Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประวัติความเป็นมาของประเพณียี่เป็ง

ประวัติความเป็นมาของประเพณียี่เป็ง

Published by atiwat5187, 2019-08-15 00:41:53

Description: ประวัติความเป็นมาของประเพณียี่เป็ง

Search

Read the Text Version

ประวตั คิ วามเป็นมาของประเพณียเ่ี ป็ง

ชอ่ื สมาชกิ นางสาว สาวติ รี ศรผี า เลขท่ี 10 นางสาว รุจยาภา นุชคา เลขที่ 14 นางสาว ดวงนภา จนั ดาสุข เลขท่ี 21 นางสาว อลิสา คาภิโลชยั เลขท่ี 28

ความเป็ นมาของประเพณยี เี่ ป็ ง ประเพณียเ่ี ป็ง หรอื ประเพณีเดอื นยี่ เป็นประพณีเกา่ แกข่ องลา้ นนาทถี่ ือปฏิบตั กิ นั มาตง้ั แตพ่ ุทธศตวรรษที่ ๑๔ ในสมยั อาณาจกั รหรภิ ุญชยั ไดม้ ปี ระเพณีเดอื นยแ่ี ละทาพิธลี อยโขมดแลว้ (มณี พยอมยงค,์ ๒๕๔๗, หนา้ ๒๓๕; สงวน โชตสิ ุขรตั น,์ ๒๕๑๑, หนา้ ๑๑๕) ในเวลาคา่ คนื ของวนั เพ็ญเดอื นยี่ มกี ารจดั แตง่ เครอื่ ง สกั การบูชาใสก่ ระทง จดุ ธูปเทยี นและนาปลอ่ ยลงในนา้ แสงไฟจะกระทบกบั นา้ เกิดเป็นเงาข้ึนวบั ๆ แวมๆ มองเหน็ เป็นเสมอื นแสงพะเนียงไฟผโี ขมด ซง่ึ ผโี ขมดน้ี เป็นชอ่ื เรยี กผปี ่ า ทอี่ อกหากนิ ในเวลากลางคนื มี พะเนียงไฟมองเหน็ เป็นระยะอยา่ งผีกระสอื ชาวลา้ นนาจงึ เรยี กวา่ ลอยโขมด (มณี พยอมยงค,์ ๒๕๔๗, หนา้ ๒๔๔)

ตานานทกี่ ลา่ วถึงทมี่ าของประเพณียเี่ ป็งมอี ยหู่ ลายตานาน เชน่ ในหนงั สอื ตานานโยนกและจามเทววี งศ์ กลา่ ววา่ ประเพณีลอยโขมด หรอื ลอยไฟ เป็ นประเพณีดง้ั เดมิ ทสี่ บื เน่ืองกนั มาตงั้ แตโ่ บราณกาลแลว้ การลอย โขมด เกิดข้ึนทอ่ี าณาจกั รหรภิ ุญไชย (จงั หวดั ลาพนู ในปัจจบุ นั ) เมอื่ จ.ศ.๓๐๙ หรอื ประมาณ พ.ศ. ๑๔๙๐ ชว่ งพุทธศตั วรรษท่ี ๑๔ มกี ลุม่ คนมอญหรอื เม็งทอี่ าศยั อยใู่ นเมอื งหรภิ ุญไชยไดอ้ พยพหนีอหวิ าตกโรคที่ เกดิ ข้ึนในเมืองผคู้ นลม้ ตายเป็นจานวนมาก จงึ พากนั อพยพออกจากหริภุญชยั ไปอยทู่ เี่ มอื งสะเทมิ หรอื สธุ มั ม วดี และตอ่ ไปยงั เมอื งหงสาวดเี ป็นเวลาถึง ๖ ปี ซง่ึ ในชว่ งเวลาดงั กลา่ วหลายคนก็มคี รอบครวั ใหมท่ น่ี น่ั และ เมอื่ ทราบข่าววา่ อหวิ าตกโรคในหรภิ ญุ ชยั ไดส้ งบลงแลว้ พวกทค่ี ดิ ถึงถ่ินเดมิ ตา่ งพากนั เดนิ ทางกลบั หรภิ ุญ ไชย เมอ่ื ถึงวนั ครบรอบปีทไ่ี ดจ้ ากพ่ี

นอ้ งทเี่ มอื งหงสาวดี จงึ จดั ดอกไมธ้ ูปเทยี น เครอื่ งสกั การะ พรอ้ มทง้ั เครอ่ื งอปุ โภคบรโิ ภค ใสล่ ง ใน สะเปา ลกั ษณะคลา้ ยเรอื หรอื ใสใ่ นสะตวงหรอื กระทงลอยลงนา้ แมป่ ิง นา้ แมก่ วง แมท่ า เพื่อ สง่ ความระลกึ ถึงญาตพิ ่ีนอ้ งทยี่ งั อยเู่ มอื งหงสาวดี จงึ เป็นมลู เหตขุ องการลอยสะเปาหรอื ลอย โขมด หรอื ลอยกระทงนบั แตน่ น้ั มาถึงปัจจบุ นั (สงวน โชตสิ ขุ รตั น,์ ๒๕๑๑, หนา้ ๑๑๗ – ๑๑๘; ศรเี ลา เกษพรหม, ๒๕๔๒, หนา้ ๕๘๕๑; ประสงค์ แสงงาม, สมั ภาษณ,์ ๒๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๑

ตานานประเพณียเี่ ป็งทพี่ บในคมั ภีรใ์ บลานทใ่ี ชเ้ ทศนาธมั มต์ ามวดั ตา่ งๆในลา้ นนา เชน่ คมั ภรี อ์ านิสงสป์ ระทสี คมั ภีรอ์ านิสงสผ์ างประทสี และคมั ภีรอ์ านิสงสย์ เี่ ป็ง ลอยประทสี โคมไฟ เป็นคมั ภีรท์ ม่ี กั ใชเ้ ทศนาธมั มใ์ นชว่ ง ประเพณียเี่ ป็ง ในคมั ภีรเ์ หลา่ น้ี ไดก้ ลา่ วถึงตานานหรอื มลู เหตแุ หง่ การบูชาและอานิสงสท์ เี่ กดิ จากการบูชาผาง ประทสี ไวด้ ธั มั มห์ รอื คมั ภีรช์ อื่ อานิสงสป์ ระทสี กลา่ วไวว้ า่ หลงั จากพระพุทธเจา้ ไดต้ รสั รูธ้ รรมแลว้ ไดป้ ระทบั อยเู่ มอื งสาวตั ถี และเสด็จไปโปรดพระมารดาบนสวรรคช์ นั้ ดาวดงึ ส์ และเสดจ็ กลบั ลงมาโปรดพระพุทธบิดา เมอื่ ถึงเดอื น ยเ่ี ป็ง มเี ทวบุตรตนหน่ึง ชอ่ื สยามาเทวบุตร พรอ้ มดว้ ยบรวิ ารตอ้ งการสกั การบูชาพระพุทธเจา้ ดว้ ยประทสี จงึ แปลงกายเป็นนก ใชป้ ากและเทา้ ถอื ผางประทสี บนิ ไปพรอ้ มนกแปลง ซง่ึ เป็นบรวิ าร ประทกั ษณิ รอบพระพุทธเจา้ ๓ รอบ ไดเ้ กดิ อศั จรรยแ์ สงประทสี สวา่ งไสวไปทวั่ ชมพูทวปี คนทงั้ หลายเหน็ เป็ น อศั จรรยย์ ง่ิ นกั จงึ ไดพ้ ากนั มาทลู ถามพระพุทธเจา้ พระพุทธองคจ์ งึ เทศนาธรรมถึงอานิสงสก์ ารจดุ ประทสี เป็น พุทธบูชาวา่ การสกั การบูชาประทสี ในเดอื นยเี่ ป็ง ถอื เป็นการบูชาพระรตั นตรยั นอกจากนน้ั อานิสงสก์ ารบูชา ประทสี ยงั สง่ ผลทาใหผ้ ถู้ วายทานมรี ูปรา่ งและผวิ พรรณงดงามไปทกุ ๆ ชาติ เป็นทรี่ กั แกค่ นและเทวดา ทง้ั หลาย (อุดม รุง่ เรอื งศร,ี ๒๕๔๒, หนา้ ๗๘๘๖)งน้ี

ธมั มห์ รอื คมั ภีรช์ อ่ื อานิสงสผ์ างประทสี กลา่ วไวว้ า่ พระเจา้ หา้ พระองค์ ไดแ้ ก่ พระกกุสนั ธะ พระโกนาคมนะ พระกสั สปะ พระโคตม (พระพุทธเจา้ องคป์ ัจจบุ นั ) พระศรอี รยิ ะเมตไตร ทที่ งั้ หา้ พระองคไ์ ดก้ าเนิดจากแม่ กาเผอื กเป็นไข่หา้ ฟอง และวนั หนึ่งขณะทแี่ มก่ าออกไปหาอาหารไดเ้ กิดพายุ ทาใหไ้ ขท่ ง้ั ไข่ฟองพดั ตกจากรงั ไหลไปตามแมน่ า้ และมแี มไ่ ก่ แมน่ าค แมเ่ ตา่ แมโ่ ค และแมร่ าชสหี เ์ ก็บไปเล้ยี ง เมอ่ื ไข่ทงั้ หา้ ฟองฟัก ออกมาเป็ นมนุษยเ์ พศชาย และไดบ้ วชเป็ นฤๅษที ง้ั หา้ เมอ่ื ฤๅษีทง้ั หา้ ไดพ้ บกนั จงึ ไตรถ่ ามถงึ มารดาของแต่ ละองค์ แตล่ ะองคก์ ็ตอบวา่ แมไ่ ก่เก็บมาเล้ยี ง แมน่ าคเก็บมาเล้ยี ง แมเ่ ตา่ เก็บมาเล้ยี ง แมโ่ คเก็บมาเล้ยี ง และแมร่ าชสหี เ์ ก็บมาเล้ยี ง ฤๅษที ง้ั หา้ จงึ สงสยั วา่ แมท่ แ่ี ทจ้ รงิ ของตนเป็นใคร จงึ พากนั อธษิ ฐานขอใหไ้ ดพ้ บ แม่ ดว้ ยคาอธษิ ฐานจงึ ทาใหพ้ กาพรหมผเู้ ป็ นแมไ่ ดแ้ ปลงกายเป็นกาเผอื กบนิ ลงมาเลา่ เรอ่ื งในอดตี ใหฤ้ ๅษี ทง้ั หา้ ฟัง และไดบ้ อกวา่ หากคดิ ถึงแม่ ใหน้ า้ ดา้ ยดบิ มาฟ่ันเป็นตนี กา แลว้ จดุ เป็นประทสี บูชาในเดอื นยเี่ ป็ง (อดุ ม รุง่ เรอื งศร,ี ๒๕๔๒, หนา้ ๗๘๙๐)

ธมั มห์ รอื คมั ภีรช์ อ่ื อานิสงสย์ เ่ี ป็ง ลอยประทสี โคมไฟ ปรากฏในหนงั สอื ธรรมเทศนาพ้ืนเมอื งเรอ่ื ง อานิสงสย์ เี่ ป็ง ลอยประทปี โคมไฟ (๒๕๓๐) กลา่ วไวว้ า่ เมอ่ื ครง้ั พระพุทธเจา้ ประทบั อยทู่ เ่ี ชตวนาราม พระองคไ์ ดเ้ ทศนาชาดกเรอ่ื ง อานิสงสย์ เ่ี ป็ง ลอยประทสี โคมไฟ วา่ ในยุคของพระพุทธเจา้ ชอื่ โกนาคมนะ ครงั้ หน่ึงพระสาวกชอ่ื อุตตระ ไดเ้ ขา้ นิโรธ สมาบตั ใิ นถา้ สตุ คหู าในดอยสริ ทิ ตั กะ และเมอ่ื ออกจากนิโรธสมาบตั ไิ ดเ้ กิดนิมิตวา่ หากผใู้ ดไดถ้ วายทานแกพ่ ระองค์ ในวนั พรุง่ น้ีจะไดอ้ านิสงสเ์ ป็นอยา่ งมาก และไดเ้ ล็งเหน็ ดว้ ยญาณวา่ มชี ายทกุ ขไ์ รเ้ ข็ญใจผหู้ นึ่งจะรอถวายทานแก่ พระองค์ รุง่ เชา้ พระองคจ์ งึ ไดอ้ มุ้ บาตรไปโปรดยงั บา้ นชายผนู้ นั้ ชายผนู้ น้ั เกิดปิตศิ รทั ธาเลอ่ื มใสเป็นอยา่ งยง่ิ จงึ ได้ ถวายขา้ วกบั แคบหมแู กพ่ ระองค์ และอธษิ ฐานขอใหไ้ ดเ้ ป็นสาวกของพระพุทธเจา้ พระศรีอรยิ ะเมตไตร ทจี่ ะมาบงั เกดิ ในภายภาคหนา้ เมอื่ พระอุตตระไดก้ ลา่ วอนุโมทนาแลว้ ก็เสดจ็ กลบั นาเอาแคบหมมู าบีบเป็นนา้ มนั ลงในผางประทสี และจดุ บูชาพระพุทธเจา้ โกนาคมนะ ซง่ึ วนั นน้ั เป็นวนั เดอื นยเ่ี ป็งพอดี พอจดุ ประทสี บูชาแลว้ นน้ั แผน่ ดนิ ทห่ี นาไดส้ อง แสนสห่ี มนื่ โยชนก์ ็ไหวเป็นทอ่ี ศั จรรย์ พญาโสกราชาจงึ ไดท้ ลู ถามพระพุทธเจา้ วา่ เป็นเพราะเหตใุ ด พระพุทธเจา้ จงึ ตรสั วา่ มีชายทุกขไ์ รเ้ ข็ญใจไดถ้ วายแคบหมูใสบ่ าตรแกพ่ ระอตุ ตระเถรเจา้ และพระอุตตระเถรเจา้ ไดน้ ามาใสผ่ างประ ทสี จดุ เป็ นพุทธบูชา เมอ่ื จดุ บูชาในวนั เดอื นยเ่ี ป็งจะมผี ลานิสงสม์ ากนกั

พระพุทธเจา้ ไดเ้ ทศนาธมั มอ์ านิสงสเ์ ดอื นยเ่ี ป็งลอยประทสี โคมไฟใหภ้ กิ ษุทงั้ หลายฟังวา่ หากไดบ้ ูชาประทสี โคมไฟใน วนั เดอื นยเ่ี ป็ง จะไดผ้ ลานิสงสผ์ วิ พรรณงดงามเป็ นทรี่ กั แกค่ นและเทวดา ไมม่ โี รคภยั เบยี ดเบยี นและไดไ้ ปเกิดบนสรวง สวรรค์ และในตอนทา้ ยของธมั มก์ ลา่ วตอ่ ไปวา่ ในเดอื นยเี่ ป็งบุคคลใดทที่ าประทปี โคมไฟ ไปลอยในแมน่ า้ นอ้ ยใหญ่ หนองวงั และโบกขรณี เพ่ือบูชารอยพระพุทธบาตรรมิ ฝั่งแมน่ า้ เมอื งนาคราชบาดาลก็ดี เมอ่ื เกิดมาในชาตนิ ้ี จะไดเ้ ป็น พญาใหญโ่ ตในแผน่ ดนิ ผวิ พรรณงดงามดงั่ พระจนั ทรว์ นั เพ็ญ มฤี ทธปิ์ ราบไดท้ วปี ทงั้ ส่ี เป็นทเ่ี กรงขาม มปี ัญญาหลกั แหลม มีทรพั ยส์ มบตั ิ ชา้ ง มา้ ววั ควาย ขา้ คน และไดเ้ กิดบนสรวงสวรรคช์ น้ั ฟ้ า

 กจิ กรรมในประเพณยี เี่ ป็ ง  กจิ กรรมทชี่ าวลา้ นนานิยมกระทาในประเพณียเ่ี ป็ง คอื การจดุ ผางประทสี หรอื ผางผะต้ดี และโคม ไฟบูชาพระเจา้ หา้ พระองค์ การปลอ่ ยวา่ ว จดุ บอกไฟชนิดตา่ งๆ การทาซุม้ ประตปู ่ า เพื่อประดบั ตกแตง่ บรเิ วณหนา้ บา้ นหรอื วดั การไปทาบุญทวี่ ดั ในวนั ยเ่ี ป็ง การฟังเทศนใ์ หญ่ ทเี่ รยี กวา่ เทศ มหาชาติ หรอื ตง้ั ธรรมหลวง กจิ กรรมตา่ งๆ เหลา่ น้ี ทาใหเ้ กิดภมู ปิ ัญญาในการจดั ทาเครอ่ื ง สกั การะบูชา เพ่ือใชใ้ นการบูชาตามความเชอ่ื ของชาวลา้ นนาในประเพณียเี่ ป็ง หรอื ประเพณีเดอื นย่ี ในทนี่ ้ีจะขอกลา่ วถึง ภมู ปิ ัญญาในการประดษิ ฐเ์ ครอ่ื งสกั การะ ลกั ษณะของเครอ่ื งสกั การะชนิดตา่ งๆ รวมถึงความเชอ่ื ในการบูชาดว้ ยเครอ่ื งสกั การะนนั้ ๆ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook