3.2 ค้นหาวิธีการเขียนงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

รายงาน จัดทำโดย นางสาวพัชรียา แป้งหอม 65407010408 สาขา การโรงแรม

วิธีการเขียนงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง นิมิต ซุ้นสั้น' และ ศิริวิทย์ ศิริรักษ์ (2561:31.43) ได้ศึกษาวิจัย เรื่อง การประยุกต์ใช้การสื่อสารออนไลน์ เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์โรงแรม ของ โดยมีวัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อ เพื่อศึกษาแนวทางการประยุกติใช้การสื่อสารออนไลน์เพื่อส่งเสริมภา พลักษ ณ์โรงแรมที่ส่งผลต่อความภักดีของลูกค้าประชากร/กลุ่มตัวอย่าง ได้มาโดยวิธี กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย(Stakeholder) ในธุรกิจโรงแรม ทั้งจากภาครัฐภาคเอกชน และสมาคมที่ไม่หวังผล กำไร ทั้ง 3 จังหวัดคือ ภูเก็ต พังงา และกระบี่ จำนวน .......30... คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1)แบบสัมภาษณ์เชิงลึก (In- Depth Interview) 2)แบบสนทนากลุ่มย่อย (Focus Group Semi- Structure Interview) สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ - ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบการสื่อสารออนไลน์ที่ประยุกต์ใช้ระหว่างภาพลักษณ์โรงแรม และคว ามภักดีลูกค้าซึ่งได้อธิบายองค์ประกอบหลักตามขั้นตอนที่สำคัญ ประกอบด้วย ภาพลักษณ์โรงแรมการสื่อสารออนไลน์ และความภักดี ลูกค้า ซึ่งการทำความเข้าใจรูปแบบของการสื่อสารออนไลน์ที่ประยุกต์ใช้ ระหว่าง ภาพลักษณ์โรงแรมกับความภักดีของลูกค้า รจิต คงหาญ' และอนุชิต แสงอ่อน (2561.92.103) ได้ศึกษาวิจัย เรื่อง กลยุทธ์ทางการตลาดสำหรับธุรกิจร้านอาหารริมทางสมัยใหม่ในกรุง เทพมห านคร โดยมีวัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อ 1)เพื่อศึกษาปัจจัยด้านประชากรศาสตร์ของผู้บริโภคที่ใช้บริการร้าน อาหาร ริมทางสมัยใหมในกรุงเทพมหานคร 2) เพื่อศึกษาปัจจัยด้านส่วนประสมการตลาดที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการ ใช้บริก ารร้านอาหารริมทางสมัยใหม่ของผู้บริโภคในกรุงเทพมหานคร

3)เพื่อศึกษาปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้บริการร้านอาหารริมทางสมัย ใหม่ของผู้บริโภคในกรุงเทพมหานคร ประชากร/กลุ่มตัวอย่าง ได้มาโดยวิธีกลุ่มตัวอย่างคือ ผู้บริโภคร้านอาหารริมทางที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป จำนวน 400 ตัวอย่าง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แบบสอบถาม ทำการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจงสถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ใช้สถิติเชิงพรรณนา การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์สถิติเชิงอนุมานเพื่อทดสอบสมมติฐานโดยใช้การวิเคราะห์กา รถดถอยเชิงพหุคูณ (Multipleregression Analysis) ผลการศึกษาพบว่า เป็นเพศหญิงร้อยละ 55 เพศชายร้อยละ 45 ส่วนใหญ่มีอายุ 21-30 ปีร้อยละ 43 มีอายุ 31-40 ปี ร้อยละ 28 โดยมีรายได้ระหว่าง 10,001- 20,000 บาท ร้อยละ 37 มีรายได้ระหว่าง20,00 1-30,000 บาท ร้อยละ 29 ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า ปัจจัยด้านส่วนประสมการตลาดมีความสัมพันธ์กับความถี่ต่อเดือนของผู้บริโภคที่มาใช้ บริการร้านอาหารริมทางสมัยใหม่ในกรุงเทพมหานครผลการวิจัยพบว่า ผลการวิเคราะห์ความถดถอยเชิงพหุของตัวแปรที่สามารถพยากรณ์ความถี่ ต่อเดือนของผู้บริโภคที่มาใช้บริการร้านอาหารริมทางสมัยใหม่ในกรุงเทพม หานครพบว่า ตัวแปรพยากรณ์ด้านส่วนประสมการตลาดที่สามารถพยากรณ์ความถี่ต่อเดื อนของผู้บริโภคที่มาใช้บริการได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ราคา ทำเลที่ตั้ง และการส่งเสริมการตลาด ซึ่งมีค่าสัมประสิทธิ์ถดถอยเป็นบวกกับตัวแปรเกณฑ์คือ เมื่อค่าตัวแปรพยากรณ์เพิ่มขึ้น ค่าความถี่ต่อเดือนของผู้บริโภคที่มาใช้บริการจะเพิ่มขึ้นด้วย โดยมีค่าสัมประสิทธ์สหสัมพันธ์พหุกับตัวแปรเกณฑ์เท่ากับ 0.412 ซึ่งสามารถพยากรณ์ความถี่ของผู้บริโภคที่มาใช้บริการได้ร้อยละ

41.2แสดงว่ายังมีตัวแปรเกณฑ์ในด้านอื่นๆ อีกร้อยละ 58.8ที่มีผลต่อค่าความถี่ต่อเดือนของผู้บริโภคที่มาใช้บริการร้านอาหารร้าน อาหารริมทางสมัยใหมในกรุงเทพมหานคร วริษฐา แสงยางใหญ่ ศรีรัตน์ ล้อมพงศ์ และบุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธิ์ (2560.: 76.87) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการลดขยะครัวเรือนของประชาชนในเขตเทศบา ลจังหวัดสมุทรปราการ โดยมีวัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อเพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลและร่วมกันทำนายพ ฤติกรรมการลดขยะครัวเรือนของประชาชนในเขตเทศบาลจังหวัดสมุทรปร าการ ประชากร/กลุ่มตัวอย่าง ได้มาโดยวิธีใช้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน211 ครัวเรือน โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลาย ขั้นตอน (Multistage random sampling)ได้กลุ่มตัวอย่างจากเทศบาลตำบลแหลมฟ้าผ่า เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ใช้แบบสัมภาษณ์ที่พัฒนาจากการศึกษาค้นคว้า รวบรวมข้อมูลจาก เอกสารแนวคิด และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง นำมาประยุกต์ให้เหมาะสมกับประชากรที่ศึกษา เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย ในการวิจัยครั้งนี้ให้แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างเป็นเครื่องมือในการวิจัย สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงพรรณนา (Descriptivresearch) เพื่อค้นหาปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการลดขยะครัวเรือนของประชาชนในเ ขตเทศบาลจังหวัดสมุทรปราการ ประชากรและกลุ่มตัวอย่างในการวิจัย ได้แก่ ครัวเรือนในเขตเทศบาลจังหวัดสมุทรปราการผู้ตอบแบบสัมภาษณ์ ได้แก่ หัวหน้าครัวเรือนหรือตัวแทนที่มีหน้าที่ในการจัดการขยะ

ผลการวิจัยพบว่า ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยที่ศึกษากับพฤติกรรมการลดขยะครัวเรือนของ ประชาชน จากการวิจัย พบว่า เพศ(หญิง) อาชีพ รายได้ไม่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการลดขยะครัวเรือนของประชาชน ส่วนอายุ ระดับการศึกษาสูงสุดลักษณะที่อยู่อาศัย (บ้านเดี่ยว) จำนวนสมาชิกในครัวเรือน ระยะเวลาอยู่อาศัยในชุมชน การรับรู้ประโยชน์ การรับรู้อุปสรรค การรับรู้โอกาสเสี่ยง

จัดทำโดย นางสาวพัชรียา แป้งหอม สาขาการโรงแรม 65407010408