ในอนาคต นอกเหนือจากการปรับปรุงห้องเรียนของผมแล้ว ผม ยังได้แรงบันดาลใจจากหนังสือเล่มนี้ในการปรับปรุงการวัดผลของผม ด้วย เพราะแม้ปัจจุบนั ผมจะมกี ารปรับเพ่มิ รปู แบบค�ำถามในการวดั ผล ไปพอสมควรแล้ว แต่การวัดผลของผมก็ยังจ�ำกัดอยู่กับการเขียนตอบ เป็นหลักเช่นเดิม ทำ� อย่างไรที่รูปแบบการวัดผลในห้องเรียนของผมจะ มคี วามหลากหลายและสอดคล้องกบั ความรแู้ ละ “ความสามารถ” ของ ผเู้ รยี น “แตล่ ะคน” ใหม้ ากขน้ึ ? แนน่ อนวา่ “การเขยี น” เปน็ ความสามารถ ขั้นพื้นฐานประการหนึ่งและเป็นประการส�ำคัญของผู้ท่ีจะเป็นบัณฑิต และมหาบัณฑิต แต่ในโลกปัจจุบัน โลกของเราขับเคล่ือนด้วยความ สามารถที่หลากหลายรูปแบบกว่าน้ัน หลายกรณีเรามิได้เปลี่ยนแปลง โลกรอบตวั เราดว้ ยการเขยี นและตพี มิ พใ์ นวารสารวชิ าการ แตเ่ ราเปลย่ี น มนั ไดด้ ว้ ยโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ ดว้ ยแอพพลเิ คชน่ั บนมอื ถอื ดว้ ยการให้ สมั ภาษณส์ อ่ื มวลชน ดว้ ยระบบสบู นำ�้ พลงั แสงอาทติ ย์ ดว้ ยการปรบั ปรงุ สายพันธุ์ข้าวพื้นเมือง ด้วยการท�ำกราฟฟิคแอนนิเมชั่น ฯลฯ หรือแม้ กระทงั่ ดว้ ยภาพถา่ ยหรอื ภาพวาดเพยี งหนงึ่ ภาพ ผมจงึ เหน็ วา่ การวดั ผล ไม่ควรจะมาจ�ำกัดความสามารถของผู้เรียน ให้ต้องมาแสดงออกใน รปู แบบเดยี ว (นนั่ คอื การเขยี น) อุปสรรคส�ำหรบั การด�ำเนินการในเรือ่ งนีม้ อี ยู่ 2 ประการ ประการ แรกคือ ความสามารถของตัวผมเอง เพราะผมก็มีความสามารถด้าน เขียนเป็นหลัก ซึ่งหากจะเรมิ่ ทำ� จริง ผมคงต้องรบกวนผู้เชย่ี วชาญด้าน อื่นๆ มาร่วมเป็นทีมสอนหรือทีมวัดผลของผมด้วย แปลว่า อุปสรรค ข้อนนี้ ่าจะแก้ไขไดไ้ มย่ าก สว่ นประการทสี่ อง คอื ทศั นคตขิ องสงั คมไทย ซ่งึ มักเชอ่ื ว่า “เท่ากนั คอื เท่าเทียม” หมายความว่า คนไทยเรามักเช่ือ ว่า หากทุกคนต้องวัดผลโดยการสอบข้อเขยี นเหมอื นกันหมด น่ันแปล ว่า ทุกคนเท่าเทียมกนั ทัง้ ที่ๆจริง การท�ำเช่นนน้ั ก็เท่ากับ การยกความ
ได้เปรียบไปให้กับคนที่เขียนเก่ง (เช่นผม) ขณะเดียวกันก็ท�ำให้คนอนื่ ๆ ทเี่ ขียนไม่เก่งต้องเสยี เปรยี บไปโดยไม่รู้ตัว และถงึ รู้ตัวกค็ งท�ำอะไรไม่ได้ เพราะคนอื่นๆ ในสังคมเผลอคิดเอาเองแล้วว่านั่นคือความเท่าเทียม ในชีวิตจรงิ การเผชญิ หน้ากบั อปุ สรรคข้อนี้ คงเป็นเร่อื งท่ียากพอดู แต่ ผมกต็ ้องพยายามให้เตม็ ท่ี มฉิ ะน้นั คนท่ีฝีมอื ในด้านต่างๆ มากมายแต่ เขียนไม่เก่ง กต็ ้องเสียเปรยี บคนเขียนเก่ง (อย่างผม) อยู่ร่�ำไป นอกจากนน้ั ผมยงั ฝนั ถงึ การขยายพรมแดนการเรยี นรอู้ อกไปจาก ห้องส่เี หลย่ี มทเี่ รียกว่า ห้องเรยี น ไปสู่การเรยี นรู้ในชวี ติ ผ่านการศกึ ษา แลกเปลี่ยนประเด็นการเรียนรู้ต่างๆ ท่ีน่าสนใจ และท้าทายความเป็น จรงิ ของชวี ติ ของผเู้ รยี นแตล่ ะคน ปจั จบุ นั ผมหวงั ใชก้ ลมุ่ “เศรษฐศาสตร์ มีชีวิต ธุรกิจมีหัวใจ” ในเฟซบุ๊คเป็นช่องทางดังกล่าว แต่เน่ืองจากผม ยังท�ำได้ไม่ดีนัก พ้ืนที่ดังกล่าวจึงยังใช้เป็นช่องทางในการส่ือสารถึง ส่ือการเรียนรู้ท่ีจะใช้ในห้องเรียน มากกว่าสื่อที่จะใช้ในการเรียนรู้ “ในชีวติ ” ผมคงต้องพยายามปรบั ปรุงต่อไป จริงแล้วๆ พรมแดนการเรียนรู้ท่ีมีอยู่ มิใช่ถูกจ�ำกัดเฉพาะสิ่งท่ี เรียกว่าห้องเรียนเท่านั้น พรมแดนการเรียนรู้ยังถูกจ�ำกัดด้วย “รุ่นของ ผู้เรียน” ทเี่ ข้ามาเป็นรุ่นๆ เหมอื นการทำ� งานเป็นกะกะ แล้วจบออกไป แล้วผู้สอนอย่างผมกไ็ ด้แต่หวงั ว่า “การสอนของผมจะพอเป็นประโยชน์ บ้างในชีวิตของเขา” แต่ท่ีผ่านมา ผมเองก็ไม่ค่อยได้คิดว่า “แล้วพลัง การเรยี นรทู้ เี่ พม่ิ พนู ขน้ึ จากหอ้ งเรยี นในปจั จบุ นั จะเปน็ ประโยชนก์ บั นสิ ติ ร่นุ ก่อนๆ ทจ่ี บไปแลว้ หรอื ไม่?” (จรงิ ๆ แลว้ น่าจะมปี ระโยชนม์ ากทเี ดยี ว) ขณะเดยี วกัน ผมกไ็ ม่ได้เคยได้คดิ ว่า “แล้วพลงั การเรยี นรู้ที่เกิดขน้ึ จาก ใช้ชีวิตจริงๆ ของนิสิตรุ่นพ่ีๆ จะมีประโยชน์ส�ำหรับห้องเรียนของนิสิต รุ่นปัจจุบันอย่างไร?” (นอกจากการเชิญมาเป็นวิทยากรเป็นครั้งคราว ครง้ั ละ 1-2 คนเท่าน้ัน) ครูเพื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง 103
ดังนั้น ผมเลยตัดสินใจท่ีจะจัดเวทีปฏิบัติการ “ต่อเติมเสริมการ เรยี นรู้ : เศรษฐศาสตร์มีชีวิต ธุรกจิ มีหัวใจ” ขึ้นปลายปี พ.ศ. 2556 นี้ โดยความหวังท่ีจะน�ำความรู้ใหม่จากห้องเรียนของผม (ไม่ว่าจะเป็น ทฤษฎีใหม่ๆ ประสบการณ์ใหม่ๆ และเคร่ืองมือใหม่ๆ) และจากชีวิต จริงของนิสิตรุ่นพ่ีๆ ที่จบไปแล้วสัก 30-50 คน มาแลกเปล่ียนเรียนรู้ ซึ่งกันและกัน โดยหวังว่าจะน�ำไปสู่การปรับใช้ท้ังในห้องเรียนของรุ่น ต่อๆ ไป (เช่น มวี ีดีทัศน์ประสบการณ์ของรุ่นพ่ี หรือมโี จทย์หรือแนวคดิ ใหมๆ่ มากขน้ึ ) และในชวี ติ จรงิ ของทง้ั นสิ ติ รนุ่ พี่ ของนสิ ติ รนุ่ ปจั จบุ นั และ ของตัวผมเอง ซ่ึงหากประสบความส�ำเร็จ พื้นท่ีแห่งการเรียนรู้ก็จะแผ่ กว้างไกลและเช่ือมโยงกันมากยิ่งขึ้น ทั้งในแง่ของพื้นที่ ในแง่ของเวลา และในแง่ของกลุ่มคน ชีวิตผมผ่านการเป็นนักเรียนมามากกว่า 20 ปี ผ่านการเป็น ผู้สอนมาอกี 20 ปี รวมเป็นเวลา 40 ปีท่ีผมเฝ้าคดิ และถามกับตนเองว่า ผมควรมีส่วนอย่างไรท่ีจะช่วยให้เราพ้นจากสถานการณ์ที่อึดอัดน้ีไป ด้วยกัน? ผมโชคดีมากทีใ่ นเวลาไม่กว่ี ินาทีของคนื วันหนงึ่ ที่ผมเหลือบ ไปเห็นการกระพริบเตือนในเฟซบุ๊คว่า มีหนังสือเล่มใหม่ของศ.วิจารณ์ (คอื เลม่ น)ี้ แลว้ ผมกเ็ ปดิ อา่ นดู แลว้ ในเวลาไมก่ น่ี าทที เี่ ปดิ อา่ น ผมกต็ ดั สนิ ใจทันทีว่า ผมจะต้องกลับทิศทางห้องเรียนของผมให้ได้ (จริงๆ แล้ว ตอนนั้น เพ่ิงอ่านจบไป 2 บทเอง) แล้ว ผมก็ดีใจมากส�ำหรับ การตัดสินใจในคืนวันนั้น และผมก็เช่ือว่า หลายคนท่ีอ่าน (และน�ำไป ปรบั ใช้) กค็ งมีความรู้สึกเช่นเดียวกบั ผม แม้ว่าห้องเรียนของผมจะกลับทางแล้ว แต่ผมก็ไม่คิดว่า ความสัมพันธ์เชิงอ�ำนาจในห้องเรียนของผมก�ำลังเข้าสู่จุดในอุดมคติ ซ่ึงผมเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจุดน้ันอยู่ท่ีไหน แต่ผมก็ได้เห็นถึงความ เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในพลังอ�ำนาจที่เพ่ิมพูนข้ึนในตัวผู้เรียน
อันเนื่องมาจากการเตรียมพร้อมในเร่ืองทรัพยากร (เช่น สื่อการเรียน รู้ต่างๆ) และการเปิดกว้างกระบวนการเรียนรู้ ไปพร้อมกับการตั้ง เปา้ หมายทชี่ ดั เจนรว่ มกนั และการเนน้ ยา้ อยเู่ สมอในเหน็ ถงึ “พลงั ” รว่ มกนั ของการเรียนรู้อนั ไม่มขี ดี จ�ำกัด มิใช่เน้นย�ำ้ ทข่ี ้อสอบและการให้เกรดซง่ึ ยังอยู่ใน “อ�ำนาจ” ของผมโดยสมบูรณ์ (และจะจำ� กัดอยู่ที่ F จนถึง A เท่านน้ั ) และเห็นถึงดลุ อำ� นาจท่เี ปลี่ยนไป ผมใช้อำ� นาจน้อยลง แต่ ผมกลับมีความสุขและมี “พลัง” เพ่ิมข้ึน น่ีอาจเป็นข้อสังเกตที่ช้ีให้ เหน็ ว่า การเปลยี่ นแปลงความสมั พันธ์เชงิ อ�ำนาจจะต้องท�ำทง้ั การปรับ ดุลอ�ำนาจ (ระหว่างผู้สอนและผู้เรียน) และการสร้างพลัง “ร่วม” กัน เป็นส�ำคญั ผมยอมรับว่า หลายครั้งผมก็เผลอคิดไปว่า ในเมื่อห้องเรียนยัง กลบั ทางได้ แลว้ สงั คมไทยของเราจะเรมิ่ กลบั ทางไดบ้ า้ งไหม? เราพรอ้ ม ทจี่ ะลดทอนความเหลอ่ื มลำ้� ในดลุ อำ� นาจในสงั คมทกี่ ดทบั พลงั สรา้ งสรรค์ ร่วมกนั ของพวกเราแล้วหรอื ยัง? เราพร้อมทจี่ ะมุ่งสร้าง “พลัง” ร่วมกนั เพอ่ื พาสงั คมไทยไปเผชญิ กบั โอกาสและความทา้ ทายมากมายในอนาคต แล้วหรอื ยัง? เรามสี ่อื พื้นท่ี และกระบวนการเรียนรู้ “ร่วมกนั ” มากพอ และหลากหลายพอหรือไม่? ผมยอมรับว่า ณ วันน้ี ผมยังไม่มีค�ำตอบ แต่ไม่แน่นะ ศ.วิจารณ์อาจมีค�ำตอบให้กับเราในหนังสือเล่มหน้าของ ท่าน และผมกพ็ ร้อมทจ่ี ะเป็นกรณีศึกษาหน่งึ ในหนงั สือเล่มน้นั ไม่ว่าจะ ในฐานะของกรณศี ึกษาที่ส�ำเรจ็ หรือล้มเหลวกต็ าม มาร่วมกันกับกลับทางห้องเรียน และกลับทางสังคมไทย ของเรา กับท่านศ.วิจารณก์ นั นะครับ ครูเพื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง 105
ห้องเรียนกลับทางในระบบช้ันเรียนออนไลน์ของไทย ClassStart.org ดร.จนั ทวรรณ ปยิ ะวัฒน์ ([email protected]) คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ “...ด้วยระบบการจดั การแบบฝกึ หัดของ ClassStart จะชว่ ยใหผ้ ูส้ อนตรวจแบบฝกึ หดั และใหค้ ะแนนและความเห็นไดท้ ันที หลังจากที่ผเู้ รียนได้ส่งแบบฝกึ หดั น้ัน ผา่ นทางออนไลนแ์ ล้วและผ้เู รยี นกจ็ ะไดร้ ับรู้ผลการตรวจ แบบฝกึ หดั นน้ั ทันทีอกี ด้วย นอกจากนี้ ClassStart ยังมรี ะบบประมวลผลคะแนนรวม เพอื่ ให้ผสู้ อนประมวลคะแนนรวมของผู้เรียน แตล่ ะคนไดอ้ ย่างงา่ ยดาย...” ครูเพื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง 107
ClassStart.org เป็นเว็บไซต์ท่ีให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศ ทางออนไลน์เพ่ือการเรียนการสอนในระดับประเทศของไทย เว็บน้ีมี คณุ สมบตั เิ ป็นระบบช้นั เรียนออนไลน์ (Learning Management System) ที่ได้รับการพัฒนาข้ึนเพื่อรองรับรูปแบบจัดการการเรียนการสอนแบบ หอ้ งเรยี นกลบั ทาง (Flipped Classroom) และมงุ่ สง่ เสรมิ กระบวนการเรยี น รู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสำ� คัญ ผู้สอนสามารถออกแบบการเรียนการสอนท่ีมี ความยดื หยนุ่ เพอื่ ตอบสนองตอ่ ความตอ้ งการของผเู้ รยี นไดอ้ ยา่ งสะดวก เนื่องจากสามารถใช้งานได้ง่ายเข้าถึงได้ทุกท่ีทุกเวลาจากท่ัวทุกมุมโลก เพยี งแค่มีคอมพิวเตอร์และอนิ เทอร์เนต็ อีกท้ังผู้ใช้ไม่ต้องตดิ ตั้งและดูแล เวบ็ ไซต์และเคร่อื งแม่ข่ายเอง ClassStart พัฒนาข้ึนโดย ผศ.ดร.ธวัชชัย ปิยะวัฒน์ และ ดร.จนั ทวรรณ ปยิ ะวฒั น์ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ เปดิ ใหบ้ รกิ ารฟรี แก่ผู้เรยี นผู้สอนทวั่ ประเทศมาต้ังแต่เดอื นธนั วาคม พ.ศ. 2554 และ ณ ปัจจุบันน้ี (ข้อมูลเดอื นมิถุนายน 2556) มสี มาชิกร่วม 90,000 คน และ ชัน้ เรยี นกว่า 7,300 ช้ันเรยี นจากกว่า 500 สถานศึกษาท่ัวไทย เมือ่ สมัครเป็นสมาชิก ClassStart แล้วจะสามารถเร่มิ ใช้งานระบบ ต่างๆ ได้ทนั ที อาทิ ระบบจดั การสมาชิก ระบบจดั การเอกสารการสอน ระบบเวบ็ บอร์ดชนั้ เรยี น ระบบการสอนร่วมกนั ระบบบันทกึ การเรยี นรู้ ระบบจดั การแบบฝึกหดั ทั้งเด่ยี วและกลุ่ม ระบบประเมนิ ผลให้คะแนนและระบบประมวลผลคะแนนรวม
โดย ClassStart ไม่มีการจำ� กดั จำ� นวนช้นั เรยี นและจำ� นวนนักเรียน ในชั้น รวมท้ังไม่จ�ำกดั พืน้ ทก่ี ารเกบ็ ข้อมลู อีกด้วย นอกจากนยี้ ังสามารถ รองรบั ปรมิ าณการใชง้ านจำ� นวนมากอยา่ ง Massive Open Online Course (MOOC) ได้อย่างมีประสิทธภิ าพ จากประสบการณใ์ นการใชง้ าน ClassStart แบบหอ้ งเรยี นกลบั ทาง พบว่า ClassStart สามารถช่วยลดภาระงานสอนได้จรงิ และผู้เรียนเรียน รมู้ ากขนึ้ ไดโ้ ดยผสู้ อนพงึ ค�ำนงึ ถงึ ประเดน็ ส�ำคญั 3 ประการคอื (1) ทกั ษะ และหนา้ ทค่ี วามรบั ผดิ ชอบทเี่ ปลย่ี นไปของผสู้ อน (2) เนอ้ื หาความรแู้ บบ คลปิ วีดิโอทนี่ ่าสนใจต่อผู้เรยี น และ (3) กจิ กรรมการเรยี นรู้ในห้องเรยี น และทางออนไลน์ ดงั รายละเอยี ดต่อไปน้ี (1) ทกั ษะและหน้าท่คี วามรับผดิ ชอบที่เปลี่ยนไปของผสู้ อน การกลับทางห้องเรียนของไทยอาจจะไม่สามารถท�ำได้ด้วย การเปลยี่ นแปลงการเรยี นการสอนครงั้ เดยี วทงั้ หมด เพราะดว้ ยวฒั นธรรม การเรยี นรทู้ ยี่ งั ตดิ กบั การรบั ความรจู้ ากผสู้ อนและทกั ษะและหนา้ ทค่ี วาม รับผดิ ชอบของผู้สอนทจ่ี ะเปลยี่ นไปจากเดมิ ในการจดั การเรียนการสอน ในรูปแบบใหม่น้ี แต่ผู้สอนจะสอนน้อยลงได้จริงหากมีการวางแผน การเรยี นการสอนไว้เป็นอย่างดีและจดั เตรยี มเอกสารเน้อื หาแบบฝึกหัด และกจิ กรรมการเรียนรู้ให้พร้อมก่อนเปิดเรยี น ผู้สอนจะพบว่าหน้าที่ความรับผิดชอบและทักษะของตนจะ ไมเ่ หมอื นกอ่ น เมอื่ เรม่ิ ตน้ กลบั ทางหอ้ งเรยี นผสู้ อนควรจดั หาหรอื สรา้ ง วีดิโอคลิปที่จะน�ำมาเป็นเนื้อหาการเรียนรู้ให้เสร็จก่อนทั้งหมด แล้วก�ำหนดกิจกรรมการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับคลิปวีดิโอท่ีจะใช้ หลังจากนั้นผู้สอนจะนำ� ไฟล์เอกสารและคลปิ วดี ิโอขน้ึ เกบ็ ไว้บนเว็บไซต์ ครเู พื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง 109
ClassStart อยา่ งเปน็ ระบบ ดงั นน้ั จงึ เหน็ ไดว้ า่ ผสู้ อนจะตอ้ งเปดิ ใจรบั การ เปลยี่ นแปลงของเทคโนโลยสี ารสนเทศและมคี วามสามารถในการเรยี นรู้ เทคโนโลยีสารสนเทศใหม่ๆ ก่อน แต่ความยากน้ันอยู่ที่การกระตุ้นให้ผู้เรียนศึกษาเน้ือหาความรู้ท่ี วางไว้บนเว็บไซต์จากท่ีบ้านมาก่อนที่จะเข้าชั้นเรียนเพื่อท่ีผู้สอนจะได้ ใช้เวลาในชนั้ เรยี นเพอ่ื กจิ กรรมการเรยี นรตู้ า่ งๆ โดยผสู้ อนควรจะเรม่ิ ตน้ ช้ันเรียนด้วยการให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการสรุปเน้ือหาท่ีได้ศึกษามา หรือให้มีการจัดสอบย่อยเน้ือหาก่อนเร่ิมเข้าสู่กิจกรรมการเรียนรู้ หรือ ผู้สอนอาจจะคัดเลอื กบนั ทกึ การเรยี นรู้เด่นๆ ในชน้ั เรียน ClassStart มา แลกเปลยี่ นกนั ในหอ้ งเรยี นจรงิ กไ็ ดจ้ ะยงิ่ ทำ� ใหผ้ เู้ รยี นเกดิ ความภาคภมู ใิ จ และเป็นแรงเสริมอย่างดใี นการเรียนรู้ต่อไป และนบั ตง้ั แตว่ นั แรกของการเรยี นการสอนแบบกลบั ทางหอ้ งเรยี น เครอื่ งมอื อยา่ งหนงึ่ ทค่ี วรนำ� มาใชค้ อื บนั ทกึ การเรยี นรู้ (Reefl ctive Journal) ทมี่ อี ยใู่ น ClassStart ผสู้ อนควรกำ� หนดใหผ้ เู้ รยี นบนั ทกึ การเรียนรู้ลงใน ClassStart เพ่ือเป็นเคร่ืองมือที่ช่วยให้ผู้เรียน ทุกคนและผู้สอนได้ฝึกทักษะด้านการคิดวิเคราะห์ ทักษะการ สอื่ สารดา้ นการเขยี น และทกั ษะการเรยี นรอู้ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง โดยผสู้ อน ควรแจ้งข้อตกลงความถี่ของการเขียนบันทึกและแนวทางเขียนบันทึก ให้ชัดเจน เช่น ผู้สอนอาจก�ำหนดให้ผู้เรียนเขยี นทบทวนความรู้ที่ตนเอง ได้รับ ความรู้ที่ยังต้องศึกษาหาเพิ่มเติมขึ้นอีก การวางแผนการเรียนรู้ รายวนั ความเห็นต่อกจิ กรรมการเรยี นรู้ในห้องเรียน เป็นต้น และผู้สอน ตอ้ งพยายามอา่ นบนั ทกึ การเรยี นรขู้ องผเู้ รยี นทกุ คน กด Like ใหก้ ำ� ลงั ใจ ผู้เรยี น และให้ความเห็นต่อยอดบันทึกของผู้เรยี นอกี ด้วย เม่ือการเรียนการสอนผ่านไประยะหน่ึงผู้เรียนจะพบว่า บันทึก
การเรียนรู้ท้ังหมดที่แต่ละคนเขียนถ่ายทอดไว้น้ีเป็นเหมือนคลัง ความรู้ของชั้นเรียนท่ีจะถูกหยิบมาใช้เพื่อทบทวนเนื้อหาก่อน การสอบได้เป็นอย่างดี อีกทั้งบันทึกการเรียนรู้จะเหมือนเป็นพ้ืนท่ี เสมือนในการแบ่งปันวิชาการและความสุขความสนุกของผู้เรียนและ ผู้สอนที่จะส่งเสริมบรรยากาศการเรียนรู้ในห้องเรียนจริงอีกด้วย อีกหน้าท่ีความรับผิดชอบหน่ึงท่ีเปล่ียนไปของผู้สอนคือ ผู้สอน จะต้องพยายามหาสมดุลการเรียนรู้ทางออนไลน์และออฟไลน์เพื่อ ให้การเรียนรู้ได้เกิดข้ึนโดยตลอดเวลา นอกจากการจัดการการเรียนรู้ ในห้องเรียนแล้ว ผู้สอนควรค้นหาความรู้ใหม่ๆ จากทางออนไลน์มาให้ แก่ผู้เรียนอย่างสม�่ำเสมอและบนั ทึกไว้ใน ClassStart ผู้สอนจะต้องรู้จัก ตั้งค�ำถามผ่านเว็บบอร์ดหรือพ้ืนท่ีบันทึกการเรียนรู้ของห้องเรียนและ สร้างบรรยากาศกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความต้องการที่จะค้นหาวิเคราะห์ ข้อมลู ความรู้เพือ่ แก้ปัญหาโจทย์และต่อยอดความรู้ และส่ิงที่จะมาพร้อมกับหน้าที่และทักษะใหม่ๆ ท่ีเกิดข้ึนนี้ในตัว ผู้สอน คือ วนิ ัย เพอ่ื ให้ผู้เรยี นได้เกดิ ทกั ษะการเรียนรู้อย่างต่อเนือ่ งโดย แท้จริงนั้นผู้เรียนจะต้องได้รับการให้คะแนนและความเห็นสะท้อนกลับ จากผสู้ อนอยา่ งทนั ทว่ งทโี ดยเฉพาะในการทำ� แบบฝกึ หดั ทสี่ ง่ ผา่ นทางชนั้ เรยี นออนไลน์ และดว้ ยระบบการจดั การแบบฝกึ หดั ของ ClassStart จะชว่ ยใหผ้ ้สู อนตรวจแบบฝกึ หัดและให้คะแนนและความเหน็ ได้ ทันทีหลังจากท่ีผู้เรียนได้ส่งแบบฝึกหัดนั้นผ่านทางออนไลน์แล้ว และผู้เรียนก็จะได้รับรู้ผลการตรวจแบบฝึกหัดนั้นทันทีอีกด้วย นอกจากน้ี ClassStart ยงั มรี ะบบประมวลผลคะแนนรวมเพอ่ื ให้ ผู้สอนประมวลคะแนนรวมของผู้เรียนแต่ละคนได้อย่างง่ายดาย และเป็นหน้าที่ของผู้สอนที่ควรจะให้ผู้เรียนทุกคนได้รู้คะแนนรวมเป็น ระยะๆ เพ่อื ทผ่ี ู้เรยี นจะได้มีก�ำลงั ใจในการเรียนรู้ต่อไป 111 ครเู พื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง
(2) เน้ือหาความรแู้ บบคลปิ วดี ิโอทนี่ ่าสนใจต่อผเู้ รยี น เน้ือหาการเรียนการสอนจะเป็นส่ิงท่ีผู้สอนต้องจัดหาหรือสร้าง ข้ึนมาโดยเน้นการท�ำเป็นคลิปวีดิโอซึ่งจะท�ำให้ผู้เรียนเข้าใจได้ง่ายกว่า การอา่ นหนงั สอื และผเู้ รยี นทขี่ าดเรยี นไปหรอื ไมเ่ ขา้ ใจในเนอื้ หาสามารถ ท่ีจะดูซ�้ำได้ทุกเวลา โดย YouTube จะเป็นช่องทางออนไลน์ที่ได้รับ ความนิยมสูงสุดในการแขวนวีดิโอไว้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และอีกท้ังยัง เป็นประโยชน์ต่อผู้เรียนทัว่ ไปได้อีกด้วย เช่น Khan Academy Channel ใน YouTube เป็นต้น การท�ำคลิปวีดิโอเพ่ือการเรียนการสอนนั้นต้องเป็นที่น่าสนใจ แกผ่ เู้ รยี นและมคี วามยาวไมเ่ กนิ 10 นาทตี อ่ หนง่ึ คลปิ โดยอาจจะเปน็ การ ถ่ายวิดิโอการสอนในห้องเรียน หรืออัดเสยี งการสอนแทรกลงไปในไฟล์ น�ำเสนอ เช่น PowerPoint presentations หรอื เป็นการคดิ ค้นวิธกี ารสอน รูปแบบใหม่แล้วนำ� เสนอเป็นคลปิ วีดิโอ เป็นต้น เทคโนโลยีในการท�ำสื่อการสอนประกอบด้วยฮาร์ดแวร์และ ซอฟต์แวร์ ในด้านฮาร์ดแวร์สามารถใช้กล้องถ่ายรูป กล้องถ่ายวีดิโอ เวบ็ แคม แทบ็ เลต็ โทรศพั ท์มอื ถอื สมาร์ทโฟน ในการถ่ายวดี โิ อได้โดย สะดวก และในด้านซอฟต์แวร์ในท่ีใช้การทำ� คลิปวีดิโอ เช่น Camtasia Studio และ Podcast Publisher เป็นต้น (3) กจิ กรรมการเรียนรใู้ นหอ้ งเรียนและทางออนไลน์ การออกแบบกระบวนการหรือกิจกรรมการเรียนรู้ท้ังในห้องเรียน และทางออนไลน์เป็นงานท่ที ้าทายอย่างยง่ิ สำ� หรับผู้สอนเพราะเป็นงาน ท่ีส่งผลต่อการสร้างทัศนคติท่ีดีต่อการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นส�ำคัญ
และสร้างทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิตของผู้เรียน กิจกรรมการเรียนรู้ที่ มีประสิทธิภาพจะต้องไม่ยากเสียจนท�ำให้ผู้เรียนท้อถอย และไม่ง่าย เกนิ ไปจนไมท่ า้ ทายความสามารถของผเู้ รยี น และกจิ กรรมการเรยี นรจู้ ะ ต้องมีความสนุกสนานท�ำให้ผู้เรียนแสดงความสามารถและมีส่วนร่วม ในการแลกเปล่ียนเรียนรู้ของตนเองได้อย่างเต็มท่ี อาทิ การโต้วาทีสด ของผู้เรียนแต่ละกลุ่ม และการให้ผู้เรียนได้ฝึกเป็นผู้สอนและออกแบบ การสอนเอง เป็นต้น ส�ำหรับห้องเรียนกลับทางแล้วน้ัน เน้ือหาบทเรียนจะถูกก�ำหนด ให้ผู้เรียนได้ศึกษามาก่อนนอกห้องเรียน แล้วผู้สอนจะเร่ิมต้นกิจกรรม การเรียนรู้ในห้องเรียนด้วยการบรรยายสรุป และเน้นการต้ังค�ำถาม จากเนื้อหาเพื่อการแลกเปล่ียนเรียนรู้และเจาะลึกในประเด็นท่ีต้องใช้ ความพยายามพอสมควรในการท�ำความเข้าใจ ในการกระตุ้นให้เกิดการกล้าคิดและกล้าพูดเพ่ือการมีส่วนร่วม ในช้ันเรียนของผู้เรียนน้ัน ผู้สอนจะต้องมีทักษะในการสร้างบรรยากาศ ในการเรียนรู้และความเป็นกันเองเพื่อให้ผู้เรียนกล้าที่จะลองผิดลองถูก ผู้สอนควรจะสร้างความเคยชินในการถามตอบด้วยค�ำถามง่ายๆ และ ใช้คะแนนเป็นรางวัล หรืออาจจะใช้การถามตอบแบบกลุ่มแทนถาม ตอบแบบเดี่ยวบ้างก็สามารถสร้างความคุ้นเคยในการถามตอบได้ เช่นกัน และในการบันทึกคะแนนการมีส่วนร่วมน้ีสามารถด�ำเนิน การได้โดยสะดวกผา่ น ClassStart อีกทั้งผู้สอนสามารถประยกุ ต์ใช้เครอ่ื งมอื ต่างๆ ที่ ClassStart มใี ห้ ในห้องเรยี นออนไลน์ในการทำ� กิจกรรมการ แลกเปล่ียนเรียนรู้ผ่านทางออนไลน์ได้ด้วย เช่น สนทนาทางเว็บ ครูเพื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง 113
บอรด์ ดำ� เนนิ การแลกเปลยี่ นเรยี นรโู้ ดยผสู้ อน การเชญิ ผเู้ ชยี่ วชาญมาเปน็ แขกรบั เชญิ เพอื่ แลกเปลยี่ นเรยี นรกู้ บั ผเู้ รยี นทางออนไลน์ หรอื การกำ� หนด ใหผ้ เู้ รยี นบนั ทกึ วเิ คราะหเ์ นอื้ หาประเดน็ ทกี่ ำ� หนดแลว้ ทำ� การ Vote บนั ทกึ ทไ่ี ด้รบั ความเห็นหรือการกดชอบ (Like) มากท่ีสุดจ�ำนวน 5 บันทึกเพื่อ เลือกมาให้รางวลั และนามาสนทนาพดู คุยกนั ต่อในห้องเรียน เป็นต้น บทสรปุ จากแนวทางการรเิ รมิ่ ดำ� เนนิ การจดั การหอ้ งเรยี นกลบั ทางที่ น�ำเสนอมาในบทความน้ีและการร่วมแรงร่วมใจของภาค ส่วนต่างๆ ของประเทศไทย ClassStart จะสามารถเป็นด่ัง “นาวาปญั ญา” หรอื เรอื ขา้ มฟากทจี่ ะนำ� พาเยาวชนไทยจำ� นวนนบั สิบลา้ นคน ค่อย ๆ ก้าวขา้ มผ่านระบบการศกึ ษาในแบบศตวรรษ ท่ี 20 ไปยงั ศตวรรษที่ 21 ได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ เพราะความรู้ในปัจจุบันน้ีมีอยู่อย่างมหาศาลในโลกออนไลน์และ สืบค้นได้ง่ายด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อัน ทรงประสทิ ธิภาพต่อการเรยี นรู้ เป้าหมายของการเรยี นการสอนจงึ ไม่ได้ อยทู่ เี่ นอื้ หาความรทู้ ผี่ เู้ รยี นจะไดร้ บั อกี ตอ่ ไป หากแตเ่ ปน็ ทกั ษะการเรยี นรู้ ตลอดชวี ติ ของผเู้ รยี น และผสู้ อนจงึ ไมไ่ ดเ้ ปน็ ผถู้ า่ ยทอดความรแู้ กผ่ เู้ รยี น อีกแล้ว หากแต่เป็นผู้ออกแบบกระบวนการเรียนรู้และจุดประกายการ เรยี นรู้ไปพร้อมๆ กับผู้เรยี นด้วยการเรยี นการสอนแบบกลบั ทาง ผู้สอนจึงต้องเข้าใจและพร้อมเข้าสู่ยุคของการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยไม่ใช่ยัดเยียดหรือปิดกั้นเทคโนโลยีสารสนเทศท่ีทรงประสิทธิภาพ ในการเรียนรู้เหล่าน้ี หากแต่เป็นการออกแบบวัฒนธรรมการเรียน การสอนใหม่ท่ีให้อำ� นาจแก่นกั เรยี นโดยนำ� เอาเทคโนโลยีสารสนเทศมา เอ้ืออ�ำนวยประโยชน์ต่อการเรียนรู้อย่างแท้จริง และน่ีคือกุญแจแห่ง การสร้างเยาวชนคณุ ภาพของไทยเพ่ือการก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงานโลก
กลบั ทางห้องเรยี นคณติ ศาสตร์ ดร.สพุ ิศ ฤทธ์แิ กว้ ผูอ้ �ำนวยการศูนย์บรกิ ารการศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยวลัยลักษณ์ “.....จากการสอนผ่านไป 2 สปั ดาห์ ผมพบส่ิงใหม่หลายอยา่ ง พบว่าผมได้มีโอกาสเรยี นรู้พฤติกรรมการเรยี นการเสาะแสวง หาความรู้ของนักศึกษาทไ่ี ปค้นคว้าเอกสารมา และเชิญชวน ให้เพ่ือนได้เขา้ ไปเรียนรูศ้ กึ ษาด้วย.....” ครเู พื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง 115
ช่วงปีท่ีผ่านมา (2555-2556) ผมมีโอกาสเข้าร่วมอบรมสัมมนา หลักสูตรต่าง ๆ ที่สถาบันคลังสมองของชาติ เป็นผู้ด�าเนินการโดย เฉพาะอย่างยิ่งครั้งล่าสุดท่ีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ร่วมกับสถาบัน คลงั สมองของชาติ เป็นเจ้าภาพจดั การแลกเปลย่ี นประสบการณ์ เร่อื ง “Academic Transformation” (ซ่ึงศาสตราจารย์นายแพทย์ วิจารณ์ พานชิ ให้ความหมายว่าการเปล่ียนโฉมการศกึ ษา) บรรยากาศของการ ประชุมเร่ิมต้นด้วยค�าปรารภของศาสตราจารย์ ดร.ปิยะวัติ บุญ-หลง ว่าจะท�าอย่างไรให้การเรียนการสอนยุคปัจจุบันปรับสู่ยุคใหม่ท่ีใช้ ศักยภาพของทั้งนักศึกษา อาจารย์ และเทคโนโลยีท่ีมีอยู่อย่างเต็มที่ น่าจะถึงเวลาแล้วที่มหาวิทยาลัยในฐานะสถาบันอุดมศึกษา ควรจะ จัดการเรื่องน้ีอย่างจริงจัง จากนั้นตัวแทนจากสถาบันเจ้าภาพ เล่า ว่า ในภาคการศึกษาท่ี 1/2556 น้ี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะ ผลักดันตัวเองให้เป็นตลาดวิชาเพื่อปวงชนชาวไทย โดยอ้างอิงถึง อาจารย์ 2 ท่านของมหาวิทยาลยั Stanford ทีช่ ่วยกนั สร้างเวบ็ ไซต์ ช่ือ coursera (www.coursera.org) เพ่ือให้นักศกึ ษาผู้สนใจจากทงั้ โลกเข้าไป เรยี นรู้ โดยไมม่ คี า่ ใชจ้ า่ ย ซง่ึ ขณะนมี้ รี ายวชิ าประมาณ 380 วชิ า สมาชกิ ผสู้ นใจรว่ มสามลา้ นหา้ แสนคน ในการประชมุ ครง้ั น้ี ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์
ดร.กร ศรเลศิ ลา้ วาณชิ เปน็ ตวั แทนจากมหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ ได้ เลา่ ถงึ พฒั นาการของการจดั การศกึ ษาจากอดตี จนถงึ ปจั จบุ นั ลา่ สดุ เกดิ แนวคดิ เรอื่ ง “Flipped Classroom” โดยทา่ น อาจารย์ ดร. จนั ทวรรณ ปิยะวฒั น์ พัฒนาเวบ็ ไซต์ ชื่อ classstart ขึ้น(www.classstart.org) เพอ่ื เปดิ โอกาสใหค้ รอู าจารยจ์ ากสถาบนั การศกึ ษาทกุ ระดบั ทว่ั ประเทศ ไดใ้ ช้ เป็นห้องเรยี น ซงึ่ ขณะนัน้ มีผู้ใช้บรกิ ารของ classstart ประมาณ 75,000 คน มีรายวิชา 7,000 รายวชิ า จาก 1,500 สถาบันการศึกษา ผมฟังด้วย ความสนใจ และคน้ หาเรอื่ งนเ้ี พม่ิ เตมิ ในเวบ็ ไซตข์ องมหาวทิ ยาลยั สงขลา นครินทร์ จนกระท่งั พบว่ามกี ารบันทกึ การประชุม เรื่อง “สอนอย่างไร ในศตวรรษที่ 21” ทม่ี ที า่ นศาสตราจารยน์ ายแพทยว์ จิ ารณ์ พานชิ และ ดร.จนั ทวรรณ ปยิ ะวฒั น์ เปน็ วทิ ยากรโดยบนั ทกึ เปน็ Youtube ไว้ 4 ตอน ในตอนท่ี 3 และ 4 ดร.จนั ทวรรณ ปิยะวัฒน์ ได้เล่าถึงประสบการณ์ การจัดการเรียนรู้ โดย Flipped Classroom ผ่าน classstart ในระยะ 2 ปี ที่ผ่านมา ประกอบกับก่อนหน้านผ้ี มได้เรียนรู้เรื่อง course redesign ซง่ึ เป็นการออกแบบกระบวนวชิ าใหมม่ รี ปู แบบตา่ ง ๆ 6 รปู แบบ คอื The Supplemented model, The Replacement model, The Emporium model, The Fully online model, The Linked workshop model, และ The Buffet model เมือ่ ด�ำเนนิ การแล้วต้องได้ถงึ การเพ่ิมประสิทธิภาพการเรียนรู้ของนักศึกษา และลดค่าใช้จ่าย ในการจัดการศึกษา) ที่สถาบันคลังสมองของชาติเป็นผู้จัดสัมมนา ผมจงึ ตดั สนิ ใจใชก้ ารสอนแบบกลบั ทางหอ้ งเรยี นกบั รายวชิ าคณติ ศาสตร์ พื้นฐาน หนึ่งสัปดาห์ก่อนเปิดภาคการศึกษา ผมจึงเข้าไปสมัครเป็น สมาชกิ ของ classstart และเปดิ ชน้ั เรยี น โดยเขา้ ไปบนั ทกึ ไวใ้ นสว่ นทเี่ ปน็ กระดานสนทนา เพ่ือจะแจ้งนักศึกษาทราบว่า “ส�ำหรับการเรียน วิชานี้ ผู้สอนตัง้ ใจท่ีจะใช้รปู แบบท่เี รยี กวา่ Flipped classroom ครูเพื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง 117
กล่าวคือเป็นกระบวนการเรียนการสอนท่ีปรับทิศทางใหม่จาก เดิมท่ีนักศึกษาต้องเข้าช้ันเรียนเพื่อฟังค�ำบรรยาย และกลับไป ท�ำแบบฝึกหัดหรือทบทวนความรู้ที่บ้าน (หอพัก) มาเป็นวิธีท่ี นักศึกษาจะต้องไปหาความรู้จากภายนอกห้องเรียนไม่ว่าจะเป็น ห้องสมดุ แหลง่ เรยี นรตู้ า่ ง ๆ หรือการใช้ Search engine เช่น Google Yahoo หรอื เว็บไซต์ตา่ ง ๆ เชน่ Youtube รวมถึง Fa- cebook ท่เี หมาะกับนกั ศกึ ษายุคปจั จบุ ัน หลังจากนัน้ นกั ศกึ ษาจะ ไดป้ ระมวลผลการเรยี นรู้ แลว้ นำ� มาใชเ้ ปน็ โจทยป์ ญั หาในชน้ั เรยี น เพราะฉะนน้ั บรรยากาศในชนั้ เรยี นจะเปน็ การนำ� เสนอความรดู้ ว้ ย ตัวนักศึกษาเอง ผ่านการระดมสมอง การร่วมกันแก้ปัญหาและ การท�ำแบบฝึกหัด” ผมเองได้เสนอตัวอย่างเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับ รายวิชานี้ไว้จ�ำนวนหน่ึงด้วย ในช้ันเรียน classstart ยังมีส่วนท่ีเป็น ความเคลื่อนไหว ข่าวประกาศ เอกสารการสอน แบบฝึกหัด คะแนน เกบ็ จากภายนอก และบนั ทึกการเรยี นรู้ ซึง่ ในส่วนของเอกสารการสอน ผมก็น�ำเสนอ ประมวลรายวิชา เนื้อหาวิชาตลอดหลักสูตร เอกสาร ที่เป็นการทบทวนความรู้พ้ืนฐาน และเม่ือท�ำการสอนแล้วเสร็จ ในแตล่ ะคาบ มกี ารบนั ทกึ ผา่ น Youtube ใหผ้ เู้ รยี นไดเ้ ขา้ มาศกึ ษาทบทวน ได้ตลอดเวลา ปรากฏว่าชั่วโมงแรกของการสอน ผมได้แนะน�ำนักศึกษาเรื่อง การเรยี นการสอนผ่าน www.classstart.org พอตกเย็นมีนักศกึ ษาหลาย คนได้ไปค้นคว้าแหล่งความรู้ แล้วน�ำเสนอไว้ผ่าน classstart บางคน สามารถค้นหาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาท่ีได้เรียนผ่านไป และที่ ต้องเรียนในคาบถัดไป ซ่ึงต่อมาผมเลือกใช้ประกอบการสอนมาจนถึง วันนี้ (ย่างเข้าสัปดาห์ท่ี 3 ของการเรียน) และผมก็ได้แจ้งให้นักศึกษา ทกุ คนทราบว่า หากเอกสารของใครทผ่ี มเลือกมาใช้ในห้องเรยี น จะได้ รับคะแนนเก็บสะสมไว้ด้วย
จากการสอนผ่านไป 2 สปั ดาห์ ผมพบสงิ่ ใหม่หลายอย่าง พบว่า ผมได้มีโอกาสเรียนรู้พฤติกรรมการเรียนการเสาะแสวงหาความรู้ของ นักศึกษาที่ไปค้นคว้าเอกสารมา และเชิญชวนให้เพื่อนได้เข้าไปเรียนรู้ ศกึ ษาด้วย ในช้นั เรียนหลงั จากท่ีผมนาเข้าสู้บทเรียนเชิงเนอื้ หาในแต่ละ เรอ่ื ง แลว้ เปดิ โอกาสใหน้ กั ศกึ ษาทตี่ อ้ งการมสี ว่ นรว่ มในชน้ั เรยี นโดยการ แสดงวิธแี ก้ปัญหาโจทย์ ประมาณ 4-5 ข้อ หน้าช้ันเรียน โดยนักศกึ ษา อาสาสมคั รเหล่านผี้ ลดั กนั มาแสดงวธิ ที ำ� ใหเ้ พอื่ นดู โดยจะไดร้ บั คะแนน ทุกครั้งหากท่ีมีการตอบถูก มีนักศึกษาบางคนที่มีความรู้พื้นฐานมาผิด ผมก็ถือโอกาสแก้ไข ซึ่งเพ่อื นร่วมช้ันเรยี นก็ได้เรยี นรู้ด้วย และใช้โอกาส น้ีขยายผล เรอ่ื ง learn unlearn relearn ให้นกั ศกึ ษาทราบด้วย ผมยอมรับว่าเหน่ือยเพิ่มข้ึน แต่ก็สนุกกับการได้คอยติดตาม ช้ีแนะนักศึกษาผ่าน classstart และรอคอยผลสัมฤทธ์ิท่ีจะเกิด ข้ึนจากการปรับทิศทางห้องเรียนของรายวิชาน้ี อย่างไรก็ตามในภาคการศึกษาน้ีผมยังได้รับโอกาสจากท่าน อาจารย์ ดร.จันทวรรณ ปิยะวฒั น์ รับผมให้เข้าช้ันเรยี นวชิ า (ซงึ่ ผมไม่มี พ้นื ฐานเลย) ท่ีท่านอาจารย์สอนท่ีมหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์ ผมจงึ แสดงบทบาททั้งผู้สอนและผู้เรียนไปพร้อมกันในภาคการศึกษานี้ ผ่าน ทาง www.classstart.org กราบขอบพระคุณท่านศาสตราจารย์นายแพทย์วิจารณ์ พานิช ผู้ซ่ึงริเริ่มจุดประกายขยายผลอย่างต่อเน่ืองในเร่ืองการจัดการ การ ศึกษาของชาติ ตลอดถึงท่านอาจารย์ ดร.จันทวรรณ ปิยะวัฒน์ ที่ กรณุ ารบั ผมเปน็ ศษิ ย์ ทำ� ใหผ้ มไดม้ โี อกาสปรบั รปู แบบการสอนและ ความสมั พนั ธร์ ว่ มกนั ในชน้ั เรยี นตามทไี่ ดก้ ลา่ วไวแ้ ลว้ ขา้ งตน้ สง่ิ ท่ี ทา่ นดำ� เนนิ การอยนู่ ไี้ ดก้ อ่ คณุ ปู การอยา่ งใหญห่ ลวงใหก้ บั การศกึ ษาของ ชาติ เปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสวงหาความรู้และเรียนรู้ตลอดชีวิต ครูเพื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง 119
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119