัลย์ สมยาโรน รายวิชา : นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา (Innovation and Information Technology) เรยี บเรียงโดย...นางสาวณภทั ร ปญั ญาวงค์ รหสั นกั ศกึ ษา 61170184

2 สารบญั การเขียนบทความวิชาการและ บทที่ 1 บทความวิจยั เพื่อตีพิมพ์ใน วารสาร ระดับชาติและ นานาชาติ การประยกุ ตใ์ ช้นวตั กรรมและ บทที่ 2 เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อ การศึกษาบนพื้นฐานของการ เรียนร้ใู นศตวรรษที่ 21

3 บทที่ 1 การเขียนบทความวิชาการ และบทความวจิ ยั เพื่อตีพิมพ์ในวารสาร ระดบั ชาติและนานาชาติ ย้อนกลบั หน้าต่อไป

4 สรุปความรู้ “การเขียนบทความวชิ าการและบทความวิจัย เพื่อตพี ิมพใ์ นวารสารระดบั ชาติและระดับ นานาชาติสาหรับนสิ ิตระดับบณั ฑิตศึกษา” ย้อนกลบั โดย…รองศาสตราจารย์ ดร.เสมอ ถาน้อย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและนวตั กรรม ณ ห้อง ICT 1107 อาคารเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร เมื่อวนั เสารท์ ี่ 31 สิงหาคม 2562 หน้าต่อไป

5 Welcome!! •How to get your research published? กอ่ นทีจ่ ะสง่ มือเขียนบทความ มีสองสิง่ สาคัญ ทีเ่ ป็นรากฐานสาหรับ กระบวนการทงั้ หมด 1. กาหนดสมมุติฐานและวัตถุประสงค์ 2. ทบทวนวรรณกรรมทีเ่ กย่ี วขอ้ งกับเรื่องทจี่ ะเขียนบทความ อยา่ ง น้อย 30 เรื่องที่สามารถนามาอา้ งอิงในบทความ ย้อนกลบั 4 สว่ นสาคญั ที่ตอ้ งดาเนินการ • Introduction อธิบายว่าเหตุใด จึงเขยี นบทความเร่อื งนี้ เป็นการอธิบายถึง ความสาคญั ทีม่ าของปัญหา • Methods วิธีการเปน็ อยา่ งไรบ้าง • Result ผลลัพธ์ คน้ พบอะไร • Discussion การอภปิ รายผลท้ังหมดวา่ มนั หมายถึงอะไร หน้าต่อไป

6 11 ขน้ั ตอนในการจัดระเบียบตน้ ฉบบั ขน้ั ตอนที่ 1. เตรยี มตวั เลขและตาราง • จาไวว้ ่า \"ตวั เลขมีคา่ หนึง่ พนั คา\" ดงั นนั้ ภาพประกอบรวมถึงตวั เลขและ ตารางจงึ เป็นวิธีทีม่ ีประสิทธิภาพทีส่ ุด ในการนาเสนอผลลพั ธข์ องคณุ ขนั้ ตอนที่ 2: เขียนวธิ ีการดาเนินการวจิ ัย • เป็นสว่ นของวิธีการแก้ปญั หาหากเป็นการ เสนอวิธีการใหม่ที่ไมเ่ คยมีใครทามาก่อน ตอ้ งรวบรวมข้อมลู โดยละเอียด อธิบาย วิธีการสารวจ สถติ ทิ ีใ่ ช้ ตอนที่ 3: เขียนผลกสนวิจัย • สว่ นนี้ตอบคาถามวา่ \"คณุ พบอะไร\" อย่า พยายามทีจ่ ะ \"ซ่อน\" ข้อมลู ด้วยความหวงั วา่ จะเก็บไวใ้ ชใ้ นภายหลัง ย้อนกลบั หน้าต่อไป

7 11 ข้นั ตอนในการจดั ระเบียบต้นฉบับ ข้ันตอนที่ 4: เขียนการอภปิ ราย เป็นส่วนทีส่ าคญั ที่สุดของบทความของคุณ คณุ ตอ้ งทาให้การอภิปราย ใหส้ อดคล้องกับผลการวิจัยแตไ่ ม่ตอ้ งย้าผลการวิจัย ทีน่ ี่คุณจะตอ้ งเปรียบเทียบ ผลการวจิ ยั ท่ไี ด้กับงานวิจัยอืน่ ๆ (ใชข้ อ้ มลู อ้างองิ บางส่วนทอี่ ยใู่ นบทนา) อยา่ ละเลยงานทีไ่ ม่สอดคล้องกนั ในทางกลับกนั คณุ ตอ้ งเผชญิ หนา้ และ โนม้ นา้ วผอู้ ่านวา่ คุณถูกหรือดีกว่า ขั้นตอนที่ 5: เขียนบทสรุปที่ชดั เจน ในส่วนนี้แสดงใหเ้ หน็ ว่างานกา้ วหนา้ ไปอย่างไรจากสภาวะความรู้ใน ปจั จุบนั ข้ันตอนที่ 6: เขียนบทนาที่นา่ สนใจ เป็นโอกาสของคณุ ที่จะโน้มนา้ วผู้อ่านใหค้ ุณรวู้ ่าทาไมงานของคณุ ถึงมีประโยชน์ ควรตอบคาถามต่อไปนี้: ปัญหาทีต่ ้องแกไ้ ขคืออะไร มีวิธีแก้ปญั หาใดบ้าง อันไหนดที ีส่ ุด? ขอ้ จากดั หลักคืออะไร? คุณหวงั ว่า จะบรรลุสิ่งใด ไม่ควรอา้ งองิ วารสารทีม่ ากเกินไป ย้อนกลบั หน้าต่อไป

8 11 ข้ันตอนในการจดั ระเบียบตน้ ฉบบั ขั้นตอนท่ี 7: เขียนบทคัดยอ่ บทคดั ย่อจะบอกผู้อา่ นทีค่ าดหวงั ว่าคุณทาอะไรและสิง่ ที่ค้นพบที่สาคัญในการ วจิ ัยของคณุ คืออะไร หลกี เล่ยี งการใชศ้ ัพท์แสลงตวั ย่อและการอ้างอิงที่ผิดปกติ คุณต้อง แม่นยาโดยใชค้ าท่สี อ่ื ความหมายท่ชี ัดเจนของการวจิ ัยของคุณ บทคดั ย่อใหค้ าอธิบายสน้ั ๆ เกีย่ วกับมมุ มองและวตั ถปุ ระสงค์ของบทความของคณุ ในผลการวจิ ยั ทีส่ าคัญ แต่ลด รายละเอยี ดการดาเนินการวจิ ยั ให้นอ้ ยที่สุด โดยปกตจิ ะน้อยกว่า 250 คา ขนั้ ตอนท่ี 8: เขียนชื่อเรื่อง เขียนชื่อเรือ่ งทีก่ ระชับและมีความหมาย อธิบายถึงสิ่งที่ศึกษาอยา่ งกวา้ ง ๆ สะท้อนให้เห็นเนื้อหาในงานวจิ ยั ขนั้ ตอนท่ี 9: เลือกคาสาคญั หน้าต่อไป หลกี เล่ยี งคาทม่ี ีความหมายกว้างเกินไป ย้อนกลบั

9 11 ขั้นตอนในการจดั ระเบียบต้นฉบับ ขน้ั ตอนท่ี 10: การเขียนกิตติกรรมประกาศ คณุ สามารถขอบคุณผู้ทีม่ ีส่วนรว่ มในการเขียนบทความ ขอบคณุ เช่น หนว่ ยงาน ระดมทุนของคณุ หรือหน่วยงานท่ใี หท้ นุ อยา่ ลืมระบุหมายเลขทนุ หรือการอ้างอิง ขัน้ ตอนท่ี 11: เขียนการอา้ งอิง โดยปกตแิ ล้วมขี อ้ ผดิ พลาดในการอา้ งอิงมากกว่าในสว่ นอน่ื คณุ ต้องอา้ งองิ ส่งิ พมิ พท์ างท้ังหมดที่งานของคุณอา้ งถึง แต่อย่าทาให้เกินจริงดว้ ยการอ้างอิงมากเกินไป หลกี เล่ยี งการอา้ งอิงตนเอง และการอา้ งอิงสง่ิ พมิ พม์ ากเกินไป Finally, ตอ้ งตรวจสอบ ดงั ต่อไปนี้ หน้าต่อไป •- การสะกดชื่อผู้แต่ง •- ปที ี่พิมพ์ •- การใช้ “et al.” •- เครือ่ งหมายวรรคตอน •- ขอ้ มลู การอา้ งองิ ท้ังหมด ย้อนกลบั

10 บทที่ 2 การประยุกต์ใช้ นวัตกรรมเทคโนโลยี สารสนเทศ เพ่อื การศกึ ษา ใน ศตวรรษที่ 21 (MAGICS) ย้อนกลบั หน้าต่อไป

11 สรุปความรู้ การประยกุ ตใ์ ช้นวตั กรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ เพือ่ การศึกษา ในศตวรรษที่ 21 (MAGICS) Instructor…. รองศาสตราจารย์ ดร.ถนอมพร เลาหจรสั แสง ผู้อานวยการสานักบรกิ ารเทคโนโลยสี ารสนเทศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ย้อนกลบั หน้าต่อไป

12 การพฒั นาทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ ใน ด้านการศึกษา ทาให้เกิดนวัตกรรมเพือ่ การศึกษาขึน้ อยา่ งมากมาย ทง้ั ในรูปแบบทเ่ี ป็นเครอ่ื งมือ อปุ กรณ์ สือ่ การสอน รวมไปถงึ แนวคดิ และทฤษฎีตา่ ง ๆ ซึง่ จากอดีตจนถงึ ปจั จุบนั มีการนานวตั กรรมเข้ามาประยกุ ต์ใช้กับการเรียนการสอนอยา่ ง ตอ่ เนือ่ ง ส่งผลให้ผู้เรยี นเกิดการเรียนรอู้ ย่างมีประสิทธิภาพ และยงั ทาให้การเรียนรบู้ รรลตุ ามวัตถุประสงค์ทีต่ ั้งไว้ด้วย นวัตกรรมที่ใช้ในการศึกษาอาจไม่ใช่เทคโนโลยีเพียงอย่าง เดียว การใช้วิธีการสอน หรือทฤษฎีการสอนแบบใหม่ๆ เครื่องมือ อุปกรณ์ ที่ไม่ใช่เทคโนโลยี เราก็เรียกส่ิงนี้ว่าเป็น นวัตกรรมได้เชน่ กนั ย้อนกลบั หน้าต่อไป

13 นวัตกรรม หมายถึง แนวความคิด การปฏิบัติหรือ ส่ิงประดิษฐ์ใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยมีใช้มาก่อนหรือเป็นการพัฒนา ดัดแปลงจากของเดิมที่มีอยู่แล้วให้ทันสมัยและใช้ได้ผลดีย่ิงขึ้น เ มื่ อ น า น วั ต ก ร ร ม ม า ใ ช้ จ ะ ช่ ว ย ใ ห้ ก า ร ท า ง า น นั้ น ไ ด้ ผ ล ดี มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงกว่าเดิม ท้ังยังช่วย ประหยัดเวลาและแรงงาน ในปัจจุบันที่ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีมีมาก ขึ้น จึงทาให้มีผู้คิดค้นนวัตกรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ เข้ามาประยุกต์ใช้ในการสอนมากขึ้น โดยมุ่งหวังให้เกิดการ เรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดแรงจูงใจในการเรียน อีกท้ัง ยั ง ป ร ะ ห ยั ด เ ว ล า ใ น ก า ร เ รี ย น ก า ร ส อ น จึ ง ท า ใ ห้ เ กิ ด เ ป็ น นวัตกรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ด้านเครื่องมือหรืออุปกรณ์ เช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องวิชวล ไลเซอร์ เครื่องแอลซีดี เป็นต้น รวมท้ังการใช้สื่อการสอนใหม่ เช่น บทเรียนคอร์สแวร์ การเรียนการสอนผ่านเว็บ อีเลิร์นนิ่ง วดิ ีโอสตรีมมิ่ง รวมถึง Social media for Learning ย้อนกลบั หน้าต่อไป

นวัตกรรมหรือเทคโนโลยี ที่ สถานศกึ ษาแตล่ ะแห่งนามาใช้ใน 14 การเรียนการสอน โดยมากจะ คานึงถึงความเหมาะสม และ ความพรอ้ มของสถานศกึ ษาเป็น สาคญั ส ถ า น ศึ ก ษ า ที่ มี ค ว า ม พ ร้ อ ม ท้ั ง ท า ง ด้ า น อุ ป ก ร ณ์ สถานที่ งบประมาณ และบคุ ลากร อาจเริ่มมีการใช้นวัตกรรมหรือ เทคโนโลยีมาแล้วหลายยุค จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งอาจเริ่ม ต้ังแต่การใช้กระดานดา กระดานไวน์บอร์ด เครื่องฉายข้ามศีรษะ คอมพิวเตอร์ ส่ือการสอนทางอิเล็กทรอนิกส์รูปแบบต่าง ๆ จนมาถึงสมาร์ทบอร์ด เป็นต้น ซึ่งในแต่ละยุคที่มีการนาส่ิงที่กล่าว ไปข้างต้นมาใช้ก็ถือว่าเป็นนวัตกรรมในการจัดการเรียนการสอน ของสถานศึกษาในยุคน้ันหรือช่วงเวลานั้น ๆ ในทางตรงกันข้าม สถานศึกษาที่ขาดความพร้อมท้ังทางด้านอุปกรณ์ สถานที่ งบประมาณ และบุคลากร อาจมีการใช้เครื่องมือ หรือส่ือการสอน ต่าง ๆ ช้ากว่าที่สถานศกึ ษาทีพ่ ร้อม ย้อนกลบั หน้าต่อไป

นวัตกรรม ยังหมายความรวมถึง แนวคิด กระบวนการ การ ปฏิบัติ สิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ ท่ียังไม่เคยใช้มาก่อน ย่อมหมายความว่า 15 อุปกรณ์ เครื่องมือสื่อสาร และวิธีการและสื่อต่าง ๆ ที่สถานศึกษา หนึ่งๆ เคยใช้มาก่อนแลว้ อาจจะเป็นนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีใหม่ของ อีกสถานศึกษาหนึง่ ได้เชน่ กัน คาว่า นวตั กรรม จึงไม่ไดจ้ ากดั วา่ จะตอ้ งเปน็ แคอ่ ปุ กรณ์ วสั ดุ หรือเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึง แนวคิด การปฏิบัติ รวมถึงการดัดแปลงจากของเดิมที่มีอยู่แล้ว ให้ทันสมัยและใช้ ไดผ้ ลดยี ิง่ ขึ้น ย้อนกลบั หน้าต่อไป

16 ผู้สอนทีอ่ ยใู่ นสถานศกึ ษาที่ขาดความพร้อม สามารถที่จะ ใช้แนวคิด เทคนิค วิธีการ รูปแบบการสอนต่าง ๆ หรือการนา ส่ิงที่ไม่ใช่เทคโนโลยี มาประดิษฐ์เป็นอุปกรณ์ วิธีการสอน หรือส่ือใหม่ๆ ก็ได้ โดยไม่จาเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยี เพื่อ พัฒนาการสอนให้มีประสิทธิภาพย่ิงขึ้นได้เช่นกัน สาหรับ ตัวอย่างรูปแบบการสอนใหม่ ๆ เช่น การสอนแบบห้องเรียน กลับทาง หรือ Flipped Classroom การจัดการเรียนรู้โดยใช้ กิจกรรมเป็นฐาน หรือ Activity-Based Learning รวมไปถึง การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน หรือ Problem- Based Learning เปน็ ต้น รวมไปถงึ การใช้เทคนิคการสอนต่าง ๆ เช่น เทคนิคการ เรียนรู้กลุ่มเล็ก เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือ เป็นต้น นอกจากนี้นะคะ ยังรวมไปถึงการประดิษฐ์ส่ิงของต่าง ๆ ซึ่ง อาจจะอยู่ในรูปแบบของส่ือด้ังเดิม เช่น ส่ือที่ใช้กระดาษก็ได้ เพื่อทดแทนเครื่องมือของทาง IT เช่น การใช้ป้ายสี แทนการ ใช้คลิกเกอร์ ในการโหวตหรือตอบคาถาม เปน็ ตน้ ย้อนกลบั หน้าต่อไป

17 การศึกษาของ Everett M. Rogers เรื่อง การเผยแพรน่ วตั กรรม Diffusion of Innovation Model แสดงให้เห็นสัดส่วนของการยอมรับนวัตกรรมที่แตกต่าง กนั สามารถแบ่งได้ ดังนี้ กลมุ่ คนแบบ Innovator หน้าต่อไป หรือที่เราเรียกกันว่ากลุ่มนวัตกร กลุ่ม คนเหล่านี้จะเป็นกลุ่มแรก ๆ ที่ต้องการใช้หรือ อยากลองนวัตกรรม แนวคิด วิธีการที่เกิดขึ้น ใหม่ๆ แรงจูงใจสาคัญก็คือการคิดว่าตัวเองเป็น ส่วนหนึ่งของการเปล่ียนแปลง คนกลุ่มนี้จะยินดี ใช้นวัตกรรมหรือเทคโนโลยีใหม่ โดยยอมรับกับ ปัญหาและความเส่ียงที่จะเกิดขึ้นในระยะแรก ๆ ในการใช้ส่ิงใหม่ๆ เหล่าน้ัน ยกตัวอย่างเช่น การ นาสมาร์ทบอร์ด หรือ การนา MOOC มาใช้ใน ห้องเรียน กลุ่ม นวัตกร จะเป็นคนกลุ่มแรกที่ สนใจ เข้าไปศึกษาเรียนรู้ และนาไปใช้ในการ เรียนการสอนทนั ที ย้อนกลบั

18 กล่มุ ท่ี 2 เราเรียกวา่ กลมุ่ Early Adopters คือกลุ่มคนที่พร้อมจะเปล่ียนแปลง ตนเองเมื่อเห็น คนอ่ืนเริ่มใช้ และมองเห็น ประโยชน์จากนวัตกรรมหรือเทรนด์ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น มีความตระหนักถึงความจาเป็น ที่จะต้องมีการเปล่ียนแปลง ไม่จาเป็นต้อง โน้มน้าวหรือชักจูงให้เปล่ียนแปลง คิดเป็น 13.5% กลมุ่ ท่ี 3 เราจะเรียกว่า Early Majority หน้าต่อไป คิดเป็นประมาณ 34% คนกลุ่มนี้มีความ พร้อมท่ีจะเปลี่ยนแปลงตนเอง และมองเห็น ป ร ะ โ ย ช น์ จ า ก น วั ต ก ร ร ม ห รื อ เ ท ร น ด์ ใ ห ม่ ๆ ที่เกิดขึ้น แต่จะระมัดระวังและใช้เหตุผลในการ ตัดสินใจพอสมควร เพราะต้องการความม่ันใจว่า เทคโนโลยีนี้จะประสบความสาเร็จ โดยอาจจะดู จากกลุ่มคนท่ีใช้เทคโนโลยีนี้แรกๆว่าใช้ได้ผล มี ประโยชน์ จึงจะคอ่ ยๆ เปล่ยี นแปลงตนเอง ย้อนกลบั

กลุ่มท่ี 4 เราเรียกว่า Late Majority 19 คือคนส่วนใหญ่ กลุ่มมาทีหลัง คิด เป็นอีก 34% คนกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มคนที่จะ เปล่ียนแปลงตนเองช้าที่สุด หรืออาจจะ เรียกว่าเปล่ียนแปลงตนเองในนาทีสุดท้าย ถ้า ไ ม่ โ ด น สั่งหรื อบัง คับ ก็ จ ะไ ม่ ยอ ม เปลี่ยนแปลง หรือคนอ่ืนเขาใช้จนจะตกยุค แล้ว ค่อยมาเริ่มใช้ คนกลุ่มนี้มีความ ต้องการที่จะไม่ตกกระแสหลักไป ซึ่ง มากกว่าการคิดถึงประโยชน์ของนวัตกรรม หรือบริการ กล่มุ สดุ ท้าย Laggards หน้าต่อไป คือกลุ่มที่ล้าหลัง คิดเป็น 16% ซึ่งมักเป็น กล่มุ ผมู้ ีอายุ ที่เคยใช้เทคโนโลยีเดิม ๆ จนเคยชิน ไม่ อยากเปล่ียนแปลง เนื่องจากไม่ต้องการเรียนรู้ใหม่ คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ไม่ยอมเปล่ียนแปลงตนเอง มัก พอใจกับส่ิงที่ตัวเองมีอยู่แล้วและไม่เชื่อในเรื่อง เทคโนโลยีใหม่ๆ แถมบางทีอาจจะต่อต้านการ เปลีย่ นแปลงเสียดว้ ยซ้า ย้อนกลบั

20 สรุปแล้ว การยอมรับหรือนวัตกรรมหรือ แนวคิด ทฤษฎี และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ไม่ใช่ทุกคนจะ ยอมรับได้ในทันที ดังนั้น การที่จะให้ทุกคนเปลี่ยน ตนเองมาใชน้ วัตกรรม จึงจาเป็นที่จะต้องพิจารณาและ ศึกษา ให้เกิดความเข้าใจในเร่ืองของการยอมรับ นวัตกรรม หรือ Innovation adoption ที่ครอบคลุม ประเภทของคนกลมุ่ ต่าง ๆ กบั การยอมรับนวัตกรรม นอกจากน้ี ยังต้องรู้ถึงธรรมชาติของคนในการ ยอมรับนวัตกรรม ได้แก่ระยะพัฒนาการของการ ยอมรับนวัตกรรมของเขา รวมไปถึงวิธีการในการที่จะ ทาให้นวัตกรรมนั้น ๆ เกิดการยอมรับจากคนหมู่มาก อีกด้วย ย้อนกลบั หน้าต่อไป

เรียบเรียงโดย นางสาวณภทั ร ปัญญาวงค์ รหัสนักศกึ ษา 61170184 หลักสูตร การศกึ ษามหาบัณฑิต สาขาวชิ า การบริหารการศกึ ษา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook