Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore (เล่มงาน โดยกลุ่มที่ 1สถานการณ์ปัจจุบันของพระพุทธศาสนาในเอเชียตะวันออก)

(เล่มงาน โดยกลุ่มที่ 1สถานการณ์ปัจจุบันของพระพุทธศาสนาในเอเชียตะวันออก)

Description: (เล่มงาน โดยกลุ่มที่ 1สถานการณ์ปัจจุบันของพระพุทธศาสนาในเอเชียตะวันออก)

Search

Read the Text Version

ส ถ า น ก า ร ณ์ ปั จ จุ บั น ข อ ง พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า ใ น เ อ เ ชี ย ต ะ วั น อ อ ก โดยกลุ่มที่ 1 สมาชกิ ภายในกลุม่ ๑. พระศภุ กติ ติ์ ธมมฺ กาโม/สายกระสนุ ๒. พระณรงค ์ ปภาโต/รอดตรง ๓. พระบญุ ตดิ ขนฺตโิ ก/โพธเิ์ งิน ๔. พระทองทวิ ถริ สโุ ข/พงษส์ วุ รรณ์ นิสติ ชน้ั ปี ที่ ๓ ปี การศกึ ษา ๑/๒๕๖๖ หลกั สูตรพทุ ธศาสตรบณั ฑติ สาขาวชิ าพระพทุ ธศาสนา มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตสรุ นิ ทร ์ นาเสนอ ทา่ นอาจารย ์ ดร.ภฏั ชวชั ร ์ สขุ เสน การจดั ทาโครงงานนีเ้ ป็ นสว่ นหนึ่งของการศกึ ษา รายวชิ า พระพุทธศาสนาในโลกปัจจบุ นั ตามหลกั สูตรพทุ ธศาสตรบณั ฑติ สาขาวชิ าพระพุทธศาสนา มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตสุรนิ ทร ์ การศกึ ษาที่ ๑ ปี ๒๕๖๖

ใบงาน รายวชิ า พระพุทธศาสนาในโลกปัจจุบนั เรอื่ ง สถานการณป์ ัจจุบนั ของพระพุทธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออก สมาชกิ ภายในกลมุ่ ๑. พระศุภกติ ติ์ ธมฺมกาโม/สายกระสุน หวั หน้า ๒. พระณรงค ์ ปภาโต/รอดตรง รองหวั หนา้ ๓. พระบุญตดิ ขนฺตโิ ก/โพธเิ์ งิน เลขา ๔. พระทองทวิ ถริ สโุ ข/พงษส์ ุวรรณ์ ผูจ้ ดั ทา นิสติ ชน้ั ปี ที่ ๓ ปี การศกึ ษา ๑/๒๕๖๖ หลกั สูตรพทุ ธศาสตรบณั ฑติ สาขาวชิ าพระพุทธศาสนา มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตสรุ นิ ทร ์ นาเสนอ ท่านอาจารย ์ ดร.ภฏั ชวชั ร ์สุขเสน การจดั ทาโครงงานนี้เป็ นส่วนหนึ่งของการศกึ ษา รายวชิ า พระพุทธศาสนาในโลกปัจจบุ นั ตามหลกั สูตรพุทธศาสตรบณั ฑติ สาขาวชิ าพระพทุ ธศาสนา มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตสุรนิ ทร ์ การศกึ ษาที่ ๑ ปี ๒๕๖๖

สารบญั เรอื่ ง หนา้ วตั ถปุ ระสงคข์ องการศกึ ษา ................................................ ๑ ขอบเขตของการศกึ ษา ...................................................... ๑ บทที่ ๑ บทนาหวั เรอื่ ง .......................................................... ๒ บทที่ ๒ พระพทุ ธศาสนาในจนี ............................................ ๔ บทที่ ๓ พระพุทธศาสนาในจนี ไตห้ วนั ................................. ๗ บทที่ ๔ พระพทุ ธศาสนาในเกาหลใี ต ้ .................................. ๙ บทที่ ๕ พระพุทธศาสนาในญปี่ ่ ุน ........................................ ๑๑ บทที่ ๖ พระพุทธศาสนาในมองโกเลยี ................................ ๑๓ บทที่ ๗ พระพุทธศาสนาในทเิ บต ........................................ ๑๕ บทสรปุ ................................................................................. ๑๖ บรรณานุกรม ..................................................................... ๑๘

๑ วตั ถุประสงคข์ องการศกึ ษา การทาโครงงานนีม้ วี ตั ถปุ ระสงคใ์ นการศกึ ษาสามขอ้ ดงั ตอ่ ไปนี้ ๑. เพอื่ ศกึ ษา ความเป็ นมาของ พระพุทธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออก ๒. เพอื่ ศกึ ษา ลกั ษณะของ พระพุทธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออก ๓. เพอื่ วเิ คราะหค์ ติ คาสอนของ พระพุทธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออก ขอบเขตของการศกึ ษา ในครง้ั นีค้ ณะผูศ้ กึ ษาม่งุ ศกึ ษาการศกึ ษาความเชอื่ ของศาสนาในแถบ ประเทศจนี ในไตห้ วนั ในเกาหลใี ต ้ ในญปี่ ่ ุน ในมองโกเลยี และ ในทเิ บต ขอบเขตดา้ นพนื้ ที่ คณะผูศ้ กึ ษาไดก้ าหนดพนื้ ทกี่ ารหาขอ้ มลู แบบเจาะจง โดย เลอื กพนื้ ทที่ าการศกึ ษา คอื ทางเจยี แยนจอง. พุทธศาสนากบั วถิ ชี วี ติ ชาว พุทธ ไทลอื้ ในสบิ สองพนั นา ใน คนไทไม่ใชไ่ ทย แต่เป็ นเครอื ญาตชิ าตภิ าษา.

๒ บทที่ ๑ บทนาหวั เรอื่ ง ประเทศในเอเชยี ตะวนั ออก ไดแ้ ก่ จนี ไตห้ วนั มองโกเลยี เกาหลเี หนือ เกาหลใี ต ้ ญปี่ ่ ุน พระพุทธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกเป็ นนิกายมหายาน โดยเรมิ่ ตน้ เผยแผ่จาก อนิ เดยี ส่จู นี จากจนี ส่เู กาหลี และจากเกาหลสี ่ญู ปี่ ่ นุ เป็ นตน้ ส่วนประเทศทเิ บตน้ัน บางตารากลา่ ววา่ ไดร้ บั พระพุทธศาสนาตง้ั แต่สมยั พุทธกาล ซงึ่ จะไดข้ ยายความใน รายละเอยี ดดงั ตอ่ ไปนี้ ๑. ประเทศจนี สาธารณรฐั ประชาชนจนี มเี มอื งหลวงชอื่ ปักกงิ่ เมอื งทใี่ หญ่ทสี่ ดุ คอื เซยี่ งไฮป้ ัจจบุ นั จนี ปกครองดว้ ยระบอบคอมมวิ นิสต ์ พระพุทธศาสนาเขา้ ส่ปู ระเทศจนี ประมาณพทุ ธศกั ราช ๖๐๘ ในสมยั ของพระเจา้ ฮน่ั มงิ่ ตแี่ ห่งราชวงศน่ั์ ตานานกล่าววา่ คนื หนึ่งพระจกั รพรรดทิ รงพระสบุ นิ ไปว่ามบี ุรุษ ทองคาเหาะไปทางทศิ ตะวนั ตก พระองคจ์ งึ สอบถามขนุ นางวา่ ฝันเชน่ นีม้ ี ความหมายว่าอย่างไร ขนุ นางผูห้ นึ่งตอบว่าทางทศิ ตะวนั ตกมยี อดคน (พระสมั มาสมั พุทธเจา้ ) ถอื กาเนิดขนึ้ เมอื่ ไดย้ นิ เชน่ น้ันพระองคจ์ งึ รบั สง่ั ใหข้ นุ นาง ๑๘ คน ออก เดนิ ทางเพอื่ เสาะหายอดคนผูน้ ้ันในทสี่ ดุ กเ็ ดนิ ทางมาถงึ เมอื งโขตาน ไดพ้ บพระภกิ ษุ ๒ รูป คอื พระกาศยปะมาตงั คะ กบั พระธรรมรกั ษ ์ ขนุ นางจนี จงึ นิมนตพ์ ระทงั้ สองรูป นีไ้ ปเผยแผ่พระพุทธศาสนาทปี่ ระเทศจนี หลงั จากการ สรรคตของพระเจา้ งุย่ บเู ต ้ พระราชนัดดาของพระองคเ์ สด็จขนึ้ ครองราชยส์ บื ต่อไป กษตั รยิ พ์ ระองคน์ ีท้ รงฟนฟพู ระพุทธศาสนาขนึ้ ใหม่ ในปี พ.ศ.ช ๙๒๙ พ.ศ.๑๐๗๗ ทรงสรา้ งถา้ ตนุ หวงขนึ้ เพอื่ เป็ นสถานทปี่ ฏบิ ตั ธิ รรมของพระ กมั มฏั ฐาน ยุคตอ่ มามกี ารสรา้ งเพมิ่ ขนึ้ เรอื่ ยๆ หลายรอ้ ยปี จนกลายเป็ นสถานที่ มหศั จรรย ์ มถี า้ นอ้ ยใหญ่กวา่ ๔๐๐ ถา้ ถา้ ทงั้ หมดขดุ ดว้ ยแรงงานคน ไม่ไดเ้ กดิ ขนึ้ เองตามธรรมชาติ ชาวพทุ ธในอดตี หาวธิ ปี ้ องกนั ไม่ใหพ้ ระสทั ธรรมอนั ตรธาน จงึ จารกึ พระไตรปิ ฎกลงบนแผ่นผาภายในถา้ ตา่ งๆ แลว้ ปิ ดประตถู า้ ดว้ ยกอ้ นศลิ า โดย หวงั ใหค้ นยุคหลงั ไดศ้ กึ ษา ปัจจบุ นั ถา้ นีต้ ง้ั อยู่กลางทะเลทรายโกบี เมอื งตนุ หวง มณฑลกานสู พระพุทธศาสนาเจรญิ รุง่ เรอื งมาตามลาดบั จนถงึ สมยั พระเจา้ เหลยี งบู เต้ ทรงครองราชย ์ พ.ศ.๑๐๒๒ ณ เมอื งนานกงิ ภาคใตข้ องจนี จนถงึ ปัจจบุ นั ในยุคราชวงศจ์ นิ้ พวกมองโกลไดแ้ ผอ่ ทิ ธพิ ลมาทางภาคเหนือของจนี เขา้ ยดึ ล่มุ แม่นา้ เหลอื งไวห้ มด ทาใหจ้ นี แบง่ เป็ นภาคเหนือ และใต ้ เรยี กว่า ยุคน่าปัก (พทุ ธศตวรรษที่ ๘๑๑) ภาคเหนือเป็ นมองโกลส่วนภาคใตเ้ ป็ นจนี แท ้ มแี ม่นา้ แยงซี เกยี งเป็ นพรมแดน ในยคุ น่าปักนีส้ มณะเสงิ เจยี นนาคมั ภรี ม์ หาสงั ฆกิ ะภกิ ษุณีกรรมนั และภกิ ษุณีปาฏโิ มกข ์ มายงั เมอื งโลยางและไดอ้ ปุ สมบทภกิ ษุณีรูปแรกขนึ้ ในระหว่าง ปี พ.ศ.๙๐๐-๙๐๔ คอื ภกิ ษุณีจงิ เจยี น ณ ภกิ ษุณี อารามจหู ลนิ เมอื งโลยาง

๓ ปัจจบุ นั พระพุทธศาสนาเจรญิ รุง่ เรอื งมาตามลาดบั จนถงึ สมยั พระเจา้ เหลยี งบู เต้ ทรงครองราชย ์ พ.ศ.๑๐๒๒ ณ เมอื งนานกงิ ภาคใตข้ องจนี พระองคไ์ ดร้ บั ฉายา วา่ เป็ นอโศกแหง่ แผน่ ดนิ จนี ยุคสมยั ของพระองคม์ นี ักบวชจานวนมาก เฉพาะเมอื งโล ยาง มภี กิ ษุและภกิ ษุณีถงึ ๒,๐๐๐,๐๐๐ รูป พระตา่ งชาตอิ กี ๓,๐๐๐ รปู ๓ พระเจา้ เห ลยี งบูเตท้ รงถอื มงั สวริ ตั ิ ทรงออกกฎหมายหา้ มฆ่าสตั วท์ ว่ั ประเทศ พระภกิ ษุจงึ หนั มา ฉันเจหรอื มงั วริ ตั ติ ามพระราชาจนเป็ นประเพณีมาถงึ ปัจจบุ นั พระองคท์ รงศกึ ษา ธรรมะและแสดงธรรมดว้ ยพระองคเ์ องอย่เู นืองๆ ทรงอทุ ศิ พระองคเ์ ป็ นอปุ ัฎฐากพระ ถงึ ๓ ครง้ั ญาตวิ งศแ์ ละขา้ ราชการตอ้ งใชเ้ งนิ ถงึ ๑ โกฏิ เพอื่ ไถ่พระองคอ์ อกมา ปรมาจารยต์ กั มอ้ หรอื พระโพธธิ รรม (Bodhidharma) ชาวอนิ เดยี ใต ้ เขา้ ไป เผยแผ่พทุ ธศาสนาในสมยั พระเจา้ เหลยี งบูเต ้ ทา่ นเดนิ ทางไปทจี่ นี ภาคเหนือในปี พ.ศ.๑๐๖๙ สรา้ งวดั เสยี่ วลมิ่ ยี่ หรอื วดั เสา้ หลนิ ขนึ้ บนภเู ขาซงซวั มณฑลเหอหนัน จากน้ันกอ่ ตงั้ นิกายฉานขนึ้ ฉาน หมายถงึ ฌาน ในภาษาบาลี หรอื ธยาน ในภาษา สนั สกฤต หรอื เซน ในภาษาญปี่ ่ ุนตานานเล่าวา่ ขณะอยวู่ ดั เสา้ หลนิ ปรมาจารย ์ ตกั มอ้ น่ังสมาธผิ นิ หนา้ เขา้ ฝาอยู่ ๙ ปี ไม่ลกุ ขนึ้

๔ บทที่ ๒ ประวตั พิ ุทธศาสนาในประเทศจนี ความเป็ นมาและความสาคญั ของประเทศจนี ความเป็ นมาจนี เมอื่ พดู ถงึ ประเทศจนี นับวา่ เป็ น ประเทศทใี่ หญ่ทสี่ ดุ ในโลก มี ทงั้ ดนิ แดนทกี่ วา้ งใหญ่ อารยธรรมโบราณ ทเี่ ป็ นเอกลกั ษณ์ ประเทศจนี มชี อื่ เรยี ก อยา่ งเป็ นทางการว่า สาธารณรฐั ประชาชนจนี ทง้ั ยงั มปี ระชากร มากถงึ ๑.๓ พนั ลา้ นคนเลยทเี ดยี ว ทง้ั ยงั แบง่ การปกครอง ออกเป็ น ๒๓ มณฑล ๕ เขตปกครอง ตนเอง ๔ เทศบาลนคร อนั ประกอบไปดว้ ย ปักกง่ิ เทยี นจนิ เซยี่ งไฮ ้ และฉงชงิ่ เราจะ มาพดู ถงึ อารยธรรมจนี ทมี่ มี าตง้ั แตโ่ บราณ จดั ว่าเป็ น อารยธรรมยคุ แรกของโลก เลยก็ว่าได ้ มคี วามเจรญิ รุง่ เรอื ง มาตง้ั แต่ในครงั้ อดตี ประเทศจนี ในยคุ น้ัน ยดึ ถอื เอา ระบบการเมอื ง การปกครองแบบราชาธปิ ไตย มาอย่างยาวนานหลายสหสั วรรษ จนกระท่งั ในปี ค.ศ.๑๙๑๒ เป็ นชว่ งสดุ ทา้ ย ของราชวงษช์ งิ หลงั จากทมี่ กี าร สลพ ราชสมบตั ิ กไ็ ดม้ กี ารสถาปณาใหจ้ นี กลายเป็ นสาธารณรฐั จนี ถายใตก้ ารนาของ พรรคมมิ กก๊ ซงึ่ เป็ นพรรคชาตนิ ิยมของจนี และในชว่ งนั้น กม็ กี ารเกดิ ความ แตกแยกไม่ลงรอยกนั จนกอ่ ใหเ้ กดิ สงครามกลางเมอื ง ระหวา่ งฝ่ ายคอมมวิ นิสต ์ ความเป็ นมาอเมรกิ า และฝ่ ายกก๊ มนิ ต๋งั และไดม้ กี ารยา้ ยเมอื งหลวงไปยงั ไทเปซงึ่ ตง้ั อยู่บนเกาะไตห้ วนั น่ันจงึ เป็ นจดุ เรมิ่ ตน้ ของความเกย่ี วขอ้ งทางการเมอื ง ระหว่าง สาธารณรฐั จนี กบั ไตห้ วนั น่ันเอง พทุ ธศาสนา ยุคราชวงศฮ์ น่ั ในสมยั ราชวงศฮ์ ่นั แมว้ า่ พระพทุ ธศาสนาจะเป็ นทเี่ ลอื่ มใสแตก่ ย็ งั จากดั อย่ใู นวง แคบคอื ในหมขู่ า้ ราชการและชนชนั้ สงู แห่งราชสานักเป็ นสว่ นใหญ่ ยงั ไมแ่ พรห่ ลาย ในหมปู่ ระชาชนชาวเมอื ง เพราะชาวจนี สว่ นใหญ่ยงั คงนับถอื ลทั ธขิ งจอื๊ และลทั ธเิ ต๋า จนกระทง่ั โมง่ จอื๊ นักปราชญผ์ มู้ คี วามสามารถยงิ่ ไดแ้ สดงหลกั ธรรมของ พระพุทธศาสนาใหช้ าวเมอื งไดเ้ ห็นถงึ ความจรงิ แทอ้ นั ลกึ ซงึ้ ของพระพุทธศาสนา เหนือกว่าลทั ธเิ ดมิ กบั อาศยั ความประพฤตอิ นั บรสิ ทุ ธขิ์ องพระสงฆเ์ ป็ นเครอื่ งจงู ใจให ้ ชาวจนี เกดิ ศรทั ธาเลอื่ มใส จนทาใหช้ าวเมอื งหนั มานับถอื พระพุทธศาสนามากกว่า ลทั ธศิ าสนาอนื่ ๆ พระพทุ ธศาสนากเ็ จรญิ รุง่ เรอื งมาเป็ นลาดบั

๕ พุทธศาสนาในสบิ สองปันนา พุทธศาสนาในสบิ สองปันนาเป็ นพุทธศาสนาเถรวาทลทั ธลิ งั กาวงศ ์ โดยไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากอาณาจกั รลา้ นนาหรอื เชยี งใหมใ่ นปัจจบุ นั แบง่ เป็ น ๒ นิกาย เชน่ เดยี วกบั พทุ ธศาสนาในเชยี งใหมค่ อื ๑. สานักวดั สวนดอกหรอื ฝ่ ายสวน ตง้ั ทเี่ ชยี งใหม่เมอื่ พ.ศ. ๑๙๑๔ แตเ่ ขา้ ส่สู บิ สองปันนาเมอื่ ใดไม่มหี ลกั ฐาน ๒. สานักวดั ป่ าแดงหรอื ฝ่ ายป่ า ตง้ั ขนึ้ ทเี่ ชยี งใหม่เมอื่ ราว พ.ศ. ๑๙๗๓ โดย คณะสงฆ ์ ทไี่ ปบวชเรยี นมาใหมจ่ ากประเทศศรลี งั กา ถอื วนิ ัยเครง่ ครดั กว่าฝ่ ายสวน เผยแพรเ่ ขา้ ส่สู บิ สองปันนาเมอื่ พ.ศ. ๑๙๘๙ โดยผ่านทางเชยี งตงุ ลกั ษณะของพระพุทธศาสนาในประเทศจนี จนี มพี ุทธศาสนาแพรเ่ ขา้ สเู่ ขตปกครองตนเองไทใตค้ งเมอื่ ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๙-๒๐ แบ่งออกเป็ น ๔ นิกายคอื ๑. นิกายปายจอง เป็ นนิกายทแี่ พรเ่ ขา้ มากอ่ นนิกายอนื่ ไมเ่ ครง่ วนิ ัย ภกิ ษุเลยี้ ง สตั วเ์ ลยี้ งเชน่ เป็ ดไกไ่ ด ้ ๒.นิกายกงึ โยน เป็ นนิกายทแี่ พรเ่ ขา้ ส่เู มอื งขอนเมอื่ ราวพทุ ธศตวรรษที่ ๒๐ ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากเชยี งใหม่ มกี ารแบ่งยอ่ ยเป็ นโยนสวนกบั โยนป่ าเหมอื นในเมอื ง เชยี งใหม่เขยี นคมั ภรี ด์ ว้ ยอกั ษรลา้ นนา ๓. นิกายโตเล เป็ นนิกายทไี่ ดร้ บั อทิ ธพิ ลจากพม่าเขา้ ส่เู มอื งมาวเมอื่ พ.ศ. ๒๒๙๔ถอื วนิ ัยเครง่ ครดั กว่านิกายอนื่ มกี ารบวชสามเณรแี ละภกิ ษุณี ๔.นิกายชตุ หิ รอื โจตเิ ป็ นนิกายทเี่ กดิ ขนึ้ ในใตค้ งโดยภกิ ษุชาวไทใหญ่เห็นว่า พระสงฆเ์ ดมิ ถอื วนิ ัยหย่อนยาน แพรเ่ ขา้ ส่เู มอื งแจฝ้ างและเมอื งมาวเมอื่ ราวพทุ ธ ศตวรรษที่ ๒๐ เคยแพรห่ ลายทเี่ มอื งขอนระยะหนึ่งเมอื่ ราวพุทธศตวรรษที่ ๒๕ แต่ ภายหลงั พ่ายแพน้ ิกายปายจอง คณะสงฆน์ ิกายนีใ้ นเมอื งขอนจงึ ถอนตวั จากเมอื ง ขอนเขา้ ส่พู ม่าไปตงั้ ศูนยก์ ลางทเี่ มอื งมดี และเมอื งยางในรฐั ฉานตามลาดบั ภกิ ษใุ น นิกายนีม้ วี ตั รปฏบิ ตั ติ ่างจาก ๓ นิกายขา้ งตน้ ทงั้ ภกิ ษุและฆราวาสตา่ งเครง่ ครดั วนิ ัย พทุ ธศาสนาในปัจจุบนั ในปัจจบุ นั ไดม้ กี ารฟื้นฟพู ระพุทธศาสนาลทั ธมิ หายานขนึ้ ใหม่ ในประเทศ สาธารณรฐั ประชาชนจนี นอกจากนีร้ ฐั บาลจนี ยงั ใหก้ ารสนับสนุนจดั ตงั้ พุทธสมาคม แห่งประเทศจนี และสภาการศกึ ษาพระพุทธศาสนาแห่งประเทศจนี ขนึ้ ในกรงุ ปักกงิ่ อกี ดว้ ย เพอื่ เป็ นศนู ยก์ ลางการตดิ ต่อเผยแผพ่ ระพุทธศาสนากบั ประเทศตา่ งๆ ทว่ั

๖ โลก ปัจจบุ นั นีช้ าวจนี สว่ นใหญน่ ับถอื พระพทุ ธศาสนาค่ไู ปกบั ลทั ธขิ งจอื๊ และลทั ธิ เตา๋ ซงึ่ ปัจจบุ นั มผี ูน้ ับถอื ถงึ 30% คาสอน ของ พระพทุ ธศาสนาในประเทศจนี ประเทศจนี นาเอาหลกั ทฤษฎคี วามคดิ ของเต๋าและขงจอื้ มาอรรถาธบิ ายหลกั ทฤษฎแี ละปรชั ญาของพทุ ธน้ัน มใี หเ้ ห็นอยู่ทว่ั ไป เชน่ การเอาหลกั \"อู๋อยุ๋ \" ซงึ่ มี ความหมายวา่ การคลอ้ ยตามความเปลยี่ นแปลงของธรรมชาตมิ าอธบิ ายหลกั นิพพานของพทุ ธ ซงึ่ ในทางเป็ นจรงิ แลว้ ปรชั ญาทง้ั สองขอ้ นีแ้ ตกตา่ งกนั มาก แต่ ชาวพทุ ธในจนี ในสมยั น้ันก็พยายามทจี่ ะอรรถาธบิ ายปรชั ญาพทุ ธดว้ ยวธิ นี ี้ ทง้ั นีก้ ็ เพอื่ ใหต้ นเอง ปักหลกั ลงไดบ้ นแผ่นดนิ ใหมผ่ นื นีใหไ้ ด ้ นักพทุ ธศาสตรส์ มยั น้ัน เวลา ถา่ ยทอดหรอื เรยี บเรยี งพทุ ธคมั ภรี อ์ อกสภู่ าคภาษาจนี กจ็ ะพยายามปรบั ใหไ้ มข่ ดั ต่อ หลกั ของ ขงจอื้ ตวั อยา่ งเชน่ ในสคิ าโลวาทสตู ร ไดก้ ล่าวถงึ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งพ่อ กบั ลกู พกี่ บั นอ้ ง ครูกบั ศษิ ย ์ สามกี บั ภรรยา นายกบั บา่ ววา่ ทง้ั สองฝ่ ายมคี วามเสมอ ภาคกนั เชน่ นายกบั บา่ ว นายตอ้ งใหค้ วามนับถอื บ่าว บา่ วตอ้ งจงรกั ภกั ดตี อ่ นาย เป็ น ตน้ แต่เมอื่ พระอาจารยอ์ นั ลเิ กาพระภกิ ษุชาวปาเธยี รแ์ ปลมาถงึ ขอ้ ความตอนนี้ ก็ได ้ ตดั เนือ้ หานีอ้ อก ทงั้ นีเ้ พราะทศั นคตทิ วี่ ่านีข้ ดั ตอ่ ความรบั รูใ้ นความสมั พนั ธเ์ หล่านี้ วา่ ตอ้ งมลี ดหลน่ั ตา่ สูงตาม ประเพณีจนี เมอื่ พ.ศ. ๒๕๓๒ สารวจพบวา่ ชาวพุทธในไตค้ ง เป็ นชาวไทใหญ่ ๙๐% ชาวปะ หล่องและชาวอาชาง ๕๒% ในจานวนนีม้ กี ารนับถอื นิกายปายจอง ๕๒% นิกาย โตเล ๓๓% นิกายกงึ โยน ๑๒% และนิกายชตุ ิ

๗ บทที่ ๓. พระพทุ ธศาสนาในจนี ไตห้ วนั ไตห้ วนั ชอื่ ทางการว่า สาธารณรฐั จนี (เป็ นประเทศ ทเี่ ป็ นหมูเ่ กาะในภมู ภิ าค เอเชยี ตะวนั ออก ปัจจบุ นั ประกอบดว้ ยเกาะใหญ่ ๕ แห่ง คอื จนิ เหมนิ (จนี ไตห้ วนั , เผงิ หู (จนี : หมาจู่ (จนี : และอชู วิ รวมทงั้ เกาะเล็กเกาะนอ้ ยอกี จานวนหนึ่ง พนื้ ที่ ทงั้ หมดเรยี กรวมกนั ว่า\"พนื้ ทไี่ ตห้ วนั “ พระพุทธศาสนาสไู่ ตห้ วนั ไตห้ วนั มพี ลเมอื งรวม ๑๐ ลา้ นคน เมอื งหลวง คอื ไทเป ศาสนาของชนพนื้ เมอื งก็คอื ลทั ธบิ ชู าผสี าง วญิ ญาณ และป่ าเขาธรรมชาตเิ มอื่ พวก ฝรง่ั เขา้ มาและพาเอาครสิ ตศ์ านามากไ็ ม่สจู้ ะแพรห่ ลายนัก ครน้ั เมอื่ จนี ขบั ไลฝ่ รง่ั พระพทุ ธศาสนาจงึ ไดแ้ พรห่ ลายตามมาปฐมสงั ฆารามแห่งแรกชอื่ วดั มที ่อซอื่ (วตั อมิ ตาภาราม)ลสุ มยั ราชวงศเ์ ชง็ ปกครอง(พ.ศ.๒๒๒๖-๒๔๘๓)พระพุทธศาสนายงิ่ รงุ่ เรอื งขนึ้ ครนั้ เมอื่ ตกไปเป็ นของญปี่ ่ นุ ซงึ่ ทางราชการญปี่ ่ ุนก็ไดส้ นับสนุนกจิ การ พระศาสนาใหไ้ พศาลขนึ้ สมยั นีพ้ ระพุทธศาสนาแบบญปี่ ่ นุ นิกาย-เซน็ นิกายจโยโด นิกายชนิ ไคแ้ พรห่ ลายเขา้ มา และมวี ดั ของสงฆจ์ นี หลายวดั ขอขนึ้ กบั นิกายญปี่ ่ นุ จงึ เกดิ การเปลยี่ นแปลงอยา่ งสาคญั เกยี่ วกบั การครองชพี ของบรรพชติ เพราะแต่เดมิ แบบจนี ตอ้ งถอื เพศพรหมจรรย ์ แบบญปี่ ่ ุนคอื มคี รอบครวั ได ้ และตาแหน่งเจา้ อาวาส ก็สบื สกลุ กนั ได ้ การเปลยี่ นแปลงดงั กลา่ วนีม้ เี พยี งสว่ นหนึ่งเท่าน้ัน การรกั ษาจารตี เดมิ กย็ งั คงมอี ย่ทู ว่ั ไป พระพทุ ธศาสนาในจนี ไตห้ วนั ปัจจบุ นั ปัจจบุ นั พระพทุ ธศาสนาไดเ้ ปล่งรศั มกี ระจายไปท่วั เกาะไตห้ วนั อย่างไมม่ สี มยั ใดทดั เทยี มสภาพพระพทุ ธศาสนาในไตห้ วนั มดี งั นี้ ๑. พทุ ธสมาคมแหง่ ประชาชาตจิ นี เป็ นองคก์ รสาคญั ทสี่ ดุ ทาหนา้ ทสี่ มั พนั ธก์ บั ทางรฐั บาลและเป็ นผูแ้ ทนของพุทธบรษิ ทั ทงั้ หมดจานวนพุทธมามกะทง้ั ไตห้ วนั มอี ยู่ ๗ ลา้ น ๕ แสนคน ภกิ ษุณีมากกวา่ ภกิ ษุ(ฝ่ ายมหายานภกิ ษุรวี งศย์ งั ไมส่ ญู ) สาหรบั ภกิ ษุนั้นแบ่งออกเป็ น ๒ คณะคอื คณะทรี่ กั ษาจารตี แบบจนี มกี ารรกั ษาพรหมจรรย ์ และมงั สวริ ตั อิ ย่างเครง่ ครดั คณะที่ ๒ ไดแ้ กค่ ณะทเี่ ปลยี่ นไปถอื แบบญปี่ ่ ุนดงั กลา่ ว มาแลว้ ๒. การศกึ ษาปรยิ ตั ธิ รรม เชน่ สานักซานเจา้ พทุ ธวทิ ยาลยั มกี ารสรา้ งสาธารณ กศุ ลบาบดั โรคใหแ้ กป่ ระชาชนท่วั ไปทง้ั แพทยแ์ ผนปัจจบุ นั และแผนโบราณ และสานัก ฟเู ยนพทุ ธวทิ ยาลยั มกี ารเปิ ดสอนวชิ าการประถมศกึ ษา มธั ยมศกึ ษาในเวลา กลางคนื แกเ่ ด็กนักเรยี นทยี่ ากจนท่วั ไปโดยไม่เก็บค่าเลา่ เรยี น

๘ ๓. การเผยแพรใ่ นไตห้ วนั ปัจจบุ นั มี นิตยสารพระพุทธศาสนารายเดอื นถงึ 10 ฉบบั นิตยสารทมี่ ชี อื่ เสยี งอย่ใู นความนิยมของผูอ้ า่ นมากคอื ๓.๑.นิตยสาร\"ไฮเฉายนิ \"(แปลว่าเสยี งแห่งคลนื่ ทะเล)มอี ายุเกา่ แกท่ สี่ ดุ เนือ้ หา สาระหนักไปในทางวจิ ยั พุทธปรชั ญา ประวตั ศิ าสตร ์ และวฒั นธรรมของ พระพทุ ธศาสนา คอื เป็ นเรอื่ งหลกั วชิ าลว้ นๆ จงึ แพรห่ ลายในหมู่พทุ ธบรษิ ทั ทมี่ ภี มู ริ ู ้ ทางศาสนาดแี ลว้ ๓.๒.นิตยสาร\"พู่ทซี่ \"ู่ (แปลวา่ ตน้ โพธ)ิ์ แพรห่ ลายอยา่ งกวา้ งขวางมาก สอน พระพทุ ธธรรมอยา่ งงา่ ยๆ มสี ารคดี ปาฐกถา บทวจิ ารณ์ นิทานชาดก นวนิยาย ทาย สอนพระพุทธศาสนาเบอื้ งตน้ ปรศิ นาธรรมชงิ รางวลั ถามตอบ และข่าว พระพทุ ธศาสนาท่วั โลก กบั มบี ทความภาษาองั กฤษเป็ นประจาทกุ เล่ม ไดก้ อ่ ใหเ้ กดิ ศรทั ธาในพระพทุ ธศาสนาแกเ่ ยาวชนเป็ นอยา่ งมาก ๓.๓.นิตยสาร\"จงกวอ๋ ฟเู จยี้ ว\"(แปลวา่ พระพทุ ธศาสนาจนี ) ๓.๔.นิตยสาร\"จนิ ยอื้ ฟเู จยี้ ว\"(แปลวา่ พระพทุ ธศาสนาในปัจจบุ นั ) ลกั ษณะ ของ พระพุทธศาสนาในไตห้ วนั สงั คมไตห้ วนั ยนิ ยอมใหศ้ าสนาและความเชอื่ ต่างๆ เกดิ และเตบิ โตไดอ้ ยา่ งเสรี ไม่ มกี ารใชอ้ านาจรฐั เขา้ ไปแทรกแซงหรอื จดั การ ปลอ่ ยใหธ้ รรมะจดั สรรและจดั การใน รปู ของประชาธปิ ไตยเชงิ ศาสนา เป็ นการใหเ้ สรภี าพแกป่ ระชาชนมากทสี่ ดุ แห่งหนึ่ง ในโลก องคก์ รศาสนาทเี่ ตบิ โตในไตห้ วนั เป็ นไปอยา่ งฉันมติ ร แมไ้ ม่ขนึ้ แกก่ นั มคี วาม แตกต่างกนั แต่สามารถรว่ มงานกนั ได ้ ไมท่ ะเลาะเบาะแวง้ หรอื แตกแยก ทาใหเ้ กดิ มูลนิธิ สมาคม นิตบิ ุคคลเชงิ ศาสนาเป็ นจานวนมาก ทง้ั วดั พุทธ สานักขงจอื๊ วดั เต๋า โบสถค์ รสิ ต ์ มสั ยดิ ฯลฯ ไมม่ อี งคก์ รปกครองสงู สดุ ไมม่ อี งคก์ รใดเตบิ โตจนเป็ นเจา้ ถนิ่ ผูกขาดครอบงา ศาสนาทยี่ งั คงเป็ นหลกั สาคญั ก็คอื พุทธศาสนา มอี งคก์ รพุทธ เป็ น ๑๐ แห่ง แตท่ นี่ ับวา่ เป็ นสานักใหญ่มอี ยู่ ๔ สานัก คอื ฉือจี้ ฝอกวงซาน ฝ่ ากซู่ าน และจงไถซาน คาสอน ของ พระพทุ ธศาสนาในไตห้ วนั องคก์ รพุทธในไตห้ วนั เป็ นพุทธมหายานทเี่ นน้ อดุ มการณพ์ รหมวหิ าร ๔ ประการแบบพระโพธสิ ตั ว ์ คอื มงุ่ ชว่ ยเหลอื สรรพสตั วเ์ ป็ นเป้ าหมายหลกั ของชวี ติ ทา ใหม้ คี วามกระตอื รอื รน้ ทจี่ ะชว่ ยกนั คนละไมล้ ะมอื ไมน่ ิ่งดดู ายหรอื หาความสขุ ในตน ฝ่ ายเดยี ว เอาใจใส่สงิ่ แวดลอ้ มเพอื่ ไม่ใหส้ งั คมเสอื่ มทรามลงเรว็ เกนิ ไป เพอื่ ต่อสูก้ บั กระแสการเจรญิ ทางวตั ถยุ ุคโลกาภวิ ตั นท์ เี่ นน้ ตวั ใครตวั มนั

๙ ชดุ ความคดิ เชงิ พุทธไตห้ วนั ชดุ ความคดิ เชงิ พทุ ธไตห้ วนั เป็ นพทุ ธแบบมหายานทสี่ อนใหช้ ว่ ยเหลอื ผอู้ นื่ ยงิ่ ชว่ ยมาก เสยี สละมาก ทาเพอื่ ผอู้ นื่ มากก็จะเทา่ กบั วา่ ไดเ้ พมิ่ ความสาเรจ็ ในการเป็ น พระโพธสิ ตั ว ์ ณ ชาตนิ ี้ ณ เวลานี้ สรุปสาระสาคญั ได ้ ๔-๕ ประการคอื ๑.ความสขุ ทแี่ ทจ้ รงิ อยู่ทกี่ ารไดช้ ว่ ยเหลอื ผอู้ นื่ ไมใ่ ชก่ ารอยู่คนเดยี ว สขุ คน เดยี ว ๒.การจะไปชว่ ยเหลอื ผอู้ นื่ ตอ้ งผ่านการฝึ กอบรมจรรยามารยาทและควรไป เป็ นหมู่คณะ จะไดด้ แู ลเอาใจใส่กนั ทว้ งตงิ กนั ได ้ แต่ตอ้ งทาดว้ ยความสขุ ภาพ ๓. รปู เคารพพุทธเจา้ คอื พระโพธสิ ตั วป์ างตา่ งๆ เชน่ เจา้ แม่กวนอมิ ตจี้ งั้ อว๋าง ซงึ่ เป็ นแบบอย่างของการโปรดสตั วใ์ หพ้ น้ ทุกข ์ ๔.การปฏบิ ตั ธิ รรม คอื การปฏบิ ตั จิ รงิ โดยการทางานเพอื่ ผูอ้ นื่ อยา่ งเอาจรงิ เอาจงั ทารว่ มกนั สามคั คกี นั จงึ จะมคี วามกา้ วหนา้ ๕.มคี วามเชอื่ ว่า แมต้ ายไปแลว้ ก็ตอ้ งการกลบั มาเกดิ ในโลกนีอ้ กี เพอื่ ชว่ ยเหลอื เพอื่ นมนุษยท์ ตี่ กทุกขไ์ ดย้ ากต่อไปอกี เพอื่ ตนจะไดพ้ ฒั นาไปส่กู ารเป็ น พระโพธสิ ตั วใ์ นขนั้ ทสี่ งู ขนึ้ เรอื่ ยๆ จนมบี ารมเี ปี่ยมลน้ ตรสั รเู ้ ป็ นพระพุทธเจา้ ได ้ แนวคดิ เชน่ นี้ จงึ ทาใหช้ าวพทุ ธไตห้ วนั มงุ่ ปฏบิ ตั ธิ รรมดว้ ยการทางานอยใู่ นสงั คม แต่ เนน้ ทางานชว่ ยเหลอื ผูอ้ นื่ ลดความเห็นแกต่ วั ลดตวั ตนอยู่ตลอดเวลา บทที่ ๔. พระพทุ ธศาสนาในเกาหลใี ต้ พระพุทธศาสนาในเกาหลใี ต้ ศาสนาในประเทศเกาหลใี ต ้ จากการสารวจสามะโนครวั ประชากร พ.ศ. ๒๕๕๘ พบวา่ ประชากรสว่ นใหญร่ ะบุตวั ตนวา่ ไม่นับถอื ศาสนาหรอื นับถอื ลทั ธชิ นิ โดรอ้ ยละ ๕๖.๙ ขณะทปี่ ระชากรทนี่ ับถอื ศาสนาสว่ นใหญร่ ะบุตวั ตนวา่ นับถอื ศาสนาครสิ ต ์ (แบง่ เป็ นโปรเตสแตนตร์ อ้ ยละ ๑๙.๗ และโรมนั คาทอลกิ รอ้ ยละ ๗.๙ และนับถอื ศาสนาพทุ ธแบบเกาหลรี อ้ ยละ ๑๕.๕ ทเี่ หลอื รอ้ ยละ ๐.๘ นับถอื ศาสนาอนื่ ๆ เชน่ ลทั ธวิ ็อนบุล ลทั ธขิ งจอื๊ ลทั ธชิ อ็ นโด ลทั ธแิ ทซอ็ นจนิ รโี ฮ ลทั ธแิ ทจง ลทั ธชิ งึ ซนั และ ศาสนาครสิ ตน์ ิกายออรท์ อดอกซศ์ าสนาพุทธเป็ นศาสนาทสี่ ง่ อทิ ธพิ ลยงิ่ ตงั้ แต่ยคุ กอ่ น ส่วนศาสนาครสิ ตเ์ รมิ่ เขา้ มามอี ทิ ธพิ ลชว่ งครสิ ตศ์ ตวรรษที่ ๑๘ ถงึ ๑๙ และมศี า สนิกชนเพมิ่ ขนึ้ อยา่ งรวดเรว็ ชว่ งครสิ ตศ์ ตวรรษที่ ๒๐ ซงึ่ เกดิ ขนึ้ จากพลวตั ทาง สงั คมของเกาหลใี ตใ้ นศตวรรษทผี่ ่านมาแต่อทิ ธพิ ลของลทั ธขิ งจอื๊ และศาสนาพุทธ ยงั มอี ยมู่ าก กลา่ วกนั วา่ อทิ ธพิ ลของขงจอื๊ มลี กั ษณะบงั คบั แตศ่ าสนาพุทธจะมที า่ ที ทผี่ ่อนคลายกวา่ ทวา่ หลงั พ.ศ. ๒๕๔๓ เป็ นตน้ มา พบวา่ มผี นู้ ับถอื ศาสนาลดลง

๑๐ ศาสนาพนื้ เมอื งดงั้ เดมิ อย่างลทั ธชิ นิ โดไดร้ บั ความนิยมและผูท้ นี่ ับถอื ลทั ธดิ งั กลา่ ว ถกู นับเป็ นประชากรไม่มศี าสนา จากการสารวจใน พ.ศ. ๒๕๕๕ พบว่ามปี ระชากรที่ ไม่นับถอื ศาสนารอ้ ยละ ๑๕ ระบุว่าไม่เชอื่ ในพระเจา้ และการสารวจสามะโนครวั ประชากร พ.ศ. ๒๕๕๘ พบว่ากล่มุ เยาวชนอายุ ๒๐ ปี ไมน่ ับถอื ศาสนามากถงึ รอ้ ยละ ๖๕% ลกั ษณะ ของ พระพุทธศาสนาในเกาหลใี ต้ ศาสนาพทุ ธในเกาหลใี ต้ ศาสนาพุทธมนี ิกายหลกั คอื นิกายซอ็ น แบง่ คณะสงฆอ์ อกเป็ นสองกลมุ่ หลกั ไดแ้ ก่ คณะโช-กเย และคณะแทโก คณะสงฆแ์ รกคอื นิกายทพี่ ระสงฆค์ รอง พรหมจรรย ์ มศี ูนยก์ ลางทวี่ ดั โชกเยซาในกรุงโซล และมวี ดั ในสงั กดั ทมี่ ชี อื่ เสยี ง เชน่ วดั พุลกกุ ซา และวดั โพโมซา ส่วนคณะแทโกเป็ นคณะสงฆท์ อี่ นุญาตใหพ้ ระสงฆ ์ สามารถมคี รอบครวั ได ้ ตามอย่างพระสงฆญ์ ปี่ ่ นุ ในยุคอาณานิคม หลงั ประเทศเกาหลี ใตไ้ ดร้ บั อสิ รภาพเกดิ การต่อสกู้ นั ระหวา่ งคณะโช-กเยและแทโกเรอื่ งกรรมสทิ ธทิ์ ดี่ นิ ของวดั ซงึ่ โช-กเยชนะคดใี นเวลาต่อมา ส่วนคณะชนิ กกั เป็ นกล่มุ ทสี่ บื มาจากนิกายวชั รยานทอี่ นุญาตใหพ้ ระสงฆม์ ี ครอบครวั ได ้ อกี คณะหนึ่งคอื คณะชอ็ นแท สบื มาแต่นิกายเทยี นไถจากประเทศจนี นับถอื สทั ธรรมปุณฑรกี สตู รวา่ เป็ นคาสอนสงู สดุ ของพทุ ธศาสนา และพระสงฆย์ งั ถอื พรตครองเพศพรหมจรรย[์ 46] นอกจากนีย้ งั มลี ทั ธอิ งิ ศาสนาพุทธคอื ลทั ธวิ ็อนบุล ถอื เป็ นศาสนาพุทธสมยั ใหม่ เชอื่ ว่าการการรแู ้ จง้ สามารถเกดิ ขนึ้ ไดก้ บั ทุกคน มพี ระ คมั ภรี แ์ ละวตั รปฏบิ ตั ทิ เี่ รยี บงา่ ย สามารถนาไปปรบั ใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ได ้ เพอื่ ใหค้ น ทุกชนชน้ั เขา้ ถงึ พระธรรม คาสอน ของ พระพทุ ธศาสนาในเกาหลใี ต้ ศาสนาพุทธในเกาหลใี ตจ้ ะนิยมนบั ถอื ศาสนาพนื้ เมอื ง ความเชอื่ หลกั คอื ตอ้ งนับถอื ฮานึลลมิ หรอื ฮวนั อนิ ว่าเป็ น \"ผูส้ รา้ งทกุ สรรพ สงิ่ \" และ \"ของเทพเจา้ ทง้ั หมดในธรรมชาติ มตี านานมาวา่ เหล่ามดู งั คอื สบื สนั ดาน ลงมาจากราชาสวรรค ์ พระโอรสของพระชนนี [แห่งราชาสวรรค]์ การสบื ทอดการ เป็ นคนทรงจะส่งผา่ นทางสายผูห้ ญงิ ส่วนตานานอนื่ ๆ มกั เชอื่ มโยงความเชอื่ ดง้ั เดมิ เขา้ กบั เรอื่ งทนั กนุ พระโอรสของราชาสวรรคซ์ งึ่ เป็ นผูก้ อ่ ตง้ั ชาตเิ กาหลี นอกจากนี้ ยงั เชอื่ ว่ามจี ติ วญิ ญาณสงิ สถติ อยใู่ นสงิ่ ทเี่ คลอื่ นไหวไดแ้ ละเคลอื่ นไหวไมไ่ ด ้ แต่หลงั การเขา้ มาของศาสนาทมี่ คี วามซบั ซอ้ นกว่า เชน่ ลทั ธเิ ต๋า ลทั ธขิ งจอื๊ และศาสนา พทุ ธ ศาสนาพนื้ บา้ นนีก้ ไ็ ม่ไดจ้ างหายไปไหน หากแต่ผสมกลมกลนื ไปกบั ศาสนาน้ัน ๆ เกดิ เป็ นองคป์ ระกอบความเชอื่ ทหี่ ลากหลาย สาหรบั คนเกาหลยี ุคกอ่ นจะมองว่า

๑๑ ความเชอื่ นีเ้ ป็ นศาสนาแหง่ ความกลวั และการเชอื่ ถอื โชคลาง แต่คนยคุ ปัจจบุ นั จะ มองว่าเป็ นองคป์ ระกอบทางวฒั นธรรมทใี่ ชเ้ ครอื่ งดนตรี การรา่ ยรา และเครอื่ งเซน่ ไหวผ้ ี เป็ นสสี นั หรอื ศลิ ปะของเกาหลี ชาวเกาหลเี รยี กคนทรงเพศหญงิ ว่า \"มู\" หรอื \"มูดงั \" หากเป็ นคนทรงเพศชาย จะเรยี กวา่ \"พกั ซ\"ู หรอื จะเรยี กชอื่ อนื่ ก็ได ้ เชน่ \"ดนั ก็อล\" โดยคนทรงในภาษา เกาหลหี รอื เรยี กวา่ \"ม\"ู น้ัน ตรงกบั คาจนี ว่า \"ว\"ู (จนี : พนิ อนิ : ใชเ้ รยี กคนทรงไดไ้ ม่ จาแนกเพศ โดยมดู งั ทาหนา้ ทเี่ ป็ นตวั กลางระหว่างวญิ ญาณ, เทพเจา้ และมนุษย ์ ผา่ นพธิ กี รรมทเี่ รยี กว่า \"กตุ \" (เกาหล:ี เพอื่ แกไ้ ขปัญหาหรอื พฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ของมนุษย ์ บทที่ ๕ .พระพทุ ธศาสนาในญปี่ ่ ุน ศาสนาพุทธเขา้ สปู่ ระเทศญปี่ ่ ุนโดยผ่านประเทศเกาหลี ในหนังสอื ประวตั ศิ าสตรญ์ ปี่ ่ ุนชอื่ นิฮงโชคิ (ญปี่ ่ นุ : โรมาจ:ิ ไดบ้ นั ทกึ ไวว้ ่า วนั ที่ ๑๒ ตลุ าคม พ.ศ. ๑๐๙๕ (ในยุคอาซกึ ะ) เป็ นปี ที่ ๑๓ ของรชั กาลจกั รพรรดคิ มิ เม จกั รพรรดญิ ปี่ ่ ุน องคท์ ี่ ๒๙ พระพทุ ธศาสนาไดเ้ ขา้ สญู่ ปี่ ่ ุน โดยพระเจา้ ซองแห่งอาณาจกั รแพ็กเจส่ง ราชทตู มายงั ราชสานักจกั รพรรดคิ มิ เม พรอ้ มดว้ ยพระพุทธรูป ธง คมั ภรี พ์ ทุ ธธรรม และพระราชสาสนแ์ สดงพระราชประสงคท์ จี่ ะขอใหจ้ กั รพรรดคิ มิ เมรบั นับถอื พระพุทธศาสนาจกั รพรรดคิ นิ เมทรงรบั ดว้ ยความพอพระทยั แมจ้ ะมกี ารนับถอื ศาสนาพทุ ธในหมชู่ าวญปี่ ่ นุ อย่กู อ่ นแลว้ โดยรบั จาก ประเทศอนิ เดยี ผา่ นประเทศจนี เขา้ มายงั ญปี่ ่ ุนทมี่ ผี นู้ ามาถา่ ยทอดจากแผ่นดนิ ใหญ่ ในชว่ งกอ่ นตน้ พุทธศตวรรษที่ ๑๐เพยี งแต่ครงั้ นีเ้ ป็ นการเรมิ่ ตน้ ของพระพุทธศาสนา ในญปี่ ่ ุนอย่างเป็ นหลกั เป็ นฐานทชี่ ดั เจนอยู่ในบนั ทกึ นิฮงโชคพิ งศาวดารญปี่ ่ ุนซงึ่ เขยี นโดยอาลกั ษณ์ พระพุทธศาสนาเป็ นส่วนหนึ่งของรากฐานในวถิ ชี วี ติ ของชาวญปี่ ่ นุ มารว่ ม สหสั วรรษ และในพนั ปี กวา่ นีช้ าวญปี่ ่ นุ ยงั ไดเ้ ชอื่ มโยงความเชอื่ ของพทุ ธศาสนา บางสว่ นเขา้ ผสมผสานกบั ปรชั ญาหลกั คาสอนของศาสนาชนิ โตพนื้ บา้ น เชน่ ความ เชอื่ ในเรอื่ งของพระโพธสิ ตั วแ์ ละทวยเทพในศาสนาพุทธ ซงึ่ ไดผ้ นวกเป็ นเทพเจา้ ที่ ไดร้ บั การเคารพนับถอื ในศาสนาชนิ โต ความเชอื่ มโยงนีซ้ มึ ซบั จนกลายเป็ นส่วนหนึ่ง ของแกนรากทางวฒั นธรรมของประเทศญปี่ ่ นุ มาเนิ่นนานหลายศตวรรษ

๑๒ ลกั ษณะของ พระพทุ ธศาสนาในญปี่ ่ ุน พระพทุ ธศาสนาในญปี่ ่ ุนในปัจจุบนั ในปัจจบุ นั ชาวญปี่ ่ ุนนับถอื พระพุทธศาสนาควบค่ไู ปกบั ศาสนาชนิ โต พระพทุ ธศาสนาแบง่ ออกเป็ นหลายนิกาย นิกายทสี่ าคญั มี ๕ นิกาย ดงั นี้ ๑.นิกายเทนได (เทยี นไท)้ พระไชโจ (เด็งกะโยไดช)ิ เป็ นผตู้ งั้ มหี ลกั คาสอน เป็ นหลกั ธรรมชน้ั สงู ส่งเสรมิ ใหบ้ ูชาพระพุทธเจา้ องคป์ ัจจบุ นั และพระโพธสิ ตั ว ์ ๒.นิกายชนิ งอน พระกไุ กเป็ นผูต้ ง้ั ในเวลาใกลเ้ คยี งกบั นิกายเทนได มหี ลกั คา สอนตามนิกายตนั ตระ สอนใหค้ นบรรลโุ พธญิ าณดว้ ยการสวดมนตอ์ อ้ นวอนถอื คมั ภรี ม์ หาไวโรจนสตู รเป็ นสาคญั ๓. นิกายโจโด (สขุ าวด)ี โฮเนนเป็ นผตู้ ง้ั เมอื่ พ.ศ.๑๗๑๘ นิกายนีส้ อนว่าสขุ วดเี ป็ นแดนอมตสขุ ผูจ้ ะไปถงึ ไดด้ ว้ ยออกพระนามพระอมติ าภพุทธะนิกายนีม้ นี ิกาย ยอ่ ยอกี มาก เชน่ โจโดชนิ (สขุ าวดแี ท)้ ตง้ั โดยชนิ แรน มคี ตวิ ่า ฮโิ ชฮโิ ชกุ ไมม่ พี ระ ไม่มฆี ราวาส ทาใหพ้ ระในนิกายนีม้ ภี รรยาได ้ ฉันเนือ้ ได ้ มคี วามเป็ นอยคู่ ลา้ ย ฆราวาส ๔. นิกายเซน (ชยาน หรอื ฌาน) นิกายนีถ้ อื ว่า ทกุ คนมธี าตพุ ทุ ธะอยใู่ นตวั ทาอยา่ งไรจงึ จะใหธ้ าตพุ ทุ ธะนีป้ รากฏออกมาได ้ โดยความสามารถของตวั เอง สอน ใหด้ าเนินชวี ติ อย่างง่าย ใหเ้ ขา้ ถงึ โพธญิ าณอย่างฉับพลนั นิกายนีค้ นชนั้ สงู และพวก นักรบนิยมมาก เป็ นตน้ กาเนิดของลทั ธบิ ชู โิ ด นับถอื พระโพธธิ รรมผเู้ ผยแพรใ่ น ประเทศจนี ๕. นิกายนิชเิ รน นิชเิ รนเป็ นผูต้ ง้ั นับถอื สทั ธรรมปณุ ฑรกิ สูตรอยา่ งเดยี ว โดยภาวนาว่า นะมึ เมยี ว โพเรงเงเกยี ว (นโม สทธฺ มมฺ ปุณฺฑรกิ สตุ ฺตสสฺ ขอนอบ นอ้ มแด่ สมั ธรรม ปณุ ฑรกิ สตู ร) เมอื่ เปล่งคานีอ้ อกมาดว้ ยความรูส้ กึ วา่ มตี วั ธาตุ พทุ ธะอย่ใู นใจกบ็ รรลโุ พธไิ ด ้ คาสอน ของ พระพุทธศาสนาในญปี่ ่ ุน ในญปี่ ่ ุนตอนนีถ้ า้ เอ่ยถงึ ศาสนาพทุ ธ ส่วนทคี่ นญปี่ ่ ุนไดร้ บั อทิ ธพิ ลมากทสี่ ดุ คอื พธิ ศี พ รองลงมาคอื การไหวพ้ ระขอพรชว่ งปี ใหม่ (คนญปี่ ่ ุนไปทงั้ ศาลเจา้ ชนิ โตและ วดั ) นอกจากนั้นแลว้ วดั มสี ถานะใกลเ้ คยี งกบั แหลง่ พกั ผ่อนหยอ่ นใจ มไิ ดเ้ ป็ นที่ ศกึ ษาพระธรรมหรอื การฟังเทศน์ การนับถอื พุทธจงึ มคี วามหมายเชงิ พธิ กี รรม มากกว่านัยดา้ นความเชอื่ หรอื การนอ้ มนาคาสอนมาตคี วามเพอื่ ใชก้ บั ชวี ติ ประจา วนั ซงึ่ ต่างจากของไทย ดงั เห็นไดจ้ ากการทรี่ า้ นหนังสอื ในเมอื งไทยมหี นังสอื ธรรมะ อ่านง่ายขายสะดวกวางอยูท่ ่วั ไป โดยทหี่ ลายเลม่ กลายเป็ นหนังสอื ขายดตี ดิ อนั ดบั แต่เหตกุ ารณแ์ บบนีไ้ มม่ ใี หเ้ ห็นในญปี่ ่ ุนคนญปี่ ่ ุนนับถอื พุทธกบั ชนิ โต

๑๓ โดยไมแ่ บง่ แยกอย่างชดั เจน ทานองเดยี วกนั กบั ทคี่ นไทยนับถอื พระพทุ ธเจา้ และเทพเจา้ ของฮนิ ดู ถา้ ว่ากนั ดว้ ยจานวนศาสนสถานแลว้ ศาลเจา้ ชนิ โตมมี ากกวา่ วดั คอื ๘ หมนื่ กวา่ แหง่ ส่วนวดั มรี าว ๗๗.๐๐๐ วดั แต่กอ็ กี น่ันแหละ คนญปี่ ่ นุ ที่ ตระหนักอยา่ งจรงิ จงั ในคาสอนของชนิ โตและพทุ ธมอี ยู่ไมม่ าก และดเู หมอื นไม่ค่อยมี ใครใสใ่ จดว้ ยวา่ สงิ่ ใดคอื ชนิ โตหรอื พุทธ แตน่ ับถอื รวม ๆ กนั ไป เราจงึ ไดเ้ ห็นคนญปี่ ่ ุน มากมายทไี่ ปวดั และตบมอื แปะ ๆ ตามแบบชนิ โตเพอื่ เรยี กใหเ้ ทพเจา้ สะดงุ้ จะไดส้ นใจ คาภาวนาของตน โดยทไี่ ม่ไดฉ้ ุกคดิ วา่ ตรงน้ันคอื วดั และศาสนาพทุ ธไมไ่ ดน้ ับถอื เทพเจา้ แตน่ ับถอื พระพุทธเจา้ บทที่ ๖. พระพุทธศาสนาในมองโกเลยี ศาสนาในประเทศมองโกเลยี มศี าสนาสาคญั คอื ศาสนาพุทธนิกายวชั รยานและลทั ธเิ ชมนั แบบมองโกเลยี เพราะเป็ นศาสนาหลกั ทชี่ าวมองโกลนับถอื ในอดตี จกั รวรรดมิ องโกลเคยไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากศาสนาครสิ ต ์ (นิกายเนสโตเรยี นและโรมนั คาทอลกิ ) และศาสนาอสิ ลาม กระน้ันศาสนาเหลา่ นีก้ ลบั ไม่มอี านาจครอบงารฐั ไดเ้ ลย ในยคุ สาธารณรฐั ประชาชน มองโกเลยี (พ.ศ. ๒๔๖๗-๒๕๓๕) ซงึ่ เป็ นยุคสงั คมนิยม ศาสนาทุกศาสนาถกู ระงบั มิ ใหค้ นนับถอื แต่เมอื่ มกี ารเปลยี่ นแปลงระบอบการปกครองเป็ นแบบรฐั สภา สถาบนั ศาสนาจงึ ไดร้ บั การฟื้นฟกู ลบั คนื มาอกี ครง้ั หนึ่ง จากการสารวจสามะโนครวั ประชากรเมอื่ พ.ศ. ๒๕๖๓ พบว่าประชากรสว่ น ใหญน่ ับถอื ศาสนาพทุ ธรอ้ ยละ ๕๑.๗ ไม่นับถอื ศาสนารอ้ ยละ ๔๐.๖ ศาสนาอสิ ลาม รอ้ ยละ ๓.๒ ลทั ธเิ ชมนั แบบมองโกเลยี รอ้ ยละ ๒.๕ ศาสนาครสิ ตร์ อ้ ยละ ๑.๓ และ ศาสนาอนื่ ๆ รอ้ ยละ ความเป็ นมาของ พระพทุ ธศาสนาในมองโกเลยี ในชว่ งทา้ ยของศตวรรษที่ ๑๗ มองโกเลยี ในปัจจบุ นั ไดก้ ลายเป็ นส่วนหนึ่งของ พนื้ ทที่ ปี่ กครองโดยราชวงศช์ งิ ทนี่ าโดยชาวแมนจู ในชว่ งการล่มสลายของราชวงศ ์ ชงิ ในปี ค.ศ. ๑๙๑๒ แตม่ องโกเลยี ไดป้ ระกาศอสิ รภาพและอยภู่ ายใตก้ ารปกครองของ บอจด ์ ขา่ นในปี ค.ศ. ๑๙๑๑ และเป็ นส่วนหนึ่งของจนี ในปี ค.ศ. ๑๙๑๙ แลว้ มองโกเลยี ก็อยูภ่ ายใตก้ ารปกครองของบอจด ์ ข่านเหมอื นเดมิ ในปี ค.ศ. ๑๙๒๑ แลว้ กเ็ กดิ การปฏวิ ตั มิ องโกเลยี ในปี ค.ศ. ๑๙๒๑ จนถงึ ปี ค.ศ ๑๙๒๔ ไดส้ ถาปนา สาธารณรฐั ประชาชนมองโกเลยี ในการปกครองคอมมวิ นิสตจ์ นถงึ ปี ค.ศ. ๑๙๔๕ เพอื่ ใหไ้ ดร้ บั การยอมรบั ในระดบั สากล ผลทตี่ ามมาคอื มองโกเลยี ไดอ้ ยู่ภายใต ้ อทิ ธพิ ลของสหภาพโซเวยี ตทแี่ ข็งแกรง่ ในปี ค.ศ. ๑๙๒๔ สาธารณรฐั ประชาชน

๑๔ มองโกเลยี ไดถ้ กู ประกาศขนึ้ และการเมอื งของมองโกเลยี ไดเ้ รมิ่ เป็ นไปตามรูปแบบ เดยี วกบั การเมอื งของสหภาพโซเวยี ตในชว่ งสมยั นั้น ภายหลงั จากการปฏวิ ตั ใิ นปี ค.ศ. ๑๙๘๙ การปฏวิ ตั มิ องโกเลยี ในปี ค.ศ. ๑๙๙๐ ไดน้ าไปส่รู ะบบหลายพรรค การเมอื ง รฐั ธรรมนูญฉบบั ใหม่ในปี ค.ศ. ๑๙๙๒ และไดถ้ กู เปลยี่ นผ่านสรู่ ะบบ เศรษฐกจิ แบบตลาด ลกั ษณะของ พระพุทธศาสนาในมองโกเลยี พุทธศาสนาในมองโกเลยี มลี กั ษณะเฉพาะลา่ สดุ จากพุทธศาสนาในทเิ บต ของเชอื้ สาย Gelug และ Kagyu แต่มคี วามแตกตา่ งและนาเสนอลกั ษณะเฉพาะ ของตนเอง ตามเนือ้ ผา้ ศาสนาชาตพิ นั ธมุ ์ องโกเลยี เกย่ี วขอ้ งกบั การบชู าสวรรค ์ (\"ทอ้ งฟ้ า สคี รามชว่ั นิรนั ดร\"์ ) และบรรพบรุ ษุ และการปฏบิ ตั ลิ ทั ธชิ าแมนโบราณของเอเชยี เหนือซงึ่ ตวั กลางของมนุษยเ์ ขา้ ไปอยใู่ นภวงั คแ์ ละพูดคยุ กบั และสาหรบั บางสงิ่ ทไี่ ม่มี จานวนนับไมถ่ ว้ น ของวญิ ญาณทรี่ บั ผดิ ชอบต่อโชคหรอื ความโชครา้ ยของมนุษย ์ คาสอนของ พระพุทธศาสนาในมองโกเลยี มองโกเลยี ทนี่ ับถอื ศาสนาพุทธเป็ นศาสนาอเทวนิยม ปฏเิ สธการมอี ยขู่ องพระ เป็ นเจา้ หรอื พระผสู้ รา้ ง และเชอื่ ในศกั ยภาพของมนุษย ์ ว่าทุกคนสามารถพฒั นา จติ ใจ ไปสู่ความเป็ นมนุษยท์ สี่ มบูรณไ์ ด ้ ดว้ ยความเพยี รของตน กลา่ วคอื ศาสนา พุทธ สอนใหม้ นุษยบ์ นั ดาลชวี ติ ของตนเอง ดว้ ยผลแหง่ การกระทาของตน ตาม กฎ แหง่ กรรม มไิ ดม้ าจากการออ้ นวอนขอจากพระเป็ นเจา้ และสงิ่ ศกั ดสิ ์ ทิ ธนิ์ อกกาย คอื ใหพ้ งึ่ ตนเอง เพอื่ พาตวั เองออกจากกอง ทุกข ์ มจี ดุ มุ่งหมายคอื การสอนใหม้ นุษย ์ หลดุ พน้ จากความทุกขท์ ง้ั ปวงในโลกดว้ ยวธิ กี ารสรา้ ง ปัญญา ในการอยู่กบั ความ ทุกขอ์ ยา่ งรูเ้ ท่าทนั ตามความเป็ นจรงิ วตั ถปุ ระสงคส์ งู สดุ ของศาสนาคอื การหลดุ พน้ จากความทุกขท์ งั้ ปวงและวฏั จกั รการเวยี นวา่ ยตายเกดิ เชน่ เดยี วกบั ทพี่ ระศาสดา ในฐานะที่ ทรงหลุดพน้ ไดด้ ว้ ยกาลงั สตปิ ัญญาและความเพยี รของพระองคเ์ อง พระองคก์ ็ทรงเป็ นมนุษย ์ มใิ ชเ่ ทพเจา้ หรอื ทตู ของพระเจา้ องคใ์ ด

๑๕ บทที่ ๗. พระพุทธศาสนาในทเิ บต พระพุทธศาสนาในแบบทเิ บต คอื พุทธศาสนาแบบหนึ่งซงึ่ ถอื ปฏบิ ตั ใิ นทเิ บต และปัจจบุ นั ไดแ้ พรห่ ลายไปใน หลายประเทศดนิ แดนทเิ บตในอดตี มคี วามรุง่ เรอื งทางพทุ ธศาสนามาก พทุ ธศาสนา แบบทเิ บตมเี อกลกั ษณเ์ ฉพาะคอื เป็ นการผสมผสานระหว่างพทุ ธศาสนานิกาย มหายานทงั้ จากอนิ เดยี และจนี ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากพทุ ธศาสนานิกายตนั ตระของ อนิ เดยี จนเกดิ เป็ นนิกายวชั รยานขนึ้ ประชาชนใฝ่ ธรรมะ เมอื่ มงี านบญุ ประชาชนจะ เดนิ ทางไปแสวงบุญแมจ้ ะไกลสกั เพยี งใด ซงึ่ ปัจจบุ นั ก็มใี หเ้ ห็นอย่มู ากมาย แต่เมอื่ ตก อยู่ในการปกครองของจนี วดั นับพนั แห่งท่วั นครลาซา เหลอื ไมถ่ งึ หนึ่งรอ้ ยแห่งใน ปัจจบุ นั จนแทบไม่เหลอื ความเจรญิ รุง่ เรอื งในอดตี ความเป็ นมาของ พระพุทธศาสนาในทเิ บต เดมิ น้ันชาวทเิ บตนับถอื คตผิ สี างเทวดาอยา่ งหนึ่งเรยี กว่า ลทั ธบิ อนโป ต่อมา พระเจา้ สรองสนั คมั โป (ประสตู ิ พ.ศ. ๑๑๖๐) กษตั รยิ แ์ ห่งทเิ บตไดอ้ ภเิ ษกสมรสกบั เจา้ หญงิ เนปาลและเจา้ หญงิ จนี ผนู้ ับถอื พระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาจงึ ไดเ้ รมิ่ เผยแพรเ่ ขา้ ส่ปู ระเทศทเิ บต พระเจา้ สรองสนั คมั โปไดท้ รงส่งทูตชอื่ ทอนมสิ มั โภตะ ไป ศกึ ษาพระพทุ ธศาสนาและภาษาตา่ งๆ ในประเทศอนิ เดยี และไดด้ ดั แปลงอกั ษร อนิ เดยี มาใชเ้ ขยี นภาษาทเิ บต เป็ นอปุ กรณใ์ นการนาพุทธธรรมเขา้ มาส่ปู ระเทศดว้ ย การแปลคมั ภรี พ์ ุทธศาสนาภาษาสนั สกฤตเป็ นภาษาทเิ บต เป็ นตน้ อยา่ งไรก็ดี พระพทุ ธศาสนาในยุคแรกเรมิ่ นี้ ยงั หาแพรห่ ลายกวา้ งขวางไม่ เพราะไดร้ บั ความตา้ นทานจากความเชอื่ ถอื และลทั ธปิ ระเพณีเดมิ ของทอ้ งถนิ่ ลกั ษณะของ พระพทุ ธศาสนาในทเิ บต พุทธศาสนาแบบทเิ บตจะมกี ารศกึ ษาแบง่ เป็ น ๓ ระดบั คอื ระดบั ตน้ จะศกึ ษาเถร วาท ระดบั กลางศกึ ษามหายาน และระดบั สงู ศกึ ษาวชั รยานและมนตรยาน ภกิ ษุถอื ปาตโิ มกขต์ ามนิกายมลู สรวาสตวิ าท มสี กิ ขาบท ๒๕๓ ขอ้ มคี วามเชอื่ เกยี่ วกบั พระพทุ ธเจา้ ต่างจากนิกายเถรวาทคอื นับถอื พระธยานิพทุ ธะ ๕ พระองค ์ ไดแ้ ก่ พระ ไวโรจนพุทธะ พระอกั โษภยพทุ ธะ พระอมติ าภพทุ ธะ พระอโมฆสทิ ธพิ ทุ ธะ และพระ รตั นสมั ภวพทุ ธะ นอกจากนีย้ งั นับถอื พระโพธสิ ตั วอ์ กี หลายพระองค ์ เชน่ พระอวโลกิ เตศวรโพธสิ ตั วแ์ ละพระชายาคอื พระนางตารา พระมญั ชศุ รโี พธสิ ตั ว ์ และพระวชั ร ปาณีโพธสิ ตั วเ์ ป็ นตน้ ลกั ษณะเด่นอนื่ ๆ ของพทุ ธศาสนาแบบทเิ บตไดแ้ ก่ ลามะ ตรรกวภิ าษ และการปฏบิ ตั แิ บบตนั ตระ

๑๖ คาสอนของ พระพุทธศาสนาในทเิ บต ดาไลลามะ เป็ นชอื่ ทมี่ กั เรยี กกนั บางครง้ั กน็ ิยมออกเสยี งว่า “ทะไลลามะ” ซงึ่ เป็ นภาษามองโกเลยี Dalai แปลว่ามหาสมทุ ร สว่ นในภาษาทเิ บตแปลวา่ พระชนั้ สงู “ทะไลลามะ” เป็ นชอื่ ตาแหน่งประมขุ หวั หนา้ คณะสงฆใ์ นพุทธศาสนานิกายมหายาน แบบทเิ บตเกลกุ เป็ นผนู้ าจติ วญิ ญาณสงู สดุ ของชาวทเิ บต ตามความเชอื่ ของชาวทเิ บต องคท์ ะไลลามะเป็ นอวตารในรา่ งมนุษยข์ องพระอว โลกเิ ตศวรโพธสิ ตั ว ์ (พระโพธสิ ตั วอ์ งคส์ าคญั ของพระพทุ ธศาสนามหายาน เป็ น บคุ ลาธษิ ฐานซงึ่ หมายถงึ บุคคลอนั เป็ นทตี่ งั้ แห่งมหากรณุ าคณุ ของพระพุทธเจา้ ทง้ั ปวง) เมอื่ องคท์ ะไลลามะองคห์ นึ่งสนิ้ พระชนมไ์ ปกจ็ ะกลบั ชาตมิ าประสตู ใิ หมเ่ ป็ นองค ์ ทะไลลามะองคต์ อ่ ไป บทสรุป สถานการณป์ ัจจบุ นั ของพระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออก สาธารณรฐั ประชาชนจนี พระพุทธศาสนามบี ทบาทสาคญั ในประวตั ศิ าสตรจ์ นี มานานกวา่ ๒,๐๐๐ ปี และพุทธศาสนาแบบจนี ก็มบี ทบาทในการเผยแพรพ่ ุทธศาสนาในทวปี เอเชยี ตะวนั ออกอยา่ งตอ่ เนื่องเชน่ กนั ราชวงศถ์ งั ตอนตน้ ๖๘๑–๙๐๗ ของสากลสมยั รวมทงั้ มคี วามเฟื่ องฟทู างดา้ นศลิ ปะและ ถอื เป็ นยุคทองแห่งพระพุทธศาสนา วรรณกรรมในปัจจบุ นั มชี าวจนี จานวนมากหนั มาสนใจพระพุทธศาสนามากขนึ้ อยา่ งเห็นไดช้ ดั โดยเนน้ พุทธศาสนาแบบทเิ บต จานวน พทุ ธศาสนิกชนในปัจจบุ นั อยู่ทปี่ ระมาณ ๒๐% และวดั สว่ นใหญ่ในจนี กม็ ผี ู้ เขา้ เยยี่ มชมอยา่ งไม่ขาดสาย เมอื่ หลายคนเรมิ่ มฐี านะและชวี ติ ทยี่ ่งุ เหยงิ มากขนึ้ พวกเขากย็ ่อมหาทางออกดว้ ยการหนั เขา้ หาพุทธศาสนาแบบจนี และทเิ บต พุทธ ศาสนาแบบทเิ บตนั้นเป็ นทสี่ นใจสาหรบั ชาวจนี ฮน่ั เป็ นพเิ ศษ ซงึ่ เห็นไดจ้ ากจานวน ลามะทสี่ อนเป็ นภาษาจนี ทเี่ พมิ่ ขนึ้ เรอื่ ย ๆ ไตห้ วนั ฮ่องกง และชมุ ชนชาวจนี ในต่างประเทศ ในประเทศไตห้ วนั และฮอ่ งกงสามารถเห็นประเพณีของศาสนาพทุ ธนิกาย มหายานแบบจนี ไดช้ ดั เจนทสี่ ดุ ในทวปี เอเชยี ตะวนั ออก ไตห้ วนั มชี มุ ชนคณะสงฆ ์ และแมช่ ที แี่ น่นแฟ้ น ซงึ่ ไดร้ บั การสนับสนุนเป็ นอย่างดจี ากผมู้ จี ติ ศรทั ธาท่วั ไป นอกจากนีย้ งั มมี หาวทิ ยาลยั สาหรบั พทุ ธศาสนา และโปรแกรมทางพุทธศาสนา สาหรบั สงั คมสงเคราะหด์ ว้ ย ฮ่องกงก็มชี มุ ชมคณะสงฆท์ เี่ ฟื่ องฟูเชน่ กนั สาหรบั ชมุ ชนพุทธศาสนิกชนชาวจนี ในต่างประเทศอยา่ งในมาเลเซยี สงิ คโ์ ปร ์ อนิ โดนีเซยี ไทย และฟิ ลปิ ปิ นสน์ ั้น จะเนน้ เรอื่ งประเพณีไหวบ้ รรพบุรษุ และประเพณีเพอื่ ความ เป็ นสิรมิ งคลทางการเงนิ และสขุ ภาพของผูไ้ หว ้ นอกจากนีย้ งั มรี า่ งทรงทสี่ ามารถ

๑๗ สอื่ สารขณะอยู่ในภวงั ค ์ ซงึ่ มกี ลมุ่ ผมู้ จี ติ ศรทั ธาไปปรกึ ษาปัญหาดา้ นสขุ ภาพและ จติ ใจของตนดว้ ย นักธรุ กจิ ยกั ษใ์ หญ่ของจนี ทเี่ ป็ นผูข้ บั เคลอื่ นเศรษฐกจิ “สเี่ สอื แหง่ เอเชยี ” มกั บรจิ าคเงนิ จานวนมากใหพ้ ระสงฆท์ าพธิ เี สรมิ ความสาเรจ็ ใหก้ บั งานดา้ น การเงนิ ของตน ในไตห้ วนั ฮ่องกง สงิ คโ์ ปร ์ และมาเลเชยี ก็มชี าวพทุ ธแบบทเิ บต เพมิ่ ขนึ้ ดว้ ยเชน่ กนั เกาหลใี ต้ พระพุทธศาสนามาถงึ คาบสมุทรเกาหลจี ากประเทศจนี ในปี ศตวรรษที่ 3 สากล สมยั ตอนนีพ้ ุทธศาสนาในเกาหลยี งั ถอื ว่าค่อนขา้ งแข็งแรง ถงึ แมว้ ่าจะถกู โจมตจี าก องคก์ รครสิ ตท์ เี่ ขม้ งวดมากขนึ้ กต็ าม ในชว่ งสบิ ปี ทผี่ า่ นมามวี ดั ทางพุทธมากมาย ถกู ทาลาย หรอื เสยี หายจากการเผาไหมโ้ ดยกลมุ่ ดงั กล่าว ปัจจบุ นั มปี ระชากร ๒๓% เป็ นชาวพทุ ธ ญปี่ ่ ุน พระพุทธศาสนาเผยแพรม่ าถงึ ญปี่ ่ ุนจากเกาหลใี นชว่ งศตวรรษที่ ๕ และมี บทบาทสาคญั อยา่ งมากในสงั คมและวฒั นธรรมของญปี่ ่ ุน ตง้ั แต่ปี ศตวรรษที่ ๑๓ มี ธรรมเนียมทพี่ ระญปี่ ่ ุนสามารถแตง่ งานและดมื่ แอลกอฮอลลไ์ ด ้ พระเหลา่ นีค้ ่อย ๆ เขา้ มาแทนทวี่ ่าพระสงฆจ์ ะตอ้ งปฏบิ ตั พิ รหมจรรย ์ ตามประวตั ศิ าสตรแ์ ลว้ มปี ระเพณี แบบพทุ ธบางอย่างทเี่ ป็ นเชงิ ชาตนิ ิยมสดุ ขวั้ โดยเชอื่ วา่ ญปี่ ่ ุนถอื เป็ นสรวงสวรรค ์ ของพระพุทธศาสนา ในยุคปัจจบุ นั มลี ทั ธทิ เี่ ชอื่ เรอื่ งวนั โลกาพนิ าศบางกล่มุ เรยี ก ตวั เองวา่ เป็ น ชาวพุทธ ถงึ แมว้ ่าจะแทบไม่มอี ะไรเกย่ี วขอ้ งกบั คาสอนพระศากยมุนี พทุ ธเจา้ เลย วดั วาอารามในญปี่ ่ ุนไดร้ บั การเก็บรกั ษาไวเ้ ป็ นอยา่ งดที ง้ั สาหรบั นักทอ่ งเทยี่ ว และผมู้ าเยอื น ถงึ แมว้ ่าวดั บางแหง่ จะเป็ นเชงิ พาณิชยม์ ากกต็ าม โดยรวมแลว้ การศกึ ษาและปฏบิ ตั ทิ างพุทธศาสนานั้นมนี อ้ ยลงไปอยา่ งมาก ทญี่ ปี่ ่ นุ มอี งคก์ รพุทธ ศาสนาทใี่ หญ่ทสี่ ดุ ในโลกแหง่ หนึ่งชอื่ ว่า โซคา กกั ไก ทเิ บต พทุ ธศาสนาเดนิ ทางมาถงึ ทเิ บตตงั้ แตศ่ ตวรรษที่ 7 ของยุกสากลสมยั การ อปุ ถมั ป์ ของราชวงศแ์ ละการสนับสนุนของขนุ นางเป็ นเวลาหลายศตวรรษทาให ้ พระพทุ ธศาสนาซบึ ซบั อยใู่ นมุมมองการใชช้ วี ติ หลายอย่างของชาวทเิ บต ในปัจจบุ นั วดั วาอารามและสานักชมี ที มี งานของรฐั บาลประจาอยู่ มตี ารวจนอก เครอื่ งแบบทงั้ ชายและหญงิ ที่ “ชว่ ยเหลอื แบง่ เบา” งานต่าง ๆ พูดง่าย ๆ ก็คอื คน

๑๘ กลมุ่ นีค้ อยจบั ตาดแู ละรายงานเกยี่ วกบั คณะสงฆน์ ีเ้ สมอ บางครงั้ ทมี งานทวี่ า่ นีม้ ี จานวนมากเทา่ กบั พระและแม่ชที พี่ านักอยู่ ณ ทนี่ ้ันเลยทเี ดยี ว นอกจากการ แทรกแซงของรฐั บาลแลว้ ปัญหาอกี ประการของชาวพุทธในทเิ บตคอื การขาด อาจารยท์ มี่ คี ณุ สมบตั ิ พระสงฆ ์ แม่ชี และผูม้ จี ติ ศรทั ธาต่างก็กระตอื รอื รน้ อยาก เรยี นรเู ้ พมิ่ เตมิ แต่อาจารยส์ ่วนใหญน่ ั้นมคี วามรูแ้ ละประสบการณท์ จี่ ากดั ในชว่ งสบิ ปี ทผี่ ่านมา รฐั บาลเปิ ด “มหาวทิ ยาลยั ” สาหรบั พุทธศาสนา ใกล ้ ๆ เมอื งลาซา ทา หนา้ ทเี่ ป็ นโรงเรยี นสาหรบั ตลุ กุ วยั เยาว ์ ซงึ่ สอนภาษาทเิ บต อกั ษรวจิ ติ ร การแพทย ์ การฝังเข็ม และปรชั ญาของพทุ ธศาสนาบางอยา่ ง ยุคดจิ ติ อลไดน้ าพาหนุ่มสาวชาว ทเิ บตใหใ้ กลช้ ดิ กบั พุทธศาสนามากขนึ้ หลายคนเป็ นสมาชกิ กลมุ่ ในแอป วแี ชท และ เวย่ ป๋ อ ทแี่ บ่งปันการสอนและเรอื่ งราวทางพทุ ธศาสนา ตอนนีก้ ารเรยี นรู ้ พุทธศาสนาถอื เป็ นวธิ กี ารเสรมิ อตั ลกั ษณค์ วามเป็ น “ชาวทเิ บตอย่างแทจ้ รงิ ” วธิ ี หนึ่ง เป็ นตน้ บรรณานุกรม (อา้ งองิ ) 1. เจยี แยนจอง. พทุ ธศาสนากบั วถิ ชี วี ติ ชาวพุทธไทลอื้ ในสบิ สองพนั นา ใน คนไทไมใ่ ชไ่ ทย แต่เป็ นเครอื ญาติ ชาตภิ าษา. กทม. มตชิ น. 2549. หนา้ 233 2. เจยี แยนจอง. แควน้ ใตค้ ง:ถนิ่ ไทยเหนือในยนู นาน. ใน คนไทไม่ไทย แต่เป็ นเครอื ญาตชิ าตภิ าษา. กทม. มติ ชน .2549. หนา้ 179-183 1.โรเบริ ต์ อี บสั เวลล ์ : แต่ง,ประสบการณช์ วี ติ พระวดั เซน,หนา้ 39 2.Ven.Eui-Hyun,Korean Buddhism, (Seoul:Korean Buddist Chogye Order,1988),pp.24-25 3. พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยตุ โต) พระพทุ ธศาสนาในอาเซยี ,หนา้ 46 1. \"2020 Population and Housing Census\" (PDF). National Statistics Office of Mongolia. คลงั ขอ้ มลู เกา่ เกบ็ จากแหลง่ เดมิ เมอื่ 2022-10-17. สบื คน้ เมอื่ 2022-12-09. 2. \"2010 Population and Housing Census\". National Statistics Office of Mongolia.

นิสติ ชนั้ ปี ที่ ๓ ปี การศกึ ษา ๑/๒๕๖๖ หลกั สตู รพุทธศาสตรบณั ฑติ สาขาวชิ าพระพทุ ธศาสนา มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตสรุ นิ ทร ์