กฎหมายร้านค้าออนไลน์ ท่ีผปู้ ระกอบการ SME ควรรู้ ปัจจุบันพฤติกรรมของเด็กยุคใหม่มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากการเป็นลูกจ้างมาเป็นเจ้าของ กิจการของตนเองมากข้ึนในระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยเฉพาะการจาหน่ายสินค้าออนไลน์ ซ่ึงมีหลายช่องทางหรือ หลาย Platform ในการดาเนินกิจการ เช่น การค้าขายบนเว็บไซต์ อินสตราแกรม เฟสบุ๊ค รวมท้ังไลน์ หรือผ่าน ช่องทางอ่ืนๆ เนื่องจากมีเทคโนโลยีท่ีทันสมัย รวมถึงระบบเครือข่ายที่มีประสิทธภิ าพมากขึ้น สามารถเข้าถึงระบบ อินเตอรเ์ นต็ ได้อย่างทัว่ ถงึ รวมทั้งอุปกรณ์และเคร่อื งมือตา่ ง ๆ ตา่ งมรี าคาถูกลง ทาให้เกดิ ความสะดวกสบายในการ ทาธุรกรรมและดาเนินกิจการต่าง ๆ และประการสาคัญคือ มีการลงทุนต่าแต่สามารถทารายได้สูง การประกอบ ธุรกิจการขายสินค้าออนไลน์ หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า การขายของออนไลน์ น้ัน เริ่มแพร่หลายและมีผู้สนใจใน การลงทุนเข้ามาดาเนินการในธุรกิจน้ีเป็นจานวนมากในช่วงไม่ถึงสิบปีท่ีผ่านมา ซ่ึงในช่วงแรกของการทาธุรกิจ ประเภทน้ีอาจจะมีข้อสงสัยและข้อติดขัดในเร่ืองกฎหมายและระเบียบปฏิบัติพอสมควร เน่ืองจากเป็นเร่ืองใหม่ สาหรับสังคมไทย และกฎหมายที่มีอยู่ก็ยังไม่ทันสมัยพอที่จะรองรับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้ เพื่อเป็นการแก้ไข ปัญหาเหลา่ นน้ั หน่วยงานท่ีเกีย่ วข้องจึงได้มีการแก้ไข ปรบั ปรุง และรา่ งกฎหมายเพ่ิมเตมิ ซง่ึ มีกฎหมายทีเ่ ก่ยี วข้อง หลายฉบับ เพ่ือให้มีความทันสมัยสนับสนุน ควบคุม ดูแลให้ธุรกิจดาเนินไปอย่างถูกต้องและเป็นธรรมต่อ ผู้ประกอบการและผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างย่ิงสาหรับธุรกิจที่มีผู้ประกอบการ SME จานวนมาก หากละเลยท่ีจะ ปฏิบัติตามกฎหมายไม่ว่าโดยตั้งใจหรือไม่ต้ังใจก็อาจส่งผลกระทบต่อสังคมและผู้บริโภคได้ ดังน้ัน บทความน้ีจึง เสนอเนื้อหาและสาระสาคัญของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง พร้อมท้ังนาเสนอกรณีศึกษาท่ีเกิดข้ึนในปัจจุบัน เพื่อสร้าง ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการประกอบธุรกิจการจาหน่ายสินค้าออนไลน์ให้แก่ผู้ประกอบการ SME และ ผู้บริโภค และเป็นการส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจออนไลน์เหล่านี้ให้มีมาตรฐานเดียวกัน เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ รากฐานต่อไปในอนาคต กฎหมายเกีย่ วข้องกับผ้ปู ระกอบการหรือรา้ นค้าออนไลน์ ปัจจุบันการเป็นผู้ประกอบการ SME หรือร้านค้าออนไลน์ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เนื่องด้วยความ ทันสมัยของเทคโนโลยีและการสร้างโปรแกรมหรือ Application ที่ตอบสนองความต้องการการใช้งานของผู้ที่ อยากจะเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซ่ึงในส่วนของกฎหมายก็ได้มีการกาหนดมาตรการต่างๆ ไว้เพื่อรองรับการทาธุรกิจประเภทน้ีเช่นเดียวกัน เพ่ือสร้างมาตรฐานให้มีความน่าเชื่อถือแก่ผู้ประกอบการ SME และสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคได้ ดังน้ัน กฎหมายท่ีสาคญั ต่อการประกอบกิจการออนไลน์ 1 มดี ังนี้ 1. การจดทะเบียนการคา้ ผู้ประกอบธุรกิจที่ทาการค้าขายสินค้าออนไลน์ผ่านอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลมีหน้าที่ต้องไปจดทะเบียนต่อสานักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ซึ่งเป็นไปตาม 1 กฎหมายเก่ยี วกับการขายของออนไลน,์ นายชยพล ธานีวัฒน์ วทิ ยากรชานาญการพเิ ศษ กล่มุ งานกฎหมาย3 สานักกฎหมาย
-2- พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 2 จึงจะสามารถประกอบกิจการได้ เหตุท่ีกฎหมายต้อง บังคับให้ต้องจดทะเบียน เพ่ือให้หน่วยงานภาครัฐสามารถตรวจสอบหรือติดตามผู้ประกอบธุรกิจหรือผู้ค้าขายได้ หากผู้บริโภคถูกละเมิดสิทธิ์จากการซ้ือสินค้าหรือบริการ โดยผู้ทาการค้าขายสินค้าผ่านส่ือออนไลน์หรือ อินเตอร์เน็ตต้องได้รับอนุญาตก่อนจึงจะสามารถดาเนินการค้าขายได้ มิใช่ดาเนินการไปก่อนแล้วจึงไปจดทะเบียน ภายหลงั โดยแยกบคุ คลที่มหี นา้ ทีต่ ้องจดทะเบียนเพอื่ ทาการค้าขายออนไลนผ์ า่ นอินเตอร์เน็ต ดังน้ี 1.1 กรณีเจ้าของเว็บไซต์ท่ีจดทะเบียนเว็บไซต์ไว้เพื่อขายสินค้าของตนเองก็ดี หรือเป็นคน กลางในการนาสินค้าของบุคคลอื่นมาขายผ่านหน้าเว็บไซต์ก็ดี มีหน้าท่ีโดยตรงในการต้องไปจดทะเบียนต่อ สคบ. ตัวอย่างเช่น บริษัท นานมี จากัด ทาการจดทะเบียนเว็บไซต์ชื่อ www.shopaholic.com โดยทาหน้าที่เป็น สื่อกลางในการนาสินค้าของบุคคล จานวน 200 รายการ มาขายให้แก่บุคคลท่ัวไป กรณีเช่นน้ีบริษัท นานมี จากัด มีหน้าท่ีต้องไปจดทะเบียนต่อ สคบ.ก่อนจึงจะทาการค้าขายได้ ส่วนบุคคลท่ีเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น ผู้ผลิต หรือผู้นาเข้าท่ีเป็นเจ้าของสินค้าจานวน 200 รายการ น้ัน หากเจ้าของเวบไซต์ดังกล่าวได้จดทะเบียนธุรกิจ ตลาดแบบตรงต่อ สคบ.แล้ว ก็ไม่จาเป็นต้องไปจดทะเบียนต่อ สคบ. อีก ทั้งนี้เจ้าของเว็บไซต์จะต้องแจ้ง รายละเอียดเก่ียวกับชนิดหรือประเภทของสินค้า ช่ือที่อยู่ของเจ้าของ ผลิตภัณฑ์ วิธีการซื้อขาย เงื่อนไขต่างๆ ให้ นายทะเบียนการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงทราบด้วย หากมีปัญหาการผิดสัญญาก็ดี สินค้าไม่ได้มาตรฐาน หรือไมป่ ลอดภัยกด็ ี สคบ. ย่อมสามารถตรวจสอบและตดิ ตามผูต้ อ้ งรบั ผดิ ได้ 1.2 กรณีบริษัท ห้างร้าน หรือบุคคลธรรมดา ท่ีเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิต ผู้นาเข้าหรือผู้แทนจาหน่าย หรือผู้ขาย หากจดทะเบียนเว็บไซต์เพ่ือค้าขายสินค้าผ่านอินเตอร์เน็ตเป็นของตนเอง โดยไม่ผ่านเว็บไซต์ท่ีเป็นสื่อกลางดังที่กล่าวมาในข้อ 1.1 ดังนั้นบริษัท ห้างร้าน หรือบุคคลธรรมดา ที่เป็นเจ้าของ ผลิตภัณฑ์ จะต้องเป็นผมู้ ีหนา้ ทีต่ ้องไปจดทะเบยี นการประกอบธรุ กจิ ตลาดแบบตรงต่อ สคบ. โดยตรง ตวั อยา่ งเช่น บริษัท นานมี จากัด เป็นผู้ผลิตสินค้าอาหารเสริมเพ่ือจาหน่าย โดยมีการจาหน่ายผ่านส่ือออนไลน์ต่างๆ ดังน้ัน บริษัท นานมี จากัด จาเป็นต้องย่ืนจดทะเบียนธุรกิจตลาดแบบตรง (ขายสินค้าผ่านส่ือออนไลน์) ก่อน จึงจะทาการ จาหน่ายสินคา้ ผา่ นสือ่ ออนไลน์ดงั กลา่ วได้ 1.3 ธุรกิจตลาดแบบตรง ท่ีมีหน้าที่ต้องจดทะเบียนต่อ สคบ. ตามพระราชบัญญัติขายตรง และตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 นั้น หมายรวมถึงบุคคลท่ีทาการค้าขายสินค้าผ่านสื่ออ่ืนๆ ด้วย เช่น สื่อโทรศัพท์ โทรสาร หรอื เครื่องมือส่ือสารอเิ ลก็ ทรอนิกส์ในรูปแบบอ่ืนๆ เช่น บรษิ ทั เอบซี ี จากดั เปดิ สายด่วนหมายเลข 6666 เพ่ือเป็นสื่อกลางหรือเป็นตัวแทนนายหน้าในการซ้ือขายสินค้าไม่ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ของตนเอง หรือผลิตภัณฑ์ของ บคุ คลอน่ื ให้แก่ผู้บริโภค กรณีเช่นนบ้ี รษิ ัท เอบซี ี จากัด มีหนา้ ทต่ี ้องไปจดทะเบยี นการประกอบธุรกจิ ตลาดแบบตรง ตอ่ สคบ.ดว้ ย เช่นกนั เปน็ ต้น 2 พระราชบัญญัตขิ ายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545, ภมู ิพลอดลุ ยเดช ป.ร. ใหไ้ ว้ ณ วนั ท่ี 23 เมษายน พ.ศ. 2545 เป็นปที ่ี 57 ในรัชกาลปัจจบุ นั
-3- 2. บทกาหนดโทษสาหรบั ผ้กู ระทาการฝา่ ฝืน ผู้ใดประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง (ค้าขายสินค้าผ่านสื่อ) โดยไมจ่ ดทะเบียนธุรกิจตลาดแบบตรง ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหน่ึงปี หรือปรับไมเ่ กนิ หนง่ึ แสนบาท หรือท้งั จาทัง้ ปรับ และปรบั รายวันอีกวันละไม่เกิน หนง่ึ หม่ืนบาทตลอดเวลาทย่ี งั ฝา่ ฝืนอยู่ (มาตรา 47 แห่งพระราชบญั ญัตขิ ายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2545) 3. ธรุ กจิ ท่ีไม่อย่ใู นขา่ ยต้องจดทะเบยี น บริษัท ห้างร้าน หรือบุคคลธรรมดา ที่เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิต ผู้นาเข้า หรือผู้แทนจาหน่าย หรือผู้ขายที่ทาการโฆษณาสินค้าผ่านสื่อต่างๆ รวมท้ังส่ืออินเตอร์เน็ตด้วยน้ัน หากประสงค์ เพียงโฆษณาสินค้าหรือบริการผ่านสื่อเพยี งอย่างเดียว โดยมไิ ด้ประสงคห์ รือมุ่งที่จะทาการซ้ือขายสินคา้ หรือบริการ ผ่านสอื่ ด้วยแล้ว ไม่มหี นา้ ท่ีต้องไปจดทะเบยี นการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงต่อ สคบ.แต่อย่างใด ธรุ กจิ ประเภท น้ีมุ่งท่ีจะทาการตลาดในลักษณะค้าปลีกหรือค้าส่งเท่านั้น แต่การโฆษณาสินค้าหรือบริการก็เพื่อให้บริโภครู้จักมัก คุ้นกับช่ือทางการค้าหรือเคร่ืองหมายการค้า หรือตัวสินค้าเท่านั้น และหากผู้บริโภคต้องการจะซื้อสินค้าก็สามารถ ไปเลือกซ้ือได้ท่ีร้านจาหน่ายทั่วไป โดยผู้บริโภคสามารถเห็นตัวสินค้า เห็นฉลากสินค้า เห็นรายละเอียดต่างๆ ที่ตัว ผลติ ภณั ฑน์ นั้ โดยตรง ซึง่ ต่างจากการส่ังซื้อสินค้าผ่านส่ือทผี่ บู้ รโิ ภคไมม่ ีโอกาสได้เหน็ ตัวสินค้าก่อนทีจ่ ะทาการซื้อขาย 4. ขอ้ สังเกต ผู้ประกอบธุรกิจท่ีทาการค้าขายสินค้าผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งสื่ออินเตอร์เน็ตน้ัน นอกจากมหี น้าทีต่ ้องจดทะเบียนการประกอบธรุ กิจตลาดแบบตรงตอ่ สคบ. ตามพระราชบญั ญัติขายตรงและตลาด แบบตรง พ.ศ.2545 แลว้ ยงั มีหนา้ ทตี่ อ้ งจดทะเบยี นพาณิชยอ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์ ตามพระราชบญั ญัตวิ ่าดว้ ยธรุ กรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2544 3 ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าด้วย เพ่ือให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบการมีตัวตนของ ผู้ประกอบการได้ว่ามีตัวตนจริงหรือไม่ อยู่ที่ไหน ทาธุรกิจอะไรบ้าง (ต้องจดทะเบียนทั้งต่อ สคบ. และกรมพัฒนา ธุรกจิ การค้า) กฎหมายเกย่ี วกับตวั สนิ ค้า สินค้าบางประเภท เช่น ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับยาและสารเคมีบางชนิด อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บางชนิด รวมท้ังสุรา จาเป็นต้องได้รับอนุญาตหรือข้ึนทะเบียนก่อนจึงสามารถ “ผลิต” “จาหน่าย” หรือ ”นาเข้า” ได้ โดยการอนุญาต หรอื ขึ้นทะเบียนนัน้ กเ็ ป็นไปตามกฎระเบียบของแต่ละหน่วยงานรัฐท่ีรบั ผิดชอบ ทัง้ น้กี ็เพอ่ื ให้เกิด ความปลอดภัยต่อผู้บรโิ ภค ผ้ปู ระกอบการจงึ ควรศึกษาหรอื ตรวจสอบกฎหมายทเี่ ก่ยี วข้องให้แนช่ ัด การแสดงรายละเอยี ดของสินค้า ผปู้ ระกอบการควรปฏบิ ัติดงั น้ี 3 พระราชบญั ญตั วิ า่ ดว้ ยธรุ กรรมทางอเิ ล็กทรอนกิ ส์ พ.ศ. 2544 แก้ไขเพิม่ เติม (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2551, ภูมพิ ลอดลุ ยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วนั ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2544 เปน็ ปีที่ 56 ในรชั กาลปจั จบุ ัน
-4- (1) ราคาของสินคา้ : ต้องแสดงราคาเปน็ ตัวเลขอารบิกใหช้ ดั เจนและเปดิ เผย หากต้องให้ลูกค้าส่ง ขอ้ ความถามราคาจะผดิ กฎหมาย รวมท้ังราคาท่แี สดงตอ้ งตรงกับราคาที่จาหน่ายจริง (2) คา่ ใชจ้ า่ ยอนื่ : เช่น ค่าขนส่ง คา่ บรกิ ารอืน่ ทีเ่ กีย่ วขอ้ ง ตอ้ งแสดงให้ชัดเจนและเปิดเผย (3) รายละเอียดสินค้า : แสดงรายละเอียดประเภท ชนิด ลักษณะ ขนาด น้าหนัก และ รายละเอยี ดอื่นของสนิ คา้ ให้ชัดเจน โดยแสดงรายละเอียดเปน็ ภาษาไทยและอาจมภี าษาอ่ืนร่วมด้วยกไ็ ด้ นอกจากนใี้ นกรณที ่ีทาผดิ แล้วมคี นแจง้ ผ้คู ้าจะเสยี คา่ ปรับไม่เกนิ 10,000 บาท กฎหมายเกย่ี วกบั การโฆษณา พ.ร.บ. ค้มุ ครองผบู้ ริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 22 4 ไดก้ าหนดหลักเกณฑใ์ นการโฆษณาไว้วา่ การโฆษณา จะต้องไม่ใช้ข้อความ (รวมถึงภาพของสินค้า) ที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรือใช้ข้อความท่ีอาจก่อให้เกิด ผลเสียต่อสงั คมเป็นสว่ นรวม ซ่งึ มลี กั ษณะดังนี้ (1) ข้อความท่ีเปน็ เท็จหรือเกินความจรงิ (2) ขอ้ ความทจ่ี ะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสาคัญเกยี่ วกับสินค้าหรือบริการไมว่ ่าจะกระทา โดยใช้หรืออ้างอิงรายงานทางวิชาการ สถิติ หรือส่ิงใดส่ิงหนึ่งอันไม่เป็นความจริงหรือเกิน ความจรงิ หรอื ไม่ก็ตาม (3) ข้อความท่ีเป็นการสนับสนุนโดยตรงหรือโดยอ้อมให้มีการกระทาผิดกฎหมายหรือศีลธรรม หรือนาไปสคู่ วามเสื่อมเสยี ในวฒั นธรรมของชาติ (4) ข้อความท่ีจะทาใหเ้ กิดความแตกแยกหรือเสอ่ื มเสียความสามัคคีในหมปู่ ระชาชน (5) ขอ้ ความอย่างอนื่ ตามท่กี าหนดในกฎกระทรวง กฎหมายเก่ยี วกับทรพั ย์สนิ ทางปัญญา ผู้ประกอบการ SME ควรตรวจสอบว่าสนิ คา้ ทน่ี ามาจาหน่ายเป็นสินคา้ ละเมดิ ลิขสิทธ์ิ (สินคา้ เถอ่ื น เช่น แผ่นดีวีดีภาพยนตร์และเพลงท่ีทาซ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต) หรือละเมิดเครื่องหมายการค้า (สินค้าปลอม หรือ สินค้าเลยี นแบบ เชน่ พวกกระเป๋าแบรนด์เนม สนิ ค้าปลอม น้าหอมเกรด AAA เปน็ ตน้ ) หรือละเมิดทรัพยส์ ินทางปัญญา ประเภทอ่ืนหรือไม่ เนื่องจากหากผู้ประกอบการ SME ได้จาหน่ายสินค้าท่ีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาก็อาจมีโทษ อาญาทั้งจาท้ังปรับ รวมท้ังก็ยังมีความรับผิดทางแพ่งต่อเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาด้วย ดังนั้น ไม่ว่าจะประกอบ ธุรกิจจาหน่ายสินค้าออนไลน์หรือธุรกิจประเภทอื่น ผู้ประกอบการ SME จาเป็นต้องศึกษา เกี่ยวกับกฎหมาย เกี่ยวกับธุรกิจท่ีตอ้ งการเป็นอย่างดี รวมทั้งอาจต้องปรึกษาเจ้าหน้าท่ีรัฐและท่ีปรกึ ษาทางกฎหมาย เพื่อให้ได้ข้อมูล ท่ีครบถว้ น และไม่ต้องประสบปัญหาภายหลัง เพราะการปอ้ งกันปญั หาดกี วา่ การแกไ้ ขปญั หาเสมอ 4 สานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า พระราชบัญญัติคมุ้ ครองผบู้ รโิ ภค พ.ศ. 2522
-5- การโฆษณาขายสินค้าที่ผิดกฎหมาย กฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับการโฆษณาขายสินค้าออนไลน์คือ พ.ร.บ.ว่าด้วยกระทาความผิดเก่ียวกับ คอมพิวเตอร์ (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2560 มาตรา 4 โดยมีสาระสาคัญคือ “ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอ่ืนอันมีลักษณะเป็นการก่อให้เกิดความเดือดร้อนราคาญแก่ผู้รับข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่เปิดโอกาสใหผ้ ู้รบั สามารถบอกเลิกหรอื แจ้งความประสงค์เพ่ือปฏิเสธการตอบรับได้ โดยง่าย ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 200,000 บาท ให้รัฐมนตรีออกประกาศกาหนดลักษณะและวิธีการส่ง รวมท้ัง ลักษณะและปริมาณของข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ซ่ึงไม่เป็นการก่อให้เกิดความเดือดร้อน ราคาญแกผ่ ู้รับและลกั ษณะอันเปน็ การบอกเลิกหรือแจง้ ความประสงค์เพื่อปฏเิ สธการตอบรับไดโ้ ดยง่าย” เพ่ือให้การใช้ออนไลน์เป็นไปอย่างถูกกฎหมายน้ัน จึงได้สรุปสาระพระราชบัญญัติว่าด้วยการ กระทาความผิดเกย่ี วกบั คอมพวิ เตอร์ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ.2560 5 แบบงา่ ยๆ ดงั นี้ 1. การฝากร้านในเฟสบคุ๊ อินสตราแกรม ไลน์ ถือเปน็ สแปม ปรบั ไม่เกนิ 200,000 บาท 2. ส่งเอสเอม็ เอสมาโฆษณา โดยไม่รับความยินยอม ต้องมีทางเลอื กให้ผรู้ ับสามารถปฏิเสธขอ้ มลู น้ันได้ ไมเ่ ช่นนนั้ ถอื เป็นสแปม ปรบั 200,000 บาท 3. การสง่ อีเมลขายของ ถือเปน็ สแปม ปรบั ไม่เกนิ 200,000 บาท 4. การกดไลค์ ได้ไม่ผิด พ.ร.บ. ยกเว้นการกดไลค์เร่ืองเก่ียวกับสถาบัน เสี่ยงเข้าข่ายความผิด มาตรา 112 หรอื มีความผดิ รว่ ม 5. การกดแชร์ ถือเปน็ การเผยแพร่ หากข้อมลู ที่แชร์นนั้ มีผลกระทบต่อผู้อนื่ อาจเข้าข่ายความผิด ตาม พ.ร.บ.โดยเฉพาะทก่ี ระทบตอ่ บคุ คลที่ 3 6. พบข้อมูลผิดกฎหมายอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ของตนเอง แต่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าของคอมพิวเตอร์ กระทาเอง สามารถแจ้งไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบได้ หากแจ้งแล้วลบข้อมูลออกเจ้าของก็จะไม่มีความผิดตาม กฎหมาย เช่น ความเห็นในเว็บไซตต์ ่างๆ รวมไปถึงเฟสบุ๊คท่ีให้แสดงความคิดเหน็ หากพบว่ามีการแสดงความเห็น ผิดกฎหมาย เมื่อแจ้งไปทีห่ นว่ ยงานท่รี บั ผิดชอบเพ่อื ลบไดท้ ันที เจ้าของระบบเว็บไซต์จะไม่มีความผดิ 7. ฉะน้ันแอดมินทีเ่ ปิดใหม้ ีการแสดงความเหน็ เมอื่ พบขอ้ ความที่ผิด พ.ร.บ. เมือ่ ลบออกจากพ้ืนที่ ที่ตนดูแล จะถือเป็นผู้พ้นผิด แต่หากไม่ยอมลบออก จะมีโทษจาคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือท้ัง จาทงั้ ปรับ 8. การโพสต์ส่ิงลามกอนาจาร ท่ีทาให้เกิดการเผยแพร่สู่ประชาชนได้ จาคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท 9. การโพสต์เก่ยี วกบั เด็ก เยาวชน จะต้องปดิ บงั ใบหนา้ ยกเว้นเมือ่ เปน็ การเชดิ ชู ชนื่ ชมอยา่ งใหเ้ กยี รติ 5 พระราชบญั ญัตวิ ่าดว้ ยการกระทาความผดิ เกยี่ วกบั คอมพิวเตอร์ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ.2560, สมเด็จพระเจา้ อูยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกรู ให้ไว้ ณ วนั ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560 เปน็ ปีท่ี 2 ในรัชกาลปัจจุบัน
-6- 10. การให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้เสียชีวิต ต้องไม่ทาให้เกิดความเส่ือมเสียเชื่อเสียง หรือถูกดูหม่ิน เกลียดชัง ญาตสิ ามารถฟอ้ งร้องไดต้ ามกฎหมาย มีโทษจาคกุ ไมเ่ กิน 3 ปี ปรับไม่เกนิ 200,000 บาท 11. การโพสต์ด่าว่าผู้อื่น มีกฎหมายอาญาอยู่แล้ว ไม่มีข้อมูลจริง หรือถูกตัดต่อ ผู้ถูกกล่าวหา สามารถเอาผดิ ผู้โพสต์ได้ โทษจาคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกนิ 200,000 บาท 12. ไมท่ าการละเมิดลขิ สิทธ์ผิ ู้ใด ไมว่ ่าขอ้ ความ เพลง รูปภาพ หรือวดิ ีโอ 13. สง่ รูปภาพแชร์ของผ้อู นื่ เชน่ สวสั ดี อวยพร ไม่ถือวา่ ผิด ถา้ ไม่เอาภาพไปใช้ในเชงิ พาณชิ ย์ หารายได้ ภาษีขายสินคา้ ออนไลน์ ปัจจุบันเป็นสังคมไร้เงินสดท่ีฟรีค่าธรรมเนียมทุกการโอนเงินหรือรับเงิน ได้กระตุ้นให้การค้าขาย ออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว สะท้อนได้จากการใช้จ่ายบนโมบายแบงค์กิ้งท่ีเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังไม่มี หน่วยงานภาครัฐประเมินได้ว่าการขายสินค้าบนโลกออนไลน์จะมีรายได้รวมเปน็ มูลค่าเท่าไรต่อปี ซ่ึงคงจะมีมูลค่า เป็นจานวนมาก ท่ีสาคัญกลุ่มผู้ขายสินค้าออนไลน์เหล่าน้ี ยังไม่เคยเสียภาษี เพราะไม่ได้จดทะเบียนเป็นรูปบริษัท และภาครฐั เรมิ่ ตระหนกั ถึงการเก็บภาษีจากการขายสนิ คา้ ออนไลน์ อีกทั้งที่ผา่ นๆ มา การติดตามข้อมลู เพ่ือจัดเก็บ ภาษีกลุ่มการขายสินค้าออนไลน์ไมส่ ามารถดาเนินการได้อย่างมีประสิทธภิ าพ จึงเริ่มเกดิ ขึน้ ตั้งแต่ปี 2560 โดยสภา นิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ได้พิจารณาเห็นชอบร่างพระราชบญั ญัตแิ ก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร ประเด็นวา่ ด้วยการชาระเงินภาษีผ่านทางช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) เป็นกฎหมายแล้ว ซ่ึงการยกร่างแก้ไข กฎหมายดังกล่าว ได้ผ่านการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรี สานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และส่วนท่ีเก่ียวข้อง เรียบร้อยแล้ว หลังจากน้ีจะดาเนินตามกระบวนการตามกฎหมายเพื่อให้เริ่มมีผลบังคับใช้ต่อไป เม่ือวันที่ 4 ธันวาคม 2561 ท่ีผ่านมา โดยคาดว่าจะประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมาย เพื่อเร่ิมเก็บข้อมูลธุรกรรมท่ีเกิดขึ้น ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 และให้สถาบันการเงนิ ส่งรายงานธรุ กรรมครั้งแรกภายในเดอื นมีนาคม 2563 โดยที่สถาบันการเงิน จะสง่ ขอ้ มลู การใชบ้ รกิ ารใหก้ รมสรรพากรก็ตอ่ เม่ือเจา้ ของกจิ การหรอื พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์จะต้องมยี อดฝากหรือรับ โอนเงนิ รวมกนั ทุกช่องทางทง้ั เคาน์เตอร์ธนาคาร ตู้เอทเี อ็ม และอนิ เตอร์เน็ตแบงคก์ ้งิ (ไมร่ วมการโอนเงนิ ใหบ้ ญั ชีตนเอง และคนอืน่ ) ในแต่ละธนาคาร ตามหลักเกณฑ์ ดังน้ี 1. ฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีตั้งแต่ 3,000 คร้ัง/ปี นับเฉพาะจานวนครั้งที่รับโอนเงิน คือถ้าปี น้นั รับโอนถงึ 3,000 ครงั้ โดนสรรพากรตรวจสอบภาษีทง้ั หมด ไม่วา่ มูลค่าเงนิ จะมากน้อยเพยี งใดก็ตาม 2. ฝากหรอื รับโอนเงนิ ทุกบัญชีรวมกันต้ังแต่ 400 ครั้ง และมียอดเงินรวมกันตั้งแต่ 2 ล้านบาท/ปี ข้ึนไป ท่ีสาคัญต้องอยู่ใน 2 เง่ือนไข ท้ังจานวนคร้ังและมูลค่าเงิน เช่น ยอดโอน 400 ครั้ง มูลค่ารวม 2.5 ล้านบาท จะโดนสรรพากรตรวจสอบ แต่ถ้าเป็นยอดโอน 400 คร้ัง มูลค่ารวม 1 ล้านบาท สรรพากรจะไม่ตรวจสอบ หรือ ยอดโอน 300 ครง้ั มลู ค่า 3 ลา้ นบาท สรรพากรจะไมต่ รวจสอบเชน่ กัน ทั้งน้ี การนับยอดการทาธุรกรรมทางการเงินจะนับแบบปีต่อปี คือ นับต้ังแต่วันที่ 1 มกราคม - วันท่ี 31 ธนั วาคมของปีน้นั ๆ
-7- สาหรับการเสยี ภาษีออนไลน์ ปัจจุบันร้านค้าออนไลน์ก็ต้องย่ืนเสียภาษี หากมรี ายได้ตามเกณฑ์ ดังน้ี 1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หากมีเงินได้สุทธิต้ังแต่ 150,000 บาท/ปีขึ้นไป โดยเป็นการนา รายได้ทั้งหมดจากการขายสินค้าออนไลน์มาหักค่าใช้จ่ายก่อนที่จะนาไปคานวณภาษี ซ่ึงการคิดค่าใช้จ่าย สามารถ คิดได้ 2 วิธี คือ \"แบบเหมา\" จะเป็นการหักต้นทุนในสัดส่วนร้อยละ 60 ของรายได้ หรือการนาร้อยละ 40 ของ รายได้ท้ังหมดไปคิดภาษี ส่วนอีกวิธีจะคิด \"แบบตามความจาเป็น\" คือ นาค่าใช้จ่ายที่เกิดข้ึนจริง จากการขาย สนิ ค้าออนไลน์มาหักออก ซ่งึ วธิ นี จ้ี าเป็นต้องมีใบเสรจ็ หรอื ใบกากับภาษี หรอื เอกสารแสดงรายได้ คา่ ใชจ้ า่ ยต่าง ๆ ใหถ้ ูกตอ้ ง และครบถว้ น โดยวธิ นี จี้ ะมีความยุ่งยากมาก ดังน้ันเจ้าของกจิ การ หรอื พอ่ คา้ แมค่ ้าออนไลน์มักเลือกจ่าย \"แบบเหมา\" มากกวา่ 2. ภาษีมูลค่าเพ่ิม (VAT) หากมีรายได้มากกว่า 1.8 ล้านบาท/ปี ซ่ึงเจ้าของกิจการหรือพ่อค้า แม่คา้ ออนไลน์จะต้องไปยื่นคาขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพ่ิมที่สรรพากรในพื้นที่ ภายใน 30 นบั ตัง้ แต่วนั ที่มรี ายได้เกิน และในทกุ ๆ เดือน จะตอ้ งนาใบกากับภาษไี ปย่ืนเพือ่ เสยี ภาษีแก่กรมสรรพากรภายในวนั ท่ี 15 ของเดอื นถัดไป บทลงโทษสาหรบั เจ้าของกจิ การ หรอื พ่อคา้ แม่คา้ ออนไลนท์ หี่ ลีกเลี่ยงไมย่ ื่นการเสียภาษี 2.1 กรณีไม่ได้ยื่นแบบภาษีภายในเวลาท่ีกาหนด ต้องเสียเงินเพิ่มร้อยละ 1.5 ต่อเดือนของ ภาษีที่ตอ้ งจ่าย นบั ต้งั แต่วนั ท่พี ้นกาหนดให้ยน่ื แบบจนถงึ วันชาระภาษี และมโี ทษปรับทางอาญาไมเ่ กิน 2,000 บาท 2.2 กรณียื่นเสียภาษีไม่ครบจานวน จะต้องเสียค่าปรับ 1 - 2 เท่า ของจานวนภาษีท่ีต้องจา่ ย ทง้ั หมด 2.3 เจตนาละเลยไม่ย่นื แบบภาษภี ายในกาหนดเพื่อหนภี าษี จะมีโทษปรบั ไมเ่ กิน 5,000 บาท หรือจาคุกสูงสดุ 6 เดือน หรือทง้ั จาท้งั ปรบั 2.4 จงใจแจ้งข้อความเท็จ หรือแสดงหลักฐานเท็จเพ่ือหนีภาษี จะมีโทษจาคุกต้ังแต่ 3 เดือน ถึง 7 ปี และปรับตัง้ แต่ 2,000 - 200,000 บาท นายรชั พล เตชะพงศกิต นกั วชิ าการ SMEs 6 สว่ นพฒั นาเครอื่ งมอื และประมาณการทางเศรษฐกิจ ฝ่ายวิเคราะหส์ ถานการณ์และเตือนภัยทางเศรษฐกิจ (ฝวต.) ผู้จัดทา
Search
Read the Text Version
- 1 - 7
Pages: