Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 4 ระบบหายใจ (1)

4 ระบบหายใจ (1)

Published by ying26_starclub, 2023-07-14 09:11:57

Description: 4 ระบบหายใจ (1)

Search

Read the Text Version

โรงเรียนเทพศริ นิ ทร์ นนทบรุ ี แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 4 กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2566 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เรือ่ ง ระบบหายใจ (กลไกการหายใจเข้า-ออก) จำนวน 3 คาบเรียน รหสั วิชา ว22101 รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ 3 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 ผู้สอน นางสาวสชุ ัญญา คำหอม 1. สาระ / มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ช้ีวดั สาระท่ี 1 วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ มาตราฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมชี วี ิต หน่วยพืน้ ฐานของสิ่งมชี วี ิต การลำเลยี งสารเข้าและออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์ และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตวั ช้วี ัด ม.2/1 ระบอุ วยั วะและบรรยายหนา้ ท่ีของอวยั วะทเ่ี กี่ยวข้องในระบบหายใจ ม.2/2 อธิบายกลไกการหายใจเข้าและออก โดยใช้แบบจำลอง รวมทง้ั อธิบายกระบวนการ แลกเปล่ยี นแกส๊ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ดา้ นความรู้ (K) 2.1.1 นกั เรยี นอธิบายอวยั วะและบรรยายหน้าที่ของอวยั วะทีเ่ กี่ยวขอ้ งในระบบหายใจได้ 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ / สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน (P) 2.2.1 นักเรียนมีทกั ษะการลงความเหน็ จากขอ้ มลู จากการนำผลการสังเกต แบบจำลอง มาอธิบายกลไกการเคล่อื นที่ของอากาศเข้าและอากาศออก 2.3 ดา้ นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ / เจตคติ (A) 2.3.1 นกั เรยี นสามารถนำความรไู้ ปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการดแู ลสุขภาพในเร่อื งของการหายใจได้ 2.4 ดา้ นสมรรถนะหลัก (C)  สมรรถนะการสื่อสาร  สมรรถนะการจดั การตนเอง  สมรรถนะการคดิ ข้นั สูง  สมรรถนะการรวมพลังทำงานเปน็ ทีม  การอยู่ร่วมกับธรรมชาติ  สมรรถนะการเป็นพลเมืองทเ่ี ข้มแขง็ และวทิ ยาการอยา่ งยง่ั ยืน

3. สาระสำคัญ การหายใจ (respiration) เป็นการนำอากาศเข้าและนำออกจากร่างกาย ส่งผลให้แก๊สออกซิเจนทำ ปฏิกิริยากับสารอาหาร ได้พลังงาน น้ำ และแก๊สคาร์บอนไดออกไซต์ กระบวนการหายใจเกิดขึ้นกับทุกเซลล์ ตลอดเวลา โดยมีกลไกการทำงาน เร่ิมจากอากาศจากภายนอกจะเคลือ่ นทีเ่ ข้าสทู่ างรจู มูก ภายในจมูกจะมีความชมุ่ ชื้นและมีเส้นขนขนาดเล็ก ที่ช่วยดักจับฝุ่นละออง อากาศจะเคลื่อนทีเ่ ข้าสูท่ ่อลม (trachea) ที่มีลักษณะเป็นทอ่ กลวง และเขา้ สหู่ ลอดลม (bronchus) ซงึ่ จะแตกแขนงเปน็ หลอดลมฝอยขนาดเลก็ แทรกอยู่ในปอด (lung) ท้ัง 2 ข้าง ปลายสุดของหลอดลมฝอยจะมถี ุงลม (alveolus) ซึง่ มีผนังบาง และมจี ำนวนมากหลายล้านถุงนอกจากน้ยี ังมี อวัยวะที่เกี่ยวข้อง คือ กระดูกซี่โครง (rib) โอบล้อมปอดทั้ง 2 ข้างไว้ และกระบังลม (diaphragm) ซึ่งเป็นแผ่น กล้ามเน้ือขนาดใหญอ่ ยดู่ ้านลา่ ง กนั้ ระหวา่ งช่องอกกบั ช่องทอ้ ง ภาพแสดง อวัยวะท่เี กย่ี วขอ้ งกับระบบหายใจ ( อ้างอิงจาก: https://www.paolophahol.com/th-TH/Clinic/Details/โรคระบบทางเดนิ หายใจและตดิ เช้ือ ) การท่ีอากาศเขา้ และออกจากปอดได้น้นั ต้องอาศยั การทำงานรว่ มกนั ของโครงสร้าง 2 ชนิดคือ กลา้ มเน้ือ กะบงั ลม และกระดกู ซโ่ี ครง ซ่งึ มีกลไกการทำงานของระบบหายใจ ดังน้ี 1) การหายใจเข้า (Inspiration) กะบังลมจะเลื่อนต่ำลง กระดูกซี่โครงจะเลื่อนสูงขึ้น ทำให้ ปริมาตรของชอ่ งอกเพิม่ ขึ้น ความดันอากาศในบรเิ วณรอบ ๆ ปอดลดต่ำลงกวา่ อากาศภายนอก อากาศภายนอกจึง เคลื่อนเขา้ สูจ่ มกู หลอดลม และไปยงั ถุงลมปอด 2) การหายใจออก (Expiration) กะบังลมจะเลอ่ื นสงู กระดูกซ่โี ครงจะเล่ือนตำ่ ลง ทำให้ปริมาตร ของช่องอกลดน้อยลง ความดันอากาศในบริเวณรอบ ๆ ปอดสูงกว่าอากาศภายนอก อากาศภายในถุงลมปอดจงึ เคลื่อนท่ีจากถงุ ลมปอดไปสหู่ ลอดลมและออกทางจมูก ภาพแสดง การหายใจเข้าและหายใจออก ( อ้างองิ จาก: http://www.photha.com/wp/?p=5796 )

การที่แก๊สออกซิเจนและแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศที่หายใจเข้าและหายใจออกมีปริมาณ เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากร่างกายนำแก๊สออกซิเจนที่ได้ จากการหายใจเข้าไปใช้ ในกระบวนการสร้างพลังงาน ภายในเซลล์ ทำให้มีแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เกิดขึ้น การที่ร่างกายจะได้รับแก๊สออกซิเจนและกำจัดแก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์ ต้องอาศัยกระบวนการทเี่ รยี กว่า การแลกเปลี่ยนแก๊ส (gas exchange) เลือดจากหัวใจข้างล่างขวาซึ่งมีแก๊สออกซิเจนต่ำและแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์สูงจะถูกลำเลียงมาอย่าง หลอดเลือดฝอย ที่อยู่ล้อมรอบถุงลมในปอด ภายในถุงลมมีอากาศที่ได้จากการหายใจเข้า ซึ่งมีปริมาณแก๊ส ออกซิเจนสูงกวา่ แก๊สออกซิเจนในหลอดเลือดฝอย แก๊สออกซิเจนในถุงลมจึงแพร่ผ่านผนังของถุงลมเข้าไปจับกับ เฮโมโกลบินในเซลล์เม็ดเลือดแดง ที่อยู่ในหลอดเลือดฝอย ส่วนแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในหลอดเลือดฝอยใน ปริมาณสูงกว่าแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในถุงลม จึงแพร่จากหลอดเลือดฝอยเข้าสู่ถุงลม และลำเลียงออกจาก ร่างกายทางลมหายใจ ออกจากนั้นเลือดทีม่ ีปริมาณแกส๊ ออกซิเจนสูง และแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำจะลำเลียง กลบั สู่หัวใจหอ้ งบนซา้ ย ภาพแสดง การแลกเปล่ียนแก็สบรเิ วณถงุ ลมกับหลอดเลอื ดฝอย ( อ้างอิงจาก: https://www.slideshare.net/Jiradasomphao/ss-62969474 ) เลือดที่มาจากหัวใจห้องล่างซ้ายที่ไปยังเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย เป็นเลือดที่มีปริมาณแก๊สออกซิเจนสูง และแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ เมื่อเทียบกับภายในเซลล์ซึ่งมีปริมาณแก๊สอ อกซิเจนต่ำ และแก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์สูง ดังนั้นจึงเกดิ การแลกเปลีย่ นแก๊สบริเวณหลอดเลือดฝอยกับเซลล์ โดยแก๊สออกซิเจนจาก เฮโมโกลบินในเซลล์เม็ดเลือดแดงจะแพร่ผ่านผนังหลอดเลือดฝอยไปยังเซลล์ และในขณะเดียวกันแก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์จะแผ่ออกจากเซลล์ไปยังหลอดเลือดฝอย เลือดจากหลอดเลือดฝอยจะถูกลำเลียงกลับไปยงั หัวใจห้องบนขวาและหอ้ งลา่ งขวา เพอื่ นำไปแลกเปล่ียนแก๊สท่ปี อดต่อไป 4. การบูรณาการ ฟัง พดู อา่ น และเขยี นคำศัพท์ภาษาอังกฤษเกย่ี วกับระบบรา่ งกายมนษุ ย์ ภาษาตา่ งประเทศ การใชส้ ่ือการเรยี นการสอน โดยใช้ QR Code เทคโนโลยี

5. กิจกรรมการเรียนรู้ (Active Learning) ➢ ใช้รปู แบบการจัดการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) จำนวน 2 คาบเรียน -------------------------------------------------------------------------------------------------------- ข้ันที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement) (สมรรถนะการคดิ ขนั้ สูง) 1) ครกู ระตุ้นความสนใจของนักเรียน เพื่อนำเขา้ สู่เรื่อง ระบบหายใจ โดยให้นักเรยี นใช้ Application ช่ือ \"AR สสวท. วิทย์ มัธยมต้น\" แล้วนำใช้สแกน code สัญลักษณ์ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 1 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศกึ ษาธิการ หน้า 69 2) ให้นักเรียนอ่านชื่อกจิ กรรมที่ 3.4 การหายใจเข้าและการหายใจออกเกิดขึ้นได้อย่างไร (หนังสือเรียน รายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 เล่ม 1 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธกิ าร หน้า 70) จดุ ประสงค์ และวธิ ีดำเนินกจิ กรรม และ ตรวจสอบความเขา้ ใจจากการอา่ นโดยใชค้ ำถามดงั ต่อไปน้ี - กจิ กรรมน้ีเรียนเก่ียวกบั เร่อื งอะไร (เรื่องการหายใจเขา้ และการหายใจออกของมนษุ ย์) - กจิ กรรมนีม้ จี ดุ ประสงคอ์ ะไร (สังเกตและอธิบายกลไกการหายใจเข้าและการหายใจออกโดยใช้แบบจำลองการทำงานของปอด) - วิธดี ำเนนิ กจิ กรรมมขี ั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (สังเกตและเปรียบเทียบแบบจำลองการทางานของปอดกับอวยั วะทเ่ี กี่ยวกับการหายใจ และเปรยี บเทยี บ ระหวา่ งการทำงานของแบบจำลองปอดกับการหายใจเข้าและการหายใจออกของมนษุ ย์) - นกั เรยี นต้องสังเกตหรอื รวบรวมขอ้ มูลอะไรบา้ ง (สงั เกตการณ์เปลยี่ นแปลงที่เกดิ ข้นึ กับลูกโป่งทง้ั สองใบในกลอ่ งพลาสติกขณะดงึ และดันแผน่ ยาง) ขั้นที่ 2 ขัน้ สำรวจและคน้ หา (Exploration) 3) ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทำกจิ กรรมตามวิธีการดำเนินกิจกรรม ครูสังเกตการณ์ทำกิจกรรมของนักเรียน พร้อมใหค้ ำแนะนำและความช่วยเหลือเพ่ิมเติมหากนักเรียนมปี ัญหาหรือขอ้ สงสัย เช่น การดึงแผ่นยางขึ้นลง การ สังเกตการเปลีย่ นแปลงของลกู โป่ง ซึ่งครูควรรวบรวมปญั หาและข้อสงสัยต่าง ๆ จากการทำกิจกรรมของนักเรยี น เพอื่ ใช้เปน็ ข้อมลู ประกอบการอภิปรายหลังการทำกจิ กรรม 4) ให้นักเรียนตอบคำถามท้ายกิจกรรม จำนวน 4 ข้อ (เฉลยแนบท้ายแผนการจัดการเรียนรู้) จากนั้น นำเสนอในรปู แบบตา่ ง ๆ เช่น นำเสนอหน้าชน้ั เรยี น หรอื เขยี นอธบิ ายและติดแสดงไว้รอบห้อง เพอ่ื ใหเ้ พื่อนร่วมชน้ั ชมผลงาน และอภิปรายคำตอบรว่ มกนั เพอื่ ให้ไดข้ ้อสรุปจากกิจกรรมว่า แบบจำลองการทำงานของปอด เปน็ การ จำลองกลไกการทำงานของการหายใจเข้าและการหายใจออกของมนุษย์ โดยท่อตัว Y ซึ่งประกอบด้วยท่อตรง เปรียบได้กับท่อลม และท่อที่แยกออกมาทั้ง 2 ข้างจากท่อตรงเปรียบได้กับหลอดลม ลูกโป่งเปรียบได้กับปอด ช่องวา่ งภายในกลอ่ งพลาสตกิ ใสทรงกระบอกเปรยี บไดก้ ับชอ่ งอก แผ่นยางเปรยี บได้กับกะบงั ลม การดึงแผน่ ยางลง สง่ ผลใหอ้ ากาศจากภายนอกเคลอ่ื นเข้าสู่ลูกโปง่ เปรยี บได้กบั การหายใจเข้า สว่ นการดันแผ่นยางข้นึ สง่ ผลให้อากาศ เคล่ือนทอ่ี อกจากลูกโปง่ เปรียบไดก้ ับการหายใจออก

ขั้นที่ 3 ขัน้ อธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) (20 นาที) 5) ให้นักเรียนอ่านเนื้อหาเก่ียวกบั การหายใจเข้าและออกและสังเกตภาพ 3.14 ในหนังสือเรียนหน้า 71 และตอบคำถามระหว่างเรยี น (เฉลยแนบทา้ ยแผนการจดั การเรยี นรู้) เพ่อื ให้ไดข้ อ้ สรปุ ว่า การดงึ แผ่นยางลงหรือดันแผ่นยางขึน้ เปรยี บไดก้ ับการทำงานของกะบังลม ซ่งึ มีผลตอ่ ปริมาตรอากาศ และความดนั ภายในกล่องพลาสตกิ ทำให้อากาศเคล่ือนเข้าไปในลกู โป่ง หรอื เคล่อื นที่ออกจากลูกโปง่ ได้ กลา้ มเนอ้ื กะบังลมหดตัว ทำใหก้ ะบังลมลดตวั ตำ่ ลง ในขณะท่ีกระดกู ซโี่ ครงจะยกตวั ข้นึ ส่งผลให้ช่องอกมี ปริมาตรเพิ่มขึน้ และความดนั ภายในช่องอกลดลง อากาศจากภายนอกจึงเคลื่อนที่เข้าสู่ปอด เป็นการหายใจเข้า ในทางกลับกนั เม่อื กล้ามเนื้อกะบังลมคลายตวั ทำใหก้ ะบงั ลมยกตวั สูงข้นึ ในขณะท่ีกระดูกซ่ีโครงจะลดต่ำลง ส่งผล ใหช้ ่องอกมปี ริมาตรลดลง ความดันภายในชอ่ งอกเพ่ิมขนึ้ อากาศจงึ เคลือ่ นที่ออกจากปอด เป็นการหายใจออก ภาพแสดง การหายใจเขา้ และหายใจออก ( อ้างอิงจาก: http://www.photha.com/wp/?p=5796 ) ครูชี้ให้นักเรียนเห็นว่าถึงแม้ว่าแบบจำลองการทำงานของปอดในกิจกรรม จะสามารถอธิบายกลไกการ หายใจเข้าและออกของมนุษย์ได้ แตแ่ บบจำลองยงั มขี อ้ จำกดั บางประการ ซ่งึ ไมเ่ หมอื นกับการทำงานของอวยั วะใน ระบบหายใจในร่างกายมนุษย์ ครูควรให้นักเรียนเปรียบเทียบความเหมือน ความแตกต่าง และข้อจำกัดของ แบบจำลองกับอวัยวะในระบบหายใจ โดยการตอบคำถามระหว่างเรยี น ข้ันท่ี 4 ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration) 6) ถ้าพบว่านักเรียนมีแนวคิดคลาดเคล่ือนเกี่ยวกับโครงสร้าง หน้าที่ของอวัยวะในระบบหายใจและการ หายใจเขา้ และออก จากการตอบคำถามระหวา่ งเรียน ใหค้ รูแก้ไขแนวคิดคลาดเคลอ่ื นน้ันให้ถกู ตอ้ ง ตวั อยา่ งเช่น - แนวคิดคลาดเคลื่อน คือ ท่อลมเชื่อมต่อกับปอดและหัวใจ แนวคิดที่ถูกต้อง คือ ท่อลมเชื่อมต่อไปยงั หลอดลมซ่ึงเช่อื มต่อไปยงั ปอด ส่วนหัวใจทำงานรว่ มกับปอด โดยหัวใจสบู ฉดี เลอื ดมายังหลอดเลือดฝอยที่ปอดเพื่อ แลกเปลย่ี นแกส๊ แต่ไมม่ ีการเช่ือมตอ่ กันโดยตรงระหว่างท่อลมกบั ปอดและหวั ใจ - แนวคดิ คลาดเคล่อื น คือ อากาศเข้าไปในปอดเกิดมีการแลกเปล่ียนเฉพาะแกส๊ ออกซเิ จนเท่านนั้ แตไ่ มม่ ี การแลกเปลี่ยนแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ แนวคิดที่ถูกต้อง คือ อากาศที่หายใจเข้าและหายใจออกที่ปอด การ แลกเปลี่ยนมีทั้งแก๊สออกซิเจนและแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ แต่ปริมาณแก๊สออกซิเจนในลมหายใจเข้ามีมากกว่า ปริมาณแก๊สออกซิเจนในลมหายใจออก ในทางกลับกนั ปรมิ าณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในลมหายใจออกมมี ากกว่า แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ในลมหายใจเข้า นอกจากน้ีในอากาศทีห่ ายใจยังมีแก๊สอ่ืน ๆ เชน่ แกส๊ ไนโตรเจน

ข้ันที่ 5 ขน้ั ประเมิน (Evaluation) (10 นาที) (สมรรถนะการรวมพลังทำงานเป็นทีม) 7) ครูตั้งประเด็นคำถามเพ่ือกระตุ้นความสนใจว่า นักเรียนทราบหรือไม่ว่าการแลกเปล่ียนแก๊สออกซิเจน และแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ เกิดขึน้ ทีบ่ ริเวณใดบ้าง และเกดิ ข้ึนได้อย่างไร 8) ให้นักเรียนศึกษาภาพ 3.16 การแลกเปลี่ยนแก๊สที่เกิดขึ้นบริเวณถุงลมปอดกับหลอดเลือดฝอย และ ภาพ 3.17 การแลกเปล่ียนแก๊สบริเวณหลอดเลือดฝอยกบั เซลล์ หรอื อาจใหศ้ ึกษาจากวีดที ัศน์ และ อ่านเนื้อหาหน้า 72-74 แล้วตั้งคำถามว่าการแลกเปลี่ยนแก๊สเกิดขึ้นได้อย่างไรและบริเวณใดบ้าง จากนั้นตอบ คำถามในหนังสือเรียน เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า การแลกเปลี่ยนแก๊สออกซิเจนและแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เกิดขึ้น 2 บรเิ วณ คอื ระหวา่ งถุงลมในปอดกบั หลอดเลอื ดฝอย และระหวา่ งหลอดเลอื ดฝอยกบั เซลล์ โดยกระบวนการแพร่ 8.1 การแลกเปลี่ยนแก๊สระหวา่ งถุงลมในปอดกับหลอดเลือดฝอย แก๊สออกซิเจนในถุงลมปอดท่ี ได้จากการหายใจซงึ่ มปี ริมาณสูงกว่าเลือดในหลอดเลอื ดฝอยจะแพร่เข้าไปจับกับเฮโมโกลบินในเซลล์เม็ด เลือดแดง ส่วนแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดภายในหลอดเลือดฝอยซึ่งมีปริมาณสูงกว่าแก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์ในถุงลม จะแพร่จากเลือดเข้าไปยงั ถงุ ลมปอด ซึ่งจะลำเลียงออกจากร่างกายทางลม หายใจออก 8.2 การแลกเปล่ียนแก๊สระหว่างหลอดเลือดฝอยกับเซลล์เมือ่ หัวใจสูบฉีดเลือดที่มีแก๊สออกซิเจน สูงมายังเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย แก๊สออกซิเจนจากเฮโมโกลบินในเซลล์เม็ดเลือดแดงจะแพร่ผ่านผนัง หลอดเลือดฝอยไปยังเซลล์ ขณะเดียวกันแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีปริมาณสูงจากเซลล์จะแพร่ไปยัง เลือดในหลอดเลือดฝอยและลำเลียงกลับสู่หวั ใจ 9) ครูมอบหมายชิน้ งานใหน้ ักเรยี นเขียนแผนภาพสรปุ กระบวนการหายใจในร่างกาย ตามความเข้าใจของ นกั เรียน เพอื่ สรปุ ความเข้าใจเกี่ยวกบั อวัยวะและหน้าที่ของอวยั วะทเี่ กี่ยวขอ้ งในระบบหายใจ พรอ้ มทั้งยกตัวอย่าง สถานการณ์หรือโรคที่ส่งผลกระทบต่อระบบหายใจ เช่น ฝุ่นละออง PM2.5 คือ ฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ตวั ฝุน่ ท่ีมขี นาดเล็กมาก ๆ น้ี ทำให้สามารถเข้าไปถึงทางเดนิ หายใจ สว่ นทเี่ ลก็ ทส่ี ุดของปอดผ่านถึงระบบ หัวใจหลอดเลือดได้ จึงทำให้เกิดผลกระทบทางสุขภาพ ดังนี้ มีอาการระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ หายใจ ลำบาก ไอ โรคระบบทางเดินหายใจ เช่น ภูมิแพ้ 6. สือ่ การเรียนรู้ 6.1 คลิปวีดีทัศน์: แบบจำลองการทำงานของปอด 6.2 ใบกิจกรรม: ใบกิจกรรมหนังสอื เรยี นรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 เลม่ 1 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 6.3 อุปกรณ์การทำกิจกรรม: แบบจำลองการทำงานของปอด 6.4 สอื่ การเรยี นการสอน Power Point 7. แหล่งการเรียนรู้ 7.1 หนงั สอื เรียนรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 เลม่ 2 ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธกิ าร

8. ประเมนิ ผลการเรียนรู้ วธิ ีวดั ประเมิน เครอื่ งมือทใี่ ช้ เกณฑ์การตัดสิน การประเมิน - ตรวจการเขียน - แบบประเมนิ ชน้ิ งาน เขยี นแผนภาพ ด้านความรู้: (K) 1. อธบิ ายอวยั วะและบรรยายหน้าที่ แผนภาพสรุป แผนภาพสรุกระบวนการ ได้ไมน่ อ้ ยกวา่ 2 คะแนน ของอวัยวะที่เกี่ยวข้องในระบบหายใจ กระบวนการหายใจ หายใจในรา่ งกาย ระดับคณุ ภาพดี ถอื วา่ ในร่างกาย ผ่าน ดา้ นทกั ษะกระบวนการ / สมรรถนะ - ตรวจการตอบ - คำถามทา้ ยกิจกรรมที่ ตอบคำถามทา้ ยกิจกรรม สำคัญของผูเ้ รียน: (P) คำถามท้าย 3.4 การหายใจเขา้ และ ได้ไม่นอ้ ยกวา่ 2 คะแนน 2. ทกั ษะการลงความเห็นจากข้อมูล กิจกรรมการหายใจ การหายใจออกเกดิ ข้ึนได้ ระดบั คณุ ภาพดี ถือวา่ จากการนำผลการสงั เกต แบบจำลอง เข้าและการหายใจ อยา่ งไร จำนวน 4 ข้อ ผา่ น มาอธิบายกลไกการเคลอ่ื นที่ของ ออก โดยใช้ อากาศเข้าและอากาศออก แบบจำลอง (ดา้ นกระบวนการ: P) ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ / - ตรวจการตอบ - คำถาม/ ตัวอยา่ ง ตอบคำถามทา้ ยกิจกรรม เจตคติ (A) และการวิเคราะห์ สถานการณต์ ่าง ๆ ท่ี ได้ไมน่ ้อยกว่า 2 คะแนน 3. นกั เรยี นสามารถนำความรู้ไป สถานการณ์ใน เกิดข้นึ ในชวี ติ ประจำวัน ระดับคุณภาพดี ถือว่า ประยุกต์ใชใ้ นการดูแลสุขภาพในเร่อื ง ชวี ิตประจำวันที่ ที่เก่ยี วชอ้ งกับระบบ ผ่าน ของการหายใจได้ เกีย่ วชอ้ งกับระบบ หายใจ หายใจ ดา้ นสมรรถนะหลัก (C) -สงั เกตพฤติกรรม แบบประเมินสมรรถนะ มีพฤตกิ รรมตั้งแตร่ ะดบั - สมรรถนะการรวมพลังทำงานเป็นทมี ใน เริ่มตน้ ขึน้ ไป - สมรรถนะการคดิ ขนั้ สูง ชั้นเรยี น ผลผลิต/ ชิน้ งาน/ ภาระงาน - ตรวจการเขียน - แบบประเมินรายงาน การเขียนรายงานผลการ 1. รายงานผลการทดลอง กิจกรรมท่ี รายงานผลการ ผลการทดลอง / ทดลองของกิจกรรมที่ / 3.4 การหายใจเขา้ และการหายใจออก ทดลองของ แบบฝกึ หัดเอกสาร แบบฝึกหัด เกิดขนึ้ ได้อย่างไร กจิ กรรมท่ี / ประกอบการเรยี น ได้ไมน่ อ้ ยกว่า 2 คะแนน 2. แบบฝึกหดั / เอกสารประกอบการ แบบฝกึ หัดเอกสาร ระดับคณุ ภาพดี เรียน เรือ่ ง ระบบอวัยวะในรา่ งกาย ประกอบการเรยี น ของเรา

เกณฑ์การประเมนิ ผลงานนกั เรียน เกณฑ์การประเมิน (Rubrics Score) ประเดน็ การประเมนิ ค่าน้ำหนัก แนวทางการให้คะแนน คะแนน การใหค้ ะแนน 3 แผนภาพสรุปเนอ้ื หาการหมนุ เวยี นของเลือดในร่างกายไดต้ รงประเด็น การเขยี นแผนภาพ สัญลักษณล์ กู ศรทีช่ ดั เจน มีลำดับขนั้ ตอนในการเขียน อา่ นเขา้ ใจง่าย สรปุ กระบวนการ ช้ินงานสะอาดเรียบรอ้ ย เขยี นตวั หนงั สือชดั เจน หายใจในรา่ งกาย 2 แผนภาพสรุปเนือ้ หาการหมนุ เวยี นของเลือดในร่างกายไดต้ รงประเดน็ มสี ญั ลักษณ์ลกู ศร แตไ่ มม่ ลี ำดับขน้ั ตอนในการเขยี น เข้าใจยาก 1 แผนภาพสรปุ เนื้อหาการหมนุ เวียนของเลือดในร่างกายได้ไม่ตรงประเดน็ สญั ลักษณล์ ูกศรไม่ชดั เจน ไมม่ ลี ำดับขั้นตอนในการเขียน เขา้ ใจยาก การให้คะแนน 3 ตอบคำถามท้ายกิจกรรมที่ 3.4 การหายใจเข้าและการหายใจออกเกดิ ขึ้นได้ การตอบคำถามท้าย อย่างไร ถกู ต้องครบทกุ ข้อ จำนวน 4 ขอ้ กจิ กรรมการหายใจ 2 ตอบคำถามทา้ ยกิจกรรมที่ 3.4 การหายใจเข้าและการหายใจออกเกดิ ขน้ึ ได้ เข้าและการหายใจ อย่างไร ถูกต้องจำนวน 2-3 ข้อ ออก โดยใช้ 1 ตอบคำถามท้ายกิจกรรมที่ 3.4 การหายใจเข้าและการหายใจออกเกดิ ขึ้นได้ แบบจำลอง อยา่ งไร ถูกต้องจำนวน 0-1 ขอ้ การให้คะแนน วิเคราะหส์ ถานการณต์ ่าง ๆ อธิบาย และให้เหตุผลสนบั สนุนได้ดี ตรง การวิเคราะห์ 3 ประเด็นสถานการณ์ และนำความรู้ไปประยกุ ตใ์ ช้ในเรอื่ งทีเ่ กีย่ วข้องกับ สถานการณต์ ่าง ๆ ระบบหายใจในชีวติ ประจำวันได้ และนำความรู้ไป 2 วเิ คราะหส์ ถานการณ์ต่าง ๆ อธบิ ายและให้เหตุผลสนบั สนุนไดป้ านกลาง ยงั ประยุกตใ์ ช้ในเร่ืองท่ี ไมค่ อ่ ยตรงประเดน็ และบอกการนำความร้ไู ปใชใ้ นชีวิตประจำวันไม่ชัดเจน เกยี่ วข้องกบั ระบบ วิเคราะห์สถานการณต์ ่าง ๆ อธบิ าย และใหเ้ หตผุ ลสนับสนนุ ได้พอใช้ ไม่ หายใจใน 1 ตรงประเด็นสถานการณ์ และไม่นำความรไู้ ปประยกุ ตใ์ ชใ้ นเรอื่ งทีเ่ กี่ยวขอ้ ง ชีวิตประจำวันได้ กบั ระบบหายใจในชีวิตประจำวนั ได้ ระดบั คณุ ภาพ หมายถึง ดีมาก หมายถงึ ดี คะแนนรวมเฉลย่ี 3.00 หมายถงึ พอใช้ คะแนนรวมเฉลี่ย 2.00 - 2.99 คะแนนรวมเฉลีย่ 0.01 - 1.99

9. บันทกึ ผลหลงั การสอน 9.1 ผลลพั ธ์การเรยี นรู้ เรือ่ ง ระบบหายใจ 1 ผลการประเมินการเรยี นรู้ หอ้ ง จำนวน ดา้ นความรู้ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ ดา้ นคณุ ลักษณะ ดา้ น ผลผลิต/ นักเรียน (K) / สมรรถนะสำคัญของ อนั พงึ ประสงค์ / สมรรถนะ ชนิ้ งาน/ (คน) หลัก (C) ภาระงาน ผา่ น ไม่ ผูเ้ รยี น (P) เจตคติ (A) ผา่ น ไม่ ผา่ น ไม่ ผ่าน ไม่ผา่ น ผา่ น ไมผ่ ่าน ผ่าน ผา่ น ผา่ น รวมทั้งหมด.........(คน) รอ้ ยละ (%) 9.2 ปัญหา อปุ สรรค และการแก้ไข ................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................ 9.3 ข้อเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................ ลงช่ือ............................................ครูผู้สอน (นางสาวสุชญั ญา คำหอม) ………./………./……… 10. ความเห็นของผบู้ ริหารสถานศกึ ษา หรอื ฝา่ ยวิชาการ หรือผู้ที่ไดร้ บั มอบหมาย ………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………… ลงชอ่ื .................................................................. (นางขันทอง หิดาวรรณ) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ภาคผนวก

ส่อื การเรียนร้แู ผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 4 : ApplicationAR สสวท. วิทย์ มัธยมตน้ แหลง่ ท่มี า: ระบบ Android: https://play.google.com/store/apps/details… ระบบ IOS: https://apps.apple.com/…/ar-%E0%B8%AA%E0%B8%AA…/id1468234028 วดิ ิโอเพิ่มเตมิ การอธบิ ายกลไกการหายใจเขา้ และออก: https://www.youtube.com/watch?v=sHkrPRwxgUY https://www.youtube.com/watch?v=uCMyV1paxuY สือ่ การเรียนรู้แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 4: ใบกิจกรรมท่ี 3.4 การหายใจเขา้ และการหายใจออกเกิดขึน้ ไดอ้ ยา่ งไร จดุ ประสงค์ สังเกตและอธบิ ายกลไกการหายใจเขา้ และการหายใจออกโดยใชแ้ บบจำลองการทำงานของปอด วัสดอุ ปุ กรณ์ แบบจำลองการทำงานของปอด (ลูกโปง่ แกว้ นำ้ ท่อรูปตวั Y ยาง) วิธดี ำเนินกิจกรรม 1. สังเกตแบบจำลองการทำงานของปอด และบันทกึ ส่วนประกอบท้งั หมดของแบบจำลองโดย เปรียบเทยี บกบั อวัยวะของรา่ งกายในภาพ 3.13 2. ยกแบบจำลองขึ้นด้วยมือข้างนึง จากน้ันใช้มืออีกขา้ งหน่ึงดึงแผ่นยางของแบบจำลองลง และคา้ งไว้ สงั เกตการเปลีย่ นแปลงทเี่ กิดข้ึนของลูกโปง่ ท้ัง 2 ใบ บนั ทึกผล 3. ใชม้ อื ข้างเดิมดนั แผ่นยางของแบบจำลองข้นึ และค้างไว้ สังเกตการเปล่ยี นแปลงทเี่ กดิ ข้นึ ของลกู โป่ง ทำซ้ำ 2-3 ครง้ั บันทึกผล 4. รว่ มกนั อภิปราย เพอื่ เปรียบเทียบการทำงานของแบบจำลองกบั การหายใจ

ขอ้ เสนอแนะในการทำกจิ กรรม ครอู าจประดษิ ฐ์อปุ กรณ์แบบจำลองการทำงานของปอดข้ึนใช้เอง โดยนำขวดน้ำพลาสตกิ ใสขนาด 600 มลิ ลลิ ิตร ตดั กน้ ขวดออก จากนน้ั นำลกู โปง่ ทย่ี งั ไมไ่ ดเ้ ป่าลมใส่เข้าไปทางด้านปากขวด ส่วนปลายของลกู โป่งทป่ี าก ขวดให้พับออกมาด้านนอก จากนัน้ แล้วนำลกู โปง่ อกี 1 ใบ ตดั ปากลูกโปง่ ออก แล้วนำไปสวมไว้ทกี่ ้นขวดใบเดิมท่ี ตัดไวแ้ ลว้ ใช้เทปใสพนั ทบั กบั ขวดพลาสติกใหแ้ น่นอย่าใหม้ อี ากาศเข้า คำถามท้ายกจิ กรรม 1. แบบจำลองการทำงานของปอดมสี ่วนประกอบอะไรบ้าง และแตล่ ะส่วนประกอบเปรียบไดก้ ับ อวยั วะใดของระบบหายใจ 2. เม่อื ดึงแผน่ ยางของแบบจำลองลง เปรียบไดก้ บั การหายใจเขา้ หรือหายใจออก ทราบได้อยา่ งไร 3. เมื่อดันแผน่ ยางของแบบจำลองข้นึ เปรยี บได้กับการหายใจเข้าหรือหายใจออก ทราบได้อย่างไร 4. จากกจิ กรรม สรุปไดว้ า่ อย่างไร แนบท้ายแผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 4: การให้คะแนนดา้ นความรู้ (A) ตัวอย่าง การเขียนแผนภาพสรุปกระบวนการหายใจในรา่ งกาย (จากการทำกิจกรรม ขนั้ ประเมนิ ความรู้) อวยั วะในระบบหายใจประกอบด้วยจมกู ท่อลม ปอด ซง่ึ ภายในมหี ลอดลม หลอดลมฝอย และถุงลม

แนบทา้ ยแผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 4: การให้คะแนนด้านกระบวนการ (P) ตวั อยา่ ง การตอบคำถามท้ายการทำกิจกรรมท่ี 3.4 การหายใจเขา้ และการหายใจออกเกิดขน้ึ ไดอ้ ย่างไร เมื่อทำการทดลองจะสงั เกตเหน็ การเปลยี่ นแปลงของลูกโปง่ ในแบบจำลองการทำงานของปอด ดงั ต่อไปน้ี เมอื่ ดงึ แผน่ ยางลง เม่ือดันแผน่ ยางข้ึน เมอื่ ดึงแผ่นยางลง ลูกโป่งภายในกลอ่ งพลาสตกิ จะ พองตวั ข้ึน เนื่องจากปริมาตรของอากาศในกลอ่ งพลาสติก เพ่มิ ขนึ้ ทำให้ความดนั อากาศภายในกล่องลดลงต่ำกวา่ ดา้ น นอก สง่ ผลใหอ้ ากาศจากภายนอกเคลื่อนทีเ่ ข้าส่ลู กู โป่ง เมือ่ ดันแผน่ ยางขนึ้ ลกู โป่งภายในกลอ่ งพลาสติกจะแฟบลง เนอ่ื งจากปรมิ าตรของอากาศในกล่องพลาสตกิ ลดลง ทำให้ ความดนั อากาศภายในกล่องสงู ขนึ้ และสงู กวา่ ภายนอกกลอ่ ง ส่งผลให้อากาศภายในลกู โปง่ เคลือ่ นท่อี อกสภู่ ายนอก แนบทา้ ยแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 4: การให้คะแนนด้านกระบวนการ (P) เฉลยคำถามทา้ ยกิจกรรมท่ี 3.4 การหายใจเข้าและการหายใจออกเกดิ ขึ้นได้อยา่ งไร 1. แบบจำลองการทำงานของปอดมีสว่ นประกอบอะไรบ้าง และแต่ละสว่ นประกอบเปรยี บไดก้ ับอวัยวะใด ของระบบหายใจ แนวคำตอบ แบบจำลองการทำงานของปอด ประกอบด้วยท่อรูปตัว Y ซง่ึ ท่อตรงเปรียบได้กับท่อลมและ ท่อท่ีแยกออก 2 ขา้ งเปรยี บได้กบั หลอดลม ลูกโปง่ 2 ลกู เปรยี บได้กบั ปอดท้ัง 2 ข้าง ชอ่ งวา่ งภายในกล่องพลาสติก ใสทรงกระบอกเปรียบได้กับช่องอก และแผ่นยางเปรยี บได้กับกะบงั ลม 2. เมอื่ ดึงแผน่ ยางของแบบจำลองลง เปรียบได้กับการหายใจเข้าหรอื หายใจออก ทราบไดอ้ ย่างไร แนวคำตอบ ดงึ แผน่ ยางลง เปรียบได้กบั การหายใจเขา้ ทราบจากลูกโป่งภายในกลอ่ งพลาสติกพองออก 3. เมื่อดันแผ่นยางของแบบจำลองข้นึ เปรยี บได้กบั การหายใจเข้าหรือหายใจออก ทราบได้อย่างไร แนวคำตอบ ดันแผน่ ยางขนึ้ เปรียบได้กับการหายใจออก ทราบจากลกู โป่งในกล่องพลาสติกแฟบลง 4. จากกิจกรรม สรุปได้วา่ อยา่ งไร แนวคำตอบ แบบจำลองการทำงานของปอด เป็นการจำลองกลไกการทำงานของการหายใจเข้าและการ หายใจออกของมนุษย์ มีส่วนประกอบคือท่อรูปตัว Y ซึ่งท่อตรงเปรียบได้กับท่อลม และ ท่อที่แยกออก ทั้ง 2 ข้างเปรียบได้กับหลอดลม ลูกโป่งเปรียบได้กบั ปอด ช่องว่างภายในกล่องพลาสติกใสทรงกระบอกเปรียบได้ กบั ช่องอก แผน่ ยางเปรียบได้กบั กะบงั ลม การดงึ แผน่ ยางลง สง่ ผลใหอ้ ากาศจากภายนอกเคลื่อนเขา้ สูล่ ูกโป่งเปรียบไดก้ ับการหายใจเข้า ส่วนการดนั แผ่นยางข้นึ ส่งผลให้อากาศเคลือ่ นท่ีออกจากลกู โปง่ เปรยี บไดก้ บั การหายใจออก

เฉลยคำถามระหว่างเรียน จำนวน 3 ข้อ แบบจำลองการทำงานของปอดเหมือน หรือแตกต่างกับกลไกการหายใจทีเ่ กิดขนึ้ ในรา่ งกายมนุษยอ์ ย่างไร แนวคำตอบ แบบจำลองการทำงานของปอดเหมือนกบั กลไกการหายใจทเ่ี กิดข้นึ ในร่างกายมนษุ ย์ดงั นี้ 1) ลกู โปง่ ทง้ั สองใบแสดงถงึ ปอดทั้งสองขา้ งคล้ายปอดจรงิ ของมนุษย์ 2) ท่อรปู ตัว Y คลา้ ยกับทอ่ ลมและหลอดลมของมนษุ ย์ 3) การเปลยี่ นแปลงปรมิ าตรและความดนั ของแบบจาลองขณะดึงแผน่ ยางลงและดนั แผ่นยางขึ้น คลา้ ยกบั การเคลอื่ นท่ีขึ้นลงของกะบังลมของมนุษย์ ซง่ึ ทำให้เกดิ การเปลี่ยนแปลงปรมิ าตรและความดันในชอ่ งอกเหมือนกัน ข้อจำกัดของแบบจำลอง 1) กล่องพลาสติกใสแขง็ ไม่สามารถยืดหย่นุ ทาให้การเปลีย่ นแปลงปริมาตรของอากาศภายในกลอ่ ง พลาสตกิ ไมเ่ หมอื นกับการเปลยี่ นแปลงปริมาตรของอากาศภายในชอ่ งอกซ่ึงขึน้ อยู่กบั การยกตวั ข้นึ และลดตวั ลง ของกระดูกซ่โี ครง 2) กะบงั ลมจะเคล่ือนลงตำ่ จากระดับชอ่ งอก แตก่ ะบงั ลมของมนุษย์ไมไ่ ดต้ ่ำลงมาดา้ นล่างแบบแบบจำลอง 3) กะบงั ลมในตำแหน่งพกั ควรมลี กั ษณะโค้งเลก็ นอ้ ย ไมใ่ ช่แบนราบ 4) แบบจำลองไมไ่ ดแ้ สดงการเคลื่อนทข่ี องกระดกู ซ่โี ครง จากภาพ 3.15 แก๊สแตล่ ะชนิดในอากาศท่ีหายใจเข้าและหายใจออกมีปรมิ าณเทา่ กันหรอื แตกตา่ งกนั อยา่ งไร แนวคำตอบ แกส๊ แต่ละชนดิ ในอากาศท่ีหายใจเข้าและหายใจออกมีท้งั ทม่ี ปี ริมาณเท่ากนั และแตกต่างกัน แก๊สออกซิเจนในลมหายใจเข้ามีปรมิ าณมากกว่าในลมหายใจออก ส่วนแกส๊ คาร์บอนไดออกไซดแ์ ละไอน้ำในลม หายใจออกจะมปี รมิ าณมากกวา่ ลมหายใจเขา้ สำหรับแก๊สไนโตรเจนในลมหายใจเข้าและออกมปี รมิ าณเท่ากัน สาเหตุท่ีปรมิ าณของแก๊สแต่ละชนดิ แตกตา่ งกันเนอื่ งจากในการหายใจเขา้ ร่างกายได้รับแกส๊ ออกซิเจนจากอากาศ เข้าไปในปอดเพ่อื แลกเปลย่ี นแก๊ส แกส๊ ออกซิเจนจะนำไปใช้ในการสร้างพลังงานภายในเซลล์ ขณะเดยี วกนั จะเกิด แก๊สคาร์บอนไดออกไซดแ์ ละนำ้ ซึง่ รา่ งกายจำเป็นต้องกำจัดแกส๊ คาร์บอนไดออกไซดแ์ ละนำ้ ในรูปของไอนำ้ ออกมา กบั ลมหายใจออก สว่ นปรมิ าณแกส๊ ไนโตรเจนในลมหายใจเขา้ และลมหายใจออกไมเ่ ปลยี่ นแปลง เน่ืองจากร่างกาย ไม่ไดน้ ำแก๊สไนโตรเจนไปใช้ในการหายใจ เพราะเหตใุ ดแก๊สออกซิเจนและแกส๊ คาร์บอนไดออกไซดจ์ ึงแพรผ่ า่ นถุงลมและหลอดเลือดฝอยได้ แนวคำตอบ แก๊สออกซิเจนและแกส๊ คาร์บอนไดออกไซดแ์ พรผ่ า่ นถงุ ลมและหลอดเลอื ดฝอยได้ เน่ืองจาก แก๊สออกซิเจนและแก๊สคาร์บอนไดออกไซดภ์ ายในถุงลมมีความเขม้ ขน้ แตกต่างกนั ดงั นี้ แก๊สออกซเิ จนภายในถุง ลมซง่ึ มีความเข้มข้นสงู กว่าแก๊สออกซิเจนภายในหลอดเลอื ดฝอย แกส๊ ออกซเิ จนจากถงุ ลมจึงแพรไ่ ปยังหลอดเลอื ด ฝอย ในทำนองเดยี วกนั แก๊สคารบ์ อนไดออกไซดใ์ นเลอื ดภายในหลอดเลอื ดฝอยซึ่งมคี วามเขม้ ข้นสูงกวา่ ในถุงลม แก๊สคาร์บอนไดออกไซดจ์ ากหลอดเลอื ดฝอยจงึ แพร่ไปยังถงุ ลมเชน่ กนั

ภาพกจิ กรรมการสรา้ งแบบจำลองของนกั เรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2

โรงเรยี นเทพศริ ินทร์ นนทบรุ ี แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 5 กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เรอื่ ง ระบบหายใจ 2 จำนวน 3 คาบเรยี น รหสั วชิ า ว22101 รายวิชา วิทยาศาสตร์ 3 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 ผู้สอน นางสาวสุชัญญา คำหอม 1. สาระ / มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวช้ีวดั สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิง่ มีชวี ิต หน่วยพ้ืนฐานของสิ่งมีชวี ติ การลำเลียงสารเข้าและออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์ และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตวั ช้วี ัด 2/2 อธิบายกลไกการหายใจเขา้ และออก โดยใช้แบบจำลอง รวมทัง้ อธิบายกระบวนการแลกเปล่ยี นแกส๊ ม.2/3 ตระหนักถึงความสำคัญของระบบหายใจ โดยการบอกแนวทางในการดูแลรักษาอวัยวะในระบบ หายใจใหท้ ำงานเปน็ ปกติ 2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ดา้ นความรู้ (K) 2.1.1 นกั เรียนอธิบายปัจจัยท่ีมผี ลต่อความจุของปอดในร่างกายมนษุ ยไ์ ด้ 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ / สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน (P) 2.2.1 นักเรยี นมที ักษะการทดลอง และออกแบบผลการทดลอง ในการทดสอบความจอุ ากาศ ของปอด 2.3 ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ / เจตคติ (A) 2.3.1 นักเรียนตระหนักถึงความสำคัญของระบบหายใจ โดยการบอกแนวทางในการดูแลรักษา อวยั วะในระบบหายใจใหท้ ำงานเปน็ ปกติ 2.4 ด้านสมรรถนะหลัก (C)  สมรรถนะการจดั การตนเอง  สมรรถนะการสอื่ สาร  สมรรถนะการรวมพลังทำงานเปน็ ทีม  สมรรถนะการคดิ ขัน้ สงู  สมรรถนะการเปน็ พลเมืองทเี่ ขม้ แขง็  การอยู่ร่วมกบั ธรรมชาติ และวิทยาการอย่างยงั่ ยนื

3. สาระสำคัญ ปจั จยั ท่ีมผี ลต่อความจอุ ากาศของปอดในรา่ งกายของมนุษยม์ ีหลายปจั จัย เช่น เพศ อายุ ความสูงของ ร่างกาย โดยเฉล่ยี เพศชายจะมีความจอุ ากาศของปอดมากกว่าเพศหญิง คนหนมุ่ สาวจะมีความจอุ ากาศของปอด มากกวา่ คนสูงอายุ ผู้ท่อี อกกำลงั กายอยา่ งสมำ่ เสมอหรือนกั กฬี าจะมีความจอุ ากาศของปอดมากกวา่ คนท่วั ไป โรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ เชน่ ถงุ ลมโป่งพอง วณั โรค กเ็ ป็นปจั จยั ที่ทำให้ความจุอากาศของปอดลดลง ก. คนปกติ ข. มะเรง็ ปอด ภาพแสดง ภาพเอกซเรย์ปอดของคนปกติและคนท่เี ป็นโรคมะเรง็ ปอด สาเหตุของการเกดิ โรคถุงลมโปง่ พอง สว่ นใหญ่เกดิ จากการสบู บุหรี่ เน่ืองจากสารพิษในควันบุหรจ่ี ะไป ทำลายผนงั ของถุงลมในปอด เป็นผลให้ผนังถุงลมฉกี ขาดและรวมตวั กันเป็นถุงลมขนาดใหญข่ ้ึน ทำใหพ้ น้ื ทผี่ ิวใน การแลกเปลี่ยนแก๊สลดลงจนร่างกายได้รับแกส๊ ออกซเิ จนไมเ่ พยี งพอ สง่ ผลให้ต้องหายใจเร็วข้ึน เพอ่ื นำแก๊ส ออกซเิ จนเขา้ สู่รา่ งกายให้เพียงพอตอ่ ความตอ้ งการของรา่ งกาย จึงเกดิ อาการเหนื่อยหอบ วิธีปอ้ งกนั การเกดิ โรคที่เก่ยี วข้องกบั ระบบหายใจ ควรหลีกเลี่ยงการอยูใ่ กล้ชิดกับผ้ปู ว่ ยโรคทางเดิน หายใจ ปิดปากและจมูกเวลาไอหรือจาม ใช้หนา้ กาอนามยั เม่ือเป็นหวดั ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อืน่ และหลีกเล่ยี ง บริเวณที่มคี วนั บหุ ร่ี นอกจากนีร้ บั ประทานอาหารท่ีเป็นประโยชน์ พักผอ่ นให้เพยี งพอ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ 4. การบรู ณาการ ฟงั พดู อา่ น และเขยี นคำศัพทภ์ าษาอังกฤษเก่ยี วกบั ระบบรา่ งกายมนุษย์ ภาษาตา่ งประเทศ การใช้สอื่ การเรียนการสอน โดยใช้ QR Code เทคโนโลยี 5. กิจกรรมการเรยี นรู้ (Active Learning) ใช้รปู แบบการจดั การเรยี นการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (3 คาบเรียน) -------------------------------------------------------------------------------------------------------- ข้นั ที่ 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engagement) 1) ครูกระตุน้ ความสนใจของนักเรียน เพอ่ื นำเขา้ สู่การทดลอง ความจุอากาศของปอด โดยให้นักเรียนใช้ โทรศพั ทม์ ือถือ Scan สญั ลกั ษณ์ QR Code ในหนงั สือเรยี นรายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 เล่ม 1 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. หน้า 73 หรอื http://ipst.me/8939 เพอ่ื ทบทวนการแลกเปล่ียนแก็สบริเวณถุงลมกับหลอดเลือดฝอย เพ่ือแสดงให้เห็นถึง ความสำคญั ของปอดทีเ่ ปน็ อวัยวะท่ีสำคัญในการแลกเปล่ยี นแกส็ ทำให้ร่างกายได้รับแก็สออกซิเจนและกำจัดแก็ส คาร์บอนไดออกไซด์ มนุษย์จึงจำเป็นต้องได้รับอากาศในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ซึ่งความ แตกต่างของรา่ งกายจะมผี ลตอ่ การทำงานของปอดและความสามารถในการจอุ ากาศของปอด

2) ให้นกั เรียนอ่านช่ือกิจกรรมที่ 3.5 ปอดจอุ ากาศได้เท่าใด (หนงั สือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 1 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 75) จุดประสงค์ และวิธีดำเนนิ กิจกรรม และตรวจสอบความเขา้ ใจจาก การอ่านโดยใชค้ ำถามดงั ตอ่ ไปนี้ - กจิ กรรมนเี้ กี่ยวข้องกับเร่อื งอะไร (การวดั ความจุอากาศของปอด) - กจิ กรรมนี้มจี ุดประสงคอ์ ะไร (ทดลองและอธบิ ายความจอุ ากาศของปอด) - วิธดี ำเนนิ กิจกรรมมีข้นั ตอนโดยสรุปอย่างไร (ทดสอบความจอุ ากาศของปอดจากชุดอุปกรณว์ ัดความจุ ของปอดโดยใหค้ นทดสอบหายใจเขา้ ใหเ้ ตม็ ท่ีแล้วเปา่ ลมเข้าไปในถงุ พลาสติกใหม้ ากท่ีสุด เพ่ืออ่านคา่ ความจุอากาศ ของปอด) ครูควรบันทึกขนั้ ตอนการทำกิจกรรมโดยสรปุ บนกระดาน - ข้อควรระวงั ในการทำกิจกรรมมอี ะไรบ้าง (โรคตดิ ต่อทางนำ้ ลาย ควรปอ้ งกันโดยไม่ใช้ทอ่ เป่าซำ้ เพอ่ื น) - นักเรียนตอ้ งสงั เกตหรือรวบรวมขอ้ มลู อะไรบา้ ง (รวบรวมขอ้ มลู คา่ ความจุอากาศของปอดของนักเรียน) ขน้ั ท่ี 2 ข้ันสำรวจและค้นหา (Exploration) 3) ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทำกิจกรรมตามวิธีการดำเนินกิจกรรม ครูสังเกตการทำกิจกรรมของนักเรียน พรอ้ มใหค้ ำแนะนำและความช่วยเหลือเพ่มิ เติมหากนักเรียนมีปัญหาหรอื ข้อสงสัย (ให้ดูเป็นคลิป และปรับเปล่ียน วิธีการตามสถารณโ์ รคโควิคในปัจจุบนั โดยการใหน้ กั เรียนแต่ละคนเปา่ ลูกโปง่ เพอื่ วดั ขนาดความจุปอดของแต่ละ คนแทน) ซึ่งครูควรรวบรวมปัญหาและข้อสงสัยต่าง ๆ จากการทำกิจกรรมของนักเรียนเพื่อใช้เป็นข้อมูล ประกอบการอภิปรายหลงั การทำกิจกรรม 4) ครูควรเน้นเร่ืองความปลอดภัยในการใช้ชุดอุปกรณ์ หากต้องให้นักเรยี นใช้ชุดอปุ กรณ์เดียวกัน ควรมี การเปล่ยี นท่อเปา่ เพ่ือปอ้ งกนั โรคติดตอ่ ทางนำ้ ลาย 5) ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกแบบการนำเสนอผลการทำกิจกรรม ตอบคำถามทา้ ยกิจกรรม และร่วมกนั สรุปผลของกิจกรรม โดยใช้คำถามท้ายกิจกรรมเป็นแนวทาง เพื่อให้ได้ข้อสรุปจากกิจกรรมว่า การวัดความจุ อากาศของปอดอย่างงา่ ย วัดได้จากชุดอุปกรณ์วัดความจุอากาศของปอด โดยวัดปริมาตรของอากาศ เมื่อหายใจ เข้าเต็มที่แล้วผอ่ นลมหายใจออกมาให้มากท่ีสุด ซง่ึ ความจุอากาศของปอดแต่ละบคุ คลอาจจะแตกต่างกันได้ข้ึนอยู่ กบั หลายปจั จัย เชน่ เพศ ขนาดของร่างกาย การออกกำลงั กายเป็นประจำ ขัน้ ที่ 3 ขั้นอธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (สมรรถนะการคดิ ขนั้ สงู ) 6) ใหน้ กั เรียนศึกษากราฟในภาพ 3.18 และ 3.19 ในหนงั สอื เรียนหนา้ 78 และตอบคำถามระหว่างเรียน จำนวน 1 ข้อ (เฉลยแนบท้ายแผนการจัดการเรยี นรู้) จากนั้นอา่ นเน้ือหาเกีย่ วกบั ปัจจยั ที่มีผลต่อความจอุ ากาศของ ปอด รวมถึงสาเหตุของโรคที่เก่ียวข้องกับทางเดินหายใจในหนังสือเรียนหน้า 79 เพื่อให้ได้ข้อสรุปวา่ ค่าความจุ อากาศของปอดแต่ละบุคคลอาจจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น เพศ อายุ ความสูงของร่างกาย อาชพี นอกจากนบ้ี คุ คลท่ีมีภาวะผิดปกติ หรอื เป็นโรคเก่ียวกับทางเดินหายใจ เช่น โรคถงุ ลมโปง่ พอง โรคมะเร็งใน ปอด วัณโรค ปอดติดเชื้อ อาจจะส่งผลให้ความจุของปอดลดลง ซึ่งส่งผลให้ความสามารถในการแลกเปลีย่ นแกส๊ ของปอดลดลงดว้ ย

7) ครูควรเน้นถึงประโยชน์ของการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะทำให้ความจุอากาศของปอด เพมิ่ ขึ้นเปน็ การเพิม่ ประสิทธิภาพในการแลกเปลี่ยนแก๊ส และสาเหตุของโรคถงุ ลมโป่งพอง ซึง่ ส่วนใหญ่มักจะเกิด จากสารพิษในควันบหุ รี่ซ่งึ จะไปทำลายผนงั ของถงุ ลม ทำใหพ้ น้ื ทผ่ี ิวในการแลกเปล่ียนแก๊สของถุงลมลดลง ซ่ึงอาจ นำภาพของผูท้ ป่ี ่วยเปน็ โรคถุงลมโปง่ พองมาให้นักเรยี นดู เพอ่ื ให้นกั เรียนตระหนักถึงพิษภัยของบุหรแ่ี ละไม่สูบบุหรี่ หรือถ้ามนี ักเรียนบางคนตดิ บหุ รีค่ วรเลกิ สูบ นอกจากนีค้ รูควรแนะนาให้หลีกเลี่ยงสถานทีท่ ีม่ ีควันบุหรี่ ฝุ่นละออง อันเปน็ สาเหตุให้เกดิ โรคถงุ ลมโปง่ พอง 8) ให้นักเรียนศึกษาข้อมูลจากกราฟในภาพ 3.21 กราฟอตั ราการตายของประชากรไทยดว้ ยโรคมะเรง็ ทอ่ ลม หลอดลมและปอด เพ่ือให้นกั เรยี นเห็นว่าอตั ราการตายด้วยโรคมะเรง็ ของอวัยวะเหลา่ นม้ี ีจำนวนเพ่ิมมากขึ้นใน แตล่ ะปี และเชื่อมโยงเข้าสู่ กจิ กรรมที่ 3.6 ทำอยา่ งไรจึงจะรกั ษาระบบหายใจให้ทำงานเป็นปกติ โดยใช้คำถามว่า นอกจากโรคมะเร็งของอวัยวะในทางเดนิ หายใจแลว้ ยังมีโรคอื่น ๆ ที่เก่ยี วกับระบบหายใจอีก นกั เรียนทราบหรือไม่ วา่ มโี รคอะไรบ้าง และโรคเหล่านม้ี สี าเหตมุ าจากอะไร นกั เรยี นจะดูแลรกั ษาอวยั วะในระบบหายใจไดอ้ ย่างไร ขนั้ ท่ี 4 ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) (50 นาที) 9) ให้นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรมท่ี 3.6 ทำอย่างไรจึงจะรกั ษาระบบหายใจให้ทำงานเปน็ ปกติ (หนังสือเรียน รายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 2 เลม่ 1 ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศกึ ษาธิการ หนา้ 80) จุดประสงค์ และวธิ ดี ำเนินกจิ กรรม และ ตรวจสอบความเข้าใจจากการอ่านโดยใชค้ ำถามดังตอ่ ไปน้ี - กจิ กรรมนีเ้ ก่ียวข้องกบั เรือ่ งอะไร (เรื่องโรคและสาเหตขุ องโรคท่ีเกยี่ วข้องกบั ระบบหายใจ การดูแลรกั ษา อวยั วะในระบบหายใจใหท้ ำงานได้อย่างปกติ) - กิจกรรมน้มี ีจุดประสงค์อะไร (รวบรวมข้อมูลและนำเสนอวธิ กี ารดูแลอวยั วะในระบบหายใจ) - วิธดี ำเนนิ กจิ กรรมมขี น้ั ตอนโดยสรุปอยา่ งไร (สบื ค้นขอ้ มูลและอภิปรายเกี่ยวกบั โรคในระบบหายใจ วิเคราะห์สาเหตขุ องโรค และนำเสนอวธิ ีการดแู ลรักษาอวัยวะของระบบหายใจใหท้ างานเป็นปกติ) - นกั เรยี นตอ้ งสังเกตหรือรวบรวมข้อมลู อะไรบ้าง (รวบรวมขอ้ มลู เก่ียวกบั โรคในระบบหายใจ) 10) ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทำกิจกรรมตามวิธีการดำเนินกิจกรรม ครูสังเกตการทำกิจกรรมของนักเรียน พรอ้ มให้คำแนะนำและความช่วยเหลือเพม่ิ เตมิ หากนักเรยี นมีปัญหาหรอื ขอ้ สงสยั เชน่ เวบ็ ไซต์ทีเ่ กยี่ วขอ้ ง เว็บไซต์ ทน่ี ่าเช่อื ถือ ขอบเขตของเนื้อหาทส่ี ืบค้น หนังสือหรอื ตาราทเ่ี กย่ี วข้อง ซ่งึ ครูควรรวบรวมปัญหาและขอ้ สงสัยต่าง ๆ จากการทำกจิ กรรมของนักเรยี นเพอ่ื ใชเ้ ป็นข้อมลู ประกอบการอภิปรายหลังการทำกิจกรรม

ข้ันท่ี 5 ขั้นประเมนิ (Evaluation) (สมรรถนะการรวมพลังทำงานเปน็ ทีม) 11) นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการทำกิจกรรม ตอบคำถามท้ายกิจกรรม และร่วมกันสรุปผลของ กิจกรรมโดยใช้คำถามท้ายกิจกรรมเปน็ แนวทาง เพื่อใหไ้ ด้ข้อสรปุ จากกจิ กรรมว่า โรคทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกับระบบหายใจ มีหลายโรค เช่น โรคมะเร็งปอด โรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง โรคหลอดลมอกั เสบ โรควณั โรค โรคบางโรคเกิด จากมลพิษทางอากาศ เช่น ฝุ่นละออง ควันบุหรี่ ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ บางโรคเกดิ จาก เชื้อโรคต่าง ๆ การ ปอ้ งกนั โรคเหลา่ นีท้ ำไดโ้ ดยการหลีกเล่ยี งบรเิ วณที่มีมลพิษทางอากาศ ถา้ หลีกเลย่ี งไมไ่ ด้ ควรสวมหนา้ กากอนามัย ในบริเวณที่มีฝุ่นหรือควัน หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่เป็นโรคติดต่อ ดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และการออกกาลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้รา่ งกายมี ภมู ิคมุ้ กันต่อโรคทจ่ี ะเกิดข้นึ ได้ 11) ครูเชื่อมโยงไปสู่การเรยี นรู้ในเร่ืองตอ่ ไปว่า ระบบหมุนเวียนเลือดและระบบหายใจนั้นทำงานร่วมกนั เพื่อนำแก๊สออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย และกำจัดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ออกนอกร่างกาย นอกจากการกำจัดแก๊ส คาร์บอนไดออกไซดแ์ ลว้ รา่ งกายยังจำเปน็ ต้องกำจัดของเสยี และสารสว่ นเกินออกนอกร่างกายดว้ ย นักเรียนทราบ หรือไม่วา่ รา่ งกายของเรามีระบบใดทที่ ำหน้าท่ดี งั กลา่ ว 6. สอื่ การเรยี นรู้ http://ipst.me/8939 6.1 QR Code: ใบกิจกรรม 3.5 ปอดจอุ ากาศไดเ้ ทา่ ใด หนงั สอื เรียนรายวชิ าพื้นฐาน 6.2 ใบกิจกรรม: วทิ ยาศาสตร์ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 เล่ม 1 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศกึ ษาธิการ หน้า 75-77 6.3 ใบกจิ กรรม: ใบกิจกรรม 3.6 ทำอย่างไรจึงจะรกั ษาระบบหายใจใหท้ ำงานเปน็ ปกติ หนังสือ เรียนรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 เล่ม 1 ตามหลักสตู ร แกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธกิ าร หน้า 80-81 6.4 อปุ กรณก์ ารทำกจิ กรรม: ชดุ อปุ กรณ์วัดความจอุ ากาศของปอด, เทปใส, กรรไกร 6.5 ส่ือการเรยี นการสอน Power Point 7. แหลง่ การเรียนรู้ 7.1 หนังสือเรียนรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 2 เล่ม 2 ตามหลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

8. ประเมนิ ผลการเรียนรู้ การประเมิน วิธวี ัดประเมนิ เครอ่ื งมอื ที่ใช้ เกณฑก์ ารตัดสิน ดา้ นความร:ู้ K - ตรวจการตอบคำถาม - คำถามท้ายกิจกรรมท่ี 3.5 ตอบคำถาม 1. อธิบายปจั จัยท่มี ีผลตอ่ ความ ท้ายกิจกรรมท่ี 3.5 ปอดจุ ปอดจุอากาศไดเ้ ท่าใด ไดไ้ ม่น้อยกว่า 2 คะแนน จขุ องปอดในรา่ งกายมนุษยไ์ ด้ อากาศไดเ้ ท่าใด จำนวน 3 ข้อ ระดบั คณุ ภาพดี ถอื ว่าผา่ น (ข้อละ 1 คะแนน) การประเมินด้านความรู้: K ดา้ นทกั ษะกระบวนการ / - ตรวจการออกแบบ - แบบประเมินการออกแบบ ออกแบบ ตารางบนั ทึกผลการ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน: ตารางบนั ทกึ ผลการ และกิจกรรมการทดลอง ทดลอง การบันทึกผล (P) ทดลอง การบันทึกผล ไดไ้ มน่ อ้ ยกว่า 2 คะแนน 2. ทกั ษะการทดลอง และ กิจกรรมที่ 3.5 ปอดจุ ระดับคณุ ภาพดี ถอื ว่าผา่ น ออกแบบผลการทดลอง ในการ อากาศได้เท่าใด การประเมินดา้ นทกั ษะ ทดสอบความจอุ ากาศของปอด กระบวนการ / สมรรถนะ สำคญั ของผู้เรยี น: (P) ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ - ตรวจการตอบคำถาม - คำถามท้ายกิจกรรมที่ 3.5 ตอบคำถาม / เจตคติ (A) ทา้ ยกจิ กรรมที่ 3.6 ปอดจอุ ากาศได้เท่าใด ได้ไม่น้อยกวา่ 2 คะแนน 3. ตระหนักถงึ ความสำคัญของ ทำอย่างไรจึงจะรกั ษา จำนวน 3 ขอ้ ระดับคณุ ภาพดี ถอื ว่าผา่ น ระบบหายใจ โดยบอกแนวทาง ระบบหายใจให้ทำงาน (ข้อละ 1 คะแนน) การประเมินด้านคุณลักษณะ ในการดูแลรักษาอวัยวะใน เป็นปกติ อันพงึ ประสงค์ / เจตคติ (A) ระบบหายใจให้ทำงานเป็นปกติ ด้านสมรรถนะหลกั (C) -สังเกตพฤติกรรม แบบประเมนิ สมรรถนะ มีพฤตกิ รรมตั้งแตร่ ะดับ - สมรรถนะการรวมพลังทำงาน ในชนั้ เรียน เร่มิ ตน้ ขนึ้ ไป เปน็ ทีม - สมรรถนะการคิดขน้ั สงู ผลผลติ / ชน้ิ งาน/ ภาระงาน - ตรวจการเขียนรายงาน - แบบประเมินรายงานผล การเขยี นรายงานผลการ ทดลองของกจิ กรรมที่ / 1. รายงานผลการทดลอง ผลการทดลองของ การทดลอง / แบบฝกึ หดั แบบฝึกหดั ได้ไมน่ อ้ ยกวา่ 2 คะแนน กิจกรรมท่ี 3.5 ปอดจอุ ากาศ กจิ กรรมที่ / แบบฝกึ หัด เอกสารประกอบการเรียน ระดับคุณภาพดี ถือว่าผา่ น การประเมนิ ดา้ นความรู้ เท่าใด , กิจกรรมท่ี 3.6 ทำ เอกสารประกอบการเรียน อยา่ งไรจึงจะรกั ษาระบบหายใจ ให้ทำงานเป็นปกติ 2. แบบฝกึ หดั / เอกสาร ประกอบการเรยี น เรื่อง ระบบ อวยั วะในรา่ งกายของเรา

เกณฑก์ ารประเมินผลงานนักเรยี น เกณฑก์ ารประเมนิ (Rubrics Score) ประเด็นการประเมนิ คา่ น้ำหนัก แนวทางการใหค้ ะแนน การใหค้ ะแนนตอบ คะแนน คำตอบทา้ ยกจิ กรรมท่ี ตอบคำถามทา้ ยกิจกรรมถกู ต้องทกุ ข้อ จำนวน 3 ขอ้ 3.5 ปอดจอุ ากาศไดเ้ ท่าใด 3 ตอบคำถามท้ายกิจกรรมถูกต้อง จำนวน 2 ข้อ การให้คะแนน 2 ตอบคำถามทา้ ยกิจกรรมถกู ต้อง จำนวน 0-1 ขอ้ การออกแบบตารางบนั ทกึ 1 ออกแบบตารางบนั ทึกผลการทดลองได้ดี มีการนำเสนอขอ้ มลู เข้าใจ ผลการทดลอง 3 งา่ ย มลี ำดบั ขั้นตอน ระบชุ ่อื ตารางบันทกึ ผลการทดลอง หัวเรือ่ ง การบันทึกผล ตารางบนั ทกึ ผลและบันทึกผลการทดลองไดถ้ กู ตอ้ ง ตอบคำถามท้าย 2 กิจกรรมครบถว้ น การให้คะแนนตอบ ออกแบบตารางบันทึกผลการทดลองได้ มีการนำเสนอข้อมลู เขา้ ใจ คำตอบท้ายกจิ กรรมที่ 1 ง่าย มีลำดบั ขั้นตอน ระบุชื่อตารางบนั ทึกผลการทดลอง หวั เรือ่ ง 3.6 ทำอยา่ งไรจึงจะรกั ษา ตารางบนั ทึกผลแต่บนั ทึกผลการทดลองและตอบคำถามท้าย ระบบหายใจให้ทำงาน 3 กจิ กรรมไมถ่ กู ตอ้ ง เป็นปกติ 2 ออกแบบตารางบันทกึ ผลการทดลองได้ แตก่ ารนำเสนอขอ้ มูลเข้าใจ 1 ยากไม่มลี ำดับขั้นตอน ไม่ระบุช่ือตารางบันทึกผลการทดลอง ไมม่ หี วั เร่อื งตารางบันทกึ ผล และบนั ทึกผลการทดลองและตอบคำถามท้าย กจิ กรรมไม่ถกู ต้อง ตอบคำถามทา้ ยกิจกรรมถูกต้องทกุ ข้อ จำนวน 3 ข้อ ตอบคำถามทา้ ยกิจกรรมถกู ตอ้ ง จำนวน 2 ขอ้ ตอบคำถามทา้ ยกิจกรรมถกู ตอ้ ง จำนวน 0-1 ข้อ 8.2 ระดบั คณุ ภาพ (โดยนาคะแนนรวมทุกดา้ น K P A แลว้ หาค่าเฉล่ีย) คะแนนรวมเฉลี่ย 3.00 หมายถงึ ดมี าก คะแนนรวมเฉลย่ี 2.00 - 2.99 หมายถงึ ดี คะแนนรวมเฉลีย่ 0.01 - 1.99 หมายถึง พอใช้

9. บันทกึ ผลหลงั การสอน 9.1 ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ เรอื่ ง ระบบหายใจ 2 ผลการประเมนิ การเรียนรู้ หอ้ ง จำนวน ด้านความรู้ ด้านทักษะกระบวนการ ดา้ นคุณลกั ษณะ ดา้ น ผลผลติ / นกั เรียน (K) / สมรรถนะสำคัญของ อันพึงประสงค์ / สมรรถนะ ชน้ิ งาน/ (คน) หลกั (C) ภาระงาน ผา่ น ไม่ ผู้เรียน (P) เจตคติ (A) ผา่ น ไม่ ผา่ น ไม่ ผ่าน ไมผ่ า่ น ผา่ น ไม่ผ่าน ผ่าน ผ่าน ผา่ น รวมทัง้ หมด.........(คน) ร้อยละ (%) 9.2 ปญั หา อปุ สรรค และการแกไ้ ข ................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................ 9.3 ขอ้ เสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................ ลงชอื่ ............................................ครูผู้สอน (นางสาวสุชญั ญา คำหอม) ………./………./……… 10. ความเหน็ ของผบู้ รหิ ารสถานศึกษา หรอื ฝ่ายวิชาการ หรือผ้ทู ่ีได้รบั มอบหมาย ………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………………….. ลงชือ่ .................................................................. (นางขนั ทอง หดิ าวรรณ) หัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ภาคผนวก

ส่ือการเรียนร้แู ผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 5 : ใบกิจกรรมท่ี 3.5 ปอดจุอากาศไดเ้ ท่าใด จุดประสงค์ ทดลองและอธิบายความจอุ ากาศของปอด วธิ ีดำเนนิ กิจกรรม ให้ดเู ปน็ คลปิ และปรบั เปล่ยี นวิธกี ารตามสถารณโ์ รคโควคิ ในปจั จุบัน โดยการให้ นกั เรยี นแตล่ ะคนเป่าลกู โปง่ เพ่อื วดั ขนาดความจปุ อดของแต่ละคนแทน ข้อเสนอแนะในการทำกจิ กรรม ครูควรให้นกั เรียนทีเ่ ป็นคนทดสอบวดั ความจอุ ากาศของปอดบันทกึ รายละเอยี ดต่าง ๆ เช่นกจิ กรรมท่ีทำ ประจำ การออกกำลงั กาย เพอื่ เป็นขอ้ มูลสำหรับเปรียบเทยี บกับนกั เรยี นคนอน่ื หากไม่สามารถหาชดุ วัดความจอุ ากาศของปอดได้ ครูอาจประดิษฐ์ชดุ วัดความจอุ ากาศของปอดโดยใช้ ขวดนำ้ พลาสติกขนาด 5 ลิตรและสายยาง เติมนำ้ ลงในขวดทลี ะ 100 มิลลิลติ ร แล้วทำเคร่อื งหมายบนขวดจนครบ 5 ลติ ร เวลาทำกจิ กรรมให้เตมิ น้าเต็มขวด แล้วให้นกั เรยี นเปา่ ลมผ่านสายยางเข้าไปในขวดพลาสตกิ บรรจุนา้ จากน้ันวดั อากาศที่เข้าไปแทนที่น้ำเพ่อื หาความจุอากาศของปอด คำถามท้ายกจิ กรรม 1. ความจอุ ากาศของปอดในแตล่ ะคนมคี า่ แตกต่างกนั หรอื ไม่ อยา่ งไร แนวคำตอบ ความจอุ ากาศปอดของแต่ละคนอาจแตกต่างกนั ขึน้ อยู่ผลการทำกิจกรรม 2. ปจั จยั ใดบ้างทมี่ ีผลต่อปรมิ าตรความจอุ ากาศของปอดและส่งผลอย่างไร แนวคำตอบ ปัจจัยท่มี ีผลตอ่ ปริมาตรความจุอากาศของปอด เช่น เพศ ขนาดของร่างกาย การออกกำลงั กายเปน็ ประจำ ซึง่ สง่ ผลให้ปรมิ าตรความจุของปอดไมเ่ ท่ากัน 3. จากกิจกรรม สรุปไดว้ ่าอยา่ งไร แนวคำตอบ การวัดความจอุ ากาศของปอดอย่างง่าย วัดไดจ้ ากชุดอปุ กรณว์ ัดความจุอากาศของปอด โดย วดั ปริมาตรของอากาศเมอื่ หายใจเข้าเต็มทีแ่ ล้วผ่อนลมหายใจออกมาให้มากที่สุด ซ่งึ ความจุอากาศของปอดของแต่ ละบคุ คลอาจจะแตกตา่ งกนั ได้ข้นึ อย่กู บั หลายปจั จัย เชน่ เพศ ขนาดของรา่ งกาย การออกกำลังกายเปน็ ประจำ จากกิจกกรมท่ี 3.5 ได้ข้อสรุปวา่ ค่าความจุอากาศของปอดแตล่ ะบคุ คลอาจจะไมเ่ ท่ากัน ขึ้นอยู่กบั ปัจจยั หลายประการ เช่น เพศ อายุ ความสงู ของรา่ งกาย อาชพี นอกจากน้ีบคุ คลท่มี ภี าวะผิดปกติ หรอื เปน็ โรคเก่ยี วกบั ทางเดนิ หายใจ เชน่ โรคถุงลมโปง่ พอง โรคมะเร็งในปอด วณั โรค ปอดติดเชือ้ อาจจะสง่ ผลให้ความจุของปอด ลดลง ซ่ึงส่งผลให้ความสามารถในการแลกเปล่ยี นแก๊สของปอดลดลงด้วย

แนบท้ายแผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 5 : การให้คะแนนดา้ นเจตคติ (A) ตวั อย่าง ผลการทากจิ กรรมท่ี 3.6 ทาอยา่ งไรเพอ่ื ใหร้ ะบบหายใจทางานอยา่ งปกติ ตัวอยา่ งผลการทำกิจกรรม นกั เรียนนำเสนอขอ้ มูลเก่ียวกับโรคทางเดินหายใจแบบต่าง ๆ แนวทางในการดูแลรักษารา่ งกาย เพื่อให้ ระบบหายใจทำงานเปน็ ปกติ รวมท้งั นำเสนอแนวทางการดูแลรักษาระบบหายใจในรูปแบบสอ่ื ต่าง ๆ เช่น • แผ่นพบั รณรงคใ์ ห้สวมหน้ากากอนามยั ในพื้นท่ที ่ีมคี วามเสย่ี ง • โปสเตอรก์ ารออกกำลังกายท่เี นน้ การหายใจอย่างถกู วิธี • วดี ที ศั น์นำเสนอปัญหาของบหุ รแี่ ละแนวทางการแกป้ ญั หา คำถามท้ายกจิ กรรม 1. โรคที่เกีย่ วกบั ระบบหายใจมีสาเหตุมาจากอะไรบา้ ง แนวคำตอบ โรคเก่ยี วกบั ระบบหายใจเกดิ จากหลายสาเหตุ เชน่ มลพิษทางอากาศ เช้อื โรค หรอื สาเหตอุ ่นื 2. นักเรยี นจะมวี ธิ กี ารป้องกนั ตนเองและบคุ คลรอบข้างใหป้ ลอดภยั จากโรคท่ีเก่ียวกบั ระบบหายใจอยา่ งไร แนวคำตอบ วธิ ีป้องกนั โรคท่ีเกี่ยวกับระบบหายใจ เชน่ ปิดปากปดิ จมูกเวลาไอหรอื จาม สวมหน้ากาก อนามัยเมื่อเปน็ หวดั หลกี เล่ียงบริเวณทีม่ ีควันบหุ รี่ หลกี เลีย่ งการอยใู่ กล้ชดิ กบั ผปู้ ่วยท่ีเป็นโรคตดิ ตอ่ ทาง ลมหายใจ 3. จากกจิ กรรม สรุปได้วา่ อยา่ งไร แนวคำตอบ โรคทเ่ี กีย่ วข้องกับระบบหายใจมหี ลายโรค เชน่ โรคมะเรง็ ปอด โรคหอบหืด โรคถงุ ลมโป่งพอง โรคหลอดลมอักเสบ โรควัณโรค โรคบางโรคเกิดจากมลพิษทางอากาศ เช่น ฝนุ่ ละออง ควันบุหรี่ ควันจากท่อไอเสยี รถยนต์ บางโรคเกิดจากเชื้อโรคตา่ ง ๆ การป้องกันโรคเหล่านี้ทำได้โดยการหลีกเลี่ยง บริเวณทมี่ ีมลพิษทางอากาศ ถา้ หลกี เลย่ี งไม่ไดค้ วรสวมหน้ากากอนามยั ในบรเิ วณที่มีฝนุ่ หรอื ควนั หลีกเลยี่ งการอยู่ ใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่เป็นโรคติดต่อทางลมหายใจ ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น ดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรงโดยการ รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ การพักผ่อนให้เพยี งพอ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ร่างกาย มีภูมคิ ุ้มกนั ต่อโรคท่ีจะเกิดขน้ึ ได้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook