รายงานโครงงานวิทยาศาสตร์นอ้ ย ระดบั ปฐมวัย โครงงานเรื่อง เวลากับเงา ผูจ้ ดั ทาโครงงาน นกั เรยี นชั้นอนุบาลปที ี่ ๒ และ ๓ โรงเรยี นบา้ นหนองแสง (รุน่ ท่ี ๙ โรงเรยี นท่ัวไป คงสภาพครงั้ ที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๕) คุณครูท่ีปรึกษา นางสาวอัจฉราภรณ์ อุดมดี นางสาวลัดดาวรรณ ประกอบกจิ โรงเรยี นบ้านหนองแสง อาเภอปทุมราชวงศา สานกั งานเขตพนื้ ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาอานาจเจรญิ สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
รายงานโครงงานวทิ ยาศาสตรน์ ้อย ระดบั ปฐมวัย โครงงานเรื่อง เวลากับเงา ผจู้ ัดทาโครงงาน นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ ๒ และ ๓ โรงเรยี นบ้านหนองแสง รุ่นท่ี ๙ โรงเรยี นทั่วไป คงสภาพครั้งท่ี ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ คุณครูที่ปรกึ ษา นางสาวอัจฉราภรณ์ อุดมดี นางสาวลดั ดาวรรณ ประกอบกจิ โรงเรยี นบ้านหนองแสง อาเภอปทมุ ราชวงศา สานักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาอานาจเจริญ สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
คานา เอกสารเล่มนี้จัดทาข้ึนเพ่ือขอรับตราพระราชทาน “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย” รุ่นที่ ๙ โรงเรียนทว่ั ไป คงสภาพคร้ังที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๕ ข้าพเจ้าได้รวบรวมจากการจัดทาโครงงานเรื่อง “เวลา กับเงา” หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่นักเรียนและครูผู้สอนท่ีจะนาไปจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในช้ันอื่นๆ ตอ่ ไป ขอขอบคุณท่านผู้อานวยการโรงเรียนบ้านหนองแสง ท่านศึกษานิเทศก์ผู้รับผิดชอบโครงการและ เพอ่ื นรว่ มงานที่คอยดแู ลให้การสนับสนุน เป็นกาลงั ใจในการจัดทาโครงงานคร้ังน้ีจนสาเร็จลลุ ว่ งไปด้วยดี อจั ฉราภรณ์ อดุ มดี ลัดดาวรรณ ประกอบกิจ
สารบญั หนา้ ๑ เร่อื ง ๑ ชอื่ โครงงาน ๑ ผ้จู ัดทาโครงงาน ๑ ครทู ปี่ รกึ ษา ๑ ระยะเวลาในการจัดทาโครงงาน ๒ ที่มาและความสาคัญ ๓ ๓ ขั้นที่ ๑ ตั้งคาถามท่ีอยากรู้ ๓ คาถามท่ี ๑ เมื่อเวลาเปล่ยี นไปเงาเปลย่ี นตาแหน่งหรือไม่ ๔ ๕ จุดประสงค์ ๕ ข้นั ท่ี ๒ รวบรวมความคิดและคาดคะเนคาตอบ ๘ ขนั้ ที่ ๓ ดาเนนิ การสารวจตรวจสอบ ๘ ขน้ั ท่ี ๔ สังเกตและบรรยาย ๘ ขน้ั ท่ี ๕ บนั ทึกผล ๙ ข้ันท่ี ๖ สรปุ และอภปิ รายผล ๑๐ ผลการพฒั นาความสามารถของเด็กปฐมวยั ๑๐ ผลการพัฒนาความสามารถพื้นฐาน ๔ ดา้ น ๑๐ การสง่ เสรมิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ๑๐ คาถามที่ ๒ แสงตอนเชา้ สาย บ่าย เย็น ทาให้เงามีขนาดเปล่ยี นไปหรือไม่ ๑๑ ขน้ั ท่ี ๑ ต้ังคาถามที่อยากรู้ ๑๒ จดุ ประสงค์ ๑๒ ขั้นที่ ๒ รวบรวมความคิดและคาดคะเนคาตอบ ๑๕ ขั้นท่ี ๓ ดาเนินการสารวจตรวจสอบ ๑๕ ขั้นที่ ๔ สงั เกตและบรรยาย ๑๕ ขน้ั ท่ี ๕ บันทกึ ผล ๑๖ ข้ันท่ี ๖ สรุปและอภิปรายผล ๑๗ ผลการพฒั นาความสามารถของเด็กปฐมวยั ผลการพฒั นาความสามารถพ้ืนฐาน ๔ ดา้ น การสง่ เสรมิ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ภาคผนวก
๑ ชอ่ื โครงงาน เรือ่ ง เวลากบั เงา ผ้จู ัดทาโครงงาน นกั เรียนชน้ั อนุบาล ๒ และนกั เรียนชน้ั อนบุ าล ๓ โรงเรยี นบ้านหนองแสง ครูที่ปรึกษา ๑. นางสาวอจั ฉราภรณ์ ดุดมดี ๒. นางสาวลดั ดาวรรณ ประกอบกจิ ระยะเวลาในการจดั ทาโครงงาน ( ๘ มนี าคม – ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๖ ) ท่มี าและความสาคัญ จากเรอ่ื งแสงและเงา ครูสนทนากับเด็ก “เรือ่ งแสงและเงา” วา่ เด็กๆเคยเห็นเงาของตัวเอง หรอื ไม่ และเคยเห็นเงาของพืชและสตั ว์ หรือสิง่ ของอืน่ หรือไม่ แลว้ เดก็ ๆ รหู้ รือไมว่ า่ เงาเกิดจากอะไร โดยครู ถามเด็กๆต่อไปอีกวา่ ครู : เงาเกดิ จากอะไร แตงโม : เกดิ จากแสงดวงอาทติ ย์ แสงหลอดไฟ แสงเทียน ครู : เดก็ ๆ มขี ้อสงสยั หรือมีคาถามที่อยากรู้อะไรบ้างเก่ยี วกบั เร่ืองเงา ทับทิม : เงาทาไมมีสีดา (ครูบนั ทกึ ลงบนกระดาษชาร์ท) ปลาทู : เงามีชีวติ หรอื ไม่ (ครูบันทึกลงบนกระดาษชาร์ท) อะตอม : เมอื่ เวลาเปลี่ยนไปทาไมเงาจึงเปล่ยี นตาแหน่ง (ครูบันทึกลงบนกระดาษชาร์ท) พอรช์ : แสงตอน เชา้ สาย บ่าย เยน็ ทาให้เงามขี นาดเปลีย่ นไปหรือไม่ (ครูบันทึกลงบนกระดาษชาร์ท) สรุป คาถามที่เดก็ อยากรโู้ ดยใช้ชาร์ทท่คี รูจดบันทึก ซง่ึ ได้คาถามที่เด็กอยากรู้ ๔ คาถาม
๒ ขนั้ ท่ี ๑ ตัง้ คาถามท่ีอยากรู้ จากการทีเ่ ดก็ ๆ ลองนกึ ภาพเงาท่ีตัวเองเคยเห็นและครูพาเดินสารวจดเู งาของสง่ิ ตา่ งๆ รอบๆ ห้อง อนบุ าล เมอื่ กลบั เข้าห้องครูจึงสนทนาร่วมกบั เด็กๆ และมคี าถามทเี่ ด็กๆ สงสัยเก่ียวกับเวลาและ เงา ๔ คาถาม ดงั นี้ คาถามที่ ๑ เงาทาไมมีสีดา คาถามที่ ๒ เงามีชวี ติ หรอื ไม่ คาถามที่ ๓ เมื่อเวลาเปลีย่ นไปเงาเปลยี่ นตาแหนง่ หรือไม่ คาถามท่ี ๔ แสงตอน เชา้ สาย บ่าย เย็น ทาให้เงามีขนาดเปลี่ยนไปหรือไม่ จากคาถามทเ่ี ด็กอยากรู้ ๔ คาถาม เด็กและครูสนทนาเพื่อเลือกคาถามท่ีนา่ จะนามาสารวจ ตรวจสอบ โดยการให้เหตผุ ลประกอบซึ่งเด็กเหน็ วา่ ตอ้ งการเลือกคาถามท่ี ๓ คอื เมื่อเวลาเปล่ยี นไปเงา เปลยี่ นตาแหนง่ หรอื ไม่ เพราะจะไดร้ ู้เรื่องเวลาวา่ มีการเปลี่ยนชว่ งเวลา เช้า สาย บ่าย เย็น และคาถาม ที่ ๔ คอื แสงตอน เชา้ สาย บา่ ย เย็น ทาให้เงามีขนาดเปล่ียนไปหรือไม่ เพราะจะได้ฝึกสงั เกตลกั ษณะ ขนาดของเงาว่าเมือ่ เวลาเปลี่ยนไปขนาดของเงาเปล่ยี นไปหรือไม่ คาถามที่ตอ้ งการนามาหาคาตอบ คือ ๑. เมือ่ เวลาเปลีย่ นไปเงาเปลี่ยนตาแหนง่ หรือไม่ ๒. แสงตอน เช้า สาย บ่าย เยน็ ทาใหเ้ งามีขนาดเปลี่ยนไปหรือไม่ โดยจะทาการสารวจตรวจสอบ คาถามท่ี ๑ คือ เมือ่ เวลาเปล่ียนไปเงาเปล่ียนตาแหนง่ หรอื ไม่ เด็กๆ สังเกตเงาของสง่ิ ตา่ งๆ รอบตวั (สังเกตเงาตน้ ไม้) เดก็ ตัง้ คาถามทอี่ ยากรู้
๓ คาถามท่ี ๑ เมอ่ื เวลาเปล่ียนไปเงาเปล่ยี นตาแหน่งหรอื ไม่ จุดประสงค์ เพือ่ ศกึ ษาการเปล่ยี นตาแหน่งของเงาเมื่อเวลาเปลย่ี นไป ขั้นท่ี ๒ รวบรวมความคดิ และคาดคะเนคาตอบ (วันที่ ๘ เดอื น มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๖) เด็กและครสู นทนาร่วมกนั โดยครูใช้คาถามกระตนุ้ ให้เด็กเล่าประสบการณ์เดมิ เกย่ี วกบั เวลาและเงา ครู : เดก็ ๆ เคยเห็นเงาอะไรบ้าง พอร์ช : เงาตวั เอง เงาคุณพอ่ เงาคณุ แม่ และสิ่งตา่ งๆ รอบตัวเรา ครูชวนเด็กๆ สนทนาต่อเน่ืองว่า เงาของสิ่งต่างๆ มีรูปร่างเหมือนกันหรือไม่ และนักเรียนยืนอยู่จุด เดิมแต่เวลาเปล่ียนไปเงาจะอยู่ในตาแหน่งเดิมหรือไม่ และครูให้นักเรียนคาดคะเนคาตอบ โดยแบ่งเด็ก ออกเป็น ๓ กลุ่ม กลุ่มละ ๒ – ๓ คน โดยครูถามว่าแต่ละกลุ่มจะคาดคะเนคาตอบอย่างไร จากคาถาม ดังนี้ เด็กๆ คิดว่า เมือ่ เวลาเปล่ียนไปเงาเปล่ยี นตาแหน่งหรอื ไม่ และใหเ้ ดก็ นาเสนอครู ครเู ขียนการคาดคะเน ลงในกระดาษชารท์ กลุม่ ท่ี ๑ เงาเปลยี่ นตาแหน่งเม่ือเวลาเปล่ียนไป กลมุ่ ที่ ๒ เงาหมนุ เคล่ือนตวั ไปเร่อื ยๆ เมื่อเวลาเปลี่ยนไป กลุ่มที่ ๓ เงาไม่เปลี่ยนตาแหน่งเมือ่ เวลาเปลย่ี นไป การคาดคะเนคาตอบของแตล่ ะกลมุ่
๔ ขั้นตอนท่ี ๓ ดาเนนิ การสารวจตรวจสอบ ครสู นทนากบั เด็ก โดยใช้คาถาม เด็กๆ มีวธิ ีการใดบ้างที่จะร้วู า่ เมอ่ื เวลาเปล่ยี นไปเงาเราจะเปลย่ี น ตาแหนง่ หรอื ไม่ กลมุ่ ๑ บอกว่า ทดลองไปยนื กลางสนามดู ครู : ตอ้ งยืนอยูก่ ลางสนามทัง้ วันเลยเหรอคะ อันปนั : ใหไ้ ปยนื แบบเดิมตอน เช้า สาย บา่ ย และเยน็ กลมุ่ ที่ ๒ บอกว่า ให้ไปศกึ ษาในอนิ เตอรเ์ นต็ ครู : หนอู า่ นหนังสอื ยังไม่ออกจะทาอยา่ งไร ปลาทู : หนจู ะดรู ปู ภาพ แล้วใหค้ รูอ่านใหฟ้ ังและบนั ทึกลงในชารท์ กลุม่ ท่ี ๓ บอกว่าไปหาในหนงั สอื ท่หี ้องสมดุ ครู : หนงั สอื เก่ียวกับเวลาและเงามีจานวนไมพ่ อกับนักเรียนแน่ นกั เรียนจะทาอย่างไร ไทรตัน้ : ใหแ้ บ่งนักเรยี นออกเป็นกลมุ่ ใหค้ รูเขยี นบันทึกให้ วธิ ีการหาคาตอบและวธิ ีการบันทึกผล – นาเสนองานของเด็ก
๕ ข้นั ที่ ๔ สงั เกตและบรรยาย (วนั ที่ ๙ เดือน มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๖) ครใู หเ้ ด็กเด็กๆ ที่ไปถามพ่อแม่ หรอื มีเอกสารจากพ่อแม่มาเล่าใหเ้ พ่ือนฟังหน้าช้นั เรยี น เดก็ และครู ไปหาคาตอบโดยหาหนังสือในห้องสมุดและดูอินเตอร์เน็ต โดยเด็กแบ่งกลุ่มเป็น ๒ กลุ่ม กลุ่มท่ี ๑ ไปหา หนังสอื เมื่อได้หนังสือเร่ืองดิน ให้นามาเพ่ือขอยมื หนังสือ กลุ่มที่ ๒ ไปดูอินเตอร์เน็ต โดยมคี รูช่วยอ่านให้ ฟัง เม่ือหมดเวลาให้สับเปลี่ยนวิธีการหาคาตอบ เด็กๆ ไปหาคาตอบ ออกมานาเสนอลักษณะตาแหน่งเงา ของตัวเองและส่ิงรอบตัวว่าเปลี่ยนตาแหน่งหรือไม่เมอื่ เวลาเปลี่ยนไป เช้า สาย บา่ ย เย็น พร้อมกับชาร์ดท่ี วาดภาพและครูเขียนบันทึกในห้องสมุดและปฏิบัติตามท่ีตกลงกันไว้ จากการที่เด็กๆ ไปถามพ่อแม่ ไปหา ความรู้จากห้องสมุด และสืบค้นข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต เด็กๆ ร่วมกันสรุปได้ว่า เงาจะเปล่ียนตาแหน่งตาม ทศิ ทางการเคลอ่ื นที่ของดวงอาทิตย์ ข้นั ที่ ๕ บันทกึ ผล เด็กแต่ละกลมุ่ บนั ทกึ ผลตามวิธีการที่ออกแบบไว้ คือ วาดรูปเงาของตัวเองตาม เวลา เชา้ สาย บา่ ย เย็น แลว้ ใหเ้ ด็กนาเสนอผลงาน และนาผลงานไปตดิ โชวห์ นา้ หอ้ งเรียน เด็กสงั เกตตาแหน่งเงาของตัวเองในเวลาเชา้
๖ เด็กสังเกตตาแหน่งเงาของตัวเองในเวลาสาย เดก็ สงั เกตตาแหน่งเงาของตัวเองในเวลาบา่ ย
๗ เด็กๆ เลา่ ผลงานใหเ้ พือ่ นฟังหนา้ ชั้นเรยี น
๘ ขั้นท่ี ๖ สรปุ และอภปิ รายผล (วนั ท่ี ๑๐ เดือน มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๖) เดก็ และครรู ว่ มสนทนาถึงคาถามท่ีเด็กอยากรู้ “เมื่อเวลาเปลย่ี นไปเงาจะเปลี่ยนตาแหน่งหรือไม่” ครู ให้เดก็ ทบทวนโดยการให้เดก็ ออกมาเลา่ วา่ เดก็ ๆ หาคาตอบไดโ้ ดยวธิ ีการอยา่ งไร และได้ผลการศึกษา อย่างไร โดยครูใชช้ าร์ทประกอบการสนทนากับเด็กๆ ครู : จากการทเี่ ดก็ ๆ หาคาตอบวา่ เมอ่ื เวลาเปล่ยี นไปเงาจะเปลี่ยนตาแหน่ง หรือไม่ สรปุ วา่ เงาเกิดจากแสงตกกระทบกับตัวของเดก็ ๆ แล้วแสงไมส่ ามารถส่องผา่ นตัวของเด็กๆ ได้ จงึ ทา ให้เกดิ เงาบนฉากต่างๆ ได้ และผลจากการศึกษาตาแหนง่ ของเงาเมื่อเวลาเปล่ียนไป เชา้ สาย บา่ ย และ เย็น เปน็ ดังน้ี เวลาเชา้ เด็กหันหนา้ ไปทางทศิ ตะวนั ออก เงาของเดก็ จะอยดู่ ้านหลงั ทางทิศตะวันตก เวลาสาย เด็กหนั หน้าไปทางทศิ ตะวันออก เงาของเด็กจะอยู่ดา้ นหลงั ทางทิศตะวันตก เวลาบา่ ย เด็กหนั หน้าไปทางทิศตะวนั ออก เงาของเด็กจะอยูร่ อบๆ ตัวเดก็ เย้ืองทางทศิ ตะวนั ออก เวลาเย็น เด็กหนั หน้าไปทางทิศตะวนั ออก เงาของเด็กจะอยู่ดา้ นหน้าทางทิศตะวันออก เด็กๆ คาดคะเนคาตอบได้ตรงกับผลของการทดลอง ดงั น้นั ครจู ึงใหเ้ ดก็ ๆ สรปุ รว่ มกันว่า เมอ่ื เวลา เปลยี่ นไป ตาแหน่งของเงาจะเปลยี่ นตามไปด้วย ผลการพัฒนาความสามารถของเดก็ ปฐมวัย ๑. ผลการพัฒนาความสามารถพน้ื ฐาน ๔ ด้าน ๑.๑ ด้านการเรียนรู้ - เดก็ ร้จู ักการตง้ั คาถามในสิ่งทีต่ นสงสยั - เด็กไดล้ งมือทาและทดลองด้วยตนเอง - เดก็ สามารถอธิบายถงึ วิธกี ารเรยี นรู้ของตนเอง ว่าเรียนรู้อยา่ งไร และได้พบคาตอบท่ีอยากรู้ - เดก็ ได้เรียนรู้เรอ่ื ง เวลากับตาแหนง่ ของเงา - เด็กสามารถสรปุ และนาเสนอผลสรุปแก่คนอนื่ ๆ ได้ ๑.๒ ดา้ นภาษา - เดก็ บอกรายละเอียดเกย่ี วกับการทดลอง โดยใช้คาพูดของตัวเอง - เดก็ พดู อธบิ ายถงึ สิ่งท่ีพวกเขาสงั เกตเหน็ จาการทดลอง - เดก็ ได้พูดนาเสนอขอ้ มลู ทไ่ี ด้ค้นพบดว้ ยตนเอง ๑.๓ ด้านสงั คม - เดก็ สามารถทางานรว่ มกับผู้อ่ืนได้
๙ - เด็กสามารถแสดงความคิดเหน็ ของตนเอง และยอมรับฟังความคดิ เห็นของคนอนื่ - เดก็ เคารพกฎ กติกาของห้องเรยี น ๑.๔ ดา้ นการเคล่ือนไหวและทกั ษะการรบั รู้ของประสาทสัมผสั - เด็กสามารถเคลอื่ นไหว หยบิ จับ และใช้อปุ กรณ์การทดลองได้คล่องแคล่ว - เดก็ สามารถหยิบ จับ และใช้ช้อนคนน้าตาลได้อย่างคล่องแคล่ว ๒. การส่งเสริมทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ๒.๑ ทักษะการสังเกต - การสงั เกตตาแหน่งของเงาเมื่อเวลาเปลี่ยนไป ๒.๒ ทักษะการจาแนกประเภท - เปรียบเทยี บผลการทดลองของแต่ละกลมุ่ - เปรยี บเทียบสงิ่ ที่คาดคะเนกับผลทท่ี ดลอง ๒.๓ ทกั ษะการพยากรณห์ รอื การคาดคะเนคาตอบ - เด็กสามารถคาดคะเนคาตอบที่ตนเองคิดวา่ ทาไมตอ้ งใช้น้าตาลก่กี ้อนนา้ จงึ จะไมล่ ะลาย ต่อไป ๒.๔ ทกั ษะการหาความสมั พันธร์ ะหวา่ งสเปสกบั สเปส และสเปสกบั เวลา - เด็กสามารถบอกไดว้ า่ เม่ือเวลาเปลยี่ นไป เช้า สาย บ่าย เย็น ตาแหนง่ ของเงาจะ เปล่ยี นไป ๒.๕ ทักษะการทดลอง - เดก็ สามารถออกแบบ (รว่ มกนั กาหนดข้นั ตอนการทดลอง) ได้ วา่ จะทดลองอย่างไร ทา อย่างไร ใชว้ สั ดอุ ปุ กรณ์อะไรบ้าง - เดก็ สามารถปฏบิ ัติการทดลองตามขน้ั ตอนที่กาหนดได้ - เด็กสามารถบันทึกผลการทดลองได้ ๒.๖ ทักษะการจดั กระทา และสอ่ื ความหมายข้อมลู - เด็กสามารถสรุปผลสิ่งทสี่ งั เกตและทดลองได้โดยการวาดภาพ และนาเสนอข้อมูลหน้าช้นั เรยี นใหผ้ ู้อน่ื เขา้ ใจได้ ๒.๗ ทักษะการลงความคิดเห็นจากข้อมลู - เด็กสามารถแสดงความคิดเห็นหรอื ให้เหตุผลของตนเองเพิม่ เติมได้
๑๐ คาถามท่ี ๒ แสงตอน เชา้ สาย บ่าย เย็น ทาใหเ้ งามี ขนาดเปล่ยี นไปหรือไม่ ขั้นที่ ๑ ตั้งคาถามทอี่ ยากรู้ จากการท่ีเด็กๆ ได้ลองออกไปทดลองดูว่าเงาของตวั เองนนั้ จะเปลยี่ นตาแหน่งหรือไม่เม่ือเวลา เปล่ยี นไป ไดม้ ีเด็กบางคนมคี าถามต่อเนอื่ งว่า แตงโม : ครูคะเงามีประโยชน์อยา่ งไรคะ เลมอ่ น : เงาสีอ่นื ที่ไม่ใชส่ ีดามไี หม๊คะ อะตอม : แสงตอน เชา้ สาย บ่าย เย็น ทาให้เงามีขนาดเปล่ยี นไปหรอื ไม่ เด็กๆ หลายคนสงสัยเหมอื นใบเฟิร์นว่า เงานา่ จะเปล่ียนแปลงขนาดได้ ครจู งึ สรุปว่าเราจะศึกษา เรื่อง แสงตอน เช้า สาย บา่ ย เยน็ ทาให้เงามขี นาดเปลีย่ นไปหรือไม่ จดุ ประสงค์ เพอื่ ศึกษาว่าแสงตอน เช้า สาย บ่าย เย็น ทาให้เงามขี นาดเปล่ียนไปหรือไม่ ตัวแปรต้น เวลากบั เงา ตัวแปรตาม ขนาดของเงา ตวั แปรควบคมุ ตัวแทนเด็ก, ตาแหน่งที่เด็กยืน, ทา่ ยนื ของเด็ก ขน้ั ท่ี ๒ รวบรวมความคิดและคาดคะเนคาตอบ (วนั ที่ ๑๑ เดือน มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ) เดก็ และครูสนทนารว่ มกนั โดยครใู ช้คาถามกระตุน้ ให้เด็กเล่าประสบการณเ์ ดิมเกี่ยวกับขนาดของเงา ครู : เงาอะไรใหญ่ทีส่ ดุ ทับทมิ : เงาช้างใหญ่ท่สี ดุ อนั ปัน : เงาของเราเปลย่ี นขนาดได้ บางครงั้ ก็ใหญ่ บง่ คร้งั ก็เล็ก นันนี้ : เงาเปลย่ี นขนาดตามแสง ครูให้นักเรยี นคาดคะเนคาตอบ โดยแบ่งเดก็ ออกเป็น ๒ กลุ่ม กลุ่มละ ๔ คน โดยครูถามว่าแต่ละ กลมุ่ จะคาดคะเนคาตอบอย่างไร จากคาถามดงั น้ี เด็กๆ คิดว่า เม่ือเวลาเปล่ียนไปเงาจะมขี นาดเปล่ยี นไป หรือไม่ และให้เด็กนาเสนอครู ครูเขยี นการคาดคะเนลงในกระดาษชาร์ท
๑๑ กลมุ่ ที่ ๑ เงามีขนาดเท่าเดิม กลมุ่ ท่ี ๒ เงามีขนาดใหญข่ ึน้ เร่ือยๆ เมื่อเวลาเปลยี่ นไป ข้ันตอนที่ ๓ ดาเนินการสารวจตรวจสอบ (วันท่ี ๑๑ เดือน มนี าคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ) ครสู นทนากับเด็ก โดยใช้คาถาม เดก็ ๆ มีวธิ กี ารใดบ้างทีจ่ ะรวู้ ่าเม่ือเวลาเปลยี่ นไปเงาเราจะมขี นาด เปลย่ี นไปหรอื ไม่ กลมุ่ ๑ บอกวา่ ทดลองไปยนื กลางสนามดู ครู : ต้องยืนอยกู่ ลางสนามทงั้ วันเลยเหรอคะ แตงโม : ใหไ้ ปยนื แบบเดิมตอน เช้า สาย บา่ ย และเย็น กลุ่มที่ ๒ บอกวา่ ไปหาในหนงั สอื ที่หอ้ งสมดุ ครู : หนอู า่ นหนงั สือยังไม่ออกจะทาอย่างไร เลมอ่ น : หนจู ะดูรปู ภาพ แล้วใหค้ รูอา่ นให้ฟังและบนั ทึกลงในชาร์ท กลุม่ ที่ ๓ บอกว่าให้ไปศึกษาในอนิ เตอร์เน็ต ครู : หนงั สือเก่ียวกบั เวลาและเงามีจานวนไม่พอกบั นักเรียนแน่ นักเรียนจะทาอย่างไร ทบั ทิม : ให้แบ่งนกั เรยี นออกเปน็ กลุ่ม ให้ครูเขยี นบันทึกให้ วิธกี ารหาคาตอบและวธิ กี ารบันทึกผล
๑๒ ขั้นที่ ๔ สังเกตและบรรยาย (วันท่ี ๑๒ เดอื น มนี าคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ) ครใู ห้เด็กเด็กๆ ท่ีไปถามพ่อแม่ หรือมีเอกสารจากพ่อแม่มาเล่าให้เพื่อนฟงั หน้าชนั้ เรยี น เดก็ และครู ไปหาคาตอบโดยหาหนงั สือในห้องสมดุ และดอู ินเตอร์เน็ต โดยเด็กแบ่งกล่มุ เปน็ ๒ กลุ่ม กลุ่มท่ี ๑ ไปหา หนงั สอื เมื่อไดห้ นังสอื เรื่องดิน ให้นามาเพ่ือขอยืมหนังสือ กลมุ่ ที่ ๒ ไปดอู นิ เตอร์เน็ต โดยมีครชู ่วยอ่านให้ ฟงั เม่ือหมดเวลาให้สับเปล่ียนวิธกี ารหาคาตอบ เดก็ ๆ ไปหาคาตอบ ออกมานาเสนอลกั ษณะตาแหน่งเงา ของตัวเองและส่งิ รอบตวั ว่าเปลี่ยนตาแหน่งหรือไมเ่ มื่อเวลาเปล่ยี นไป เชา้ สาย บ่าย เยน็ พรอ้ มกับชารด์ ที่ วาดภาพและครูเขียนบันทึกในห้องสมดุ และปฏบิ ัตติ ามทต่ี กลงกันไว้ จากการทเ่ี ด็กๆ ไปถามพอ่ แม่ ไปหา ความรจู้ ากห้องสมุด และสืบคน้ ข้อมลู จากอนิ เตอรเ์ น็ต เด็กๆ ร่วมกันสรุปไดว้ ่า เงาจะมีขนาดเปลยี่ นไปเมื่อ เวลาเปลี่ยนไป ภาพเงาของเด็กๆ ข้ันท่ี ๕ บันทึกผล เดก็ แตล่ ะกลมุ่ บันทกึ ผลตามวิธีการทีอ่ อกแบบไว้ คือ วาดรูปเงาของตวั เองตาม เวลา เช้า สาย บ่าย เยน็ แลว้ ใหเ้ ดก็ นาเสนอผลงาน และนาผลงานไปตดิ โชวห์ นา้ ห้องเรียน เด็กสังเกตขนาดของเงาตัวเองในเวลาเชา้
๑๓ เดก็ สังเกตตาแหน่งเงาของตัวเองในเวลาสาย เด็กสงั เกตตาแหนง่ เงาของตัวเองในเวลาบา่ ย
๑๔ ผลจากการทเ่ี ดก็ ๆไปถามพ่อแม่ ตอนเช้า ตอนเท่ยี ง ตอนบ่าย ผลงานของนักเรียนที่ไดจ้ ากการสงั เกตเงาของตวั เอง
๑๕ ขัน้ ที่ ๖ สรปุ และอภปิ รายผล (วนั ท่ี ๑๒ เดอื น มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ) เดก็ และครูร่วมสนทนาถึงคาถามทีเ่ ดก็ อยากรู้ “แสงในตอน เช้า สาย บ่าย เยน็ ทาให้ขนาดของ เงาเปลย่ี นไปหรอื ไม่” ครใู ห้เดก็ ทบทวนโดยการใหเ้ ดก็ ออกมาเล่าว่า เดก็ ๆ หาคาตอบได้โดยวิธีการ อย่างไร และได้ผลการศึกษาอย่างไร โดยครูใชช้ ารท์ ประกอบการสนทนากับเด็กๆ ครู : จากการท่ีเดก็ ๆ หาคาตอบว่า “แสงในตอน เช้า สาย บ่าย เยน็ ทาใหข้ นาดของเงา เปลยี่ นไปหรอื ไม”่ สรุปวา่ เงาจะมีการเปลย่ี นขนาดไปตามทิศทางของตน้ กาเนิดแสง เป็นดงั น้ี เวลาเชา้ เดก็ หนั หนา้ ไปทางทศิ ตะวนั ออก ขนาดของเงาใหญท่ ีส่ ดุ เวลาสาย เดก็ หนั หน้าไปทางทศิ ตะวนั ออก เงามขี นาดปานกลาง เวลาบ่าย เดก็ หันหนา้ ไปทางทิศตะวันออก เงามขี นาดเล็กท่ีสดุ เวลาเยน็ เด็กหันหน้าไปทางทิศตะวันออก เงามขี นาดปานกลาง เดก็ ๆ คาดคะเนคาตอบได้ตรงกับผลของการทดลอง ดังนั้นครูจึงใหเ้ ด็กๆ สรุปรว่ มกนั ว่า แสงใน ตอน เชา้ สาย บา่ ย เย็น ทาใหข้ นาดของเงาเปล่ียนไป ผลการพัฒนาความสามารถของเดก็ ปฐมวัย ๑. ผลการพฒั นาความสามารถพืน้ ฐาน ๔ ด้าน ๑.๑ ด้านการเรยี นรู้ - เดก็ รจู้ กั การตัง้ คาถามในส่งิ ที่ตนสงสยั - เด็กได้ลงมือทาและทดลองดว้ ยตนเอง - เดก็ สามารถอธบิ ายถงึ วิธกี ารเรียนรู้ของตนเอง วา่ เรียนรู้อย่างไร และได้พบคาตอบท่ีอยากรู้ - เด็กได้เรียนร้เู รอ่ื งขนาดของเงา - เด็กสามารถสรปุ และนาเสนอผลสรปุ แกค่ นอื่น ๆ ได้ ๑.๒ ดา้ นภาษา - เด็กบอกรายละเอียดเก่ียวกบั การทดลอง โดยใช้คาพูดของตัวเอง - เดก็ พดู อธบิ ายถึงสิ่งท่ีพวกเขาสังเกตเหน็ จาการทดลอง - เดก็ ได้พดู นาเสนอข้อมลู ทไี่ ด้คน้ พบด้วยตนเอง ๑.๓ ด้านสังคม - เดก็ สามารถทางานรว่ มกบั ผู้อืน่ ได้
๑๖ - เดก็ สามารถแสดงความคิดเหน็ ของตนเอง และยอมรับฟังความคิดเหน็ ของคนอ่ืน - เดก็ เคารพกฎ กติกาของหอ้ งเรยี น ๑.๔ ด้านการเคลือ่ นไหวและทักษะการรบั รู้ของประสาทสัมผสั - เด็กสามารถเคลื่อนไหว หยิบ จบั และใชอ้ ปุ กรณก์ ารทดลองได้คล่องแคลว่ ๒. การสง่ เสรมิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ๒.๑ ทักษะการสงั เกต - การสังเกตตาแหน่งของเงาเมอื่ เวลาเปล่ียนไป ๒.๒ ทกั ษะการจาแนกประเภท - เปรยี บเทียบผลการทดลองของแต่ละกลุ่ม - เปรียบเทยี บสิ่งทีค่ าดคะเนกับผลทีท่ ดลอง ๒.๓ ทกั ษะการพยากรณห์ รือการคาดคะเนคาตอบ -เดก็ สามารถคาดคะเนคาตอบทต่ี นเองคิดวา่ เงาจะมีขนาดเปล่ยี นไปเมือ่ เวลาเปลีย่ นไป ๒.๔ ทกั ษะการหาความสมั พันธร์ ะหวา่ งสเปสกบั สเปส และสเปสกบั เวลา - เดก็ สามารถบอกไดว้ า่ เมอ่ื เวลาเปลย่ี นไป เชา้ สาย บ่าย เย็น ขนาดของเงาจะ เปลย่ี นไป ๒.๕ ทกั ษะการทดลอง - เด็กสามารถออกแบบ (รว่ มกนั กาหนดขัน้ ตอนการทดลอง) ได้ วา่ จะทดลองอย่างไร ทา อย่างไร ใชว้ สั ดอุ ุปกรณ์อะไรบา้ ง - เด็กสามารถปฏิบตั กิ ารทดลองตามข้ันตอนทกี่ าหนดได้ - เด็กสามารถบนั ทึกผลการทดลองได้ ๒.๖ ทักษะการจดั กระทา และส่อื ความหมายข้อมลู - เด็กสามารถสรปุ ผลสิ่งทีส่ งั เกตและทดลองไดโ้ ดยการวาดภาพ และนาเสนอขอ้ มลู หนา้ ช้นั เรยี นให้ผู้อน่ื เข้าใจได้ ๒.๗ ทักษะการลงความคิดเห็นจากข้อมลู - เดก็ สามารถแสดงความคิดเห็นหรือให้เหตุผลของตนเองเพม่ิ เตมิ ได้
๑๗ ภาคผนวก
๑๘
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: