Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 1 ร่างกายของเรา

หน่วยที่ 1 ร่างกายของเรา

Published by ratchanee12wai, 2020-08-29 00:00:06

Description: หน่วยที่ 1 ร่างกายของเรา

Search

Read the Text Version

หนว่ ยที่ 1 ร่างกายของเรา คณุ ครูรชั นี วายโสกา โรงเรยี นเทศบาลพนา

ใบความรู้ เร่ืองระบบหมนุ เวียนเลือด :: จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ :: 1. ผู้เรียนอธบิ ายความหมายของคำวา่ พลาสมาและฮโี มโกลบนิ ได้ 2. ผู้เรียนอธบิ ายสว่ นประกอบตลอดจนหนา้ ท่ีของเลอื ดและเซลลเ์ มด็ เลือดได้ 3. ผเู้ รียนอธบิ ายระบบทางเดินของเลอื ดผ่านเขา้ ออกหวั ใจได้ 4. ผู้เรียนสรปุ เกย่ี วกับการหมนุ เวียนของเลอื ดและอวยั วะที่เกย่ี วขอ้ งได้ 5. ผูเ้ รียนอธิบายความสำคญั ของความดันเลอื ดในรา่ งกายได้ 6. ผู้เรยี นอธิบายปัจจัยท่มี ีผลตอ่ ความดนั เลอื ดได้ 7. ผ้เู รียนสรุปปัจจยั และการทำกจิ กรรมที่มผี ลตอ่ การเต้นของชพี จรได้ 8. ผเู้ รยี นอธิบายและบง่ ชี้สว่ นประกอบของระบบน้ำเหลอื งได้ 9. ผ้เู รียนอธิบายกลไกกำจัดสงิ่ แปลกปลอมท่รี า่ งกายสรา้ งขึน้ ได้ 10. ผู้เรยี นบอกลกั ษณะแตกต่างของคุ้มภมู กิ นั ท่รี า่ งกายสรา้ งขน้ึ เองและภมู คิ มุ้ กนั ท่ีรบั มาได้ 11. ผูเ้ รยี นสรปุ เกยี่ วกับระบบน้ำเหลอื งและภมู คิ ุม้ กันได้ เลอื ด (Blood) ประกอบดว้ ย 2 สว่ น คือ ส่วนทเ่ี ปน็ ของเหลว 55 เปอร์เซ็นต์ ซึง่ เรยี กวา่ “ น้ำเลอื ดหรือ พลาสมา (plasma)”และส่วนทเี่ ปน็ ของแขง็ มี 45 เปอร์เซ็นต์ ซ่งึ ไดแ้ ก่ เซลล์เม็ดเลอื ดและเกลด็ เลอื ด

1. น้ำเลือดหรอื พลาสมา ประกอบด้วยนำ้ ประมาณ 91 เปอร์เซน็ ต์ ทำหนา้ ทล่ี ำเลียงเอนไซม์ ฮอรโ์ มน แกส๊ แรธ่ าตุ วิตามินและ สารอาหารประเภทต่างๆทผี่ า่ นการย่อยอาหารมาแลว้ ไปให้เซลลแ์ ละรับของเสียจากเซลล์ เช่น ยเู รยี แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ นำ้ สง่ ไปกำจัดออกนอกรา่ งกาย 2. เซลลเ์ มด็ เลอื ด ประกอบด้วย 2.1 เซลลเ์ มด็ เลอื ดแดง (red blood cell) มีลักษณะค่อนขา้ งกลมตรงกลางจะเว้าเข้าหากนั ( คล้ายขนมโดนัท ) เนือ่ งจากไมม่ นี วิ เคลียส องคป์ ระกอบ ส่วนใหญเ่ ปน็ สารประเภทโปรตีนที่เรียกว่า “ ฮโี มโกลบิน ” ซง่ึ มีสมบตั ใิ นการรวมตัวกับแกส๊ ตา่ งๆ ได้ดี เชน่ แก๊สออกซิเจน แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ หน้าที่ แลกเปลี่ยนแก๊ส โดยจะลำเลียงแกสออกซเิ จน ไปยงั สว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกาย และลำเลยี งแกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์จากสว่ นต่างๆ ของรา่ งกายกลบั ไปทปี่ อด แหล่งสรา้ งเม็ดเลือดแดง คอื ไขกระดกู ผู้ชายจะมีเซลลเ์ มด็ เลอื ดแดงมากกว่าผู้หญงิ เซลลเ์ ม็ดเลือดแดงมี อายุประมาณ 110-120 วนั หลงั จากนั้นจะถกู นำไปทำลายที่ตับและมา้ ม 2.2 เซลลเ์ ม็ดเลอื ดขาว (white blood cell) มลี ักษณะคอ่ นข้างกลม ไมม่ ีสแี ละมนี ิวเคลยี ส เม็ดเลอื ดขาวในร่างกายมีอยดู่ ว้ ยกันหลายชนิด

หนา้ ท่ี ทำลายเชอื้ โรคหรอื สารแปลกปลอมที่เข้ามาสรู่ า่ งกาย แหล่งที่สรา้ งเมด็ เลือดขาว คอื ม้าม ไขกระดกู และตอ่ มนำ้ เหลอื ง มีอายุประมาณ 7-14 วัน 3. เกล็ดเลอื ดหรือแผ่นเลอื ด (blood pletelet) ไมใ่ ชเ่ ซลลแ์ ต่เปน็ ชิน้ สว่ นของเซลลซ์ ึ่งมรี ปุ ร่างกลมรีและแบนเกล็ดเลือดมอี ายุประมาณ4วนั หนา้ ที่ ชว่ ยใหเ้ ลือดแขง็ ตวั เม่อื มีการไหลของเลอื ดจากหลอดเลือดออกสูภ่ ายนอก :หัวใจ (Heart):: == หัวใจ (Heart) ทำหนา้ ที่ สบู ฉีดเลือดไปยงั ส่วนต่างๆ ของรา่ งกาย โดยทำใหเ้ กิดความดนั เลือดในหลอดเลอื ด แดง เพอ่ื ให้เลอื ดเคลอื่ นที่ไปยังอวยั วะสว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกายได้ท่วั ถึง



::วงจรการไหลเวียนเลอื ด:: วงจรการไหลเวยี นเลือด เรมิ่ จากหัวใจหอ้ งบนซา้ ยรบั เลอื ดท่ีมีปริมาณออกซเิ จนสูงจากปอดแลว้ บีบตัวดัน ผา่ นลิ้นหัวใจลงสหู่ ัวใจห้องล่างซา้ ยแล้วบีบตวั ดันเลือดไปยงั ส่วนตา่ งๆของรา่ งกายและเปล่ยี นเป็นเลือดท่มี ี คาร์บอนไดออกไซดส์ ูงหรอื เลือดดำไหลผ่านหลอดเลือดดำหวั ใจหอ้ งบนขวาแลว้ บบี ตัวดนั ผ่านลน้ิ หวั ใจลงส่หู อ้ ง ลา่ งขวา แลว้ กลับเข้าสู่ปอดเพอ่ื แลกเปลย่ี นแกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ใหเ้ ป็นแกส๊ ออกซิเจน เปน็ วฎั จกั รการ หมุนเวยี นเลือดในรา่ งกายเชน่ น้ตี ลอดไป การไหลเวยี นเลอื ดไปทัว่ ร่างกาย





::หลอดเลือด :: ==> หลอดเลอื ด ทำหนา้ ทีล่ ำเลียงเลือดจากหวั ใจไปยงั อวยั วะสว่ นต่างๆ ท่ัวร่างกาย และเป็นเสน้ ทางให้เลือด จากอวัยวะต่างๆทว่ั รา่ งกายกลับเขา้ สู่หวั ใจ หลอดเลอื ดในรา่ งกายมี 3 ชนิด 1. หลอดเลือดแดง (artery) เป็นหลอดเลอื ดทน่ี ำเลือดดจี ากหวั ใจไปสูเ่ ซลลต์ ่างๆ ของร่างกายหลอดเลอื ด แดงมผี นงั หนาแขง็ แรง และไมม่ ลี ้นิ กน้ั ภายใน เลอื ดทอ่ี ยู่ในหลอดเลอื ดแดงเป็นเลอื ดทีม่ ปี รมิ าณแกส๊ ออกซิเจน สงู หรือเรียกว่า “ เลอื ดแดง ”ยกเวน้ หลอดเลอื ดแดงท่ีนำเลอื ดออกจากหวั ใจไปยังปอดภายในเปน็ เลือดทีม่ ี ปริมาณแก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์มากหรอื เรียกว่า “ เลือดดำ ” 2. หลอดเลอื ดดำ (vein) เป็นหลอดเลอื ดทีน่ ำเลือดดำจากส่วนต่างๆ ของรา่ งกายเขา้ สหู่ ัวใจหลอดเลอื ดดมี ผนงั บางกวา่ หลอดเลือดแดง มีล้ินกน้ั ภายในเพอื่ ป้องกันเลือดไหลย้อนกลับ เลือดที่ไหลอยภู่ ายในหลอดเลือดจะ เปน็ เลอื ดทม่ี ีปรมิ าณแก๊สออกซิเจนต่ำ ยกเว้นหลอดเลอื ดดำที่นำเลือดจากปอดเข้าสู่หวั ใจ จะเปน็ เลือดแดง

3. หลอดเลือดฝอย (capillary) เป็นหลอดเลือดทเี่ ช่ือมต่อระหวา่ วหลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำสาน เป็นร่างแหแทรกอยูต่ ามเนอ้ื เย่ือตา่ งๆ ของร่างกาย มขี นาดเลก็ และละเอยี ดเปน็ ฝอยและมผี นงั บางมากเป็น แหล่งท่ีมีการแลกเปล่ยี นแกส๊ และสารต่างๆ ระหว่างเลอื ดกบั เซลล์ 1. ::ความดนั เลือด ( blood pressure):: ความดนั เลอื ด ( blood pressure)หมายถึงความดันในหลอดเลือดแดงเปน็ ส่วนใหญเ่ กิดจากบีบตัวของ หวั ใจท่ดี ันเลือดใหไ้ หลไปตามหลอดเลือดความดนั ของหลอดเลือดแดงทีอ่ ยใู่ กล้หวั ใจจะมีความดนั สงู กวา่ หลอด เลอื ดแดงท่ีอย่ไู กลหวั ใจ ส่วนในหลอดเลอื ดดำจะมีความดันตำ่ กว่าหลอดเลือดแดงเสมอความดนั เลือดมีหน่วย วดั เป็นมลิ ลิเมตรปรอท (mmHg) เป็นตวั เลข 2 ค่าคือ • คา่ ความดันเลอื ดขณะหวั ใจบีบตวั และค่าความดันเลือดขณะหัวใจคลายตวั เช่น 120/80 มิลลเิ มตร ปรอท คา่ ตวั เลข 120 แสดงค่าความดันเลือดขณะหัวใจบีบตวั ให้เลอื ดออกจากหัวใจ เรยี กว่า ความดัน ระยะหัวใจบบี ตัว (Systolic Pressure) • สว่ นตวั เลข 80 แสดงความดันเลอื ดขณะหัวใจคลายตัว เพ่ือรบั เลอื ดเข้าสูห่ ัวใจ เรียกว่า ความดันระยะ หัวใจคลายตัว (Diastolic Pressure) เครอ่ื งมือวัดความดนั เลอื ดเรียกวา่ “ มาตรความดนั เลอื ด จะใช้คู่กับสเตตโตสโคป (stetoscope)'' โดยจะ วดั ความดันทห่ี ลอดเลอื ดแดง ปกติความดนั เลือดสูงสุดขณะหัวใจบีบตวั ใหเ้ ลือดออกจากหัวใจมีค่า 100 + อายุ และความดนั เลือดขณะหัวใจรบั เลือดไม่ควรเกนิ 90 มลิ ลิเมตรปรอท ถ้าเกนิ จะเปน็ โรคความดันเลอื ดสงู ซึ่งมสี าเหตหุ ลายประการ เช่น หลอดเลอื ดตีบตัน คอเลสเตอรอลในเลือดสูง โกรธง่ายหรือเครยี ดอยูเ่ ปน็ ประจำ พบมากในผู้สงู อายุหรือผู้ท่ีมจี ิตใจอยู่ในสภาวะเครยี ด นอกจากน้ยี ังเกดิ จากอารมณโ์ กรธทำให้รา่ งกายผลติ สาร ชนดิ หนึง่ ออกมา ซึ่งสารน้จี ะมีผลตอ่ การบบี ตวั ของหัวใจโดยตรง ชพี จร หมายถึง การหดตัวและการคลายตวั ของหลอดเลอื ดแดง ซึง่ ตรงกับจังหวะการเตน้ ของหวั ใจคนปกติ หวั ใจเตน้ เฉลย่ี ประมาณ 72 คร้ังตอ่ นาที การเต้นของชีพจรแตล่ ะคนจะแตกต่างกันปกตอิ ตั ราการเตน้ ของชีพ จรในเพศชายจะสูงกว่าเพศหญิง ปัจจัยทม่ี ีผลตอ่ ความดนั เลอื ด มีดังน้ี 1. อายุ ผู้สูงอายุมีความดันเลอื ดสงู กว่าเดก็ 2. เพศ เพศชายมีความดันเลือดสูงกวา่ เพศหญิง ยกเวน้ เพศหญงิ ทีใ่ กลห้ มดประจำเดือนจะมีความดนั เลือดค่อนขา้ งสูง 3. ขนาดของรา่ งกาย คนทม่ี ีรา่ งกายขนาดใหญม่ ักมคี วามดนั เลอื ดสูงกวา่ คนทมี่ ีร่างกายขนาดเล็ก 4. อารมณ์ ผู้ทีม่ ีอารมณ์เครยี ด วิตกกังวล โกรธหรือตกใจง่ายทำใหค้ วามดนั เลือดสงู กวา่ คนทอ่ี ารมณ์ปกติ 5. คนทำงานหนกั และการออกกำลงั กาย ทำให้มีความดนั เลือดสงู : ระบบนำ้ เหลือง :: ==>

สารต่างๆในเซลล์จะถูกลำเลียงกลบั เข้าสหู่ ลอดเลือดดว้ ยระบบนำ้ เหลอื งโดยสัมพันธ์กบั การไหลของเลือดใน หลอดเลอื ดฝอย ระบบนำ้ เหลอื งมีส่วนประกอบ ดงั นี้ 1. อวัยวะนำ้ เหลอื ง เป็นศนู ยก์ ลางผลติ เซลล์ตอ่ ต้านส่งิ แปลกปลอม ไดแ้ ก่ ต่อมนำ้ เหลอื ง ตอ่ มทอนซลิ มา้ ม และตอ่ มไทมัส มีหน้าท่ีผลติ สารตอ่ ต้านเชอื้ โรค และสง่ิ แปลกปลอมทเ่ี ข้าสู่ร่างกาย 2. ทอ่ น้ำเหลอื ง (lymph vessel) มหี นา้ ทนี่ ำนำ้ เหลืองเข้าสู่หลอดเลือดดำในระบบหมนุ เวียนของเลอื ด 3. นำ้ เหลอื ง (lymph) มลี ักษณะเปน็ ของเหลวใสอาบอยรู่ อบๆ เซลล์ สามารถซึมผ่านเข้าออกผนงั หลอดเลอื ด ฝอยได้ มหี นา้ ท่ีเป็นตัวกลางแลกเปลยี่ นสารระหวา่ งหลอดเลือดฝอยกับเซลล์ได้ :: ระบบภมู ิคุม้ กนั :: ==> รา่ งกายของคนเราทมี่ สี ภาพภูมิคู้มกนั สิง่ แปลกปลอมทีอ่ าจก่อให้เกิดโรคได้ร่างกายซ่งึ มีกลไกกำจัดสิ่ง แปลกปลอม ตามธรรมชาติ ดังน้ี

1. เหงื่อเปน็ สารที่ร่างกายขับจากต่อมเหงื่อออกมาท่ีบริเวณผิวหนังทั่วรา่ งกายสามารถปอ้ งกนั การ เจริญเติบโตของแบคทเี รยี และปอ้ งกันไมใ่ หเ้ ช้อื โรคเขา้ ส่รู า่ งกายทางผิวหนัง 2. นำ้ ตาและนำ้ ลาย ชว่ ยทำลายเชือ้ แบคทเี รยี บางชนดิ ได้ 3. ขนจมูกและนำ้ เมอื กในจมกู ช่วยป้องกนั ฝนุ่ ละอองและเช้ือโรคทเ่ี ข้าสรู่ า่ งกายทางลมหายใจ 4. เซลล์เม็ดเลือดขาวท่อี ยู่ในเซลลร์ ่างกายและท่อนำ้ เหลอื ง สร้างสารต่อตา้ นเช้อื โรคทเ่ี รียกวา่ “ แอนติบอดี (Antibody)” เพือ่ ทำลายเช้ือโรคทีเ่ ขา้ ส่รู า่ งกาย ระบบภูมิคุ้มกนั โรคท่ีรา่ งกายสร้างขึ้นเพื่อตอ่ ต้านเฉพาะโรค ท่ีเขา้ สรู่ ่างกายน้นั สรา้ งได้ 2 ลักษณะ ดังน้ี 1. ภูมิคมุ้ กนั ทร่ี า่ งกายสรา้ งข้นึ เอง เป็นวธิ กี ารกระตุ้นใหร้ า่ งกายสรา้ งภูมิคุ้มกันจากสิง่ แปลกปลอมหรอื เชื้อโรค เช่น การฉดี วัคซีนคุ้มกนั โรคอหวิ าตกโรค เปน็ การกระตุ้นให้ร่างกายสรา้ งแอนตบิ อดี เพ่อื ทำลายเช้ือ อหวิ าตกโรคทีจ่ ะเข้าสู่ร่างกาย เปน็ ต้น 2. ภูมิค้มุ กันที่รบั มา เปน็ วธิ กี ารให้แอนติบอดแี กร่ า่ งกายโดยตรง เพ่ือให้เกิดภูมิคมุ้ กันทันที เ ชน่ การฉีดเซรุม่ แกพ้ ิษงู


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook