Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สาธารณรัฐประชาชนจีน

สาธารณรัฐประชาชนจีน

Published by ธัญลักษณ์ พลแหลม, 2018-07-21 02:52:07

Description: ข้อมูล ความรู้เบื้องต้นของสาธารณรัฐประชาชนจีน

Keywords: chi-na

Search

Read the Text Version

-1-COUNTRY PROFILE   สาธารณรัฐประชาชนจนี The People’s Republic of China

-2- 1. ขอ้ มูลท่วั ไป1.1 ลกั ษณะทางภมู ิศาสตร์ท่ตี ัง้ ต้ังอยู่ด้านตะวันออกของทวีปเอเชีย มีพรมแดนติดต่อกับประเทศต่างๆ โดยรอบ 15 ประเทศ คือ เกาหลีเหนือ รัสเซีย มองโกเลีย คาซัคสถาน เคอร์กิชสถาน ทาจิกิสถาน อัฟกานิสถาน ปากีสถาน อินเดีย เนปาล สิกขิม ภูฐาน พม่า ลาว และ เวียดนาม ขณะท่ีทิศตะวันออกและทิศใต้จรดทะเลเหลือง ทะเลจีนตะวันออก และ ทะเลจีนใต้พน้ื ที่ 9,596,960 ตารางกิโลเมตร มีเส้นพรมแดนทางบกยาวกว่า 2 หม่ืนกิโลเมตร พื้นท่ีที่ เป็นน้ํา 270,550 ตารางกิโลเมตรภูมิประเทศ ทางตะวันตกส่วนใหญ่เป็นเทือกเขา ทะเลทราย และที่ราบสูง และค่อยๆ ลาดลงทาง ทิศตะวนั ออกวนั ชาติ 1 ตุลาคม (สาธารณรัฐประชาชนจีนได้รับการสถาปนาข้ึนเม่ือ 1 ตุลาคม 2492 ภายหลังที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนมชี ยั ชนะในสงครามกลางเมืองเหนอื พรรคก๊กหมินตงั๋ )ธงชาติ รูปดาวสีเหลือง 5 ดวงบนพื้นสีแดง (ดาวดวงใหญ่หมายถึงพรรคคอมมิวนิสต์จีนซ่ึงเป็น ผู้นํา ดาวเล็กๆ ทั้งส่ีดวงหมายถึง “ชนชั้น” ที่ประกอบข้ึนเป็นสังคมจีน คือ ชนชั้น กรรมกร ชนช้ันชาวนา ชนชัน้ นายทนุ นอ้ ย และชนชนั้ นายทุนแหง่ ชาติ)1.2 ขอ้ มลู ประชากรประชากร 1,343,239,923 คน (ปี 2554 est.)อตั ราการขยายตวั 0.481% (ปี 2554 est.)ความสามารถอา่ นออกเขยี นได้ ประชากรทัง้ หมด: 92.2% ชาย: 96.0% หญงิ : 88.5% (ปี 2554)โครงสรา้ งอายุ 0-14 ป:ี 17.6% (ชาย 126,634,384/หญิง 108,463,142) 15-64 ปี: 73.6% (ชาย 505,326,577/หญงิ 477,953,883) 65 ปขี ึ้นไป: 8.9% (ชาย 56,823,028/หญงิ 61,517,001) (ปี 2554)โครงสรา้ งเพศ แรกเกิด: 1.13 ชาย/หญิง ต่ํากวา่ 15 ป:ี 1.17 ชาย/หญงิ 15-64 ปี: 1.06 ชาย/หญงิ 65 ขน้ึ ไป: 0.92 ชาย/หญิง ประชากรท้งั หมด: 1.06 ชาย/หญิง (ปี 2554)

-3-ชนชาติ มีชนชาตติ ่างๆ อยรู่ วมกัน 56 ชนชาติ โดยเปน็ ชาวฮนั่ รอ้ ยละ 91.5 ทเี่ หลือเป็น ชนกล่มุ นอ้ ย ท่ีสาํ คญั ได้แก่ ชนเผา่ จ้วง หุย อยุ กูร์ หยี ทเิ บต แม้ว แมนจู มองโกล ไตหรือไทเกาซนัศาสนา ลทั ธขิ งจอ้ื ศาสนาพุทธ ลทั ธเิ ต๋า ศาสนาอสิ ลาม และศาสนาคริสต์ภาษา ภาษาจนี กลาง (Mandarin) เป็นภาษาราชการ ชาวจนี ในมณฑลต่างๆ มีภาษาพูด ท้องถ่นิ ทีแ่ ตกตา่ งกนั เชน่ กวางตุ้ง เสฉวน หูหนาน ไหหลาํ และฮกเกยี้ น1.3 รฐั บาลประธานาธบิ ดี นายหู จน่ิ เทา (Hu Jintao) (มีนาคม 2546)นายกรฐั มนตรี นายเวนิ เจยี เปา่ (Wen Jiabao) (มีนาคม 2546)รฐั มนตรีพาณชิ ย์ นายเฉิน เตอ๋ หมิง (Chen Deming) (2551)เขตการปกครอง การปกครองสว่ นกลางแบ่งออกเป็น 23 มณฑล (รวมถึงไต้หวัน) 5 เขตปกครอง ตนเอง (มองโกเลีย หนงิ เซี่ย ซนิ เจียง กวางสี และทิเบต) 4 มหานครทข่ี ึ้นตอ่ สว่ นกลาง (ปักก่ิง เซี่ยงไฮ้ เทียนจนิ และฉงชิง่ ) และ 2 เขตบริหารพิเศษ (ฮ่องกง และมาเกา๊ )รูปแบบการปกครอง สถาปนาประเทศเม่ือวันท่ี 1 ตุลาคม พ.ศ.2492 มีพรรคคอมมิวนิสต์จีน ดําเนินการปกครองประเทศตามแนวทางพื้นฐานของลัทธิมาร์กซ์ – เลนิน และ ความคิดเหมา เจ๋อตง โดยประยุกต์เข้ากับแนวทฤษฎีการสร้างสรรค์ความ ทันสมัยให้แก่ระบอบสังคมนิยม ของนายเติ้ง เสี่ยวผิง พรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็น แกนนําในการปกครอง โดยมีพรรคการเมืองอื่นอีก 8 พรรค เป็นแนวร่วม ภายใต้การปกครองในลักษณะสงั คมนิยมทม่ี เี อกลักษณ์เฉพาะแบบจนีระบบบรหิ าร จี น จํ า แ น ก โ ค ร ง ส ร้ า ง บ ริ ห า ร ป ร ะ เ ท ศ อ อ ก เ ป็ น 2 ร ะ ดั บ ไ ด้ แ ก่ : 1. การบริหารระดับประเทศ (ส่วนกลาง): มีรัฐบาลกลางเป็นองค์กรท่ีมีอํานาจ ควบคุมการปกครองทั่วทั้งประเทศ สถาบันสําคัญในการบริหารประเทศ ได้แก่ สภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ (National People’s Congress: NPC) ประธานาธิบดี และคณะรัฐบาลหรือ มุขมนตรี สําหรับรัฐบาลถือเป็นคณะ ผู้บริหารประเทศตามมติท่ีพรรคคอมมิวนิสต์จีนกําหนด และผ่านการเห็นชอบ ของสภา NPC คณะรัฐบาลจีนประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี (Premier) รอง นายกรัฐมนตรี (Vice Premier) มนตรีแห่งรัฐ (State Counsellors) และ รัฐมนตรี (Ministers) กระทรวงต่างๆ ประธานคณะกรรมการและสํานักต่างๆท่ี ข้ึนตรงต่อสํานักนายกโดยตรง ซึ่งมีฐานะเทียบเท่ากระทรวง อยู่ตําแหน่งคราว ละ 5 ปี และไมเ่ กนิ 2 สมัย

-4- 2. การบริหารในระดับท้องถ่ิน: ระบบการเมืองการปกครองของจีนได้มี การกระจายอํานาจออกจากสว่ นกลาง โดยใหร้ ฐั บาลในระดับ มณฑล/มหานคร/ เขตปกครองตนเอง และระดับท้องถ่ินอื่นๆ ได้มีอํานาจและสิทธิในการบริหาร จัดการในระดับหน่ึง โดยจะต้องสอดคล้อง/ไม่ขัดกับนโยบายหรือกฎหมายใน ระดับประเทศ1.4 การเป็นสมาชกิ องคก์ รระหวา่ งประเทศADB, AfDB (nonregional member), APEC, ARF, ASEAN (dialogue partner), BIS, CDB, CICA,EAS, FAO, FATF, G-20, G-24 (observer), G-77, IAEA, IBRD, ICAO, ICC, ICRM, IDA, IFAD, IFC,IFRCS, IHO, ILO, IMF, IMO, IMSO, Interpol, IOC, IOM (observer), IPU, ISO, ITSO, ITU, LAIA(observer), MIGA, MINURSO, MONUC, NAM (observer), NSG, OAS (observer), OPCW, PCA,PIF (partner), SAARC (observer), SCO, SICA (observer), UN, UN Security Council, UNAMID,UNCTAD, UNESCO, UNHCR, UNIDO, UNIFIL, UNITAR, UNMIL, UNMIS, UNMIT, UNOCI,UNTSO, UNWTO, UPU, WCO, WHO, WIPO, WMO, WTO, ZC1.5 การจดั ทาํ ขอ้ ตกลงทางการคา้ƒ มผี ลบงั คบั ใชแ้ ลว้ 1) Asia-Pacific Trade Agreement (17 มถิ ุนายน 2519) 2) People's Republic of China-Hong Kong, China Closer Economic Partnership Arrangement (1 มกราคม 2547) 3) People's Republic of China-Macao Closer Economic Partnership Arrangement (1 มกราคม 2547) 4) ASEAN-People's Republic of China Comprehensive Economic Cooperation Agreement (1 กรกฎาคม 2548) 5) People's Republic of China-Chile Free Trade Agreement (1 ตลุ าคม 2549) 6) People's Republic of China-Pakistan Free Trade Agreement (1 กรกฎาคม 2550) 7) New Zealand-People's Republic of China Free Trade Agreement (1 ตลุ าคม 2551) 8) People's Republic of China-Singapore Free Trade Agreement (1 มกราคม 2552) 9) People's Republic of China-Peru Free Trade Agreement (1 มีนาคม 2553) 10)People's Republic of China-Taipei, China Economic Cooperation Framework Agreement (12 กันยายน 2553)

-5-ƒ ลงนามแล้วแตย่ ังไมม่ ผี ลบงั คบั ใช้ 1) People's Republic of China-Costa Rica Free Trade Agreement (ลงนามเมอ่ื 8 เมษายน 2553)ƒ อยรู่ ะหว่างการเจรจา 1) People's Republic of China-Australia Free Trade Agreement 2) People's Republic of China-Gulf Cooperation Council Free Trade Agreement 3) People's Republic of China-Iceland Free Trade Agreement 4) People's Republic of China-Norway Free Trade Agreement 5) People's Republic of China-South African Customs Union Free Trade Agreementƒ อยู่ระหว่างการศกึ ษา 1) Comprehensive Economic Partnership for East Asia (CEPEA/ASEAN+6) 2) East Asia Free Trade Area (ASEAN+3) 3) People's Republic of China-India Regional Trading Arrangement 4) People's Republic of China-Japan-Korea Free Trade Agreement 5) People's Republic of China-Korea Free Trade Agreement 6) People's Republic of China-South Africa Free Trade Agreement 7) People's Republic of China-Switzerland Free Trade Agreement 8) Shanghai Cooperation Organization Free Trade Agreement1.6 เขตเศรษฐกจิ ที่สาํ คญั ของจีน ƒ เขตลุ่มแม่นํ้าเพิร์ล (Pearl River Delta) ประกอบด้วย 9 เมือง ได้แก่ นครกวางโจว เสิ่นเจิ้นจไู ห่ ตงก่วน ฝอซาน (รวมหนานไหแ่ ละซนุ เต๋อ) จงซาน เจียงเหมนิ หุย้ โจว (ยกเวน้ Longmen County)และจ้าวฉ้งิ (เขตเมืองจา้ วฉง้ิ Gaoyao และ Sihui) ƒ เขตปากนํ้าแยงซี (Yangtze River Delta) รวม 16 เมือง ได้แก่ นครเซ่ียงไฮ้ 8 เมืองในมณฑลเจยี งซู และ 7 เมืองในมณฑลเจอ้ เจียง ƒ เขตเศรษฐกิจป๋อไห่ (Bohai Economic Zone) ประกอบด้วยกรุงปักกิ่ง มหานครเทียนจินและเมืองในมณฑลเหอเปย่ และชานตง ƒ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คลอบคลุมมณฑลเหลียวหนิง จี๋หลิน และเฮยหลงเจียง ซึ่งในอดีตเป็นเขตอุตสาหกรรมหนักท่ีสําคัญของประเทศ แต่ได้รับผลกระทบหลังจากที่รัฐบาลจีนได้เร่ิมดําเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบระบบตลาด (market economy) ส่งผลให้เขตน้ีมีความล้าหลังกว่า 3 เขตข้างต้น อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนได้กําหนดยุทธศาสตร์ท่ีจะฟื้นฟูเขตดังกล่าวให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมหนักของประเทศ เป็น new powerhouse ของประเทศเช่นเดียวกับเขตเศรษฐกิจ 3 เขตข้างตน้ โดยไดก้ ําหนดใหเ้ หลียวหนงิ เปน็ ศนู ยก์ ารผลิตอปุ กรณแ์ ละวัตถุดบิ ระดบั โลก

-6-1.7 เมืองสาํ คญั ที่มีศกั ยภาพทางเศรษฐกิจของจนี ในปี 2553 นิตยสาร Fortune China ไดท้ ําการสาํ รวจเมืองสําคัญของจีนที่มีศักยภาพการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเหมาะสําหรับท่ีจะเป็นมหานครของจีนในอนาคต โดยพิจารณาจากสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ต้นทุนการทําธุรกิจ ทรัพยากรคนท้องถิ่น และคุณภาพชีวิต ซ่ึงจากการสํารวจพบว่า มี 5 เมอื งท่ีมีศกั ยภาพในการเปน็ mega-cities ของจนี ในอนาคต ดังน้ี 1) เมอื งซูโจว (มณทลเจียงซู ประชากร 8.1 ลา้ นคน) เป็นเมืองท่ีมีขนาด GDP ประมาณ 113.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซ่ึงใหญ่เป็นอันดับ 5ของจีน มีมูลค่าการค้ามากเป็นอันดับ 3 ของจีน เป็นเมืองท่ีมีการลงทุนจากต่างชาติ (FDI) มากท่ีสุดในจีน โดยเฉพาะในสาขาอิเล็กทรอนิกส์ และเป็นเมืองท่ีเป็นฐานท่ีตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากเซี่ยงไฮ้ มีการร่วมมือกับสิงคโปร์ในการสร้างเขตอุตสาหกรรม China-SingaporeSuzhou Industrial Park ต้ังแต่ปี 1994 นอกจากน้ี ซูโจวยังมีแผนที่จะเป็นศูนย์กลางในเรื่องBiotechnology และพลังงานทางเลือก (Alternative Energy) 2) เมอื งชงิ เตา่ (มณฑลซานตง ประชากร 8.5 ล้านคน) ชงิ เตา่ เปน็ เมอื งท่าทีม่ ที ่าเรอื ขนาดใหญ่เปน็ อันดับ 4 ของจนี เปน็ แหลง่ ดงึ ดดู การลงุทนจากตา่ งชาติตงั้ แต่ทศวรรษ 1970 โดยปจั จุบันเปน็ เมืองที่มกี ารลงทนุ จากตา่ งชาติ (FDI) มากเป็นอันดับ 3 ในจีน (รองจากซูโจว และเซี่ยงไฮ้) ชิงเต่ายังเป็นเมืองสําคัญในการนําเข้าสินแร่เหล็กในจีน ซึ่งในปี 2553ท่าเรือชิงเต่าได้เริ่มดําเนินการสร้างศูนย์กระจายสินแร่เหล็ก (Iron Ore Terminal) ท่ีใหญ่ท่ีสุดในโลกโดยมีเป้าหมายให้ใช้ท่าเรือชิงเต่าเป็นศูนย์กลางในการค้า การกระจายสินค้า และการขนส่งสินแร่เหล็กของจนี 3) เซ่ินเจ้ิน (มณฑลกวางตุ้ง ประชากร 8.6 ลา้ นคน) เป็นเมืองแรกทอี่ ดตี นายกรัฐมนตรีเติ้ง เสี่ยว ผิง คัดเลือกให้เป็นเมืองต้นแบบในการดําเนินแผนการปฏิรูปเศรษฐกิจ (Special Economic Zone: SEZ) เมื่อปี 1978 ปัจจุบัน SEZ ของเซ่ินเจ้ิน มีพน้ื ทถี่ ึง 327.5 ตารางกโิ ลเมตร คิดเป็นพน้ื ท่ี 4 ใน 6 เขตของเมืองเซิ่นเจ้ิน เซิ่นเจิ้นเป็นเมืองท่ีมีรายได้ประชาชาติต่อหัว (GDP Per Capita) สูงที่สุดในประเทศจีน(13,581 เหรยี ญสหรัฐฯ) เป็นเมืองทม่ี ีมูลคา่ การคา้ มากเปน็ อันดับ 2 รองจากเซีย่ งไฮ้ และเป็นเมืองท่ีโดดเด่นในด้านอุตสาหกรรอิเล็กทรอนิกส์ (โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์) อสังหาริมทรัพย์ และธุรกจิ การเงนิ 4) หนงิ โป (เจ้อเจียง ประชากร 6.89 ลา้ นคน) เป็นเมืองท่ีมีท่าเรือนํ้าลึก 5 แห่ง และเป็นท่าเรือนํ้าลึกท่ีใหญ่ท่ีสุดในจีน หนิงโปโดดเด่นทางด้านการผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสําคัญของหนิงโป รวมทั้งการผลิตเคร่ืองจักรอุตสาหกรรม หนิงโปแตกต่างจากเมืองอ่ืนในจีนเน่ืองจากเป็นเมืองที่เน้นการลงทุนจากในประเทศเป็นหลกั โดยเฉพาะอตุ สาหกรรมผลติ เสอ้ื ผา้ และการผลติ ปิโตรเคมี 5) ตา้ เหลยี น (เหลยี วหนงิ ประชากร 6.2 ล้านคน) ต้าเหลียนเปน็ หน่งึ ในเมืองท่าที่มคี วามหนาแนน่ ของทา่ เรือมาก และสามารถสรา้ งเรอื และผลิตเรอืเป็นสินค้าส่งออก อีกท้ังยังเป็นหนึ่งในฐานการผลิตปิโตรเลียม รวมทั้งมี Hi-Tech Zone และ Software Parkซึง่ มบี ริษทั IT ของทงั้ จนี และต่างประเทศมาตงั้ ฐานการผลติ เชน่ Hisoft, NEC, SONY, Dell และ HP เป็นตน้

-7- 2. การเมอื งและสังคม2.1 การเมืองการปกครอง ในระบอบการปกครองของจีนพรรคคอมมิวนิสต์จะเป็นผู้กําหนดนโยบายทุกด้านให้รัฐบาลไปปฏบิ ตั ิ (รฐั บาลจงึ ไมใ่ ช่องค์กรกําหนดนโยบาย) โดยจีนมนี โยบายภายในทีส่ ําคัญ ดังนี้ 1) เนน้ การปฏิรูปเศรษฐกิจและการเปิดประเทศเพื่อสร้างความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจและกําหนดเป้าหมายให้ GDP เพ่ิมขึ้นอีก 4 เท่าตัว และทําให้จีนสร้างความกินดีอยู่ดี “เสี่ยวคัง” แก่คนจีนในระดับเดียวกับประเทศท่ีกําลังพัฒนาในระดับกลาง ภายในปี 2563 (ค.ศ. 2020) ในขณะเดียวกันก็ต้องแก้ไขปัญหาความเหล่ือมลํ้าของระดับการพัฒนาระหว่างภาคตะวันออกกับภาคตะวันตก ซ่ึงอาจนํามาซึ่งปัญหาการเมือง สังคม ความแตกแยกของชนชาติท่ีรุนแรง จึงได้กําหนดให้พัฒนาภาคตะวันตกไปในเวลาเดยี วกันด้วย 2) จีนเน้นการปฏิรูปทางการเมืองอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในขณะเดียวกัน เพื่อลดกระแสกดดนั การเรยี กร้องให้ปฏริ ปู การเมอื ง ซ่งึ พรรคคอมมิวนิสต์จีนประเมนิ แล้วว่าไม่อาจหลีกเล่ียงได้ในระยะ10 ปีข้างหน้า นายเจียง เจ๋อหมิน อดีตประธานาธิบดีจีน จึงได้เสนอหลักการ 3 ตัวแทนข้ึนมาและบรรจุลงไปในธรรมนูญของพรรค หลักการ 3 ตัวแทน จะสามารถลดแรงกดดันของกลุ่มนายทุนใหม่และนกั วชิ าการเรื่องปฏิรูปการเมืองได้ โดยพรรคคอมมิวนิสต์เปิดกว้างให้คนเหล่าน้ีเข้าไปมีส่วนร่วมในพรรคและการบรหิ ารประเทศได้ในระดบั หนง่ึ ทัง้ นี้ จนี ได้เริม่ ปล่อยใหก้ ารปกครองระดับท้องถิ่นในระดับตําบลและเมือง (อาํ เภอ) มีการเลอื กต้ังโดยอสิ ระแล้วตง้ั แต่ปี 2538 หลกั การสามตัวแทนได้กาํ หนดให้พรรคคอมมิวนสิ ตจ์ นี เปน็ ตวั แทนใน 3 ดา้ น คือ (1) ด้านการผลติ โดยดูแลการพฒั นาทางเศรษฐกิจ (2) ด้านวัฒนธรรม โดยดํารงไว้ซึ่งวัฒนธรรมอันดีของจีน และนําวัฒนธรรมอ่ืนที่ดีมา ประยุกตใ์ ชใ้ ห้เกดิ ประโยชนแ์ กป่ ระเทศชาติ (3) เปิดให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นตัวแทนของประชาชนทุกชนชั้น กล่าวคือ ได้เปิดให้ กลุ่มนายทุนและนักธุรกิจ ท่ีมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่พรรคกําหนดเข้ามาเป็นสมาชิก พรรค และมีสว่ นร่วมทางการเมืองเพม่ิ ขึ้น ถือเป็นการเปล่ียนภาพลักษณ์ของพรรคจาก ตัวแทนเชิงปฏิวัติ หรือตัวแทนของชนช้ันแรงงาน เป็นตัวแทนเชิงบริหาร หรือตัวแทน ของประชาชนทกุ ชนชน้ั2.2 พรรคคอมมิวนสิ ตจ์ นี สาธารณรัฐประชาชนจีนปกครองในระบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์มีพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งมีสมาชิกประมาณ 73 ล้านคน (สถิติปี 2551) เป็นสถาบันทางการเมืองที่มีอํานาจในการกําหนดนโยบายด้านต่างๆ ของประเทศอย่างเบ็ดเสร็จตามแนวทางลัทธิมาร์กซ์-เลนิน ความคิดของอดีตประธานาธิบดีเหมา เจ๋อตง ทฤษฎีการสร้างสรรค์สังคมนิยมท่ีมีเอกลักษณ์แบบจีนของเต้ิง เส่ียวผิง รวมถึงทฤษฎีสามตัวแทนที่ได้รับการบรรจุเข้าในธรรมนูญของรัฐเม่ือเดือนพฤศจิกายน 2545 โดยรัฐบาลและรัฐสภามีหน้าท่ีคอยปฏิบัติตามมติและนโยบายท่ีพรรคกําหนดโดยยึดหลักประชาธิปไตยรวมศูนย์ (DemocraticCentralism) ตามธรรมนูญพรรค กําหนดให้มกี ารประชุมสมัชชาพรรคแหง่ ชาติ (Party Congress) ทกุ 5 ปีนับต้ังแต่ได้มีการจัดต้ังพรรคขึ้นในปี 2464 จนถึงปัจจุบัน พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้จัดให้มีการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์แล้วรวมท้ังส้ิน 17 ครั้ง โดยได้จัดประชุมสมัชชาพรรคสมัยท่ี 17 ไปเม่ือเดือนตลุ าคม 2550 ซงึ่ นายหู จิน่ เทา ไดร้ บั เลอื กให้เปน็ เลขาธิการพรรคคอมมวิ นิสต์ตอ่ อกี 1 สมัย (วาระ 5 ป)ี

-8- การเมืองภายในจีนยังคงมีเสถียรภาพภายใต้การนําของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เมื่อวันที่ 15-21ตุลาคม 2550 ได้มีการประชุมสมัชชาพรรคสมัยท่ี 17 ซ่ึงมีการวางตัวผู้สืบทอดอํานาจจากผู้นํารุ่นที่ 4ซ่ึงมีนายหู จิ่นเทา เป็นแกนนํา ไปยังรุ่นท่ี 5 ซ่ึงนายสี จิ้นผิง ได้รับการจับตามองว่าจะมาแทนท่ีนายหูจ่ินเทาเม่ือกา้ วลงจากตําแหน่งในปี 25552.3 ผู้นาํ จีนสมัชชาพรรคสมัยท่ี 17 ได้คัดเลือกบุคคลเป็นสมาชิกกรมการเมืองจํานวน 25 คน และสมาชิกกรมการเมือง 25 คนน้ี ได้เลือกต้ังสมาชิกถาวรประจํากรมการเมือง (Standing Committee of thePolitical Bureau of the Central Committee) จํานวน 9 คน (โดยมี 4 คนที่เป็นสมาชิกใหม่) เรียงตามลาํ ดบั อาวโุ ส ได้แก่1) นายหู จนิ่ เทา (Hu Jintao) 6) นายสี จิน้ ผิง (Xi Jinping)2) นายอู๋ ปางกว๋ั (Wu Bangguo) 7) นายหล่ี เคอ่ เฉยี ง (Li Keqiang)3) นายเวิน เจียเปา่ (Wen Jiabao) 8) นายเฮอ่ กัว๋ เฉียง (He Guoqiang)4) นายเจ่ยี ช่งิ หลนิ (Jia Qinglin) 9) นายโจว หยง่ คัง (Zhou Yongkang)5) นายหล่ี ฉางชุน (Li Changchun)2.4 สงั คม การเปดิ ประเทศและการปฏิรูปเศรษฐกิจของจีนส่งผลให้ประชาชนจีนมีชีวิตความเป็นอยู่ท่ีดีขึ้นแต่ในขณะเดียวกันก็เป็นสาเหตุท่ีก่อให้เกิดปัญหาสังคมอย่างกว้างขวาง อาทิ ปัญหาการแพร่ขยายของอทิ ธิพลตะวันตก ปญั หายาเสพตดิ ปัญหาการเพม่ิ ประชากร ปญั หาความเล่ือมลํา้ ทางสังคม เน่ืองจากความมั่นคงของรัฐบาลจีนนั้นข้ึนอยู่กับความเชื่อมั่นของประชาชน รัฐบาลจึงมีความจําเป็นท่ีจะต้องเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาวและลดช่องว่างระหว่างเมืองกับชนบท ซึ่งกําลังสร้างความขุ่นเคืองให้กับทางชนบท เนื่องจากประชาชนในชนบทน้ันมีความเป็นอยู่ท่ีเลวลง รัฐบาลได้พยายามแก้ปัญหาโดยใช้มาตรการควบคุมและรณรงค์ให้ประชาชนยึดมั่นในอุดมการณ์สังคมนิยมและชาตินิยม ควบคุมสื่อมวลชนและอินเตอร์เน็ต เพ่ือควบคุมการเผยแพร่ข้อมูลที่อาจเป็นภัยคุกคามต่อประเทศ ขณะเดียวกัน ก็พยายามลดช่องว่างระหว่างเมืองกับชนบท ตลอดจนให้สิทธิเสรีภาพแก่ประชาชนในการประกอบธุรกิจและการดาํ เนินชวี ติ ประจาํ วันมากขนึ้ ในปี 2006 -2010 รัฐบาลจีนได้กําหนดให้ \"การสร้างสังคมสมานฉันท์\" เป็นเป้าหมายของการพัฒนาประเทศ เพื่อสร้างสังคมแห่งประชาชาติจีนที่เข้มแข็งและม่ันคง โดยเน้นการสร้างงานและจัดสรรรายได้ การพัฒนาระบบประกันสังคม การกระจายทรัพยากรและการศึกษา และการพัฒนาระบบการเกบ็ ภาษี ท้ังน้ีเน่ืองจากแรงงานภาคเกษตรมีรายได้ต่ําอีกท้ังยังเป็นภาคที่มีจํานวนแรงงานมากกว่า 800ล้านคนและเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ ทางรัฐบาลจึงเน้นการพัฒนาภาคเกษตรโดยตรง ซ่ึงทําให้ภาคเกษตรได้รับการคมุ้ ครองและสนบั สนุนจากรฐั บาลมากขึน้

-9- 3. ขอ้ มลู เศรษฐกจิ3.1 ภาพรวมเศรษฐกิจ ในปี 2554 การค้าตา่ งประเทศของจีนคิดเป็นมูลค่ารวม 3,640,710.5 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มข้ึนจากปี 2553 ร้อยละ 22.49 โดยจีนส่งออกคิดเป็นมูลค่า 1,899,280.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เพ่ิมข้ึนร้อยละ20.33 และนําเข้าคิดเป็นมูลค่า 1,741,429.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มข้ึนร้อยละ 24.93 ทําให้ในปี 2553จีนได้เปรียบดุลการค้าต่างประเทศคิดเป็นมูลค่ารวม 157,850.87 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ14.46 จากปีก่อนหน้า โดยคู่ค้าอันดับหน่ึงของจีนได้แก่ สหรัฐอเมริกา ด้วยมูลค่าการค้ารวม442,420.97 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 27.72 จากปีก่อนหน้า คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 7.63 ของมูลค่าการค้าต่างประเทศท้ังหมด รองลงมาได้แก่ ญี่ปุ่น (มูลค่า 341,699.82 ล้านเหรียญสหรัฐ เพ่ิมข้ึนร้อยละ 15.22 สัดส่วนรอ้ ยละ 9.39) ฮ่องกง (มูลค่า 244,598.00 ลา้ นเหรียญสหรฐั เพิ่มขน้ึ ร้อยละ 7.42สดั สว่ นร้อยละ 6.72) เกาหลใี ต้ (มูลค่า 169,192.37 ลา้ นเหรยี ญสหรฐั ลดลงร้อยละ 18.19 สัดส่วนร้อยละ 4.65) และเยอรมัน (มูลค่า 159,961.14 ล้านเหรียญสหรัฐ เพ่ิมขึ้นร้อยละ 12.29 สัดส่วนร้อยละ4.39)ตารางมูลค่าการคา้ โดยรวมของจนีรายการ มูลค่า (Million USD) อตั ราการขยายตวั (%) 2010 2011 2009 2010 20111. มลู คา่ การคา้ รวม 2,205,940.1 2,972,353.5 3,640,710.5 37.74 22.49 1,899,280.7 31.31 20.332. การสง่ ออก 1,202,047.4 1,578,444.2 1,741,429.8 38.85 24.933. การนาํ เขา้ 1,003,892.7 1,393,909.3 Growth (%) -27.72ทม่ี า: World Trade Atlas, มนี าคม 2555 15.22 7.42ตารางมลู ค่าการค้ากับประเทศคู่ค้าท่ีสาํ คัญ -18.19 12.29ประเทศ 2009 2010 2011 277,896.481. สหรัฐฯ 298,138.46 384,494.06 341,699.82 244,598.002. ญ่ีป่นุ 227,957.7 296,566.35 169,192.37 159,961.143. ฮอ่ งกง 174,375.97 227,706.334. เกาหลีใต้ 155,754.72 206,834.035. เยอรมัน 105,836.47 142,446.44ที่มา: World Trade Atlas, มีนาคม 2555

- 10 -เศรษฐกิจจีนท่ีเติบโตอย่างร้อนแรงได้ก่อปัญหาให้กับจีน อาทิ ปัญหาฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ปัญหาหนี้สินของรัฐบาลระดับท้องถิ่น และปัญหาอัตราเงินเฟ้อ ทําให้รัฐบาลจีนต้องออกมาตรการต่างๆเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง อาทิ (1) การประกาศขึ้นอัตราดอกเบ้ีย โดยในปี 2553 จีนได้ปรับเพ่ิมอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 2 คร้ัง เมื่อเดือนตุลาคมและเดือนธันวาคม และในปี 2554 เม่ือเดือนกุมภาพันธ์และเดอื นเมษายน ทําให้อัตราดอกเบ้ียเงินฝากประจําหน่ึงปีเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.25 และอัตราดอกเบี้ยสินเช่ือประจาํ หน่ึงปีอยู่ท่ีร้อยละ 6.31 (2) การออกกฎการซื้อที่อยู่อาศัยให้ยากข้ึนเพ่ือชะลอการเติบโตของราคาอสงั หาริมทรพั ย์ในเมืองขนาดใหญ่และขนาดกลางจํานวน 70 เมือง และ (3) การประกาศเพ่ิมอัตราเงินสดสํารองท่ีต้องดํารง (Reserve Requirement Ratio – RRR) ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ถึง 6 คร้ังในปี 2553 ทําให้ในปัจจุบัน อัตราเงินสดสํารองท่ีต้องดํารงของจีนสูงเป็นประวัติการณ์ท่ีร้อยละ 19 ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานที่ธนาคารเพื่อการชําระหน้ีระหว่างประเทศ (Bank for InternationalSettlement – BIS) กําหนดเปน็ มาตรฐานโลกนอกจากน้ี จีนยังประสบปัญหาการเพิ่มข้ึนของค่าจ้างแรงงานอย่างรวดเร็ว โดยรัฐบาลจีนได้ประกาศปรบั ขึน้ ค่าแรงขึ้นตํ่าในเขตกรุงปักกิ่งในอัตราร้อยละ 20 จากเดือนละ 800 หยวน เป็น 960 หยวน ซ่ึงมีผลต้ังแต่วันท่ี 1 กรกฎาคม 2553 ทําให้จีนประสบปัญหาความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรมบางประเภท และบริษัทของจีนเองรวมท้ังของต่างชาติย้ายการลงทุนไปประเทศที่ค่าจ้างแรงงานต่ํากว่าของจนีในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 จีนได้เปล่ียนนโยบายจากที่เคยเน้นการค้ากับต่างประเทศเพื่อเพ่ิมพูนการส่งออก เป็นการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศแทน เน่ืองจากเห็นว่าตลาดสง่ ออกในต่างประเทศมคี วามอ่อนไหวสงู และไมย่ ั่งยืน ประกอบกับจีนคาดว่าจะถูกมาตรการกีดกันทางการค้าจากประเทศทีเ่ ป็นตลาดส่งออกของจีนมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน มาตรการด้านสุขอนามัยและส่ิงแวดล้อม เป็นต้น จีนจึงหันมาให้ความสําคัญกับตลาดภายในประเทศมากยง่ิ ขึน้ เพราะตลาดของจีนเป็นตลาดใหญท่ ีม่ ีประชากรเป็นจาํ นวนมาก

- 11 -  ทีม่ า: The Economist Intelligence Unit, March 2012  

- 12 - 2.2 ดัชนีเศรษฐกจิ ดชั นพี นื้ ฐานทางเศรษฐกจิ 2549 2550 2551 2552 2553a 2554b GDP (US$bn at market exchange rates) 2,787 3,494 4,532 5,051 5,824 7,037 Growth of GDP (%) 12.7 14.2 9.6 9.2 10.5 9.2 GDP per head 2,170 2,710 3,490 3,870 4,480 5,166 (US$ at market exchange rates) แรงงาน 783.3 787.4 790.9 792.3 793.5 793.5 อตั ราวา่ งงาน (%) 5.8 5.7 5.9 6.3 6.1 6.5 อตั ราคา่ แรงงาน/ช.ม. (US$) 1.39 1.85 2.13 2.37 2.84 3.29 อตั ราเงนิ เฟ้อ (%) 4.8 5.9 -0.7 3.2 5.5 3.8 ดลุ บัญชเี ดินสะพดั (US$bn) 354.0 412.4 261.1 305.4 201.1 165.1 ดลุ บญั ชเี ดนิ สะพัด (% of GDP) 10.1 9.1 5.2 5.2 2.9 2.0 อัตราแลกเปลย่ี น (US$ ตอ่ RMB) 7.61 6.95 6.83 6.77 6.46 6.25ท่มี า: The Economist Intelligence Unit, March 2012a Economist Intelligence Unit estimates. b Economist Intelligence Unit forecasts     2.3 ขอ้ มูลการค้าระหวา่ งประเทศ สถิติการคา้ ระหวา่ งประเทศของจนี มูลคา่ : ลา้ นเหรียญสหรฐั ฯ ปี มูลค่าสง่ ออก มลู ค่านําเขา้ ดลุ การค้า การเปลีย่ นแปลงจากปกี อ่ น (%) การส่งออก การนําเขา้ ดุลการค้า 2548 762,326.76 660,221.77 102,104.99 28.41 17.73 210.95 2549 969,323.62 791,793.90 177,529.72 27.15 19.93 73.87 2550 1,218,155.48 956,261.49 261,893.99 25.67 20.77 47.52 2551 1,428,869.19 1,131,468.69 297,400.50 17.30 18.32 13.56 2552 1,202,047.37 1,003,892.75 198,154.62 -15.87 -11.28 -33.37 2553 1,578,444.20 1,393,909.27 208,703.65 31.31 38.85 32.22 2554 1,899,280.69 1,741,429.811 157,850.87 20.33 24.93 -14.46 ท่มี า: World Trade Atlas, March 2012

- 13 - ประเทศคคู่ า้ หลักของจนี ปี 2554อันดับ ตลาดส่งออก % Share อนั ดับ ตลาดนาํ เข้า % Share 1 United States 17.08 1 Japan 11.16 2 Hong Kong 14.09 2 Korea, South 9.28 3 Japan 7.76 3 Taiwan 7.17 4 Korea, South 4.37 4 Hong Kong 7.03 5 Germany 4.02 5 United States 6.27 6 Netherlands 3.13 6 Germany 5.33 7 India 2.66 7 Australia 4.65 8 United Kingdom 2.32 8 Malaysia 3.56 9 Russia 2.05 9 Brazil 3.02 10 Singapore 1.86 10 Unidentified Country 2.9 20 Thailand 1.35 13 Thailand 2.24ทีม่ า: World Trade Atlas, May 2011 โครงสรา้ งสินค้าสง่ ออก/นาํ เข้าหลักของจนี Major exports 2011 % of total Major imports 2011 % of totalMachinery & transport equipment 49.4 Crude materials 51.1Miscellaneous manufactured goods 23.9 Machinery & transport equipment 39.5Material-based manufactured goods 15.7 Mineral fuels 13.5Chemicals & derived products 5.6 Chemical & derived products 10.8ทม่ี า: The Economist Intelligence Unit, 2011 รายการสินคา้ ส่งออก 20 อันดบั แรกของจีน  มูลค่า: ล้านเหรียญสหรฐั ฯ  HS สินคา้ 2552 2553 2554 % ShareCode (2554) 301,214.55585 Electrical Machinery 235,952.01 388,915.96 445,821.78 23.47 53,771.8384 Machinery 46,731.04 309,957.99 353,905.02 18.63 38,941.4161 Knit Apparel 38,957.34 66,707.05 80,183.01 4.22 33,809.0862 Woven Apparel 27,958.95 54,362.81 63,081.48 3.32 25,280.5590 Optic,Nt 8544;Med Instr 28,306.37 52,160.77 60,743.61 3.2 28,015.9994 Furniture And Bedding 50,609.63 59,372.56 3.1373 Iron/Steel Products 39,169.89 51,234.10 2.787 Vehicles, Not Railway 38,407.56 49,610.39 2.6139 Plastic 34,714.17 45,450.12 2.3989 Ships And Boats 40,285.18 43,720.02 2.364 Footwear 35,623.96 41,721.40 2.2

- 14 - 72 Iron And Steel 13,480.22 28,937.30 39,905.78 2.1 29 Organic Chemicals 24,245.11 31,478.29 39,312.97 2.07 95 Toys And Sports Equipmt 26,494.09 29,348.86 34,331.33 1.81 27 Mineral Fuel, Oil Etc 20,430.89 26,720.47 32,332.21 1.7 71 Precious Stones, Metals 7,513.95 12,544.74 27,513.55 1.45 42 Leathr Art; Saddlry; Bags 15,117.25 20,849.37 26,904.48 1.42 63 Misc Textile Articles 16,826.59 19,752.54 22,690.35 1.2 40 Rubber 10,658.78 14,903.02 20,940.94 1.1 76 Aluminum 9,499.26 14,536.03 18,65.01 0.98ทมี่ า: World Trade Atlas, March 2012 รายการสินค้านําเขา้ 20 อนั ดับแรกของจนี   มูลคา่ : ลา้ นเหรียญสหรฐั ฯHS Code สนิ ค้า 2552 2553 2554 % Share (2554)85 Electrical Machinery 243,779.43 314,405.31 350,956.10 20.227 Mineral Fuel, Oil Etc 123,147.86 188,381.49 273,457.07 15.784 Machinery 123,814.44 172,403.37 199,569.37 11.526 Ores,Slag,Ash 68,822.99 107,968.93 150,656.19 8.6590 Optic,Nt 8544;Med Instr 66,954.55 89,738.04 99,039.25 5.6939 Plastic 48,509.33 63,688.51 70,206.88 4.0387 Vehicles, Not Railway 28,344.47 49,446.76 65,344.51 3.7529 Organic Chemicals 36,175.60 48,283.09 63,226.97 3.6374 Copper+Articles Thereof 29,416.02 45,991.84 54,280.39 3.1298 Special Other 3,303.53 18,433.14 49,499.03 2.8412 Misc Grain, Seed, Fruit 21,008.43 27,058.69 32,146.75 1.8572 Iron And Steel 27,787.15 25,298.23 28,390 1.6340 Rubber 10,374.20 16,910.25 23,064.67 1.3247 Woodpulp, Etc. 10.634.73 14,169.84 18,899.46 1.0944 Wood 7,252.93 11,227.65 15,852.93 0.9138 Misc. Chemical Products 9,040.43 12,242.08 15,404.06 0.8971 Precious Stones,Metals 6,549.80 10,844.71 14,880.85 0.8652 Cotton+Yarn,Fabric 6,180.66 10,619.46 14,730.10 0.8588 Aircraft,Spacecraft 10,693.48 12,399.43 13,793.52 0.7915 Fats and Oils 7,732.31 8,884.14 11,538.69 0.66ที่มา: World Trade Atlas, March 2012

- 15 -4. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจนี4.1 สาระสาํ คญั ของแผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติฉบบั ท่ี 1 – 12ฉบบั ท่ี Key Words 1 เพ่มิ อัตราเรว็ ใหแ้ ก่อตุ สาหกรรม ไลใ่ หท้ นั องั กฤษและอเมรกิ า (1953 – 1957) ก้าวกระโดด ลดเวลาจาก 10 ปี เหลือ 2-3 ปี เตรียมรบ เตรียมรบั มืออดอยาก 2 เสยี ศนู ย์รนุ แรง ปรบั ยทุ ธศาสตร์ (1958 – 1962) ปรับเปลย่ี น จดั ระเบยี บใหม่ ปฏิรปู ยกระดับ เดินไปสู่การเปิดประเทศ ปฏิรปู 3 (1966 – 1970) ระบบเศรษฐกจิ ใหมใ่ นระบอบสงั คมนยิ มทม่ี เี อกลกั ษณ์จนี เปิดประเทศ ปฏริ ปู รอบใหม่ 4 (1971 – 1975) “เสีย่ วคงั ” ระบบเศรษฐกิจกลไกตลาดที่มเี อกลกั ษณ์ของจีน ใหป้ ระชาชนมีชวี ติ ความเป็นอยทู่ ่ดี ี 5 (1976 – 1980) พฒั นาตามหลกั วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ปรบั เปล่ียนรปู แบบ วิธีการพัฒนาเศรษฐกิจดําเนนิ การปฏิรูปลกึ ซ้งึ 6 (1981 – 1985) 7 (1986 – 1990) 8 (1991 – 1995) 9 (1996 – 2000) 10 (2001 – 2005) 11 (2006 – 2010) 12 (2011 – 2015) 4.2 แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติฉบบั ท่ี 12 (2011 – 2015) ในการจัดทําแผนพัฒนาฯ ฉบับท่ี 12 นั้น จีนกําหนดที่จะเปล่ียนโฉมรูปแบบวิธีการพัฒนาเศรษฐกจิ โดยยึดหลกั การปรับเปลย่ี นยทุ ธศาสตรโ์ ครงสร้างทางเศรษฐกิจ ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการสร้างสรรค์นวัตกรรม การสร้างหลักประกันและยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน การสรา้ งสังคมแบบประหยดั พลังงานและเป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อม และการปฏิรูปเปิดประเทศโดยมีสาระสําคญั สรปุ ได้ ดงั น้ี

- 16 - เป้าหมายทาง ƒ GDP เพิ่มขึ้นเฉลย่ี รอ้ ยละ 7 ต่อปี เศรษฐกิจ ƒ เพิม่ จาํ นวนตําแหนง่ งานในเมืองอย่างนอ้ ย 45 ลา้ นตาํ แหนง่การปรบั โครงสรา้ ง ทางเศรษฐกิจ ƒ อัตราการวา่ งงานในเมืองไมเ่ กนิ รอ้ ยละ 5 นวตั กรรม ƒ รกั ษาเสถยี รภาพราคาสินคา้ สิง่ แวดลอ้ มและ ƒ กระตนุ้ การบริโภคภายในประเทศ พลังงานสะอาด ƒ เน้น 7 อุตสาหกรรมใหม่ (อุตสาหกรรมประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับ เกษตรกรรม ส่ิงแวดล้อม อุตสาหกรรมสารสนเทศรุ่นใหม่ อุตสาหกรรมชีวภาพ อุตสาหกรรมการผลิตชั้นสูง อุตสาหกรรมพลังงานใหม่ อุตสาหกรรมวัสดุชวี ติ ความเปน็ อยู่ ใหม่ และอตุ สาหกรรมรถยนตพ์ ลงั งานใหม)่ ƒ สร้างมูลค่าเพิ่มของอุตสาหกรรมภาคบริการให้มีสัดส่วนร้อยละ 47 ของ GDP ƒ อัตราความเปน็ เมืองรอ้ ยละ 51.5 ƒ งบประมาณ R&D คดิ เปน็ สดั สว่ นร้อยละ 2.2 ของ GDP ƒ มีอตั รา 3.3 สทิ ธิบัตรตอ่ ประชากร 10,000 คน ƒ สัดส่วนของพลงั งาน non-fossil ต่อการใช้พลังงานท้ังหมดเพ่ิมข้ึนเป็นร้อยละ 11.4 ƒ อตั ราการใช้นํ้าตอ่ หน่วยมูลคา่ เพ่มิ ของผลผลติ อตุ สาหกรรมลดลงร้อยละ 30 ƒ สัดสว่ นการใชพ้ ลังงานต่อ GDP ลดลงร้อยละ 16 ƒ สัดส่วนการปลอ่ ยกา๊ ซคาร์บอนไดออกไซดต์ อ่ GDP ลดลงร้อยละ 17 ƒ สัดส่วนพ้ืนทีป่ า่ ร้อยละ 21.66 ƒ ความสามารถในการผลิตไมน่ ้อยกว่า 540 ลา้ นตัน ต่อปี ƒ พืน้ ที่เพาะปลูกไมน่ ้อยกวา่ 1.818 พนั ล้านหมู่ (1 ไร่ = 2.4 หม)ู่ ƒ จํานวนประชากรไม่เกิน 1.39 พนั ล้านคน ƒ อายเุ ฉลย่ี 74.5 ปี ƒ โครงการบํานาญครอบคลุมประชากรเมือง 357 ล้านคน และประชากรชนบท ทงั้ หมด ƒ สร้างและปรับปรุงทอ่ี ยู่อาศัย 36 ลา้ นหอ้ ง สาํ หรับครอบครัวรายไดน้ อ้ ย

- 17 - 5. มาตรการทางการคา้5.1 มาตรการทางภาษีทสี่ ําคัญระบบการเก็บภาษีมูลคา่ เพมิ่ ประเทศจีนได้มีข้อผูกพันกับองค์การการค้าโลกในการให้การปฏิบัติทางภาษีที่เท่าเทียมกันระหว่างสินค้าในประเทศกับสินค้านําเข้า โดยนอกเหนือจากการเก็บภาษีนําเข้า (Tariff Duties) ท่ัวไปทั้งธุรกิจต่างชาติและธุรกิจจีนจําเป็นต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value-added Taxes: VAT) และภาษีธุรกิจ (Business Taxes) โดยทั่วไปภาษีมูลค่าเพิ่มจะเรียกเก็บจากสินค้านําเข้า ณ พรมแดน ด้วย ส่วนภาษธี ุรกจิ จะมกี ารประเมนิ กบั ผใู้ ห้บริการ (Services Provider) การโอนทรัพย์สิน (Intangible Assets)และการขายอสังหาริมทรพั ย์ (Immovable Properties) ในประเทศจีน อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มโดยท่ัวไปเท่ากับร้อยละ 17 โดยสินค้าบางประเภท เช่น ผลผลิตทางการเกษตร เชอ้ื เพลงิ และ Utility Items จะมีอตั ราภาษเี ท่ากบั รอ้ ยละ 13 โดยธุรกจิ ท่ีมขี นาดเล็กจะเสียภาษีท่ีอัตราร้อยละ 4 หรือ 6 ตามแต่ละประเภทธุรกิจ ซึ่งธุรกิจขนาดเล็กจะแตกต่างกับผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มประเภทอ่ืนที่ไม่สามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพ่ิมที่จ่ายเมื่อซื้อสินค้าได้ นอกจากน้ี ยังมีสินค้าบางประเภทท่ีได้รับการยกเว้นการเก็บภาษีมูลค่าเพ่ิม เช่น สินค้าเกษตรที่ขายโดยเกษตรกร ส่ิงท่ีใช้ในการคุมกําเนิด หนังสือเก่า อุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์เพ่ือการค้นคว้าวิจัย อุปกรณ์ทางการศึกษาของท่ีใช้แลว้ เปน็ ตน้ระบบการคา้ ชายแดน จีนมีพรมแดนติดกับประเทศเพ่ือนบ้านเป็นระยะทางยาวนับพันๆ กิโลเมตร การค้าชายแดนเป็นชอ่ งทางสําคญั ในการเปดิ สตู่ า่ งประเทศของมณฑลที่อยูภ่ าคพืน้ ตอนในของจีน ในระยะหลายปีที่ผ่านมา จนี ได้กาํ หนดนโยบายและมาตรการส่งเสริมการค้าชายแดนและการให้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพอ่ื นบ้านมากมาย โดยมีรายละเอยี ดสาํ คัญดงั นี้ รปู แบบการควบคุมการค้าชายแดน มี 2 รูปแบบตามลกั ษณะการค้าทีแ่ ตกตา่ งกันดังนี้ 1) การคา้ ระหวา่ งคนพืน้ ทชี่ ายแดนสองฝ่งั ตลาดการค้าระหว่างคนพื้นที่ชายแดนสองฝ่ังเป็นตลาดการค้าท่ีทางการอนุญาตเปิดให้คนพื้นที่ชายแดนทั้งสองฝ่ังเข้ามาทําการค้าขายในจุดที่ถูกกําหนดให้อยู่ห่างจากพรมแดนไม่เกิน 20 กิโลเมตรการซ้ือขายในตลาดดังกล่าว ทางการห้ามมิให้ซื้อขายเป็นจํานวนเงินและจํานวนสินค้าเกินกว่าท่ีกําหนดการจัดหาหรือกําหนดที่ตั้งของตลาดอยู่ภายใต้การควบคุมของหน่วยงานรัฐบาล กระทรวงพาณิชย์และสํานักงานศุลกากรเป็นผู้กําหนดนโยบายและหลักเกณฑ์ การควบคุมตลาดการค้าชายแดนท่ัวประเทศส่วนรัฐบาลมณฑลและเขตปกครองตนเองที่มีพ้ืนท่ีชายแดนจะรับผิดชอบในการควบคุมตลาดการค้าในทางปฏบิ ตั ิ เพ่ือให้การค้าในตลาดเป็นไปด้วยความเรยี บรอ้ ย 2) การค้าชายแดนขนาดยอ่ ม การค้าชายแดนขนาดย่อมเป็นการค้าท่ีทางการเปิดให้มีการค้าขายเล็กๆ น้อยๆ ตามด่านชายแดนทางบกซ่ึงอยู่ในเขตปกครองของอําเภอชายแดนหรือเทศบาลชายแดน วิสาหกิจที่ได้รับอนุญาต

- 18 -ให้ประกอบการค้าชายแดนโดยผ่านด่านชายแดนทางบกน้ี สามารถเข้าไปติดต่อค้าขายกับบริษัทหรือหนว่ ยธุรกิจอน่ื ๆ ในเขตชายแดนของประเทศเพอื่ นบา้ นได้ การค้าชายแดนในรูปแบบอ่ืนๆ ถูกจัดให้อยู่ในประเภทการค้าชายแดนขนาดย่อมและอยู่ในระบบการควบคุมของการค้าชายแดนขนาดย่อมด้วย ยกเว้น ตลาดการค้าระหว่างคนพื้นท่ีชายแดนสองฝั่งท่ไี ด้เปิดให้ดาํ เนนิ การไปก่อนแล้ว หน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้กําหนดนโยบายและหลักเกณฑ์การควบคุมการค้าชายแดนขนาดยอ่ มการใหส้ ทิ ธพิ ิเศษลดภาษีมูลคา่ เพิ่มกบั ประเทศทม่ี ีพรมแดนติดกับจนี กระทรวงการคลัง สํานักงานภาษี และกรมศุลกากรของจีน ได้ออกประกาศเลขที่ 90 เมื่อวันที่30 ตลุ าคม 2551 เรอื่ งการส่งเสริมการค้าชายแดนและนโยบายภาษี ซึ่งได้เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันท่ี 1พฤศจิกายน 2551 โดยมสี าระสาํ คัญ ดังนี้ มณฑลในเขตชายแดนที่ให้สิทธิพิเศษ ได้แก่ มองโกเลียใน เหลียวหนิง จี๋หลิน เฮย์หลงเจียงกว่างซี ไหหลาํ ทเิ บต ซินเจียง และยูนนาน มาตรการสาํ คญั เพือ่ สนับสนนุ การค้าชายแดน ƒ เพิ่มการสนับสนุนทางด้านการเงิน โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลัง ร่วมกับหน่วยงานที่ เกยี่ วข้อง กาํ หนดมาตรการและเงื่อนไขเฉพาะสาํ หรับแตล่ ะทอ้ งที่ เพื่อสนับสนนุ การคา้ ชายแดน และสรา้ งขีดความสามารถให้กบั ผู้ประกอบการในเขตชายแดน ƒ เพ่ิมมูลค่าของการค้าในเขตชายแดนท่ีจะได้รับการยกเว้นภาษีนําเข้าและภาษีมูลค่าเพ่ิม จาก เดิมไม่เกิน 3,000 หยวน/คน/วัน เป็นไม่เกิน 8,000 หยวน/คน/วัน โดยผู้ท่ีจะได้รับสิทธิ ประโยชน์จะต้องมีคณุ สมบัติ ดังนี้ − เปน็ บุคคลธรรมดา − มีถ่ินพาํ นกั ในเขตชายแดนท่ีให้สิทธปิ ระโยชน์ − นาํ เขา้ สนิ คา้ ท่ไี มอ่ ยใู่ นบญั ชีรายการยกเว้นการใหส้ ิทธปิ ระโยชน์ ท้ังนี้ กฎระเบียบใหม่น้ี ไม่ครอบคลุมบริษัทที่ต้ังอยู่ในเขตพรมแดน ซึ่งแต่เดิมได้รับการลดภาษีมูลค่าเพิ่มลงคร่ึงหน่ึงสําหรับปริมาณการค้าชายแดนที่ไม่เกินมูลค่าที่กําหนด ดังน้ัน บริษัทในเขตชายแดนยังตอ้ งชําระภาษนี าํ เข้า และภาษีมลู ค่าเพิ่มตามอตั ราทกี่ าํ หนดไว้ โดยไมม่ ีการลดภาษดี งั กลา่ ว5.2 มาตรการท่ีมิใช่ภาษี 1) มาตรการสุขอนามัยและสขุ อนามยั พชื และสตั ว์ (SPS) 2) มาตรการอปุ สรรคทางเทคนคิ (TBT) 3) มาตรการอื่น ๆ (Other Measures) สามารถดูรายละเอียดได้ที่ Website ของกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ หรือ linkได้ที่ http://www.dft.go.th/level3.asp?level2=35

- 19 - 6. ขอ้ มูลทางการคา้ กบั ประเทศไทย6.1 ความสมั พนั ธ์ทางการคา้ ™ ภาครัฐบาล: - ขอ้ ตกลงทางการคา้ เม่อื วันที่ 31 มีนาคม 2521 - พธิ ีสารว่าด้วยการจดั ต้งั คณะกรรมการรว่ มทางการคา้ ไทย–จนี เมอ่ื วนั ท่ี 9 พฤศจิกายน 2521 - ข้อตกลงว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-จีน เม่อื วันที่ 12 มนี าคม 2528 - ขอ้ ตกลงความรว่ มมือด้านวัฒนธรรมไทย-จีน เม่อื วันที่ 28 สงิ หาคม 2544 - ความตกลงเร่งลดภาษสี นิ ค้าผักและผลไม้ระหวา่ งไทย-จีน เมอ่ื วนั ที่ 18 มถิ ุนายน 2546 - ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย กับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่า ด้วยการจดั ต้ังคณะกรรมการรว่ มวา่ ด้วยความร่วมมอื ทางเศรษฐกจิ วันที่ 18 ตุลาคม 2546 - บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย กับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชน จีนว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือทางการค้า การลงทุน และเศรษฐกิจ วันท่ี 18 ตุลาคม 2546 - บันทึกความเข้าใจร่วมกันว่าด้วยความร่วมมือด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช ระหว่าง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไทย กับกระทรวงควบคุมและกักกันโรคของจีน เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2547 - พิธีสารว่าด้วยการตรวจสอบและกักกันผลไม้ ท่ีจะส่งออกจากจีนมาไทย ระหว่างกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ไทย กับกระทรวงควบคุมและกักกันโรคของจีนเม่ือวันที่ 29 ตุลาคม 2547 ณ จงั หวดั ภเู ก็ต - บันทึกความเข้าใจด้านการยอมรับมาตรฐานสุขอนามัยในสินค้าผักสด เนื้อ จระเข้และเน้ือไก่ ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย กับกระทรวงควบคุมและกักกันโรคของจีน เม่ือวันท่ี 22 กนั ยายน 2548 ณ จังหวัดเชียงใหม่ - ความตกลงการขยายความรว่ มมอื ทวภิ าคีทางเศรษฐกจิ และการค้าในเชงิ กว้างและเชิงลกึ ระหว่าง รัฐบาลแหง่ ราชอาณาจักรไทยและรฐั บาลสาธารณรฐั ประชาชนจนี เมื่อวันท่ี 24 มถิ นุ ายน 2552 - พธิ ีสารวา่ ด้วยขอ้ กาํ หนดในการตรวจสอบและกกั กนั โรคสาํ หรบั การส่งออกและนําเขา้ ผลไม้ผา่ น ประเทศทส่ี ามระหวา่ งประเทศไทยและจีน ระหวา่ งกระทรวงเกษตรและสหกรณข์ องไทย กับ กระทรวงควบคุมและกกั กันโรคของจนี เมื่อวนั ท่ี 25 กุมภาพนั ธ์ 2554 (ลงนามยอ่ ) ™ ภาคเอกชน: - ข้อตกลงความร่วมมือระหว่างคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ได้แก่ สภาหอการค้า แห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทย กับสภาส่งเสริม การคา้ ระหว่างประเทศแหง่ ชาติจนี เม่อื วนั ที่ 27 สงิ หาคม 2536

- 20 - - ข้อตกลงความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าและวิชาการระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศ ไทย กับหอการค้ามณฑลเหอเป่ย เมื่อวนั ท่ี 28 มีนาคม 2543 - บันทกึ ความเข้าใจวา่ ด้วยการจดั ตง้ั สภาธรุ กจิ ไทย-จนี และสภาธุรกิจ จีน-ไทย เ มื่ อ วั น ท่ี 2 8 สิงหาคม 25446.2 ความสัมพนั ธท์ างการค้าจีนเปน็ คคู่ า้ ทีส่ าํ คญั ของไทยมาโดยตลอด โดยในปีทีผ่ า่ นมาเปน็ ประเทศคู่ค้าอันดับท่ี 2 ของไทย รองจากญ่ีปุ่น โดยเป็นตลาดส่งออกอันดับที่ 1 และเป็นแหล่งนําเข้าอันดับที่ 2 ของไทย ในขณะที่ไทยเป็นคู่ค้าลําดบั ท่ี 15 ของจีน โดยเปน็ ตลาดสง่ ออกลาํ ดบั ที่ 20 และแหล่งนาํ เข้าลําดับที่ 13 ของจีนการค้ารวม ในระยะ 5 ปีท่ีผ่านมา (2550-2554) การค้ารวมมีมูลค่าเฉลี่ย 40,852.32 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เฉล่ียเพ่ิมข้ึนร้อยละ 19.10 ต่อปี โดยในปี 2554 การค้ารวมมีมูลค่า 57,983.56 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิม่ ข้นึ จากปี 2553 ร้อยละ 26.85 และเปน็ คคู่ า้ อนั ดับท่ี 2 ของไทยการส่งออก ในระยะ 5 ปีท่ีผ่านมา (2550-2554) การส่งออกมีมูลค่าเฉล่ีย 19,206.46 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เฉลี่ยเพ่ิมข้ึนร้อยละ 19.20 ต่อปี โดยในปี 2554 การส่งออกมีมูลค่า 27,402.40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขน้ึ จากปี 2553 ร้อยละ 27.61การนําเขา้ ในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา (2550-2554) การนําเข้ามีมูลค่าเฉลี่ย 21,645.85 ล้านเหรียญสหรัฐฯเฉลี่ยเพ่ิมข้ึนร้อยละ 19.30 ต่อปี โดยในปี 2554 การนําเข้ามีมูลค่า 30,581.15 ล้านเหรียญสหรัฐฯเพ่มิ ข้ึนจากปี 2553 ร้อยละ 26.17ดุลการค้า ไทยเป็นฝ่ายขาดดุลการค้ากับจีนมาโดยตลอด แม้ว่า ในปี 2553 ไทยขาดดุลการค้าแก่จีนลดลงเหลือ 2,764.31 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 203.77 จากปี 2552 ซึ่งมีมูลค่าการขาดดุลถึง910.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ในปี 2554 ไทยขาดดุลการค้าแก่จีนเพ่ิมข้ึนเป็น 3,178.75 ล้านเหรียญสหรฐั ฯสนิ ค้าส่งออกทสี่ าํ คัญ ได้แก่ ยางพารา เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ อปุ กรณแ์ ละส่วนประกอบ เคมภี ัณฑ์ เม็ดพลาสติก ผลติ ภัณฑ์ยาง ผลติ ภณั ฑ์มันสาํ ปะหลัง ไม้และผลิตภณั ฑ์ไม้ น้าํ มันสําเรจ็ รูป กระดาษและผลติ ภณั ฑ์กระดาษ และแผงวงจรไฟฟ้า เป็นต้นสนิ ค้านําเขา้ ทส่ี ําคญั ได้แก่ เคร่ืองจกั รไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ อปุ กรณแ์ ละสว่ นประกอบ เครอื่ งใชไ้ ฟฟ้าในบ้าน เครือ่ งจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เหลก็ เหลก็ กลา้ และผลิตภณั ฑ์ เครอื่ งใชเ้ บด็ เตล็ด ผา้ ผืน ผลิตภณั ฑ์โลหะ สนิ แร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลติ ภณั ฑ์ เป็นต้น

- 21 - สถติ ิการคา้ ไทย – จนี   มลู คา่ : ลา้ นเหรียญสหรฐั ฯปี ปรมิ าณการคา้ รวม ไทยสง่ ออก ไทยนําเข้า ดุลการค้า มูลค่า สัดสว่ น % ∆ มูลคา่ % ∆ มลู คา่ % ∆ 2549 25,332.0 9.8 24.6 11,728.0 27.9 13,604.0 21.9 -1,876.1 2550 31,071.6 10.6 22.7 14,846.8 26.6 16,224.9 19.3 -1,378.2 2551 36,346.9 10.2 17.0 16,190.6 9.1 20,156.3 24.2 -3,965.7 2552 33,148.3 11.6 -8.8 16,119.4 -0.4 17,028.9 -15.5 -909.5 2553 45,712.56 12.1 37.9 21,473.2 33.21 24,239.37 42.34 -2,766.17 2554 57,983.6 12.7 26.9 27,402.4 27.61 30,581.15 26.17 -3,178.8ทีม่ า: ศูนยเ์ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร โดยความรว่ มมือของกรมศุลกากร สนิ คา้ สง่ ออกจากไทย 10 อันดับแรก  มูลคา่ : ล้านเหรียญสหรัฐฯ  รายการ 2551 2552 2553 2554 %∆1 ยางพารา 1,937.5 1,554.0 2,446.3 5,092.4 108.172 เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ อุปกรณแ์ ละส่วนประกอบ 4,821.8 4,327.3 5,036.7 4,299.1 -14.653 เคมภี ัณฑ์ 817.1 1,359.7 1,790.4 2,681.3 49.764 เม็ดพลาสตกิ 1,075.3 1,082.3 1,631.5 2,438.9 49.485 ผลติ ภณั ฑ์ยาง 480.3 783.9 1,412.0 1,793.1 26.996 ผลติ ภัณฑม์ นั สาํ ปะหลัง 339.3 790.7 1,155.7 1,359.1 17.607 ไม้และผลติ ภัณฑไ์ ม้ 287.8 401.7 642.8 913.4 42.098 น้าํ มันสาํ เร็จรปู 1,185.1 664.8 859.0 746.0 -13.159 กระดาษและผลิตภัณฑก์ ระดาษ 110.2 39.5 45.5 741.6 1,531.5210 แผงวงจรไฟฟ้า 781.7 736.1 807.7 685.1 -15.18รวม 10 รายการ 11,836.0 11,740.0 15,827.5 20,750.0 31.10อ่ืนๆ 4,354.5 4,379.3 5,645.7 6,652.4 17.83 มลู ค่ารวม 16,190.6 16,119.4 16,119.4 21,473.2 27.61ทม่ี า: ศูนยเ์ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร โดยความร่วมมอื ของกรมศลุ กากร    

- 22 - สนิ คา้ นําเข้าจากไทย 10 อนั ดบั แรก  รายการ มลู คา่ : ล้านเหรียญสหรัฐฯ 2551 2552 2553 2554 %∆1 เครอ่ื งจกั รไฟฟ้าและสว่ นประกอบ 2,374.8 2,448.9 3,220.1 3,984.6 23.74 13.532 เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ อปุ กรณแ์ ละสว่ นประกอบ 2,785.7 2,757.1 3,370.0 3,826.0 34.67 33.093 เครื่องใช้ไฟฟา้ ในบ้าน 1,812.4 1,648.2 2,142.1 2,884.8 34.60 58.244 เครื่องจักรกลและสว่ นประกอบ 1,616.4 1,393.8 2,137.9 2,845.2 19.78 11.345 เคมีภัณฑ์ 1,466.9 1,144.5 1,682.0 2,263.9 34.27 32.016 เหล็ก เหลก็ กลา้ และผลติ ภัณฑ์ 1,478.3 457.2 1,050.0 1,661.4 27.54 23.317 เครอ่ื งใชเ้ บด็ เตล็ด 653.7 576.7 793.4 950.48 ผ้าผนื 680.2 531.8 783.4 872.29 ผลิตภัณฑโ์ ลหะ 638.5 475.0 638.8 857.810 สนิ แร่โลหะอ่นื ๆ เศษโลหะและผลติ ภณั ฑ์ 682.7 365.7 601.2 793.6รวม 10 รายการ 14,189.6 11,798.9 16,418.8 20,939.9อืน่ ๆ 5,966.7 5,230.5 7,818.7 9,641.3 มลู คา่ รวม 20,156.3 17,029.4 24,237.5 30,581.2 26.17ท่ีมา: ศนู ยเ์ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สาร โดยความรว่ มมอื ของกรมศุลกากร

- 23 - 7. ความเช่ือมโยง “ขอ้ ตกลงเรง่ ลดภาษีสนิ ค้าผกั และผลไมร้ ะหว่างไทย – จีน” และ ข้อตกลง “FTA อาเซียน – จีน”7.1 ขอ้ ตกลงเร่งลดภาษสี นิ ค้าผักและผลไมร้ ะหว่างไทย – จนี เมื่อวันท่ี 18 มิถุนายน 2546 รัฐบาลไทยและจีนได้ลงนามในข้อตกลงเร่งลดภาษีศุลกากรสินค้าผักและผลไม้ (Agreement between the Government of the People's Republic of Chinaand the Government of the Kingdom of Thailand on Accelerated Tariff Eliminationunder the Early Harvest Programme of the Framework Agreement on ComprehensiveEconomic Cooperation between ASEAN and China) ภายใต้พิกัดฯ ตอนที่ 07 และ 08 ให้เหลือรอ้ ยละ 0 โดยมีผลต้ังแตว่ นั ที่ 1 ตุลาคม 2546 ซึ่งขอ้ ตกลงเร่งลดภาษีฯ (หรือท่ีคนไทยทั่วไปนิยมเรียกว่าFTA ไทย – จีน) ข้างต้น เป็นการดําเนินการภายใต้แนวคิดการเปิดเสรีในบางสาขาท่ีมีความพร้อมก่อน(Early Harvest) ตามมาตรา 6 ของความตกลงการจัดทําเขตการค้าเสรีอาเซียน – จีน (FTA อาเซียน –จีน หรือ ACFTA)7.2 ข้อตกลง FTA อาเซียน – จีนความตกลงการคา้ สนิ ค้า ลงนามเม่ือ 29 พฤศจิกายน 2547 โดยการเปิดเสรีการค้าสินค้าแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือการลดภาษีสินค้าบางส่วนทันที (Early Harvest Program) และการลดภาษสี นิ ค้าทัว่ ไป 1) การลดภาษีสินค้า Early Harvest Program ครอบคลุมสินค้าเกษตรภายใต้พิกัดฯตอนที่ 01-08 (สัตว์มีชีวิต เน้ือสัตว์ และส่วนอ่ืนของสัตว์ที่บริโภคได้ ปลา ผลิตภัณฑ์นม ไข่ สัตว์ปีกผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ต้นไม้ พืชผักท่ีบริโภคได้ และผลไม้และลูกนัตท่ีบริโภคได้) รวมทั้งสินค้าเฉพาะ(Specific products) ที่มีผลเฉพาะกับประเทศท่ีตกลงกันสองฝ่ายเท่าน้ัน เช่น ไทยกับจีนได้ตกลงที่จะเร่งลดภาษีระหว่างกันอีก 2 รายการ คือ ถ่านหินแอนทราไซด์และถ่านหินโค้ก/เซมิโค้ก โดยให้จีนและอาเซียนเดิม 6 ประเทศ เร่ิมต้นการลดภาษีในวันที่ 1 มกราคม 2547 และลดภาษีลงเป็น 0% ภายในในวันที่ 1 มกราคม 2549 และให้ความยืดหยุ่นกับอาเซียนใหม่ 4 ประเทศ ในอัตราและระยะเลาเร่ิมลดภาษแี ตต่ อ้ งลดภาษีเป็น 0% ภายในปี 2553 ท้ังนี้ สําหรับสินค้าที่มีมาตรการโควตาภาษี เช่น หอม และกระเทยี ม จะลดเฉพาะอัตราภาษีในโควตาเทา่ นนั้ 2) การลดภาษีสินค้าทั่วไป โดยได้แบ่งรายการสินคา้ ออกเป็น 2 รายการ ไดแ้ ก่ ƒ สินค้าปกติ (Normal Track): กําหนดให้ลดอัตราภาษีลงเหลือร้อยละ 0 ภายในวันท่ี 1 มกราคม 2553 พร้อมกับให้สินค้าจํานวน 150 รายการได้รับความยืดหยุ่นให้ลดภาษีเหลือร้อยละ 0 ได้ถึงปี 2555 (7 ปี) (สินค้าจําพวกส่ิงทอ เครื่องนุ่งหม่ ) ƒ สินค้าอ่อนไหว (Sensitive Track): จะมีได้ไม่เกิน 400 รายการและไม่เกินร้อยละ 10 ของมูลค่าการนําเข้า โดยกําหนดให้ลดอัตราภาษีเหลือร้อยละ 20 ในปี 2555 และมีอัตราภาษีสุดท้ายอยู่ที่ร้อยละ 0-5 ในปี 2561 ส่วนสินค้าอ่อนไหวสูง (Highly Sensitive Track) ได้ตกลงในเบ้ืองต้นท่ีจะกําหนดไม่ให้เกินร้อยละ 40 หรือ 100 รายการของสินค้าอ่อนไหวท้ังหมด โดยต้องเลือกหลักเกณฑ์ท่มี ีจาํ นวนรายการน้อยกวา่ และลดอัตราภาษเี หลอื รอ้ ยละ 50 ในปี 2558

- 24 - ทั้งน้ี สินค้าท่ีจะได้รับสิทธิการลดภาษีภายใต้เขตการค้าเสรี อาเซียน-จีน จะต้องได้แหล่งกําเนิดของสินค้าตามกฎเกณฑ์ท่ีได้ตกลงกัน คือ สินค้าบางประเภทต้องใช้วัตถุดิบภายในท้ังหมด (WhollyObtained) ส่วนสินค้าอ่ืนๆ ต้องมีมูลค่าของวัตถุดิบท่ีใช้ภายในประเทศไม่ต่ํากว่า 40% โดยสามารถนํามูลค่าของวัตถุดิบจากทุกประเทศสมาชิกมารวมกันได้ นอกจากน้ี อาเซียนและจีนได้จัดทํากฎว่าด้วยแหลง่ กาํ เนดิ สินค้าเฉพาะ (Product Specific Rules: PSR)ความตกลงด้านการค้าบริการ อาเซียนและจีนได้ลงนามความตกลงด้านการค้าบริการพร้อมข้อผูกพันการเปิดตลาดกลุ่มท่ี 1เม่ือวันที่ 14 มกราคม 2550 ณ เมืองเซบู สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ โดยความตกลงฯ ครอบคลุมธุรกิจบริการภาคเอกชนทุกสาขา โดยไม่ครอบคลุมการให้บริการและการจัดซ้ือจัดจ้างบริการโดยรัฐ สําหรับระดับการเปดิ ตลาดของแตล่ ะประเทศ จะระบุอยู่ในตารางขอ้ ผูกพนั ของแต่ละประเทศ และปรากฎอยู่ในส่วนแนบท้ายความตกลงฯ ท้ังนี้ ไทยเสนอผูกพันเปิดตลาดภายใต้กรอบที่กฎหมายปัจจุบันอนุญาตให้ต่างชาติประกอบธุรกิจได้ คือ ให้ประเทศสมาชิกอาเซียนและจีนสามารถเข้ามาประกอบธุรกิจได้โดยถือหุ้นไม่เกินร้อยละ 49 และมีเง่ือนไขอ่ืนตามกฎหมายเฉพาะสาขา เช่น ในสาขาวิชาชีพต้องเป็นไปตามท่ีสภาวชิ าชีพกําหนด การลงนามความตกลงด้านการค้าบริการ พร้อมข้อผูกพันการเปิดตลาดชุดที่ 1 ประกอบด้วยสาขาวชิ าชีพ บริการด้านสุขภาพ การศกึ ษา การทอ่ งเท่ยี ว การขนส่งสินค้าทางเรอื สถานะล่าสดุ เม่ือวันท่ี 19 เมษายน 2554 รัฐสภาให้ความเห็นชอบพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันชุดท่ี 2 เพ่ือเปิดตลาดสินค้าบริการชุดที่ 2 ครอบคลุมการค้าบริการด้านต่างๆ ได้แก่ บริการด้านวิชาชีพ การสื่อสารบริการก่อสร้างและวิศวกรรมท่ีเก่ียวข้อง บริการจัดจําหน่าย บริการทางการศึกษา บริการสิ่งแวดล้อมบริการด้านการเงิน บริการด้านท่องเที่ยวและที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง บริการด้านนันทนาการวัฒนธรรมและกีฬา บริการขนส่งซึ่งประชุม ACTNC ได้ปรับแก้ไขวันมีผลใช้บังคับพิธีสารฯ ชุดท่ี 2 จากวันที่ 1 มกราคม 2554 เป็นวันท่ี 1 มกราคม 2555 โดยท้ังสองฝ่ายคาดว่าจะลงนามพิธีสารฯ ได้ในช่วงการประชุมรฐั มนตรีเศรษฐกจิ อาเซยี น-จีน ครง้ั ที่ 10 ในเดอื นสิงหาคม 2554 ณ ประเทศอินโดนเี ซยีความตกลงดา้ นการลงทนุ การเจรจาจดั ทําความตกลงวา่ ดว้ ยการลงทุนอาเซยี น-จีน ได้เสร็จสนิ้ ลง เมื่อวันท่ี 9 พฤศจิกายน2551 และรัฐมนตรีเศรษฐกิจของอาเซียนและจีน ได้ลงนามความตกลงว่าด้วยการลงทุนอาเซียน-จีนในชว่ งการประชมุ รฐั มนตรีเศรษฐกจิ อาเซยี น-จีน เม่อื วันที่ 15 สิงหาคม 2552 ณ ประเทศไทย สาระสําคัญครอบคลุมด้านการส่งเสริมและอํานวยความสะดวก และการให้ความคุ้มครองกับนักลงทุนของภาคี โดยครอบคลุมทั้งการลงทุนทางตรง และการลงทุนในหลักทรัพย์ ขอบเขตของการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนประกอบด้วย การปฏิบัติที่เป็นธรรมและเท่าเทียมกัน การชดเชยในกรณีเหตุการณ์ไม่สงบ การชดเชยในกรณีที่มีการเวนคืน การระงับข้อพิพาทระหว่างนักลงทุนกับรัฐ เป็นต้นทั้งน้ี ยงั ไมค่ รอบคลุมการเปดิ เสรี

- 25 - สถิติการลงทนุ จากจนี มีโครงการที่ย่นื ขอสง่ เสรมิ รวม 36 โครงการในปี 2554 ปรมิ าณเงนิ ลงทุน28,495 ล้านบาท จํานวนโครงการเพิ่มข้ึนจากปี 2553 ร้อยละ 16 ส่วนปริมาณเงินทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ166.35 โดยมีโครงการขนาดใหญ่ย่ืนของส่งเสริมในกิจการพลังงานไฟฟ้า กิจการผลิตผลิตภัณฑ์จากยางธรรมชาติ และกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ รวมถึงโครงการในสาขาเกษตรกรรมและผลผลิตทางการเกษตรด้วย การลงทุนทางตรงจากจีนมาอาเซียน การลงทนุ ของจนี ในอาเซียนมีการขยายตวั เพม่ิ ข้นึ จาก 230 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2548 เป็น13,000 ล้านเหรียญในปี 2553 โดยอาเซียนเป็นพื้นที่เป้าหมายอันดับ 3 ด้านการลงทุนของจีน รองจากฮ่องกงและออสเตรเลยีความรว่ มมือดา้ นเศรษฐกจิ เม่ือวันท่ี 4 พฤศจิกายน 2545 อาเซียนและจีนลงนามใน Framework Agreement onComprehensive Economic Cooperation ครอบคลุมความตกลงด้านการค้าสินค้า การบริการ การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจใน 5 สาขา ได้แก่ เกษตรกรรม เทคโนโลยีสารสนเทศ การพัฒนาทรพั ยากรมนุษย์ การลงทนุ และการพฒั นาลมุ่ แม่นํา้ โขง สําหรบั การคา้ สินค้า ไทยและจีนได้ลดภาษีเป็นศูนย์แล้วกว่าร้อยละ 90 ของรายการ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 ทั้งนี้ ประเทศไทย (โดยอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ) เป็นประธานร่วมของฝ่ายอาเซียน สําหรับคณะกรรมการกํากับการดาํ เนนิ งานภายใตก้ รอบความตกลงการคา้ เสรอี าเซยี น-จีน อาเซียน-จีน กําลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 21 และเป็นกลไกหลักในการขับเคล่ือนความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ระหว่างอาเซียน-จีน ส่งผลให้การค้าระหว่างอาเซียน-จีนขยายตัวเพิ่มข้ึนอย่างต่อเนื่อง จีนกลายเป็นประเทศคู่ค้าอันดับหน่ึงของอาเซียนในช่วงหลายปีท่ีผ่านมา โดยในปี 2554 มีมูลค่าการค้าสูงถึง 362,326.50 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเพ่ิมข้ึนจากปี 2553 ประมาณร้อยละ 23 ทั้งน้ี คาดว่าตัวเลขการคา้ จะสงู ถึง 500,000 ลา้ นเหรียญสหรัฐได้ในอีก 2-3 ปขี ้างหน้า สําหรับสถานะการเจรจาล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม 2554 ทั้งอาเซียนและจีน สามารถสรุปผลการเจรจาข้อผูกพันและข้อบทสําคัญๆ อาทิ ข้อผูกพันชุดที่ 2 ภายใต้ความตกลงด้านการค้าบริการ ข้อบทด้านสุขอนามยั และสุขอนามัยพืช (SPS) ข้อบทด้านอุปสรรคเทคนิคทางการค้า (TBT) ภายใต้ความตกลงด้านการค้าสินค้า ท้ังน้ี ขณะน้ีอยู่ระหว่างการเจรจาเพ่ือสรุปข้อบทด้านพิธีการศุลกากรและการอํานวยความสะดวกทางการค้าระหว่างกนั และการทบทวนกฎวา่ ดว้ ยถ่ินกําเนดิ สนิ คา้ (ROO) ให้มีความทันสมัยสอดรับกับความต้องการของภาคเอกชนมากยง่ิ ขึ้นความร่วมมือระหว่างไทย-จีน ภายใต้ความตกลงการขยายความร่วมมือทวิภาคีทางเศรษฐกิจและการค้าในเชิงกว้างและเชิงลึกระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน(Agreement on Expanding and Deepening Bilateral Economic and Trade Cooperation :EDBETC)• รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทย (นางพรทิวา นาคาศัย) และรัฐมนตรีพาณิชย์จีน (Mr.Chen Deming) ได้ลงนามความตกลง EDBETC เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2552 ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจนี

- 26 -• ความตกลงฯ มีสาระสําคัญเพ่ือเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีนในลักษณะการแลกเปล่ียนข้อมูลด้านนโยบาย กฎระเบียบการค้าและการลงทุน การร่วมทุน การหารือเพื่อแก้ไขปัญหาและอุปสรรคการค้า การพัฒนาความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน และการอํานวยความสะดวกด้านการค้าตลอดจนสํารวจและดําเนินความร่วมมือทางเศรษฐกิจโดยครอบคลุมสาขาต่างๆ จํานวน 10 สาขา ได้แก่1) เกษตร ประมง การผลิตและแปรรูปอาหาร 2) การผลิตสินค้าอุตสาหกรรม 3) โครงสร้างพ้ืนฐาน4) ทรัพยากรแร่และแปรรูปผลิตภัณฑ์แร่ 5) พลังงาน 6) โทรคมนาคมและ ICT 7) การบริการ 8) โลจิสติกส์ 9) พัฒนาศกั ยภาพ SMEs และ 10) สาขาอ่นื ๆ ทเ่ี หน็ ชอบรว่ มกัน• ลา่ สุด สองฝ่ายอยรู่ ะหว่างดาํ เนินการจัดทําแผนพัฒนาระยะ 5 ปี ซ่ึงท้ังสองฝ่ายมีการแลกเปลี่ยนร่างแผนฯ หลายคร้ัง ล่าสุดฝ่ายไทยอยู่ระหว่างการหารือกับหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง เน่ืองจากแผนฯ มีขอบเขตครอบคลุมงานในความรับผดิ ชอบของหลายหน่วยงาน จงึ ใช้เวลาในการดาํ เนินงานค่อนข้างมาก• ฝ่ายไทยตั้งเป้าให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณชิ ย์สองฝ่ายลงนามในแผนพัฒนาระยะ 5 ปี ในช่วงการเยือนจนี อย่างเปน็ ทางการของนายกรฐั มนตรีในชว่ งเดอื นเมษายน 2555 (17-19 เมษายน)

- 27 - 8. แหล่งที่มาของขอ้ มูล1) Economist Intelligence Unit2) CIA – The World Factbook3) World trade atlas4) China FTA Network5) กระทรวงพาณชิ ย์6) กระทรวงการตา่ งประเทศ7) กรมการคา้ ต่างประเทศ8) ศนู ยค์ วามรู้เพ่อื การคา้ และการลงทนุ กบั จนี สาํ นักยุทธศาสตรก์ ารพาณิชย์9) ศูนยบ์ ริการข้อมูลธรุ กจิ ไทยในจีน10) ศูนย์เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร โดยความร่วมมอื ของกรมศลุ กากร สาํ นกั เอเชยี และแปซฟิ กิ กรมเจรจาการคา้ ระหวา่ งประเทศ มีนาคม 2555


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook