Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการบริหารงานบุคคลโรงเรียนชุมชนบ้านฟ่อนวิทยา

คู่มือการบริหารงานบุคคลโรงเรียนชุมชนบ้านฟ่อนวิทยา

Description: คู่มือการบริหารงานบุคคลโรงเรียนชุมชนบ้านฟ่อนวิทยา

Search

Read the Text Version

ค่มู ือการบริหารงานบุคคล โรงเรียนชมุ ชนบา้ นฟอ่ นวทิ ยา สานักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร

คานา คู่มือการบริหารงานบุคคลเล่มนี้ จัดทาขึ้นเพ่ือให้ข้าราชการครู และบุคลากรปฏิบัติหน้าที่รับผิดชอบ งานในกลุ่มบริหารงานบุคคลเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเกิดประโยชน์ต่อราชการ และเพ่ือใช้เป็นกรอบ และทิศทางในการบรหิ ารงานบุคคลของโรงเรียนชมุ ชนบา้ นฟ่อนวทิ ยา โรงเรียนชมุ ชนบา้ นฟ่อนวิทยา ขอขอบคณุ ทกุ ท่านที่มสี ่วนเกี่ยวข้องในการจัดทาเอกสารบริหารงาน บคุ คลฉบับนีเ้ ป็นอยา่ งย่ิง และหวงั วา่ เอกสารเลม่ นจ้ี ะเปน็ ประโยชนใ์ นการบรหิ ารทรัพยากรบคุ คลไดเ้ ป็นอย่างดี กลุ่มบริหารงานบคุ คล โรงเรียนชุมชนบ้านฟอ่ นวทิ ยา



โครงสร้างการบริหารงานการจัดการศ คณะกรรมการมลู นิธโิ รงเรียนฯ นายวนิ ัย คณะกรรมการชมรมศิษยเ์ ก่าโรงเรยี นฯ ผอู้ านวย คณะกรรมการชมรมผูป้ กครองและครู งานพัฒนาหลกั สูตรและการจดั การเรียนรู้ งานการเงนิ และงบประมาณ งานวดั ประเมนิ ผล ทะเบียนและเทยี บโอน งานอนมุ ัติ ขอโอนและเปล่ียนแปลง งานวจิ ยั เพอ่ื พฒั นาคุณภาพการศกึ ษา งานรายงานตดิ ตามตรวจสอบ งานพฒั นาสอื่ นวตั กรรมและเทคโนโลยี งานทรัพยส์ นิ เบกิ จ่าย เกบ็ รกั ษาและสง่ เงนิ งานสง่ เสรมิ การใช้แหล่งเรยี นรู้ งานระดมทรัพยากรและการลงทุน งานนเิ ทศภายใน งานครภุ ณั ฑ์ งานแนะแนว งานพัสดุ งานประกนั คณุ ภาพภายในและภายนอก งานบัญชี งานคดั เลอื กแบบเรียน งานประสานความรว่ มมอื กับสถานศกึ ษาอ่นื

ศึกษาโรงเรียนชุมชนบ้านฟ่อนวิทยา ย แปน้ น้อย คณะกรรมการสถานศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน ยการโรงเรยี น คณะกรรมการกองทุนปีพ่ าทยพ์ น้ื เมอื ง คณะกรรมการภาคี 4 ฝ่าย งานวางแผนอัตรากาลงั งานข้อมลู สารสนเทศ งานประเมินผลการปฏบิ ตั ิงาน งานธุรการและสารบรรณ งานวนั ลาและทะเบียนประวตั ิ งานส่งเสรมิ การจดั การศกึ ษาตามนโยบาย งานวนิ ยั งานประชาสมั พันธโ์ รงเรยี น งานเสริมสรา้ งประสทิ ธิภาพ งานอาคารสถานที่ งานขอรับใบประกอบวชิ าชพี งานสมั พันธช์ ุมชน งานพฒั นาขา้ ราชการครูและบุคลากร งานปฏิคมโรงเรยี น งานสวัสดิการครู งานควบคุมภายในหน่วยงาน งานกิจการนักเรยี น งานกองทุนสวัสดกิ าร

คมู่ อื การบริหารงานบคุ คล โรงเรียนชุมชนบา้ นฟอ่ นวิทยา สพป.ลาปางเขต 1 การบริหารงานบุคคลในสถานศึกษา เป็นภารกิจสาคัญที่มุ่งส่งเสริมให้สถานศึกษาสามารถปฏิบัติงาน เพ่ือตอบสนอง ภารกิจของสถานศึกษา เพ่ือดาเนินการด้านการบริหารงานบุคคลให้เกิดความคล่องตัว อิสระ ภายใต้กฎหมาย ระเบียบ เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับการ พัฒนา มีความรู้ ความสามารถ มีขวัญกาลังใจ ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ มีความม่ันคงและก้าวหน้าใน วชิ าชีพ ซึ่งจะสง่ ผลต่อการพฒั นาคุณภาพการศกึ ษาของผเู้ รียนเปน็ สาคญั วัตถุประสงค์ 1. เพอื่ ใหก้ ารดาเนนิ งานดา้ นการบรหิ ารงานบุคคลเปน็ ไปอยา่ งถูกต้อง รวดเรว็ และเปน็ ไปตาม หลักธรรมาภิบาล 2. เพือ่ ส่งเสรมิ บคุ ลากร ใหม้ คี วามรู้ ความสามารถและมจี ติ สานึกในการปฏบิ ตั ิภารกจิ ทมี่ ีความ รบั ผดิ ชอบให้เกิดผล สาเรจ็ ตามการบริหารแบบม่งุ ผลสมั ฤทธิ์ 3. เพอ่ื ส่งเสริมให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาปฏิบตั ิงานเต็มตามศักยภาพ โดยยึดม่ันในระเบียบ วนิ ัยจรรยาบรรณ อยา่ งมมี าตรฐานแห่งวิชาชีพ 4. เพอ่ื ใหค้ รแู ละบุคลากรทางการศึกษาทป่ี ฏิบตั ิงานไดต้ ามมาตรฐานวชิ าชพี ได้รบั การยกยอ่ งเชดิ ชู เกียรติมีความม่ันคงและความก้าวหน้าในวิชาชีพ ซ่ึงจะส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของผู้เรียนเป็น สาคญั พันธกิจ / ภาระหนา้ ท่ี / กลมุ่ บริหารงานบุคคล โรงเรียนชุมชนบ้านฟ่อนวทิ ยา วางแผนอตั รากาลัง/การกาหนดตาแหน่ง มหี น้าที่ 1. จัดทาแผนงาน โครงการ แผนปฏบิ ตั งิ านประจาปี และปฏิทนิ การปฏบิ ตั ิงาน 2. จัดทาแผนงานอัตรากาลังครู การกาหนดตาแหนง่ และความต้องการครูในสาขาทีโ่ รงเรยี น มคี วามต้องการ 3. จัดทารายงานอตั รากาลังครูตอ่ หน่วยงานต้นสงั กดั การสรรหาและบรรจแุ ต่งตั้ง มีหน้าที่ 1. วางแผนดาเนนิ การสรรหาและเลือกสรรและกาหนดรายละเอยี ดแผนปฏิบัตงิ าน 2. กาหนดรายละเอียดเก่ยี วกับการสรรหาการเลือกสรรคุณสมบัติของบุคคลทร่ี ับสมคั ร 3. จดั ทาประกาศรบั สมัคร 4. รับสมคั ร 5. การตรวจสอบคุณสมบัติผ้สู มัคร

6. ประกาศรายชื่อผูม้ ีสิทธริ บั การประเมิน 7. แต่งตัง้ คณะกรรมการดาเนินการสรรหาและเลือกสรร 8. สอบคดั เลอื ก 9. ประกาศรายชอ่ื ผูผ้ า่ นการเลือกสรร 10.การเรียกผู้ที่ผา่ นการคัดเลือกมารายงานตวั 11.จดั ทารายต่อหนว่ ยงานตน้ สงั กัด การพัฒนาบคุ ลากร มีหนา้ ท่ี 1. จัดทาแผนงาน/โครงการ/แผนปฏบิ ัติการประจาปี 2. สารวจความต้องการในการพัฒนาครูและบุคลากรในโรงเรียน 3. จัดทาแผนพฒั นาตนเองของครแู ละบุคลากรในโรงเรยี น 4. สง่ เสรมิ และสนบั สนนุ ใหค้ รแู ละบคุ ลากรได้รบั การพฒั นา 5. จัดทาแฟ้มบคุ ลากรในโรงเรยี น 6. ตดิ ตาม ประเมนิ ผล สรุปรายงานผลการปฏิบตั ิงานเสนอผอู้ านวยการ 7. งานอื่นๆ ท่ีไดร้ บั มอบหมาย การเลือ่ นขั้นเงินเดอื น มีหนา้ ที่ 1. จัดทาแผนงาน/โครงการ/แผนปฏบิ ัตกิ ารประจาปี 2. นิเทศ ติดตามผลการปฏบิ ัตงิ านของครูและบุคลากรในโรงเรยี น 3. ประชมุ คณะกรรมการในการพจิ ารณาเลื่อนข้ันเงนิ เดือนประจาปี 4. จดั ทาบัญชผี ทู้ ่ีได้รบั การพจิ ารณาเล่ือนขน้ั ประจาปโี ดยยึดหลกั ความโป่รงใส คุณธรรมจริยธรรม และการปฏิบัติงานทีร่ บั ผดิ ชอบ 5. แต่งตัง้ ผทู้ ี่ไดร้ บั การเลื่อนขัน้ เงินเดอื นรายงานต่อต้นสังกดั เคร่อื งราชอสิ รยิ าภรณ์ มหี นา้ ที่ 1. จดั รวบรวมเอกสารในการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ 2. สารวจความต้องการขอพระราชทานเคร่ืองราชอิสรยิ าภรณ์ของคณะครแู ละบุคลากร 3. สง่ เสริมและสนบั สนุนขอพระราชทานเคร่อื งราชอิสริยาภรณข์ องคณะครูและบุคลากรในโรงเรยี น 4. จัดทาแฟ้มข้อมลู การได้รับพระราชทานเคร่ืองราชอสิ รยิ าภรณข์ องคณะครูและบคุ ลากรใน โรงเรยี น

วินยั และการรกั ษาวินยั มีหน้าที่ 1. จดั รวบรวมเอกสารเกีย่ ววินยั และการรักษาวินัยของข้าราชการครูและบุคลากรในโรงเรยี น 2. จดั ทาแฟ้มข้อมูลเก่ยี วกบั การทาผดิ เกย่ี วกับวนิ ยั ของข้าราชการครแู ละบุคลากรในโรงเรยี น สวัสดกิ ารครู มหี น้าที่ 1.วางแผนดาเนนิ งานเกีย่ วกับสวัสดิการของครแู ละบุคลากรในโรงเรยี น 2. มอบของขวัญเปน็ กาลังใจในวนั สาคัญตา่ งๆ วนั เกิด แสดงความยินดีที่ผ่านการประเมินครชู านาญ การพเิ ศษ ของครูและบุคลากรในโรงเรยี น 3. ซื้อของเยย่ี มไข้เมื่อเจ็บป่วยหรอื นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล การปฏิบตั ริ าชการของข้าราชการครู 1. การลา การลาแบ่งออกเป็น 9 ประเภท คือ 1.การลาป่วย 2.การลาคลอดบุตร 3.การลากจิ ส่วนตัว 4.การลาพกั ผอ่ น 5.การลาอปุ สมบทหรือการลาไปประกอบพิธฮี จั ย์ 6.การลาเขา้ รับการตรวจเลือกหรือเข้ารบั การเตรียมพล 7.การลาไปศึกษา ฝึกอบรม ดูงาน หรอื ปฏบิ ตั กิ ารวิจัย 8.การลาไปปฏิบตั งิ านในองค์การระหว่างประเทศ 9.การลาตดิ ตามคูส่ มรส การลาป่วย ข้าราชการซ่ึงประสงคจ์ ะลาป่วยเพ่ือรกั ษาตวั ให้เสนอหรอื จัดส่งใบลาต่อผูบ้ งั คบั บญั ชา ตามลาดบั จนถึงผู้มีอานาจอนุญาตก่อนหรอื ในวันทล่ี าเว้นแตใ่ นกรณีจาเป็นจะเสนอหรือจัดสง่ ใบลา ในวนั แรก ทม่ี าปฏบิ ตั ิราชการกไ็ ด้ ในกรณที ข่ี ้าราชการผขู้ อลามอี าการปว่ ยจนไมส่ ามารถจะลงชื่อในใบลาได้จะให้ผู้อน่ื ลา แทนก็ได้ แต่เมื่อสามารถลงชอ่ื ได้แลว้ ให้เสนอหรอื จดั ส่งใบลาโดยเรว็ การลาปว่ ยตง้ั แต่ 30 วนั ข้ึนไป ต้องมี ใบรบั รองของแพทยซ์ ่งึ เปน็ ผทู้ ่ีไดข้ ึน้ ทะเบยี นและ รบั ใบอนุญาตเปน็ ผู้ประกอบวิชาชพี เวชกรรมแนบไปกบั ใบลา ด้วย ในกรณจี าเปน็ หรอื เหน็ สมควรผู้มอี านาจอนญุ าตจะสั่งให้ใช้ใบรบั รองของแพทยซ์ ่งึ ผ้มู ีอานาจอนุญาต เห็นชอบแทนก็ได้ การลาป่วยไมถ่ งึ 30 วนั ไมว่ ่าจะเปน็ การลาคร้ังเดียวหรือหลายครงั้ ติดตอ่ กัน ถ้าผมู้ ี

อานาจ อนญุ าตเหน็ สมควร จะสั่งใหม้ ีใบรับรองแพทยต์ ามวรรคสามประกอบใบลา หรอื สง่ั ใหผ้ ลู้ าไปรับการ ตรวจจากแพทย์ของทางราชการเพือ่ ประกอบการพจิ ารณาอนุญาตก็ได้ การลาคลอดบุตร ขา้ ราชการซ่ึงประสงคจ์ ะลาคลอดบุตร ให้เสนอหรือจัดสง่ ใบลาต่อผู้บังคับบัญชา ตามลาดบั จนถึงผ้มู ีอานาจอนญุ าตก่อนหรอื ในวนั ท่ลี า เว้นแตไ่ มส่ ามารถจะลงชือ่ ในใบลาได้ จะใหผ้ ู้อน่ื ลาแทน กไ็ ด้ แต่เม่ือสามารถลงชือ่ ได้แล้วใหเ้ สนอหรือจดั สง่ ใบลาโดยเร็ว และมีสิทธิลาคลอดบตุ รโดยได้รบั เงนิ เดอื น คร้งั หนึง่ ได้ การลาคลอดบุตรจะลาในวันทคี่ ลอดก่อนหรือหลังวันที่คลอดบตุ รก็ได้ แต่เมือ่ รวมวันลาแลว้ ตอ้ ง ไม่เกนิ 90 วัน การลากจิ ส่วนตวั ขา้ ราชการซึ่งประสงค์จะลากิจสว่ นตัว ใหเ้ สนอหรอื จดั สง่ ใบลาต่อผบู้ งั คับบัญชา ตามลาดบั จนถงึ ผู้มีอานาจอนญุ าต และเมื่อไดร้ บั อนญุ าตแลว้ จึงจะหยดุ ราชการได้ เวน้ แตม่ ีเหตุจาเปน็ ไม่ สามารถรอรบั อนญุ าตไดท้ นั จะเสนอหรือจดั ส่งใบลาพรอ้ มด้วยระบเุ หตจุ าเปน็ ไวแ้ ล้ว หยดุ ราชการ ไปก่อนก็ได้ แตจ่ ะต้องช้แี จงเหตุผลใหผ้ ู้มีอานาจอนุญาตทราบโดยเร็ว ในกรณีมเี หตุพิเศษท่ีไม่อาจเสนอหรอื จดั สง่ ใบลาก่อน ตามวรรคหนึง่ ได้ ใหเ้ สนอหรือจดั ส่ง ใบลาพร้อมทั้งเหตุผลความจาเป็นตอ่ ผู้บังคบั บัญชาตามลาดับจนถงึ ผมู้ ี อานาจอนุญาตทันทีในวันแรก ทมี่ าปฏบิ ตั ริ าชการ ข้าราชการมีสทิ ธลิ ากจิ ส่วนตวั โดยได้รับเงินเดอื นปีละไม่ เกิน 45 วันทาการ ข้าราชการทีล่ าคลอดบตุ รตามข้อ 18 แลว้ หากประสงค์จะลากจิ ส่วนตวั เพอื่ เลยี้ งดบู ตุ ร ให้มี สทิ ธิลาต่อเนื่องจากการลาคลอดบตุ รไดไ้ ม่เกิน 150 วนั ทาการ โดยไมม่ สี ิทธิได้รับเงนิ เดอื นระหวา่ งลา การลาพักผ่อน ขา้ ราชการมีสทิ ธิลาพักผอ่ นประจาปใี นปีหน่ึงได้ 10 วนั ทาการ เวน้ แตข่ ้าราชการดงั ต่อไปน้ี ไม่มีสิทธลิ าพกั ผ่อนประจาปีในปที ไี่ ดร้ บั บรรจุเข้ารบั ราชการยงั ไมถ่ ึง 6 เดือน 1. ผซู้ ึ่งไดร้ ับบรรจุเขา้ รับราชการเป็นขา้ ราชการคร้งั แรก ผ้ซู ่ึงลาออกจากราชการเพราะเหตสุ ่วนตัว แลว้ ต่อมาได้รับบรรจเุ ข้ารบั ราชการอีก 2. ผูซ้ ่งึ ลาออกจากราชการเพื่อดารงตาแหน่งทางการเมือง หรือเพ่ือสมคั รรับเลือกตั้ง แล้ว ตอ่ มาได้รับบรรจุเข้ารับราชการอกี หลัง 6 เดือน นบั แต่วนั ออกจากราชการ 3. ผ้ซู ่ึงถกู สง่ั ใหอ้ อกจากราชการในกรณีอื่น นอกจากกรณีไปรบั ราชการทหารตามกฎหมาย ว่าดว้ ย การรบั ราชการทหารและกรณีไปปฏิบตั ิงานใด ๆ ตามความประสงค์ของทางราชการ แล้วตอ่ มา ไดร้ ับบรรจุเข้า รับราชการอีกถา้ ในปีใดขา้ ราชการผ้ใู ดมไิ ดล้ าพกั ผ่อนประจาปหี รือลาพักผอ่ นประจาปี แล้วแตไ่ มค่ รบ 10 วัน ทาการ ให้สะสมวันทีย่ ังมิไดล้ าในปนี นั้ รวมเข้ากับปตี ่อ ๆไปได้ แต่วนั ลาพักผอ่ น สะสมรวมกับวันลาพักผอ่ นในปี ปจั จุบันจะต้องไม่เกิน 20 วันทาการ สาหรับผ้ทู ่ไี ดร้ ับราชการตดิ ตอ่ กันมาแลว้ ไม่น้อยกวา่ 10 ปี ให้มสี ิทธนิ า วันลาพกั ผ่อนสะสม รวมกับวันลาพกั ผ่อนในปีปจั จุบันได้ไม่เกนิ 30 วนั ทาการ การลาอุปสมบทหรือการลาไปประกอบพธิ ีฮจั ย์ ข้าราชการซ่งึ ประสงค์จะลาอุปสมบทใน พระพุทธศาสนา หรือข้าราชการทน่ี ับถือศาสนา อสิ ลามซง่ึ ประสงคจ์ ะลาไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอดุ ีอาระเบยี ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผบู้ งั คับบัญชาตามลาดับจนถึงผูม้ ีอานาจพิจารณาหรือ อนุญาตกอ่ นวนั อุปสมบท หรือก่อนวันเดนิ ทางไปประกอบพิธฮี จั ย์ไม่นอ้ ยกว่า 60 วนั ในกรณมี ีเหตุพเิ ศษไม่ อาจเสนอหรือจัดสง่ ใบลาก่อนตามวรรคหน่ึงใหช้ ้แี จงเหตุผลความ จาเป็นประกอบการลา และให้อยู่ในดลุ พินจิ ของผมู้ ีอานาจที่จะพิจารณาใหล้ าหรือไม่กไ็ ด้ ข้าราชการท่ีได้รบั พระราชทานพระบรมราชานญุ าตใหล้ า

อุปสมบทหรอื ไดร้ ับอนุญาตให้ลาไป ประกอบพิธฮี ัจย์แล้วจะต้องอุปสมบทหรอื ออกเดนิ ทางไปประกอบพิธฮี ัจย์ ภายใน 10 วนั นบั แต่ วันเริ่มลา และจะต้องกลับมารายงานตัวเขา้ ปฏบิ ตั ริ าชการภายใน 5 วัน นับแตว่ นั ท่ีลา สกิ ขา หรือ วนั ทีเ่ ดนิ ทางกลับถึงประเทศไทยหลังจากการเดนิ ทางไปประกอบพิธฮี ัจย์ การลาเขา้ รบั การตรวจเลือกหรอื เขา้ รับการเตรียมพล ข้าราชการทีไ่ ด้รบั หมายเรยี กเข้ารบั การตรวจ เลอื ก ใหร้ ายงานลาต่อผู้บงั คับบัญชาก่อนวัน เข้ารับการตรวจเลือกไมน่ ้อยกวา่ 48 ช่วั โมง สว่ นข้าราชการท่ี ไดร้ ับหมายเรยี กเข้ารบั การเตรียมพล ใหร้ ายงานลาต่อผบู้ ังคบั บัญชาภายใน 48 ชั่วโมง นบั แต่เวลารับ หมายเรยี กเป็นต้นไป และใหไ้ ปเข้า รับการตรวจเลือกหรือเข้ารับการเตรียมพลตามวันเวลาในหมายเรยี กน้ัน โดยไม่ตอ้ งรอรบั คาสงั่ อนุญาต และใหผ้ บู้ ังคับบัญชาเสนอรายงานลาไปตามลาดบั จนถึงหัวหนา้ ส่วนราชการ หรือหวั หนา้ สว่ นราชการข้ึนตรง การลาไปศกึ ษา ฝึกอบรมดงู าน หรอื ปฏิบตั กิ ารวิจัย ข้าราชการซงึ่ ประสงค์จะลาไปศึกษาฝกึ อบรม ดู งาน หรือปฏิบัติการวิจัย ณ ต่างประเทศ ใหเ้ สนอหรือจัดสง่ ใบลาต่อผู้บังคับบญั ชาตามลาดบั จนถึง ปลัดกระทรวงหรือหวั หนา้ ส่วนราชการขน้ึ ตรงเพื่อพิจารณาอนุญาตสาหรับการลาไปศึกษาฝึกอบรมดูงาน หรอื ปฏิบตั ิการวิจยั ในประเทศใหเ้ สนอหรอื จัดส่ง ใบลาตามลาดับจนถงึ หวั หนา้ สว่ นราชการ หรอื หัวหนา้ ส่วน ราชการขึ้นตรงเพื่อพจิ ารณาอนุญาต เว้นแต่ข้าราชการกรุงเทพมหานครให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อปลดั กรงุ เทพมหานคร สาหรบั หวั หน้า ส่วนราชการใหเ้ สนอหรอื จดั ส่งใบลาต่อปลัดกระทรวง หวั หน้าสว่ นราชการ ขึ้นตรงและขา้ ราชการ ในราชบณั ฑติ ยสถานใหเ้ สนอหรอื จัดสง่ ใบลาต่อรัฐมนตรเี จ้าสงั กัด สว่ นปลัดกรุงเทพมหานครใหเ้ สนอ หรือจัดส่งใบลาต่อผวู้ ่าราชการกรงุ เทพมหานคร เพ่ือพจิ ารณาอนุญาต การลาไปปฏิบัตงิ านในองคก์ ารระหวา่ งประเทศ ขา้ ราชการซึ่งประสงค์จะลาไปปฏิบัตงิ านใน องค์การระหวา่ งประเทศ ใหเ้ สนอหรือจดั ส่งใบลา ต่อผูบ้ ังคับบญั ชาตามลาดับจนถึงรฐั มนตรเี จ้าสังกัดเพื่อ พิจารณา โดยถือปฏบิ ัตติ ามหลกั เกณฑ์ ท่ีกาหนด การลาติดตามค่สู มรส ข้าราชการซงึ่ ประสงคต์ ดิ ตามค่สู มรสใหเ้ สนอหรือจดั สง่ ใบลาต่อผู้บังคับบญั ชา ตามลาดบั จนถงึ ปลัดกระทรวงหรอื หวั หนา้ ส่วนราชการขึ้นตรงแลว้ แตก่ รณี เพ่ือพจิ ารณาอนญุ าตให้ลาได้ไม่ เกิน สองปีและในกรณจี าเปน็ อาจอนุญาตให้ลาไดอ้ ีกสองปี แต่เมือ่ รวมแลว้ ตอ้ งไม่เกนิ สปี่ ี ถ้าเกินส่ปี ี ให้ลาออก จากราชการสาหรับปลัดกระทรวง หัวหนา้ สว่ นราชการขนึ้ ตรง และข้าราชการ ในราชบัณฑิตยสถานให้เสนอ หรอื จดั สง่ ใบลาต่อรฐั มนตรเี จ้าสังกดั ส่วนปลัดกรุงเทพมหานครให้เสนอ หรือจัดสง่ ใบลาต่อผวู้ ่าราชการ กรงุ เทพมหานครเพ่ือพิจารณาอนญุ าต วนิ ยั และการดาเนนิ การทางวนิ ัย วนิ ยั : การควบคมุ ความประพฤติของคนในองค์กรใหเ้ ปน็ ไปตามแบบแผนที่พึงประสงค์ วนิ ยั ขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา : ข้อบญั ญตั ิที่กาหนดเปน็ ข้อหา้ มและ ข้อปฏิบัติ ตามหมวด 6 แห่งพระราชบัญญตั ิระเบยี บข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2547 และที่แก้ไข เพ่ิมเติมฉบับท่ี 2 พ.ศ. 2551

โทษทางวนิ ยั มี 5 สถาน คอื วนิ ัยไมร่ า้ ยแรง มีดงั นี้ 1. ภาคทณั ฑ์ 2. ตดั เงินเดือน 3. ลดข้นั เงินเดือน วนิ ยั ร้ายแรง มีดงั น้ี 4. ปลดออก 5. ไลอ่ อก การว่ากล่าวตกั เตือนหรือการทาทัณฑบ์ นไมถ่ ือวา่ เป็นโทษทางวินยั ใชใ้ นกรณที เี่ ปน็ ความผิด เล็กน้อย และมีเหตุอันควรงดโทษ การว่ากลา่ วตกั เตือนไม่ต้องทาเป็นหนังสือ แต่การทาทณั ฑบ์ นต้องทาเป็นหนังสือ(มาตรา 100 วรรคสอง) โทษภาคทณั ฑ์ ใช้ลงโทษในกรณีท่เี ป็นความผิดเลก็ นอ้ ยหรือมเี หตุอนั ควรลดหย่อน โทษภาคทัณฑ์ไมต่ ้องหา้ มการเลื่อนขน้ั เงนิ เดอื น โทษตัดเงินเดอื นและลดขั้นเงินเดือน ใช้ลงโทษในความผิดท่ีไม่ถงึ กับเปน็ ความผิดรา้ ยแรง และไม่ใชก่ รณที เี่ ปน็ ความผิดเลก็ น้อย โทษปลดออกและไล่ออก ใช้ลงโทษในกรณีทเี่ ป็นความผิดวินัยร้ายแรงเท่านั้น การลดโทษความผิดวินัยรา้ ยแรง หา้ มลดโทษตา่ กว่าปลดออก ผถู้ กู ลงโทษปลดออกมีสิทธิได้รบั บาเหน็จบานาญเสมือนลาออก การสงั่ ใหอ้ อกจากราชการไมใ่ ช่โทษทางวนิ ยั วินยั ไมร่ ้ายแรง ได้แก่ 1. ไม่สนบั สนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั ริยเ์ ปน็ ประมุข ตามรฐั ธรรมนูญ แหง่ ราชอาณาจักรไทยด้วยความบรสิ ุทธิ์ใจ 2. ไม่ปฏิบัติหน้าท่ีราชการดว้ ยความซื่อสัตย์สุจริต เสมอภาค และเท่ยี งธรรม ต้องมีความวิริยะ อุตสาหะขยนั หมน่ั เพียร ดูแลเอาใจใส่ รักษาประโยชน์ของทางราชการ และต้องปฏิบัติตน ตามมาตรฐานและ จรรยาบรรณวชิ าชีพ 3. อาศยั หรอื ยอมให้ผู้อ่ืนอาศัยอานาจและหน้าท่รี าชการของตนไม่ว่าจะโดยทางตรง หรือ ทางออ้ มหา ประโยชนใ์ ห้แกต่ นเองและผู้อื่น 4. ไม่ปฏบิ ตั ิหนา้ ที่ราชการใหเ้ ปน็ ไปตามกฎหมายระเบยี บแบบแผนของทางราชการและ หนว่ ยงาน การศกึ ษามติครม. หรอื นโยบายของรัฐบาลโดยถือประโยชน์สงู สดุ ของผู้เรียน และไม่ให้ เกดิ ความเสียหายแก่ ราชการ

5. ไม่ปฏบิ ัตติ ามคาสง่ั ของผู้บังคับบัญชาซึง่ สั่งในหนา้ ที่ราชการโดยชอบด้วยกฎหมายและ ระเบยี บ ของทางราชการแต่ถา้ เห็นวา่ การปฏิบตั ติ ามคาส่งั น้นั จะทาให้เสียหายแกร่ าชการ หรอื จะ เป็นการไม่รักษา ประโยชนข์ องทางราชการจะเสนอความเห็นเป็นหนังสือภายใน 7 วนั เพื่อให้ผูบ้ งั คบั บัญชาทบทวนคาส่ังก็ได้ และเม่ือเสนอความเห็นแลว้ ถา้ ผู้บังคับบญั ชายนื ยนั เปน็ หนังสือให้ปฏบิ ตั ิ ตามคาสั่งเดิม ผูอ้ ยใู่ ตบ้ งั คบั บัญชา ต้องปฏิบัตติ าม 6. ไม่ตรงต่อเวลา ไม่อทุ ิศเวลาของตนให้แก่ทางราชการและผเู้ รียน ละทิง้ หรอื ทอดทิ้งหนา้ ที่ ราชการ โดยไม่มีเหตผุ ลอนั สมควร 7. ไม่ประพฤตติ นเปน็ แบบอย่างที่ดีแกผ่ ู้เรยี นชุมชน สังคม ไมส่ ภุ าพเรียบร้อยและรักษา ความ สามัคคี ไม่ชว่ ยเหลือเกอื้ กลู ต่อผเู้ รียนและข้าราชการด้วยกัน หรอื ผรู้ ว่ มงานไม่ต้อนรบั หรือ ให้ความสะดวก ให้ ความเปน็ ธรรมตอ่ ผู้เรียนและประชาชนผู้มาตดิ ตอ่ ราชการ 8. กลน่ั แกล้ง กลา่ วหา หรือรอ้ งเรยี นผ้อู น่ื โดยปราศจากความเปน็ จรงิ 9. กระทาการหรือยอมใหผ้ ู้อ่ืนกระทาการหาประโยชนอ์ ันอาจทาให้เส่ือมเสียความเทยี่ งธรรม หรือ เส่ือมเสยี เกยี รติศกั ดิ์ในตาแหน่งหนา้ ท่ีราชการของตน 10. เป็นกรรมการผ้จู ดั การ หรอื ผู้จดั การ หรอื ดารงตาแหน่งอ่นื ใดทม่ี ลี ักษณะงานคล้ายคลงึ กนั น้นั ใน ห้างหนุ้ สว่ นหรือบรษิ ัท 11. ไม่วางตนเป็นกลางทางการเมืองในการปฏิบัติหน้าที่ และในการปฏิบตั ิการอนื่ ท่ีเกีย่ วขอ้ ง กับ ประชาชนอาศัยอานาจและหนา้ ที่ราชการของตนแสดงการฝกั ใฝ่ส่งเสรมิ เกอ้ื กลู สนบั สนุนบุคคล กลุ่มบคุ คล หรือพรรคการเมืองใด 12. กระทาการอันใดอันไดช้ ื่อวา่ เป็นผู้ประพฤติช่ัว 13. เสรมิ สร้างและพัฒนาให้ผ้อู ยู่ใต้บงั คับบญั ชามีวนิ ยั ไม่ป้องกันมิให้ผอู้ ยู่ใตบ้ ังคบั บัญชา กระทาผิด วนิ ัย หรอื ละเลย หรือมพี ฤตกิ รรมปกป้อง ชว่ ยเหลือมิให้ผ้อู ยใู่ ตบ้ ังคบั บญั ชาถูกลงโทษทางวนิ ัย หรอื ปฏิบัติ หนา้ ท่ีดงั กล่าวโดยไมส่ ุจริต วนิ ยั รา้ ยแรง ไดแ้ ก่ 1. ทจุ ริตตอ่ หนา้ ที่ราชการ 2. จงใจไม่ปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายระเบียบแบบแผนของทางราชการและหน่วยงานการศกึ ษามตคิ รม.หรือ นโยบายของรัฐบาลประมาทเลินเลอ่ หรือขาดการเอาใจใสร่ ะมดั ระวงั รักษาประโยชน์ ของทางราชการอนั เป็น เหตใุ ห้เกดิ ความเสยี หายแก่ราชการอยา่ งรา้ ยแรง 3. ขัดคาสั่งหรอื หลกี เล่ยี งไมป่ ฏบิ ัติตามคาส่งั ของผ้บู ังคบั บญั ชาซง่ึ ส่ังในหน้าที่ราชการ โดยชอบด้วยกฎหมายและระเบยี บของทางราชการอันเปน็ เหตุใหเ้ สียหายแก่ราชการอยา่ งร้ายแรง 4. ละท้งิ หนา้ ทหี่ รือทอดทิง้ หนา้ ท่ีราชการ โดยไม่มเี หตผุ ลอันสมควรเปน็ เหตุให้เสียหายแกร่ าชการ อย่างรา้ ยแรง 5. ละทง้ิ หน้าทีร่ าชการตดิ ต่อในคราวเดยี วกันเป็นเวลาเกนิ กว่า 15 วัน โดยไมม่ เี หตุผลอนั สมควร 6. กล่นั แกลง้ ดูหมน่ิ เหยียดหยาม กดขี่ หรือข่มเหงผเู้ รียนหรอื ประชาชนผู้มาติดต่อราชการ อย่าง

รา้ ยแรง 7. กลั่นแกล้ง กล่าวหา หรือร้องเรียนผู้อน่ื โดยปราศจากความเปน็ จรงิ เปน็ เหตุใหผ้ อู้ นื่ ไดร้ บั ความ เสยี หายอย่างร้ายแรง 8. กระทาการหรือยอมใหผ้ อู้ ื่นกระทาการหาประโยชน์อันอาจทาให้เสื่อมเสียความเท่ียงธรรม หรือ เส่ือมเสียเกยี รติศักด์ิในตาแหน่งหนา้ ทีร่ าชการโดยมงุ่ หมายจะใหเ้ ปน็ การซอื้ ขายหรอื ใหไ้ ด้รับ แตง่ ตง้ั ใหด้ ารง ตาแหน่งหรือวิทยฐานะใดโดยไมช่ อบด้วยกฎหมาย หรือเปน็ การกระทาอันมีลักษณะ เปน็ การใหห้ รือไดม้ าซึ่ง ทรัพย์สินหรือสทิ ธิประโยชน์อืน่ เพอื่ ใหต้ นเองหรือผู้อ่นื ไดร้ บั การบรรจแุ ละ แต่งตง้ั โดยมชิ อบ 9. คดั ลอกหรือลอกเลียนผลงานทางวชิ าการของผู้อนื่ โดยมิชอบหรอื นาเอาผลงานทางวิชาการของ ผอู้ ่นื หรอื จา้ งวาน ใชผ้ ู้อื่นทาผลงานทางวชิ าการเพ่ือไปใชใ้ นการเสนอขอปรับปรุงการกาหนดตาแหนง่ การ เลื่อนตาแหน่ง การเล่ือนวิทยฐานะ หรือการให้ได้รับเงินเดือนในระดับทส่ี ูงข้ึน 10. รว่ มดาเนนิ การคดั ลอกหรือลอกเลียนผลงานของผู้อื่นโดยมชิ อบ หรอื รบั จดั ทาผลงานทาง วชิ าการ ไม่ว่าจะมีคา่ ตอบแทนหรือไมเ่ พื่อให้ผูอ้ นื่ นาผลงานนน้ั ไปใช้ประโยชนเ์ พ่ือปรับปรุงการกาหนดตาแหนง่ เลอ่ื นตาแหน่ง เลื่อนวิทยฐานะ หรอื ใหไ้ ดร้ บั เงินเดือนในอันดบั ทส่ี งู ข้นึ 11. เขา้ ไปเกยี่ วข้องกบั การดาเนินการใด ๆ อันมลี ักษณะเปน็ การทุจรติ โดยการซื้อสทิ ธิหรอื ขายเสียง ในการเลอื กตั้งสมาชิกรัฐสภา สมาชิกสภาทอ้ งถ่ิน ผบู้ ริหารทอ้ งถ่ินหรือการเลือกตง้ั อ่ืนท่ีมลี กั ษณะเป็นการ ส่งเสรมิ การปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยรวมท้งั การส่งเสรมิ สนบั สนุน หรอื ชักจงู ให้ผ้อู ื่นกระทาการใน ลกั ษณะเดียวกัน 12. กระทาความผดิ อาญาจนได้รับโทษจาคุก หรอื โทษท่หี นักกวา่ จาคุกโดยคาพพิ ากษาถงึ ท่สี ุด ให้ จาคุกหรอื ใหร้ ับโทษทีห่ นักกว่าจาคกุ เว้นแตเ่ ป็นโทษสาหรับความผิดท่ีไดก้ ระทาโดยประมาท หรือลหุโทษ หรือกระทาการอืน่ ใดอนั ได้ชอื่ วา่ เป็นผู้ประพฤตชิ ว่ั อยา่ งร้ายแรง 13. เสพยาเสพติด หรอื สนับสนนุ ให้ผูอ้ ่นื เสพยาเสพติด 14. เล่นการพนันเปน็ อาจณิ 15. กระทาการลว่ งละเมิดทางเพศต่อผเู้ รยี นหรือนักศึกษาไม่วา่ จะอยู่ในความดูแลรับผิดชอบ ของตน หรือไม่ การดาเนินการทางวินยั การดาเนนิ การทางวินยั กระบวนการและขน้ั ตอนการดาเนินการในการออกคาสัง่ ลงโทษ ซึ่งเป็น ขน้ั ตอนที่มีลาดับก่อนหลังต่อเนื่องกัน อันได้แก่ การต้ังเร่อื งกล่าวหาการสบื สวนสอบสวน การพิจารณา ความผดิ และกาหนดโทษและการสั่งลงโทษรวมทง้ั การดาเนินการต่าง ๆ ในระหวา่ งการสอบสวนพจิ ารณา เชน่ การสั่งพัก การส่งั ให้ออกไว้กอ่ น เพือ่ รอฟงั ผลการสอบสวนพิจารณา หลกั การดาเนนิ การทางวินยั 1. กรณที ผ่ี ู้บงั คบั บญั ชาพบว่าผู้ใตบ้ ังคบั บญั ชาผ้ใู ดกระทาผิดวนิ ัยโดยมีพยานหลกั ฐานในเบือ้ งต้นอยู่ แลว้ ผ้บู ังคบั บัญชาก็สามารถดาเนินการทางวนิ ยั ได้ทนั ที 2. กรณีท่ีมกี ารร้องเรียนด้วยวาจาให้จดปากคา ให้ผ้รู ้องเรียนลงลายมอื ชอื่ และวนั เดอื น ปี พรอ้ ม

รวบรวมพยานหลักฐานอ่นื ๆ ประกอบการพิจารณาแลว้ ดาเนนิ การใหม้ ีการสบื สวนข้อเทจ็ จรงิ โดยตั้งกรรมการ สืบสวนหรือส่ังให้บุคคลใดไปสืบสวนหากเห็นว่ามมี ลู ก็ตัง้ คณะกรรมการสอบสวน ตอ่ ไป 3. กรณีมกี ารรอ้ งเรียนเปน็ หนังสือผ้บู ังคบั บัญชาต้องสบื สวนในเบือ้ งตน้ กอ่ นหากเหน็ ว่า ไม่มีมลู กส็ ่ัง ยุติเร่ืองถา้ เหน็ ว่ามมี ลู กต็ ั้งคณะกรรมการสอบสวนต่อไป กรณหี นงั สือรอ้ งเรียนไมล่ ง ลายมอื ชื่อและที่อยขู่ องผู้ ร้องเรยี นหรอื ไมป่ รากฏพยานหลักฐานทแ่ี นน่ อนจะเขา้ ลักษณะของบัตร สนเทห่ ์ มติครม.ห้ามมิให้รบั ฟงั เพราะ จะทาให้ขา้ ราชการเสียขวญั ในการปฏิบตั ิหน้าที่ ขนั้ ตอนการดาเนินการทางวนิ ัย 1. การตั้งเรอื่ งกลา่ วหาเปน็ การตั้งเรอื่ งดาเนนิ การทางวินยั แก่ข้าราชการเมอ่ื ปรากฏ กรณมี ีมลู ท่ีควรกล่าวหาว่า กระทาผดิ วินัยมาตรา 98 กาหนดให้ผูบ้ ังคบั บัญชาแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพ่ือดาเนนิ การ สอบสวนให้ได้ความจริงและความยุตธิ รรมโดยไม่ชักช้าผู้ตัง้ เรื่องกล่าวหาคอื ผ้บู ังคับบญั ชาของผู้ ถกู กล่าวหาความผิดวินยั ไมร่ ้ายแรง ผบู้ ังคบั บัญชาช้นั ตน้ คือ ผ้อู านวยการสถานศึกษาสามารถแตง่ ตั้ง กรรมการสอบสวนขา้ ราชการในโรงเรยี นทกุ คนความผดิ วินยั รา้ ยแรง ผู้บังคับบญั ชาผมู้ ีอานาจบรรจุ และแตง่ ต้ัง ตามมาตรา 53 เปน็ ผู้มีอานาจบรรจแุ ละแต่งตง้ั คณะกรรมการสอบสวน 2. การแจ้งขอ้ กลา่ วหา มาตรา 98 กาหนดไวว้ า่ ในการสอบสวนจะตอ้ งแจง้ ข้อกลา่ วหาและสรปุ พยานหลักฐาน ที่สนับสนนุ ข้อกล่าวหาเทา่ ทม่ี ีใหผ้ ู้ถูกกลา่ วหาทราบ โดยระบุหรือไม่ระบุชื่อพยานก็ไดเ้ พอื่ ให้ ผู้ ถกู กลา่ วหามีโอกาสชีแ้ จงและนาสืบแกข้ ้อกลา่ วหา 3. การสอบสวน คอื การรวบรวมพยานหลกั ฐานและการดาเนินการท้งั หลายอ่นื เพ่ือจะทราบ ขอ้ เท็จจริง และพฤติการณต์ า่ ง ๆ หรือพสิ ูจน์เก่ียวกับเร่อื งที่กลา่ วหาเพือ่ ใหไ้ ด้ความจรงิ และยุติธรรม และ เพื่อพิจารณาวา่ ผู้ถกู กล่าวหาไดก้ ระทาผิดวินยั จริงหรือไมถ่ า้ ผิดจรงิ กจ็ ะได้ลงโทษ ข้อยกเว้น กรณีทเ่ี ปน็ ความผดิ ท่ปี รากฏชัดแจง้ ตามท่ีกาหนดในกฎ ก.ค.ศ.จะดาเนินการ ทางวนิ ัยโดยไมส่ อบสวนก็ได้ ความผิดท่ี ปรากฏชัดแจง้ ตามท่ีกาหนดในกฎ ก.ค.ศ. วา่ ด้วยกรณีความผดิ ที่ปรากฏชดั แจง้ พ.ศ.2549 ก. การกระทาผดิ วินยั อยา่ งไมร่ ้ายแรงท่ีเปน็ กรณีความผดิ ท่ีปรากฏอย่างชดั แจ้ง ได้แก่ (1) กระทาความผิดอาญาจนตอ้ งคาพิพากษาถึงทสี่ ดุ ว่าผู้น้ันกระทาผิดและผบู้ งั คบั บัญชาเห็นว่า ข้อเท็จจรงิ ตามคาพิพากษาประจักษช์ ัด (2) กระทาผิดวนิ ัยไม่รา้ ยแรงและได้รบั สารภาพเปน็ หนงั สือต่อผบู้ งั คบั บัญชาหรอื ให้ถ้อยคารับ สารภาพต่อผู้มีหน้าท่สี บื สวนหรอื คณะกรรมการสอบสวนโดยมีการบนั ทึกถ้อยคาเป็นหนังสอื ข. การกระทาผิดวินยั อยา่ งร้ายแรงทีเ่ ปน็ กรณคี วามผิดทป่ี รากฏชดั แจ้ง ได้แก่ (1) กระทาความผิดอาญาจนได้รับโทษจาคุกหรอื โทษท่หี นักกวา่ จาคุกโดยคาพพิ ากษาถงึ ที่สดุ ให้ จาคกุ หรอื ลงโทษที่หนักกวา่ จาคุก (2) ละทงิ้ หนา้ ทรี่ าชการติดต่อในคราวเดยี วกนั เป็นเวลาเกินกว่า 15 วนั ผู้บงั คับบัญชา สบื สวนแลว้ เหน็ วา่ ไม่มีเหตุผลสมควร หรือมีพฤติการณ์อันแสดงถึงความจงใจไม่ปฏิบัตติ ามระเบียบ ของทางราชการ (3) กระทาผิดวนิ ยั อยา่ งร้ายแรงและไดร้ ับสารภาพเป็นหนังสอื ตอ่ ผู้บงั คับบัญชาหรอื ให้ ถ้อยคารบั สารภาพต่อผู้มีหน้าทสี่ ืบสวนหรอื คณะกรรมการสอบสวนโดยมกี ารบนั ทึกถ้อยคาเปน็ หนังสือ

การอุทธรณ์ มาตรา 121 และมาตรา 122 แห่งพระราชบัญญตั ิระเบียบขา้ ราชการครูและบคุ ลากร ทาง การศึกษา พ.ศ. 2547 บญั ญตั ิให้ผถู้ กู ลงโทษทางวินัยมีสิทธิอทุ ธรณค์ าส่งั ลงโทษต่ออ.ก.ค.ศ. เขตพน้ื ท่ี การศึกษา อ.ก.ค.ศ.ท่ี ก.ค.ศ. ตงั้ แลว้ แตก่ รณี ภายใน 30 วัน เงอ่ื นไขในการอทุ ธรณ์ ผู้อทุ ธรณ์ ตอ้ งเปน็ ผู้ที่ถูกลงโทษทางวนิ ัยและไม่พอใจผลของคาสง่ั ลงโทษผู้อทุ ธรณ์ ต้อง อุทธรณเ์ พอ่ื ตนเองเทา่ น้นั ไม่อาจอุทธรณ์แทนผู้อ่ืนได้ ระยะเวลาอุทธรณ์ ภายใน 30 วัน นับแต่วันท่ีไดร้ ับแจ้งคาส่งั ลงโทษต้องทาเป็นหนังสอื การอทุ ธรณ์โทษวนิ ัยไมร่ า้ ยแรง การอทุ ธรณ์คาสั่งโทษภาคทัณฑ์ ตดั เงนิ เดือน หรือลดข้ันเงินเดือน ทีผ่ บู้ ังคับบัญชาสัง่ ด้วยอานาจของตนเอง ต้องอทุ ธรณต์ ่อ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาหรือ อ.ก.ค.ศ.ส่วน ราชการ เว้นแต่ การสงั่ ลงโทษตามมติให้อทุ ธรณ์ต่อ ก.ค.ศ. การอทุ ธรณ์โทษวินยั ร้ายแรง การอทุ ธรณ์คาสงั่ ลงโทษปลดออกหรอื ไล่ออกจากราชการตอ้ งอทุ ธรณ์ ต่อก.ค.ศ.ทั้งนี้การร้องทกุ ขค์ าสง่ั ใหอ้ อกจากราชการหรอื คาส่ังพักราชการหรือให้ออกจากราชการไว้ก่อนกต็ ้อง รอ้ งทุกขต์ ่อก.ค.ศ.เช่นเดียวกัน การร้องทุกข์ หมายถงึ ผถู้ ูกกระทบสทิ ธหิ รอื ไมไ่ ดร้ ับความเป็นธรรมจากคาสั่งของฝา่ ยปกครอง หรือคับข้องใจจากการกระทาของผ้บู ังคบั บัญชาใชส้ ิทธิรอ้ งทกุ ข์ขอความเปน็ ธรรมขอให้เพิกถอนคาส่งั หรือ ทบทวนการกระทาของฝา่ ยปกครองหรอื ของผู้บังคบั บัญชา มาตรา 122 และมาตรา 123 แห่งพระราชบญั ญัตริ ะเบียบข้าราชการครูและบคุ ลากร ทางการศกึ ษา พ.ศ.2547บญั ญตั ิให้ผูถ้ ูกสั่งให้ออกจากราชการมีสิทธิรอ้ งทกุ ขต์ ่อก.ค.ศ.และผซู้ ึ่งตน เห็นวา่ ตนไมไ่ ดร้ บั ความ เป็นธรรมหรือมคี วามคับข้องใจเนือ่ งจากการกระทาของผ้บู งั คบั บัญชาหรือ กรณถี ูกตงั้ กรรมการสอบสวนมีสิทธิ ร้องทุกขต์ ่ออ.ก.ค.ศ.เขตพนื้ ที่การศึกษาอ.ก.ค.ศ.ท่ีก.ค.ศ.ต้ังหรือก.ค.ศ.แลว้ แต่กรณภี ายใน30วัน ผูม้ สี ทิ ธริ ้องทกุ ข์ ได้แก่ ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา เหตทุ ี่จะร้องทุกข์ (1) ถูกสั่งให้ออกจากราชการ (2) ถกู ส่ังพักราชการ (3) ถกู ส่ังให้ออกจากราชการไว้กอ่ น (4) ไม่ไดร้ ับความเปน็ ธรรม หรอื คับข้องใจจากการกระทาของผบู้ ังคบั บัญชา (5) ถกู ตั้งกรรมการสอบสวน การเล่ือนขัน้ เงนิ เดือน ขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาจะไดร้ ับการพิจารณาเล่ือนขั้นเงินเดือนในแตล่ ะครง้ั ต้องอยใู่ นเกณฑ์ ดังน้ี

1. ในครงึ่ ปที ่ีแล้วมามีผลการปฏิบัตงิ าน ความประพฤตใิ นการรักษาวินัย คุณธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณวชิ าชีพอยู่ในเกณฑ์ท่สี มควรได้เล่อื นขัน้ เงินเดือน 2. ในครงึ่ ปีที่แลว้ มาจนถึงวนั ออกคาส่ังเลื่อนข้นั เงนิ เดือนไมถ่ ูกลงโทษทางวินัยท่ีหนักกว่าโทษ ภาคทณั ฑ์ หรือถูกลงโทษในคดีอาญาใหล้ งโทษในความผดิ ที่เกย่ี วกบั การปฏบิ ตั หิ น้าท่รี าชการ หรอื ความผิดทท่ี าให้เส่อื มเสียเกยี รตศิ ักดิข์ องตาแหนง่ หน้าที่ราชการของตน ซ่งึ ไม่ไช่ความผดิ ทีไ่ ดก้ ระทา โดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ 3. ในครึ่งปที ี่แล้วมาต้องไม่ถกู สง่ั พกั ราชการเกินกว่าสองเดือน 4. ในครึ่งปีทแ่ี ล้วมาต้องไม่ขาดราชการโดยไม่มเี หตผุ ลอันสมควร 5. ในคร่งึ ปีที่แล้วมาได้รับการบรรจเุ ข้ารับราชการมาแล้วเปน็ เวลาไม่น้อยกว่าสเ่ี ดือน 6. ในคร่ึงปที แ่ี ลว้ มาถา้ เป็นผไู้ ด้รับอนญุ าตไปศึกษาในประเทศฝึกอบรมและดงู าน ณ ตา่ งประเทศต้องไดป้ ฏิบัตหิ น้าท่รี าชการในครึ่งปีทแี่ ลว้ มาเปน็ เวลาไม่นอ้ ยกว่าสเ่ี ดือน 7. ในครึ่งปีทแี่ ล้วมาต้องไมล่ าหรือมาทางานสายเกินจานวนครงั้ ท่หี ัวหนา้ สว่ นราชการกาหนด 8. ในคร่งึ ปีทแ่ี ล้วมาต้องมีเวลาปฏบิ ตั ิราชการหกเดือนโดยมีวนั ลาไม่เกนิ ย่สี ิบสามวนั แตไ่ ม่รวมวันลา ดงั ต่อไปนี้ 1) ลาอปุ สมบทหรือลาไปประกอบพิธฮี จั ย์ 2) ลาคลอดบตุ รไม่เกินเก้าสบิ วัน 3) ลาป่วยซึ่งจาเปน็ ตอ้ งรักษาตวั เป็นเวลานานไมว่ ่าคราวเดียวหรือหลายคราวรวมกัน ไมเ่ กินหกสบิ วันทาการ 4) ลาป่วยเพราะประสบอนั ตรายในขณะปฏิบัตริ าชการตามหนา้ ทหี่ รอื ในขณะเดินทางไป หรือกลับ จากการปฏิบตั ิราชการตามหนา้ ที่ 5) ลาพักผ่อน 6) ลาเข้ารบั การตรวจเลือกหรอื เข้ารบั การเตรียมพล 7) ลาไปปฏบิ ัติงานในองค์การระหว่างประเทศ การฝึกอบรมและลาศึกษาต่อ การฝึกอบรม หมายความวา่ การเพ่ิมพูนความรูค้ วามชานาญ หรือประสบการณด์ ว้ ยการเรยี น หรอื การวจิ ยั ตามหลกั สูตรของการฝึกอบรม หรือการสัมมนาอบรมเชงิ ปฏิบตั ิการ การดาเนนิ งานตาม โครงการ แลกเปลย่ี นกบั ต่างประเทศ การไปเสนอผลงานทางวิชาการ และการประชมุ เชิงปฏบิ ตั ิการ ท้ังนโ้ี ดยมไิ ด้มี วตั ถปุ ระสงค์เพ่อื ใหไ้ ด้มาซึง่ ปริญญาหรอื ประกาศนียบัตรวิชาชีพที่ ก.พ.รบั รอง และหมายความรวมถึงการ ฝกึ ฝนภาษาและการรับคาแนะนาก่อนฝกึ อบรมหรือการดูงานท่เี ป็นสว่ นหน่ึงของการฝกึ อบรมหรือตอ่ จากการ ฝึกอบรมนน้ั ด้วย การดงู าน หมายความว่า การเพิ่มพูนความรแู้ ละประสบการณ์ด้วยการสังเกตการณ์ และการ แลกเปล่ียนความคิดเหน็ (การดูงานมรี ะยะเวลาไมเ่ กนิ 15 วนั ตามหลักสูตรหรอื โครงการ หรือแผนการดงู าน ในต่างประเทศ หากมรี ะยะเวลาเกินกาหนดให้ดาเนินการเปน็ การฝกึ อบรม)

การลาศกึ ษาตอ่ หมายความวา่ การเพิ่มพนู ความรู้ด้วยการเรยี นหรือการวจิ ยั ตามหลักสูตรของ สถาบัน การศึกษา หรือสถาบันวชิ าชีพ เพอ่ื ให้ไดม้ าซึ่งปริญญาหรือประกาศนยี บตั รวชิ าชีพท่ี ก.พ.รบั รองและ หมายความรวมถึงการฝกึ ฝนภาษาและการได้รบั คาแนะนาก่อนเขา้ ศึกษาและการฝึกอบรม หรือการดูงานทีเ่ ปน็ สว่ นหน่ึงของการศึกษา หรือต่อจากการศึกษาน้ันด้วย การออกจากราชการของข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา ข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาออกจากราชการเมื่อ(มาตรา 107พ.ร.บ.ระเบยี บข้าราชการ ครูฯ) 1) ตาย 2) พ้นจากราชการตามกฎหมายว่าด้วยบาเหน็จบานาญข้าราชการ 3) ลาออกจากราชการและได้รบั อนุญาตใหล้ าออก 4) ถกู ส่ังให้ออก 5) ถกู สงั่ ลงโทษปลดออกหรอื ไล่ออก 6) ถูกเพกิ ถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ เว้นแต่ไดร้ บั แต่งตงั้ ให้ดารงตาแหน่งอนื่ ทไี่ ม่ตอ้ งมี ใบอนญุ าตประกอบวชิ าชพี การลาออกจากราชการ ข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาผใู้ ดประสงคจ์ ะลาออกจากราชการ ใหย้ ่นื หนังสอื ลาออกต่อผบู้ งั คับบญั ชาเพอ่ื ใหผ้ ู้มอี านาจตาม มาตรา 53เป็นผพู้ จิ ารณาอนุญาต กรณีผูม้ ีอานาจตาม มาตรา 53 พิจารณาเหน็ วา่ จาเปน็ เพอื่ ประโยชนแ์ กร่ าชการจะยับยัง้ การอนุญาต ใหล้ าออกไวเ้ ปน็ เวลาไม่เกนิ 90 วนั นบั แต่วนั ขอลาออกก็ได้ แต่ต้องแจ้งการยับยง้ั พร้อมเหตผุ ลใหผ้ ขู้ อลาออก ทราบ เมอื่ ครบกาหนดเวลาที่ยบั ยัง้ แล้วใหก้ ารลาออกมผี ลตง้ั แต่วันถัดจากวนั ครบกาหนดเวลาท่ียบั ยง้ั ถา้ ผู้มอี านาจตามมาตรา 53 ไมไ่ ดอ้ นญุ าตและไม่ไดย้ ับยัง้ การอนุญาตใหล้ าออก ใหก้ ารลาออก มีผลตง้ั แต่วนั ขอลาออก ขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผ้ใู ดประสงคจ์ ะลาออกจากราชการเพื่อดารงตาแหน่ง ทาง การเมืองหรือเพ่ือสมคั รรับเลือกตัง้ ใหย้ น่ื หนังสอื ลาออกต่อผบู้ ังคบั บัญชา และใหก้ ารลาออกมีผลนบั ตัง้ แต่วนั ที่ผนู้ ัน้ ขอลาออก ระเบียบ ก.ค.ศ วา่ ด้วยการลาออกของขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา พ.ศ.2548 ขอ้ 3 การย่ืนหนงั สือขอลาออกจากราชการใหย้ ื่นลว่ งหนา้ ก่อนวนั ขอลาออกไมน่ ้อยกวา่ 30 วนั กรณีผู้มีอานาจอนุญาตการลาออกเห็นว่ามเี หตผุ ลและความจาเป็นพเิ ศษ จะอนญุ าตเปน็ ลายลกั ษณอ์ ักษรกอ่ นวนั ขอลาออกใหผ้ ู้ประสงคจ์ ะลาออกย่ืนหนังสือขอลาออกล่วงหนา้ นอ้ ยกว่า 30 วัน ก็ได้ หนังสอื ขอลาออกท่ีย่นื ลว่ งหน้าก่อนวนั ขอลาออกน้อยกว่า 30 วัน โดยไมไ่ ดร้ ับอนญุ าตเป็น ลาย ลักษณ์อกั ษรจากผู้มีอานาจอนุญาต หรือท่มี ิได้ระบุวนั ขอลาออก ใหถ้ ือวันถดั จากวนั ครบกาหนด 30 วัน นับแต่

วนั ยนื่ เปน็ วันขอลาออก ขอ้ 5 ผมู้ อี านาจอนญุ าตการลาออกพจิ ารณาว่าจะส่ังอนุญาตให้ผู้น้ันลาออกจากราชการหรือจะสงั่ ยบั ยัง้ การอนุญาตใหล้ าออกให้ดาเนินการ ดังนี้ (1) หากพจิ ารณาเหน็ ว่าควรอนุญาตใหล้ าออกจากราชการไดใ้ หม้ คี าสั่งอนญุ าตให้ลาออก เป็นลาย ลกั ษณ์อกั ษรใหเ้ สร็จส้ินก่อนวันขอลาออกแลว้ แจ้งคาสง่ั ดังกล่าวให้ผู้ขอลาออกทราบก่อนวัน ขอลาออกดว้ ย (2) หากพจิ ารณาเห็นวา่ ควรยับยั้งการอนุญาตใหล้ าออกเน่ืองจากจาเปน็ เพ่ือประโยชนแ์ ก่ ราชการ ให้ มคี าสั่งยบั ย้งั การอนุญาตให้ลาออกเปน็ ลายลกั ษณ์อกั ษรให้เสรจ็ ส้นิ ก่อนวนั ขอลาออกแล้วแจ้งคาส่ังดังกลา่ ว พรอ้ มเหตุผลให้ผู้ขอลาออกทราบก่อนวนั ขอลาออกดว้ ย ทัง้ น้กี ารยบั ยง้ั การอนญุ าต ให้ลาออกให้สง่ั ยบั ยัง้ ไว้ได้ เปน็ เวลาไม่เกิน 90 วัน และสง่ั ยบั ยั้งได้เพยี งคร้งั เดยี วจะขยายอีกไม่ได้ เมื่อครบกาหนดเวลาท่ยี บั ยงั้ แล้วใหก้ ารลาออกมผี ลต้ังแต่วนั ถัด จากวนั ครบกาหนดเวลาท่ียับย้งั ขอ้ 6 กรณีทีผ่ ู้ขอลาออกได้ออกจากราชการไปโดยผลของกฎหมาย เนือ่ งจากผมู้ ีอานาจ อนญุ าตมิได้มี คาสง่ั อนุญาตใหล้ าออกและมิไดม้ คี าสั่งยับยั้งการอนุญาตให้ลาออกก่อนวันขอลาออก หรือเนือ่ งจากครบ กาหนดเวลายับย้งั การอนุญาตใหล้ าออกให้ผมู้ ีอานาจอนุญาตมีหนังสือแจ้ง วนั ออกจากราชการให้ผู้ขอลาออก ทราบภายใน 7 วนั นับแตว่ นั ทีผ่ ู้น้ันออกจากราชการและแจง้ ให้สว่ นราชการทเ่ี กยี่ วข้องทราบดว้ ย ขอ้ 7 การย่นื หนงั สือขอลาออกจากราชการเพ่ือดารงตาแหน่งทางการเมอื ง หรอื เพ่ือสมคั รรบั เลือกตั้งใหย้ ่ืนต่อผบู้ ังคบั บัญชาอยา่ งชา้ ภายในวนั ที่ขอลาออกและใหผ้ ้บู ังคับบญั ชาดังกลา่ ว เสนอ หนงั สือขอลาออกน้ันต่อผู้บงั คบั บัญชาชน้ั เหนือข้ึนไปตามลาดับจนถงึ ผูม้ ีอานาจอนุญาตการลาออก โดยเรว็ เมือ่ ผู้มีอานาจอนญุ าตได้รบั หนงั สอื ขอลาออกแลว้ ให้มคี าส่งั อนุญาตออกจากราชการได้ต้ังแต่ วนั ท่ขี อ ลาออก 5. ครอู ตั ราจ้าง กรณคี รูอัตราจา้ งทจ่ี า้ งดว้ ยเงินงบประมาณใหป้ ฏิบัติหน้าที่ครู เช่น ปฏิบตั หิ น้าท่คี รผู ชู้ ว่ ย ครพู เ่ี ลย้ี ง หรือปฏบิ ัตหิ นา้ ทค่ี รูที่เรียกชอ่ื ย่างอน่ื ให้ปฏบิ ัตติ ามระเบยี บกระทรวงการคลังว่าด้วยลกู จ้าง ประจาของสว่ น ราชการพ.ศ. 2537 และแนวปฏบิ ัตทิ ี่ใชเ้ พอื่ การน้นั