Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore e-book windenergy

e-book windenergy

Published by Pongsaton Palee, 2018-12-04 08:42:23

Description: e-book windenergy

Search

Read the Text Version

ค่มู ือการพัฒนาและการลงทนุ ผลติ พลังงานทดแทน ชดุ ท่ี 1 ไฟฟา้พลังงานลม



คาํ นาํ เน่ืองจากประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม และมีผลผลิตทางการเกษตรรวมถึงผลผลิตเหลือใช้ทางการเกษตรท่ีมีศกั ยภาพสูงสามารถใช้เป็นพลังงานทดแทนได้ เช่น อ้อย มันสําปะหลัง ปาล์มน้ํามัน ข้าวข้าวโพด เป็นต้น โดยการแปรรูป ชานอ้อย ใยและกะลาปาล์ม แกลบ และซังข้าวโพด เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าและพลังงานความร้อนสําหรับใช้ในกระบวนการผลิตอุตสาหกรรม ส่วนกากนํ้าตาล นํ้าอ้อย และมันสําปะหลงั ใช้ผลิตเอทานอล และน้ํามันปาล์ม และสเตรีนใช้ผลิตไบโอดีเซล เป็นต้น กระทรวงพลังงานจึงมียุทธศาสตรก์ ารพัฒนาพลังงานทดแทนจากพชื พลังงานเหล่านี้ เพื่อจะได้เป็นตลาดทางเลือกสําหรับผลิตผลการเกษตรไทย ซึ่งจะสามารถช่วยดูดซับผลผลิตทางการเกษตรและช่วยทําให้ราคาผลผลิตการเกษตรมีเสถยี รภาพ และภาครัฐไมต่ อ้ งจดั สรรงบประมาณมาประกันราคาพืชผลผลิตดังกลา่ ว ประกอบกับเทคโนโลยีพลังงานทดแทนจากพืชพลังงานเป็นเทคโนโลยีท่ีได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและมีความคุ้มทุนทางเศรษฐกิจหรอื เกือบคุม้ ทุนหากได้รับการสนับสนุนอีกเพียงเล็กน้อยจากภาครัฐบาล นอกจากน้ีประเทศไทยยังมีแหล่งพลังงานจากธรรมชาติท่ีจัดเป็นพลังงานหมุนเวียน เช่น ไฟฟ้าพลังน้ําขนาดเล็ก พลังลม และพลงั งานแสงอาทิตย์ทีจ่ ะสามารถใช้ผลิตพลงั งานทดแทนได้ กระทรวงพลังงาน (พน.) ได้กําหนดแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี โดยมอบหมายให้กรมพัฒนาพลงั งานทดแทนและอนุรกั ษ์พลังงาน (พพ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักประสานงานกับส่วนผู้เก่ียวข้องอ่ืนๆ ให้ดําเนินการจัดทําแผนปฏิบัติการตามกรอบแผนพัฒนาพลังงานทดแทน เพื่อให้สามารถดําเนินการพัฒนาพลังงานทดแทนด้านต่างๆ ให้สามารถผลิตไฟฟ้ารวมสะสมถึงปี 2565 จํานวน 5,604 เมกะวัตต์ประกอบด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ 500 เมกะวัตต์ พลังงานลม 800 เมกะวัตต์ พลังน้ํา 324 เมกะวัตต์พลงั งานชีวมวล 3,700 เมกะวัตต์ กา๊ ซชวี ภาพ 120 เมกะวัตต์ ขยะ 160 เมกะวัตต์ นอกจากนั้นยังให้มีการพัฒนาเช้ือเพลิงชีวภาพ ได้แก่ เอทานอลและไบโอดีเซล รวมท้ังพลังงานความร้อนและก๊าซ NGV ซ่ึงก่อให้เกิดสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนได้ 20% ของปริมาณการใช้บริโภคของประเทศในปี 2565 การตั้งเป้าหมายสู่ความสําเร็จของการผลิตพลังงานทดแทนให้ได้ปริมาณดังกล่าว จําเป็นต้องสร้างแนวทางแผนพัฒนาในแต่ละเทคโนโลยีโดยเฉพาะกับภาคเอกชน ซึ่งเป็นแนวทางหลักที่สําคัญในการขับเคล่ือนสู่ความสําเร็จได้ ต้องมีความเด่นชัดในนโยบายเพื่อให้ปรากฏต่อการลงทุนจากภาคเอกชนและสร้างผลประโยชนต์ ่อการดาํ เนินการ สาํ หรบั คมู่ อื การพัฒนาและการลงทนุ ผลติ พลังงานทดแทนทีไ่ ด้จดั ทาํ ขึ้นนีจ้ ะเป็นคู่มอื ที่จะช่วยให้ผู้สนใจทราบถึงเป้าหมายของแผนพัฒนาพลังงานทดแทน รวมทั้งมีความเข้าใจในแนวทางการพัฒนาพลังงานทดแทน มาใช้ทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล อาทิ การพิจารณาถึงศักยภาพ โอกาสและความสามารถในการจัดหาแหล่งพลังงานหรือวัตถุดิบ ลักษณะการทํางานทางเทคนิค และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่โดยท่ัวไป ข้อดีและข้อเสียเฉพาะของแต่ละเทคโนโลยี การจัดหาแหล่งเงินทุน กฎระเบียบและมาตรการคู่มอื การพฒั นาและการลงทนุ กงั หนั ลมผลิตไฟฟ้ า ก

ส่งเสริมสนับสนุนต่างๆ ของภาครัฐ ข้ันตอนปฏิบัติในการติดต่อหน่วยงานต่างๆซึ่งจะเป็นเอกสารท่ีจะช่วยสร้างความเขา้ ใจในลกั ษณะเฉพาะของเทคโนโลยพี ลังงานหมนุ เวียนชนิดต่างๆ ทั้งการผลิตไฟฟ้า ความร้อนและเช้ือเพลิงชีวภาพ เพ่ือเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มเป้าหมายตามความต้องการของกระทรวงพลงั งานตอ่ ไป คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานทดแทนท่ีจัดทําขึ้นน้ี จะแบ่งออกเป็น 8 ชุด ได้แก่ ลมแสงอาทิตย์ น้ํา ชีวมวล ก๊าซชีวภาพ ขยะ เอทานอล ไบโอดีเซลโดยฉบับน้ีจะเป็น ชุดท่ี 1 เร่ืองคู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานทดแทน (ไฟฟ้าพลังงานลม) ซ่ึง พพ. หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยให้ผสู้ นใจมีความเขา้ ใจในแนวทางการพัฒนาพลงั งานทดแทนมาใช้เพิ่มมากข้ึน ซึ่งจะช่วยลดการพ่ึงพาการนําเข้าพลังงานจากต่างประเทศ สร้างความม่ันคงด้านพลังงานของประเทศ รวมท้ังลดการปลดปล่อยก๊าซเรอื นกระจกซงึ่ จะส่งผลดตี อ่ ประเทศชาตโิ ดยรวม อยา่ งยงั่ ยืนตอ่ ไปคมู่ อื การพฒั นาและการลงทนุ กงั หนั ลมผลติ ไฟฟ้ า ข

สารบัญ หน้าบทท่ี 1 บทนํา 11.1 การเกดิ ลม 21.2 ลมในประเทศไทย 21.2.1 ลมประจําฤดู 21.2.2 ลมประจาํ ถนิ่ 31.3 การใชป้ ระโยชนจ์ ากพลงั งานลม 41.3.1 กังหันลมฉุดน้าํ 51.3.2 กงั หันลมสบู นาํ้ 51.3.3 กงั หนั ลมเพอ่ื ผลิตไฟฟา้ 6บทที่ 2 การศึกษาความเปน็ ไปไดข้ องโครงการผลติ ไฟฟ้าจากพลังงานลมเพอ่ื การจาํ หน่าย 122.1 ข้ันตอนท่ี 1 จัดหาและรวบรวมข้อมูลท่ีจําเป็นสําหรับการศึกษาศักยภาพพลงั งานลมเฉพาะแหล่ง และประเมนิ ศักยภาพผลิตไฟฟา้ จากกังหันลมในข้นั ต้น 122.2 ขน้ั ตอนท่ี 2 สาํ รวจและกาํ หนดตาํ แหนง่ สาํ หรบั ติดต้ังกังหนั ลมขนาดใหญ่ 122.3 ขัน้ ตอนที่ 3 การตรวจวดั และวิเคราะหข์ ้อมลู ลมทางสถิติ 132.4 ขน้ั ตอนที่ 4 การวิเคราะหป์ ระเมินพลังงานไฟฟ้าจากกงั หนั ลม 142.4.1 การวิเคราะหผ์ ลการตอบแทนการลงทุน 152.4.2 ปัจจยั สําคญั ทีม่ ผี ลต่อการวิเคราะหค์ วามเหมาะสมการลงทุนทีถ่ ูกตอ้ ง 162.4.3 การประเมนิ ตน้ ทนุ ของการผลติ ไฟฟา้ ด้วยพลังงานลม 172.4.4 การประเมินมลู ค่าผลตอบแทนโครงการ 182.4.5 การประเมินผลกระทบดา้ นสง่ิ แวดล้อมและสงั คมเบ้อื งตน้ 192.5 ตัวอย่างการศึกษาประเมินศักยภาพพลังงานลมในการผลิตไฟฟ้า บริเวณสถานีวัดลมบ้านยางคํา ตาํ บลทา่ มะไฟหวาน อาํ เภอแก้งคอ้ จงั หวัดชัยภูมิ 20บทที่ 3 การศกึ ษาความเปน็ ไปได้ของโครงการผลติ ไฟฟา้ จากพลงั ลมขนาดเลก็ 263.1 ประเภทของกงั หนั ลมผลติ ไฟฟ้าขนาดเลก็ 263.2 สว่ นประกอบของกงั หันลมผลติ ไฟฟา้ ขนาดเลก็ 263.3 รูปแบบระบบการตดิ ตัง้ กังหันลมผลิตไฟฟา้ ขนาดเลก็ เพ่ือใชง้ าน 28ค่มู อื การพฒั นาและการลงทนุ กงั หนั ลมผลติ ไฟฟ้ า ค

สารบัญ (ตอ่ ) 3.4 ขัน้ ตอนในการพจิ ารณาและเลอื กใชก้ งั หนั ลมผลติ ไฟฟา้ ขนาดเลก็ หน้า 3.4.1 ข้ันตอนท่ี 1 ประเมนิ ศกั ยภาพพลงั งานลม 30 3.4.2 ขน้ั ตอนท่ี 2 ประเมนิ ภาระทางไฟฟา้ 30 3.4.3 ขั้นตอนที่ 3 ประเมินและคัดเลือกขนาดกงั หนั ลมใหม้ คี วามเหมาะสม 30 3.4.4 ข้ันตอนท่ี 4 การติดตง้ั กังหันลม 31 32บทที่ 4 การสนบั สนนุ จากภาครฐั 33 4.1 มาตรการสว่ นเพิ่มราคารบั ซื้อไฟฟา้ จากพลังงานหมนุ เวียน 34 4.2 โครงการเงินหมนุ เวยี นเพ่ือส่งเสรมิ การใชพ้ ลังงานทดแทน 35 4.3 โครงการส่งเสริมการลงทนุ ดา้ นอนุรกั ษ์พลังงานและพลังงานทดแทน 37 4.4 กลไกลการพัฒนาทส่ี ะอาด 40 4.5 โครงการสง่ เสรมิ การลงทนุ โดยสาํ นักงานคณะกรรมการสง่ เสริมการลงทุน 43 45บทที่ 5 ขนั้ ตอนการขอใบอนญุ าตตา่ งๆ 54เอกสารอ้างอิงค่มู อื การพฒั นาและการลงทนุ กงั หนั ลมผลิตไฟฟ้ า ง

บทท่ี 1 บทนาํพลงั งานลม ลมเป็นแหล่งพลังงานสะอาดชนิดหนึ่งท่ีมีอยู่เองตามธรรมชาติสามารถใช้ได้อย่างไม่มีวันหมดส้ินในปัจจุบันได้มีการใช้ประโยชน์จากพลังงานลมเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้ามากข้ึนโดยเฉพาะอย่างย่ิงในแถบประเทศยุโรปได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีกังหันลมเพ่ือผลิตไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ให้มีขนาดใหญ่ข้ึนและมีประสทิ ธิภาพสงู ขน้ึ สาํ หรบั ประเทศไทยการใช้ประโยชน์จากพลงั งานลมเพ่อื ผลติ ไฟฟ้ายังมีค่อนข้างน้อยมากอาจเปน็ เพราะศกั ยภาพพลังงานลมในประเทศเราไมส่ ูงมากนกั เมื่อเทยี บกบั ประเทศอนื่ ๆและความรทู้ างด้านเทคโนโลยีกังหันลมสมัยใหม่ยังเป็นส่ิงที่ใหม่อยู่สําหรับการนํามาใช้งาน อย่างไรก็ตามหากเรามีพื้นฐานความรู้ทางด้านน้ีบ้าง ก็สามารถที่จะประยุกต์ใช้เทคโนโลยีกังหันลมและพลังงานลมเป็นพลังงานทางเลือกหรอื ร่วมกบั แหลง่ พลงั งานอนื่ ๆ ได้ เพอ่ื ความม่นั คงในการผลิตไฟฟ้า อย่างเช่นท่ีสถานีไฟฟ้าแหลมพรหมเทพ จงั หวัดภเู กต็ ไดท้ ดลองใช้กังหนั ลมผลิตไฟฟ้าร่วมกับระบบเซลล์แสงอาทิตย์และต่อเข้ากับระบบสายส่งดงั นั้นการศกึ ษา เรยี นรู้ วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีกังหันลมและแหล่งศักยภาพพลังงานลม ก็จะเป็นสว่ นหนึ่งที่จะชว่ ยลดการใชพ้ ลังงานจากฟอสซลิ ซ่ึงจะเป็นการชว่ ยประเทศไทยลดการนําเข้าแหล่งพลังงานจากต่างประเทศ อีกทางหนงึ่ ท้งั ยังช่วยลดสภาวะโลกร้อนได้อกี ดว้ ย ที่มา: http://www.renewableenergyworld.com หนา้ 1 แผนทคี่ วามเร็วลมเฉลีย่ ที่ระดับความสูง 80 เมตรคูม่ ือการพฒั นาและการลงทุนกงั หนั ลมผลติ ไฟฟา้

1.1 การเกิดลม สาเหตขุ องการเกิดลมคอื ดวงอาทติ ยซ์ ึง่ เมอ่ื ดวงอาทติ ย์มีการแผ่รงั สีความร้อนมายังโลกแต่ละตําแหน่งบนพน้ื โลกไดร้ ับปรมิ าณความร้อนและดดู ซบั ความร้อนไดไ้ ม่เทา่ กนั ทําใหเ้ กิดความแตกต่างของอุณหภูมิและความกดอากาศทีไ่ มเ่ ท่ากันในแตล่ ะพน้ื ทบ่ี รเิ วณใดทมี่ ีอณุ หภูมิสงู หรอื ความกดอากาศตาํ่ อากาศในบรเิ วณนัน้ ก็จะลอยตัวขึ้นสูงอากาศจากบริเวณท่ีเย็นกว่าหรือมีความกดอากาศสูงกว่าจะเคล่ือนที่เข้ามาแทนท่ีการเคล่ือนท่ีของมวลอากาศนี้คือการทําให้เกิดลมนั่นเองและจากการเคลื่อนท่ีของมวลอากาศน้ีทําให้เกิดเป็นพลงั งานจลนท์ สี่ ามารถนาํ มาประยกุ ต์ใช้ประโยชนไ์ ด้1.2 ลมในประเทศไทย 1.2.1 ลมประจําฤดู เป็นลมที่เกิดขึ้นและพัดเป็นไปตามฤดูกาล ตามช่วงและระยะเวลาที่เกิดข้ึนค่อนข้างแน่นอน ได้แก่ ลมมรสุม (Monsoon) ซ่ึงพัดในทิศทางท่ีแน่นอน เป็นระยะเวลานานตลอดทั้งฤดูกาลและเกดิ เปน็ ประจาํ เช่นนนั้ ทกุ ๆ ปี ไม่เปล่ยี นแปลง เช่น ลมมรสมุ ในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้เน่ืองจากทวีปเอเชยี เปน็ พน้ื แผน่ ดินอันกว้างใหญ่และมีมหาสมุทรล้อมรอบ จึงทําให้เกิดความแตกต่างอย่างมากของอณุ หภูมแิ ละความกดอากาศระหว่างพนื้ ดินและพืน้ น้ํา เป็นผลทําใหเ้ กิดลมพัดเปลยี่ นเปน็ ไปตามฤดกู าลช่วงเดือนพฤศจกิ ายน–เมษายน ช่วงเดือนพฤษภาคม–ตลุ าคมรปู แสดงสภาพอากาศและทิศทางลม 1.1.2.1 ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้หรือลมมรสุมฤดูร้อน เน่ืองจากบริเวณทางใต้ของทวีปเอเชียจะอยู่ในเขตศูนย์กลางความกดอากาศตํ่าในฤดูร้อน จึงทําให้เกิดลมร้อนช้ืนพัดผ่านจากมหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิกตอนใต้ในทิศทางตะวันตกเฉียงใต้เข้าสู่ทวีปเอเชียผ่านประเทศอินเดียกลุ่มประเทศอินโดจีน และประเทศจีน ลมจะนําความร้อนและความชุ่มชื้นและฝนมาตกในบริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สําหรับประเทศไทย ได้รับอิทธิพลจากมรสุมนี้ประมาณเดือนพฤษภาคมจนถึงเดอื นตลุ าคมของทุกปีคู่มอื การพฒั นาและการลงทุนกงั หันลมผลิตไฟฟา้ หนา้ 2

1.1.2.2 ลมมรสมุ ตะวนั ออกเฉียงเหนือหรือลมมรสุมฤดูหนาว เนื่องจากบริเวณทางใต้ของ ทวีปเอเชียจะอยู่ในเขตศูนย์กลางความกดอากาศสูงในฤดูหนาว จึงทําให้ลมเย็นและแห้งพัดจาก บริเวณตอนกลางภาคพืน้ ทวีปในทิศทางตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่มหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิก ลม จะนาํ ความหนาวเยน็ และความแห้งแล้งผ่านบริเวณเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต้ สําหรับประเทศไทยได้รับ อทิ ธพิ ลจากมรสมุ นี้ประมาณเดอื นพฤศจกิ ายนจนถึงเดือนเมษายนของทุกปี 1.2.2 ลมประจําถิ่น เป็นลมท่ีพัดอยู่ในบริเวณใดบริเวณหน่ึงโดยเฉพาะ เกิดขึ้นในบริเวณแคบๆสาเหตุการเกิดลมประจําถิ่น เน่ืองมาจากความแตกต่างของความกดอากาศในบริเวณใกล้เคียงของภูมิประเทศในท้องถ่นิ นั้นๆ เช่น พ้นื ที่เปน็ ทะเล เป็นภูเขาหรือเป็นหุบเขา เป็นต้น ลมประจําถิ่นมีอิทธิพลอย่างมากต่อลกั ษณะอากาศ ณ บริเวณนัน้ ๆ และยังมอี ทิ ธิพลต่อพืชและสัตว์ในบริเวณน้ันๆ ด้วย ลมประจําถิ่นที่เกิดขึน้ ในประเทศไทยมดี งั น้ี 1.2.2.1 ลมบกและลมทะเล เกดิ ขึ้นเน่อื งจากความแตกตา่ งอุณหภมู ิของพน้ื ดินและพื้นนํา้ ทมี่ ี คุณสมบัติของการดูดซับและคลายความร้อนท่ีแตกต่างกัน ในช่วง 1 รอบวันประเทศไทยจะได้รับ อทิ ธพิ ลจากลมบกลมทะเลในบริเวณจงั หวดั ทีม่ พี ืน้ ทีต่ ิดทะเล ทง้ั ทางภาคตะวันออก ภาคกลาง ภาคใต้ ฝั่งอ่าวไทยและฝ่งั อนั ดามนั ซงึ่ สมัยกอ่ นลมนี้ได้ช่วยชาวประมงในการออกเรือหาปลา โดยใช้แรงจาก ลมบกออกเรือสทู่ ะเลในตอนหวั คํา่ และใชแ้ รงจากลมทะเลนําเรอื เข้าฝงั่ ในตอนเช้า รูปแสดงการเกดิ ลมบกและลมทะเล 1.2.2.2 ลมภูเขาและลมหุบเขา เป็นลมประจําถิ่นอีกชนิดหนึ่ง เกิดขึ้นเป็นประจําวันเชน่ เดยี วกับลมบกและลมทะเล ซึง่ เกิดขึ้นจากความแตกต่างของความกดอากาศประเทศไทยจะได้รับอิทธิพลจากลมภูเขาและลมหุบเขาในบริเวณจังหวัดที่มีพื้นท่ีเป็นเขาสูง ซ่ึงอยู่ในภาคเหนือและภาคตะวนั ตก และหากในบริเวณพ้นื ท่ีน้ันๆ มอี ุณหภมู ิของอากาศท่ีไม่แตกต่างกันมากในแต่ละวันก็อาจจะไม่เกดิ ลมภเู ขาและลมหบุ เขาคู่มือการพัฒนาและการลงทุนกังหันลมผลิตไฟฟา้ หน้า 3



ความรู้เก่ียวกับโรงสีข้าวพลังงานลมจากเปอร์เซียมาสู่หลายพื้นที่ของยุโรป แม้ในประเทศไทยเองโดยภูมิปัญญาชาวบ้านของคนไทยโบราณ ก็ได้มีการผลิตกังหันลมข้ึนมาใช้ในการชักนํ้าจากท่ีตํ่าขึ้นที่สูง ได้แก่กังหนั ลมฉุดน้ําแบบระหดั ทใี่ ชใ้ นนาข้าวและนาเกลือ สําหรับรูปแบบของการใช้งานกังหันลมในปัจจุบันสามารถแบ่งไดเ้ ปน็1.3.1 กังหันลมฉุดน้ําแบบระหัด เป็นการใช้พลังงานลมเพ่ือการทุ่นแรง คนไทยในสมัยโบราณได้นาํ มาใช้เป็นเวลานานแล้ว ดังจะเหน็ ได้จากการสรา้ งกังหันลมฉุดนํ้าเพื่อใช้ในการทํานาเกลือ ซ่ึงเป็นการคิดประดษิ ฐค์ ิดค้นข้นึ ด้วยภูมิปัญญาชาวบ้านในสมัยโบราณ เพื่อฉุดน้ําเข้าในนาข้าวและนาเกลือ เช่นเดียวกันกับการประดิษฐ์กังหันลมวินด์มิลล์เพ่ือใช้สูบนํ้าและใช้แรงกลในการแปรผลิตผลทางการเกษตรของชาวฮอลแลนด์ วัสดุท่ีใช้ประดิษฐ์กังหันลมฉุดนํ้าแบบระหัดเป็นวัสดุท่ีสามารถหาได้ง่ายในท้องถ่ิน ทําด้วยผีมือและแรงงานตนเอง ราคาถกู มีความเหมาะสมตอ่ สภาพภูมปิ ระเทศและความเร็วลมในท้องถ่ินเป็นอย่างมากเป็นกงั หนั ลมแกนหมุนในแนวนอน ซ่ึงประกอบด้วย โครงเสา แกนเพลาใบพดั ชดุ ระหัดและรางน้าํ 1 การใช้กังหันลมฉุดนํ้าแบบระหัดได้ถูกประเมินการใช้งานเม่ือปี พ.ศ.2524 กังหันลมท่ีใช้ในนาข้าวมีจํานวนประมาณ 2,000ชุด และใช้ในนาเกลือมีจํานวนประมาณ 3,000 ชุด รวมทั้งหมดมีการใช้งานประมาณ 5,000 ชุด ต่อมาในปี พ.ศ.2531 มีการลดจํานวนการใช้งานลงอย่างรวดเร็ว ด้วยการเลิกใช้งานกังหันลมและเขา้ มาแทนทขี่ องเครอ่ื งสูบนาํ้ ซึ่งมีความสะดวกรวดเร็วในการสูบนํ้าอีกท้ังมีการเปล่ียนแปลงการใช้ประโยชน์ของพื้นท่ีจากการทําการเกษตรและนาเกลือมาเปน็ โรงงานและเขตอุตสาหกรรม จากการสํารวจในบริเวณพ้ืนท่ี 20 ตารางกิโลเมตร ของจังหวัดสมุทรสาครและสมุทรสงคราม มีกังหันลมเพื่อใช้งานเหลืออยู่จํานวน 600 ชุดและในปัจจุบนั คงเหลือกงั หันลมท่ีใช้ในนาเกลือตามสองฝ่ังของทางหลวงหมายเลข 35 ระหว่างรอยต่อจังหวัดสมุทรสาครและสมทุ รสงคราม ประมาณ 100-150 ชดุ กังหนั ลมฉุดนา้ํ แบบระหดั 1.3.2 กังหันลมสูบนํา้ เปน็ กงั หนั ลมแบบแกนหมนุ แนวนอน หลายใบพัด (Multi blade) ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพอื่ สูบนา้ํ ใชใ้ นทางการเกษตรและปศสุ ตั ว์ ท่ีอยู่ในพ้ืนที่ท่ีห่างไกลในเขตชนบทท่ีไม่มีกระแสไฟฟ้าใชใ้ นการสูบนํ้าหรือบริเวณทีต่ อ้ งการใชพ้ ลังงานจากลมเปน็ พลงั งานชว่ ยเสริมพลงั งานดา้ นอน่ื ๆ และเป็นการประหยดั พลังงานและรกั ษาสภาพส่ิงแวดล้อม ซึ่งมีส่วนประกอบท่ีสําคัญดังนี้ใบพัด ตัวเรือน เพลาประธานแพนหาง โครงเสา กา้ นชกั ปัม้ นาํ้ ท่อนา้ํ ถังเกบ็ นํ้า1 ท่ีมา www.dede.go.th หน้า 5ค่มู ือการพฒั นาและการลงทุนกังหนั ลมผลติ ไฟฟ้า

กงั หนั ลมสูบน้าํ เพื่อการเกษตรและปศสุ ัตว์ 1.3.3 กังหันลมเพื่อผลิตไฟฟ้า โดยท่ัวไปกังหันลมสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด ตามแกนหมุนของกังหันลม ได้แก่ กังหันลมแกนหมุนแนวต้ังและกังหันลมแกนหมุนแนวนอนซ่ึงทั้งสองชนิดจะประกอบด้วยอุปกรณ์ในการทํางานผลิตไฟฟ้าที่คล้ายกัน เช่น ชุดใบพัดชุดห้องเกียร์ทดกําลัง ชุดเครื่องกาํ เนดิ ไฟฟา้ และชดุ เสาโดยจะมีความแตกต่างกันตรงการวางชดุ แกนหมนุ ใบพัด o กังหนั ลมแกนหมนุ แนวต้งั (Vertical axis wind turbine,VAWT)เป็นกังหันลมทมี่ แี กนหมนุ และใบพัดต้งั ฉากกับการเคลอ่ื นที่ของลมในแนวราบซง่ึ ทําให้สามารถรับลมในแนวราบได้ทุกทิศทาง มีเพียง 2 แบบ คือ กังหันลมแดร์เรียส (Darrieus) ซ่ึงประดิษฐ์ข้ึนครั้งแรกในประเทศฝร่ังเศส และกังหันลมซาโวเนยี ส (Savonius) ซึง่ ประดิษฐ์ขน้ึ คร้งั แรกในประเทศฟินแลนด์ ซึ่งการพัฒนาจงึ อยู่ในวงจาํ กัดและมีความไม่ต่อเน่ืองปัจจุบันมีการใช้งานกังหันลมแบบแกนตั้งน้อยมาก o กังหันลมแกนหมุนแนวนอน (Horizontal axis wind turbine, HAWT)เป็นกังหนั ลมท่ีมแี กนหมนุ ขนานกบั ทศิ ทางของลมโดยมีใบพัดเป็นตัวต้ังฉากรับแรงลม ทําหน้าที่รับแรงลมที่เคลื่อนตัวมากระทบทําให้เกิดการหมุนของใบพัดโดยกังหันลมชนิดแกนหมุนแนวนอนแบบสามใบพัดซึ่งมีการพัฒนามาอย่างต่อเนอ่ื งเป็นกังหันลมท่ีไดร้ บั ความนิยมใชง้ านในเชงิ พาณชิ ย์มากท่ีสุดคู่มอื การพฒั นาและการลงทนุ กงั หันลมผลิตไฟฟ้า หน้า 6

กงั หนั ลมแกนหมุนแนวนอน กังหนั ลมแกนหมนุ แนวตง้ัเน่ืองจากการพัฒนากังหันลมผลิตไฟฟ้าท่ีเป็นกังหันลมแกนหมุนแนวตั้ง ปัจจุบันมีการติดตั้งใช้งานน้อยมากต่างจาก กังหันลมแกนหมุนแนวนอน ซ่ึงมีการพัฒนามาอย่างต่อเน่ือง เป็นกังหันลมที่ได้รับความนิยมใชง้ านในเชงิ พาณิชย์มากทส่ี ดุ ดงั น้ันในการจดั ทําคมู่ ือฉบบั นี้จะนําเสนอเฉพาะกังหันลมผลิตไฟฟ้าแบบแกนนอน(1) สว่ นประกอบของกงั หันลมผลิตไฟฟา้ แบบแกนนอน องคป์ ระกอบหลัก คอื กงั หัน (Rotor) ทําหน้าท่ีเปลี่ยนรูปพลังงาน จลน์ในกระแสลม เป็นพลังงานกลสําหรับ หมุนเคร่ืองกําเนิดไฟฟ้า กังหันเป็นชุด อุปกรณ์ ท่ีประกอบด้วย ปีกใบพัด ดุมใบพัด (hub) และเพลาหลัก (main shaft) ดุม ใบพัดทําหน้าท่ีเป็นตัวกลางถ่ายทอดกําลัง ระหว่างใบพัดกับเพลา ในกังหันลมบาง ประเภท ดุมใบพัดถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ ติดต้ังระบบปรับมุมปะทะของปีกกังหัน (variable pitch) ได้ตามขนาดความเร็วลม เพื่อให้การเปลี่ยนรูปพลังงานเกิดข้ึนอย่างสม่ําเสมอ เพลาหลักมีลักษณะกลวงเพ่ือเป็น ทางผา่ นน้ํามันไฮดรอลิกส์คู่มือการพัฒนาและการลงทนุ กังหนั ลมผลติ ไฟฟา้ หน้า 7

นาเซล (Nacell) เป็นตัวเรือน (Housing) สําหรับติดตั้งเครื่องกําเนิดไฟฟ้าและชุดอุปกรณ์เสริมท้งั หลาย องคป์ ระกอบของนาเซลแตกตา่ งกนั ไปตามชนิดและภารกิจของกังหันลม ประกอบด้วย รูปแสดงส่วนประกอบภายในนาเซลระบบเกียรเ์ พิ่มรอบ ทําหน้าท่เี พ่มิ ความเรว็ รอบของเพลารองทต่ี อ่ กับเคร่ืองกําเนิดไฟฟ้าใหม้ คี วามเร็วรอบตรงกับข้อกําหนดเน่ืองจากกังหันลมหมุนด้วยความเร็วตํ่าไม่สามารถใช้ขบั เคร่ืองกาํ เนิดไฟฟา้ แบบด้งั เดมิ ได้ระบบเบรค เป็นระบบกลไกเพื่อใช้ควบคุมการหยุดหมุนของใบพัดและเพลาแกนหมุนของกังหนั เม่ือไดร้ ับความเร็วลมเกินความสามารถของกังหัน ที่จะรับได้ และในระหว่างการซอ่ มบาํ รงุ รักษาเคร่ืองกําเนดิ ไฟฟา้ ทาํ หนา้ ทเ่ี ปล่ยี นพลังงานกล เปน็ พลังงานไฟฟ้าระบบอิเล็กทรอนิกส์ควบคุมอัตโนมัติ สําหรับตรวจวัด และควบคุมการทําหน้าที่ของกังหนั ลม ในระบบน้มี ีคอมพวิ เตอร์ ทาํ หนา้ ท่ีจัดการเบรกใหห้ ยดุ เม่อื ความเร็วลมอยู่นอกชว่ งการทาํ งาน หรือสตารท์ การหมนุ ความเร็วลมอยู่ในช่วงการทํางานของกังหันลม หันกังหันลมเข้ารับลมตามการเปล่ียนทิศทางของกระแสลมเพื่อให้การเปลี่ยนรูปพลังงานเกิดสูงสุดตลอดเวลา และลดแรงไม่คงตัว (unsteady forces)ท่ีทํากับชุดกังหัน การทํางานของชุดควบคุมอาศัยข้อมูลความเร็ว กับทิศทางการพัดของลม จึงมีการติดต้ังเครอ่ื งมอื วัดลมไวท้ ี่นาเซลค่มู อื การพฒั นาและการลงทนุ กงั หนั ลมผลติ ไฟฟ้า หนา้ 8

ระบบหลอ่ เย็น สาํ หรับอุปกรณ์ทีเ่ กดิ ความรอ้ นสงู ขณะทํางาน (เคร่ืองกําเนิดไฟฟ้า และ เกียร)์ อาจเป็นพดั ลมระบายอากาศ หรือหมอ้ นาํ้ ระบายความรอ้ น เปน็ ตน้ แกนคอหมนุ รับทศิ ทางลม (Yaw drive) ที่ทําให้นาเซลหมุนได้รอบตัวบนยอดเสา ระบบนี้ มักประกอบด้วย มอเตอรไ์ ฟฟา้ และเฟืองวงแหวน เชน่ เดียวกบั ท่ีใช้ในรถตักดิน “แบ็คโฮร์” หรอื ป้อมปนื ของรถถัง มกี ารติดตั้งชดุ นบั รอบการหมนุ เพือ่ ป้องกันไม่ใชส้ ายไฟฟา้ ทีต่ อ่ ลงมา ข้างลา่ งหมนุ บดิ เป็นเกลียวซง่ึ อาจสร้างความเสียหายได้ นอกจากนี้ยังสามารถติดต้ังระบบ ปอ้ งกันความเสียหายอื่นๆ ทีอ่ าจเกดิ ขึ้นเน่อื งจากการหมุนรอบแกนต้งั ของนาเซล ตามความ เหมาะสมของชนิดกังหันลมน้ันๆเสา (Tower) ทาํ หนา้ ที่รับน้าํ หนกั ของกงั หนั และนาเซล และยกกังหันลมสูงข้ึนจากพื้นท่ีอยู่ในบรเิ วณทีล่ มมีความเร็วสูงและสม่ําเสมอ (Uniform) ลดอิทธิพลช้ันชิดผิวใกล้พื้น และพ้นจากโซนเวคจากการไหลผ่านของวัตถุท่ีอยู่พ้ืน อาทิ ต้นไม้ สิ่งปลูกสร้าง เนินเขา เสามีสามแบบทนี่ ิยมใช้ในทางปฏบิ ัติ ประกอบดว้ ย เสาแบบเสาธง (Guyed pole towers) มีข้อดีคือ สร้างง่าย ไม่ซับซ้อน ติดตั้งง่าย เหมาะกบั กังหันลมขนาดเล็ก กําลังการผลิตต่ํา เสาแบบเสาธงสามารถออกแบบให้เอน ได้ในกรณีลมกรรโชกแรง เสาเอนเบยี่ งออกทาํ ให้ทศิ ทางกงั หันเหออกจากแนวกระแสลม อาจชว่ ยปอ้ งกนั ความเสียหายท่ีจะเกิดกับปกี กงั หนั ได้ เสาแบบโครงถัก (Lattice tower) มีข้อดีคือ สร้างง่าย แข็งแรง สามารถใช้กับกังหันลม ขนาดใหญ่ กาํ ลงั ผลติ สงู ได้ เชน่ เดียวกนั กับเสาแบบเสาธง คือ สามารถออกแบบให้มีระบบ เอนตวั หลบลมกรรโชกแรงได้ เสาแบบทรงกระบอกเรียว (Tubular conical tower) เสาชนิดน้ีต้องการการคํานวณ ออกแบบที่ดี ข้อดีท่ีสําคัญ คือ ม่ันคง แข็งแรง ภายในแกนกลางของเสาสามารถติดต้ัง อุปกรณไ์ ด้หลายอย่าง เชน่ บันไดหรอื ลิฟต์ สําหรับช่างซ่อมบํารุง เป็นทั้งท่อร้อยสายไฟ ไปในตัว นอกจากนยี้ ังสามารถออกแบบรูปทรงให้เข้ากับตัวกังหัน และนาเซล เพื่อให้ดู กลมกลนื กับสงิ่ แวดลอ้ ม สวยงามไม่เป็นมลพิษทางสายตาค่มู อื การพฒั นาและการลงทุนกงั หันลมผลิตไฟฟ้า หนา้ 9

แบบเสาธง แบบโครงถกั แบบทรงกระบอกเรยี ว รูปเสาของกงั หนั ลม(2) รปู แบบของระบบการตดิ ตง้ั ใช้งานกังหนั ลมผลติ ไฟฟ้า แบง่ ออกได้เปน็ 2 ชนดิ ไดแ้ ก่ ระบบการ ติดตั้งแบบเด่ียว (Stand Alone System) และระบบการติดต้ังแบบเช่ือมต่อเข้าสู่ระบบสายส่ง (Grid Connected System) โดยระบบการเช่ือมต่อท้ังสองแบบ จะมีท้ังข้อดีและข้อเสียที่แตกต่าง กนั รวมทง้ั ยังมีข้อจํากัดและปัจจัยอ่ืนๆ อีกหลายประการในการพิจารณา ดังนั้นก่อนการตัดสินใจ จึงจําเปน็ จะตอ้ งมกี ารศึกษาอยา่ งรอบคอบในการเลือกระบบของการตดิ ตั้งใหเ้ หมาะสม ระบบการติดต้ังใช้งานแบบเดี่ยว ระบบนี้เหมาะสําหรับการติดต้ังใช้งานในท่ีพัก อาศัย ชุมชนหรือพื้นที่ท่ีห่างไกลจากสายส่งหลัก อาทิ บนเกาะหรือชนบทห่างไกลที่ระบบสายส่ง เขา้ ไปไม่ถงึ และไมค่ ุ้มคา่ กบั การติดตง้ั ระบบสายส่งเขา้ ไปสู่พ้นื ท่ีทีต่ ้องการใชง้ าน โดยในระบบ การติดตั้งแบบเด่ียวนั้นจะต้องใช้ชุดเก็บประจุไฟฟ้าสําหรับเป็นท่ีเก็บพลังงาน (Battery Bank) ซึ่งอาจเป็นระบบการผลิตไฟฟ้าแรงดันตั้งแต่ 12-48 โวลต์ แล้วเก็บพลังงานท่ีได้เข้า ชุดแบตเตอร่โี ดยจะต้องทํางานท่ีสมั พันธ์กนั กบั ระบบควบคมุ การทํางานของกังหันลม (Wind Turbine Controller) อย่างเหมาะสมเพื่อควบคุมแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าให้เป็นไป ตามความต้องการทค่ี วามเรว็ ลมตา่ งกันออกไป นอกจากนร้ี ะบบควบคุมการทาํ งานของกังหัน ลมยังมีระบบป้องกันตัวเอง (Self-Protection) ซ่ึงอาจจะมีการทํางานคู่กันระหว่างระบบ ทางกลและระบบทางไฟฟา้ เพอ่ื ไม่ให้ความเรว็ ลมของกังหันลมมากเกินไปกว่าทอ่ี อกแบบไว้ การใช้ไฟฟ้าในระบบงานแบบเดี่ยวนี้อาจใช้ได้ทั้งระบบไฟฟ้ากระแสตรง (DC) และ ระบบไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) โดยในกรณีท่ีต้องการใช้ไฟฟ้ากระแสสลับ จําเป็นจะต้องมี Inverter เพ่ือเปลย่ี นไฟฟา้ กระแสตรงเปน็ ไฟฟา้ กระแสสลับ (DC/AC) โดยที่ Inverter และ แบตเตอร่ีในแต่ละรุ่นจะมีคณุ ลักษณะและการทาํ งานท่ีแตกต่างกัน ดงั นั้นจาํ เป็นจะต้องมีการ คํานวณภาระทางไฟฟ้าท่ีจะใช้งานเพือ่ การคัดเลือก Inverter ใหเ้ หมาะสมเช่นกันค่มู อื การพฒั นาและการลงทุนกงั หนั ลมผลติ ไฟฟ้า หน้า 10



บทท่ี 2การศึกษาความเปน็ ไปไดข้ องโครงการผลติ ไฟฟา้ จากพลังงานลม เพอ่ื การจาํ หน่าย การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการผลติ ไฟฟา้ พลังงานลม เป็นข้ันตอนท่ีสําคัญโดยการพิจารณาถึงศักยภาพพลังงานลม ณ จุดที่จะดําเนินการติดตั้ง เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลและจัดหาข้อมูลประกอบอ่ืนๆนํามาวิเคราะห์จัดทําแผนที่ศักยภาพลมและวิเคราะห์ข้อมูลลมทางสถิติ แล้วทําการสํารวจพ้ืนท่ีโดยรอบสถานีวัดลมและพิจารณากําหนดตําแหน่งที่เหมาะสําหรับติดต้ังกังหันลมผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่ วิเคราะห์ประเมินพลังงานไฟฟ้าจากกังหันลม วิเคราะห์ประเมินความคุ้มค่าโครงการด้านการลงทุน พร้อมทั้งประเมนิ ผลกระทบด้านสงั คม และส่งิ แวดล้อมเบอ้ื งต้น โดยมีรายละเอยี ดดังตอ่ ไปนี้2.1 ข้นั ตอนที่ 1 จัดหาและรวบรวมขอ้ มูลทจ่ี าํ เปน็ สําหรับการศกึ ษาศักยภาพพลังงานลมเฉพาะแหล่ง และประเมินศกั ยภาพผลิตไฟฟา้ จากกังหนั ลมในข้นั ตน้ (Prelim Detail) ในขั้นตอนแ รกในการร ะบุพื้น ท่ีซ่ึง มีศักยภาพพลังงานลมในการผลิตไฟฟ้าเฉพาะแหล่ง คือการรวบรวมและคัดเลือกข้อมูลท่ีจะใช้ในการวิเคราะห์ความเร็วลมเพื่อกําหนดพื้นท่ีเบ้ืองต้น ซึ่งคาดว่าจะมีศักยภาพพลังงานลมเพียงพอ (Preliminary area identification)โดยอาศัย ข้อมูลลมจ ากการตร วจ วัดขอ งหน่วยงานภายในประเทศท่ีมีอยู่แล้ว ได้แก่ กรมพัฒนาพลงั งานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน การไ ฟ ฟ้ า ฝ่ า ย ผ ลิ ต แ ห่ ง ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย ก ร มอุตุนิยมวิทยา กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ กรมควบคมุ การปฏบิ ัตทิ างอากาศ กองทพั อากาศ2.2 ข้ันตอนท่ี 2 สํารวจและกําหนดตําแหน่ง แผนทคี่ วามเร็วลมของประเทศไทยทร่ี ะดบั ความสูง 90 เมตร สาํ หรับติดตัง้ กังหนั ลมขนาดใหญ่ การสํารวจพ้ืนท่ีจริง เพ่ือเก็บรวบรวมและสอบถามข้อมลู ไดแ้ ก่ สภาพภูมิประเทศ เส้นทางคมนาคม แนวสายสง่ ไฟฟ้า ผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน เป็นต้น รวมถึงประสานงานเจ้าหน้าที่ในคู่มือการพฒั นาและการลงทุนกงั หันลมผลิตไฟฟา้ หนา้ 12

พน้ื ท่ี ผู้ถือครองกรรมสิทธิท์ ่ีดินและผูเ้ ก่ียวขอ้ งเพอื่ ขออนญุ าตใชพ้ ้ืนท่ี เชน่ องคก์ ารบริหารส่วนตําบล (อบต.)หน่วยงานราชการ เป็นต้น ข้อมูลที่ต้องการ ประกอบด้วย ข้อมูลจํานวนประชากร แผนท่ีแสดงเขตการปกครอง แผนทแี่ สดงแหล่งทต่ี ง้ั ชุมชน ครัวเรือน แผนท่ีแสดงการใช้ประโยชน์พื้นท่ี แผนท่ีแสดงลักษณะภูมิประเทศ บุคคลผู้ให้ข้อมูลในพื้นท่ี ข้อมูลการใช้ประโยชน์พื้นที่ ลักษณะดิน ตําแหน่งภูเขา ถนน ชุมชนใกล้เคียง ประวัติภัยทางธรรมชาติ ข้อมูลผู้รับผิดชอบที่ดินแผนผังพื้นที่ แสดงลักษณะภูมิประเทศ ชุมชนและตาํ แหนง่ พ้นื ที่ เพอื่ ศึกษาศกั ยภาพและวิเคราะห์ความคุ้มค่าของการลงทนุ การสาํ รวจพน้ื ที่เพอ่ื เก็บขอ้ มูล เบ้อื งตน้ เป็นการศึกษาเพอื่ คัดเลอื กพนื้ ที่ มปี ระเด็นการพิจารณาดงั น้ี (1) ศักยภาพพลงั งานลมสูง (2) การใช้ประโยชนแ์ ละการไดร้ บั อนญุ าตใหใ้ ชพ้ ื้นท่ี (3) ใกลก้ บั แนวสายจาํ หนา่ ยไฟฟา้ (4) ขนาดของพนื้ ท่ีเพยี งพอต่อความต้องการใชง้ าน (5) การเข้าถงึ พืน้ ท่ไี ด้งา่ ย ความเปน็ ไปได้ของ โครงการตดิ ตั้งกงั หันลมผลิตไฟฟ้าโดยเฉพาะกังหันลมขนาดใหญ่ระดับเมกะวัตต์ จําเป็นต้องพิจารณาข้อมูล ศักยภาพพลังงานลมในพื้นที่ ข้อมูลด้านเทคนิคและราคาของกังหันลม ข้อมูลสภาพพื้นท่ีโดยทั่วไปการคมนาคมขนส่ง ระบบสายจําหน่ายไฟฟ้า การใช้ประโยชนพ์ ืน้ ท่ี รวมถึงขอ้ มูลกรรมสิทธิ์พื้นที่ ซ่งึ ขอ้ มลู เหล่านี้ล้วนเก่ียวข้องกับค่าใช้จ่ายของโครงการท้ังทางตรงและทางอ้อม ดังนั้นการเลือกกังหันลม รวมท้ังตําแหน่งท่ีต้ังของกังหันลม ต้องใช้ข้อมูลดังกล่าวมาพิจารณาร่วมกัน โดยมีเป้าหมาย เพ่ือสามารถนําพลังงานลมมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีค่าใช้จ่ายโครงการท่ีเหมาะสมแกก่ ารลงทนุ และเป็นที่ยอมรบั ของทกุ ฝ่ายทีเ่ กี่ยวขอ้ ง2.3 ขน้ั ตอนท่ี 3 การตรวจวัดและวเิ คราะห์ข้อมูลลมทางสถิติ ขอ้ มลู ลมท่ีจําเปน็ เพื่อประเมนิ ศักยภาพพลงั งานลม ความเร็วลม ทิศทางลม เคร่ืองวัดอุณหภูมิอากาศและเคร่อื งบันทกึ ข้อมูล โดยเป็นการตรวจวัดและบนั ทกึ ข้อมลู ลมตอ่ เน่ืองอย่างน้อย 12 เดือน และช่วงเวลาท้ังหมดท่ไี ม่มีข้อมูลไมค่ วรเกนิ ร้อยละ 10 ของระยะเวลาท่ีทาํ การตรวจวดั 2 ความเร็วลมและการวดั ทศิ ทางลมเป็นส่ิงสําคัญทสี่ ดุ ในการประเมินศักยภาพลม เพราะพลังงานลมเป็นสัดส่วนกับความเร็วลม การวัดความเร็วลมควรกระทํามากกว่า 1 ระดับความสูง เพ่ือให้ทราบการ2 ท่มี า : รายงานฉบบั สมบรู ณ์ โครงการศึกษาประเมนิ ศกั ยภาพพลงั งานลมในการผลิตไฟฟา้ เฉพาะแหลง่ , กรมพฒั นา พลังงานทดแทนและอนรุ กั ษ์พลงั งาน, มหาวิทยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าธนบรุ ,ี ธนั วาคม 2551คู่มอื การพัฒนาและการลงทนุ กงั หนั ลมผลิตไฟฟา้ หน้า 13

เปลี่ยนแปลงความเร็วลมตามความสูง (speed shear) การเปล่ียนทิศทางลมตามความสูง (Directionshear) ความถ่ีของทิศทางลม (Direction frequency) เพื่อประโยชน์ในการคํานวณการผลิตกระแสไฟฟ้าโดยกงั หันลมท่ีระดับความสูงต่างๆ กนั อกี ท้งั ยังเป็นการบรรเทาปัญหาในกรณีทเี่ ครอื่ งวัดความเร็วลมขัดข้องด้วย นอกจากน้ี ยังเป็นสิ่งท่ีสาํ คัญในการกําหนดตําแหน่งของกังหันลมให้สอดคล้องกับลักษณะภูมิประเทศและทศิ ทางลมการวัดความเร็วลม ซง่ึ ระดบั ความสูงต่างๆ ที่ควรจะมกี ารตรวจวัด โดยมเี หตผุ ลดังนี้ 10 เมตร เป็นระดบั ความสูงมาตรฐานทางอตุ ุนิยมวิทยาในการตรวจวดั ความเร็วลม 40 เมตร เป็นระดับความสูงของสถานีตรวจวัดลมของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์ พลังงาน และเป็นระดับความสูงเร่ิมต้นของกังหันลม (hub) ขนาดไม่น้อยกว่า 500 กิโลวัตต์ 65 เมตร เปน็ ระดบั ความสูงโดยประมาณของกังหันลม (hub) ขนาดเมกะวัตต์ โดยทั่วไปอยู่ระหว่าง 50-65 เมตร ทงั้ น้ีจะตอ้ งตรวจวดั อณุ หภมู ิอากาศจงึ เป็นส่ิงจําเป็นในการประเมินศักยภาพพลังงานลม เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอากาศจะทําให้ความหนาแน่นของอากาศเปล่ียนแปลงตามไปด้วย และโดยท่ีความหนาแน่นของอากาศมีผลต่อพลังงานท่ีได้จากลม ซ่งึ การวดั อุณหภมู ิอากาศมักจะวัดที่ระดับความสูงระหว่าง2 - 3 เมตร เพียงระดบั เดยี วท้ังนี้เน่ืองจากค่าเฉลี่ยของอัตราการลดลงของอุณหภูมิตามความสูงท่ีเพ่ิมขึ้นมีคา่ ประมาณ 0.1 องศาเซลเซียสตอ่ 100 เมตร เทา่ นนั้2.4 ข้นั ตอนท่ี 4 การวเิ คราะห์ประเมินพลังงานไฟฟ้าจากกังหนั ลม ความสาํ เรจ็ ของการพัฒนาโครงการพลงั งานในเชิงพาณิชย์จะเกิดขึ้นได้เม่ือการลงทุนพัฒนาโครงการน้ันๆ มีผลตอบแทนตอ่ การลงทุนในอัตราที่สูงเพียงพอท่ีจะสร้างแรงจูงใจแก่นักลงทุน ตลอดจนสร้างความเช่ือม่ันแก่สถาบันการเงินในการให้การสนับสนุนด้านสินเช่ือ ดังนั้นในข้ันตอนนี้จึงจะเป็นการนําประเด็นสาํ คัญต่างๆ ในด้านการเงินและการลงทุนมาสรุปเบื้องต้นอย่างง่ายๆ ไว้เพ่ือให้นักลงทุนท่ีไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญดา้ นการเงนิ ไดท้ ราบและนํามาพจิ ารณาประกอบการตัดสินใจลงทนุ โดยทั่วไปผลตอบแทนการลงทุน มี 2 รูปแบบ คือ ผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ และผลตอบแทนทางการเงิน ซง่ึ โดยทว่ั ไปภาคเอกชนจะใช้เกณฑผ์ ลการตอบแทนดา้ นการเงินเป็นหลักในการตัดสินใจลงทุนเน่อื งจากเปน็ การประกอบธรุ กิจเชงิ พาณิชย์ สว่ นภาครฐั จะใช้ทั้งผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์และการเงินประกอบกัน เนื่องจากบางโครงการที่รัฐลงทุน ผลตอบแทนทางการเงินอาจไม่สูงในระดับจูงใจ แต่ผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ของโครงการท่ีนําเอาผลประโยชน์ทางอ้อมท่ีมิใช่เป็นเม็ดเงินโดยตรงมาประเมนิ รว่ มด้วย จะทําให้โครงการน้ันมีความคุ้มค่าต่อการลงทุนตามพันธกิจของภาครัฐท่ีมิใช่เชิงพาณิชย์โดยทผ่ี ูล้ งทุนพัฒนาอาจเปน็ ไปไดท้ ้ังภาคเอกชนทม่ี ุ่งหวงั ผลประโยชน์เชงิ พาณิชย์ และภาครัฐหรือหน่วยงานทไ่ี มแ่ สวงหาผลกาํ ไร ดังน้นั จึงจะนาํ เสนอทงั้ 2 รปู แบบ เพอ่ื ให้เห็นภาพทั้งหมดคู่มอื การพฒั นาและการลงทุนกงั หันลมผลติ ไฟฟา้ หน้า 14

2.4.1 การวเิ คราะหผ์ ลการตอบแทนการลงทุน การวเิ คราะห์ผลตอบแทนการลงทุนจะเป็นการเปรียบเทียบระหว่างรายได้และรายจ่ายว่า รายได้สูงกว่ารายจา่ ยหรอื ไม่ หากรายได้สูงกวา่ รายจ่ายในระยะเวลาทเี่ หมาะสม แสดงว่าการลงทุนนน้ั คุ้มค่า และหากมีอัตราตอบแทนในระดบั สงู กวา่ อตั ราดอกเบย้ี ของการนาํ เงินลงทนุ นนั้ ไปลงทุนอยา่ งอ่ืน หรือสูงกว่าดอกเบ้ียเงินกู้ก็จะหมายความวา่ การลงทุนนั้นให้ผลตอบแทนในอัตราที่จูงใจ ตัวชี้วัดในประเด็นที่กล่าวข้างต้นที่ใช้กนั ท่ัวไปมดี ังน้ี o มูลคา่ ปจั จุบันสุทธิ (Net Present Value, NPV) o อตั ราผลตอบแทนของโครงการ (Internal Rate of Return, IRR) o ผลประโยชนต์ ่อเงินลงทุน (Benefit-Cost Ratio, B/C) o ตน้ ทุนพลังงานตอ่ หนว่ ยการผลติ ไฟฟ้า (Cost of Energy, COE) o ระยะเวลาการคนื ทนุ (Pay Back Period) o งบกระแสเงนิ สด (Cash Flow) 1.1) มลู คา่ ปจั จบุ นั สทุ ธิ (Net Present Value, NPV) มูลค่าปัจจุบันสุทธิของโครงการคือมลู คา่ ปจั จุบนั ของกระแสเงินสดของโครงการ ซ่ึงสามารถคํานวณได้จากการทาํ ส่วนลดกระแสผลตอบแทนสุทธิตลอดอายุโครงการให้เป็นมูลค่าปัจจุบัน ซ่ึงการวิเคราะห์มูลค่าปัจจุบันสุทธิคือหากค่ามูลค่าปัจจุบันสุทธิ ≥0 แสดงว่าเป็นโครงการท่ีสมควรจะดําเนินการเนื่องจากมีผลตอบแทนเม่อื เปรยี บเทยี บ ณ ปจั จุบนั มากกวา่ ค่าใช้จา่ ยแต่ในทางตรงกันข้ามหากมูลค่าปัจจุบันสุทธิมีค่าน้อยกวา่ ศนู ย์แสดงว่าเปน็ โครงการทไี่ ม่น่าจะลงทุนเนื่องจากมีผลตอบแทนเม่ือเปรียบเทียบ ณ ปัจจุบันน้อยกว่าคา่ ใช้จ่าย 1.2) อตั ราผลตอบแทนของโครงการ (Internal Rate of Return, IRR) อัตราผลตอบแทนของโครงการคืออัตราดอกเบ้ียเงินกู้ท่ีทําให้ค่า NPV มีค่าเท่ากับศูนย์ดังนั้นอัตราผลตอบแทนของโครงการจึงได้แก่อัตราดอกเบี้ยหรือ i ท่ีทําให้ NPV=0 ซ่ึงหากว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ณสถานการณ์ปัจจุบันสูงกว่าค่าอัตราผลตอบแทนของโครงการท่ีคํานวณได้ก็ไม่สมควรที่จะลงทุนโครงการดังกล่าวในทางตรงกันข้ามหากอัตราดอกเบ้ียเงินกู้ ณ สถานการณ์ปัจจุบันยิ่งต่ํากว่าค่าอัตราผลตอบแทนของโครงการทีค่ ํานวณได้มากเท่าไรแสดงเปน็ โครงการทใ่ี ห้ผลตอบแทนมากข้ึนตามลําดับ 1.3) ผลประโยชนต์ ่อเงนิ ลงทนุ (Benefit-Cost Ratio, B/C) ผลประโยชน์ต่อเงินลงทุนคืออัตราส่วนระหว่างมูลค่าปัจจุบันของกระแสผลตอบแทนหรือมูลค่าผลตอบแทนของโครงการเทียบกับมูลคา่ ปัจจุบันของกระแสตน้ ทุนหรอื ต้นทุนรวมของโครงการซึ่งรวมท้ัง ค่ากังหันลม ค่าที่ดิน ค่าติดตั้ง ค่าดําเนินการ ค่าซ่อมบํารุงรักษา ถ้าอัตราส่วนที่ได้มากกว่า 1 แสดงว่าควรตัดสินใจเลือกโครงการนั้น แต่ถ้าอัตราส่วนท่ีได้น้อยกว่า 1 แสดงว่าโครงการน้ันไม่น่าสนใจลงทุน แต่ถ้าเทา่ กับ 1 แสดงวา่ โครงการคมุ้ ทนุคู่มือการพัฒนาและการลงทุนกงั หันลมผลิตไฟฟ้า หน้า 15

1.4) ต้นทนุ พลงั งานต่อหน่วย (Cost of Energy) การพจิ ารณาความคมุ้ ค่าทางเศรษฐศาสตร์ที่สําคัญอีกตัวชี้วัดหน่ึง คือ การวิเคราะห์ต้นทุนต่อหน่วยในการผลิตไฟฟ้าซ่ึงวเิ คราะห์จากต้นทนุ การผลิตตลอดอายุโครงการ สําหรับโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมต้นทุนเริม่ ตน้ ในการติดตงั้ กังหันลมผลิตไฟฟ้ารวมทั้งต้นทุนค่าใช้จ่ายท่ีเกิดขึ้นรายปีตลอดอายุโครงการท่ีทําการผลติ ไฟฟ้าแลว้ คํานวณหาค่าใช้จ่ายต่อปีที่เท่ากัน (Equivalent annual costs, EAC) ซ่ึงได้คํานึงถึงการปรับค่าของเวลา และการเลือกค่าเสียโอกาสของทุนที่เหมาะสมเข้าไว้ด้วยแล้วและคํานวณหาต้นทุนต่อหนว่ ยโดยหารด้วยปรมิ าณไฟฟ้าทผ่ี ลติ ไดต้ ่อปี ผลการวิเคราะหต์ น้ ทุนต่อหน่วยสามารถใช้ประโยชน์ในการพิจารณาเปรียบเทียบกับราคาไฟฟ้าท่ีการไฟฟา้ ภมู ภิ าครบั ซอื้ ซึ่งจะเป็นเกณฑ์การพจิ ารณาความเหมาะสมในการเลอื กพื้นที่ตดิ ตงั้ กังหันลม และมีการวิเคราะหผ์ ลกรณที ป่ี จั จยั ด้านอัตราดอกเบ้ยี เปลยี่ นแปลง (Sensitivity Analysis) 1.5) ระยะเวลาการคืนทุน (Pay Back Period) คือ ระยะเวลาที่รายได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายในการดําเนินการสามารถนําไปชําระเงินที่ใช้ลงทุนในการพัฒนาโครงการได้ครบถ้วน โดยส่วนใหญ่ใช้นับเป็นจํานวนปี โครงการที่มีระยะเวลาคืนทุนส้ันจะเป็นโครงการท่ีดีกว่าโครงการท่ีมรี ะยะคืนทุนยาว โดยทฤษฎีระยะเวลาคืนทุนจะต้องไม่นานกว่าอายุการใช้งานของโครงการ แต่ในภาคปฏิบัติระยะเวลาคืนทุนของโครงการขนาดใหญ่จะยอมรบั กนั ท่ี 7-10 ปี 1.6) งบกระแสเงนิ สด (Cash Flow) เปน็ การวเิ คราะหเ์ ปรยี บเทียบคา่ ใช้จ่ายและรายไดท้ เ่ี กดิ ขึน้ ในแตล่ ะปีในช่วงอายุที่โครงการยังก่อให้เกิดรายได้ว่า รายได้ท่ีได้รับจะเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีน้ันๆ หรือไม่ ท้ังนี้ เพื่อให้นักลงทุนจะได้ตระหนักและหาทางแก้ไขล่วงหน้าเพื่อมิให้เกิดสถานการณ์เงินขาดมือในช่วงใดช่วงหนึ่ง ซ่ึงจะส่งผลให้โครงการสะดดุ ซง่ึ ในกรณีการกเู้ งนิ สถาบันการเงินจะใหค้ วามสําคัญกับงบกระแสเงินสดมาก 2.4.2 ปัจจยั สาํ คญั ท่ีมผี ลตอ่ การวิเคราะห์ความเหมาะสมการลงทุนทถี่ กู ต้อง มีดังน้ี o รายจ่าย (Cost) ประกอบด้วย ต้นทุน การลงทุน และคา่ ใช้จา่ ยในการดาํ เนนิ การ ต้นทุน ได้แก่ เงินที่ใช้ลงทุนในการพัฒนาโครงการ เช่น การซื้อท่ีดิน เครื่องจักร อุปกรณต์ ่างๆ ฯลฯ ตลอดจนคา่ ติดตง้ั ดาํ เนินการทดสอบ ค่าใชจ้ ่าย ไดแ้ ก่ ค่าดําเนินการในการเดินเคร่ืองหลังจากการพัฒนาโครงการแล้วเสร็จ เชน่ ค่าจา้ งพนกั งาน ค่าซ่อมแซม ดอกเบ้ียเงินกู้ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ภาษี ฯลฯ แต่ละเทคโนโลยี จะมีค่าใช้จ่ายเหล่าน้ีอาจไม่เหมือนกันข้ึนอยู่กับเทคโนโลยีและขนาด และมาตรการส่งเสริม การลงทนุ ของรฐัคูม่ ือการพฒั นาและการลงทุนกงั หนั ลมผลิตไฟฟ้า หน้า 16

o ประโยชน์หรือรายรับ (Benefit) รายรับท่ีได้รับจากโครงการ แยกออกเป็น 2 รูปแบบ คือ ประโยชน์โดยตรงทางการเงิน อันได้แก่ รายได้จากการขายพลังงานในกรณีที่ขายให้แก่ ภายนอก หรอื การลดคา่ ใช้จา่ ยพลังงานทีใ่ ชอ้ ยเู่ ดมิ การขายวัสดุที่เหลือจากการผลิตพลังงาน รายได้จาก CDM กบั ประโยชน์ทางอ้อมที่มิใช่เป็นเม็ดเงินโดยตรงแต่สามารถประเมินเป็นรูป เงินได้ เช่น การลดการกําจัดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ฯลฯ ซึ่งในการประเมินผลตอบแทน ทางเศรษฐศาสตร์ จะใช้ประโยชน์ท่ีเกิดจากท้ังทางตรงและทางอ้อม ผู้ประกอบการจะต้อง หาข้อมูลให้ถูกต้องและถ่ีถ้วนถึงราคาพลังงานที่จะขายได้หรือสามารถทดแทนได้ตลอดจน มาตรการสนับสนุนของรัฐที่มีผลต่อรายรับในด้านราคาของพลังงานที่ขาย เช่น adder ระยะเวลาท่ีให้การสนับสนุน เพ่ือนาํ มาใช้ประเมินผลตอบแทนโครงการ o ขอ้ เสนอแนะ ข้อมูลข้างต้นเป็นการให้ความรู้พ้ืนฐานเบ้ืองต้นแก่ผู้ประกอบการ เพื่อความเข้าใจและนําไปใช้ประกอบการพิจารณาประเมินผลเบื้องต้น แต่แนะนําว่าหากจะได้ผลอย่างสมบูรณ์ท่ีให้ความเชื่อม่ันอย่างแท้จริงแกผ่ ้ปู ระกอบการและสถาบนั การเงิน ควรใหผ้ ูเ้ ช่ยี วชาญดา้ นการเงนิ เป็นผู้ดําเนนิ การวเิ คราะห์ 2.4.3 การประเมนิ ต้นทนุ ของการผลิตไฟฟา้ ดว้ ยพลงั งานลม เปน็ การวเิ คราะหข์ ้อมลู ศกั ยภาพลมและขอ้ มลู คุณสมบตั ิกงั หันลมวิเคราะห์ประเมินพลังงานไฟฟ้าจากการติดต้งั กังหนั ลมในพ้ืนท่ที ี่คัดเลือกไวโ้ ดยละเอียด ผลการประเมินพลังงานไฟฟ้าจากกังหันลมในขั้นตอนน้ีคอื พลงั งานที่ผลิตได้ต่อปี (Annual Energy Production – AEP) โดยคํานวณค่า Capacity Factor เพ่ือใช้เปรยี บเทยี บกังหันลมแตล่ ะร่นุ จงึ จะไดค้ ่าทมี่ คี วามถูกต้องเพียงพอ โดยในการพิจารณาต้นทุนของการผลิตไฟฟา้ ด้วยพลังงานลม ประกอบไปดว้ ยมูลค่าในการวจิ ยั และพฒั นาระบบของการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานลมมลู ค่าการลงทนุ หรือการจดั หาสาํ หรบั การตดิ ตง้ั ระบบผลิตไฟฟา้ ดว้ ยพลังงานลม มูลค่าที่ดิน มูลค่ากังหันลมพร้อมท้ังมลู ค่าการติดตั้ง รวมไปถึงมูลค่าการปฏิบตั ิงานและบํารุงรักษา มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 1) มูลค่าในการวิจัยและพัฒนาระบบการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานลม (Research and Development Cost) เป็นค่าใช้จ่ายจมหรือค่าใช้จ่ายในอดีต (Suck Cost) มักไม่นํามาพิจารณา ผลประโยชน์หรือต้นทุน เพราะไม่มีผลต่อการจะลงทุนหรือไม่ลงทุนในการติดต้ังระบบ ถ้าผลการ วเิ คราะห์เป็นทีพ่ อใจ การลงทนุ ในการตดิ ต้งั ระบบผลติ ไฟฟ้าดว้ ยพลังงานลมก็อาจจะดําเนินต่อไป แต่ ถา้ ผลการวิเคราะห์ไม่เป็นทน่ี า่ พอใจการลงทุนกอ็ าจจะถกู ยกเลกิ 2) มูลคา่ การลงทุนหรอื การจัดหาการติดตง้ั ระบบผลิตไฟฟ้าดว้ ยพลงั งานลม (Investment Cost) เป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดข้ึนเพ่ือทําให้เกิดความพร้อมท่ีจะดําเนินการระบบ ได้แก่ ค่าท่ีดิน ค่า อาคารและสิ่งก่อสร้างอ่ืนๆ เครื่องจักรและการติดต้ัง ค่าวัสดุและอุปกรณ์ ค่าใช้จ่ายในการติดต้ัง นา้ํ ประปา ไฟฟา้ โทรศพั ท์ ซ่ึงมรี ายละเอยี ดดังน้ีค่มู ือการพฒั นาและการลงทนุ กงั หนั ลมผลิตไฟฟา้ หนา้ 17

มลู ค่าท่ดี นิ (Land Cost) ในการผลติ ไฟฟา้ ด้วยพลงั งานลมมีความจาํ เปน็ ทจี่ ะตอ้ งใช้ พืน้ ท่ใี นการติดตงั้ กังหันลม โดยได้ทาํ การศกึ ษาไว้ 2 กรณี คือ กรณที ี่ไม่มีคา่ ใชจ้ า่ ยคา่ ท่ีดิน เช่น เป็นที่สาธารณะประโยชน์ ขององค์การบริหารส่วนตําบล และกรณีมี ค่าใช้จ่ายในการจัดเตรียมพ้ืนที่สําหรับการติดตั้ง ซ่ึงขนาดพ้ืนที่ที่ใช้จะขึ้นอยู่กับ ส่วนประกอบของกงั หนั ลม ได้แก่ ขนาดของใบพดั และความสงู ของเสา ซ่งึ พื้นท่ีแต่ละ แหง่ จะมรี าคาประเมินท่แี ตกตา่ งกัน มูลค่ากังหันลม (Turbine Price) ในการติดตั้งกังหันลมเพ่ือผลิตไฟฟ้าจะต้องมี การเลือกซ้ือกังหันลมท่ีเหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละพื้นท่ี โดยจะต้องพิจารณา ศกั ยภาพลมประกอบดว้ ย ซึง่ ราคาของกังหันลมประเมินจาก ขนาดกังหันลม (อ้างอิง จาก www.windpower.org) ซ่ึงกังหนั ลมมรี าคาประมาณ 1,000 ดอลลารส์ หรัฐต่อกําลัง การผลติ 1 กโิ ลวัตต์ นอกจากนี้ยังจะต้องพิจารณาค่าขนสง่ (Transportation Cost) ด้วย มูลค่าการติดต้ังระบบกังหันลม (Installation Cost) สําหรับการติดตั้งกังหันลม เพื่อผลิตไฟฟ้า นอกจากตัวกังหันลมซ่ึงเป็นเครื่องจักรหลักแล้ว จําเป็นต้องมี ค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง ซึ่งประกอบด้วย ค่าปรับพื้นที่ เช่น การทําถนนเพื่อความ สะดวกใ การขนส่งวัตถุดิบ ค่าระบบเสริม เช่น หม้อแปลงไฟฟ้า ค่าเช่ือมโยงระบบ ไฟฟ้าจากพื้นที่ติดตง้ั ไปยงั ระบบของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งมูลค่าการติดตั้งระบบ กงั หันลมจะใชก้ ารประมาณการรอ้ ยละ 30 ของมลู คา่ กงั หนั ลม 3) มูลคา่ การปฏบิ ตั ิงานและบํารงุ รกั ษา (Operation and Maintenance Cost) คา่ การปฏบิ ัติงาน เปน็ คา่ ใช้จ่ายในการดําเนินการ เช่น ค่าจัดซ้ือนํ้ามันเช้ือเพลิง ค่า นํ้า ค่าไฟฟ้า ค่าแรง ค่าโทรศัพท์ ค่าขนส่ง ค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ ค่าประกัน ต่างๆ ค่าฝึกอบรม ค่าอะไหล่ ค่าที่ปรึกษา เป็นต้น เป็นค่าใช้จ่ายท่ีจํานวนเงินไม่ เปล่ียนแปลงตามปริมาณการผลติ ไมว่ า่ จะทําการผลิตในปรมิ าณมากหรอื นอ้ ยก็ตาม ค่าบํารุงรักษา เป็นค่าใช้จ่ายในการบํารุงรักษาวัสดุอุปกรณ์ เคร่ืองจักรและ สิ่งก่อสรา้ ง เพ่ือใหด้ ําเนินการตอ่ ไปได้ตลอดอายุของระบบ 2.4.4 การประเมินมูลคา่ ผลตอบแทนโครงการ ผลตอบแทนทางด้านการเงนิ ทางตรง คอื ค่าตอบแทนที่ไดจ้ ากการขายกระแสไฟฟา้ ทผ่ี ลิตได้ให้แก่การไฟฟ้าสว่ นภมู ิภาคในการวิเคราะห์จะคํานวณจากการนาํ ปริมาณพลังงานไฟฟ้าทก่ี งั หันลมสามารถผลติ ได้ คูณกบั ราคาต่อหน่วยท่กี ารไฟฟา้ ส่วนภูมิภาครับซอ้ื ในทีน่ ้ีจะอา้ งอิงราคารับซือ้ ไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่มีการเพิ่มราคารับซ้ือไฟฟ้าสําหรับผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน มีราคา 6.34 บาทต่อกโิ ลวัตต์ - ชั่วโมง (ราคาอ้างอิงจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคราคาน้ีได้รวมส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้ามูลค่า 3.50 บาทต่อกโิ ลวตั ต์ - ชั่วโมงแลว้ )ค่มู อื การพฒั นาและการลงทุนกังหนั ลมผลติ ไฟฟา้ หน้า 18

2.4.5 การประเมินผลกระทบด้านสงิ่ แวดล้อมและสังคมเบ้อื งต้น ความสําเร็จของการติดต้ังกังหันลมส่วนหน่ึงจะต้องได้รับการยอมรับจากสังคมหรือมวลชน โดยการศึกษาผลกระทบทงั้ ทางด้านสิง่ แวดลอ้ มและชุมชนเพอ่ื สร้างความเข้าใจและการยอมรับ สําหรับประเด็นในการศกึ ษาผลกระทบทางดา้ นสิง่ แวดลอ้ มทรัพยากรและสังคมในปัจจบุ นั สาํ หรับบริเวณพน้ื ที่ของโครงการและพนื้ ท่โี ดยรอบ ทง้ั ผลกระทบทางบวกและทางลบในระยะส้นั และระยะยาว บนพ้นื ฐานของการคาดการณ์ถึงความเปล่ียนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้น รวมทง้ั มมี าตรการเพ่อื ปอ้ งกันและแก้ไขผลกระทบที่เหมาะสมในกรณีของระบบผลติ ไฟฟา้ จากพลงั งานลม เปน็ ดังนี้ 1) การประเมินผลกระทบด้าน เสียงรบกวน โดยผลกระทบ ด้ า น เ สี ย ง ร บ ก ว น จ ะ อ ยู่ ใ น รัศมีน้อยกว่า 1 กิโลเมตร จ า ก กั ง หั น ล ม ซ่ึ ง ค่ า ที่ กําหนดให้ค่าสูงสุดของระดับ เสียงของกังหันลมสําหรับท่ี อยู่อาศัยท่ีใกล้ท่ีสุดไม่ควร เกิน 45 dB (A) และในเขต ชุมชนไมเ่ กนิ 40 dB (A) 2) ผลกระทบเกี่ยวกับทรัพยากร ดา้ นนิเวศวิทยา อาทิ สัตว์และ พืชประจําถิ่น นก ค้างคาว รวมท้ังผลกระทบต่ออาชีพ ของคนในพื้นที่ด้วย เช่น การ ปศุสัตว์ การท่องเที่ยว เป็นต้น ในการประเมินผลกระทบด้าน สังคม สิ่งแวดล้อมเบ้ืองต้นโดย ใชแ้ บบสอบถามเพ่อื สํารวจความคดิ เหน็ ทศั นคติจากประชาชนและผู้นําชุมชนที่อยู่ในพ้ืนที่ ที่จะมีการติดตั้งกังหันลมในอนาคตและบริเวณใกล้เคียงท่ีมีต่อโครงการ รวมท้ังทราบถึง ข้อมูลพื้นฐานของชุมชนและข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อสามารถกําหนดแนวทางการ ดําเนนิ การแบบมสี ่วนรว่ มเพื่อปอ้ งกันปัญหาท่อี าจจะเกิดขน้ึ ในอนาคตตอ่ ไปคมู่ ือการพฒั นาและการลงทุนกังหันลมผลิตไฟฟ้า หน้า 19

2.5 ตัวอย่างการศึกษาประเมินศกั ยภาพพลงั งานลมในการผลิตไฟฟ้า บริเวณสถานีวัดลมบ้านยางคํา ตําบลทา่ มะไฟหวาน อาํ เภอแก้งคอ้ จงั หวดั ชยั ภูมิ เป็นตวั อย่างของการวิเคราะห์เพื่อประเมินความคุ้มค่าของการผลิตไฟฟ้าจากกังหันลมด้วยกังหันลมผลติ ไฟฟ้า 2 ขนาด บริเวณสถานีวัดลมบ้านยางคํา ตําบลท่ามะไฟหวาน อําเภอแก้งค้อ จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งจากข้อมูลการสาํ รวจบรเิ วณสถานวี ัดลมบา้ นยางคํา พบว่า พื้นท่ีส่วนใหญ่เป็นเนินโล่ง ใช้ปลูกมันสําปะหลังจากแผนท่ีศักยภาพลม พ้ืนที่บริเวณบ้านยางคําเป็นพื้นที่ท่ีมีศักยภาพลมดี การเดินทางค่อนข้างสะดวกเน่ืองจากทางเข้าพ้ืนที่เป็นถนนราดยาง ไม่คดเค้ียว และพ้ืนท่ีอยู่ไม่ไกลจากถนนราดยางมากนัก จึงเหมาะสาํ หรบั ติดต้งั กงั หนั ลมผลิตไฟฟ้ามากกว่าพ้นื ที่อน่ื โดยรอบสถานวี ัดลมแผนทศี่ ักยภาพลมและการวเิ คราะหข์ ้อมูลลมทางสถติ ิ สถานทต่ี ิดตง้ั กงั หันลม Lat Long ระดบั ความสงู (เมตร)หมู่บา้ นยางคํา ต.ท่ามะไฟ 16.1739 102.1056 ความเรว็ ลม (เมตรตอ่ วนิ าที)หวาน อ.แกง้ ครอ้ จ.ชัยภูมิ 30 40 65 90เมตรต่อ ิวนา ีท 5.1 5.3 5.7 5.9 (1) จากข้อมูลศักยภาพลม พบว่าบริเวณพ้ืนท่ีที่คัดเลือก มี ศักยภาพลมในระดบั ปานกลางถงึ ดีและพื้นท่โี ดยรอบเสาวัด ลมในรศั มีประมาณ 10 กิโลเมตร มีบริเวณที่มศี กั ยภาพลมดี อยู่หลายพ้ืนที่ จากข้อมูลความเร็วลม ณ ท่ีเสาวัดลม ความเร็วลมเฉลี่ยสูงประมาณ 5.0 - 6.8 เมตรต่อวินาที ที่ ระดับ 90เมตร โดยเดือนกรกฎาคมมีความเร็วลมเฉลี่ย สูงสุดส่วนเดือนกันยายนมีความเร็วลมเฉลี่ยตํ่าสุด โดย ในช่วงกลางคนื หลังเทยี่ งคืนลมแรงกวา่ ช่วงเวลาอ่นื ส่วนการ วเิ คราะหก์ ารกระจายลมส่วนใหญ่เปน็ ลมทศิ ตะวันตกคมู่ ือการพัฒนาและการลงทนุ กังหันลมผลิตไฟฟ้า หนา้ 20

(2) (3) ความเร็วลมเฉลี่ยรายปี (1) รายชั่วโมง (2) และทิศทางและความเร็วลมเฉลี่ย (3) ทรี่ ะดบั ความสงู 10, 40, 65 และ 90 เมตรผลการสํารวจและกําหนดตําแหน่งสําหรับติดต้ังกังหนั ลมขนาดใหญ่บริเวณสถานีวดั ลมบา้ นยางคาํ ตาํ บลท่ามะไฟหวาน อาํ เภอแก้งคอ้ จังหวดั ชัยภูมิพ้ืนท่ีสว่ นใหญ่เปน็ เนนิ โล่ง ใชป้ ลูกมันสําปะหลัง จากแผนทศี่ ักยภาพลม พื้นที่บริเวณบ้านยางคําเป็นพื้นท่ีที่มศี ักยภาพลมดี การเดนิ ทางค่อนขา้ งสะดวกเนอื่ งจากทางเข้าพืน้ ที่เป็นถนนราดยางไมค่ ดเคยี้ ว และพื้นท่ีอยู่ไม่ไกลจากถนนราดยางมากนัก จึงเหมาะสําหรับติดตั้งกังหันลมผลิตไฟฟ้ามากกว่าพื้นที่อื่นโดยรอบสถานีวดั ลมโดยจดุ ทต่ี ้งั กังหันลมห่างจากพื้นทตี่ ้ังบา้ นเรือนอาศัยประมาณ 600 เมตรค่มู อื การพัฒนาและการลงทุนกงั หนั ลมผลติ ไฟฟ้า หน้า 21

การประเมนิ ผลกระทบดา้ นสง่ิ แวดล้อมและสงั คมเบอ้ื งตน้ผลกระทบด้านเสียงรบกวน พื้นท่ที ่เี หมาะสาํ หรับติดต้ังกังหันลม อยู่ห่างจากศูนย์กลางชุมชนพอสมควรประมาณ 1 กิโลเมตร แต่ยังมีบ้านเรือนในบริเวณใกล้เคียงเล็กน้อย โดยอาจมีบางครอบครัวท่ีได้รับผลกระทบดา้ นเสียง ในระดับ สสี ้ม คอื 40–44 เดซเิ บล ซึ่งอาจกอ่ ให้เกิดความราํ คาญได้ผลการสํารวจความคิดเห็นประชาชน การสํารวจความคิดเห็นจากประชาชนโดยสุ่มตัวอย่างประชากรจํานวน ผู้นําชุมชนคือ ผู้ใหญ่บ้าน รองนายกองค์การบริหารส่วนตําบล ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน 2 คน สมาชิกสภาองค์การบรหิ ารสว่ น ตําบล 4 คน สามารถ สรุปได้ว่าส่วนใหญ่จะให้ การสนับสนุนเนื่องจาก จ ะ นํ า ค ว า ม เ จ ริ ญ ม า สู่ ชุ ม ช น เ กิ ด ก า ร จ้ า ง ง า น และแหล่งท่องเท่ียวแห่ง ใหม่และคิดว่าไม่ส่งผล กระทบต่อสัตว์และพืช ประจําถิ่น แต่ยังกังวลใน เร่ื อง ผล กร ะท บเ รื่อ ง ปัญหาความรําคาญจาก เสยี งค่มู อื การพัฒนาและการลงทนุ กงั หันลมผลิตไฟฟา้ หน้า 22

การวิเคราะหป์ ระเมินพลงั งานไฟฟ้าจากกังหันลม จากผลการประเมนิ พลงั งานไฟฟา้ จากกังหันลม ในพนื้ ท่ีที่คัดเลอื กไว้ พบว่า ค่าพลังงาน (Annual EnergyProduct, AEP) ปานกลางแต่สูงกว่าพื้นที่อ่ืนๆ ระหว่าง 1,396.9 -1,810.4 เมกะวัตต์-ช่ัวโมงต่อปี และค่า CapacityFactor (CF) ของกังหนั ลมรุ่นขนาด 850 กิโลวัตต์ ที่ความสูงโรเตอร์ 71 เมตร มีค่าสูงสุดที่ร้อยละ 20.0 และคา่ Capacity Factor ของกงั หันลมขนาด 1,250 กิโลวตั ต์ ทีค่ วามสงู โรเตอร์ 75 เมตร มคี า่ สูงสุดทร่ี ้อยละ 16.5 พลังงานไฟฟา้ จากกังหนั ลมทค่ี วามสงู โรเตอรต์ า่ งกนั ตัวแปร ขนาด 850 กิโลวตั ต์ ขนาด 1,250 กโิ ลวตั ต์Annual Energy Production (MWh/ปี) 71 เมตร 75 เมตร Capacity Factor (%) 1,488.2 1,810.4 20.0 16.5 กงั หนั ลม ขนาด 850 กโิ ลวัตต์ กงั หนั ลม ขนาด 1,250 กโิ ลวัตต์กราฟแสดงสมรรถนะการผลติ ไฟฟ้าตามระดบั ความเรว็ ลม (Power Curve)คมู่ ือการพัฒนาและการลงทนุ กังหันลมผลิตไฟฟา้ หน้า 23

ผลการวิเคราะห์ประเมินด้านการลงทุนท่ี ปจั จัยทาง รายละเอยี ด ขนาดกงั หนั ลม1 มูลค่าที่ดนิ ราคาประเมิน (บาทต่อไร)่ 850 กโิ ลวตั ต์ 1.25 เมกะวตั ต์ 120,000 120,000 มูลคา่ (บาท) 600,000 600,000 30,300,950 44,312,9502 มลู คา่ ในการลงทนุ ตดิ ต้งั มลู ค่ากังหันลม (บาท) 9,090,285 13,293,885 600,000 600,000กังหนั ลม มูลค่าการตดิ ตงั้ กังหนั ลม (บาท) 39,991,235 58,206,835 606,019 886,259 มลู คา่ ท่ดี นิ (บาท) รวมคา่ ในการลงทุนเรม่ิ ต้น (บาท) มูลค่าการปฏบิ ตั กิ ารและซ่อมบํารงุ (บาทตอ่ ปี) รวมมลู ค่าการลงทุนท้งั ส้นิ (บาท) 40,597,254 59,093,094 1,488,200 1,810,4003 การผลิตไฟฟา้ ปรมิ าณไฟฟา้ ที่ผลิตได้ (ชั่วโมงตอ่ ป-ี กิโลวตั ต)์ รายได้จากการขายไฟฟา้ (บาทตอ่ ป)ี 9,435,188 11,477,936 53,545,107 54,001,5424 ค่า NPV ท่ีอัตราดอกเบี้ย I=7% 46,694,848 45,783,811 40,606,237 38,479,772ต่างกนั I=8% 35,176,458 31,966,082 27,004,874 22,163,260 I=9% 21.64 17.47 I=10% 2.154 1.799 2.016 1.684 I=11.75% คือ Base case 1.892 1.58 1.779 1.4865 คา่ IRR (%) 1.605 1.341 2.9 3.476 ค่า B/C I=7% 3.1 3.71 3.31 3.96ท่อี ตั ราดอกเบี้ยตา่ งกัน I=8% 3.52 4.22 3.91 4.68 I=9% I=10% I=11.75% คอื Base case7 ต้นทนุ พลงั งานตอ่ หนว่ ย I=7%(บาทตอ่ กิโลวตั ต์ชว่ั โมง-) I=8%ท่ีอัตราดอกเบย้ี ต่างกัน I=9% I=10% I=11.75% คอื Base caseคมู่ ือการพัฒนาและการลงทุนกงั หันลมผลติ ไฟฟ้า หน้า 24

ที่ ปัจจยั ทาง รายละเอยี ด ขนาดกังหันลม9 ปริมาณมลภาวะที่ลด ซลั เฟอร์ไดออกไซด์ (ตันตอ่ ปี) 850 กิโลวตั ต์ 1.25 เมกะวตั ต์ ไนโตรเจนออกไซด์ (ตันตอ่ ปี) 1.79 2.17 คารบ์ อนไดออกไซด์ (ตันต่อปี) 3.42 4.16 อนุภาคฝุน่ (ตันตอ่ ปี) 1,287.29 1,566.00 1.19 1.45 จากผลการวิเคราะห์ประเมินความคุ้มค่าทางการเงินสามารถสรุปได้ว่าคุ้มค่าต่อการลงทุนเนื่องจาก ค่า NPV มากกว่าศูนย์ ค่า IRR สูงกว่าอัตราดอกเบ้ียเงินกู้ ค่า B/C มากกว่าหนึ่ง และ ต้นทุนพลงั งานต่อหน่วย ตํ่ากว่าราคาไฟฟ้าท่ีขายได้ เนอ่ื งจากรายได้จากการขายไฟฟา้ สูงเพียงพอ และค่าพลังงานตอ่ หน่วยไฟฟา้ ค่อนข้างต่าํ เทยี บกับราคาคา่ ไฟปกติคู่มอื การพัฒนาและการลงทุนกงั หนั ลมผลติ ไฟฟ้า หนา้ 25

บทที่ 3การศกึ ษาความเปน็ ไปไดข้ องโครงการผลิตไฟฟา้ จากพลังลมขนาดเล็ก3.1 ประเภทของกงั หนั ลมผลติ ไฟฟา้ ขนาดเลก็ กงั หนั ลมผลติ ไฟฟ้าขนาดเลก็ เหมาะสําหรับบ้านพักอาศัยและกิจการขนาดเล็ก สามารถแบ่งเป็นระบบกลุ่มย่อยได้อกี ตามรูปแบบการใชง้ าน ดงั นี้ 1. กังหนั ลมผลติ ไฟฟ้าขนาดจวิ๋ (Micro wind turbine) จะมีขนาดระบบการผลิตไฟฟา้ ท่ีเล็กกวา่ 200 วัตต์ เพือ่ ใช้กบั งานหรอื อปุ กรณไ์ ฟฟา้ ท่วี ตั ต์ต่าํ หรือกนิ ไฟนอ้ ย อาทิ ไฟฟา้ แสงสว่าง วิทยุ 2. กงั หันลมผลติ ไฟฟ้าขนาดเลก็ มาก (Mini wind turbine) จะมขี นาดระบบการผลติ ไฟฟา้ ตง้ั แต่ 200 วตั ต์ ถึง 1,500 วัตต์ (1.5 กิโลวัตต์) เพ่ือใช้กับงานหรืออุปกรณ์ท่ีต้องการกําลังในการขับเคล่ือน อาทิ เครอื่ งสูบนาํ้ ระบบไฟฟา้ ฉุกเฉิน เครื่องแชแ่ ขง็ สาํ หรับพืน้ ทหี่ ่างไกล ระบบแสงสวา่ ง 3. กังหันลมผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก (Small wind turbine)จะมีขนาดระบบการผลิตไฟฟ้าตั้งแต่ 1.5 กิโลวัตต์ ถงึ 20 กิโลวตั ต์ เพื่อใชผ้ ลติ ไฟฟา้ ขนานเขา้ กบั ระบบสายส่งหรือจัดเก็บไฟฟ้าสํารอง ไวใ้ นแบตเตอรี่3.2 สว่ นประกอบของกังหันลมผลติ ไฟฟ้าขนาดเล็ก ระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานลมหรือกังหันลมผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก จะประกอบไปด้วยอุปกรณ์และชนิ้ ส่วนหลกั ๆ ดงั น้ี รูปแสดงสว่ นประกอบพนื้ ฐานของระบบผลติ ไฟฟ้าพลงั งานลมขนาดเล็ก หนา้ 26ค่มู ือการพัฒนาและการลงทุนกังหันลมผลติ ไฟฟา้

1. กังหันลม (Rotor) เป็นชดุ อุปกรณ์ ท่ปี ระกอบดว้ ย ปกี ใบพัด (Blade) ดุมใบพัด (Hub) และเพลา หลัก (Main shaft) ซง่ึ ปีกใบพัดจะทาํ หนา้ ทรี่ ับแรงและเปลี่ยนรูปพลังงานจลน์ในกระแสลม เป็น พลงั งานกล โดยดุมใบพัดทาํ หน้าท่เี ป็นตวั กลางถ่ายทอดกําลังระหว่างใบพัดสู่เพลาหลักเพ่ือหมุน เครอื่ งกาํ เนิดไฟฟ้า2. เครอื่ งกําเนดิ ไฟฟา้ (Generator) ทําหนา้ ทร่ี บั พลังงานกลจากเพลาหลกั และผลิตพลังงานไฟฟ้า สรู่ ะบบ ซึ่งมอี ยหู่ ลายชนดิ หลายรปู แบบ หลายหลักการทํางาน3. ส่วนควบคุมทิศทางกังหัน (Tail vane or Yaw system)เป็นส่วนท่ีใช้ในการควบคุมทิศทางของ กังหันลมเพ่อื ใหห้ ันหน้ารบั และปะทะแรงลมได้ตลอดเวลา ในการท่ีจะให้ปีกใบพดั หมนุ ตลอดเวลา เมือ่ มีแรงลม ถ้าเปน็ กังหันลมท่ีมีขนาดจ๋วิ ขนาดเล็กมาก หรือขนาดเล็กไม่เกิน 10 กิโลวัตต์ จะใช้ แพนหางเสือ (Tail vane) ในการควบคุมทิศทางหากเป็นตัวใหญ่กว่าน้ันจะใช้ระบบแกนคอหมุน (Yaw system) เปน็ ตวั ควบคุมทศิ ทาง4. เสากังหันลม (Tower) ทําหนา้ ทร่ี ับนํ้าหนักของชุดกังหัน ชุดเครื่องกําเนิดไฟฟ้าและชุดแพนหาง เสือ โดยยกชุดกังหันลมให้สูงขึ้นจากพ้ืนดินเพื่อให้สามารถรับแรงลมได้ดีและสมํ่าเสมอ ลด อิทธิพลส่ิงกดี ขวางรอบขา้ งในการบดบังแรงลมท่ีพัดมาปะทะกังหันลม อาทิ ต้นไม้ ส่ิงปลูกสร้าง เสากังหนั ลมมีสามแบบที่นยิ มใช้ในทางปฏิบัติ คือ เสาแบบเสาธง (Guyed tower) และเสาแบบ โครงถกั (Lattice tower)5. ระบบหยุดการทํางาน (Brake) เป็นระบบสําหรับหยุดการหมุนของกังหันลมในสภาวะฉุกเฉิน เช่น กําลังลมแรงเกินพิกัดที่กังหันลมจะรับได้ หยุดเพ่ือบํารุงรักษาหรือซ่อมแซม ซึ่งมีทั้งการใช้ แบบระบบกลไกทางกล (แผ่นจานกลม) และแบบระบบกลไกทางไฟฟ้า (ระบบควบคุมการหยุด อัตโนมัต)ิ สว่ นประกอบของกังหันลมผลติ ไฟฟา้ ขนาดเลก็ หนา้ 27ค่มู ือการพัฒนาและการลงทนุ กังหันลมผลติ ไฟฟา้

6. ระบบควบคมุ การผลิตไฟฟ้า (Balance of system, BOS) กระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้จากกังหันลม จะเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ ซ่ึงจะถูกส่งไปยังชุดควบคุม เพื่อส่งไปจัดเก็บ และแปลงกลับก่อนจะ นําไปใช้งานกบั อุปกรณไ์ ฟฟ้ามสี ่วนประกอบหลกั ได้แก่ 6.1 ชุดควบคุมการประจุ (Charge Controller) เป็นชุดควบคุมปริมาณไฟฟ้าให้ได้ตามความ เหมาะสม เม่ือประจุไฟฟ้าในแบตเตอร่ีเต็มหรือปริมาณไฟฟ้าสูงเกินกว่าความต้องการใช้ งาน ทําหน้าที่ตรวจวัดแรงดันของแบตเตอร่ี โดยการควบคุมการจ่ายและควบคุมการตัด ภาระทางไฟฟา้ ภายในวงจรออก เมื่อแบตเตอรมี่ ปี ริมาณประจุไฟฟา้ เหลือนอ้ ย 6.2 อปุ กรณ์แปลงกระแสไฟฟ้า (Rectifier) เป็นอุปกรณ์สําหรับเปล่ียนไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) เป็นไฟฟา้ กระแสตรง (DC) เพื่อสาํ รองจดั เก็บประจุไฟฟ้าไวใ้ นแบตเตอรี่ 6.3 แบตเตอรี่ (Battery Bank) เป็นอุปกรณ์สาํ หรบั จดั เก็บประจไุ ฟฟ้า เม่อื มีการผลติ ไฟฟ้าจาก กังหนั ลม เพือ่ สํารองไว้ใช้งานเมอ่ื ต้องการใช้งาน 6.4 อินเวอร์เตอร์ (Inverter) เป็นอุปกรณ์สําหรับแปลงไฟฟ้ากระแสตรง (DC) จากแบตเตอร่ี เป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) เม่ือนําไปใช้งานกับอุปกรณ์ไฟฟ้ากระแสสลับสําหรับบ้านพัก อาศัย 6.5 ชุดควบคมุ ภาระทางไฟฟ้าภายใน (Dump Load) ระบบจะทํางานควบคุมโดยอัตโนมัติใน กรณีทีม่ ีกระแสไฟฟา้ มากเกนิ ทแ่ี บตเตอรี่จะสํารองจดั เก็บประจุไฟฟ้าไว้ เพ่ือเป็นการรักษา ระบบการทํางานของกังหันลม 6.6 สวิตซค์ วบคมุ สาํ หรบั ใชค้ วบคมุ การตัดต่อระหว่างชุดระบบควบคมุ และชุดกังหนั ลม 6.7 หม้อวัดไฟ (Kilowatt-hour meter) สําหรบั บนั ทึกหน่วยของการจา่ ยกระแสไฟฟา้3.3 รปู แบบระบบการติดต้ังกงั หนั ลมผลติ ไฟฟา้ ขนาดเลก็ เพื่อใช้งาน การติดต้ังใช้งานในพ้ืนท่ีพักอาศัย ชุมชนหรือพ้ืนที่ท่ีห่างไกล จากระบบสายส่งหลัก เช่นบนเกาะหรือชนบทหา่ งไกลทรี่ ะบบสายส่งเขา้ ไปไม่ถึงและไมค่ ้มุ คา่ กับการติดต้ังระบบสายสง่ เข้าไปสู่พ้ืนท่ที ี่ต้องการใช้งาน โดยในระบบการตดิ ตงั้ แบบเด่ียวน้ันจะต้องใช้แบตเตอร่ีเป็นชุดจัดเก็บประจุไฟฟ้าสําหรับเป็นท่ีเก็บพลังงานซ่ึงอาจเป็นระบบการผลิตไฟฟ้าแรงดันต้งั แต่ 12-48 โวลต์ แลว้ เก็บพลงั งานท่ีได้เข้าไว้ในแบตเตอร่ีโดยการทํางานจะต้องมีความสัมพันธ์กันได้ดีและเหมาะสมกับระบบควบคมุ การทาํ งานของกังหนั ลม เพอื่ ควบคุมแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าให้เป็นไปตามความตอ้ งการท่ีความเร็วลมต่างกันออกไป นอกจากน้ีระบบควบคุมการทํางานของกังหันลมยังมีระบบคู่มอื การพัฒนาและการลงทนุ กังหนั ลมผลติ ไฟฟ้า หนา้ 28

ป้องกันตัวเอง (Self-protection) ซง่ึ การทํางานคู่กนั ระหว่างระบบทางกลและระบบทางไฟฟ้า ต้องมีความเหมาะสมตามทีบ่ ริษัทผ้ผู ลิตไดอ้ อกแบบไว้ การใช้ไฟฟ้าในระบบนี้ สามารถนําไฟฟ้าไปใช้ได้กับอุปกรณ์ไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ได้โดยตรง และระบบไฟฟ้ากระแสสลบั (AC) โดยหากต้องการใช้ไฟฟ้าในระบบกระแสสลับก็จะต้องมีอุปกรณ์หรือตัวแปลงไฟฟ้า (Inverter) จากไฟฟ้ากระแสตรงในแบตเตอรี่ เป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (DC/AC) ก่อนนําไปใช้งาน โดยอปุ กรณ์แปลงไฟฟา้ ในแตล่ ะรุ่นจะทาํ งานแตกตา่ งกนั ออกไปตามความสามารถและภาระทางไฟฟ้าที่นําไปใช้งานดังนัน้ หากตอ้ งการใช้ไฟฟา้ กระแสสลบั ก็ต้องมกี ารคํานวณภาระทางไฟฟา้ ที่จะใชง้ านเพื่อการเลือกซ้ือหาอุปกรณแ์ ปลงไฟฟ้า ให้มีความเหมาะสมตอ่ ไป (1) Wind generator (2) Tower (3) Brake (4) Controller ระบบการตดิ ต้ังใชง้ านแบบเดย่ี วนาํ ไฟฟ้าไปใชก้ บั อปุ กรณไ์ ฟฟ้ากระแสตรง (DC) (1) Wind generator (2) Tower (3) Brake (4) Charge controller (5) Dump load (6) Battery bank (7) System meter (8) MainDC disconnect (9) Inverter (10) AC Breaker panelระบบการตดิ ตัง้ ใช้งานแบบเด่ยี ว นาํ ไฟฟ้าไปใชก้ บั อปุ กรณไ์ ฟฟา้ กระแสสลบั (AC)คูม่ ือการพัฒนาและการลงทุนกงั หนั ลมผลิตไฟฟ้า หนา้ 29



{(28 x 6 x 5)/1,000} ไฟฟ้าทตี่ ้องใช้ 0.84 หน่วย o ตู้เย็น 4.2 คิว ขนาด 65 วัตต์ใช้ 24 ช่ัวโมง/วัน {(65 x 1 x 24)/1,000} ไฟฟา้ ท่ีตอ้ งใช้ 1.56 หนว่ ย o หมอ้ หงุ ข้าวไฟฟ้า 1.5 ลิตร ขนาด 600 วัตตใ์ ช้ 1 ชั่วโมง/คร้งั วนั ละ 2 ครั้ง เช้า-เยน็ {(600 x 1 x 2)/1,000} ไฟฟ้าท่ตี อ้ งใช้ 1.20 หน่วย o โทรทัศนส์ ี 20 นิ้ว ขนาด 70 วัตต์ใช้ 5 ชั่วโมง/วัน {(70 x 1 x 5)/1,000} ไฟฟา้ ท่ีต้องใช้ 0.35 หน่วย o คอมพวิ เตอรแ์ บบพกพา ขนาด 100 วตั ตใ์ ช้ 4 ชว่ั โมง/วัน {(100 x 1 x 4)/1,000} ไฟฟ้าทตี่ ้องใช้ 0.40 หน่วย o เครื่องสูบน้ํา 1/3 HP ขนาด 355 วตั ต์ใช้ 1 ชว่ั โมง/วนั {(355 x 1 x 1)/1,000} ไฟฟา้ ท่ตี ้องใช้ 0.355 หน่วย รวมจาํ นวนภาระทางไฟฟ้าที่ตอ้ งใช้ ประมาณ 4.70 หนว่ ย/วนั และอยา่ ลมื ว่าการบริหารจัดการการใช้งานของอุปกรณ์ไฟฟ้าแตล่ ะชนดิ ให้มคี วามเหมาะสมต่อชว่ งเวลาการใช้งาน และการประหยัดไฟฟ้า จะเป็นการใช้พลังงานทีม่ ีประสิทธิภาพและย่งั ยืน 3.4.3 ขั้นตอนที่ 3 ประเมินและคัดเลือกขนาดกังหันลมใหม้ ีความเหมาะสม ขั้นตอนน้ีควรมีการศึกษารูปแบบ รายละเอียด ประสิทธิภาพสมรรถนะ ราคาและการบริการหลังการขายของกังหันลมจากแหล่งต่างๆเช่น เวบ็ ไซตใ์ นอนิ เตอร์เนต็ ผู้เช่ยี วชาญดา้ นกังหนั ลม บริษทั ผู้ผลิตจําหน่ายกงั หนั ลม และทาํ การประเมนิ เพื่อคัดเลอื กขนาดของกังหันลมผลิตไฟฟ้าให้มีความเหมาะสม โดยทาํ ได้ 2 วิธีวิธีท่ี 1 ประเมินขนาดของกังหันลมโดยคิดจากค่า CF (Capacity Factor) หรือประสิทธิภาพร้อยละของ การผลิตไฟฟ้าไดโ้ ดยความเรว็ ลมในบ้านเราประมาณ 5 เมตร/วินาที สามารถผลิตไฟฟ้าจากกังหัน ลมไดป้ ระมาณ 12-18% เฉลีย่ 15% ตัวอย่าง จากขน้ั ตอนที่ 1 มปี ริมาณลมประมาณ 10 ช่ัวโมง/วันและข้ันตอนที่ 2 ภาระทางไฟฟ้าท่ี ตอ้ งใชป้ ระมาณ 4.70 หน่วย/วนั ขนาดของกงั หนั ลม = ภาระไฟฟ้า / (คา่ CF x ปรมิ าณลม) = 4.70 / (0.15 x 10) = 3.1 กิโลวัตต์ หรือ ขนาดประมาณ 3 กิโลวัตต์ ซ่ึงท้งั น้คี วรเลือกขนาดที่สูงกว่าการคํานวณไว้ก่อนและ ขอ้ สําคญั ต้องมีจําหน่ายอยใู่ นทอ้ งตลาดดว้ ยวิธีท่ี 2 ประเมนิ ขนาดของกังหันลมจากค่า PC (Power Curve) หรือกราฟแสดงสมรรถนะการผลิตไฟฟ้า ตามระดับความเร็วลม ทง้ั น้กี ังหนั ลมผลิตไฟฟ้าท่ีมจี าํ หนา่ ยโดยทว่ั ไปนอกจากจะเสนอรายละเอียดคูม่ อื การพัฒนาและการลงทุนกงั หนั ลมผลิตไฟฟ้า หนา้ 31

ทางเทคนิคแล้วยังเสนอ PC ควบคู่ในการประกอบการพิจารณาอีกด้วย และใช้ PC ของกังหันลมจากหลายๆ ขนาดในการประเมินเลอื กขนาดที่มีความเหมาะสมได้กังหนั ลมขนาด 1 กโิ ลวัตต์ กังหันลมขนาด 3 กโิ ลวัตต์ตัวอย่างกราฟ PC ของกังหนั ลมผลิตไฟฟ้า ตวั อยา่ ง จากข้ันตอนท่ี 1 ความเร็วลมประมาณ 5-6 เมตร/วินาที มีปริมาณลมประมาณ 10 ชว่ั โมง/วนั จากกราฟ PC กังหนั ลมขนาด 1 และ 3 กโิ ลวตั ต์ ของยีห่ ้อหน่ึงทเ่ี ลอื กมา ทค่ี วามเร็วลม 5 เมตร/วินาที กังหันลมขนาด 1 กิโลวัตต์ ผลิตไฟฟ้าได้ 400 วัตต์ และ กังหันลมขนาด 3 กโิ ลวัตต์ ผลิตไฟฟ้าได้ 500 วตั ต์ พลังงานไฟฟา้ ทีผ่ ลิตได้ = ไฟฟ้าทผ่ี ลิตไดต้ ามระดบั ความเรว็ ลม x ปริมาณลม กังหนั ลมขนาด 1 กโิ ลวัตต์ = (400 x 10)/1,000 = ประมาณ 4 หนว่ ย/วัน กงั หันลมขนาด 3 กโิ ลวัตต์ = (500 x 10)/1,000 = ประมาณ 5 หนว่ ย/วนั ควรเลอื กใชก้ ังหนั ลมขนาด 3 กิโลวัตต์ ซึ่งผลิตไฟฟ้าได้เพียงพอและมากกว่าภาระทาง ไฟฟา้ ตามขนั้ ตอนท่ี 2 ที่ต้องใชป้ ระมาณ 4.70 หนว่ ย/วนั 3.4.4 ขน้ั ตอนท่ี 4 การติดต้ังกังหนั ลม การติดต้งั กงั หันลมควรติดต้งั ในบริเวณทโ่ี ลง่ แจง้ สามารถรับลมไดด้ ที ุกทิศทาง หรืออย่างน้อยต้องไม่มีสิง่ กีดขวางชอ่ งทางลมของฤดมู รสมุ ตะวนั ออกเฉียงเหนือในช่วงฤดูหนาว และลมตะวันตกเฉียงใต้ในช่วงฤดูฝน ระยะทางระหว่างกังหันลมถึงจดุ ทีจ่ ะนาํ ไฟฟ้าไปใชง้ านระยะทางยิ่งสั้นยิง่ ดีเพราะหากระยะทางไกลกย็ ่ิงเพ่ิมค่าใช้จ่ายใ น ก า ร เ ดิ น ร ะ บ บ แ ล ะ จ ะ มี ก า ร สู ญ เ สี ย เ สี ยพลงั งานในระบบสายสง่ อีกด้วยคมู่ ือการพฒั นาและการลงทนุ กงั หนั ลมผลิตไฟฟ้า หนา้ 32

บทท่ี 4 การสนบั สนุนจากภาครฐั โดยที่ประเทศไทยตง้ั อยู่ในภมู ภิ าคที่มีความเร็วลมไมส่ งู นัก ดงั น้นั การดาํ เนนิ การพฒั นาพลงั งานลมเพื่อผลิตไฟฟ้าอาจกลา่ วได้ว่า ยงั มีตน้ ทนุ การผลติ ราคาสูง เมอ่ื เทยี บกบั การผลติ ไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าท่ีใช้เชื้อเพลิงจากฟอสซิล ดังน้ันการจัดมาตรการส่งเสริมเพื่อสร้างส่งิ จูงใจต่างๆ ต่อการพัฒนาพลังงานลมผลิตไฟฟ้า จึงได้มีริเริ่มและเพิ่มพูนการสนับสนุนรายการต่างๆ มาเร่ือยๆจนถึงปัจจุบันนี้ปรากฏมีรายการสนับสนุนและสิ่งจูงใจต่างๆ หลายรูปแบบ ซ่ึงคาดหมายว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้น่าจะนําพาให้โครงการพัฒนาพลังงานลมต่างได้เพิ่มการดําเนินการสูงข้ึน ดังมีรายการส่งเสริมและสนับสนุนพลังงานลม ดังน้ีคูม่ ือการพัฒนาและการลงทนุ กงั หนั ลมผลิตไฟฟ้า หนา้ 33

4.1 มาตรการส่วนเพม่ิ ราคารับซื้อไฟฟา้ จากพลังงานหมนุ เวยี น (Adder Cost) มาตรการส่วนเพ่ิมราคารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Adder Cost) เป็นการให้เงินสนับสนุนการผลิตต่อหน่วยการผลิตเป็นการกําหนดราคารับซ้ือในอัตราพิเศษหรือเฉพาะสําหรับไฟฟ้าที่มาจากพลังงานหมนุ เวยี น เพ่ือสะทอ้ นตน้ ทนุ การผลติ จากพลังงานหมนุ เวียน ภายในระยะเวลารับซ้ือไฟฟ้าที่ชัดเจนและแน่นอน เป็นมาตรการสนับสนุนที่นิยมใช้กันแพร่หลายมาก ท่ีสุดในปัจจุบัน เพื่อให้มีผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนมากขนึ้ และเป็นการจูงใจให้เกดิ การผลิตไฟฟา้ หลากหลายประเภทพลังงาน ดงั นี้ตารางท่ี 4-1 มาตรการสว่ นเพิ่มราคารบั ซื้อไฟฟ้าจากพลงั งานหมนุ เวียน (Adder) เช้ือเพลิง สว่ นเพมิ่ ส่วนเพมิ่ สว่ นเพิ่มพิเศษใน ระยะเวลา (บาท/kwh) พเิ ศษ 3 จว.ภาคใต้ สนับสนุน (บาท/kWh)1 (บาท/kWh)2 (ปี)ชวี มวล- กาํ ลังผลติ ติดตง้ั <= 1 MW 0.50 1.00 1.00 7- กําลังผลิตตดิ ตัง้ >1 MW 0.30 1.00 1.00 7ก๊าซชวี ภาพ (ทกุ ประเภทแหลง่ ผลติ )- กําลังผลิตติดตง้ั <= 1 MW 0.50 1.00 1.00 7- กาํ ลงั ผลิตตดิ ตง้ั >1 MW 0.30 1.00 1.00 7ขยะ (ขยะชมุ ชน ขยะอุตสาหกรรมไม่อันตราย และไมเ่ ปน็ ขยะอนิ ทรียว์ ตั ถ)ุ- ระบบหมักหรอื หลุมฝงั กลบขยะ 2.50 1.00 1.00 7- พลังงานความร้อน (Thermal Process) 3.50 1.00 1.00 7พลังงานลม- กําลังผลติ ตดิ ตงั้ <= 50 kW 4.50 1.50 1.50 10- กําลังผลิตติดตงั้ > 50 kW 3.50 1.50 1.50 10พลงั งานแสงอาทติ ย์ 6.50/8.003 1.50 1.50 10พลงั นํา้ ขนาดเล็ก- กําลังผลิตติดตั้ง 50kw -<200 kW 0.80 1.00 1.00 7- กาํ ลงั การผลติ ตดิ ตง้ั <50 kW 1.50 1.00 1.00 7หมายเหตุ 1. สาํ หรับผ้ผู ลติ ไฟฟา้ พลังงานหมุนเวียนในพ้นื ทม่ี กี ารผลิตไฟฟ้าจากนาํ้ มนั ดเี ซล 2. กพช. เหน็ ชอบให้เพิ่มพ้ืนท่ีอีก 4 อําเภอคือ อ.จะนะ อ.เทพา อ.สะบ้าย้อย และอ.นาทวี จังหวัดสงขลา เม่อื 25 พ.ย. 53 3. ผู้ท่ียื่นขอเสนอขายไฟฟา้ จากพลงั งานแสงอาทิตย์ท่ีได้รับหนังสือตอบรับแล้วก่อนวันที่ 28 มิ.ย.53 จะได้ Adder 8 บาท และผทู้ ไ่ี ด้รบั หนังสือตอบรับหลงั วันที่ 28 มิ.ย. 53 จะได้ Adder 6.50 บาทคมู่ ือการพฒั นาและการลงทนุ กงั หันลมผลิตไฟฟา้ หนา้ 34

4.2 โครงการเงนิ หมนุ เวยี นเพื่อส่งเสรมิ การใชพ้ ลงั งานทดแทน โครงการเงินหมนุ เวียนเพ่อื การอนุรกั ษพ์ ลงั งานและพลงั งานทดแทนขึน้ มาเพ่ือเป็นแหล่งเงินทุนในการดําเนินการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนให้แก่โรงงาน อาคาร และบริษัทจัดการพลังงาน โดยผ่านทางสถาบนั การเงิน ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนรวมทั้งสร้างความมั่นใจและความคุ้นเคยให้กับสถาบันการเงินท่ีเสนอตัวเข้าร่วมโครงการในการปล่อยสินเชื่อในโครงการดังกล่าวในการปล่อยสินเชื่อโดยใช้เงินกองทุนฯ ให้แก่ โรงงานอาคารและบริษัทจัดการพลังงานแล้วกองทุนฯยังต้องการให้เน้นการมสี ่วนร่วมในการสมทบเงนิ จากสถาบันการเงนิ เพิ่มมากขึ้นดว้ ย โดยตั้งแตเ่ รมิ่ โครงการ จนถึง ณ ปัจจุบันไดม้ กี ารดําเนินการเสรจ็ สิ้นไปแลว้ และอยู่ระหวา่ งดาํ เนนิ การทง้ั หมด จํานวน 6 ครั้งดงั นี้ 1) โครงการเงินหมุนเวียนเพ่ือการอนุรักษ์พลังงาน โดยสถาบันการเงินระยะท่ี 1 จํานวน 1,000 ล้าน บาท เพ่อื การอนรุ กั ษ์พลังงาน 2) โครงการเงินหมนุ เวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โดยสถาบันการเงินระยะที่ 2 จํานวน 2,000 ล้าน บาทเพือ่ การอนรุ ักษพ์ ลงั งานและพลังงานทดแทน 3) โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนโดยสถาบันการเงิน ระยะที่ 1 จํานวน 1,000 ล้านบาทเพือ่ ส่งเสรมิ การใช้พลงั งานทดแทน 4) โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานโดยสถาบันการเงินระยะท่ี 3 จํานวน 1,000 ล้าน บาทเพ่อื การอนุรักษพ์ ลงั งาน 5) โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โดยสถาบันการเงิน ระยะที่ 3 เพิ่มเติมจํานวน 942.5 ลา้ นบาทเพอ่ื การอนุรกั ษ์พลังงานและพลงั งานทดแทน 6) โครงการเงนิ หมุนเวียนเพ่ือการอนุรักษ์พลงั งานโดยสถาบนั การเงินระยะที่ 4 จํานวน 400 ล้านบาท เพอื่ การอนรุ กั ษพ์ ลังงานและพลงั งานทดแทน ลกั ษณะโครงการ/ หลักเกณฑแ์ ละเงอ่ื นไข กําหนดให้สถาบนั การเงินนาํ เงนิ ท่ี พพ. จัดสรรให้ไปเป็นเงินกู้ผ่านต่อให้โรงงาน/อาคารควบคุมหรือโรงงาน/อาคารท่ัวไปตลอดจนบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO) นําไปลงทุนเพ่ือการอนุรักษ์พลังงานและพลงั งานทดแทน โดยมหี ลักเกณฑแ์ ละเง่อื นไขดังนี้คมู่ อื การพฒั นาและการลงทนุ กงั หันลมผลิตไฟฟา้ หนา้ 35

วงเงินโครงการ 1. โครงการเงินหมุนเวียนเพ่ือส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ระยะท่ี 1 จํานวน 1,000 ลา้ นบาท 2. โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 จํานวน 1,000 ล้านบาทอายุเงนิ กู้ ไม่เกนิ 7 ปีช่องทางปล่อยกู้ ผา่ นสถาบันการเงนิ ทเ่ี ขา้ ร่วมโครงการโดยต้องรบั ผิดชอบเงินทป่ี ล่อยกทู้ งั้ หมดผมู้ สี ิทธิ์กู้ เป็นอาคารควบคุมและโรงงานควบคุมตาม พรบ.ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ประสงค์จะลงทุนในด้านการประหยัดพลังงานหรือโรงงาน/อาคาร ทั่วไป ตลอดจนบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO) นําไปลงทุนเพื่อการอนุรักษ์ พลงั งานวงเงินกู้ ไม่เกิน 50 ลา้ นบาทตอ่ โครงการอตั ราดอกเบีย้ ไมเ่ กินรอ้ ยละ 4 ต่อปี (ระหวา่ งสถาบนั การเงนิ กับผู้กู้)โครงการท่มี ีสทิ ธิ์ขอรับ โครงการอนุรกั ษพ์ ลงั งานหรือเพิ่มประสทิ ธิภาพการใชพ้ ลงั งานการสนบั สนุนต้องเป็น สง่ เสรมิ การอนุรักษพ์ ลงั งาน พ .ศ.2535 มาตรา 7 และมาตรา 17 สถาบันการเงินจะเป็นผู้อนุมัติเงินกู้เพื่อโครงการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนตามแนวหลกั เกณฑแ์ ละเง่ือนไขของสถาบนั การเงนิ นั้นๆ นอกเหนอื จากหลักเกณฑ์เง่ือนไขขา้ งต้นนโ้ี ดยดอกเบ้ียวงเงินก้แู ละระยะเวลาการกู้จะข้ึนอยกู่ บั การพจิ ารณาและขอ้ ตกลงระหวา่ งผู้กู้กบั สถาบันการเงิน รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามมายังศูนย์อํานวยการโครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานกรมพฒั นาพลังงานทดแทนและอนรุ ักษพ์ ลังงาน หมายเลขโทรศัพท์ 02-226-3850-1, 02-225-3106 โทรสาร 02-226-3851 เว็บไซต์ http://www.dede.go.thคู่มือการพัฒนาและการลงทนุ กังหนั ลมผลิตไฟฟา้ หน้า 36



มีรูปแบบการจะสง่ เสรมิ ในหลายลกั ษณะ อาทเิ ชน่ รว่ มลงทนุ ในโครงการ (Equity Investment), ร่วมลงทุนในบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO Venture Capital), ร่วมลงทุนในการพัฒนาและซื้อขายคาร์บอนเครดิต(Carbon Market) , การเช่าซื้ออุปกรณ์ (Equipment Leasing), การอํานวยเครดิตให้สินเช่ือ (CreditGuarantee Facility) และการใหค้ วามชว่ ยเหลือทางด้านเทคนิค (Technical Assistance) ผู้มีสิทธิย่ืนข้อเสนอ ได้แก่ ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม และ/หรือ บริษัทจัดการพลังงาน(Energy Service Company – ESCO) ทม่ี โี ครงการด้านอนรุ ักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน วัตถุประสงค์เพื่อจะลดปริมาณการใช้พลังงาน เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน หรือต้องการปรับเปล่ียนการใช้เชือ้ เพลิงมาเป็นพลงั งานทดแทน ลักษณะการส่งเสรมิ การลงทุน 1. การเข้าร่วมทุนในโครงการ(Equity Investment) โครงการส่งเสริมการลงทุนฯ จะเข้าร่วมลงทุนในโครงการท่ีก่อให้เกิดการอนุรักษ์พลังงาน หรือพลังงานทดแทนเท่านั้น เพื่อก่อให้เกิดผลประหยัดพลังงาน ท้ังนี้จะต้องมีการแบ่งผลประหยัดพลังงาน (Shared Saving) ตามสัดส่วนเงินลงทุนท่ีได้รับการส่งเสริม ระยะเวลาในการส่งเสริมประมาณ 5 - 7 ปี ผู้ท่ีได้รับการส่งเสริมทําการคืนเงินลงทุนแก่โครงการภายในระยะเวลาท่สี ง่ เสริม 2. การเข้าร่วมทุนกับบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO Venture Capital) การเข้าร่วมทุนกับบริษัทจัดการพลังงาน โดยชว่ ยใหบ้ รษิ ทั ทีไ่ ด้รับพิจารณาร่วมทุนนั้นมีทุนในการประกอบการโดยโครงการจะได้รับผลตอบแทนขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัท ท้ังนี้โครงการจะร่วมหุ้นไม่เกินร้อยละ 30 ของทุนจดทะเบียน และมสี ว่ นในการควบคมุ ดูแลการบรหิ ารจดั การของบรษิ ทั 3. การช่วยให้โครงการอนรุ กั ษพ์ ลังงาน/พลังงานทดแทน ได้รับผลประโยชน์จากการขาย CarbonCredit Market (CDM) 4. โครงการส่งเสริมการลงทุนฯ จะดําเนินการจัดทําแบบประเมินเบ้ืองต้นของโครงการ หรือProject Idea Note (PIN) ซ่ึงจะทําให้ผู้ประกอบการสามารถเห็นภาพรวมของโครงการท่ีจะพัฒนาให้เกิดการซื้อขายหรือได้รับประโยชน์จาก Carbon Credit หรือ เป็นตัวกลางในการรับซ้ือ Carbon Credit จากโครงการอนุรักษ์พลังงาน/พลังงานทดแทนท่ีมีขนาดเล็ก และรวบรวม (Bundle Up) เพ่ือนําไปขายในมูลค่าท่ีสงู ขน้ึ 5. การเชา่ ซื้ออุปกรณป์ ระหยดั พลังงาน/พลงั งานทดแทน (Equipment Leasing) 6. โครงการสง่ เสริมการลงทุนฯ จะทําการซื้ออุปกรณเ์ พ่อื การอนุรักษพ์ ลังงานและพลังงานทดแทนให้กับผู้ประกอบการก่อน และทําสัญญาเช่าซ้ือระยะยาวระหว่างผู้ประกอบการกับโครงการโดยผู้ประกอบการจะต้องทําการผ่อนชําระคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยเป็นรายงวด งวดละเท่า ๆ กันตลอดอายุสัญญาเช่าซ้ือ การสนับสนุนในการเช่าซ้ืออุปกรณ์ได้ 100% ของราคาอุปกรณ์น้ัน แต่ไม่เกิน 10 ล้านบาทระยะเวลาการผอ่ นชาํ ระคนื 3-5 ปี โดยคดิ อัตราดอกเบย้ี ต่าํคมู่ ือการพฒั นาและการลงทนุ กังหนั ลมผลิตไฟฟา้ หนา้ 38

7. การอํานวยเครดิตให้สินเช่ือ (Credit Guarantee Facility) โครงการส่งเสริมการลงทุนฯ จะดําเนินการจัดหาสถาบันหรือองค์กรที่ให้การสนับสนุนในเร่ือง Credit Guarantee เพื่อให้โครงการลงทุนได้รับการปลอ่ ยสนิ เชื่อจากธนาคารพาณิชย์ ท้ังน้ีโครงการ อาจจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในเร่ืองค่าธรรมเนียมรับประกนั สนิ เช่อื ทัง้ หมดหรือบางสว่ น โดยคดิ คา่ ธรรมเนียมตา่ํ ในการส่งเสริมในด้านนี้ 8. การช่วยเหลือทางเทคนิค (Technical Assistance) โครงการส่งเสริมการลงทุนฯ จะให้ความชว่ ยเหลอื ทางดา้ นเทคนิคในการอนุรักษ์พลงั งานและพลงั งานแก่ผู้ประกอบการ หรือ หน่วยงานองค์การต่างๆ ที่เก่ียวข้องกับผู้ประกอบการ โดยกองทุนจะให้ความช่วยเหลือทางด้านเทคนิคต้ังแต่เริ่มต้นจนส้ินสุดระยะเวลาโครงการโดยคิดค่าธรรมเนียมตาํ่ ในการสง่ เสริม หรือ อาจมกี ารแบง่ ผลการประหยดั พลังงาน รายละเอียดเพมิ่ เตมิ สามารถติดต่อสอบถามมายัง 1. มูลนิธิพลงั งานเพอ่ื ส่ิงแวดล้อม (Energy for Environment Foundation) 487/1 อาคารศรีอยธุ ยา ช้ัน 14 ถนนศรีอยธุ ยา ราชเทวี กรงุ เทพฯ 10400 โทรศพั ท์ 02-642-6424 -5 โทรสาร 02-642-6426 หรือ [email protected] 2. มูลนธิ ิอนรุ กั ษพ์ ลังงานแห่งประเทศไทย (กรมพฒั นาพลังงานทดแทนและอนุรกั ษ์พลงั งาน – อาคาร 9 ชั้น 2) เลขท่ี 17 ถนนพระราม 1 เชิงสะพานกษัตรยิ ศ์ ึก แขวงรองเมอื ง เขตปทมุ วัน กรงุ เทพฯ 10330 โทรศัพท์: 0-2621-8530, 0-2621-8531-9 ตอ่ 501, 502 โทรสาร: 0-2621-8502-3 รปู แสดงการบริหารงานโครงการสง่ เสรมิ การลงทุนด้านอนรุ ักษ์พลงั งานและพลงั งานทดแทน หน้า 39ค่มู ือการพัฒนาและการลงทนุ กังหนั ลมผลติ ไฟฟ้า



1. รายได้จากการขายคาร์บอนเครดิตในโครงการ CDM เป็นส่วนที่ช่วยให้ผู้ประกอบการคืนทุนได้รวดเร็วขึ้นจากการพัฒนาโครงการด้านพลังงานทดแทนการอนุรักษ์พลังงาน นอกเหนือจากการสนับสนุนของภาครัฐภายในประเทศ 2. เกิดรายได้เข้าส่ปู ระเทศจากการดาํ เนินกิจกรรมการลดกา๊ ซเรือนกระจก 3. ประเทศไทยมอี ตั ราการลดการปลอ่ ยก๊าซเรอื นกระจกลดลงจากการดาํ เนนิ โครงการ CDM 4. การตรวจสอบ (Monitoring) ปริมาณการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากโครงการ CDMช่วยให้ประเทศไทยมีตวั เลขการดาํ เนินงานเพอื่ ลดก๊าซเรอื นกระจกภายในประเทศไทย 5. เกิดการพัฒนาโครงการด้านพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานท่ีดีกว่ามาตรฐานที่กําหนดภายในประเทศ สร้างสิง่ แวดล้อมและคณุ ภาพชวี ิตทดี่ ีให้กบั ชุมชนรอบพนื้ ทีโ่ ครงการ สําหรับเกณฑ์การพิจารณาการดําเนินโครงการภายใต้กลไกการพัฒนาท่ีสะอาดในปัจจุบันน้ั นประเ ทศไทย ได้มีก ารจัดทํ าห ลั ก เ ก ณ ฑ์ ก า ร พั ฒ น า อ ย่ า ง ย่ั ง ยื น สํ า ห รั บโครงการ CDM ข้ึนซึ่งประกอบด้วยมิติการพั ฒ น า อ ย่ า ง ย่ั ง ยื น 4 ด้ า น ไ ด้ แ ก่ ด้ า นทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านสังคมด้า นก าร พั ฒ นา แ ล ะ/ ห รื อก า ร ถ่า ย ท อ ดเทคโนโลยีและด้านเศรษฐกิจโดยโครงการที่คณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกจะพจิ ารณาใหก้ ารรับรองได้แก่ 1. โครงการด้านพลังงาน ได้แก่การผลิตพลังงานและการปรับปรุงประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน เช่นโครงการพลังงานทดแทนการใช้น้ํามันเช้ือเพลิงโครงการแปลงกากของอตุ สาหกรรมเป็นพลังงานโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพระบบทําความเยน็ และโครงการปรับปรุงประสทิ ธภิ าพในการใชพ้ ลังงานในอาคาร เป็นต้น 2. โครงการด้านสิ่งแวดล้อม เช่น โครงการแปลงขยะเป็นพลังงานโครงการแปลงน้ําเสยี เปน็ พลังงาน เป็นต้น 3. โครงการด้านคมนาคมขนส่ง เช่น โครงการเพิ่มประสิทธิภาพในการคมนาคมขนส่งและการใช้พลังงาน 4. โครงการดา้ นอุตสาหกรรม เช่น โครงการท่ีสามารถลดปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการอุตสาหกรรมคูม่ ือการพฒั นาและการลงทุนกงั หันลมผลิตไฟฟ้า หน้า 41

ขั้นตอนการดําเนนิ โครงการภายใตก้ ลไกการพัฒนาทส่ี ะอาด หมายเหตุ DNA หมายถึง หน่วยงานกลางที่ทําหน้าท่ีประสานการดําเนินงานตามกลไกการพัฒนาท่สี ะอาด DOE หมายถงึ หน่วยงานปฏิบตั กิ ารท่ไี ด้รบั หมอบหมายในการตรวจสอบ (Designated Operational Entities) CDM EB หมายถงึ คณะกรรมการบริหารกลไกการพฒั นาทสี่ ะอาด (Executive Board of CDM) 1. การออกแบบโครงการ (Project Design) ผู้ดาํ เนนิ โครงการจะต้องออกแบบลักษณะของโครงการและจดั ทาํ เอกสารประกอบโครงการ (Project Design Document: PDD) โดยมีการกาํ หนดขอบเขตของโครงการ วธิ กี ารคํานวณการลดก๊าซเรือนกระจก วิธกี ารในการตดิ ตามผลการลดกา๊ ซเรือนกระจก การวิเคราะห์ผลกระทบต่อสง่ิ แวดลอ้ ม เปน็ ต้น 2. การตรวจสอบเอกสารประกอบโครงการ (Validation) ผู้ดําเนนิ โครงการจะตอ้ งวา่ จา้ งหนว่ ยงานกลางที่ไดร้ บั มอบหมายในการปฏบิ ัติหน้าท่ีแทนคณะกรรมการบริหารฯ หรือทเี่ รียกวา่ DesignatedOperational Entity (DOE) ในการตรวจสอบเอกสารประกอบโครงการ วา่ เปน็ ไปตามข้อกําหนดต่างๆหรอื ไม่ ซ่ึงรวมถงึ การไดร้ บั ความเห็นชอบในการดําเนินโครงการจากประเทศเจา้ บา้ นดว้ ย 3. การข้ึนทะเบยี นโครงการ (Registration) เมื่อ DOE ไดท้ ําการตรวจสอบเอกสารประกอบโครงการและลงความเห็นวา่ ผา่ นข้อกาํ หนดตา่ งๆ ครบถ้วน จะส่งรายงานไปยงั คณะกรรมการบรหิ ารกลไกการพฒั นาที่สะอาด (EB) เพอ่ื ขอข้ึนทะเบียนโครงการคูม่ ือการพัฒนาและการลงทุนกังหันลมผลติ ไฟฟา้ หนา้ 42

4. การติดตามการลดการปล่อยกา๊ ซเรอื นกระจก (Monitoring) เมอ่ื โครงการไดร้ บั การข้ึนทะเบยี นเปน็โครงการ CDM แลว้ ผู้ดาํ เนินโครงการจึงดําเนินโครงการตามที่เสนอไวใ้ นเอกสารประกอบโครงการ และทาํการตดิ ตามการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตามทไี่ ดเ้ สนอไวเ้ ช่นกัน 5. การยืนยนั การลดก๊าซเรอื นกระจก (Verification) ผดู้ าํ เนนิ โครงการจะตอ้ งวา่ จา้ งหนว่ ยงาน DOE ให้ทําการตรวจสอบและยืนยนั การตดิ ตามการลดก๊าซเรอื นกระจก 6. การรับรองการลดก๊าซเรือนกระจก (Certification) เม่อื หนว่ ยงาน DOE ได้ทาํ การตรวจสอบการลดการปล่อยกา๊ ซเรือนกระจกแล้ว จะทํารายงานรบั รองปริมาณการลดการปลอ่ ยก๊าซเรือนกระจกทด่ี าํ เนินการไดจ้ ริงตอ่ คณะกรรมการบริหารฯ เพ่อื ขออนมุ ตั ใิ หอ้ อกหนังสือรับรองปรมิ าณการปลอ่ ยก๊าซเรอื นกระจกทลี่ ดได้ หรือ CER ให้ผดู้ ําเนินโครงการ 7. การออกใบรับรองปริมาณการลดการปล่อยกา๊ ซเรอื นกระจก (Issuance of CER) เมื่อคณะกรรมการบริหารฯ ได้รับรายงานรับรองการลดก๊าซเรือนกระจก จะได้พิจารณาออกหนงั สือรบั รองปรมิ าณการปลอ่ ยกา๊ ซเรือนกระจกที่ลดได้ หรือ CER ให้ผู้ดําเนนิ โครงการตอ่ ไป ท้ังนี้ หน่วยงานกลาง (DOE) ที่ทําหน้าที่ในการการตรวจสอบเอกสารประกอบโครงการ(Validation) และการยืนยันการลดก๊าซเรือนกระจก (Verification) น้ัน จะต้องเป็นหน่วยงานคนละหน่วยงาน ขอทราบรายละเอยี ดเพมิ่ เตมิ สามารถตดิ ต่อสอบถามมายงั องค์การบรหิ ารจัดการก๊าซเรือนกระจก(องคก์ ารมหาชน) เลขท่ี 120 หมู่ที่ 3 ชั้น 9 อาคาร B ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้องเขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210 โทรศพั ท์ 0 2141 9790 โทรสาร 0 2143 8400 เวบ็ ไซต์ http://www.tgo.or.th4.5 โครงการส่งเสริมการลงทนุ โดยสํานักงานคณะกรรมการสง่ เสริมการลงทุน (BOI) ภาครฐั ไดย้ กระดบั ให้อตุ สาหกรรมพลังงานทดแทน เปน็ กจิ การทีม่ ีระดับความสําคัญสูงสุด และจะได้รับการ สง่ เสริมการลงทนุ ในระดับสงู สุดเชน่ กนั จงึ มมี าตรการส่งเสริมการลงทุน เพ่ือเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน (Maximum incentive) จากคณะกรรมการ ส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซ่ึงได้กําหนดสิทธิประโยชน์ที่ยกเว้นอากรขาเข้าสําหรับเคร่ืองจักร ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นเวลา 8 ปี และหลังจากน้ันอีก 5 ปี หรือตั้งแต่ปีที่ 9-13 จะลดหยอ่ นภาษีเงินได้นติ บิ คุ คลได้ 50% รวมท้ังมาตรการจงู ใจดา้ นภาษี อาทิ การลดภาษีเครื่องจักร อุปกรณ์ที่นําเข้าจากต่างประเทศ รวมท้ังการอนุญาตให้นําต้นทุนในการติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เช่น ไฟฟ้าประปา ขอหกั ลบภาษไี ด้สงู สุด 2 เทา่ สําหรบั โครงการทเี่ ปน็ ประโยชนต์ ่อสาธารณะ เป็นตน้ หลกั เกณฑ์ในการพจิ ารณาส่งเสริมโครงการดา้ นพลงั งานทดแทน ได้แก่ กรณีท่ผี ูป้ ระกอบการหรือนกัคูม่ ือการพัฒนาและการลงทุนกงั หันลมผลิตไฟฟ้า หนา้ 43

ลงทุนมสี ดั ส่วนหนีต้ ่อทุน น้อยกว่า 3 ต่อ 1 สําหรับโครงการใหม่ หรือมีเครื่องจักรใหม่ที่มีขบวนการผลิตท่ีสมยั หรอื มีระบบจัดการทป่ี ลอดภยั รกั ษาสิง่ แวดล้อม และใชป้ ระโยชนจ์ ากวตั ถุดบิ ในการผลติ เปน็ ต้น โดยผู้ประกอบหรือนกั ลงทนุ ท่สี นใจขอทราบรายละเอยี ดเพ่ิมเตมิ สามารถตดิ ตอ่ สอบถามยงั สํานักงานคณะกรรมการส่งเสรมิ การลงทุน เลขที่ 555 ถ.วภิ าวดี รงั สิต จตุจกั รกรงุ เทพฯ 10900 โทร 02-537-8111ต่อ537-8155 โทรสาร 02-537-8177 หรือ E-mail : [email protected], Website : http://www.boi.go.thแสดงขน้ั ตอนขอรบั การสนบั สนนุ จากสาํ นกั งานคณะกรรมการสง่ เสรมิ การลงทนุ (BOI)คู่มือการพฒั นาและการลงทนุ กังหันลมผลิตไฟฟ้า หนา้ 4


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook