หนว่ ยท่ี 3 เรื่อง หลกั การรบั – ส่งวทิ ยุ ผสู้ อน ครูปทั มาพร อทุ าจนั ทร์
หลักการรับ – ส่งวิทยุ 3.1 การสือ่ สารโดยใช้คลื่นวิทยุ การส่ือสารโดยใชค้ ลนื่ วทิ ยุนบั ว่าเป็นการสื่อสารที่มคี วามสาคญั มาก ถกู นาไปใชง้ านอยา่ งกวา้ งขวางแพร่หลาย เพราะ สามารถส่งขอ้ มูลข่าวสารไปได้ในระยะทางไกลแบบไร้สาย โดยไม่ตอ้ งส้ินเปลอื งสายส่งสญั ญาณ ช่วยแก้ปัญหาการส่ือสาร ทางสายทไ่ี ม่สามารถใช้ไดใ้ นบางพ้นื ที่ จากสาเหตไุ ม่คุม้ ค่าในดา้ นการลงทุน เกิดความยุ่งยากในการดูแลรักษาและการซ่อม บารุง การส่ือสารโดยใช้คล่ืนวิทยุสามารถส่งขอ้ มูลข่าวสารไปได้ในระยะทางไกลมากข้ึน โดยไม่เกิดการลดทอนหรือสูญ หายไประหว่างทาง สามารถส่งขอ้ มูลขา่ วสารไปไดจ้ านวนมากในแตล่ ะคร้งั เกิดความประหยดั ท้งั เวลา ค่าใชจ้ ่าย มคี วามรวดเร็ว ในการเดนิ ทาง และไม่เกิดความผดิ พลาด หลกั การรบั - ส่งขอ้ มลู ข่าวสารทางคลื่นวิทยุแบบเบ้ืองตน้ แสดงดงั รูปท่ี 3.1 รูปที่ 3.1 หลกั การรบั - ส่งขอ้ มลู ข่าวสารทางคลืน่ วิทยแุ บบเบ้ืองตน้ จากรูปท่ี 3.1 แสดงหลกั การรบั - ส่งขอ้ มลู ขา่ วสารทางคล่นื วิทยุแบบเบ้อื งตน้ แบง่ ออกเป็น 2 ดา้ น ไดแ้ ก่ ดา้ นส่งขอ้ มลู โดยการนาขอ้ มูลข่าวสารตา่ งๆ เช่น เสียง ภาพ ขอ้ มูล และสัญญาณ ไฟฟ้าในระบบควบคุมต่างๆ เป็นตน้ ส่งเขา้ ทางด้านส่ง ขอ้ มูล อีกส่วนหน่ึงเป็นภาคกาเนิดความถ่ีพาห์ (Carrier Frequency Oscillator) ทาหนา้ ที่ให้กาเนิดความถี่คลื่นวิทยขุ ้ึนมา เพื่อ ใชเ้ ป็นคล่ืน พาห์นาสัญญาณขอ้ มูลข่าวสารส่งต่อไป สัญญาณท้งั สองถูกส่งเขา้ ภาคผสมคลื่นหรือภาคมอดูเลต ทาการผสม สัญญาณขอ้ มลู ขา่ วสารกบั คลน่ื พาหเ์ ขา้ ด้วยกนั ไดค้ ลนื่ วทิ ยุท่ีถูกมอดเู ลตส่งเขา้ ภาคเครื่องส่งวิทยุ ทาการขยายสญั ญาณคลื่น ทีท่ าการมอดเู ลตแลว้ น้ีให้มีกาลงั แรงมากทสี่ ุด ส่งต่อไปใหส้ ายอากาศทาการแพร่กระจายคลื่นท่ีมอดูเลตน้ีออกไปในอากาศ ในรูปคลื่นแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า ส่วนดา้ นรบั ขอ้ มลู เครื่องรบั วิทยุจะรับสัญญาณคล่ืนแมเ่ หลก็ ไฟฟ้าทส่ี ่งผา่ นเขา้ มาทางสายอากาศ เคร่ืองรบั วิทยุรับ สัญญาณคล่ืนมอดูเลตน้ีเข้ามาทาการขยายให้สัญญาณแรงข้ึน ส่งผ่านไปเข้าภาคแยกคลื่น หรือภาคการดีมอดูเลต (Demodulation) แยกเอาสัญญาณขอ้ มูลขา่ วสารออกจากคลื่นพาห์ ส่งสัญญาณขอ้ มูลขา่ วสารต่อไปปลายทางเพ่ือนาไปใช้ งาน คล่นื วทิ ยุท่นี ามาใชเ้ ป็นคล่ืนพาห์ ทาหนา้ ท่ชี ว่ ยนาขอ้ มูลขา่ วสารส่งออกไป เพราะคลนื่ วิทยุสามารถเดินทางไปไดไ้ กล มคี วามเร็วในการเดนิ ทางเทา่ กบั คล่ืนแสง เกิดการสูญเสียขณะเดนิ ทางต่า การนาขอ้ มูลขา่ วสารไปผสมกบั คล่ืนพาห์น้ัน คือการ นาขอ้ มลู ข่าวสารเกาะตดิ ไปกบั คลื่นพาห์ เพอื่ ให้ขอ้ มูลขา่ วสารสามารถเดินทางไปไดไ้ กลเพม่ิ มากข้นึ ตามตอ้ งการ
ขอ้ มลู ข่าวสารท่ถี ูกจดั ส่งออกไปจากเครื่องส่งวิทยุ มรี ูปแบบการส่งแบ่งออกเป็น 2 แบบ คอื ขอ้ มลู ขา่ วสารจดั ส่ง เป็นรหัส (Code) และขอ้ มูลข่าวสารจดั ส่งเป็นสัญญาณ (Signal) ขอ้ มูลข่าวสารท้งั 2 แบบท่ีถูกจดั ส่งออกไปมีลกั ษณะคลนื่ แตกตา่ งกนั แบง่ ออกไดเ้ ป็น 2 ชนิด ไดแ้ ก่ ชนิดคลืน่ ตอ่ เน่ือง (Continuous Wave Type) และชนิดคลนื่ ผสม (Modulated Wave Type) 1. ชนดิ คล่ืนต่อเน่ือง เป็นการส่งคลนื่ พาหห์ รือคลน่ื วทิ ยุออกไปเพยี งอย่างเดียว โดยการควบคมุ ระยะเวลาในการ ส่งคล่นื บางชว่ งใชเ้ วลาในการส่งคล่ืนส้นั บางชว่ งใชเ้ วลาในการส่งคลื่นยาว บางชว่ งงดการส่งคลื่น นิยมใชง้ านในระบบวิทยุ โทรเลข (Radio Telegraph) คล่นื ทสี่ ่งออกไปจะอยู่ในรูปรหัส เชน่ รหัสมอร์ส (Morse Code) มีการส่งคลนื่ วิทยุออกไปในรูป รหัสแสดงค่าเป็ นเป็ นจุด (Dot) และขีด (Dash) โดยการตดั ต่อการส่งคลื่นพาห์ออกเป็ นช่วงๆ คล่ืนพาห์ช่วงส้ัน คือจุด คลน่ื พาหช์ ว่ งยาว คอื ขดี ปัจจบุ นั ถูกนาไปใช้งานในระบบวิทยุสมคั รเลน่ (Amateur Radio) การส่งคลนื่ วทิ ยุแบบน้ีท้งั ความ แรงและความถ่ีทสี่ ่งออกไปมีคา่ คงทต่ี ลอดเวลา หลกั การส่งคลื่น วิทยุชนิดคล่นื ตอ่ เนื่อง แสดงดงั รูปท่ี 3.2 (ก) เครื่องส่ง (ข) ขอ้ มูลข่าวสารในรูปรหสั มอร์ส รูปที่ 3.2 การส่งคลนื่ วิทยชุ นิดคล่ืนตอ่ เน่ือง จากรูปที่ 3.2 แสดงการส่งคลืน่ วิทยุชนิดต่อเน่ือง รูปที่ 3.2 (ก) เป็นส่วนประกอบเบ้อื งตน้ ของเคร่ืองส่งคลืน่ วิทยุชนิด ต่อเนื่อง ประกอบดว้ ยภาคกาเนิดความถ่ีพาห์ (ความถ่ีวิทยุ) ส่งต่อไปให้ภาคเคร่ืองส่งวิทยุทาการขยายสัญญาณคล่ืนให้แรง มากข้ึน การทางานท้งั 2 ภาคถูกควบคุมการจ่ายกาลงั ไฟฟ้าจากแหล่งจา่ ยกาลงั ไฟฟ้า (Electrical Power Supply) โดยสวิตช์ เคาะรหสั ทท่ี าหนา้ ท่ีตดั ต่อการจา่ ยไฟฟ้าไปเล้ียงการทางานของวงจรท้งั หมด ถา้ กดสวติ ช์เคาะรหัสคา้ งไวค้ ลน่ื ทีถ่ ูกส่งออก สายอากาศจะเป็นคลื่นต่อเนื่อง (CW) และถา้ กดสวิตช์เคาะรหสั เป็นรหสั มอร์ส คล่ืนวิทยุจะถูกตดั ออกเป็นช่วงๆ รูปท่ี 3.2 (ข) เป็นขอ้ มูลข่าวสารในรูปรหัสมอร์ส ซ่ึงก็คือคล่ืนความถ่ีวิทยุที่ถูกส่งออกไปมีการขาดหายเป็นช่วงๆ จากการเคาะสวิตช์ ของเคร่ืองส่งวิทยุ ไดข้ อ้ มลู ออกมาแสดงคา่ เป็นจุดและขีดของรหัสมอร์ส 2. ชนิดคล่นื ผสม เป็นการส่งคลน่ื พาห์หรือคลน่ื วิทยุออกไป โดยมีขอ้ มูลข่าวสารถกู ผสมหรือมอดูเลตไปดว้ ย การ มอดเู ลตขอ้ มูลข่าวสารเขา้ กบั คล่ืนพาห์อาจเป็นการมอดูเลตกนั ทางความสูง (AM) มอดูเลตกนั ทางความถี่ (FM) หรือมอดูเลต กันทางเฟส (PM) นิยมนาไปใช้กับงานต่างๆ มากมาย เช่น วิทยุกระจายเสียงในระบบ AM ระบบ FM และระบบวิทยุ โทรศพั ท์ (Radio Telephone) เป็นตน้ หลกั การส่งคลนื่ วิทยุชนิดคล่นื ผสม แสดงดงั รูปที่ 3.3
AM FM PM (ก) เคร่ืองส่ง (ข) คลื่นพาหท์ ่ีถกู มอดเู ลตในแต่ละแบบ รูปที่ 3.3 การส่งคลน่ื วทิ ยชุ นิดคลน่ื ผสม จากรูปที่ 3.3 แสดงการส่งคลน่ื วทิ ยุชนิดคล่นื ผสม รูปที่ 3.3 (ก) เป็นหลบั การเบ้ืองตนั ของเคร่ืองส่งชนิดคลื่นผสม ประกอบดว้ ยขอ้ มูลข่าวสารท่ีตอ้ งการส่งแพร่กระจาย และภาคกาเนิดความถี่ให้กาเนิดความถ่พี าห์ สัญญาณท้งั 2 ถูกส่งเขา้ ภาคมอดูเลตแบบต่างๆ ตามระบบการทางานท่ีตอ้ งการ ไดค้ ลื่นมอดูเลตออกมาเป็ นแบบ AM, FM หรือ PM ตามระบบที่ กาหนด ส่งต่อ ไปภาคเคร่ืองส่งวิทยุ ขยายคลื่นพาหะที่ผสมแลว้ ใหแ้ รงมากข้ึนก่อนส่งไปสายอากาศส่ง เพื่อทาการเปล่ียน คลน่ื สญั ญาณไฟฟ้าให้เป็นคลนื่ แม่เหล็กไฟฟ้า 3.2 หลกั การรับและสง่ คล่นื วทิ ยุ AM ชนิด DSB เคร่ืองส่งวทิ ยุ AM (AM Transmitter) คือ เครื่องส่งวทิ ยุทส่ี ่งคลื่นพาห์ชนิดคลื่นผสมออกไป ดว้ ยการใชว้ ธิ ีการผสมคลื่น เสียงเขา้ กบั คลื่นวิทยเุ ป็นแบบมอดูเลตทางความสูง(AM) โดยในเครื่องส่งวิทยุจะใชภ้ าคมอดูเลตทางความสูงเป็นตวั ผสมคลน่ื ใชเ้ ปอร์เซ็นตก์ ารมอดูเลตหลายขนาดตามความเหมาะสม เช่น 15%, 30%, 50%, 75% หรือ 100% เป็นตน้ การแพร่กระจาย คล่ืนความถี่แบบ AM ในระบบวิทยุกระจายเสียงปกติเป็ นชนิดสองแถบขา้ ง (DSB) บล็อกไดอะแกรมหลกั การรับและส่ง คลนื่ วทิ ยุ AM แบบเบ้อื งตน้ แสดงดงั รูปท่ี 3.4 AM AM AM AM รูปท่ี 3.4 บลอ็ กไดอะแกรมหลกั การรับและส่งคลืน่ วทิ ยุ AM แบบเบ้ืองตน้
จากรูปที่ 3.4 แสดงบลอ็ กไดอะแกรมหลกั การรับและส่งคลน่ื วทิ ยุ AM แบบเบ้ืองตน้ ในดา้ นเครื่องส่งวทิ ยุ AM มี รายละเอียดแต่ละภาคการทางาน ดงั น้ี ภาคกาเนดิ ความถวี่ ิทยุ (RF oscillator) ทาหนา้ ที่ใหก้ าเนิดความถี่วิทยุ หรือความถพ่ี าห์ข้นึ มาค่าหน่ึง ซ่ึงมีความถ่ี ยงั ไมส่ ูงถึงคา่ ที่ตอ้ งการ จะถกู ส่งผา่ นไปทวีคณู ความถ่ีก่อน ภาคบัฟเฟอร์ (Buffer) ทาหน้าท่ีขยายความถี่วิทยุท่ีส่งมาจากภาคกาเนิดความถี่วิทยุ ให้มีขนาดความแรงมากข้นึ และยงั ทาหนา้ ทป่ี ้องกนั การรบกวนกนั ระหวา่ งภาคทวคี ูณความถก่ี บั ภาคกาเนิดความถีว่ ทิ ยุ ภาคทวีคูณความถ่ี (Frequency Multiplier) ทาหนา้ ทีเ่ พิม่ ความถ่ใี หส้ ูงมากข้ึนแบบทวคี ูณจนอยู่ในค่าความถ่ีตาม ตอ้ งการ ก่อนส่งต่อไปขยายความแรงความถ่วี ทิ ยุใหม้ ากข้นึ ภาคขยายเสียง (Audio Amplifier) ทาหนา้ ที่ขยายสัญญาณเสียงทีส่ ่งมาจากไมโครโฟน ให้มีระดบั ความแรงมากข้ึน แบบไมผ่ ดิ เพ้ียนก่อนส่งตอ่ ไปภาคมอดเู ลตแบบ AM ภาคมอดูเลตแบบ AM ทาหน้าท่ีผสมสัญญาณเสียงเขา้ กับความถ่ีวิทยุในระบบ AM การมอดูเลตในภาคน้ีทาได้ 2 ตาแหน่ง ได้แก่ มอดูเลตระดบั ต่า เป็นการทาการมอดูเลตท่ีภาคทวีคูณความถี่ เพื่อให้สัญญาณคลื่นพาหไ์ ม่ผิดเพ้ียนไปมาก และมอดูเลตระดบั สูง เป็นการมอดูเลตที่ภาคขยายกาลงั ภาคสุดทา้ ย เพื่อให้ไดส้ ัญญาณคลื่นพาห์ที่ผสมสัญญาณเสียงมี กาลงั ขยายแรงทสี่ ุด ก่อนส่งตอ่ ไปใหส้ ายอากาศส่ง ภาคขยายกาลัง (Power Amplifier) ทาหน้าท่ีขยายสัญญาณคล่ืนพาหท์ ่ีมีการผสมกบั สญั ญาณเสียงแลว้ ในระบบ AM ใหม้ กี าลงั แรงมากท่สี ุด ก่อนส่งไปใหส้ ายอากาศส่งแพร่กระจายคลื่นออกไปในรูปคลนื่ แมเ่ หล็กไฟฟ้า ทางดา้ นเคร่ืองรับวิทยุ AM สายอากาศรับรับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเขา้ มา ส่งต่อเขา้ ภาคการทางานต่างๆ ภายใน เคร่ืองรบั วิทยุ AM ทาการแปลงคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้ากลบั มาเป็นคลื่นพาห์ที่มสี ญั ญาณเสียงเกาะติดมาดว้ ย และตดั คลน่ื พาห์ท้ิง ใหเ้ หลือเพียงสญั ญาณเสียงเหมือนตน้ กาเนิดสัญญาณเสียงท่ีส่งมานาไปใชง้ าน 3.3 หลักการรบั และสง่ คลืน่ วิทยุ AM ชนดิ SSB เคร่ืองส่งวทิ ยชุ นิดแถบขา้ งดา้ นเดียว (SSB Transmitter) คอื เคร่ืองส่งวิทยุที่ส่งคลน่ื พาห์ชนิดคลืน่ ผสมออกไป ดว้ ยการ ใชว้ ิธีการผสมคลื่นเสียงเขา้ กบั คล่นื วทิ ยุเป็นแบบมอดูเลตทางความสูง (AM) ชนิดแถบขา้ งด้านเดียวไม่มีพาหะ (SSBSC) โดยใช้ การมอดูเลตคลนื่ สองคร้ัง และกรองแถบขา้ งใหเ้ หลอื ด้านเดียว บล็อกไดอะแกรมหลกั การรับและส่งคล่ืนวิทยุ AMชนิด SSB แสดง ดงั รูปที่ 3.5 LSB USB USB (USB)L (USB)U (USB)U fC1 fC1 fC2 fC2 SSB AM SSB AM SSBSC fC1 fC2
รูปท่ี 3.5 บล็อกไดอะแกรมหลกั การรับและส่งคล่นื วิทยุ AM ชนิด SSB จากรูปที่ 3.5 แสดงบล็อกไดอะแกรมหลกั การรับและส่งคล่ืนวิทยุ AM ชนิด SSB ในด้านเคร่ืองส่งวิทยุ AM เป็น ชนิดแถบขา้ งดา้ นเดยี วไมม่ พี าหะ (SSBSC) มรี ายละเอียดแตล่ ะภาคการทางาน ดงั น้ี ภาคขยายเสียง ทาหนา้ ที่ขยายสญั ญาณเสียงที่ถูกส่งมาจากไมโครโฟน ใหม้ ีระดบั ความแรงมากข้นึ แบบไม่ผิดเพ้ียน กอ่ นส่งต่อไปภาคกาเนิดสญั ญาณ SSB ภาคกาเนิดความถี่พาห์ค่าต่า (Lower Frequency Carrier Oscillator) ทาหน้าที่ให้กาเนิดความถ่ีคลื่นพาห์ค่าต่า ประมาณ 100 kHz ข้นึ มา ใชเ้ ป็นคล่ืนพาหค์ า่ ท่ี 1 (fC1) ส่งต่อไปเขา้ ภาคภาคมอดูเลตสญั ญาณ SSB ภาคมอดูเลตสัญญาณ SSB (SSB Modulator) ทาหนา้ ทเ่ี ป็นภาคผสมคลื่นแบบสมดุล รบั ความถ่เี ขา้ มา 2 คา่ ไดแ้ ก่ ความถ่พี าหค์ า่ ที่ 1 (fC1) และความถเี่ สียง นามาทาการผสมคล่ืนแบบสมดุลชนิดกดความถี่พาห์ fC1 ไวใ้ หเ้ หลอื เพียงความถ่ีมอ ดเู ลตแถบขา้ ง 2 ดา้ น คือ แถบขา้ งดา้ นตา่ (LSB) และแถบขา้ งดา้ นสูง (USB) ส่งตอ่ ไปภาคกรองแถบขา้ ง ภาคกรองแถบข้าง (Sideband Filter) ทาหนา้ ที่กรองความถ่ีแถบขา้ งผ่านไปได้เพียงด้านใดด้านหน่ึง ในท่ีน้ีเป็น ชนิดกรองแถบขา้ งดา้ นสูง (USB Filter) ผ่าน และกาจดั แถบขา้ งดา้ นต่า ส่งต่อแถบขา้ งดา้ นสูง (USB) ไปภาคมิกเซอร์ ภาคทวีคูณความถ่ี ทาหนา้ ทเ่ี พมิ่ ความถใี่ ห้สูงมากข้ึนแบบทวคี ูณ จนอยใู่ นคา่ ความถีต่ ามตอ้ งการ ใชเ้ ป็นคลื่นพาห์ คา่ ท่ี 2 (fC2) กอ่ นส่งต่อไปภาคมิกเซอร์ ภาคมกิ เซอร์ (Mixer) หรือภาคผสมสัญญาณแบบสมดลุ (Balanced Mixer) ทาหนา้ ที่รับความถีเ่ ขา้ มา 2 ค่า ไดแ้ ก่ ความถ่ีพาห์ค่าที่ 2 (fC2) และความถี่แถบขา้ งดา้ นสูง (USB) เขา้ มารวมคลื่นแบบสมดุลชนิดกดความถ่ีพาห์ fC2 ไวใ้ ห้เหลือ เพียงความถมี่ อดเู ลตแถบขา้ ง 2 ดา้ น คอื สัญญาณ USB แถบขา้ งดา้ นตา่ (USB)L และสญั ญาณ USB แถบขา้ งดา้ นสูง (USB)U ส่งตอ่ ไปภาคขยายกาลงั และกรองแถบขา้ ง ภาคขยายกาลังและกรองแถบข้าง (Power Amplifier and Sideband Filter) ทาหนา้ ทีก่ รองความถี่แถบขา้ งท่ีเขา้ มา คอื สัญญาณ USB แถบขา้ งดา้ นต่า (USB)L และสญั ญาณ USB แถบขา้ งดา้ นสูง (USB)U ใหเ้ หลอื ความถ่ีผ่านเพียงความถ่ี สัญญาณ USB แถบขา้ งดา้ นสูง (USBU) ผ่านไปได้ พรอ้ มกบั ทาการขยายสญั ญาณใหแ้ รงข้นึ มากที่สุด ส่งตอ่ ไปยงั สายอากาศ ส่งไดค้ ลืน่ SSB แพร่กระจายออกไป ทางด้านเคร่ืองรับวิทยุ AM ชนิด SSB สายอากาศรับรับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเข้ามา ส่งต่อเขา้ ภาคการทางานต่างๆ ภายในเคร่ืองรับวิทยุ AM ชนิด SSB ทาการแปลงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากลบั มาเป็นคล่ืนพาห์ที่มีสัญญาณเสียงเกาะติดมาด้วย และตดั คลนื่ พาห์ทิ้งให้เหลือเพียงสญั ญาณ เสียงเหมอื นตน้ กาเนิดสัญญาณเสียงทสี่ ่งมานาไปใชง้ าน 3.4 หลกั การรบั และส่งคล่นื วิทยุ FM เคร่ืองส่งวิทยุ FM (FM Transmitter) คือ เครื่องส่งวิทยุท่ีส่งคล่ืนพาห์ชนิดคล่ืนผสมออกไปดว้ ยการใชว้ ิธีการผสมคล่ืน เสียงเขา้ กบั คล่ืนวิทยุเป็นแบบมอดูเลตทางความถ่ี (FM) โดยในเคร่ืองส่งวิทยุจะใช้ภาคมอดูเลตทางความถ่ีเป็ นตัวผสมคลื่น บลอ็ กไดอะแกรมหลกั การรับและส่งคลื่นวิทยุ FM แสดงดงั รูปที่ 3.6
FM FM FM FM รูปที่ 3.6 บล็อกไดอะแกรมหลกั การรับและส่งคลืน่ วิทยุ FM แบบเบ้อื งตน้ จากรูปท่ี 3.6 แสดงบล็อกไดอะแกรมหลกั การรบั และส่งคล่ืนวิทยุ FM แบบเบ้ืองตน้ ในดา้ นเคร่ืองส่งวิทยุ FM มี รายละเอียดแต่ละภาคการทางาน ดงั น้ี ภาคพรีเอมฟาซิส (Pre - Emphasis) ทาหนา้ ทร่ี ับสัญญาณเสียงเขา้ มาจากไมโครโฟนมาทาการยกระดบั ความแรง ของสัญญาณเสียงช่วงความถี่สูงหรือเสียงแหลมให้มีความแรงเพ่ิมมากข้ึนกว่าปกติ เพราะคุณสมบตั ิของสัญญาณเสียง ความถี่ย่ิงสูงข้ึน ระดบั ความแรงของเสียงจะยิ่งลดลง มีผลให้สัญญาณรบกวนแทรกเขา้ มาแทนท่ีได้ง่าย ทาให้คุณภาพของ การมอดูเลตคลื่นแบบ FM ต่าลง การยกระดบั สัญญาณเสียงความถ่ีสูง ช่วยทาให้คุณภาพในการผสมคลื่นแบบ FM ดีข้ึน ส่ง ต่อไปภาคขยายเสียง ภาคขยายเสียง ทาหนา้ ท่ีขยายสัญญาณเสียงท่ีถูกส่งมาจากภาคพรีเอมฟาซิส ให้มีระดบั ความแรงมากข้ึนแบบไม่ ผดิ เพ้ียน กอ่ นส่งตอ่ ไปภาคมอดูเลตคลนื่ แบบ FM ภาคกาเนิดความถวี่ ิทยุ ทาหน้าที่ให้กาเนิดความถ่วี ทิ ยุ หรือความถ่ีพาห์ข้นึ มาค่าหน่ึง ซ่ึงมีความถ่ยี งั ไม่สูงถึงค่าท่ี ตอ้ งการ จะถูกส่งผ่านไปทวีคณู ความถี่ก่อน ภาคบัฟเฟอร์ ทาหน้าท่ีขยายความถวี่ ิทยุที่ส่งมาจากภาคกาเนิดความถีว่ ิทยุ ให้มีขนาดความแรงมากข้ึน และยงั ทา หนา้ ทีป่ ้องกนั การรบกวนกนั ระหว่างภาคทวีคณู ความถีก่ บั ภาคกาเนิดความถ่ีวทิ ยุ ภาคทวีคูณความถ่ี ทาหนา้ ท่ีเพิ่มความถี่ให้สูงมากข้ึนแบบทวีคูณจนอยู่ในค่าความถ่ีตามตอ้ งการ ก่อนส่งต่อไป ภาคมอดูเลตแบบ FM ภาคมอดูเลตแบบ FM ทาหนา้ ที่ผสมสัญญาณเสียงเขา้ กบั ความถ่ีวิทยุในระบบ FM โดยรับความถี่เขา้ มา 2 ค่า คือ ความถี่คล่ืนพาห์ และความถี่เสียง มาทาการมอดูเลตในแบบความถ่ีวิทยุเปล่ียนแปลงค่าไปตามความแรงของความถี่เสียง ความถ่ีเสียงช่วงบวกผสมทาให้ค่าความถ่ีวิทยุเพิ่มสูงข้ึน สัญญาณเสียงชว่ งลบผสมทาให้ค่าความถี่วิทยุลดต่าลง ไดเ้ ป็นคลื่น FM ออกมา ส่งต่อไปภาคขยายกาลงั ภาคขยายกาลัง ทาหน้าท่ีขยายสัญญาณคล่ืนพาห์ที่มีการผสมกบั สัญญาณเสียงแลว้ ในระบบ FM ให้มีกาลงั แรง มากทส่ี ุด ก่อนส่งไปให้สายอากาศส่งแพร่กระจายคล่นื ออกไปในรูปคลนื่ แมเ่ หล็กไฟฟ้า ทางด้านเครื่องรับวิทยุ FM สายอากาศรับรับคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้าเขา้ มา ส่งต่อเข้าภาคการทางานต่างๆ ภายใน เคร่ืองรับวิทยุ FM ทาการแปลงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากลบั มาเป็นคลื่นพาห์ท่ีมีสัญญาณเสียงเกาะตดิ มาด้วย และตดั คลน่ื พาห์ท้ิง ใหเ้ หลอื เพียงสญั ญาณเสียงเหมอื นตน้ กาเนิดสัญญาณเสียงทส่ี ่งมานาไปใชง้ าน
3.5 หลักการรับและส่งคลน่ื วิทยุ PM เครื่องส่งวิทยุ PM ( PMTransmitter ) คือ เครื่องส่งวิทยุที่ส่งคลื่นพาห์ชนิดคลน่ื ผสมออกไปด้วยการใช้วิธีการผสมคลื่น เสียงเขา้ กบั คลน่ื วทิ ยุเป็นแบบมอดูเลตทางเฟส (PM) ซ่ึงคล่ืน PM ก็คือคล่นื FM โดยออ้ มนน่ั เอง ความมงุ่ หมายของการมอดูเลต คล่ืนทางเฟส เพ่ือตอ้ งการดดั แปลงให้เครื่องส่งวิทยุระบบ FM สามารถใชภ้ าคกาเนิดความถี่คลื่นวทิ ยุดว้ ยคริสตอลควบคมุ การกาเนิดความถไ่ี ด้ บลอ็ กไดอะแกรมหลกั การรับและส่งคลน่ื วทิ ยุ PM แสดงรงั รูปที่ 3.7 PM PM PM 90o PM รูปที่ 3.7 บลอ็ กไดอะแกรมหลกั การรบั และส่งคล่นื วิทยุ PM แบบเบ้ืองตน้ จากรูปท่ี 3.7 แสดงบล็อกไดอะแกรมหลกั การรับและส่งคลื่นวิทยุ PM แบบเบ้ืองตน้ ในดา้ นเคร่ืองส่งวิทยุ PM มี รายละเอยี ดแต่ละภาคการทางาน ดงั น้ี ภาคพรีเอมฟาซิส ทาหน้าท่ีรับสัญญาณเสียงเขา้ มาจากไมโครโฟน มาทาการยกระดบั ความแรงของสัญญาณเสียง ช่วงความถ่ีสูงหรือเสียงแหลมให้มีความแรงเพ่ิมมากข้ึนกว่าปกติ เพราะคณุ สมบตั ขิ องสญั ญาณเสียงความถี่ย่ิงสูงข้ึน ระดบั ความ แรงของเสียงจะยิง่ ลดลง มีผลให้สัญญาณรบกวนแทรกเขา้ มาแทนท่ีได้งา่ ย ทาให้คุณภาพของการมอดูเลตคล่ืนแบบ FM ต่าลง การยกระดบั สัญญาณเสียงความถ่ีสูง ชว่ ยทาใหค้ ุณภาพในการผสมคลื่นแบบ FM ดีข้นึ ส่งตอ่ ไปภาคขยายเสียง ภาคขยายเสียง ทาหน้าท่ีขยายสัญญาณเสียงที่ถูกส่งมาจากภาคพรีเอมฟาซิส ให้มีระดบั ความแรงมากข้ึนแบบไม่ ผิดเพ้ียน ก่อนส่งตอ่ ไปภาคมอดเู ลตคล่นื แบบ FM ภาคเลื่อนเฟส 90o (90o Phase Shift) ทาหนา้ ท่ีเล่ือนเฟสสัญญาณเสียงไปจากปกติอกี 90o ก่อนส่งสัญญาณเสียงไป ภาคผสมคล่ืนแบบ PM ภาคกาเนิดความถว่ี ิทยุ ทาหน้าที่ให้กาเนิดความถีว่ ิทยุ หรือความถพ่ี าห์ข้ึนมาค่าหน่ึง ซ่ึงมีความถี่ยงั ไม่สูงถึงค่าท่ี ตอ้ งการ จะถกู ส่งผ่านไปทวีคณู ความถก่ี ่อน ภาคบัฟเฟอร์ ทาหน้าท่ีขยายความถีว่ ิทยุท่ีส่งมาจากภาคกาเนิดความถี่วิทยุ ให้มีขนาดความแรงมากข้ึน และยงั ทา หนา้ ทป่ี ้องกนั การรบกวนกนั ระหวา่ งภาคทวคี ณู ความถีก่ บั ภาคกาเนิดความถ่วี ทิ ยุ ภาคทวีคูณความถ่ี ทาหน้าท่ีเพ่ิมความถี่ให้สูงมากข้ึนแบบทวีคูณจนอยู่ในค่าความถ่ีตามตอ้ งการ ก่อนส่งต่อไป ภาคมอดเู ลตแบบ FM ภาคมอดูเลตแบบ PM ทาหนา้ ท่ีผสมคลน่ื ระหว่างสญั ญาณเสียงกบั ความถ่ีวทิ ยุ มาทาการมอดเู ลตในแบบความถี่วิทยุ เปลย่ี นแปลงค่าไปตามการเปล่ียนเฟสของสญั ญาณเสียง สัญญาณ เสียงเปลย่ี นจากเฟสลบเป็นเฟสบวกความถ่ีวิทยุเปลย่ี นแปลง สูงข้นึ สัญญาณเสียงเปลีย่ นจากเฟสบวกเป็นเฟสลบความถี่วิทยุเปลีย่ นแปลงต่าลง ไดค้ วามถี่ทม่ี อดเู ลตแบบ PM ออกมา กค็ ือ คลน่ื แบบ FM นน่ั เอง ส่งตอ่ ไปภาคขยายกาลงั
ภาคขยายกาลัง ทาหน้าท่ีขยายสัญญาณคลื่นพาห์ที่มีการผสมกบั สัญญาณเสียงแลว้ ในระบบ FM ให้มีกาลงั แรง มากทส่ี ุด กอ่ นส่งไปใหส้ ายอากาศส่งแพร่กระจายคลื่นออกไปในรูปคลน่ื แม่เหล็กไฟฟ้า ทางด้านเคร่ืองรับวิทยุ PM สายอากาศรับรับคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้าเขา้ มา ส่งต่อเข้าภาคการทางานต่างๆ ภายใน เคร่ืองรับวิทยุ PM ทาการแปลงคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้ากลบั มาเป็นคลื่นพาห์ท่ีมีสัญญาณเสียงเกาะติดมาด้วย และตดั คลน่ื พาหท์ ง้ิ ให้เหลอื เพยี งสญั ญาณเสียงเหมือนตน้ กาเนิดสญั ญาณเสียงทีส่ ่งมานาไปใชง้ าน 3.6 หลักการรบั และสง่ คลื่นวิทยุ FM สเตรโิ อมลั ติเพลกซ์ เครื่องส่งวิทยุ FM สเตริโอมลั ติเพลกซ์ (FM Stereo Multiplex Transmitter) หรือเครื่องส่งวิทยุ FM. MPX เป็นระบบ การส่งวิทยกุ ระจายเสียงอีกแบบหน่ึง สรา้ งข้ึนมาเพอ่ื ตอบสนองความตอ้ งการของมนุษย์ ทต่ี อ้ งการให้สัญญาณเสียงที่รับได้ จากเครื่องรับวทิ ยุ FM ให้มีทศิ ทางเสียงท่ีไดย้ นิ มาจากหลายตาแหน่ง เช่นเดยี วกบั ตาแหน่งเกิดเสียงจากตน้ กาเนิดจริง ระบบที่ใช้ ในเคร่ืองส่งวิทยุ FM สเตริโอมลั ติเพลกซ์ เรียกว่า ระบบสัญญาณเสียงนาทาง (Pilot Tone Signal) เป็นระบบท่ีเคร่ืองรับวิทยุ FM ธรรมดาสามารถรับฟังสถานีวิทยุ FM สเตริโอมลั ติเพลกซ์ไดค้ งเดิม โดยมีคุณภาพเสียงเหมือนเดิมและสามารถใช้ เคร่ืองรับวิทยุ FM เครื่องเดิมท่ีมีอยู่มาใช้งานได้ เคร่ืองส่งวิทยุ FM แบบธรรมดานิยมเรียกว่า เครื่องส่งวทิ ยุ FM แบบโมโน (Mono) ส่วนในเคร่ืองส่งวทิ ยุ FM สเตริโอมลั ติเพลกซ์ ไดเ้ พ่มิ ชุดเขา้ รหัสเตอริโอ (Stereo Encoder) เขา้ ไป เพ่ือใหส้ ามารถแยก เสียงออกเป็นดา้ นซา้ ย (Left ; L) และดา้ นขวา (Right ; R) ไดท้ างดา้ นเคร่ืองรับวิทยุ FM สเตริโอ มลั ติเพลกซ์ เครื่องส่งวทิ ยุ FM สเตริโอมลั ติเพลกซ์ นิยมเรียกว่า เคร่ืองส่งวิทยุ FM แบบสเตริโอ (Stereo) หลกั การรบั และส่งคลื่นวิทยุ FM แบบโมโนและ แบบสเตริโอ แสดงดงั รูปที่ 3.8 (R) FM FM (L) FM (ก) การรับและส่งคลืน่ วทิ ยุ FM แบบโมโน (R) (R) FM R (R) FM L (L) FM (L) (L) (ข) การรับและส่งคล่นื วทิ ยุ FM แบบสเตริโอ รูปที่ 3.8 บล็อกไดอะแกรมหลกั การรับและส่งคล่นื วทิ ยุ FM แบบโมโนและแบบสเตริโอ
จากรูปที่ 3.8 แสดงบล็อกไดอะแกรมหลกั การรับและส่งคล่ืนวิทยุ FM แบบโมโนและแบบสเตริโอ รูปที่ 3.8 (ก) เป็นการรับและส่งคลื่นวิทยุ FM แบบโมโน ในเครื่องส่งวิทยุ FM ธรรมดาสัญญาณเสียงท่ีมาจากทางด้านขวา (R) และทาง ดา้ นซ้าย (L) ถูกส่งรวมไปเขา้ ไมโครโฟนเพียงตวั เดียว ได้สัญญาณเสียงชุดเดียวส่งไปให้เครื่องส่งวิทยุ FM ส่งกระจายคล่ืน แม่เหล็กไฟฟ้าออกไปในแบบคล่ืนโมโน ส่งเขา้ เคร่ืองรับวิทยุ FM ไม่ว่าจะเป็นเครื่องรับวิทยุ FM โมโนหรือสเตริโอก็ตาม สัญญาณเสียงถูกส่งออกไปยงั ลาโพงทุกตวั เหมือนกนั หมด ส่วนรูปที่ 3.8 (ข) เป็นการรับและส่งคลน่ื วิทยุ FM แบบสเตริโอ ในเครื่องส่งวทิ ยุ FM สเตริโอ สัญญาณเสียงจาก แหล่งกาเนิดเสียงดา้ นขวา (R) ถูกส่งไปที่ไมโครโฟนดา้ นขวา (ไมค์ R) สัญญาณเสียงจากแหล่งกาเนิดเสียงด้านซ้าย (L) ถูก ส่งไปที่ไมโครโฟนด้านซ้าย (ไมค์ L) สัญญาณ เสียงจากไมโครโฟนแต่ละด้านถูกส่งเขา้ เคร่ืองส่งวิทยุ FM แบบสเตริโอแยกกนั โดยเพ่ิมชุดเขา้ รหัสเตอริโอเขา้ มาใช้ทาหนา้ ที่เขา้ รหัสสัญญาณเสียงดา้ นซ้าย (L) และดา้ นขวา (R) ไวไ้ ม่ให้รวมกนั ส่งต่อไป ภาคมอดูเลตคลนื่ แบบ FM และภาคขยายกาลงั เคร่ืองส่งวทิ ยุ FM แบบสเตริโอส่งกระจายคลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้าออกไปในแบบ คล่ืนสเตริโอ ส่งเขา้ เคร่ืองรบั วิทยุ FM ถา้ เป็นเคร่ืองรบั วทิ ยุ FM แบบโมโน สัญญาณเสียงดา้ นซ้าย (L) และดา้ นขวา (R) ถูกส่ง รวมออกลาโพงตัวเดียว ยังคงได้สัญญาณเสียงออกมาเป็ นแบบโมโน แต่ถ้าเป็ นเครื่องรับวิทยุ FM แบบสเตริโอ สัญญาณเสียงดา้ นซ้าย (L) และดา้ นขวา (R) จะถูกแยกส่งไปใหล้ าโพงแต่ละดา้ นโดยเฉพาะ ไดส้ ัญญาณเสียงออกมาทางดา้ น เครื่องรับวทิ ยุ FM สเตริโอ เป็นสัญญาณเสียงแบบสเตริโอเหมอื นสญั ญาณเสียงจากแหล่งกาเนิดที่ส่งมา 3.7 หลักการเข้ารหัสสเตรโิ อของเครอื่ งสง่ วิทยุ FM สเตรโิ อ สิ่งสาคญั ของระบบวิทยุกระจายเสียง FM สเตริโอ อยู่ที่สัญญาณเสียงที่ส่งมาเขา้ เคร่ืองส่งวิทยุ FM สเตริโอ จะตอ้ ง เป็นสัญญาณเสียงที่มี 2 ดา้ น คอื ดา้ นซ้าย (L) และดา้ นขวา (R) และในส่วนเครื่องส่งวิทยุ FM สเตริโอจะตอ้ งมภี าคเขา้ รหัสเต อริโอรวมอยู่ดว้ ย เพราะภาคเขา้ รหสั เตอริโอเป็นภาคท่ีสาคญั ของการทาให้สญั ญาณเสียงดา้ นซา้ ย (L) และดา้ นขวา (R) ทถ่ี ูก ส่งเขา้ มาไม่ถกู ผสมรวมกนั เป็นสญั ญาณเสียงค่าเดียวท้งั หมด สญั ญาณเสียงดา้ นซา้ ย (L) และดา้ นขวา (R) ยงั คงถูกแยกออกจาก กนั ตามเดมิ นอกจากน้นั ยงั มีสัญญาณอ่ืนๆ ท่ถี ูกผลติ ข้ึนมาเพอื่ ทาให้ทางดา้ นเครื่องรับวิทยุ FM สามารถรบั สัญญาณท่สี ่งมา จากเครื่องส่งวิทยุ FM สเตริ โอได้ท้ังเครื่ องรับวิทยุ FM โมโน และเคร่ืองรับวิทยุ FM สเตริโอ น่ันคือสถานีส่ง วิทยกุ ระจายเสียงในระบบ FM สเตริโอ ไม่เป็นปัญหากบั เคร่ืองรับวิทยุ FM โมโนแต่อย่างใด ส่วนประกอบของภาคเขา้ รหัส สเตริโอ แสดงดงั รูปท่ี 3.9 L+R ( 0 Hz-15 kHz) FM (R) L + R R 19 kHz 1. L+R ( ) R ( ) 19 kHz (L) 2. 19 kHz ( ) 180o 3. 38 kHz L-R 2 38 kHz ( ) 38 kHz -R L-R L-R 38 kHz L-R รูปท่ี 3.9 บลอ็ กไดอะแกรมภาคเขา้ รหสั สเตริโอ
จากรูปที่ 3.9 แสดงบล็อกไดอะแกรมภาคเข้ารหัสสเตริโอของเคร่ืองส่งวิทยุ FM สเตริโอ ภายในภาคเข้ารหัส สเตริโอประกอบดว้ ยภาคส่วนย่อยหลายภาคทาหนา้ ทีแ่ ตกต่างกนั ไป มชี ่ือและหนา้ ทกี่ ารทางาน ดงั น้ี ภาครวมสัญญาณ L+R (L+R Adder) ทาหน้าท่ีรับสัญญาณเสียงดา้ นขวา (R) และดา้ น ซ้าย (L) เขา้ มารวมกนั ได้ สัญญาณเสียงจา่ ยออกมาเป็นสัญญาณเสียง L + R สัญญาณเสียงส่วนน้ีเป็นสัญญาณเสียงโมโนท่ีเคร่ืองรับวทิ ยุ FM ธรรมดา สามารถรับฟังได้ สญั ญาณเสียง L + R น้ีมีความถ่เี สียงอยใู่ นช่วง 0 Hz - 15 kHz จะถกู ส่งต่อไปภาครวมสญั ญาณท้งั หมด ภาคกลับเฟส 180o (180o Phase Inverter) ทาหน้าที่รับสัญญาณเสียงด้านขวา (R) เข้ามาทาการกลับเฟส สัญญาณเสียงดา้ นขวา (R) ไป 180o จากสัญญาณเสียงปกติ เช่นจากรูปที่รับสัญญาณเสียงด้านขวา (R) มีค่า +R เขา้ มา เมื่อ ผ่านภาคกลบั เฟส 180o สัญญาณเสียงดา้ นขวา (R) กลายเป็น -R ส่งต่อไปภาครวมสัญญาณ L - R ภาครวมสัญญาณ L - R (L - R Adder) ทาหน้าท่ีรับสัญญาณเสียงดา้ นขวา (R) ท่ีกลบั เฟสเป็ น -R เขา้ มา และรับ สญั ญาณเสียงดา้ นซ้าย (L) เขา้ มารวมกนั ไดส้ ญั ญาณเสียงออกมาเป็นสัญญาณเสียง L - R สัญญาณเสียง L - R น้ีมีความถ่ีเสียง อยู่ในช่วง 0 Hz - 15 kHz เชน่ เดยี วกนั ส่งต่อไปภาคผสมผสมคล่ืนแบบสมดลุ ภาคกาเนิดความถ่ี 19 kHz (19 kHz Oscillator) ทาหนา้ ท่ีให้กาเนิดความถี่ 19 kHz คงที่ข้ึนมา มีท้งั ความถี่และ ความแรงคงท่ตี ลอดเวลา ความถ่ี 19 kHz น้ีเรียกว่าสัญญาณนาทาง หรือสญั ญาณไพลอต (Pilot Signal) เป็นความถสี่ าคญั ท่ี จะชว่ ยทาให้เครื่องรบั วิทยุ FM สเตริโอ สามารถแยกเสียงทีร่ ับไดเ้ ป็นแบบสเตริโอ สญั ญาณความถี่ 19 kHz ถกู ส่งออกไป 2 ทาง คือ ส่งเขา้ ภาครวมสญั ญาณท้งั หมด และส่งเขา้ ภาคทวคี ณู ความถ่ี 2 เท่า 38 kHz ภาคทวคี ูณความถี่ 2 เท่า 38 kHz (38 kHz Frequency Double) ทาหนา้ ทเ่ี พ่ิมความถ่ีท่ีรบั เขา้ มาให้เป็น 2 เทา่ จากท่ี รับเขา้ มาเป็นความถี่ 19 kHz เมื่อผ่านภาคทวีคูณความถ่ี 2 เท่าจะได้ความถี่ออกมา 38 kHz ความถ่ี 38 kHz ใช้ทาหน้าที่เป็น คล่นื พาหย์ ่อย (Subcarrier) ส่งต่อไปภาคมอดเู ลตแบบสมดุล ภาคมอดูเลตแบบสมดุล (Balance Modulator) ทาหน้าที่ผสมสัญญาณความถ่ี 38 kHz เขา้ กับสัญญาณเสียง L - R ลกั ษณะการผสมคลื่นแบบ AM มีเปอร์เซน็ ตก์ ารผสมคล่นื 100% ชนิดแถบขา้ ง 2 ด้านไม่มีพาหะ (DSBSC) ประกอบไปดว้ ย แถบขา้ งดา้ นสูง (USB) คอื +(L - R) และแถบดา้ นตา่ (LSB) คือ -(L - R)เรียกรวมสัญญาณทีไ่ ดอ้ อกมาน้ีว่า 38 kHz แถบขา้ ง L- R ส่งตอ่ ไปภาครวมสญั ญาณท้งั หมด ภาครวมสัญญาณท้ังหมด (Adder) ทาหน้าท่ีรวมสัญญาณท้งั 3 สัญญาณที่รับเขา้ มาประกอบด้วยสัญญาณเสียง L+R (โมโน) สัญญาณความถี่ 19 kHz (ไพลอต) และสัญญาณ 38 kHz แถบขา้ ง L - R รวมเขา้ ดว้ ยกนั เป็นสญั ญาณเดียว เรียกว่า สญั ญาณเบด็ เสร็จสเตริโอ (Composite Stereo Signal) สัญญาณเบ็ดเสร็จสเตริโอน้ีจะถูกส่งต่อไปเขา้ ภาคมอดเู ลตแบบ FM ได้ แถบคล่นื ความถขี่ องสัญญาณเบด็ เสร็จสเตริโอออกมา แสดงดงั รูปท่ี 3.10 V 38 kHz L-R L+R -(L-R) +(L-R) 0 15 19 23 38 53 f (kHz) รูปท่ี 3.10 แถบคลื่นความถ่ขี องสัญญาณเบด็ เสร็จสเตริโอ
จากรูปที่ 3.10 แสดงแถบคลนื่ ความถข่ี องสัญญาณเบด็ เสร็จสเตริโอ ทีถ่ กู ภาคเขา้ รหสั สเตริโอของเครื่องส่งวทิ ยุ FM สเตริโอผลิตออกมา แถบคลื่นสัญญาณเบ็ดเสร็จสเตริโอประกอบด้วย สัญญาณเสียงโมโน L+R มีคา่ ความถี่เสียงอยู่ในชว่ ง 0 Hz - 15 kHz สัญญาณนาทาง (ไพลอต) มีความถ่ี 19 kHz และสัญญาณ 38 kHz แถบขา้ ง L - R แยกออกเป็นแถบขา้ ง L - R ดา้ นต่า -(L - R) มคี า่ ความถอ่ี ย่ใู นช่วง 23 kHz - 38 kHz และแถบขา้ ง L - R ดา้ นสูง +(L - R) มีค่าความถอ่ี ยูใ่ นชว่ ง 38 kHz - 53 kHz 3.8 บทสรปุ การส่ือสารใช้คล่ืนวิทยุเป็ นการสื่อสารที่มีความสาคญั มาก ถูกนาไปใช้งานอย่างกวา้ งขวางแพร่หลาย ส่งขอ้ มูล ขา่ วสารไปไดใ้ นระยะทางไกลแบบไร้สาย ชว่ ยแกป้ ัญหาการส่ือสารทางสายที่ไมส่ ามารถใชไ้ ด้ในบางพ้ืนที่ หรือไมค่ มุ้ ค่าด้าน การลงทุน การสื่อสารใชค้ ลื่นวิทยุสามารถส่งขอ้ มูลข่าวสารไปไดร้ ะยะทางไกลมากข้นึ ไม่เกิดการลดทอนหรือสูญหายไป ระหว่างทาง และส่งขอ้ มูลข่าวสารไปไดจ้ านวนมากในแต่ละคร้ัง เกิดความประหยดั ท้งั เวลาและค่าใชจ้ า่ ย มีความรวดเร็ว และไม่เกิดความผิดพลาด ขอ้ มลู ขา่ วสารทถ่ี กู จดั ส่งออกไปจากเครื่องส่งวิทยุแบ่งออกเป็น 2 แบบ คอื ขอ้ มูลขา่ วสารจดั ส่งเป็น รหสั และขอ้ มูลขา่ วสารจดั ส่งเป็นสญั ญาณ ขอ้ มลู ขา่ วสารท้งั 2 แบบท่ีถูกจดั ส่งออกไปมีลกั ษณะคล่ืนแตกต่างกนั แบ่งออกเป็น ชนิดคลืน่ ต่อเนื่อง และชนิดคล่นื ผสม เคร่ืองส่งวิทยุ AM เป็ นเครื่องส่งวิทยุท่ีส่งคล่ืนพาห์ชนิดคล่ืนผสมออกไป ด้วยการใช้วิธีการผสมคล่ืนเสียงเข้ากบั คล่ืนวทิ ยุเป็นแบบมอดูเลตทางความสูง (AM) คลื่นพาห์ทีถ่ ูกส่งออกไปมคี วามสูงเปลยี่ นแปลงไปตามคล่ืนเสียง เครื่องส่งวทิ ยชุ นิดแถบขา้ งดา้ นเดียว เป็นเครื่องส่งวิทยุที่ส่งคลน่ื พาห์ชนิดคลื่นผสมออกไป ดว้ ยการใชว้ ธิ ีการผสมคลื่น เสียงเขา้ กบั คล่นื วิทยเุ ป็นแบบมอดเู ลตทางความสูง (AM) ชนิดแถบขา้ งดา้ นเดยี วไม่มีพาหะ (SSBSC) โดยใชก้ ารมอดเู ลตคลื่นสอง คร้ัง และกรองแถบขา้ งใหเ้ หลือดา้ นเดยี ว เคร่ืองส่งวิทยุ FM เป็ นเครื่องส่งวิทยุที่ส่งคล่ืนพาห์ชนิดคล่ืนผสมออกไปด้วยการใช้วิธีการผสมคลื่นเสียงเขา้ กับ คล่นื วทิ ยเุ ป็นแบบมอดูเลตทางความถี่ (FM) โดยในเคร่ืองส่งวทิ ยุจะใชภ้ าคมอดเู ลตทางความถเี่ ป็นตวั ผสมคลืน่ เคร่ืองส่งวิทยุ PM เป็ นเครื่องส่งวิทยุท่ีส่งคลื่นพาห์ชนิดคล่ืนผสมออกไปด้วยการใช้วิธีการผสมคล่ืนเสียงเข้ากับ คล่ืนวิทยุเป็นแบบมอดูเลตทางเฟส (PM) ซ่ึงคลื่น PM ก็คือคลื่น FM โดยออ้ มน่ันเอง ความมุ่งหมายของการมอดูเลตคล่ืนทาง เฟส เพอื่ ตอ้ งการดดั แปลงให้เคร่ืองส่งวิทยุระบบ FM สามารถใชภ้ าคกาเนิดความถ่ีคลืน่ วิทยุดว้ ยคริสตอลควบคุมการกาเนิด ความถ่ไี ด้ เครื่องส่งวิทยุ FM สเตริโอมลั ติแพลกซ์ เป็นระบบการส่งวิทยกุ ระจายเสียง สร้างข้นึ มาเพื่อตอบสนองความตอ้ งการ ของมนุษย์ ทีต่ อ้ งการสัญญาณเสียงไดจ้ ากเคร่ืองรับวทิ ยุ FM มีทศิ ทางเสียงไดย้ นิ มาจากหลายตาแหน่ง เป็นระบบที่เครื่องรับวิทยุ FM ธรรมดา สามารถรับฟังสถานีวิทยุ FM สเตริโอมลั ติเพลกซ์ได้ โดยมีคุณภาพเสียงเหมือนเดิม และสามารถใช้เคร่ืองรับวิทยุ FM เครื่องเดมิ ท่ีมีอยู่มาใช้งานได้ เครื่องส่งวิทยุ FM แบบธรรมดานิยมเรียกว่า เคร่ืองส่งวิทยุ FM แบบโมโน ส่วนในเคร่ืองส่ง วิทยุ FM สเตริโอมลั ติเพลกซ์ ได้เพิ่มชุดเขา้ รหัสเตอริโอเขา้ ไป เพื่อให้สามารถแยกเสียงเป็นด้านซ้าย (L) และดา้ นขวา (R) ได้ นิยมเรียกว่า เครื่องส่งวทิ ยุ FM แบบสเตริโอ
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: