หน่วยท่ี 9 กิจกรรมทำนุบำรงุ ขนบธรรมเนียม ประเพณี
ควำมหมำย กำรทำนุบำรงุ หมายถงึ การใหค้ วามสาคญั และเหน็ ถงึ คณุ คา่ ทจ่ี ะตอ้ งดแู ลรกั ษา ใหค้ งอยใู่ นสภาพทด่ี แี ละสมบรู ณ์ทงั้ ในปัจจบุ นั และเพอ่ื อนาคต ขนบธรรมเนียม คอื สงิ่ ทห่ี ม่คู ณะในสงั คมหน่ึงๆ นิยมประพฤตปิ ฏิบตั ติ ่อเน่ือง สบื กนั มายาวนาน เป็นท่ียดึ ถือทางจิตใจ หากบุคคลได้ปฏิบตั ิตามจะเกิดสิริมงคลแก่ ตนเองและครอบครวั เกดิ ความเจรญิ รงุ่ เรอื งในการทามาหากนิ ในการดารงชวี ติ และเป็น ทย่ี อมรบั นบั ถอื ในชมุ ชนทอ่ี ยรู่ ว่ มกนั
ความหมาย ควำมหมำยของประเพณี 1. ประเพณี คอื ความเช่อื ความคดิ การกระทา ค่านิยม ทศั นคติ ศลี ธรรม จารตี ระเบยี บ แบบแผนและวธิ กี ารต่างๆ ทส่ี บื ทอดกนั มาแต่อดตี ลกั ษณะสาคญั ของประเพณี คอื ความเช่อื ถอื ทป่ี ฏบิ ตั จิ นกลายเป็นแบบอย่างทงั้ ความคดิ การกระทาท่ีสบื ต่อกนั มาจน เป็นอทิ ธพิ ลในปัจจุบนั 2. ประเพณี คอื ระเบยี บแบบแผนในการปฏบิ ตั ทิ เ่ี หน็ ว่ามคี ุณค่ากว่า ถูกตอ้ งกว่า เป็นทย่ี อมรบั ของคนสว่ นใหญใ่ นสงั คม และปฏบิ ตั สิ บื ทอดกนั มา 3. ประเพณี คอื ความประพฤตทิ ส่ี บื ต่อกนั มาจนเป็นทย่ี อมรบั ของสงั คมสว่ นใหญ่ ในหมคู่ ณะจนเป็นนิสยั สงั คมของคนไทยซง่ึ ไดร้ บั มรดกตกทอดมาแต่ดงั้ เดมิ
ประเภทของประเพณี 1.จำรีตประเพณี หรอื กฎศีลธรรม (Mores) 2.ขนบประเพณี (Institution) 3.ธรรมเนียมประเพณี (Convention) พธิ กี รรมและประเพณีจดั เป็นจารตี ประเพณี คอื แนวทางปฏบิ ตั ิสบื ทอดกนั มา นับว่าเป็นสมบตั ิท่ที รงคุณค่าอย่างยง่ิ จาเป็นท่ลี ูกเสอื จะต้องมคี วามรู้ ความเขา้ ใจใน การปฏิบตั ิให้รู้ถึงขนบธรรมเนียมประเพณีอย่างชดั เจน ต้องสามารถเผยแพร่ความรู้ แกเ่ ยาวชนหรอื ชุมชนในทอ้ งถน่ิ ไดอ้ ยา่ งเป็นรปู ธรรมและเป็นมาตรฐานเดยี วกนั
กำรแบง่ ประเภทของประเพณี 1. ประเพณที เ่ี กย่ี วกบั ชวี ติ หรอื ประเพณีครอบครวั 2. ประเพณที อ้ งถน่ิ ของชุมชนหรอื สว่ นรวมตามเทศกาล 3. ประเพณที อ้ งถนิ่ ไดแ้ ก่ ประเพณที เ่ี กย่ี วกบั อาชพี 4. ประเพณรี าชการ หรอื ประเพณที ท่ี างราชการเป็นผกู้ าหนดขน้ึ จาแนกเป็น 2 ประเภท คอื
การแบ่งประเภทของประเพณี รฐั พิธี เป็นพธิ ปี ระจาปีทท่ี างราชการกาหนดขน้ึ โดยพระมหากษตั รยิ เ์ สดจ็ พระราชดาเนิน ไปทรงเป็นประธาน หรอื ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มใหพ้ ระราชวงศเ์ สดจ็ แทน พระองค์ พระรำชพิธี หมายถงึ พธิ ที จ่ี ดั ขน้ึ อนั เกย่ี วเน่ืองกบั พระมหากษตั รยิ ์ เป็นพธิ หี ลวง
ประเพณีกำรเกิด ในแต่ละท้องถิ่นจะมพี ธิ กี รรมแตกต่างกนั ไปตามท่สี บื ทอดตามเผ่าพนั ธุ์ ในชนบทท่ี ความเจรญิ เขา้ ไปไม่ถงึ ยงั เช่อื ในเร่อื งผสี าง และมขี อ้ หา้ มต่างๆ แต่ในปัจจุบันมารดาจะคลอด ตามโรงพยาบาลและอยู่ในความดูแลของหมอ แต่ในเร่ืองรับประทานอาหารมีความเช่ือ เหมือนเดิม ผู้เป็นแม่จะรบั ประทานอาหารท่ีเป็นประโยชน์เพ่ือผลิตน้านมให้ลูกกินมากๆ ในชนบทบางแหง่ ยงั ใหค้ วามสาคญั กบั มารดาและทารกแรกเกดิ ยงั ปฏบิ ตั กิ นั เพอ่ื ความสบายใจ เชน่ การผกู ขอ้ มอื ทงั้ มารดาและ เดก็ หลงั คลอด
ประเพณีกำรเกิด พิธีทำขวญั เม่อื ครบกา หนด 1 เดอื นเดก็ จะพน้ ขดี อนั ตราย จงึ จดั ใหม้ งี านทาขวญั ตงั้ ช่อื เพอ่ื เป็นสริ มิ งคล พธิ ที าขวญั เดอื นและโกนผมไฟจะทาพรอ้ มกนั เม่ือเสรจ็ พธิ จี ะนาเดก็ ลงอู่ท่จี ดั เตรยี มไว้ (เปลท่เี ด็กนอน) เอาของท่ใี ช้ในพธิ จี ดั วางให้เดก็ ตามขอบเปลใต้เบาะ ใตห้ มอนจากนนั้ นาแมวเลย้ี งทส่ี ะอาด มสี รอ้ ยทค่ี ออุม้ ลงในเปลแลว้ อุม้ ออก การทเ่ี อาแมวลง เปลนนั้ มคี วามเชอ่ื วา่ เดก็ จะเลย้ี งงา่ ยเหมอื นแมว ปัจจุบนั พธิ ที าขวญั เดอื นและโกนผมไฟยงั เป็นพธิ หี ลวง ใชส้ มโภชพระเจา้ ลกู เธอและลกู ยาเธอเจา้ ฟ้าเมอ่ื ทรงพระเยาว์ สาหรบั สามญั ชนกย็ งั จดั พธิ แี บบรวบรดั คอื นาสายสญิ จน์ผกู ขอ้ มอื เดก็ เรยี กมงิ่ ขวญั สว่ นพธิ โี กนผมกใ็ ชเ้ ป็นขรบิ ผมบางสว่ นแทนเพอ่ื สริ มิ งคล
พิธีทำบญุ วนั เกิด การทาบุญวนั เกดิ ในวนั เกดิ ปกตจิ ะทางา่ ยๆ คอื ตกั บาตรพระในตอนเชา้ หรอื นาภตั ตาหารไปถวายพระทว่ี ดั ถวายจตุปัจจยั ไทยธรรมตามศรทั ธา พระสงฆ์ เจรญิ พระพทุ ธมนตใ์ หพ้ ร อนุโมทนา กรวดน้าอทุ ศิ สว่ นกศุ ล เป็นอนั เสรจ็ พธิ ี การประกอบพธิ จี ะนิมนตพ์ ระสงฆม์ าเจรญิ พระพทุ ธมนต์ ถวายภตั ตาหาร ถวายจตุปัจจยั ไทยธรรม กรวดน้าอุทศิ สว่ นกุศล เม่อื พระสงฆก์ ลบั วัดจะมกี ารกนิ เลย้ี งฉลองหรอื มกี ารละเล่นรน่ื เรงิ
ประเพณีทำบญุ ขึน้ บำ้ นใหม่ การสรา้ งครอบครวั ใหม่ (ชายหญงิ เขา้ พธิ สี มรสตามประเพณี) หมายถงึ การมบี า้ นใหม่ เพ่อื อาศยั อยู่ร่วมกนั ครนั้ ได้ฤกษ์งามยามดจี ะเขา้ ไปอาศยั อยู่ในบ้าน หวั หน้าครอบครวั จะ อญั เชญิ พระประจาบ้านไปประดษิ ฐานไวท้ ห่ี ง้ิ บูชา จุดธูป เทยี น อธษิ ฐานขอคุณพระรตั นตรยั คุม้ ครองใหอ้ ยู่ร่มเยน็ เป็นสุข หรอื จะนิมนต์พระสงฆห์ น่ึงรูปมาประพรมน้าพระพุทธมนต์ตาม หอ้ งต่างๆ กอ่ นขนของเขา้ ไปอยจู่ ะสมบรู ณ์ยงิ่ ขน้ึ
ประเพณที าบญุ ขน้ึ บา้ นใหม่ หลกั ปฏิบตั ิทวั่ ไปในงำนพิธีขึน้ บำ้ นใหม่ 1.กำหนดวนั 2.เตรียมงำนและส่ิงของท่ีจำเป็ น 2.1 ออกบตั รเชญิ แขกมารว่ มพธิ หี รอื ตดิ ตอ่ ทางการส่อื สารแลว้ แตค่ วามสะดวก 2.2 ตดิ ตอ่ นมิ นตพ์ ระทว่ี ดั ใกลบ้ า้ นหรอื วดั ทค่ี นในบา้ นเคารพนบั ถอื 2.3 เตรยี มสถานทเ่ี ลย้ี งพระ และเลย้ี งแขกทม่ี าในงานตามความเหมาะสม 2.4 หอ้ งทจ่ี ดั เตรยี มสาหรบั เจรญิ พระพทุ ธมนต์ ใหจ้ ดั โต๊ะหมบู่ ชู า 2.5 ขนั น้าพระพทุ ธมนต์ หรอื บาตรหมอ้ น้ามนตใ์ สน่ ้าสะอาด
ประเพณีทาบญุ ขน้ึ บา้ นใหม่ 2.6 ดา้ ยสายสญิ จน์ 2.7 การจดั เตรยี มอาสนะสาหรบั พระสงฆ์ 2.8 เครอ่ื งรบั รองพระ 2.9 เตรยี มน้าลา้ งเทา้ พระสงฆเ์ มอ่ื มาถงึ บา้ น พรอ้ มผา้ เชด็ เทา้ 2.10 เมอ่ื ถงึ วนั งานพธิ ี พระสงฆเ์ ขา้ ประจาทเ่ี รยี บรอ้ ยแลว้ ประเคนของ ทเ่ี ตรยี มไวพ้ รอ้ มน้าเยน็ หรอื น้าชาถวายทลี ะรปู จนครบ 2.11 เตรยี มมคั นายก 2.12 ขณะทพ่ี ระสงฆเ์ จรญิ พระพุทธมนตใ์ หท้ กุ คนสงบน่ิง ไมพ่ ดู คยุ หรอื หยอกลอ้ ทาความรบกวนใหผ้ ทู้ ม่ี าในงานและพระสงฆ์
ประเพณีเก่ียวกบั กำรตำย พธิ ที าบุญทเ่ี กย่ี วกบั การตายเรยี กวา่ ทาบุญงานอวมงคล คอื งานทาบุญหน้าศพและ งานทาบุญอฐั ิ เพอ่ื อุทศิ สว่ นกุศลใหแ้ ก่ผถู้ งึ แก่กรรมไปแลว้ กำรอำบน้ำศพ เป็นพิธีทาความสะอาดศพ ถ้าถึงแก่กรรมท่ีโรงพยาบาล ทาง โรงพยาบาลจะจดั ทาความสะอาดตกแต่งศพมาแล้ว เจา้ ภาพเปล่ยี นเคร่อื งแต่งกายให้ศพ แล้วจดั พธิ รี ดน้าศพ โดยจดั วางศพบนตงั่ ย่นื มอื ขวาของศพไว้บนพาน ผู้ท่ีมารดน้าศพจะ รดน้าอบหรอื น้าหอมลงบนมอื ศพเป็นการขอขมา เวลารดน้าศพในปัจจุบนั นิยมคลุมดว้ ยผา้ แพรจนี มสี สี นั สวยงาม หากเป็นผทู้ ไ่ี ดร้ บั พระราชทานน้าหลวงอาบศพผอู้ ่ืนตลอดจนเจา้ ภาพ จะรดน้าศพกอ่ น เมอ่ื ประธานในพธิ รี ดน้าศพพระราชทานแลว้ กจ็ ะบรรจุศพลงหบี เลยทเี ดยี ว
ประเพณเี กย่ี วกบั การตาย พิธีทำบญุ นิยมทาบุญ 7 วนั 50 วนั 100 วนั หรอื วนั ครบรอบวนั ตายของผูต้ าย การทาบุญ 7 วนั นิยมนิมนตพ์ ระสงฆเ์ จด็ รปู เท่านนั้ เพราะถอื เป็นงานอวมงคล เจา้ ภาพจะทาบุญเล้ียงพระตอนเชา้ หรอื ตอนเพลแลว้ มเี ทศน์หลงั จากทาบุญเล้ยี งพระ จะมกี ารบงั สุกุลอุทศิ ส่วนกุศลแก่ผตู้ ายทุกครงั้ การทาบุญเจด็ วนั เจา้ ภาพกจ็ ดั เป็นสงั ฆทานทเ่ี รยี กวา่ มตกภตั ต์ คอื บรรจุสง่ิ ของต่างๆ ทเ่ี ป็นของแหง้ ใสล่ งในชามอ่าง กะละมงั หรอื กระบุง พอพระสงฆฉ์ นั ภตั ตาหารเสรจ็ แลว้ จงึ ถวายสงั ฆทานทจ่ี ดั เตรยี มไว้
ประเพณีเกย่ี วกบั การตาย พิธีฌำปนกิจ ตอนเชา้ หรอื เพลมกี ารสวดพระอภธิ รรม ทาบุญเลย้ี งพระ เทศน์ แลว้ เม่ือถงึ เวลา กเ็ ชญิ ศพขน้ึ เมรุหรอื ฌาปนกจิ สถาน การเคล่อื นศพขน้ึ สเู่ มรุ นาศพเวยี นซา้ ยรอบเมรสุ าม รอบ แล้วจงึ นาศพขน้ึ ตงั้ บนเมรุ ใกล้เวลาฌาปนกจิ เรมิ่ พธิ กี ารทอดผา้ บังสุกุลโดยเชญิ แขกผใู้ หญ่เป็นผทู้ อด แลว้ นมิ นตพ์ ระสงฆข์ น้ึ ชกั ผา้ บงั สุกุลเสรจ็ แล้วถงึ พธิ ปี ระชุมเพลงิ ถา้ เป็นศพไดร้ บั พระราชทานเพลงิ ประธานในพธิ จี ะเป็นผจู้ ดั เพลงิ พระราชทานโดยการวาง ดอกไม้ขมาศพของพระราชพธิ ีก่อนแล้วจุดเพลิง จากนัน้ ผู้ร่วมพธิ ีวางดอกไ ม้จนั ทน์ หลงั จากเผาจรงิ แลว้ ในเชา้ วนั รงุ่ ขน้ึ จะมพี ธิ เี กบ็ อฐั ิ
ประเพณีบวชนำค คนไทยมคี วามเช่อื กนั วา่ เมอ่ื ผชู้ ายอายุครบ20 ปีบรบิ รู ณ์แลว้ ควรบวชในบวรพระพทุ ธศาสนา ระยะหน่ึง การบวชผบู้ วชจะถกู อบรมใหเ้ ป็นผมู้ จี ติ ใจดงี าม รจู้ กั บาปบุญคุณโทษ โดยศกึ ษาพระธรรม คาสอนของพระพทุ ธศาสนา ถอื วา่ เป็น “คนสกุ ” คอื ไดบ้ วชเรยี นแลว้ ผทู้ ท่ี าการบวชโดยพ่อแม่ ผปู้ กครอง จะพาไปพบเจา้ อาวาสของวดั ทจ่ี ะบวชก่อนฤกษ์บวช ประมาณ 1-2 สปั ดาห์ และแจง้ ความประสงคใ์ หท้ ราบ เจา้ อาวาสกม็ อบใหพ้ ระรปู ใดรปู หน่ึงในวดั เป็น ผสู้ อนใหบ้ วชขานนาคอยปู่ ระมาณ 4-5 วนั จนขานไดก้ ่อนจะถงึ วนั บวช 1 หรอื 2 วนั ผบู้ วชจะไปหา พระท่จี ะนาบวชเรยี กว่า พระอุปปัชฌาย์ เพ่อื รบั ทราบเวลาทจ่ี ะทาพธิ ตี ่างๆ ในวนั ก่อนวนั บวชนัน้ สว่ นมากจะมี พิธีทำขวญั นำค
ประเพณบี วชนาค โดยอาจหาผู้มีความรู้ในการทาขวัญนาคมาร่วมพิธี กล่าวขานนาคใหร้ ะลกึ ถงึ พระคุณของบดิ ามารดา มพี ธิ กี รรมท่ี เก่ียวร่วมและนิยมทากนั ในตอนเย็นท่บี ้าน “นาค” และทาพธิ ี ถวายภตั ตาหารพระภกิ ษุในตอนเชา้ วนั รุ่งขน้ึ ก่อนนานาคเขา้ สู่ พธิ บี วช มกี ารเชญิ แขกและญาตพิ น่ี ้องมารว่ มในพธิ ที าขวญั นาค ทาพธิ โี กนผมบนศรี ษะนาคโดยบดิ า มารดา ญาตพิ น่ี ้อง คนแก่ คนเฒ่า อาบน้า ทาขม้ิน นุ่งห่มใส่เส้ือผ้าแต่งตัวให้นาคตาม พธิ กี รรมอยา่ งสวยงาม ตกแตง่ ใสเ่ ครอ่ื งทอง
ประเพณบี วชนาค วนั รงุ่ ขน้ึ กน็ านาคไปทว่ี ดั ซง่ึ เจา้ ของงานสว่ นมากมกั จดั ขบวนแหจ่ ากบา้ นไปวดั บางทอ้ งถนิ่ มกี ารแห่โดยขม่ี า้ หรอื นัง่ ชา้ งไปกม็ แี ลว้ แต่ประเพณีของทอ้ งถน่ิ เม่อื มาถงึ วดั ก็จะนานาควนรอบโบสถ์ 3 รอบ แล้วนาเขา้ โบสถ์ ต่อจากนัน้ พระอุปัชฌาย์ และ พระสงฆอ์ ่นื ๆ กจ็ ะดาเนินการตามระเบยี บ ประเพณีของสงั คมต่อไปจนเสรจ็ พิธเี ป็น พระภกิ ษุบวชใหม่
ประเพณีและวนั สำคญั ทำงพระพทุ ธศำสนำ 1.วนั มำฆบูชำ ตรงกบั วนั ขน้ึ 15 ค่า เดอื น 3 (หากตรงกบั ปีอธกิ มาส คอื ปีทม่ี เี ดอื น 8 สองหน วนั มาฆบูชาจะเล่อื นไปวนั ขน้ึ 15 ค่า เดอื น 4) เป็นการประชุมใหญ่ของพระสาวก เรียกว่า จาตุรงคสนั นิบาต เดอื น 3 ณ วดั เวฬุวนั มหาวหิ ารใกลก้ รงุ ราชคฤห์ คาว่าจาตุรงคสนั นิบาต แปลว่า การประชุมของพระสาวก ประกอบดว้ ยองค์ 4 หรอื การประชุมพรอ้ มดว้ ยองคส์ ่ี ไดแ้ ก่ 1. พระสงฆท์ ม่ี าประชุมวนั นนั้ ลว้ นเป็นเอหภิ กิ ขอุ ปุ สมั ปทา คอื ไดอ้ ุปสมบทโดยตรง กบั พระพทุ ธเจา้ 2. พระสงฆเ์ หลา่ นนั้ เป็นพระอรหนั ตผ์ ไู้ ดอ้ ภญิ ญา 6 ทงั้ สน้ิ 3. พระสงฆท์ ป่ี ระชุมวนั นัน้ เป็นจานวนถงึ 1,250 องค์ มาประชุมโดยมไิ ด้นัดหมาย และพระพทุ ธเจา้ ไดท้ รงแสดงโอวาทปาตโิ มกข์ 4. วนั นนั้ เป็นวนั เพญ็ เดอื นมาฆะ พระจนั ทรเ์ ตม็ ดวงสมบรู ณ์
ประเพณแี ละวนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา 2.วนั วิสำขบชู ำ ตรงกบั วนั ขน้ึ 15 ค่า เดอื น 6 คาวา่ วสิ าขบชู า ยอ่ มาจากคาวา่ “วสิ าขปรู ณมบี ชู า” เป็นการบูชาพระในวนั เพญ็ เดอื น วสิ าขะตรงกบั วนั เพญ็ ขน้ึ 15 ค่า เดอื น 6 ถา้ เป็นปีอธกิ มาสกเ็ ล่อื นไปเป็น 15 ค่า เดอื น 7 วนั วสิ าขบชู ามเี หตุการณ์เกดิ ขน้ึ 3 ประการ คอื 1. วนั ประสตู ขิ องพระพุทธเจา้ (เจา้ ชายสทิ ธตั ถะ) ณ สวนลมุ พนิ ีวนั ตรงกบั วนั ขน้ึ 15 ค่า เดอื น 6 2. วนั ตรสั รขู้ องพระพุทธเจา้ ณ พระมหาโพธบิ ลั ลงั ก์ รมิ ฝัง่ แมน่ ้าเนรญั ชราตะวนั ตก ตาบลอุรุเวลา เสนานิคม แควน้ มคธ ในตอนเชา้ มดื ของวนั ขน้ึ 15 ค่า เดอื น 6 ปีระกา ก่อนพทุ ธศกั ราช 45 ปี 3. วนั ปรนิ ิพพานของพระพุทธเจา้ ณ ระหว่างต้นสาละ 2 ตน้ ในสาลวโนทยานของมลั ล กษตั รยิ ์ ใกลก้ รงุ กุสนิ ารา วนั องั คารขน้ึ 15 ค่า เดอื น 6 ปีมะเสง็
ประเพณแี ละวนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา 3.วนั อำสำฬหบชู ำ ตรงกบั วนั ขน้ึ 15 ค่า เดอื น 8 เป็นการบชู าในเดอื น 8 ก่อนวนั เขา้ พรรษา เหตุการณ์ทเ่ี กดิ ในวนั อาสาฬหบชู า 1. เป็นวนั ทพ่ี ระพุทธเจา้ ทรงแสดงปฐมเทศนา เทศนากณั ฑแ์ รก คอื พระธมั จกั กปั ปวตั ตนสตู ร 2. เป็นวนั เกดิ พระอรยิ สงฆส์ าวกองคแ์ รก คอื ท่านอญั ญาโกณฑญั ญะซง่ึ เป็นหน่ึงในปัญจวคั คยี ์ ทงั้ 5 ท่ีเคยรบั ใช้พระพุทธเจ้า เม่ือครงั้ ทรงบาเพ็ญทุกกรกิริยาเพ่ือหาหนทางในการตรสั รู้ มพี ระสาวก 5 รูป คอื พระโกณฑญั ญะ พระวปั ปะ พระภทั ทยิ ะ พระมหานามะ และพระอสั สชิ พระโกณฑัญญะผู้ได้ทรงเห็นธรรมเม่ือพระพุทธเจ้าสดับพระปฐมเทศนา ทรงบรรลุธรรม เป็นองคแ์ รก 3. เป็นวันเกิดพระสงั ฆรตั นะ ทาให้มีพระรัตนตรยั คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์คร บ ทงั้ 3 รตั นะ (ดวงแกว้ 3 ดวงในพระพทุ ธศาสนา)
ประเพณแี ละวนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา 4.วนั อฏั ฐมีบชู ำ ตรงกบั วนั แรม 8 ค่า เดอื น 6 เป็นวนั ถวายพระเพลงิ พระพทุ ธสรรี ของพระสมั มา สมั พทุ ธเจา้ หลงั จากทพ่ี ระพทุ ธเจา้ ทรงดบั ขนั ธปรนิ ิพพานแลว้ 8 วนั ข้อปฏิบตั ิของพระพทุ ธศำสนิกชนในวนั สำคญั ทำงพระพทุ ธศำสนำ 1. ในวนั สาคญั ทางพระพุทธศาสนาดงั กล่าวตอนเช้าพุทธศาสนิกและลูกเสือควรเข้าวดั ทาบุญ ตกั บาตร รบั อโุ บสถศลี และฟังเทศน์ตามวดั ในชุมชนของตนเอง หรอื วดั ทค่ี นุ้ เคย 2. ในตอนค่า นาธปู เทยี น ดอกไมไ้ ปประชมุ พรอ้ มกนั ทโ่ี บสถ์ หรอื เจดยี สถานเพอ่ื ทาพธิ เี วยี นเทยี น 3. เม่อื พระสงฆ์ประชุมพร้อมแล้ว คฤหสั ถ์ทงั้ หลายยืนถือธูป เทียน ดอกไม้ ประนมมืออยู่ถัด พระสงฆอ์ อกไป เมอ่ื พระภกิ ษุทเ่ี ป็นประธานกล่าวนาบชู า ทป่ี ระชุมทงั้ หมดว่าตามพรอ้ มๆ กนั เม่อื กล่าวบชู าเสรจ็ พระสงฆเ์ ดนิ นาหน้าเวยี นขวารอบพระอุโบสถ หรอื พระสถปู เจดยี ์ 3 รอบ เรยี กวา่ เวียนเทียน คฤหสั ถก์ เ็ ดนิ ตามอยา่ งสงบ
ประเพณีและวนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา 4. การวนรอบแรกใหร้ ะลกึ ถงึ พระพทุ ธคุณพระพทุ ธเจา้ ใหร้ ะลกึ ในใจหรอื กลา่ ววา่ รอบแรก “พทุ โธ” หรอื “อปิ ิติ โสภะคะวา อะระหงั สมั มาสมั พุทโธ” รอบที่สอง “ธมั โม” หรอื “สวากขาโต ภะคะวะตา ธมั โม” รอบท่ีสำม “สงั โฆ” หรอื “สปุ ะฏปิ ันโน ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆ” 5. สงิ่ ทเ่ี ราควรทาเป็นพเิ ศษในวนั น้ีคอื พจิ ารณาความหมายของการเวน้ ทาความชวั่ การทาความดี การทาจติ ใจใหบ้ รสิ ทุ ธหิ ์ รอื การบาเพญ็ ประโยชน์ชว่ ยเหลอื วดั 6. สาหรบั ภาครฐั บาล หน่วยงานทางราชการ คณะสงฆว์ ดั ต่างๆ และพทุ ธศาสนิกชนไดม้ งี าน สปั ดาหส์ ง่ เสรมิ พระพทุ ธศาสนา ณ มณฑลพธิ ที อ้ งสนามหลวง และพทุ ธมณฑล วดั ต่างๆ
ประเพณแี ละวนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา 5.วนั เข้ำพรรษำ แรกเรมิ่ ตงั้ แต่วนั แรม 1 ค่า เดอื น 8 ไปจนถงึ วนั ขน้ึ 15 ค่า เดอื น 11 เป็นวนั ท่ี พระสงฆต์ อ้ งเขา้ จาพรรษา จะไปคา้ งคนื ทอ่ี น่ื ไมไ่ ด้ ตอ้ งอยนู่ อนประจาทว่ี ดั 3 เดอื น 6.วนั ออกพรรษำ เป็นวนั สน้ิ สดุ การอยจู่ าพรรษาของพระสงฆต์ ลอด 3 เดอื นในฤดฝู นจนถงึ วนั ขน้ึ 15 ค่า เดอื น 11 พระสงฆจ์ ะทาพธิ อี อกพรรษา ซง่ึ เป็นสงั ฆกรรมอยา่ งหน่ึงเรยี กวา่ วนั มหา ปวารณา 7.พิธีตกั บำตรเทโว คอื การทาบุญพเิ ศษในวนั ออกพรรษา พทุ ธศาสนิกชนนิยมไปตกั บาตรทว่ี ดั ในวนั แรม 1 ค่า เดอื น 11 เรยี กวา่ “การตกั บาตรเทโว” เป็นวนั ทพ่ี ระพทุ ธเจา้ เสดจ็ ลงมาจากสรรค์ ชนั้ ดาวดงึ ส์ หลงั จากทท่ี รงประทบั จาพรรษาอยตู่ ลอด 3 เดอื นเพอ่ื โปรดพทุ ธมารดา
พิธีกรรมในวนั พระ (วนั ธรรมสวนะ) และวนั อื่นๆ ที่เก่ียวข้องกบั พระพทุ ธสำศนำ วนั ธรรมสวนะ หรอื วนั พระ ในหน่ึงเดอื นจะมี 4 วนั คอื วนั ขน้ึ 8 ค่า วนั แรม 8 ค่า วนั ขน้ึ 15 ค่า และวนั แรม 15 ค่า (ถา้ เดอื นขาดจะเป็นวนั แรม 14 ค่า) ของทกุ เดอื น คาวา่ “สวนะ” แปลวา่ การฟัง “ธรรมสวนะ” แปลวา่ การฟังธรรม หรอื แปลวา่ กาหนด ประชมุ ฟังธรรม วนั ไปฟังเทศน์ วนั ในพระพทุ ธศาสนา เรยี กวา่ วนั อุโบสถ ซง่ึ แปลวา่ วนั จาศลี ของ อบุ าสกอบุ าสกิ าผตู้ อ้ งการบุญกุศลพเิ ศษ
พธิ กี รรมในวนั พระ (วนั ธรรมสวนะ) และวนั อ่นื ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั พระพทุ ธสาศนา ควำมสำคญั ของวนั ธรรมสวนะ 1. เป็นวนั ทพ่ี ระสงฆแ์ ละชาวพทุ ธมาประชมุ พรอ้ มกนั โดยสนทนาธรรม 2. เป็นวนั ทค่ี นในครอบครวั ไดม้ กี จิ กรรมรว่ มกนั 3. เป็นวนั สง่ เสรมิ อบุ ายในการอบรมสงั่ สอนศลี ธรรม หลกั ธรรม
พธิ กี รรมในวนั พระ (วนั ธรรมสวนะ) และวนั อ่นื ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั พระพทุ ธสาศนา กำรปฏิบตั ิตนในกำรไปวดั 1. การแต่งกายไปวดั ควรใชเ้ สอ้ื ผา้ สอี ่อนๆ ไมม่ ลี วดลาย ผา้ ไมบ่ างจนเกนิ ไปไมร่ ดั รปู 2. การนาเดก็ หรอื บุคคลอน่ื ๆ ไปวดั ควรอยใู่ นความควบคุมได้ 3. การเตรยี มอาหารไปวดั อาหารทเ่ี หมาะสมสาหรบั การนาไปถวายพระภกิ ษุ ควรเป็นอาหาร ทร่ี บั ประทานทวั่ ๆ ไป 4. การเตรยี มตวั กอ่ นไปวดั 4.1 จดั ทาภารกจิ ตนใหเ้ รยี บรอ้ ยเพอ่ื จะไดไ้ มต่ อ้ งกงั วล 4.2 ระลกึ ถงึ คุณพระรตั นตรยั ทาใหใ้ จบรสิ ทุ ธิ ์ 4.3 ทาจติ ใจใหแ้ จ่มใสระลกึ ถงึ บุญกุศล และคณุ ความดที เ่ี คยปฏบิ ตั มิ า 4.4 เตรยี มอุปกรณ์ทาบุญใหค้ รบ
พธิ กี รรมในวนั พระ (วนั ธรรมสวนะ) และวนั อน่ื ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั พระพทุ ธสาศนา 5. การปฏบิ ตั ติ นโดยทวั่ ไปในงานวดั ใหส้ ารวมพงึ ระวงั และปฏบิ ตั ติ นใหเ้ หมาะสม 5.1 สารวจ กาย วาจาใจ ใหส้ งบเรยี บรอ้ ย ปฏบิ ตั คิ วบคุมกาย วาจา ใจ 5.2 งดสบู บุหรโ่ี ดยเดด็ ขาด 5.3 ควรนงั่ ตามระเบยี บตามสถานทท่ี จ่ี ดั กาหนดไว้ 5.4 การประกอบศาสนาพธิ ี ควรเปลง่ วาจาใหช้ ดั เจนโดยพรอ้ มเพรยี งกนั 5.5 การสนทนากบั พระภกิ ษุ หากเป็นผชู้ ายไมค่ อ่ ยมรี ะเบยี บปฏบิ ตั ทิ เ่ี ครง่ ครดั เพยี งแต่ ใหต้ ระหนกั วา่ เป็นการสนทนากบั พระ ใชส้ รรพนามเรยี กตนเองวา่ “กระผม” หรอื “ดฉิ นั ” แลว้ พจิ ารณาทส่ี ถานะของทา่ น โดยใชส้ รรพนามแทนวา่ “ทา่ น” “พระคุณเจา้ ” ตามความ เหมาะสม
พธิ กี รรมในวนั พระ (วนั ธรรมสวนะ) และวนั อ่นื ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั พระพทุ ธสาศนา พิธีถวำยสงั ฆทำน เรม่ิ ดว้ ยการจุดเทยี นธปู บชู าพระรตั นตรยั อาราธนาศลี และสมาทานศลี จากนนั้ ผถู้ วายประนมมอื ตงั้ นะโม 3 จบ แลว้ กลา่ วถวายสงั ฆทาน
พธิ กี รรมในวนั พระ (วนั ธรรมสวนะ) และวนั อ่นื ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั พระพทุ ธสาศนา กำรกรวดน้ำ หมายถงึ การเทน้าสะอาดลงดนิ โดยไม่ตอ้ งเอาน้ิวรอง พรอ้ มกบั กล่าวคาอุทศิ บุญทต่ี นได้ กระทาใหผ้ ลู้ ่วงลบั ไปแลว้ เจา้ กรรมนายเวร และแกส่ รรพสตั วท์ ไ่ี ดร้ บั ความทกุ ขอ์ ยู่ เป็นตน้ การกรวดน้าดว้ ยตนเองหลงั จากทาบุญและตกั บาตรใหแ้ ก่พระภกิ ษุมาแลว้ เทน้าสะอาด ลงดนิ ซง่ึ นิยมเทตามใตต้ น้ ไมย้ นื ตน้ แลว้ กล่าวสนั้ ๆ วา่
พธิ กี รรมในวนั พระ (วนั ธรรมสวนะ) และวนั อน่ื ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั พระพทุ ธสาศนา ประเพณีสงกรำนต์ สงกรานต์กระทากันในระหว่างวันท่ี 13,14,15 ของเดือนเมษายน แต่เดิมประเพณี สงกรานตม์ ขี น้ึ เพ่อื ตอ้ นรบั พระอาทติ ย์ เพราะในเดอื นน้ีพระอาทติ ยจ์ ะส่องตรงมาโลกเป็นเดอื นท่ี รอ้ นทส่ี ุด จงึ เป็นภูมปิ ัญญาชาวบา้ นถอื โอกาสรดน้าดาหวั ผูใ้ หญ่มกี ารละเล่นสาดน้า ใหค้ วามเยน็ ฉ่าดบั ความรอ้ นของอากาศในเดอื นเมษายน ต่อมาชาวไทยนบั ถอื กนั ว่าวนั สงกรานต์เป็นวนั ทร่ี ะลกึ ถงึ ป่ ู ยา่ ตา ยาย ท่ียงั มชี วี ติ อยแู่ ละ พบปะญาตพิ น่ี ้อง
พธิ กี รรมในวนั พระ (วนั ธรรมสวนะ) และวนั อ่นื ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั พระพทุ ธสาศนา กำรบูชำพระสมั มำสมั พทุ ธเจ้ำ 1. อามสิ บูชา เป็นการบูชาด้วยสง่ิ ของ เชน่ ดอกไมธ้ ปู เทยี น เป็นตน้ 2. การปฏบิ ตั บิ ูชา บูชาดว้ ยการปฏิบตั ิ ป ฏิ บั ติ ต า ม ค า ส อ น ข อ ง พ ร ะ พุ ท ธ เ จ้ า โดยเสยี สละ ใหท้ าน รกั ษาศลี
Search
Read the Text Version
- 1 - 32
Pages: