หลกั สูตร Digital Entrepreneurship & Innovation หลักสูตร การบริหารจัดการตลาดดิจิทลั (Digital Marketing Management) วิชา การสรา้ งมูลค่าทางธรุ กจิ สำหรบั ผู้ประกอบการ (Creation Business Value used Digital) กลมุ่ เป้าหมาย กลุม่ ขนาดกลาง (Medium) อาจารยป์ ระจำวชิ า ชอ่ื ..ผศ.ดร.พรพิมล วิริยะกุล/อาจารย์ศิริรักษ์ บุญพร้อมรกั ษา มหาวทิ ยาลัยราชภฏั ราชนครินทร์ สถานประกอบการ ช่ือ........................................................... บริษัท............................................ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ราชนครินทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรพุ งษ์ ตำบลหน้าเมอื ง อำเภอเมือง จังหวดั ฉะเชิงเทรา
ตอนที่ 1 แนะนำรายวิชา (Course Description) รายวิชา การสร้างมูลค่าทางธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการ (Creation Business Value used Digital) เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตร การบริหารจัดการตลาดดิจิทัล (Digital Marketing Management) จัดทำขึ้นเพื่อให้ผู้ประกอบการ ได้เข้าใจถึงแนวคิดและหลักการของการสร้างมูลค่าทาง ธุรกิจ โดยแบ่งเนื้อหาวิชาออกเปน็ 7 ตอน ได้แก่ 1) แนะนำรายวิชา 2) แนวคิดการสร้างคุณค่าทางธุรกจิ (Value Creation) ว่าด้วย ความหมายของการสร้างคุณค่าทางธุรกจิ ทฤษฎีการสร้างคุณค่า กระบวนการ วิเคราะห์ของการสร้างคุณค่าในยุคดิจิทัล 3) การสร้างเครือข่ายสู่การพัฒนา (Strong Foundation) ว่าด้วย ความหมายของเครอื ขา่ ย ประเภทของเครอื ขา่ ย รปู แบบของเครือขา่ ยทางสงั คม แนวทางการสร้าง และพัฒนาเครอื ข่ายความร่วมมือ การพฒั นาเครอื ข่ายเพ่ือความยั่งยืนในยคุ ดิจทิ ัล 4) การพัฒนาความคิด สร้างสรรค์และการสร้างนวตั กรรม ว่าด้วย ความหมายความคิดสร้างสรรค์ ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความคิด สรา้ งสรรค์ของบคุ คล การสร้างองค์กรนวัตกรรมอันเปน็ เลิศในยุคดิจทิ ัล 5) แนวคิดในการพฒั นาผลติ ภัณฑ์ ว่าด้วย องค์กรแห่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ การตรวจสอบผลิตภัณฑ์ใหม่ก่อนนำสู่ตลาดดิจิทัล 6) การสรา้ งมลู คา่ ทางธุรกจิ (Value Creation) ดว้ ย Digital Business ว่าดว้ ย แนวคดิ การสร้างคณุ คา่ ด้วย บริการดิจิทัล และ 7) การเจาะจุดแข็งเพื่อความสำเร็จ ว่าด้วย ปัจจัยชี้วัดผลสำเร็จธุรกิจ กลยุทธ์สู่ความ เป็นเลิศในยุคดิจทิ ัล โดยเน้นเน้ือหาทฤษฎเี พือ่ สร้างความรู้ ความเข้าใจ และการฝึกปฏบิ ัตเิ พื่อนำไปสู่การ สรา้ งคณุ ค่าทางธุรกิจสำหรับผูป้ ระกอบการ มหาวิทยาลยั ราชภัฏราชนครินทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรพุ งษ์ ตำบลหน้าเมอื ง อำเภอเมอื ง จังหวดั ฉะเชงิ เทรา
ตอนท่ี 2 แนวคิดการสรา้ งคุณคา่ ทางธรุ กจิ (Value Creation) ธุรกิจยุคโลกาภิวัตน์ในศตวรรษที่ 21 นั้นมีการแข่งขันสูงมาก การเข้ามาของข้อมูลข่าวสารและ การเกดิ ขึน้ ของเทคโนโลยีชนิดต่างๆ เป็นที่นา่ ท้าทายธุรกิจ ซึ่งธุรกิจต่างต้องปรับตัวเข้าหาลูกค้าเป็นอย่าง มาก การตลาดยุคใหม่จึงไม่ใช่เพียงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การกำหนดราคาที่เหมาะสม หรือการทำให้ ผู้บริโภคหาซื้อสนิ ค้าไดเ้ ทา่ น้ัน แต่ยังตอ้ งสรา้ งคุณค่าให้แกผ่ ู้บรโิ ภค ถึงแมว้ า่ ปจั จบุ นั ผู้บริโภคมกั ตัดสินใจซื้อ สินค้าและบริการโดยให้ความสำคัญกับราคาเป็นสิ่งแรก ผู้บริโภคยังเริ่มตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อ สังคมของบรษิ ทั ผู้ผลิต และการใหบ้ รกิ ารมากข้นึ ด้วย อนึ่ง ดว้ ยพฤติกรรมท่มี ีการเปลีย่ นแปลงไปประกอบ กับการเพิ่มขึ้นของพลังอำนาจการตอ่ รองของผู้บริโภคทำให้ธุรกิจจำนวนมากตอ้ งหนั มาให้ความสำคัญกบั การสร้างคุณค่าให้กับผู้บริโภคมากขึ้น เนื่องมาจากบทบาทของผู้บริโภคจากการเป็นฝ่ายตั้งรับที่มองว่า นกั การตลาดเป็นผู้สร้างคุณค่าและลกู คา้ คือผรู้ ับมอบคุณคา่ น้นั เปลี่ยนไปเป็นบทบาทของผู้สร้างคุณค่า ซึ่ง บทบาทของลูกค้าที่เปลี่ยนไปทำให้นักการตลาดจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนมุมมองและกลยุทธ์ทาง การตลาดเพื่อให้สามารถรู้เท่าทนั ของการเปลยี่ นแปลงของกระแสตลาด ดงั นนั้ การสร้างคณุ คา่ ใหม่ๆ ทาง ธุรกิจ จึงเป็นการนำเสนอถึงเพื่อมุ่งตอบสนองความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้า จนนำไปสู่ ยอดขายท่ีก่อให้เกิดกำไรแลการเจริญเติบโต องคก์ รสามารถจดั สรรกำไรท่ีได้มาสร้างความเจรญิ เติบโตแบบ ยั่งยนื ทง้ั ยอดขาย กำไรและบุคลากรทมี่ ีความสามารถในการสร้างคุณคา่ ท่ีผู้บรโิ ภคตอ้ งการอย่างต่อเน่ืองจน กลายเปน็ ความสามารถในการสร้างนวัตกรรมทมี่ ีคณุ คา่ 2.1 ความหมายของคำวา่ การสรา้ งคณุ คา่ (Value creation) การสร้างคุณค่า (Value creation) หมายถึง การตลาดที่ทันสมัยจะต้องเน้นการสร้างคุณค่าให้แก่ ผู้บริโภค โดยเริ่มต้นจากการกำหนดคุณลักษณะ (Attributes) ของสินค้า สร้างจุดเด่น (Features) ให้ สินค้า แปลจุดเด่นดังกล่าวให้เปน็ คุณประโยชน์ (Benefits) ของสินค้า และต้องไม่จบอยู่แค่ตรงน้ี ต้องคิด ต่อไปวา่ จะให้คุณคา่ (Value) อะไรแกผ่ บู้ ริโภคจึงจะทำให้ผบู้ ริโภครู้สึกว่าสินค้าที่เรานำเสนอให้กับเขานั้น คมุ้ กับต้นทนุ ชวี ติ ของเขา ไมว่ ่าจะเปน็ เงินทเี่ สยี ไป เวลาท่ีเสยี ไป และความพยายามท่ีตอ้ งเสียไป สินค้าใดที่ มีคณุ ค่าไมค่ ้มุ ตน้ ทนุ ชีวิตของลกู ค้า สนิ ค้าน้ันย่อมไมย่ ่ังยนื ในสนามแขง่ ขนั ทางการตลาด ซงึ่ การสร้างคุณค่า ให้แก่ผู้บริโภคมีห้าขั้นตอนของกรอบความคิด เรียกว่า ปัญจทัศน์ (Pentadigm) ซึ่งเป็นกรอบความคิด 5 ขน้ั ตอนในการวางยทุ ธศาสตรข์ องการสร้างคณุ ค่า มดี งั น้ี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ราชนครินทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรุพงษ์ ตำบลหนา้ เมอื ง อำเภอเมอื ง จังหวดั ฉะเชงิ เทรา
2.1.1 การค้นพบ (Discovery) ว่ากลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการเข้าไปตอบสนองความต้องการ ของพวกเขาน้ัน ต้องการคุณค่าอะไรจากสินค้า บางคนอาจจะตอ้ งการความสะดวก บาง คนอาจจะตอ้ งการคณุ ภาพชีวติ บางคนอาจจะต้องการความมชี อื่ เสียง เป็นคนเดน่ ดงั เปน็ คนสำคญั บางคน อาจจะต้องการความสนุกสนาน ความบนั เทิง ความสบาย 2.1.2 ความมุ่งม่ัน (Commitment) ในการที่จะสรา้ งคุณคา่ ให้แก่ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายตามท่ี ได้ค้นพบในขั้นตอนแรกของปัญจทัศน์ ความมุ่งมั่นดังกล่าวจะต้องแสดงออกให้เห็นเปน็ ประจักษ์ในข้อความว่าด้วยพันธกิจขององค์กรว่าเราต้องการให้อะไรแก่ผู้บริโภค กลุ่มเป้าหมาย ต้องปรากฏในข้อความว่าด้วยวสิ ัยทัศน์ขององค์กรว่าลูกค้าของเราจะได้ คุณค่าอะไรจากเราเรื่อยไปในอนาคต คุณภาพชีวิตของพวกเขาจะเป็นอยา่ งไร เมื่อได้รับ คุณค่าจากสิ่งที่เรานำเสนอ และจะต้องปรากฏในนโยบายการดำเนินงานขององค์กรที่ มุ่งม่ันวิจยั และพัฒนาเพ่อื แสวงหานวัตกรรมท่จี ะนำเสนอใหแ้ กล่ ูกคา้ 2.1.3 การสร้างสรรค์คุณค่า (Creation) คือการผลิต การตลาด การขาย และการบริการ เพื่อที่จะส่งมอบคุณค่าให้ผู้บริโภคตามทีไ่ ด้ประกาศเปน็ ความมุ่งมั่นไว้ แผนงานการผลิต จะต้องเป็นไปตามพันธกิจ วิสัยทัศน์และนโยบายขององค์กร การตลาดก็ต้องสื่อสาร คุณค่าของสินค้าที่องค์กรได้สร้างสรรค์ไว้ การขายจะต้องนำเอาจุดเด่น คุณประโยชน์ และคุณค่าของสนิ ค้ามาใชใ้ นการจูงใจให้ผบู้ ริโภคซอ้ื สินค้า และการบริการจะต้องเป็นการ สร้างคุณค่าเพิม่ ให้แก่สนิ คา้ ต้องทำให้ผู้บริโภครู้สกึ ว่าได้รับประสบการณ์ท่ีน่าประทบั ใจ จากการทำธุรกรรมกับ Brand 2.1.4 การประเมนิ (Assessment) เมอ่ื ดำเนินการไปแลว้ ก็จะต้องมีการวัดผล เพื่อท่ีจะประเมิน ว่าคุณค่าที่เรามอบให้กับผู้บริโภคไปนั้นเป็นสิ่งที่เขาต้องการจริงหรือไม่ สามารถสร้าง ความพึงพอใจให้แก่พวกเขาได้หรอื ไม่ การหาทางที่จะรับรู้การตอบรับของผู้บริโภคว่ามี ความพึงพอใจต่อคุณค่าที่เรานำเสนอมากน้อยเพียงใด มีอะไรที่จะต้องปรับปรุง เปลี่ยนแปลงบ้าง ต้องตระหนักว่าพลวัตของการเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้นสง่ิ ท่ผี ้บู ริโภคเคยชื่นชมเม่ือวันวาน อาจจะไมม่ เี สนห่ อ์ กี แลว้ ในวันนี้ หรือบางครั้งส่ิง ที่เราเคยเชื่อว่าผู้บริโภคอยากได้ อาจจะเป็นการเข้าใจผิดก็ได้ หากมีการวัดผล เราก็จะ ประเมินได้ 2.1.5 การปรบั ปรุงแกไ้ ข (Improvement) คอื การหาทางปรับปรุงแกไ้ ของค์ประกอบของธุรกิจ ให้เป็นที่พอใจของลูกค้าให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เมื่อมีการวัดผล ประเมินผล และ วิเคราะห์ต้นเหตุของปญั หาต่าง ๆ ที่เกดิ ข้นึ เราต้องพรอ้ มท่ีจะปรับปรงุ องค์ประกอบของ ธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างองค์กร ผลิตภัณฑ์ การตั้งราคา การกระจายสินค้า การ มหาวิทยาลยั ราชภัฏราชนครนิ ทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรุพงษ์ ตำบลหนา้ เมอื ง อำเภอเมือง จังหวดั ฉะเชงิ เทรา
สื่อสารการตลาด การบริการ บุคลากร ภาพลักษณ์ของ Brand บรรจุภัณฑ์ จุดครองใจ ของสินคา้ กระบวนการทำงาน ประสทิ ธิภาพในการทำงาน การสรา้ งเครือข่ายธุรกิจ มอง ให้ครบดา้ น เข้าใจปญั หาอย่างถ่องแท้ พจิ ารณาเหตุปญั หาด้วยใจเทีย่ งธรรม และพร้อมที่ จะปรบั ปรงุ แกไ้ ข ทง้ั ในระยะส้นั และระยะยาว อยา่ งไรกต็ าม ปัญจทัศน์ท้งั 5 ข้นั ตอนดงั กล่าวสามารถดำเนินการตลาดตามแนวทางของการตลาด สมัยใหม่ที่เน้นการสร้างคุณค่า นอกจากการมีปัญจทัศน์เป็นกรอบของการวางยุทธศาสตร์แล้ว นักการ ตลาดสมัยใหม่ต้องให้ความสำคัญกับหว่ งโซ่แห่งคณุ ค่า (Value Chain) ท่เี ป็นหลกั การของการสร้างคุณค่า เพิ่มในทุกจุดของการดำเนินงาน ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบ ไปจนถึงการบริการหลังขาย เริ่มต้นจากมีการ วิจัยและพัฒนาที่มีประสิทธิภาพออกแบบสินค้าที่ดี เลือกวัตถุดิบที่ดี มีการขนส่งวัตถุดิบเข้าโรงงานที่มี ประสิทธิภาพ มีการควบคุมคุณภาพทีด่ ีในการผลิต ให้ได้สินค้าที่ดี มีบรรจุภัณฑ์ที่สวยงามและแข็งแรง มี การจดั การสินคา้ คงคลังทม่ี ปี ระสิทธิภาพ มีการนำเสนอสินคา้ ในรา้ นคา้ ท่นี ่าสนใจ มกี ารส่อื สารการตลาดที่ สร้างภาพลกั ษณ์ที่ดใี หส้ ินคา้ มพี นกั งานขายทีใ่ หบ้ รกิ ารท่ดี ี มกี ระบวนการทำงานท่งี า่ ย สะดวก และรวดเรว็ มีพนักงานจัดส่งสินค้าที่ดี การทำงานทุกจุดถูกต้อง และเป็นไปตามคำสัญญา สินค้ามีคุณภาพดีตามที่ได้ สัญญาไว้ในการสื่อสาร มีการบริการหลังขายที่ดีคงเส้นคงวา ทั้งหมดนี้จะทำให้คุณค่าของสินค้าเพิ่มข้ึน อย่างตอ่ เนอ่ื งในทุกจดุ และผูบ้ รโิ ภคจะได้รับประสบการณท์ ี่น่าประทบั ใจจากการทำธุรกรรมกับ Brand การสร้างคุณค่า (Value creation) เป็นแนวทางการสร้างคุณค่าที่แท้จริงขององค์กร ด้วยการ พฒั นาความสามารถขององค์กรใหโ้ ดดเดน่ เปน็ เอกลกั ษณ์เสรมิ สร้างจุดเดน่ ท่ีดอี ยู่แล้ว รวมถึงนำเอาความรู้ และทักษะใหม่ๆที่เหมาะสมมาประยุกต์ใช้เพื่อตอบสนองความต้องการธุรกิจและความเหมาะสมทาง การตลาด Value Creation จะเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน มิใช่ผลสัมฤทธิ์เพียงชั่วครู่ ผลสัมฤทธิ์ของ กระบวนการจึงไม่เน้นที่ตัวชี้วัดทางการเงิน เนื่องจากตัวชี้วัดดังกล่าวไม่อาจบ่งบอกถึงความยั่งยืนของ องค์กรในระยะยาวได้ การลงทุนทีส่ รา้ งความยง่ั ยืนจะเป็นการลงทุนเพ่ือสร้างทกั ษะ ความรู้ ความสามารถ ในการทำงานทั้งยังรวมถึงการทำวิจัยและพัฒนา R&D นวัตกรรมทางความรู้ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งส่วนมาก เป็นสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Asset) แต่สามารถสร้างกลไกทางการตลาดได้ในยุคที่มีการ แข่งขันรุนแรง และมีความเสี่ยงในการลงทุนสูง การบริหารความรู้ และความสามารถขององค์กรเป็นสิ่ง สำคญั ในการป้องกนั ความเสยี่ งและเตรียมความพรอ้ มกับการปรบั ตวั ของธุรกิจและการเปลี่ยนแปลงท่ีอาจ เกิดขึ้นในอนาคต Low (2000) เสนอแนะว่า มูลค่าของการลงทุนใน Intangible Asset ขององค์กรธุรกจิ สามารถเป็นตัวผลักดันใหเ้ กิดผลการดำเนินงานทางการตลาดและดา้ นการเงินทีด่ ีและส่งผลให้ธรุ กิจรักษา ขีดความสามารถทางการแข่งขันได้ในระยะยาว Value Creation เป็นการนำความคิดสร้างสรรค์ พื้น ฐานความรู้ทักษะ รวมถึงสินทรัพยากรประยุกต์แนวคิดด้านนวัตกรรม เพื่อนำไปสู่ความได้เปรียบทางการ แข่งขันท่โี ดดเดน่ โดยเกดิ ความเส่ยี งนอ้ ยท่สี ุด มหาวทิ ยาลัยราชภัฏราชนครนิ ทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรพุ งษ์ ตำบลหน้าเมอื ง อำเภอเมือง จงั หวดั ฉะเชิงเทรา
2.2 ทฤษฎีการสรา้ งคุณค่า (Theory of Value creation) แนวคดิ เรอ่ื งการสร้างคณุ คา่ เปน็ แนวคิดท่ีนกั วิชาการ รวมถึงภาคธุรกิจตา่ งๆให้ความสนใจอย่างยง่ิ โดยเฉพาะธุรกิจในยุคใหม่ ศาสตราจารย์ Michael E.Porter มีความเห็นว่าต่อไปองค์กรจะใหป้ รับเปลีย่ น รูปแบบการทำงานใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ ด้วยกระบวนการวเิ คราะหห์ ว่ งโซ่คณุ ค่า (Value Chain) เพอ่ื ปรับปรุง กระบวนการทำงานต่างๆ ในองค์กร ซึ่งมีความสัมพันธ์กันและส่งผลต่อเนื่องจากภายในสูภ่ ายนอกองคก์ ร กระบวนการดงั กลา่ วจะเริ่มจากการกำหนดคุณลกั ษณะสำคัญและคุณค่าทีแ่ ท้ขององคก์ ร จากนั้นพิจารณา กจิ กรรม การทำงานต่างๆทง้ั กิจกรรมหลกั และกิจกรรมสนับสนุนวา่ มอี ทิ ธิพลต่อคณุ คา่ ขององคก์ รมากน้อย เพียงใด ผลของการดำเนินงานในลักษณะน้ี จะทำให้เรามองเห็นสิ่งที่องค์กรเป็นจริงๆในปัจจุบัน ทั้งข้อดี และข้อเสีย จุดบกพร่อง เพื่อวางแนวทางพัฒนาการดำเนินงาน จนถึงพัฒนาองค์กร แน่นอนว่า Value Chain ในแตล่ ะองคก์ รยอ่ มตา่ งกนั ตามแตพ่ ันธกิจ และกระบวนการทำงานหลกั ขององค์กร ขณะที่ การสร้างคุณค่าน้ัน ตอ้ งตรงประเดน็ หากทำไปแล้วไม่มใี ครสนใจนำไปใช้ กจ็ ะเปน็ กจิ กรรม สูญเปล่าที่ไม่เพิ่มมูลค่า โดยพื้นฐานการสร้างคุณค่าเพิม่ มีสามลำดับ นั่นคือ เริ่มจากกำหนดกลุ่มลูกคา้ ให้ ชดั เจน Target Group ช้ใี หไ้ ด้วา่ เปน็ คนในกลมุ่ ใด มีลักษณะคำจำกดั ความ อาจจะเปน็ ลูกคา้ ภายในองค์กร โดยระบุข้อกำหนดกลุม่ ประเภท อายุ เพศ เชื้อชาติ ความคล้ายคลึง ลักษณะหน้าที่การงาน อาชีพ กลุ่ม อุตสาหกรรม ลำดับสอง คือ ทำการศึกษาให้รู้จัก เข้าใจในความต้องการธรรมชาติพฤติกรรมของลูกค้า กลุ่มเป้าหมาย ทำการสำรวจ ค้นหา paint point ให้ลึกซึ้ง โดยวิธีการต่างๆ โดยละเอียด และลำดับสาม คือ การพยากรณ์แนวโน้มในอนาคต เสนอทางเลือกคำตอบ หาแนวทางใหม่ Solution เพื่อตอบโจทย์ ปัญหา ให้ประสบการณ์ใหม่ที่ให้ประโยชน์ ความคุ้มค่ากว่าสิ่งที่มีอยู่ เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับระบบนิเวศท่ี ลูกค้าอาศัย ที่ธุรกิจดำเนินการอยู่ภายใต้ระบบนิเวศของคุณค่าใหม่ Drive, Create, Skip, Replace, Cancel, Uplift มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏราชนครนิ ทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรพุ งษ์ ตำบลหนา้ เมือง อำเภอเมอื ง จงั หวดั ฉะเชิงเทรา
2.3 กระบวนการวิเคราะห์ของการสรา้ งคณุ คา่ ในยคุ ดิจิทัล (Value creation) Value Creation เป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นในหลายงานวิจัยทางธุรกิจ แนวการสร้างมูลค่าของ เครอื ข่ายบรษิ ัท ชง่ึ สามารถอธบิ ายหลกั การเบ้ืองต้นได้ตามรูป ดังนี้ ภาพท่ี 1 กระบวนการวิเคราะห์ Value creation ที่มา: Value Creation and Decision-making in Sustainable Society K. Ueda (1) a,b,*, T. Takenaka a, J. Vancza (1)c,d, L. Monostori (1) c,d องค์กรจะสร้าง Value Creation จากทรัพยากรและโครงสร้างที่มอี ยู่ โดยพื้นฐานท่ีแต่ละองคก์ ร ได้แก่ เป็นทรัพยากรมนุษย์ ระบบเครือข่าย เครื่องมือ ทรัพยากรต่าง ๆ ที่มีความสำคัญในการดำเนินงาน ซึ่งจะถูกนำมาใช้ร่วมกันเพื่อพัฒนา Value Creation ที่แต่ละฝ่ายต่างได้รับผลประโยชน์ ซึ่งอาจเป็น ผลประโยชนร์ ่วมกัน หรือ ผลประโยชนแ์ บบแบง่ สรรปันส่วน ในสว่ นของการประเมนิ ผลจะมีหลายวธิ ี แต่ท่ี นิยมกนั จะเปน็ Value Driver Analysis คือ การวิเคราะห์ การขับเคล่ือนมูลค่าของกิจการ ซึง่ เป็นวิธีการท่ี ดีที่ช่วยให้องค์กร เรียนรู้ เข้าใจในการสร้าง Value ในแต่ละขั้นตอนกระบวนการ สามารถลดการสูญเสีย เสริมสร้างมูลค่าเพิ่ม รวมถึงออกแบบกิจกรรมปรับปรุงการทำงาน จนถึงการพัฒนากระบวนการทั้งหมด จนถึงขั้นตอนส่งมอบคุณค่าแก่ผู้บริโภครายสุดท้าย Value Creation จะประกอบด้วย ระบบการทำงาน ผู้ปฏิบัติงาน และ สภาพแวดล้อมในการดำเนินงาน ในการสร้างระบบ Value Creation จำเป็นต้องสร้าง ระบบให้มีความสัมพันธ์กัน ซึ่งทุกองค์ประกอบจะเสริมสร้างคุณค่าซึ่งกันและกัน หรือเรียกอีกอย่างว่า Value Co Creation โดยแบ่งระบบ และองค์ประกอบออกมา 3 ส่วนที่มีความสัมพันธ์กัน โดยมี สว่ นประกอบดังน้ี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ราชนครินทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรุพงษ์ ตำบลหนา้ เมอื ง อำเภอเมือง จังหวดั ฉะเชงิ เทรา
2.3.1 System of Society เป็นองค์ประกอบภายนอก ของธุรกิจเรา เป็นองค์ประกอบ ภายนอกที่มีความเกี่ยวเนื่องทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น economy ,politic, public, culture ,group องคป์ ระกอบภายนอกเป็นปัจจัยสำคัญอยา่ งหนงึ่ ที่ องคก์ รต้องทำความ เข้าใจ เนื่องจากปัจจัยภายนอกเป็นสิ่งท่ีควบคุมไดย้ าก แต่มีผลกระทบอยา่ งมากมายกบั โครงการ และระบบธุรกิจ 2.3.2 System of Artifact คอื ระบบการทำงานและเครอ่ื งมือ ที่องคก์ รใช้ มีทง้ั สนิ ทรพั ย์ทีจ่ ับ ต้องได้ (Tangible Asset) และ จับต้องไม่ได้ (Intangible Asset) เช่น กระบวนการผลิต เคร่ืองมือต่างๆ ระบบเครอื ขา่ ย ระบบดงั กล่าว บางครั้งก็เป็นต้นทนุ ในการทำงาน ทีห่ ลาย องค์กรมิได้นำมาคำนวณค่าใช้จ่าย System of Artifact เป็นหัวใจสำคัญในการสร้าง ความยั่งยืน เนื่องจากระบบการทำงาน และเครื่องมือ ต่าง ๆ จะเป็นศูนย์กลางในการ ประสานงานของ ระบบธุรกิจโดยรวม เชื่อมโยงการทำงานและควบคุมปัจจัยทั้งภายใน และภายนอก เครอื่ งมอื ทีส่ ร้างขนึ้ นอกจากช่วยควบคมุ กระบวนการสร้าง value แล้ว ยัง ช่วยควบคุมกระบวนการจัดการความรู้ และการสือ่ สารตา่ งๆ ทส่ี ำคัญในองคก์ รด้วย 2.3.3 System of Human ทรัพยากรมนุษย์ ในที่นี้มิได้หมายถึงตัวบุคลากรเพียงอย่างเดียว แต่ยังหมายถึงระบบและเครื่องมือต่างๆที่ใช้กับบุคลากรด้วย เช่น การอบรม การถ่ายทอดความรู้ กระบวนการน้จี ะเกี่ยวข้องกบั การบรหิ ารทรพั ยากรมนุษย์ และการจดั การความรู้ในองคก์ รนัน่ เอง เอกสารอ้างอิง ชุติมา เกศดายุรัตน์. (2560). การสร้างคุณค่าร่วมกันและกลยุทธก์ ารบริหารความสัมพันธ์บนส่อื สังคมออนไลน์. BU Academic Review. ปีท่ี 18 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม – มิถุนายน 2562. พรพจน์ ลีลาพรชัย. (2560). การศึกษาปัจจัยความสำเร็จในการสร้าง Value Creation สำหรับ Startup และ SME ในธรุ กิจความรูเ้ ขม้ ขน้ KIBS. วทิ ยานพิ นธ์ วทิ ยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวชิ าการบริหารเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์. มหาวทิ ยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรพุ งษ์ ตำบลหน้าเมอื ง อำเภอเมอื ง จังหวดั ฉะเชิงเทรา
ตอนที่ 3 การสรา้ งเครือข่าย สู่การพัฒนา Strong Foundation ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1970 เป็นต้นมา แนวคิดเร่ือง “เครือข่าย” ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ทั้งในแวดวงงานพัฒนาและภาคธุรกิจ ท้ังนี้อาจสืบเนืองมาจากสาเหตุ 3 ประการ คือ ภาวการณ์ แข่งขันแบบใหม่ (New Competition) ในยุคการค้าใหม่ ทำให้ไม่สามารถใช้โครงสร้างและการบริหาร จัดการแบบเก่าซึ่งเป็นแบบอำนาจตามลำดับช้ัน (Hierarchical) ได้อีกต่อไป อำนาจแนวด่ิงไม่อาจนำ องคก์ าร ใหไ้ ปสู่เป้าหมายในยคุ ใหมน่ ีไ้ ดจ้ งึ ต้องมกี ารปรบั ความสมั พันธใ์ หเ้ ป็นแนวนอน ให้ เปน็ “เครอื ข่าย” ประการทีสองความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีข่าวสาร (IT) ทำให้องค์การต่างๆ สามารถปรับตัวเองและมี ปฏิสัมพันธ์กับองค์การอ่ืนๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ และ ประการสุดท้ายความก้าวหน้าทาง วิชาการที่ก่อใหเ้ กดิ เครื่องมอื ในการวิเคราะห์โครงสร้างสงั คมใน ลกั ษณะทเี่ ป็นเครอื ขา่ ย และองค์การต่างๆ ล้วนมีลักษณะเปน็ เครอื ข่ายทั้งภายในตวั มันเองและใน ความสัมพนั ธ์กับองค์การภายนอก 3.1 ความหมายของเครือขา่ ย (Network) Mitchell (1968: 2) ได้ให้ความหมายว่า เครือข่ายหมายถึง ความสัมพันธ์ทั้งทางตรงและ ทางออ้ มระหว่างบุคคลหน่ึงกับบุคคลอ่ืนๆ ท่อี ยรู่ อบขา้ งลักษณะของความสัมพนั ธ์นี้สามารถนำมา อธิบาย ถึงพฤติกรรมของบุคคลท่ีอยู่ในเครือข่ายน้ันได้เครือข่ายจึงเป็นกรอบแนวความคิดทีใช้ในการศึกษาถึง ความสัมพันธต์ ลอดจนพฤตกิ รรมของบุคคลตา่ งๆ ทอ่ี ยใู่ นสังคม Starkey (1997: 14) ได้ให้ความหมายของคำว่า “เครือข่าย” ดังนี้ (Network) คือการรวมกลุ่ม ของปัจเจกชน หรือองคก์ าร โดยสมัครใจ โดยมีการแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสารหรอื ดำเนินกิจกรรม ร่วมกัน ในขณะท่ีแต่ละองค์การก็มีการจัดการของตัวเองอย่างเต็มที่ กล่าวคือเครือข่ายไม่ได้มีผลต่อการปกครอง ตนเอง (Autonomy) และอสิ ระ (Interdependence) ของสมาชิก อน่งึ การสร้างเครือข่าย (Networking) คอื - การทำให้มีการติดต่อ สนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและการร่วมมือกัน ด้วยความสมคั รใจ - การสร้างเครือข่ายควรสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้สมาชิกใน เครือข่ายมี ความสัมพนั ธ์กนั ฉนั ท์เพอ่ื นทต่ี า่ งกม็ ีความเป็นอสิ ระมากกว่า สรา้ งการคบคา้ สมาคมแบบพงึ่ พิง - การสร้างเครือข่ายต้องไม่ใช่การสร้างระบบติดต่อด้วยการเผยแพร่ ข่าวสารแบบทาง เดียว แตจ่ ะตอ้ งมกี ารแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสารระหว่างกนั ด้วย มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครนิ ทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรพุ งษ์ ตำบลหน้าเมอื ง อำเภอเมือง จงั หวดั ฉะเชงิ เทรา
ดังนั้น สามารถสรุปได้ว่า เครือข่ายหมายถึง การประสานความร่วมมือระหว่างบุคคล กลุ่ม และ องคก์ ารท่ีมีกจิ กรรมคล้ายคลึงกนั และเชื่อมโยงขยายผลการทำงานหรือแนวคิดไปสู่กลมุ่ หรือ องค์การอื่นๆ เพื่อเสริมสร้างพลังในการแก้ปัญหาและเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ โดยผ่านกระบวนการ แลกเปลย่ี นการเรียนรู้ ระหวา่ งกัน การมีสว่ นร่วม การทำกิจกรรมร่วมกนั ช่วยเหลอื กันโดยการ ตดิ ตอ่ อาจทำได้ท้ังที่ผ่านศูนยก์ ลาง แมข่ ่ายหรือแกนนำ หรืออาจจะไม่มแี ม่ข่ายหรอื แกนนำแตจ่ ะทำการติดต่อโดยตรงระหวา่ งกลุม่ ซึ่งจะมีการ จัดรูปแบบหรือจัดระเบียบโครงสร้างที่คนหรืองค์การ สมาชิกยังคงมีความเป็นอิสระ โดยที่อาจมีรูปแบบ การรว่ มตัวแบบหลวมๆ เฉพาะกจิ ตามความจำเป็นหรอื เปน็ โครงสร้างที่มีความสัมพันธช์ ัดเจน เพ่อื นำไปสู่ เปา้ หมายและวธิ กี ารทำงานรว่ มกัน ให้บรรลุวตั ถปุ ระสงค์และเป้าหมายในการทำงานร่วมกัน 3.2 ประเภทของเครือขา่ ย และรูปแบบของเครอื ขา่ ยทางสังคม ไดแ้ บง่ ประเภทของเครือขา่ ยตามหลักเกณฑ์ทน่ี ยิ มใช้กนั ท่วั ไป ดงั น้ี 3.2.1 แบ่งตามความซับซ้อนของกลไกการทำงาน โดยพิจาณาจากความซับซ้อนในการรวมตัว และขยายตัวของสมาชิกจากความซับซ้อนน้อยแล้วเพิ่มความซบั ซ้อนมากขึ้นตามลำดับ แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คอื 1) เครอื ขา่ ยชั้นเดยี ว เปน็ เครอื ขา่ ยท่ีเกดิ จากการรวมตัวของ สมาชิกเพียงระดับเดียว โครงสร้างไม่มีความซับซอ้ นมากนัก 2) เครือข่ายหลายช้ัน เป็น เครอื ข่ายท่ีสมาชกิ รวมกนั ในลกั ษณะของการขยายเครอื ขา่ ยออกไปหลายระดับหรือหลาย ชัน้ ซึ่งจะมีความซับซ้อนท่ีหลายระดับ 3.2.2 การแบง่ ตามสถานภาพและบทบาทของสมาชิกแบ่งออกเปน็ 2 ประเภท คือ 1) เครือข่าย แนวนอน (Horizontal Network) เป็นเครอื ข่ายที่สมาชิกมลี ักษณะคล้ายคลึงกัน เมอื่ รวม เปน็ เครือข่ายจะมตี ำแหน่ง และหน้าที่ทัดเทยี มกัน ไมม่ ีใครมีอำนาจเหนือกว่าใคร แต่ต่าง นำศักยภาพของตนมาใช้ในการดำเนินงานของเครือข่ายอย่างเต็มที่ 2) เครือข่ายแนวต้ัง (Vertical Network) เป็นเครอื ขา่ ยที่สมาชิกมลี ักษณะแตกต่างกัน เม่ือรวมเป็นเครือข่าย สมาชิกจะมีตำแหน่ง หน้าท่ีแตกต่างกันออกไป เช่นสมาชิกแกนนำ สมาชิกธรรมดา สมาชิกสมทบ เป็นต้น 3.2.3 การแบ่งตามระดับการรวมตัวกันของสมาชิก เป็นการแบ่งประเภทของเครือข่าย ตามลักษณะการรวมตัวกันเป็นเครือข่ายของสมาชิก ซึ่งมีระดับแตกต่างกนั ออกไปหลาย ระดับ คือ 1) เครือข่ายระดับบุคคลเป็นเครือข่ายที่สมาชิกประกอบด้วยบุคคลต่างๆ มา รวมกนั เป็นเครือข่าย เช่น เครอื ญาติ เพอ่ื นบ้าน บุคคลทป่ี ระกอบอาชพี เดียวกัน เป็นต้น 2) เครือข่ายระดบั กลุ่มหรือ องค์การ เป็นเครือข่ายที่สมาชิกเกิดจากการรวมตัวของกล่มุ หรือองค์การไม่ใช่บุคคล เช่น ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรจังหวัดสงขลา เครือข่ายกองทุน หมูบ่ า้ นระดบั ต่างๆ เครือข่ายมหาวิทยาลยั ในจงั หวัดสงขลา สหภาพแรงงานแห่งประเทศ ไทย เป็นต้น 3) เครือข่ายระดับบุคคลกับกลุ่มหรือองค์การ เป็นเครือข่ายที่สมาชิก มหาวทิ ยาลัยราชภฏั ราชนครินทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรพุ งษ์ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จงั หวดั ฉะเชงิ เทรา
ประกอบด้วย บุคคลต่างๆ กับกลุ่ม หรือองค์การ ซึงเป็นคนละระดับกัน 4) เครือข่าย ระดับชุมชนต่างๆ เป็นเครือข่ายที่สมาชิก ประกอบด้วยชุมชนขนาดต่างๆ เช่น ระดับ หมู่บา้ น ระดับตำบล ระดับอำเภอ ระดับจังหวดั ระดับเมอื งกับเมือง ประเทศต่อประเทศ เป็นต้น หรือสมาชิกอาจจะประกอบด้วยชุมชนขนาดเดียวกัน หรือต่างขนาดก็ได้ 5) เครอื ข่ายระดับสถาบัน เป็นเครอื ขา่ ยทส่ี มาชิกประกอบดว้ ยสถาบันประเภท เดยี วกนั เช่น สถาบันครอบครัวกับสถาบันครอบครัว เช่น สถาบัน ครอบครัวกับสถาบันทางศาสนา เป็นต้น ยิง่ ไปกวา่ นน้ั เครือข่ายยงั แบง่ ออกเป็น 3 ลักษณะ ดงั นี้ • เครอื ขา่ ยทีเ่ กิดข้นึ เองโดยธรรมชาติ • เครอื ข่ายจัดต้งั • เครอื ข่ายววิ ฒั นาการ 1) เครือข่ายทีเ่ กดิ ขึน้ เองโดยธรรมชาติ - เกิดจากการทผี่ ู้คนมใี จตรงกนั ทำงานคล้ายคลงึ กัน หรือประสบกับปญั หาเดียวกนั มาก่อนเขา้ มารวมตัวกนั - แลกเปลย่ี นความคิดและประสบการณร์ ว่ มกนั แสวงหาทางเลอื กใหมท่ ่ดี กี ว่า - การดำรงอยขู่ องกลมุ่ สมาชิกในเครอื ข่ายเปน็ แรงกระตนุ้ ท่เี กิดขึ้นภายในตัวสมาชิกเอง - เครอื ข่ายนม้ี ักเกิดข้นึ ในพน้ื ที่ อาศัยความเป็นเครอื ญาติ เป็นคนในชมุ ชน หรอื มาจาก ภมู ลิ ำเนาเดียวกัน วัฒนธรรมความเป็นอย่คู ลา้ ยคลงึ กนั - อยู่รวมกันเป็นกลุม่ โดยจดั ตั้งเป็นชมรมท่ีมีกิจกรรมร่วมกันกอ่ น เม่อื มีสมาชกิ เพ่ิมข้นึ จึง ขยายพนื้ ท่ีดำเนินการออกไป หรอื มกี ารขยายเป้าหมาย/วัตถุประสงคม์ ากขน้ึ - อยู่รวมกนั เปน็ กลุ่มโดยจัดตัง้ เป็นชมรมทม่ี ีกิจกรรมร่วมกนั ก่อน เม่ือมสี มาชกิ เพิ่มขน้ึ จงึ ขยายพื้นทดี่ ำเนินการออกไป หรอื มีการขยายเปา้ หมาย/วัตถปุ ระสงค์มากขนึ้ 2) เครอื ขา่ ยจัดตงั้ - มกั จะมคี วามเกี่ยวพนั กบั นโยบายหรือการดำเนินงานของภาครัฐ อยู่ใน กรอบความคดิ เดิมทใี่ ชก้ ลไกของรัฐผลกั ดนั ใหเ้ กดิ งานทีเ่ ป็นรปู ธรรม โดยเรว็ - ส่วนมากสมาชกิ ที่เขา้ รว่ มเครอื ขา่ ยมกั จะไมไ่ ดม้ พี ื้นฐานความต้องการ ความคิด ความ เข้าใจ หรอื มุมมองในการจดั ตั้งเครือข่ายทีต่ รงกันมากอ่ นทีจ่ ะเขา้ มารวมตัวกนั - เปน็ การทำงานเฉพาะกิจชวั่ คราวที่ไมม่ คี วามตอ่ เน่อื ง และมักจะจางหายไป ในที่สุด - แมว้ ่ากลุ่มสมาชิกจะยงั คงรักษาสถานภาพของเครือขา่ ยไว้ได้ แตม่ แี นวโน้ม ทจ่ี ะลด ขนาดของเครือข่ายลงเม่อื เปรียบเทียบระยะก่อต้ัง มหาวทิ ยาลัยราชภัฏราชนครนิ ทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรพุ งษ์ ตำบลหนา้ เมือง อำเภอเมอื ง จงั หวดั ฉะเชงิ เทรา
3) เครอื ข่ายววิ ัฒนาการ - เป็นการถือกำเนิดโดยไม่ได้เป็นไปตามธรรมชาติและไม่ได้เกิดจากการจัดตั้งโดยตรง มกี ระบวนการพฒั นาผสมผสานอยู่ - เริ่มที่กลุ่มบุคคล/องค์กรมารวมกันด้วยวัตถุประสงค์กว้างๆ ในการสนับสนุนกันและ เรียนรู้ไปด้วยกนั โดยยังไม่ได้สร้างเป้าหมายหรอื วัตถุประสงค์เฉพาะที่ชัดเจนนัก หรือ อีกลักษณะหนึ่งคอื ถูกจุดประกายความคิดจากภายนอก ไม่ว่าจะเป็นการได้รับฟัง หรือ การไปได้เห็นการดำเนินงานของ เครอื ข่ายอ่ืนๆมา แล้วเกิดความคดิ ทจ่ี ะรวมตัวกัน - สร้างพันธสัญญาเป็นเครือข่ายช่วยเหลือและพัฒนาตนเอง เครือข่ายนี้แม้จะไม่ได้เกิด จากแรงกระตุ้นภายในโดยตรงตั้งแต่แรก แต่ถ้าสมาชิกมีความตั้งใจจริงที่เกิดจาก จิตสำนึกที่ดี เมื่อได้รบั การกระตุ้นและสนบั สนุน กจ็ ะสามารถพฒั นาต่อไปจนกลายเป็น เครือข่ายทเี่ ข้มแขง็ เหมือนกับเครือข่ายที่ เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ - เครือข่ายในลักษณะนี้พบเหน็ อยู่มากมาย เช่น เครือข่ายผู้สูงอายุ เครือข่ายโรงเรยี น สรา้ งเสริมสขุ ภาพ 3.3 แนวทางการสร้างและพัฒนาเครือขา่ ยความร่วมมอื (Net-working) เครือข่ายความร่วมมือ เป็นกระบวนการของการเข้าร่วมมือกันเพื่อพัฒนาหรือจัดกิจกรรมที่ กลุ่มบุคคล หรือองค์กรสนใจร่วมกันเครือข่ายความร่วมมือ จะนำไปสู่พลังในการจัดการกับปัญหา ทั้งใน ระดับท้องถิ่นและสังคมโดยส่วนรวม ความร่วมมือในลักษณะดังกล่าวน้ีได้ก่อตัวความเคลื่อนไหว และ พฒั นากว้างขวางออกไป เช่น เครือขา่ ยเกษตรกร เครือข่ายส่ิงแวดล้อม เปน็ ตน้ 3.3.1 ลกั ษณะสำคญั ของเครอื ข่ายความร่วมมือ มีลักษณะ ดังตอ่ ไปน้ี - มีองค์กร กลุ่ม หรือบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเข้าร่วมมือกันเพื่อให้บรรลุประสงค์ที่มี ร่วมกัน - มกี ารปฏสิ ัมพันธ์ซึ่งกันและกนั - จัดกระบวนการของความรว่ มมือเพื่อให้สามารถนำ เอาวัตถปุ ระสงค์และเป้าหมาย ที่มี รว่ มกนั ไปส่กู ารปฏิบตั ิให้บรรลผุ ล คุณลักษณะสำคัญดังกล่าว จะส่งเสริมให้องค์กรมีความเข้มแข็ง เพราะแทนที่จะคิดคน เดียว ทำกิจกรรมคนเดียว เครือข่ายจะทำให้เกิดการรวมกลุ่มกันทำกิจกรรมตามลักษณะความสนใจ เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลขา่ วสาร ประสบการณ์ สร้างความชำนาญในการทำงาน ระดมสรรพกำลังจัด โครงสร้างองค์กรความร่วมมือ และกระบวนการภายใต้ความร่วมมือ จัดกติกา มารยาทเพื่อให้ความ เคล่ือนไหวมีพลงั สังคมมีการแลกเปล่ียนทัศนะ สรา้ งโอกาสในการเข้าถึง ข้อมลู ขา่ วสาร และการมีส่วน รว่ ม ซึ่งกระบวนการพฒั นาเชน่ นม้ี คี วามจำเปน็ มากทั้งในปจั จุบนั และในอนาคต มหาวทิ ยาลัยราชภฏั ราชนครนิ ทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรุพงษ์ ตำบลหนา้ เมือง อำเภอเมอื ง จงั หวดั ฉะเชงิ เทรา
ก า ร สร ้ า ง แ ละ พ ั ฒ น า เ คร ื อ ข ่ า ย คว า ม ร ่ ว ม ม ื อ จ ึ ง เ ป ็ น อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ส ำ คั ญ ห น ึ ่ ง ใ น กระบวนการเสรมิ สร้างชุมชนใหเ้ ข้มแข็ง ขบวนการประชาคม ประชาสังคม ไดส้ รุปให้เห็นขน้ั ตอนการสร้าง และพฒั นาเครือข่าย ดงั นี้ ขน้ั ที่ 1 การร่วมกนั กำหนดจดุ มงุ่ หมายของเครือข่าย ขั้นที่ 2 การตงั้ เป้าหมายและวตั ถปุ ระสงค์ ขั้นท่ี 3 การสรา้ งและพฒั นาแผนปฏบิ ตั ิ ขนั้ ที่ 4 สง่ เสรมิ บทบาทและกระบวนการตัดสนิ ใจของแตล่ ะกลุ่ม ขน้ั ท่ี 5 พฒั นากระบวนการตดิ ต่อสอ่ื สาร ขั้นท่ี 6 พัฒนาโครงสรา้ งเครือข่ายความร่วมมือ ขน้ั ท่ี 7 การพัฒนาทรพั ยากรและแหลง่ ทนุ ของเครือขา่ ย 3.3.2 องค์ประกอบของเครอื ข่าย มดี ังน้ี ▪ มกี ารรับรแู้ ละมุมมองท่ีเหมือนกัน (common perception) ▪ การมีวิสัยทศั นร์ ว่ มกนั (common vision) ▪ มีความสนใจหรอื มีผลประโยชนร์ ่วมกัน (mutual interests/benefits) ▪ การมีสว่ นรว่ มของสมาชิกในเครือขา่ ย (stakeholders participation) ▪ มีการเสรมิ สร้างซ่ึงกันและกัน (complementary relationship) ▪ มกี ารเกือ้ หนนุ พง่ึ พากนั (interdependent) ▪ มีปฏิสัมพนั ธก์ นั ในเชิงแลกเปล่ยี น (interaction) 1) มกี ารรบั ร้แู ละมมุ มองที่เหมอื นกนั (common perception) - ต้องมคี วามรสู้ กึ นึกคิดและการรับรูเ้ หมือนกนั ถงึ เหตุผลในการเข้ามาร่วมกันเป็น เครอื ขา่ ย เชน่ มคี วามเขา้ ใจในตัวปญั หาและมีจิตสำนกึ ในการแกไ้ ขปัญหารว่ มกนั ประสบกบั ปญั หาอย่าง เดยี วกันหรอื ตอ้ งการความช่วยเหลือในลกั ษณะทีค่ ลา้ ยคลึงกนั - ซึ่งจะส่งผลให้สมาชิกของเครือข่ายเกิดความรู้สึกผูกพันในการดำเนินกิจกรรม รว่ มกัน เพ่อื แกป้ ัญหาหรือลดความเดอื ดรอ้ นท่ีเกิดข้ึน - การรับรู้ร่วมกันถือเป็นหัวใจของเครือข่ายที่ทำให้เครือข่ายดำเนินไปอย่าง ตอ่ เนื่อง - สมาชิกของเครือข่ายอาจจะมีความเห็นที่ต่างกันได้ เพราะช่วยให้เกิดการ สรา้ งสรรค์ในการทำงาน แต่ความแตกต่างนน้ั ตอ้ งอยู่ในสว่ นของกระบวนการภายใตก้ ารรับรถู้ ึง ปัญหาท่ี สมาชิกทุกคนยอมรับแลว้ มฉิ ะนนั้ ความเหน็ ทต่ี ่างกันจะนำไปสู่ความแตกแยก และแตกหักในทส่ี ุด มหาวทิ ยาลัยราชภฏั ราชนครินทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรพุ งษ์ ตำบลหนา้ เมือง อำเภอเมือง จังหวดั ฉะเชิงเทรา
2) การมีวิสัยทศั นร์ ว่ มกัน (common vision) - สมาชกิ มองเหน็ จุดม่งุ หมายในอนาคตท่เี ป็นภาพเดียวกนั - มีการรับรูแ้ ละเข้าใจไปในทศิ ทางเดียวกัน และมีเป้าหมายท่ีจะเดินทางไป ด้วยกัน เพื่อให้กระบวนการขับเคลื่อนเกิดพลัง มีความเป็นเอกภาพ และ ช่วยผ่อนคลายความขัดแย้งอัน เนื่องมาจากความคิดเห็นทีแ่ ตกต่างกนั - ถ้าสมาชิกมีวิสัยทัศน์ส่วนตัวอยู่แล้ว ก็ต้องปรับให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ ของ เครือข่ายให้มากที่สุดแม้จะไม่ซ้อนทับกันแนบสนิทจนเป็นภาพเดียวกัน แต่อย่างน้อยก็ควรสอดรับไปใน ทศิ ทางเดยี วกนั 3) มคี วามสนใจหรือมผี ลประโยชน์ร่วมกนั (mutual interests/benefits) - ครอบคลมุ ท้งั ผลประโยชนท์ ่ีเป็นตวั เงินและผลประโยชนไ์ ม่ใชต่ ัวเงนิ - ถ้าการเข้าร่วมในเครือข่ายสามารถตอบสนองต่อความต้องการหรือ มีผลประโยชนร์ ่วมกัน กจ็ ะเป็นแรงจูงใจให้เขา้ มามสี ว่ นรว่ มในเครอื ขา่ ยมากขึน้ - ลักษณะของผลประโยชนท์ ี่สมาชิกแต่ละคนจะได้รับอาจแตกต่างกัน แต่ควร ต้องให้ ทกุ คนและตอ้ งเพียงพอท่จี ะเป็นแรงจูงใจให้เขาเขา้ มสี ว่ นร่วมในทางปฏิบัตไิ ดจ้ ริง - พึงระลกึ ว่า เมือ่ ใดก็ตามที่สมาชิกเห็นว่าเขาเสยี ประโยชนม์ ากกว่าได้ หรือ เม่ือเขาได้ ในสิง่ ที่ต้องการเพียงพอแลว้ สมาชกิ เหล่านัน้ กจ็ ะออกจาก เครือข่ายไปในทีส่ ดุ 4) การมสี ว่ นรว่ มของสมาชกิ ในเครอื ข่าย (stakeholders participation) - เป็นกระบวนการท่สี ำคัญมากในการพัฒนาความเข้มแขง็ ของเครอื ขา่ ย - เป็นเงื่อนไขที่ทำให้เกิดการร่วมรบั รู้ ร่วมคิด ร่วมตัดสินใจ และร่วมลงมือกระทำอย่าง เข้มแขง็ - สถานะของสมาชิกในเครือขา่ ยควรมีความเทา่ เทียมกัน ทุกคนอยู่ในฐานะ “หุ้นส่วน” ของเครอื ขา่ ย - เป็นความสัมพันธ์ในแนวราบ (horizontal relationship) คือ ความสัมพนั ธ์ฉนั ท์เพ่ือน มากกวา่ ในลกั ษณะเจ้านายลูกน้อง 5) มกี ารเสรมิ สรา้ งซึ่งกนั และกนั (complementary relationship) - การทีส่ มาชกิ ของเครอื ขา่ ยต่างกส็ รา้ งความเข้มแข็งให้กันและกัน - นำจดุ แขง็ ของฝ่ายหนึ่งไปชว่ ยแก้ไขจุดอ่อนของอีกฝ่ายหนงึ่ แลว้ ทำใหไ้ ด้ผลลัพธ์เพ่ิมข้ึน ในลกั ษณะพลงั ทวคี ณู (1+1>2) มากกวา่ ผลลพั ธ์ที่ เกดิ ข้นึ เมอื่ ตา่ งคนต่างอยู่ มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครนิ ทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรุพงษ์ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมอื ง จังหวดั ฉะเชงิ เทรา
6) มกี ารเกอ้ื หนนุ พงึ่ พากนั (interdependent) - การที่สมาชกิ เครือขา่ ยตกอยู่ในสภาวะจำกัดทง้ั ดา้ นทรัพยากร ความรู้ เงนิ ทนุ กำลังคน ไมส่ ามารถทำงานใหบ้ รรลเุ ป้าหมายอยา่ งสมบรู ณไ์ ด้ ด้วยตนเองโดยปราศจากเครือข่ายจำเปน็ ต้องพ่ึงพาซึ่ง กนั และกนั - การทำให้หุ้นส่วนของเครือข่ายยึดโยงกันอย่างเหนยี วแน่นจึงจำเป็นต้องทำให้หุ้นสว่ น แตล่ ะคนรูส้ กึ วา่ หากเอาหุ้นสว่ นคนใดคนหนึ่งออกไปจะทำให้ เครอื ข่ายลม้ ลงได้ - การดำรงอยู่ของหุ้นส่วนแต่ละคนจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำรงอยู่ของเครือข่าย การเกอ้ื หนนุ พึง่ พากนั ในลกั ษณะนจี้ ะส่งผลให้สมาชกิ มี ปฏิสมั พันธร์ ะหว่างกนั โดยอตั โนมตั ิ 7) มีปฏิสัมพันธ์กนั ในเชงิ แลกเปลีย่ น (interaction) - สมาชิกในเครือข่ายต้องทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อก่อให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ ระหว่างกัน เช่น มีการตดิ ต่อกันผา่ นทางการเขียน การพบปะพูดคยุ การ แลกเปล่ยี นความคิดเห็นซง่ึ กันและกัน หรือมี กจิ กรรมประชุมสัมมนา ร่วมกนั โดยท่ผี ลของการปฏิสัมพนั ธ์น้ีตอ้ งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใน เครือข่าย ตามมา - ลักษณะของปฏิสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกควรเป็นการแลกเปลี่ยนกัน มากกว่าที่จะเป็น ผ้ใู หห้ รือเป็นผรู้ ับฝ่ายเดียว - ยิ่งสมาชิกมีปฏิสัมพันธ์กันมากเท่าใดก็จะเกิดความผูกพันระหว่างกันมาก ขึ้นเท่านั้น ทำให้การเช่อื มโยงแนน่ แฟ้นมากขึน้ มกี ารเรียนรู้ระหวา่ งกนั มาก ขน้ึ สรา้ งความเขม้ แขง็ ให้กบั เครือข่าย 3.3.3 องค์ประกอบที่สำคัญและมผี ลตอ่ ความสำเร็จของเครอื ขา่ ย ผลจากการศึกษาและพัฒนาเครือข่ายนอกจากขั้นตอนที่สำคัญแล้ว องค์ประกอบอัน เป็นปัจจัยทางการบริหารท่สี ำคญั และส่งผลตอ่ ความสำเรจ็ ของเครอื ข่ายมี ดังตอ่ ไปนี้ 1) กระบวนการติดต่อสื่อสาร จะต้องมีความสม่ำเสมอ ส่งเสริมให้เกิดการ แลกเปลี่ยน ข้อมูลข่าวสาร เทคนคิ ประสบการณ์ ตลอดจนมีการพัฒนาอย่างตอ่ เน่ือง และมีการ สรุปความก้าวหน้า ในผลการดำเนนิ กจิ กรรมของสมาชกิ และเครอื ขา่ ย 2) การพจิ ารณาถงึ ความตอ้ งการของมวลสมาชกิ เครอื ข่าย การได้แลกเปล่ยี นทัศนะมุมมอง ต่อการพัฒนาหรือเป้าหมายของกจิ กรรมในความร่วมมอื ตลอดจนขบวนการตัดสินใจร่วมใจในการกำหนด เป้าหมาย และวัตถุประสงค์ เพือ่ ใหส้ มาชกิ สามารถแปลงไปสู่การปฏบิ ตั แิ ละ ประสานความรว่ มมือได้ 3) องคก์ รความร่วมมอื และโครงสรา้ งเครอื ขา่ ยมีประสิทธิภาพ ตอบสนองต่อการ ประสาน ความร่วมมอื โดยลักษณะขององค์กรความรว่ มมือสามารถปอ้ งกันการแทรกแซงจาก องค์กรใดองค์กรหนง่ึ และลดปัญหาความขดั แยง้ ตลอดจนสรา้ งการมีสว่ นรว่ มอย่างเทา่ เทียมและ ท่วั ถึงได้ 4) ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมบทบาทและการตัดสินใจ ขั้นดำเนินการของมวล สมาชิก เพือ่ สร้างสรรคน์ วตั กรรมใหมๆ่ และสรา้ งบรรทัดฐานในความร่วมมือ 5) มีการพัฒนาและระดมทรัพยากรอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนแผนในการพัฒนาและ ระดม ทรพั ยากรมีประสทิ ธิภาพ 6) มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธบ์ าทของเครือข่ายและมวลสมาชิกเพื่อระดมความ ร่วมมือ และสรา้ งความเขา้ ใจในการดำเนินงานทัง้ แกม่ วลสมาชกิ และประชาชนทัว่ ไป มหาวทิ ยาลัยราชภฏั ราชนครินทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรพุ งษ์ ตำบลหน้าเมอื ง อำเภอเมือง จังหวดั ฉะเชงิ เทรา
3.4 การพัฒนาเครือข่ายเพื่อความยั่งยืน ในยุคดิจิทัล (Net-working development for sustainable) - สมาชกิ ท่ีเข้ารว่ ม ต้องเขา้ ใจเป้าหมายในการรวมตวั กนั ว่าจะกอ่ ใหเ้ กิด ความสำเร็จในภาพรวม - สร้างการยอมรับในความแตกต่างระหว่างสมาชิก ยอมรับในรูปแบบและ วัฒนธรรมองค์กรของ สมาชิก - มีกิจกรรมสม่ำเสมอและมากพอที่จะทำให้สมาชิกได้ทำงานร่วมกัน กระจายงานได้ทั่วถึง ควร เลอื กกจิ กรรมทีง่ ่ายและมแี นวโนม้ ประสบ ผลสำเร็จ - จัดใหม้ ีและกระตุ้นให้มกี ารสอื่ สารระหว่างกนั อย่างทัว่ ถงึ และสม่ำเสมอ - สนับสนนุ สมาชกิ ทุกกลุ่ม และทุกด้านที่ตอ้ งการความช่วยเหลือ เนน้ การชว่ ยเหลือกลุ่มสมาชิกที่ ยงั อ่อนแอให้สามารถช่วยตนเองได้ - สรา้ งความสมั พันธ์ของบคุ ลากรในเครือขา่ ย - สนับสนุนให้สมาชิกได้พัฒนางานอย่างเต็มกำลังตามศักยภาพและความชำนาญที่มีอยู่ โดย ร่วมกันตั้งเป้าหมายในการพัฒนางานให้กับสมาชิกแต่ละกลุ่ม ส่งผลให้สมาชิกแต่ละกลุ่มมีความสามารถ พิเศษเฉพาะดา้ น เปน็ พนื้ ฐานในการสร้างความหลากหลาย และเข้มแข็งใหก้ ับเครอื ขา่ ย - สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ระหว่างบุคลากรทุกระดับของสมาชิกในเครือข่ายใน ลักษณะ ความสัมพันธฉ์ นั ท์เพอ่ื น - จัดกิจกรรมให้สมาชิกใหม่ของเครือข่าย เพื่อเชื่อมต่อคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ในการ สืบทอดความเป็นเครอื ขา่ ยต่อไป - จัดใหม้ ีเวทรี ะหว่างคนทำงานเพ่อื พัฒนาหรอื แก้ปญั หาในการท างานด้านตา่ งๆ อย่าง สม่ำเสมอ รวมทั้งการใหก้ ำลังใจซ่งึ กันและกนั - จัดให้มีช่องทางการทำงานร่วมกัน การสื่อสารที่ง่ายต่อการเข้าถึงที่ทันสมัยและเป็น ปัจจุบัน เช่น สร้างระบบการส่งตอ่ งาน และสรา้ งเว็บไซต์เชอื่ มโยงเครอื ขา่ ยเข้าด้วยกัน 3.4.1 การรกั ษาเครอื ข่าย หลกั การรกั ษาความสำเรจ็ ของเครือขา่ ย มีดังน้ี 1. มกี ารจัดกิจกรรมรว่ มท่ดี ำเนนิ อยา่ งตอ่ เนือ่ ง 2. มกี ารรกั ษาสัมพนั ธภาพท่ดี รี ะหว่างสมาชิกเครือข่าย 3. กำหนดกลไกสรา้ งระบบจงู ใจ 4. จดั หาทรัพยากรสนบั สนนุ เพยี งพอ 5. ให้ความชว่ ยเหลือและชว่ ยแกไ้ ขปัญหา 6. มกี ารสรา้ งผ้นู ำรนุ่ ใหมอ่ ย่างต่อเนื่อง มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ราชนครินทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรพุ งษ์ ตำบลหนา้ เมอื ง อำเภอเมือง จงั หวดั ฉะเชงิ เทรา
เอกสารอา้ งองิ พระดาวเหนอื บตุ รสที า. (2557). การสร้างเครือขา่ ยและการจัดการเครอื ข่ายในการเผยแผพ่ ระพุทธศาสนา ของ ชุมชนบ้านพบธรรมนําสุข อําเภอทุ่งเสลียม จังหวัดสุโขทัย. วิทยานิพนธ์ ศิลปศาสตรมหา บณั ฑติ สถาบนั บณั ฑติ พัฒนบรหิ ารศาสตร์. การสรา้ งเครอื ขา่ ย (Networking). สืบค้นเมอื่ 25 มถิ ุนายน 2564, จาก http://www.loei.go.th/TH/attachments/article/5516/KM%20%E0%B8%81%E0%B8 %B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8% 87%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%82 %E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%20(Networking).pdf มหาวทิ ยาลัยราชภฏั ราชนครินทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรพุ งษ์ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวดั ฉะเชิงเทรา
ตอนที่ 4 การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และการสร้างนวัตกรรม 4.1 ความหมายความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) และ นวัตกรรม (innovation) ความคดิ สร้างสรรค์ (Creativity) และนวัตกรรม (innovation) มีผูใ้ ชอ้ ยา่ งแพรห่ ลายและมีการใช้ สลับกนั ไปมา หรอื ใชใ้ นความหมายเดียวกันกต็ าม แต่มโนทศั นข์ องความคดิ สร้างสรรคม์ ีความโดดเด่นและ ชัดเจนแตกต่างจากแนวความคิดของนวัตกรรม (Howkins, 2008: 25) โดยที่ความคิดสร้างสรรค์ เป็น กระบวนการระดับบุคคลหรือทีม ในขณะที่นวัตกรรมคือ กระบวนการระดับองค์กรเป็นความสำเร็จของ องค์กรการนำความคิดสร้างสรรค์ไปปฏิบัติ ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) มีผู้นิยามความหมายไว้ แตกต่างหลากหลาย ดังนี้ กิลฟอร์ด (Guilford, 1980) อธบิ ายว่า ความคิด สร้างสรรคเ์ ปน็ รูปแบบของความคิดของมนุษย์ท่ี หลากหลาย กลา่ วคอื บุคคลสามารถคดิ เรือ่ งใดเรอ่ื งหน่ึงออกไปอย่างไมม่ ที ี่สิน้ สดุ เป็นความคดิ เชิงบวก เช่น การคิดคน้ สิ่งประดิษฐ์ใหม่ เปน็ ต้น ซงึ่ ความคิดเหล่าน้ีเปน็ ทกั ษะขน้ั สูง และกระบวนการทำงาน อย่างเป็น ขน้ั ตอนของสมองประกอบด้วย การคิดริเริม่ การคดิ เรว็ (คดิ อยา่ งคล่องแคล่ว) คดิ อย่างยืดหยนุ่ และการคิด อย่างรอบคอบ ผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์สามารถค้นหาความคิดใหม่ จากข้อมูลที่มีอยู่เดิมและเชื่อมโยง ขอ้ มลู เหลา่ น้นั 4.2 ปัจจยั ท่มี อี ิทธิพลต่อความคิดสรา้ งสรรค์ของบคุ คล เนอื่ งจากความคิดสร้างสรรคข์ องบุคคลสามารถพัฒนาได้ และทักษะดงั กลา่ วเปน็ คุณสมบัติที่มีอยู่ ในตัวมนุษยท์ ุกคนอยู่แล้ว เพียงแต่ขาดการกระตุ้นหรือส่งเสริม รวมถึงการ เปิดโอกาสให้แสดงออกอย่าง เหมาะสม จากการศกึ ษาวจิ ยั ถึง เหตปุ ัจจยั ท่ีก่อให้เกิดการพฒั นาความคิดสร้างสรรค์ของบุคคลข้นึ แนวคิด เรื่องการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ที่ได้รับการยอมรับ ในเชิงวิชาการอย่างกว้างขวาง ได้แก่ ทฤษฎีของ ศาสตราจารย์ เทเรซ่า อมาไบล์ (Teresa Amabile) แห่งมหาวิทยาลัย ฮาวาร์ด ซึ่งอธิบายแนวคิดใน ความคิดสร้างสรรคข์ องบุคคล (Creativity) ประกอบด้วย องคป์ ระกอบ 3 ประการ คอื 1) ความเช่ียวชาญ 2) ทักษะการคดิ เชิงสรา้ งสรรค์ และ 3) แรงจงู ใจ ดงั นี้ 1) ความเชี่ยวชาญ (Expertise) คือ ความรู้ ทั้งด้านเทคนิคและการปฏิบัติหรือกระบวนการ รวมทั้งความสามารถทางสติปัญญาหรือความฉลาดของบุคคล 2) ทักษะการคิดเชิงสร้างสรรค์ (Creative Thinking Skills) คือ ทักษะของบุคคลต่อการ แก้ปัญหาต่างๆ อย่างยืดหยุ่นและมีจินตนาการ เป็นการแสดงถึงกรรมวิธี (Mechanism) ท่ี บุคคลพิจารณาใช้ในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการประยุกต์พื้นฐานความรู้ ความ ชำนาญมาใช้ประโยชน์ มักจะเกดิ จากบุคลกิ ภาพ ประสบการณ์และแนวทาง การทำงานหรือ การดำรงชวี ิตของแตล่ ะบุคคล มหาวิทยาลยั ราชภฏั ราชนครินทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรุพงษ์ ตำบลหนา้ เมือง อำเภอเมอื ง จังหวดั ฉะเชิงเทรา
ซงึ่ องค์ประกอบทง้ั สองทีก่ ล่าวมาถอื ได้ว่าเปน็ ทกั ษะ หรอื คุณลกั ษณะเฉพาะของบุคคลคน น้นั (Personality Traits) ซง่ึ แต่ละบุคคลจะมีความแตกตา่ งกันออกไป 3) แรงจูงใจ (Motivation) เป็นตัวกำหนด พฤติกรรมและการกระทำที่เกิดขึ้นจริงของแต่ละ บุคคล ซง่ึ เกิดไดท้ ้งั จากแรงขับเคลอ่ื นของแต่ละบคุ คลและจากการ ส่งเสริมกระตุ้นจากองค์กร สำหรับแรงจูงใจสามารถแบ่งออก เป็น 2 ประเภท ได้แก่ แรงจูงใจภายใน (Intrinsic Motivation) และแรงจูงใจภายนอก (Extrinsic Motivation) จากการทบทวน วรรณกรรมท่ี เกี่ยวกับปัจจัยที่ก่อให้เกิดการพฒั นาความคิดสร้างสรรค์ของบุคคลทั้งในบริบทของไทยและ ของต่างประเทศ มีความคล้ายคลงึ กัน ดังตอ่ ไปน้ี 1. ปัจจัยภายนอก เป็นประเด็นในระดับองค์กร หรือสภาพแวดล้อมในการทำงาน (Contextual Factor) คือ การรับรูข้ องบคุ ลากรถงึ การสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ ของ องค์การ (Perceived organizational support for creativity) โดยปัจจัย สภาพแวดล้อมในการทำงานที่มีอิทธิพลและมี ความสัมพันธ์เชิงบวกต่อความคิด สร้างสรรค์ของบุคคล ได้แก่ การสนับสนุนให้มีอิสระในการทำงาน (Autonomy Support) การสนับสนุนความรู้และทักษะในการทำงาน (Competence Support) และบุคลิกลักษณะผู้นำแบบประชาธิปไตยและผู้นำ แบบมีส่วนร่วม (Amabile, 1989; Woodman et al., 1993 อ้างใน เฉลิมชัย กิตติศักดิ์นาวิน, 2554: 77-79) ส่วนความ กดดันจากปริมาณงาน (Workload Pressure) และเวลามี ผลกระทบเชิง ลบกับความคิดสร้างสรรค์ของบคุ ลากร (Amabile, 2002: 52-56; เดชา เดชะวัฒน ไพศาล และคณะ, 2554: 8-9) 2. ปัจจัยภายใน เป็นประเด็นในระดบั บุคคลที่ เกี่ยวข้องกับทกั ษะหรือคุณลักษณะของ ตัวบุคลากรเองในการทำงาน (Personal Factor) ได้แก่ ประสิทธภิ าพภายในตนเอง เชงิ สร้างสรรค์ (creative self-efficacy) เชาวน์ทางจิต (Spiritual Quotient - SQ) เชาวน์อารมณ์ (Emotional Quotient - EQ) ความกล้าเสี่ยง (Risk Taking) และ ความพรอ้ม ในการเปลี่ยนแปลง (Readiness for Change) ปัจจัยเหล่าน้ี ล้วนเป็น กลไกเชงิ จติ วิทยาและเชิงพฤติกรรมในการทำงาน ท่แี ตกตา่ งกนั ของแตล่ ะบุคคล โดย ปัจจัยเหล่านี้มีความสัมพันธ์เชิงบวกต่อการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของบุคคล (เดชา เดชะวฒั นไพศาล และคณะ, 2554: 12-13; เฉลมิ ชัย กติ ตศิ กั ดน์ิ าวิน, 2554: 77-79) มหาวทิ ยาลัยราชภฏั ราชนครนิ ทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรุพงษ์ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมอื ง จังหวดั ฉะเชิงเทรา
4.3 การสร้างองค์กรนวัตกรรมอันเปน็ เลศิ ในยุคดจิ ิทัล การสร้างองค์กรให้เป็นองค์กรแห่งนวัตกรรม ไม่ใช่เพียงแต่การลงทุนในนักวิทยาศาสตร์ หอ้ งทดลองวทิ ยาศาสตร์ เคร่อื งมอื ระบบทดสอบ ยังตอ้ งทำใหอ้ งค์กรสร้างไอเดียใหม่ ๆ นัน้ ได้อยา่ งไร การ นำเอาไอเดียใหม่จากภายในมาเป็นผลิตภัณฑ์ไปสู่มือผู้บริโภคและนำเทคโนโลยีไปสู่การใช้งานอย่างมี ประสิทธผิ ล การนำแนวคดิ ของ Deep Science ไปเป็นตัวพ้นื ฐาน ตัวตน้ แบบ สำหรบั การขยายการใช้งาน ต่อยอดออกไปด้วย การจัดการต้นแบบออกเป็นสินค้าอย่างมีคุณภาพ ในระยะเวลาที่กำหนดเพื่อให้ได้ ประสิทธิภาพและความคุ้มทุน การบริหารจดั การความรู้ขององค์กรในเชงิ เทคโนโลยผี ลิตภัณฑ์ การรักษา นวัตกรรมให้เกิดประโยชน์สงู สุดครอบคลมุ ถงึ การตลาดดว้ ยอย่างไร Creative Organization องค์กรแห่ง นวัตกรรมและวัฒนธรรมการสรา้ งสรรค์ โดยให้มีวนิ ยั มีจนิ ตนาการในองค์กร 4.3.1 องคก์ รนวตั กรรม (Innovation Organization) โครงสร้างขององค์กรจะนำสู่ความสำเร็จเป็นก้าวแรกของความแตกต่างในแต่ละธุรกิจ อาจสร้างใหม้ ีลักษณะท่ีตอ้ งการเฉพาะ แตห่ ลกั การไมต่ ่างกัน คอื ต้องมีบคุ ลากรจำนวนท่ีเหมาะสมกับงาน ทักษะที่เหมาะสม มีผู้นำในแต่ละระดับที่มีหน้าที่ชัดเจน โดยทั่วไป องค์กรนวัตกรรม จะแบ่งเป็น ฝ่าย พัฒนา ฝ่ายออกแบบ ฝ่ายทดสอบ ฝ่ายบริหารโครงการ อาจจะมีฝ่ายบริหารการจัดการสำนักงาน ระดับ ความลึกแตกฉานขององค์กรสู่การสร้างนวัตกรรมส่งผลถึงการออกแบบองค์กรนี้ การเรียกตนเองว่าเป็น ODM/OEM: Original Design Manufacturer, Original Equipment Manufacturer เ ป ็ น ก า ร เ ร ียก ตนเองที่สูงกว่าเป็นผู้รับ ผลิตตามแบบ ODM คือเป็นทั้งผู้ออกแบบ มีการใส่มูลค่าเพิ่มเข้าไปในวงจร อุตสาหกรรมมากขึ้น ประเทศไทยพยายามปรับปรุงขึ้นเป็น ODM มากขึ้น แทนที่จะรับจ้างผลิตแต่เพียง อยา่ งเดยี ว คือ ขายแรงงานอย่างเดยี ว มาขายความรแู้ ละความสามารถด้วย แต่การที่จะเป็น ผู้สร้างพัฒนานวัตกรรมเองอย่างเต็มตัวนี้ องค์กรต้องมีการสร้างและ พัฒนาทีมงานองค์กรนวัตกรรมขึ้น โดยมีตำแหน่งสำคัญ ๆ ได้แก่ นักประดิษฐ์ นักวิทยาศาสตร์ นัก ออกแบบ ของตนเองอย่างครบถ้วน รวมไปถึงผู้ทดสอบ test & verification รวมถึงผู้ผลิต producer/maker เป็นตำแหนง่ ท่ีมบี ทบาทในด้านของการพฒั นานวัตกรรมท่ีขาดไมไ่ ด้ เสมือนเป็นกุญแจ กับลูกกุญแจ นวัตกรรมไม่เพียงแต่อยูใ่ นผลิตภัณฑ์เท่านั้น มีในระบบการผลิตได้ด้วย ซึ่งผลงานต่างๆ จะ เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ถูกบันทึกทางสถิติ ขึ้นทะเบียนไว้เป็นหลักฐาน เหล่านี้ถือเป็นทรัพย์สินทางปัญญา Intellectual property ทรัพย์ที่ไม่ใช่สิ่งของ intangible asset สามารถนำไปจดทะเบียนเป็นสิทธิบัตร patent สิทธิทางปัญญา ลขิ สิทธิ์ copy right หรอื ตราสญั ลกั ษณท์ างการค้า trademark ซ่งึ เหล่านี้มีมูลค่า ทางธุรกจิ และมีมลู คา่ สงู ขององค์กร 4.3.2 วฒั นธรรมนวัตกรรม (Innovation Culture) กระบวนการสำคัญกระบวนการหนึง่ ในการจัดการนวัตกรรมทางธรุ กิจ กลยุทธ์การสร้าง มาจากการจัดตั้งองค์กรนวัตกรรม การจัดหาบุคลากร การกำหนดมาตรการ ขบวนการ รวมถึงอุปกรณ์ ระบบ เคร่อื งมอื การทำงานงานวจิ ยั และพฒั นา การสนับสนนุ บรรยากาศท่ีเอือ้ ต่อการสร้างนวัตกรรมขึ้นใน องคก์ ร เพราะนวตั กรรมไมอ่ ยูแ่ ต่ในผลิตภัณฑ์ แต่มันมาจากทกุ กระบวนการในองค์กร นัน่ หมายถงึ มาจาก มหาวิทยาลัยราชภฏั ราชนครินทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรุพงษ์ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมอื ง จงั หวดั ฉะเชงิ เทรา
ตัวบุคคลในองค์กร ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบโดยตรงของเจ้าของกิจการหรือ ผู้บริหารของธุรกิจสร้างสรรค์นวัตกรรมเชิงพาณิชย์ในที่สุด กลยุทธ์ที่สามารถจะนำไปใช้เพื่อกระตุ้นและ สง่ เสริมให้เกิดบรรยากาศของการสร้างไอเดียใหม่ๆ มอี ยหู่ ลากหลายทาง ทางท่ีดคี ือ การสรา้ งวัฒนธรรมให้ ทุกคนมีมีทัศนคติที่ดีต่อการสร้างนวัตกรรมที่ถูกต้อง ทำให้เกิดความผูกพันและให้ความสำคัญเกิดขึ้นใน องค์กร การให้รางวัลหรือผลตอบแทนพิเศษแก่พนักงานที่สามารถสร้างไอเดียใหม่ ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ สำหรับองค์กรได้ ไม่ว่าจะเปน็ รางวลั ในรปู แบบตวั เงิน การได้รบั มองหมายใหม้ ห่ี นา้ ที่รับผิดชอบท่ีกว้างหรือ ลึกมากขึน้ รวมไปถงึ การไดเ้ ลอ่ื นตำแหน่งท่สี ูงข้นึ นั้นอาจจะไม่เปน็ ทางเลือกท่ดี ีที่สดุ การสร้างบรรยากาศของนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ขึ้นในองค์กร โดยที่เปิดโอกาสให้ พนักงานแสดงความคิดเหน็ ในการทำงาน ด้วยความคดิ ใหม่ๆ สง่ เสริมการนำเสนอความคิดเห็นหรือไอเดีย ใหม่ๆในทางปฏบิ ัติ มกั จะออกมาในรปู ของการปรับเปลยี่ นสถานที่ทำงานใหเ้ อ้ือบรรยากาศของการทำงาน ท่เี ป็นอสิ ระ จัดใหม้ วี าระในการนำเสนอความคดิ ใหร้ างวลั ปฏิสัมพนั ธ์ระหวา่ งหนว่ ยงานหรอื แผนกต่าง ๆ พนกั งานสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้กว้างขวางข้ึนรวมไปถงึ เรอ่ื งเล็ก เช่น การลดความเข้มงวด ในเร่ืองของการแตง่ กาย โตโยตา้ สร้างวิธีการน้ีให้เปน็ ส่วนหนง่ึ ของวฒั นธรรมองค์กรที่ใครๆกส็ ามารถเสนออ เดียใหม่ ๆ ไดท้ กุ ที่ ทกุ เรอ่ื ง ทกุ เวลา โดยไอเดยี ที่ดีๆ บางรายการทีท่ ำให้บริษัทได้ผลประโยชน์ทางการเงิน มาก พนักงานทา่ นนน้ั จะมีโอกาสไดร้ ับรางวัลด้วย 4.3.3 ศูนย์การพฒั นานวัตกรรม (Innovation Development Center) ต่อเนื่องจากการสร้างองค์กรและวัฒนธรรมของนวัตกรรม ระบบเคร่ืองมือที่ใช้ในการทำ นวัตกรรมเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญไม่น้อยกว่าคนและองค์กร ใช้ต้นทุนที่สูงกว่าทุกคนในหลายกรณี เนื่องจากกระบวนการสร้างนวัตกรรมเป็นการแปลงความคิดเป็นต้นแบบ idea to prototype แล้วนำ ตน้ แบบดงั กลา่ วมาทำการทดสอบเพ่ือพิสูจน์สมมติฐานต่าง ๆ ให้เหน็ จรงิ การทำการทดสอบดังกล่าวจะถูก จัดทำในห้องปฏิบัติการต่าง ๆ ที่เรียกว่าเป็น Research and Development Center, Technical Center Innovation Center ในศูนย์ปฏิบัติการต่าง ๆ จะประกอบไปด้วยห้องปฏิบัติการทดสอบ Test Laboratory ย่อยแยกกันออกไปแล้วแต่ละประเภท สำหรับองค์กรใหญ่ ๆ เช่น Toyota, GE, Cissco, Apple, Google ศูนย์พัฒนานวัตกรรม ถูกสร้างขึ้นด้วยเงินทุนมหาศาล ลักษณะรูปแบบของศูนย์วิจัย พัฒนาจะไม่เหมือนกัน เป็นไปในแต่ละประเภทผลิตภัณฑ์และวัตถุประสงค์เป้าหมาย ประเภทของ นวัตกรรมหรือผลิตผล จะมีประเภทหลัก ๆ ได้แก่ ระบบปฏิบัติการ โปรแกรมหรือแอปพลิเคชัน่ ยานยนต์ อากาศยาน อาหาร อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องนุ่งห่ม อุปกรณ์กีฬา ศูนย์วิจัย นวัตกรรมมีเอกลักษณ์ของตัวเอง ระบบหรือวัสดุจะถูกนำผ่านเข้าสู่ห้องปฏิบัติการทดสอบ การสร้าง นวัตกรรมเป็นการสร้างต้นแบบ การทดสอบต้นแบบ หากการทดสอบไม่เหมาะสม นั่นคือ ความล้มเหลว อนึ่ง การทำ destruction test ของระบบถุงลมนิรภัยมีความแยบยล ระบบการทดสอบเสียง เหล่านี้มี ความลบั อยู่มาก ส่งิ เหล่านใี้ ช้เงินลงทนุ มาก สำหรบั SME ไทยไม่สามารถลงทุนดงั กลา่ วได้ จงึ จำเปน็ ตอ้ งพึ่ง ภาครฐั เพียงทางเดียว มหาวิทยาลัยราชภฏั ราชนครนิ ทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรพุ งษ์ ตำบลหนา้ เมือง อำเภอเมอื ง จังหวดั ฉะเชิงเทรา
สำหรับย่านนวัตกรรมสำคัญในโลก ได้แก่ Silicon Valley San Francisco, India Hyderabad Cheni, China Shenzen, Nagoya Aichi Munich, Isael ที่องค์กรใหญ่นิยมไปตั้งหน่วย พัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง เรียกว่าเป็น Global Technical Center, Development Center, Innovation Center เป็นต้น เนื่องจากจะเป็นที่รวมกันของนักวิทยาศาสตร์แล้ว ยังรวมสายธารแห่ง นวัตกรรมทแี่ นวความสะดวกในงานต่าง ๆ ได้ 4.3.4 นวตั กรรมเกดิ จากองค์ความรูเ้ ชงิ ลึก (Deep Science, Core Tech) นวัตกรรมเกิดจากการนำองค์ความรู้เชิงลกึ ในศาสตรใ์ ด ๆ มาดัดแปลงพัฒนาใช้ในธุรกิจ ใดๆ ในองค์กรใหไ้ ด้เป็นความรู้ใหม่ สิ่งใหม่ในสังคมธุรกิจ อุตสาหกรรม ที่เป็นองค์กรความรู้ทรัพย์สินของ องค์กร ซึ่งจะมาจากตัวบคุ คลที่มีความรู้ การจ้างหรือการซือ้ ตวั บคุ ลากร และรวมถึงการร่วมมือกับหน่วย วิจัยสถาบันการศึกษาและการภาครัฐ ที่สามารถเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านความคิดสร้างสรรค์ ให้กับองค์กรได้ เพื่อทำการวิจัยด้วยวิทยาศาสตร์เชิงลึก เป็นหัวใจ เช่น การศึกษาด้านชีววิทยา งานวิจัย ดา้ นพลังงาน เป็นต้น ต้องใช้ความคดิ ใหม่ ๆ จากภายนอกเขา้ มาเป็นตัวกระตนุ้ สง่ เสรมิ ไอเดยี ใหม่ๆ ได้รับ การต่อยอด สร้างผลกระทบที่มีความหมายต่อองค์กรได้อย่างจำกัด หากมีการสนับสนุนให้เกิดการ แพร่กระจายของไอเดียไปสู่หน่วยงานอื่น หรือแม้แต่การแพร่ไปองค์กรอื่น ก็อาจทำให้ไอเดียเกิดการ ขยายตวั และสรา้ งผลดใี หแ้ กองคก์ รได้มากขน้ึ การวิจยั และการพฒั นา สามารถแยกนวตั กรรมออกได้ 4 ดา้ น o นวัตกรรมด้านผลิตภัณฑแ์ ละบรกิ าร Business Capacity o นวตั กรรมด้านกระบวนการ Process Innovation (business, production) o นวัตกรรมด้านเทคโนโลยี New Product Innovation o นวัตกรรมด้านสังคม Innovation Culture Development องค์กรสร้างจุดแข็งในการให้มีนวัตกรรม ที่นำไปสู่การสรา้ งมูลค่าเพิ่มเฉพาะทาง ตัวอย่างการใช้ นวัตกรรม เช่น นวัตกรรมด้านการเกษตร Agri-Map mobile เป็นแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนที่ช่วยเพม่ิ ความสะดวกให้เกษตรกรสามารถเข้าถึง และใชข้ ้อมูลเชงิ สารสนเทศ ด้านการเกษตรไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ด้านอตุ สาหกรรม ระบบการประเมนิ พฤตกิ รรมการขับขี่ดว้ ยโทรศัพท์ ทส่ี ามารถตรวจจบั เหตุการณ์ที่อาจ ก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนถนน พร้อมทั้งเสนอคำแนะนำเพื่อปรับปรุงการขับขี่ให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ทาง การแพทย์ การตรวจหาสิง่ ผดิ ปกติทอ่ี ยู่ในร่างกาย การตรวจคลน่ื สมอง ดา้ นการบรกิ าร City guide บริการ ค้นหาและบอกเวลารถสาธารณะ มีระบบการคำนวณในการเดินทาง ด้านสังคม หุ่นยนต์ บริการผู้สูงอายุ เป็นตน้ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ราชนครินทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรุพงษ์ ตำบลหนา้ เมือง อำเภอเมอื ง จงั หวดั ฉะเชิงเทรา
เอกสารอ้างองิ กิตติ นครชัย. (2563). สู่ความเป็นเลิศ อย่างยั่งยืน, พิมพ์ครั้งที่ 1, กรุงเทพมหานคร: ทริปเพ้ิล เอ็ดดเู คชน่ั . จุฑารัตน์ บันดาลสิน. (2557). การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์สู่นวัตกรรมการบริการพยาบาล. วารสารพยาบาลทหารบก ปีที่ 15 ฉบับท่ี 3 เดือนกนั ยายน – ธนั วาคม 2557. วิชยั วงษใ์ หญ่. (2562). การพัฒนาทกั ษะสร้างสรรค์นวัตกรรม, พิมพค์ รัง้ ที่ 1, กรงุ เทพมหานคร: ศูนยผ์ ู้นำนวตั กรรมหลักสูตรและการเรียนรู้. ตอนท่ี 5 แนวคิดในการพฒั นาผลติ ภัณฑ์ใหม่ New Product Development Conceptual ภาพที่ 1 Product Development Process ท่มี า : https://www.strategy2market.com/ourapproach-process/ มหาวิทยาลยั ราชภฏั ราชนครนิ ทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรุพงษ์ ตำบลหน้าเมอื ง อำเภอเมือง จังหวดั ฉะเชงิ เทรา
เมื่อองค์กรมีนวตั กรรม technology ที่จะต้องนำมาดัดแปลงพัฒนาใช้ให้เป็นผลิตภัณฑ์ใดๆ การ บริหารจัดการเป็นขั้นตอนที่ไม่ธรรมดา หากจัดการไม่ดี จะสร้างปัญหาต่างๆ นานา ให้เกิดการสูญเสียตอ่ องค์กรได้ ภายใต้หน่วยงานนวัตกรรมมแี ผนกยอ่ ยที่ทำหน้าที่บริหารโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ New Product Development หรอื NPD การบรหิ ารโครงการจะเป็นการรวบรวมบคุ คลหลากหลายหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีบทบาทต่อการนำผลิตภัณฑ์สู่ตลาดผู้บริโภคปลายทางให้สำเร็จโดยสมบูรณ์ โดยมีการให้ การสนบั สนนุ ตรวจสอบจากผูบ้ ริหารหรือคณะกรรมการ 5.1 องค์การแห่งการพฒั นาผลติ ภัณฑใ์ หม่ (New Product Development Organization) การทำงานของกลุ่มทำงานภายใต้การนำของหัวหน้าโครงการ NPD manager องคก์ รสามารถ กำหนดขัน้ ตอนมาตรฐานเป็นขัน้ ๆ ของความคืบหนา้ ของโครงการตามจังหวะทสี่ ำคญั ๆ ได้ โดยตัวอยา่ ง แบ่งเป็นข้ันตอนหลักในการบรหิ ารโครงการแบบ 5 ดา่ น ดงั ต่อไปนี้ 1. กำหนดผรู้ บั ผดิ ชอบและทีมชดั เจน 2. ใช้ระบบแบบผ่านดา่ น 5 ปราการ 3. ทำแผนการทำงานชัดเจนอย่างละเอียด 4. อาศยั จุดเส่ยี งเป็นตวั กำหนดระยะเวลาโครงการ 5. ใช้แบบฟอรม์ มาตรฐานในการกำกบั การทำงานของทกุ โครงการ ทุกทีม 6. การตรวจติดตามอยา่ งเปน็ ระบบและเปน็ วินัยกับผูเ้ กยี่ วขอ้ งทุกสว่ นท่เี ขา้ ร่วม 7. เน้นการสอ่ื สารภายในทมี ให้ทว่ั ถงึ รวดเรว็ เพอื่ เพ่ิมประสทิ ธิภาพในการทำงานแบบทมี เวริ ์ค 8. ใช้ระบบความรว่ มมือของทีม team collaboration เข้าชว่ ยในการเก็บข้อมูลร่วมกัน เชน่ Microsoft TEA ดา่ น 1 • การประเมนิ โครงการ ดา่ น 2 • วเิ คราะหแ์ ละอนุมตั กิ ารเงนิ ดา่ น 3 • การออกแบบและทดสอบ ดา่ น 4 • การผลติ และการนำออกตลาด ด่าน 5 • การตรวจสอบและประเมนิ โครงการ • รายการปรับปรุงที่ได้จาการเรยี นรู้ ภาพที่ 2 ปราการ 5 ดา่ นในการพฒั นาและนำโครงสูต่ ลาด มหาวทิ ยาลัยราชภฏั ราชนครนิ ทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรุพงษ์ ตำบลหนา้ เมอื ง อำเภอเมือง จงั หวดั ฉะเชิงเทรา
หลักการนี้ช่วยใหก้ ารนำสนิ คา้ ออกสู่ตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเส่ยี ง เพ่ิมโอกาส ความสำเรจ็ ของโครงการ รวมถงึ การสร้างบุคคลด้วย ซึ่งทั้ง 5 ปราการ มีดังนี้ ดา่ น 1: ขั้นตอนแรกเปน็ การนำเสนอโดยฝ่ายการพาณิชย์เปน็ หลัก โดยอาศยั ความเข้าใจ ตลาด และมองเห็นโอกาส โดยมากขอ้ มูลจะอยู่กบั เร่อื งของอัตราการเตบิ โต การแข่งขนั ความเขา้ ใจใน ตลาดและความต้องการของลูกค้า รวมไปถงึ สิง่ ทีต่ ้องการนำเสนอ ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดท่ี เหนือกว่าค่แู ขง่ โดยเชญิ การตลาดการค้ารวมไปถงึ เทคโนโลยที ีต่ ้องมาผสมผสานกัน ด่าน 2: ขัน้ ตอนน้จี ะเปน็ การประเมนิ ความคมุ้ ทุน ซ่ึงจะตอ้ งมกี ารประเมิน และตัง้ งบประมาณโครงการข้ึนมาใชใ้ นการทำงานข้นั ต่อไป ในดา่ นน้ี สง่ิ สำคญั จะต้องมใี นสมการคือ ยอดขาย กับ กำไร ประกอบกบั เงินลงทนุ แล้ว วเิ คราะหอ์ อกมาเปน็ ผลตอบแทนการลงทนุ อัตราความเรว็ ในการคืนทุน ว่ารวดเร็วและคมุ้ ทนุ หรอื ไม่ ด่าน 3: ดา่ นนเ้ี ปน็ ของฝา่ ยผลิตและการออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑห์ รอื บริการ นกั วิทยาศาสตร์ วิศวกร หวั หน้าฝ่ายผลิต ชา่ งฝ่ายปฏิบตั ิการ ท่ีจะมาระดมความคิดเห็น ปรึกษาหารือแก้ไข ปญั หาและตดั สินใจร่วมกัน เพอ่ื เลือกเทคโนโลยี วิธีการสร้าง การทดสอบ การสรปุ อนมุ ัติรายการค่าใชจ้ า่ ย ต่าง ๆ ทีเ่ กิดข้นึ ดา่ น 4: เม่อื ทุกอย่างพรอ้ ม สนิ คา้ ผ่านการออกแบบ การผลิต การทดสอบ รวมถงึ การ รับรองมาตรฐานตา่ ง ๆ ตามทกี่ ำหนดไว้ ต่อมาจะเป็นการเปิดตวั โดยการนำออกตลาด เสนอตอ่ ลกู ค้าตาม แผน สิง่ สำคัญในขน้ั นีเ้ ป็นสว่ นของฝ่ายขาย ฝ่ายการตลาดท่จี ะต้องไปรบั คำสง่ั ซื้อมาให้ไดต้ ามแผน รวมถงึ การผลติ การสง่ มอบให้ตรงต่อเวลาด้วยระบบ just in time ด่าน 5: หลังจากการเปิดตัวของสนิ ค้าไปในระยะเวลาใดเวลาหนงึ่ จนเขา้ ส่กู ารขายปกติ มี การประชมุ สรุปผลการดำเนนิ งานทางด้านการเงนิ และการปฏบิ ัตกิ ารของโครงการ เพ่อื สรุปการเรียนรแู้ ละ การเฉลิมฉลองแสดงความขอบคุณชมเชยทมี งาน ท้ังนี้ องค์ประกอบการจัดการทเ่ี หมาะสม ควรจะจัดให้มี ระบบการทำงานทมี่ กี ารระบเุ ปา้ หมาย ของโครงการและผลิตภัณฑ์ ทมี่ รี ายละเอยี ดเพียงพอ และได้คุณภาพ โดย o Stage gate approach o Work breakdown with requirement and deliverables o Decision point gate review to approve moving to the next stage o Risk based determination for number of process o Communication and Oversight o Stakeholder pulse review o PMO pulse review มหาวิทยาลยั ราชภฏั ราชนครินทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรพุ งษ์ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมอื ง จังหวดั ฉะเชิงเทรา
ซงึ่ ในข้ันตอนระหว่างการทำงานในแต่ละตอน in between gate pulsing การตรวจสอบการ ทำงานของฝา่ ยกำกบั โครงการ ควรจะประกอบดว้ ยรายละเอียด ดงั น้ี o Regular updates to stakeholders o Internal project bowling chart o High level project risk o Critical path to plan o Key functional updates o Best practices and lessons learn 5.2 การตรวจสอบผลติ ภัณฑ์ใหมก่ อ่ นนำส่ตู ลาดดจิ ิทลั (Verification to build the new product right) การตรวจสอบผลิตภัณฑ์ใหม่ก่อนนำสู่ตลาด ก่อนการผลิตจำนวนมากๆ นำเอาต้นแบบที่เหมือน จรงิ นำไปทดสอบ ทดลอง คุณสมบตั ิทกุ ดา้ นท่ีระบกุ ำหนดไว้ในแบบต้ังตน้ ทไ่ี ด้มาจาก การสำรวจคร้ังแรก หรอื ตวั ตน้ แบบ Prototype Beta Test คือ การทดสอบตามในสิง่ แวดลอ้ มท่ีใชง้ านจรงิ BETA เปน็ ตัวอกั ษรทสี่ องของตัวอักษร กรีก แต่เดิมการทดสอบ ALFA ขั้นอัลฟา หมายถึง ขั้นตอนแรกของการทดสอบในกระบวนการพัฒนา ประกอบด้วนการทดสอบแยกส่วน component ประกอบสำเร็จ Unit การทดสอบระบบ System ส่วน การทดสอบเบต้าเป็นการทดสอบก่อนวางจำหน่าย เช่น การพัฒนาซอฟต์แวร์ การทดสอบเบต้า เป็น ขั้นตอนที่สองของการทดสอบซอฟต์แวร์ ซึ่งเป็นการสุ่มตัวอย่างผู้ใช้มาลองใช้จริง บางครั้งก็เรียกว่า การ ทดสอบการยอมรับของผู้ใช้ USER ACCEPTANCE TEST: UAT หรือการทดสอบผู้ใช้ปลายทาง ประสบการณข์ องผู้ใชก้ ่อนหน้านีจ้ ะถูกสง่ ต่อกลับไปยงั นักพัฒนาที่ทำการเปล่ียนแปลงขั้นสุดท้ายก่อนท่ีจะ ปลอ่ ยซอฟต์แวร์ในเชงิ พาณชิ ย์ Verification คือ การทวนสอบ หมายถึง การยืนยัน โดยการตรวจสอบและมีหลักฐานแสดงว่า เป็นไปตามข้อกำหนด Verification คือ การทวนสอบหรือการทบทวนผลของ Input เปรียบเทียบกับ Output Drawing Validation คือ การสอบทวน หมายถึง กิจกรรม หรือ กระบวนการเพื่อพิสูจน์ว่า ขั้นตอนการ ทดสอบ กระบวนการทดสอบ ระบบการทดสอบ เครื่องมือ เทคโนโลยีที่นำมาใช้ หรือวิธีการทดสอบท่ี นำมาใช้สามารถใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ Validation คือ การทดสอบ เช่น ทดสอบการใช้ งาน หรือ ทดสอบในห้อง LAB เป็นต้น Certification/Qualification คือ การขอขึ้นทะเบียน ขอใบรับรองตามมาตรฐานลูกค้า หน่วยงานราชการ องค์กรสากล TISI, UL, CE เป็นตน้ มหาวิทยาลยั ราชภัฏราชนครนิ ทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรพุ งษ์ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมอื ง จังหวดั ฉะเชงิ เทรา
Verification Beta Test Customer To build the product right Acceptance Regression Unit Testing Testing Testing Integration Test Automated Test System Test Usability Test ภาพที่ 3 Beta Test, Verification, Validation, Certification to build the product right 5.3 คำถามก่อนการเลอื กโครงการพัฒนาผลิตภัณฑใ์ หม่ (Questions to the selective of New Product Development) สำหรบั 22 คำถาม กอ่ นการเลอื กโครงการพฒั นาผลติ ภัณฑ์ใหม่ มีดังนี้ www.rru.ac.th 1. ความตอ้ งการชองลูกค้า หรอื ตลาด อยูร่ ะดบั ใด 2. สิ่งที่ขาดไป หรอื ตอ้ งการคืออะไร 3. ขนาดของความต้องการ อปุ สงค์ และแนวโนม้ การเตบิ โต 4. เทคโนโลยดี ้านใดที่เปน็ จุดโดดเด่นที่สุด 5. ประมาณราคาท่ีลูกค้าจา่ ยท่จี า่ ยในตลาดปัจจุบัน 6. สินคา้ ท่เี รานำเสนอ คืออะไร 7. อะไรท่จี ะเป็นจดุ ขาย ที่แขง็ ขนั ได้อย่างยง่ั ยนื 8. ในราคาที่เทา่ ไร 9. ลกู คา้ ที่เป็นเปา้ หมายคือใคร 10. เราจะชนะการแข่งขันได้ด้วยวธิ ใี ด 11. ใช้เงนิ ลงทุนเทา่ ไร 12. ค่าใช้จ่ายในการดำเนินกจิ การ เป็นเทา่ ไร 13. จะทำการทดสอบตลาดไดอ้ ย่างไร 14. มีข้อกำหนดทางกฎหมายหรอื ไม่ 15. สนิ ค้าใหม่ จดทะเบยี นสิทธบิ ตั รไดห้ รอื ไม่ 16. การผลิตเปน็ ไปไดอ้ ยา่ งไร 17. แผนการตลาดมีหรอื ไม่ อยา่ งไร 18. อตั ราการเติบโตของตลาด 3 ปี ลว่ งหนา้ เป็นอยา่ งไร มหาวทิ ยาลัยราชภฏั ราชนครนิ ทร์ 422 ถนนมรุพงษ์ ตำบลหนา้ เมือง อำเภอเมอื ง จงั หวดั ฉะเชิงเทรา
19. อัตราการขาย 3 ปี ล่วงหนา้ เปน็ อย่างไร 20. อตั รากำไรขัน้ ต้นส่วนแรกของตลาด เปน็ อยา่ งไร 21. อัตราการคืนเงินลงทนุ เปน็ เทา่ ไร 22. ระยะเวลาการจา่ ยคืนเงินทุน นานเท่าไร Market segment/Application Technology/Critical Target Customer Competitor เคร่ืองแตง่ หนา้ อโลเวลา่ ชายวัยทำงาน ร้านจำหน่าย สนิ คา้ นำเขา้ โลชนั่ กันแดด น้ำบรสิ ทุ ธ์ิ ตวั ทำ สุภาพสตรที ำงาน รา้ นสาขาแบรนด์ ละลาย กลางแดด เกาหลี นำ้ หอมลา้ งมอื ฆ่าเชอื้ โฟมล้างหน้าบำรุงผวิ หวั เชอ้ื กล่ิน ดารา และ เซเลบ็ สินค้านำเข้าจากจนี ฮายาลูออน ดารา และ เซเล็บ สนิ ค้าออนไลน์ ลาซาดา้ ภาพท่ี 4 New Product Development Master Plan เอกสารอ้างองิ กติ ติ นครชยั . (2563). สู่ความเปน็ เลิศ อย่างย่ังยนื , พมิ พค์ รัง้ ท่ี 1, กรงุ เทพมหานคร: ทริปเพิ้ล เอ็ดดูเคชน่ั . มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ราชนครินทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรพุ งษ์ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จงั หวดั ฉะเชงิ เทรา
ตอนท่ี 6 การสรา้ งคุณค่าทางธรุ กจิ Value Creation ด้วย Digital Business การปรับเปลี่ยนดิจิทัลนี้ไม่ได้หมายถึงการทำธุรกิจออนไลน์เท่านั้น ถึงแม้การค้าขาย ออนไลน์จะเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของการปรับเปลี่ยนธุรกิจก็ตาม แต่การปรับเปลี่ยนต้องหมายถึง การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานที่สำคัญตลอดห่วงโซ่คุณค่า รวมถึงการเสริม สินคา้ และบริการเดมิ ด้วยบรกิ ารใหม่ ๆ ท่ีนำไปสกู่ ารเพิ่มคุณค่าให้ลูกค้าได้ การปรับเปล่ียนธุรกิจด้วย ดิจิทัลนั้นไม่สำคัญเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ ธุรกิจทุกขนาดในทุกอุตสาหกรรมจำเป็นต้องเข้า กระบวนการปรับเปลี่ยนทั้งสิ้นเพื่อความอยู่รอดในระบบเศรษฐกิจยุคใหม่ ต่างกันเพียงแค่วิธีการและ ความรุนแรงของการปรับเปลี่ยนที่ทำกันอย่างเป็นขั้นเป็นตอนและเป็นระบบเท่านั้น การปรับเปลี่ยน ธุรกิจไม่ใช่ทำเป็นโครงการ จบแล้วจบเลย แต่เป็นการปรับเปลี่ยนที่ต้องมีการเรียนรู้และพัฒนาไป พรอ้ มกนั เปน็ การเดนิ ทาง (Journey) ที่มเี ป้าหมายและมจี ุดเร่มิ ต้น โดยผู้รว่ มเดนิ ทางด้วยทุกคนต่างรู้ เป้าหมายและร่วมรับรู้ผลลัพธร์ ่วมกัน แต่ละบริษัทมักจะมเี ส้นทางการปรับเปลี่ยนดิจิทัลแตกต่างกัน การเลอื กเสน้ ทางนน้ั ต้องขนึ้ อยกู่ บั โอกาสและภัยคุกคามของแต่ละธรุ กิจ Value Creating System มเี จตนาช้ใี ห้เห็นการเปล่ียนแปลงทางธุรกจิ ทม่ี ่งุ เป้าไปท่ีการ สร้างคุณค่าจากสินค้าและบริการในมุมมองของผู้บริโภค แทนความสำคัญที่ตัวสินค้าและบริการใน ลักษณะของผลผลิตในมุมมองของผู้ผลิต ต้องการนำเสนอความหมายของ Digital Transformation ตามแนวทางการทำธรุ กจิ แนวใหม่ท่ี แนวคิดเชน่ นี้เป็นผลให้ธุรกิจตอ้ งปรับเปล่ียนแนวทางการบริหาร จดั การธุรกจิ ให้มีลกั ษณะเปน็ ระบบสร้างคณุ ค่าท่ีจะนำเสนอให้เกิดความชดั เจนต่อไป อย่างไรก็ตาม Digital Transformation ควรเป็นแนวที่จะพัฒนาธุรกิจไปสู่ทิศทางของ Collaborative Economy โดยใหค้ วามสำคญั กับการรว่ มมอื กัน และแบ่งปนั ใช้ทรพั ยากรระหว่างกัน ซึ่งเหมาะกับสังคมในยุคดิจิทัลที่ทุกภาคส่วนถูกเชื่อมโยงด้วยอินเทอร์เน็ต หรือที่เรียกว่า C-Commerce การร่วมมือกันและแบ่งปันกันกลายเป็นพื้นฐานของธุรกิจทุกชนิดและทุกขนาดที่ให้ ความสำคัญกบั การสร้างคุณค่า โดยเฉพาะการสร้างคุณค่าท่เี กิดจากการบรกิ าร (Service) น่ันเอง 6.1 แนวคิดการสรา้ งคณุ คา่ ด้วยบริการดิจิทลั (Enhancing Value for Product Through Digital Services) ผู้บรโิ ภคในยคุ ดิจทิ ัล ใหค้ วามสำคญั กับคุณค่าจากการใช้สินค้าทีซ่ ื้อมา (Value In-use) คือ สนใจ กระบวนการใชส้ นิ ค้ามากกวา่ ที่ตัวสนิ คา้ เปน็ เหตุให้ธรุ กิจต้องเพ่ิมภารกิจมากข้ึน กลา่ วคือ นอกจากที่ต้อง ผลิตสนิ ค้าเพื่อจำหน่ายแลว้ ยงั ต้องสนบั สนุนใหล้ ูกคา้ สรา้ งคณุ ค่าในระหว่างการใชส้ ินคา้ ดว้ ย อน่ึง แนวคดิ การพัฒนาบรกิ ารเชิงปฏสิ มั พนั ธ์เพื่อให้เกดิ ประสบการณ์ทด่ี ีให้ลกู คา้ ในบรบิ ทต่าง ๆ (Creating Customer Experience Through Interactive Services) มดี ังนี้ มหาวิทยาลยั ราชภัฏราชนครินทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรพุ งษ์ ตำบลหน้าเมอื ง อำเภอเมอื ง จงั หวดั ฉะเชงิ เทรา
6.1.1 การเสนอสนิ ค้าผสมกบั บริการ (Bundled Offering) ในชว่ งหลายปีทผี่ ่านมา ผผู้ ลิตสนิ ค้าไดใ้ หค้ วามสำคัญกับการปรบั เปลี่ยนรปู แบบธุรกิจจาก การขายสินค้าล้วน ๆ มาเป็นจำหน่ายสินค้าผสมผสานกับบริการมากขึ้น ตัวอย่างที่เห็นชัดเจน คือ อุตสาหกรรมรถยนต์ ท่ีเรม่ิ ผสมผลติ ภณั ฑ์รถยนตก์ บั บรกิ ารทั้งท่ใี ช้เทคโนโลยีดิจิทัลและท่ไี ม่ใช้ เชน่ บริการ จัดหาเงนิ กู้ บริการจดั หาประกันภัย บริการซ่อมบำรงุ รักษา รวมทั้งบริการเชา่ ใชร้ ถ ส่วนบริการที่เนน้ การใช้ ดิจทิ ัลนัน้ มตี วั อย่างที่โดดเด่น เชน่ การบรกิ ารส่อื สารระหวา่ งคนขบั กบั รถยนตผ์ ่านโทรศัพท์มอื ถือเพอื่ สงั่ ให้ รถไปหาที่จอดด้วยระบบอัตโนมตั ิ บริการวินิจฉัยปัญหาของรถจากทางไกล (Remote Diagnostics) หรือ บริการบันเทิงภายในรถไม่วา่ จะเป็นบรกิ ารเพลงหรือเลน่ วิดิทัศน์ รวมทั้งบริการเตือนภัยในระหว่างขับรถ จากสภาวะข้างเคียงรอบด้าน และอื่น ๆ อีกมาก บริการดิจิทัลทั้งหมดทำงานผ่านระบบแพลตฟอร์ม เทคโนโลยีที่ใช้รถยนต์เป็นศูนย์กลาง หรือ อีกนัยหน่ึง ใช้รถยนต์เป็นแพลตฟอร์มเพ่ือการให้บรกิ ารต่าง ๆ การผสมผสานข้อเสนอใช้ผลิตภัณฑ์ลักษณะเช่นน้ี นิยมเรียกด้วยชื่อต่าง ๆ กันเช่น ระบบผสมผสาน ผลติ ภัณฑก์ ับบรกิ าร (Product-Service System, PSS) หรือระบบผลติ ภณั ฑ์ (Product System) โดยย่อ หรือ ผสมผสานข้อเสนอ (Bundled Offering) เป็นตน้ ชื่อเหลา่ น้ีส่ือถงึ กลยุทธ์การแข่งขันที่ใช้ความรู้และ ปัญญาในรูปของบริการ ซึ่งก็คือ Servitization ซึ่งธุรกิจหลาย ๆ ประเภทกำลังพัฒนาไปสู่การให้บริการ ผสมผสานในลักษณะเดียวกนั ท่เี นน้ การทำให้เกิดคณุ คา่ ให้ลกู คา้ เปน็ หลัก พวกเราในฐานะผูบ้ ริโภคมีโอกาส สมั ผสั กับ Bundled Offerings มาบ้างแล้วไม่มากกน็ ้อย ไม่ว่าจะเป็นบริการแท็กซแ่ี บบใหม่ การส่ังอาหาร จากท่ีตา่ ง ๆ ใหส้ ง่ ถึงท่ีทก่ี ำหนด การสงั่ จองโปรแกรมท่องเท่ยี วเป็นชุด ตา่ งใชแ้ นวคิดของธุรกิจแบบใหม่ที่ ผสมผสานสินค้ากับบรกิ ารทง้ั ส้ิน ดงั ภาพท่ี 6 มหาวิทยาลยั ราชภฏั ราชนครนิ ทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรุพงษ์ ตำบลหนา้ เมือง อำเภอเมอื ง จงั หวดั ฉะเชิงเทรา
ภาพที่ 1 แสดงแนวคดิ ของระบบผลิตภัณฑ์ผสมผสานกับบริการดจิ ิทัล จากภาพข้างต้น แสดงแนวคิดของ Product-Service System (PSS) ของธุรกิจส่วนใหญ่ในยุค ดิจิทัลที่ต้องการแข่งขันด้วยวิธีสร้างคุณค่าให้ลูกค้าในระหว่างการใช้สินค้าและบริการ (Value in-use) ข้อเสนอจากธุรกิจที่ให้ลูกค้าในรูปแบบใหม่นี้มีองค์ประกอบสามส่วนคือ ส่วนที่เป็นสินค้าหลัก (Core Product) ส่วนทเี่ ป็นบรกิ ารดิจทิ ลั (Digital Services) และสว่ นต่อประสานกับบริการ (Service Interface) 6.1.2 สว่ นท่เี ป็นสินค้าหลกั พันธกิจของธุรกิจคอื ผลิตและจำหน่ายสินค้าหลัก (Core Product) โดยสินค้าหลักนี้เปน็ วัตถุประสงค์ที่ทำให้ธุรกิจยังคงอยู่ในตลาด สินค้าหลักเป็นได้ทั้งผลิตภัณฑ์ที่เป็นกายภาพ (Physical Product) เช่น รถยนต์ บ้าน เครื่องมือ เครื่องใช้ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ฯลฯ และผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีตัวตน (Intangible Product) ซึ่งก็คือผลิตภัณฑ์ที่เป็นบริการนั่นเอง เช่นบริการทางการเงิน บริการท่องเที่ยว บรกิ ารประกันภัย ฯลฯ ธุรกิจจำเป็นต้องแข่งขันด้วยบริการเพื่อสร้างคุณค่าจากการใช้สินค้าแทน โดยธรรมชาติ ของการใหบ้ ริการ ความรู้และภูมปิ ัญญาเปน็ ปจั จัยสำคัญ และลอกเรียนกันยาก นอกจากน้ี ธรุ กิจท่มี บี ริการ ยังต้องอาศัยความสัมพันธ์ (Relationship) ที่ดีกับลูกคา้ ต่างกับธุรกจิ ซื้อขายสินค้า (Transaction) ที่เน้น การแลกเปลี่ยนกรรมสทิ ธิจ์ ากราคาขาย ซึ่งมีความยั่งยืนน้อยกว่ามาก เมื่อเป็นเช่นน้ี ย่อมจะเข้าใจโดยไม่ ยากวา่ พืน้ ฐานของการปรับเปล่ียนธรุ กิจในยุคดิจิทัลจึงให้ความสำคญั ท่ีการเพิ่มบริการ เพื่อสนับสนุนการ ใช้สินค้า หรือ Bundled offering หรือ Product-Service System (PSS) แนวคิดของธุรกิจใหม่น้ี จำเป็นต้องวางแผนให้ครบวงจรตั้งแตช่ ่วงออกแบบสินค้า จนถึงพัฒนาข้ันตอนการบริการตลอดวงจรชีวิต ของสินค้า กลยุทธ์ใหม่ของธุรกิจจึงเกี่ยวกับการขาย Solution มากกว่าขายสินค้าเพียงลำพัง ด้วยเหตุน้ี ธุรกิจจากนี้ไปจะต้องไม่จำกัดเพียงแค่ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าและบริการหลัก แต่เป็นธุรกิจทีเ่ สนอตัว เพื่อจำหน่าย Solutions ประกอบด้วยสินค้าและบริการต่าง ๆ ตามที่นำเสนอในรูปท่ี 2 ที่สามารถตอบ โจทยค์ วามต้องการและแก้ปัญหาของลูกค้าได้จรงิ 6.1.3 ส่วนบริการดจิ ิทัล (Digital Services) หลักคิดของการช่วยลูกค้าสร้างคุณค่าจากการใช้สินค้าที่ซื้อไปนั้น คือสร้างนวัตกรรม บริการต่าง ๆ สนับสนุนการใชส้ ินค้าตลอดวงจรชวี ิต (Life Cycle) ของสินค้า ตัวอย่าง เช่นบริการที่ทำให้ ผู้โดยสารรถยนต์ฟงั เพลงจากอินเทอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์เครื่องเสียงของรถยนต์ได้ ในกรณีนี้ สินค้าหลักคือ รถยนต์ และการบรกิ ารฟังเพลงจากอินเทอร์เน็ตเปน็ บรกิ ารดจิ ิทัลที่สร้างขึ้นเพ่ือทำให้เพี่มคุณค่าแก่ลูกคา้ ในขณะทใ่ี ช้รถยนต์ นักธุรกิจทุกวันนี้ต้องพัฒนาความสามารถในการสร้างบริการดิจิทัลที่จะสนับสนุนการ สร้างคณุ ค่าให้ลกู ค้าทหี่ ลากหลายโดยมตี น้ ทุนตำ่ และใช้ได้สะดวก บริการดจิ ทิ ัลมีคุณสมบัติที่กล่าวในทุก ๆ ด้าน บริการที่สร้างเสริมขึ้นให้กับตัวสินค้าหลักนี้มีหลากหลาย ขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้าหลักทั้ง มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ราชนครินทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรุพงษ์ ตำบลหน้าเมอื ง อำเภอเมอื ง จงั หวดั ฉะเชิงเทรา
สินค้ากายภาพและสินค้าที่เป็นผลิตภัณฑ์บริการ เช่นถ้าเป็นสินค้าประเภทเครื่องใช้ การบริการจะ เก่ยี วข้องกบั การแนะนำวธิ กี ารใช้ การบริการซอ่ มบำรงุ รกั ษา การบรกิ ารเปลีย่ นช้ินสว่ นอะไหล่ ถ้าสินค้า หลักเป็นการบรกิ ารอาหาร ก็อาจเป็นเรื่องการอำนวยความสะดวกเกีย่ วกับการจองโต๊ะล่วงหน้า บริการ แนะนำเมนูอาหาร หรอื การบริการส่งอาหารถึงที่ ถ้าสนิ ค้าหลกั เป็นที่อยู่อาศัย บริการเสริมก็อาจมีตั้งแต่ การบริการเงนิ กูซ้ ื้อบา้ น บริการออกแบบภายใน และแนะนำการติดตัง้ เครือ่ งตกแตง่ บ้านและเลือกแบบ เฟอรน์ ิเจอร์ รวมท้งั การบรกิ ารซอ่ มแซมบา้ นเล็ก ๆ นอ้ ย ๆ เม่อื มีปัญหาเกิดขึ้น บรกิ ารทงั้ หมดมุ่งเป้าไปที่ สนับสนุนการใชส้ ินค้าและบริการเพือ่ ใหเ้ กิดคณุ คา่ และประโยชนต์ ามบรบิ ทของผู้ใช้ (Value in-use) บริการดิจิทัล (Digital Service) คืออะไร คำตอบที่ใช้กันมาก คือบริการที่ทำผ่าน อินเทอร์เนต็ หรอื เครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ และมีกระบวนการทำงานแบบอัตโนมัติ คอื ทำกิจกรรมท่ใี ช้แรงคน น้อยน่ันเอง บริการดิจทิ ัลจึงหมายถึงกระบวนการทำงานที่เปน็ ดิจิทัล (Digital Processes) ใช้ข้อมูลที่เป็น ดิจทิ ลั (Digital Information) เรยี กรวมกันว่าทรพั ยากรดิจิทัล (Digital Resources) เพอื่ กอ่ เกิดประโยชน์ แกผ่ ้อู ื่น ธรุ กจิ ในยคุ ดิจิทัลอาศัยหลกั คิดนีไ้ ปพฒั นาทักษะเพื่อให้เกดิ นวัตกรรมด้านบรกิ ารดิจทิ ัล นำมาเสริม ให้สินค้าหลักที่จำหน่ายอยูน่ ี้เกิดคุณคา่ ที่ลูกค้าตอ้ งการได้จริง ความสามารถของบริการที่ถกู สร้างขึ้นด้วย ปัญญาและความรู้จึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญของการแข่งขัน บทความเรื่อง “นวัตกรรมบริการดิจิทัล (Digital Service Innovation[2]” จะให้รายละเอยี ดเพม่ิ เตมิ ท่ีอาจเปน็ ประโยชน์ เพื่อให้เขา้ ใจความหมายของบรกิ ารดจิ ิทัล ขอยกตวั อยา่ งเพ่มิ ขนึ้ ดังนี้ 1) เครื่องโทรศัพท์พกพาเป็นสินค้าหลัก ผู้ผลิตจัดหาซอฟต์แวร์ให้บริการ Personal Hotspot เพื่อให้ลูกค้าใช้เครื่องโทรศัพท์เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นผ่านอินเทอร์เน็ตได้ บริการ Personal Hotspot ถอื ได้วา่ เป็นบริการดิจทิ ัล 2) เครื่องเตาอบเปน็ สินค้าหลัก ผู้จำหน่ายจัดบริการผ่านโมบายเพื่อให้ลูกคา้ ติดต่อขอ คำแนะนำใช้อุปกรณ์ หรือขอรับบริการซ่อมแซมแก้ไขในกรณีที่อุปกรณ์มีปัญหาได้อย่างสะดวก บริการ ซอ่ มแซมอุปกรณท์ ่ที ำงานด้วยคนเป็นบรกิ าร แตโ่ ปรแกรมซอฟตแ์ วร์ทอี่ ำนวยความสะดวกในการติดต่อขอ บริการต่าง ๆ เป็นบริการดจิ ทิ ัล 3) รถยนต์เป็นสนิ ค้าหลัก ผจู้ ำหน่ายจดั บริการผ่านโมบายเพื่อให้ลกู ค้าใช้สิทธิ์ในการขอ บริการเช่าใช้รถคันอื่นในขณะที่รถของตนอยู่ในระหวา่ งซ่อมบำรุง โปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ให้ผู้ใช้ติดต่อขอ บริการเชา่ รถเป็นบรกิ ารดิจิทัล ตัวอย่างที่กล่าวมาข้างต้นนั้น จัดรวมสินค้าและบริการหลักและบริการดิจิทัลให้เป็น Product-Service System ผสมผสานการบริการรูปแบบต่าง ๆ เข้ากับตัวสินค้า จำนวนบริการจะมาก หรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่ที่เจตนาและความสามารถของผู้ให้บริการที่จะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า คณุ ภาพและความสามารถของบริการท่นี ำเสนอนัน้ มีผลทำให้เกิดประสบการณ์ตามบริบท ถ้าสินค้าหลักมี ลักษณะเป็นสินค้าประเภทใกล้โภคภัณฑ์ ตัวสินค้าหลักจะไม่ทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในเชิง มหาวิทยาลยั ราชภฏั ราชนครินทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรพุ งษ์ ตำบลหนา้ เมอื ง อำเภอเมือง จังหวดั ฉะเชงิ เทรา
แข่งขนั ความแตกตา่ งท่จี ะทำใหล้ ูกค้าตัดสินใจเลือกซ้ือ จงึ ต้องข้นึ อยทู่ ่คี วามสามารถของบรกิ ารทก่ี ลายเป็น เครื่องมอื การแขง่ ขนั ทางธรุ กิจท่สี ำคญั ในยุคดิจิทลั 6.1.4 ส่วนต่อประสานกับบริการ (Service Interface) ประสบการณ์เป็นเรื่องที่ลูกค้าทำการปฏิสัมพันธ์ (Interaction) กับธุรกิจ เพื่อทำกิจกรรม อย่างหน่ึงอยา่ งใด แล้วประเมินความพึงพอใจในผลทไ่ี ดร้ ับ ซ่งึ อาจจะบวกหรือลบขนึ้ อยู่ที่ความพึงพอใจใน มุมมองของลูกคา้ จากการไดป้ ฏิสัมพันธ์แต่ละครัง้ ดังนั้นการออกแบบระบบบรกิ ารดิจิทลั เพื่อให้เกิดความ ประทบั ใจในการใช้บริการจงึ อยู่ทีร่ ูปแบบและวิธีการปฏิสัมพนั ธ์ผ่านส่วนที่เรียกว่าส่วนประสานกับบริการ (Service Interface) หรอื นยิ มเรียกวา่ สว่ นประสานกับผใู้ ช้ (User Interface) ภาพท่ี 2 Service Interface (User Interface) ของบริการจองแท็กซสี่ มยั ใหม่ ท่มี า: https://www.hortongroup.com/blog/7-must-have-apps-in-2016 จากภาพข้างต้น แสดง Service Interface บางฉากของระบบบรกิ ารโมบายเชา่ รถแท็กซี่สมัยใหม่ เป็นตวั อย่าง ผู้ใช้บรกิ ารจะทำกิจกรรมตา่ ง ๆ เพอื่ ขอใช้บรกิ ารผ่านสว่ นประสานบริการนี้จากหน้าจอของ อุปกรณเ์ ช่นเคร่อื งโทรศัพทม์ อื ถือหรือเครอื่ งแท็บเล็ต การออกแบบสว่ นประสานบรกิ ารน้ีจงึ เป็นส่วนสำคัญ ถา้ หนา้ จอถูกออกแบบให้เขา้ ใจงา่ ย ไม่ตอ้ งกดปุ่มกลบั ไปกลบั มาหลาย ๆ คร้ัง การปฏิสัมพันธม์ คี วามฉลาด ในตัว เช่นสามารถทำ Autocomplete เพื่อช่วยผู้ใช้ไม่ต้องบันทึกข้อมูลโดยไม่จำเป็น กล่าวคือ ทุกครั้งที่ ผู้ใชบ้ นั ทกึ ขอ้ มูล เมอื่ กดตวั อกั ษรเริ่มตน้ สองสามตัวแรก ระบบกจ็ ะเข้าใจและเตมิ เต็มคำให้โดยอัตโนมัติได้ หรือระบบจะใช้ข้อมูลทีม่ อี ยู่ช่วยคาดเดาขั้นตอนที่ผใู้ ช้จะต้องทำต่อไป แล้วกำหนดแนวทางการทำงานแทน มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏราชนครนิ ทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรพุ งษ์ ตำบลหนา้ เมอื ง อำเภอเมอื ง จงั หวดั ฉะเชิงเทรา
โดยอัตโนมัติ เพื่อช่วยผู้ใช้ประหยัดการต้องทำงานซ้ำ ๆ ทำให้ขั้นตอนการใช้บริการกระชับและไม่สับสน การออกแบบวิธีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้กับระบบบริการของธุรกิจในลักษณะ ที่ทำงานอย่างฉลาดและ มี ประสทิ ธิภาพ รวดเร็ว เรียบงา่ ย และสมบูรณด์ ้วยขน้ั ตอนท่เี ป็นอตั โนมัติ จะทำให้เกิดประสบการณ์ท่ีดีและ เพิ่มคุณคา่ ให้ลกู คา้ ได้ สรปุ ได้วา่ ในระบบข้อเสนอ (Offering) ท่ีธรุ กิจจดั จำหนา่ ยใหล้ ูกคา้ นน้ั สว่ นท่ีเปน็ Core Product and Services เป็นส่วนตอบโจทย์ความต้องการในด้าน Functions/Features ส่วนที่เป็น Digital Services เป็นส่วนที่ทำให้เกิดคุณค่าเพิ่มขึ้น และส่วนที่เป็น Service Interfaces ช่วยทำให้เกิด ประสบการณ์ที่ดี เมอ่ื รวมกันแลว้ การทำธุรกิจด้วยวิธกี ารจดั ขอ้ เสนอประกอบดว้ ยสินค้าหลักและบริการ เสริมอื่น ๆ เพื่อช่วยลูกค้าได้คุณค่าและประสบการณ์ที่ดีจากการใช้สินค้า เป็นแนวทางทำธุรกิจยุคใหม่ท่ี ยดึ ถือการสร้างคณุ ค่าของลกู คา้ เป็นศนู ยก์ ลาง ซ่ึงนา่ จะเปน็ แนวทางของธรุ กิจใหม่ (New Business Logic) ทเ่ี หมาะสม สามารถชว่ ยพฒั นาธรุ กิจให้แข่งขันไดอ้ ยา่ งยั่งยนื ตอ่ ไป เอกสารอา้ งองิ ฐนิชา คงประดิษฐ์ และปรีชา คงมาด.ี (2562). การจดั การทรัพยากรมนษุ ย์ในเศรษฐกจิ ยุคใหม่. วารสารสถาบนั วิจยั พมิ ลธรรม ปที ี่ 6 ฉบับท่ี 2 เดือนกรกฎาคม – ธันวาคม 2562. มนู อรดีดลเชษฐ์. ระบบสรา้ งคุณค่า. สืบคน้ เม่ือ 25 มนี าคม 2564, จาก http://ictandservices.blogspot.com/2019/12/value-creating-system-5.html มหาวทิ ยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรพุ งษ์ ตำบลหนา้ เมอื ง อำเภอเมอื ง จังหวดั ฉะเชงิ เทรา
ตอนที่ 7 การเจาะจดุ แข็งเพอื่ ความสำเรจ็ 7.1 ปัจจัยชี้วดั ผลสำเรจ็ ธรุ กิจ (Key Success Factor) Selective Sector Leadership Business Organization Model Structure Junction Competency Value Position ภาพที่ 1 Key Success Factor ไมว่ ่าจะเป็นเร่อื ง New Normal, digitization, transformation ภาวะโลกร้อน หรอื สถานการณ์ การแพรร่ ะบาดของโรคระบาด จดุ สำคญั ของความสำเรจ็ ในการทำกจิ กรรมนจี้ ะได้มาซง่ึ โครงสร้าง นโยบาย ธุรกิจที่เหมาะสม ประกอบไปด้วยประการต่าง ๆ ดังภาพข้างต้น การเลือกสิ่งที่ต้องคำนึง นั่นคือ ตลาด subsector ที่เราจะเขา้ ถึง ทม่ี แี นวโนม้ การเตบิ โตอยา่ งมีผลกำไร ทีผ่ ้นู ำ leadership มีความสนใจ องค์กร มีความถนัด competency โดยมีเป้าหมาย ตำแหน่งของการส่งมอบคุณค่า value delivery ที่ชัดเจน พร้อมทั้งมีการวางโครงสร้างองค์การ ที่เหมาะสมเข้ากันได้ การมีโครงสร้างองค์การที่รองรับนโยบาย นำไปสกู่ ารปฏิบัตทิ ี่เหมาะสม ดว้ ยวฒั นธรรมองค์กร มรี ะเบียบวนิ ัย การจัดการกลยุทธ์ ครอบคลุมครบถ้วน เปน็ เนือ้ เดียวกนั การสรา้ งศักยภาพภายในท่มี ีคุณคา่ สำหรับการสง่ มอบให้ตลาดได้อย่างชัดเจน มีมูลค่าต่อ ลกู ค้าผู้ใชท้ ้ังทางการเงนิ และความพงึ พอใจ Agility จะเป็นคำหลักอีกคำที่ขาดไม่ได้ การตรวจประเมินอย่างต่อเนื่องเหมือนการทำแผนซ้ำๆ ตน่ื ตัวในการปรับกลยทุ ธอ์ ย่างหนกั แน่น พรอ้ มรบั ปรบั ในทุกสถานการณ์ การวางเป้าหมายระยะยาว การมี กลุ่มธุรกิจที่เสริมกัน portfolio management จะเป็นภูมิคุ้มกันระยะยาวและสร้างความยั่งยืนให้กับ องค์การ มหาวิทยาลัยราชภฏั ราชนครนิ ทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรุพงษ์ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวดั ฉะเชงิ เทรา
7.2 กลยทุ ธส์ ูค่ วามเปน็ เลิศในยคุ ดิจทิ ลั การสร้างการกำหนดกลยุทธ์ เพื่อนำพาองค์การสู่ความสำเร็จทางด้านใดๆ เป็นการแก้ปัญหาใน องคก์ ร ปญั หาการตลาด เปน็ การสรา้ งธรุ กจิ ใหม่ หรอื เปน็ การเปลยี่ นลักษณะองค์กรเพ่ือความย่งั ยืน ไม่ได้ เป็นเพียงกลยุทธ์ทางการค้าขายอย่างเดียว ความเข้มแข็งขององค์กรธรุ กิจประกอบด้วนหลายปจั จัย การ สร้างจุดแข็งขององค์กรธรุ กิจแต่เพียงด้านใดด้านหนึ่ง จะเกิดความไม่สมดุล สร้างปญั หาในดา้ นอ่ืนตามมา ผลคือ ความไมย่ ั่งยืน โดยการต่อยอดวสิ ยั ทศั น์ ผนู้ ำ ผกู้ อ่ ตั้ง startup ในองคก์ ร ทีไ่ ด้ชนี้ ำและสร้าง กำหนด จุดแข็งขององค์กร competency ขึ้นมา นำเอานวัตกรรม ออกมาเป็น สินค้าในรูปแบบใหม่ๆ วิธีการท่ี แตกต่างออกมา เป็นรูปแบบของกิจกรรม โครงการเชิงกลยุทธ์ strategic program ที่ทุกคนมีส่วนร่วม ownership นำไปส่คู วามร่วมมือ collaboration ของทุกฝ่ายอยา่ งมปี ระสิทธิภาพอันเปน็ เลิศ หากทีมงานผลิตหรอื ฝ่ายขายไม่มีการพัฒนาตาม ก็จะไมส่ ามารถนำนวตั กรรมใหม่นั้นออกสู่ตลาด ได้ตามเป้าหมาย อาจจะเกิดปัญหาลูกค้าไม่เข้าใจ ไม่ยอมรับ สินค้าขายไปแล้วมีปัญหาคุณภาพ ลูกค้าคืน สนิ คา้ อาจจะมปี ญั หาความปลอดภัยในผลิตภัณฑ์ ตอ้ งมกี ารชดเชยค่าเสียหาย ทำใหล้ ูกคา้ ยกเลิกคำส่ังซื้อ อาจจะก่อใหเ้ กดิ ปัญหาต่อเนือ่ งกบั ลูกค้ารายถดั ๆ ไป ฟอ้ งรอ้ งเรียกคา่ เสียหายจากความล่าชา้ กลยุทธ์ขององค์กรควรจะคลอบคลุมในทุกด้าน กลยุทธ์ของแต่ละองค์กรควรจัดให้มีระบบการ วางแผนกลยุทธ์อย่างมีแบบแผน ซึ่งเป้าหมายที่กำหนดวัดผลได้โดยทั่วไปจะเป็นการกำหนดจาก ผู้ประกอบการ เจ้าของกจิ การ ผู้บริหารระดับสูงถึงกลางในองค์กรเข้าร่วมกันก่อให้เกิดการ synergy ของ องคค์ วามรู้ และการมีสว่ นรว่ มของคนในองคก์ ร สรุปไดว้ า่ ความสำเรจ็ ขององคก์ รไมไ่ ดอ้ ย่ทู ีห่ น่วยงานใดหนว่ ยงานหนง่ึ แตล่ ะหน่วยงานต่างจะต้อง มีกลยุทธ์แผนงาน ที่สอดคล้องกับหน่วยงานสนับสนุน เพื่อบรรลุเป้าหมายและบูรณาการ integration รว่ มกันเพื่อใหเ้ กิดความแข็งแกร่ง และเปน็ การสร้างความไดเ้ ปรยี บทางการแขง่ ขนั ให้กบั องค์กร 7.2.1 การวางแผนกลยุทธ์สคู่ วามเปน็ เลิศ (Strategic Initiative Formulation and Execution) การวางแผนกลยุทธ์ strategic Planning ทำไมถึงตอ้ งมีความเปน็ เลศิ ประสทิ ธภิ าพ โอกาส ความสำเร็จจะอยู่ที่ตรงนี้ ถ้าองค์กรขาดวัตถุประสงค์ การเดินทางก็จะมีอุปสรรคมาก ขาดประสิทธิภาพ เกิดปัญหารายวัน แก้ปัญหาเฉพาะหน้าตลอดเวลา เกิดความขัดแย้งสูง ขาดเสถียรภาพ การกำหนด แนวนโยบายเป็นส่งิ จำเป็นของเจ้าของกิจการ 7.2.3 องคป์ ระกอบของแผนกลยุทธท์ ่ดี ี มดี ังน้ี o เปน็ ไปตามเปา้ หมายองค์กร o เขา้ กบั เหตุการณในปัจจบุ นั o ครอบคลุมในเรื่องสำคัญเกี่ยวข้องกับการสร้างอนาคตตามนโยบาย Relevant & Covered o แกป้ ญั หาของการปฏบิ ตั กิ ารครัง้ ก่อน o มีคา่ ตัวเลขวัดได้ o เปา้ หมายมคี วามทา้ ทาย o ระบผุ รู้ บั ผิดชอบ ระบคุ วามเสี่ยง และแผนสำรอง มหาวิทยาลยั ราชภัฏราชนครินทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรพุ งษ์ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวดั ฉะเชงิ เทรา
Sales & Marketing Operations Share Growth, Efficiency & Effectiveness Compettitiveness Safe, Clean, Good & Defensive Division Best Practice Of Business Specific Strategy Game Changer Sprint - Accelerate - Competency Vertical - Flattennig Expansion Organic growth, Key Account Foward - Backward integration Developmet with Unique Value Proposition Merging & Acquistion ภาพที่ 2 Strategic Formulation 7.2.4 Strategic Formulation for Sales & Marketing ส่วนการคา้ ขายตลาด และการพาณชิ ยใ์ นการทำกลยทุ ธ์ จะเป็นการทำแยกและทำก่อนสว่ นอ่นื ๆ ใน ธุรกิจเพื่อให้ได้มาซึ่งเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจ เป้าหมายรายได้ แล้วจึงดำเนินต่อในส่วนอื่นๆ เพื่อ กำหนดแผนงาน โครงการ กลยุทธ์ งบประมาณที่จำเป็นต่างๆ รวมทั้งการวางแผนกำลังคน Manpower Planning โดยมขี ้นั ตอน ดังน้ี มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครนิ ทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรุพงษ์ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมอื ง จงั หวดั ฉะเชงิ เทรา
7.2.4.1 Strategic Formulation for Sales & Marketing Purpose & Goal Policy Based Process Environment Scan Competitor Analysis Customer Insight Portfolio Analysis Business Model Review Marketing Plan New Product Plan Execution, Monitoring and Control Pulse Review Sales Dashboard Progress review & Strategy Pulse Reaction Action มหาวิทยาลยั ราชภฏั ราชนครินทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรุพงษ์ ตำบลหนา้ เมือง อำเภอเมอื ง จังหวดั ฉะเชงิ เทรา
7.2.4.2 Strategic Formulation for Operations System (OS) Purpose & Goal Policy Based, Alignment Ownership and Team Effort Strategic Initiative Formulation Tangible Outcome Calculated Success What is! 6 Steps Strategy Formulation Sales & Marketing Strategy Sales & Budget Review Environment Scan, data acquisition, reporting Competitor Analysis Customer Insight Formulation Work Shop Execution, Monitoring and Control Strategy Focus Organization Culture Progress review & Strategy Pulse Reaction Action มหาวทิ ยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรพุ งษ์ ตำบลหนา้ เมือง อำเภอเมอื ง จงั หวดั ฉะเชิงเทรา
7.2.4.3 6 Steps Strategy Formulation Environment Strategic Initiative Formulation Scan ▪ Planning Internal ▪ Workshop Assesment ▪ Packaging ▪ Acid Test ▪ Execution ▪ Follow up Competitive กระบวนการ ขัน้ ตอนอย่างมีระบบ Analysis ในจุดเริ่มตน้ ของการทำความ Customer เขา้ ใจ โจทก์ และประเดน็ เพ่ือ Insight นำไปสกู่ ารเลอื กหัวขอ้ โครงการ Strategic กลยทุ ธ์ Program Execution & Reflection เอกสารอา้ งอิง กิตติ นครชัย. (2563). สู่ความเป็นเลิศ อยา่ งยัง่ ยนื . พิมพ์ครง้ั ที่ 1, กรุงเทพมหานคร: ทริปเพิ้ล เอด็ ดูเคชั่น. มหาวทิ ยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ www.rru.ac.th 422 ถนนมรุพงษ์ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จงั หวดั ฉะเชงิ เทรา
6. Google Drive บน Google Drive สามารถเก็บขอมูลเปนฮารดดิสกออนไลนใหใชฟรีไดถึง 15 GB และหากกลาวถึงโปรแกรมท่ีใชออฟฟศแลว ทุกคนก็รูจัก Microsoft Office เชน Word, Excel, PowerPoint และทีก่ ลา วมานั้น บน Google Drive กม็ ใี หใชกันแบบฟรี ๆ ไมต องจา ยคา License อกี ดว ย โดยโปรแกรมท่ีมีใหใชท่ีแนะนํามีดังนี้ 1) Google Docs ใชสําหรับการพิมพและแกไขเอกสารตาง ๆ 2) Google Sheets ใชสําหรับสรางและแกไขสเปรดชีตตาง ๆ 3) Google Slides ใชสรางและแกไขงาน นําเสนอท่ีสวยงาม 4) Google Forms ใชสรางแบบฟอรมที่สวยงามเพื่อเก็บรวบรวมขอมูลของผู ลงทะเบียน 7. Google Alerts เปน เครอ่ื งมือชว ยติดตามการเคลือ่ นไหวในแวดวงอุตสาหกรรมอยางใกลชิด วา ในแวดวงอุตสาหกรรมของเรานั้น มีใครทําอะไร ท่ีไหน และเม่ือไหรไดอยางทันทวงที หรือแมกระทั่งใช ติดตามวา มีใครบนโลกออนไลนกลาวถึงเราบาง เพราะเจาตัวของ Google Alerts น้ี สามารถตั้งคาดวย Keyword หรือคําที่เราสนใจจะติดตาม ในทุก ๆ คร้ังที่ Google มีการอัพเดทขอมูลใหม ๆ มันก็จะแจง เตือนเราผาน Email ของเราทันที ซ่ึงสามารถตั้งคาไดดวยวา สามารถใหแจงดวยความถี่แคไหน เชนแจง ทันที หรือทุก ๆ วัน ทกุ ๆ สัปดาห กส็ ามารถทําได 8. Lead pages หากคุณใหความสําคัญกับการสราง Lead Generation ในการสรางฐานรายชื่อ วาท่ีลูกคาใหกลายมาเปนลูกคา คุณจะตองไมพลาด Lead pages ที่ชวยใหคุณสรางหนาเว็บเพจ ที่จะชวย เพ่ิมโอกาสในการลงทะเบยี นของผูเย่ยี มชมมากยง่ิ ขน้ึ 9. Keyword Planner หากคุณจริงจังกับการลงโฆษณาบน Google และจริงจังกับการ ทํา Search Engine Optimization (SEO) ก็จําเปนท่ีจะตองเรียนรูการใชงาน Keyword Planner เพราะ โปรแกรมจะวิเคราะหจากพฤติกรรมการคนหาจริง ๆ บน Google ซ่ึงทุก ๆ คร้ังที่มีผูคนพิมพคําคนหาบน Google เจาตัวโปรแกรมนี้ก็จะบันทึกขอ มูลและเก็บเปนสถิติเอาไว วาจริง ๆ แลว ผูคนบนโลกออนไลนนั้น มักพิมพคําคนหาวาอะไรกันบาง ซึ่งเราสามารถนําไปทําโฆษณาบน Google Adwords หรือนําไปทํา SEO ใหก ับ Content บนเว็บไซตของเรา เพอ่ื ใหตดิ อันดบั การคน หาทด่ี บี น Google ไดอ กี ดวย 10. WordPress หากกลาวถงึ การทํา Content Marketing บนเว็บไซตข องธรุ กจิ WordPress คือ เครื่องมือท่ีจะทําใหการจัดการ Content เปนเร่ืองที่งายขึ้นอยางมาก เพราะหากกลาวถึงเว็บไซต เจาของ กิจการหลายถึงกับรองเสียงหลงวา มันเปนเรื่องทีซับซอน ยุงยาก รวมไปถึง ใครจะน่ังมาเสียเวลาในการ เรียนรูเร่ืองเขียนเว็บไซตดวยภาษาคอมพิวเตอรกัน แตหากคุณจริงจังกบั เร่ืองการทํา Content Marketing บนเว็บไซตธุรกิจโดยใช WordPress สามารถจัดการไดอยางงายดาย รวมไปถึงมีสวนเสริม (Plugin) ท่ีจะ ชวยใหเว็บไซตด ดู แี ละมีประสทิ ธภิ าพใหเ ลือกใชกนั แบบนบั ไมถ วน ซึง่ สว นใหญฟรแี ละใชง านไดด อี กี ดว ย มหาวิทยาลัยราชภฏั ราชนครนิ ทร www.rru.ac.th 422 ถนนมรุพงษ ตาํ บลหนาเมอื ง อําเภอเมอื ง จังหวัดฉะเชิงเทรา
Search
Read the Text Version
- 1 - 41
Pages: