หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 2 กฎหมายว่าด้วย การค้มุ ครอง แรงงาน
1. หลกั กฎหมายค้มุ ครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน (Labour Protection Law) เป็ นกฎหมายที่บญั ญตั ิถึงสิทธิหน้าที่ระหว่างนายจ้างและ ลูกจ้าง โดยกําหนดมาตรฐานขัน้ ต่ําในการจ้าง การใช้ แรงงาน และการจัดสวัสดิ การที่จําเป็ นในการทํางาน กฎหมายคุ้มครองแรงงานที่ใช้บงั คบั ในปัจจุบนั คือ พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงานพ.ศ. 2541 ซึ่งมีผลใช้บงั คบั ตงั้ แต่วนั ที่ 19 สิงหาคม 2541 และฉบบั มีการแก้ไขปรบั ปรุงเร่ือยมาจน ดงั นี้
1. 2. พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ พระราชบญั ญตั ิค้มุ ครอง คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. แรงงาน (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2541 เป็ นบทบญั ญตั ิการ 2551 โดยแก้ไขบทบญั ญัติ คุ้มครองแรงงาน เพ่ือให้ เก่ียวกับการห้ามนายจ้าง การใช้ แรงงานเป็ นไป เรียกหรือรับหลักประกัน อย่างเป็ นธรรม ก า ร ทํ า ง า น ห รื อ ค ว า ม เสียหายในการทาํ งาน
3. 4. พระราชบญั ญตั ิค้มุ ครอง พระราชบญั ญตั ิ แรงงาน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. ค้มุ ครองแรงงาน (ฉบบั ท่ี 2551 โดยแก้ไขบทบญั ญัติ 4) พ.ศ. 2553 เน่ืองจากได้มี เพ่ิมเติ มอํานาจหน้ าท่ีของ การตรากฎหมายว่าด้วย คณะกรรมการค่าจ้าง โดย ความปลอดภยั อาชีวอนา เ พิ่ ม อํา น า จ ใ น ก า ร กํา ห น ด มยั และสภาพแวดล้อมใน อตั ราค่าจ้างตามมาตรฐาน การทาํ งาน. ฝี มื อ แ ล ะ อํา น า จ ใ น ก า ร แ ต่ ง ตั้ ง ที่ ป รึ ก ษ า คณะกรรมการค่าจ้าง
5. 6. พระราชบญั ญตั คิ ุม้ ครองแรงงาน พระราชบญั ญตั คิ ุ้มครองแรงงาน (ฉบับท่ี 5) พ.ศ. 2560 บัญญัติ (ฉบับท่ี 6) พ.ศ. 2560 เพิ่ม เพ่ือป้ องกัน ยับยัง้ และขจัด บทบัญญัติเก่ียวกบั การกาหนด ปัญหาการคา้ มนุษย์ดา้ นแรงงาน อตั ราค่าจา้ งขนั้ ต่าสาหรบั ลูกจ้าง โดยเฉพาะอตั ราโทษในความผดิ บางกลุ่มหรือบางประเภท เช่น เกย่ี วกบั การใชแ้ รงงานเดก็ นกั เรยี น นกั ศกึ ษา คนพกิ าร และ ผสู้ งู อายุ 7. พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับท่ี 7) พ.ศ. 2562 บัญญัติ แกไ้ ขกาหนดใหก้ ารเปลย่ี นแปลงตวั นายจา้ งตอ้ งไดร้ บั ความยนิ ยอมจาก ลูกจ้าง กาหนดให้ลูกจ้างมสี ิทธิลา เพ่อื กจิ ธุระอนั จาเป็นปีหน่ึงไม่น้อย กวา่ 3 วนั ทางาน
2. สญั ญาจา้ งแรงงาน นายจ้างและลกู จ้างตามกฎหมายแรงงาน นายจา้ ง หมายความว่า ผู้ซ่ึงตกลงรับ ลูก จ้างเ ข้า ทํางา นโ ด ยจ่า ย ค่ า จ้ า ง ใ ห้ แ ล ะ ห ม า ย ค ว า ม รวมถงึ 1. ผซู้ ง่ึ ไดร้ บั มอบหมายใหท้ างาน 2. ผมู้ อี านาจกระทาการแทน แทนนายจา้ ง นิตบิ ุคคล
ลูกจา้ ง หมายความว่า แต่ลกู จา้ งหมายถงึ บุคคลธรรมดาเท่านนั้ มใิ ช่นิตบิ ุคคลทเ่ี ขา้ มาตกลงทางานให้ นายจ้าง และได้รบั ค่าจ้างจากนายจ้าง โดยไม่คานึงว่าผู้นัน้ จะทาหน้าท่ีใน ผูซ้ ง่ึ ตกลงทางานใหน้ ายจา้ ง ตาแหน่งใด หรอื เรยี กช่อื ในตาแหน่งนัน้ ว่าอยา่ งไรและการตกลงนั้นจะเป็นการ โดยรบั คา่ จา้ ง ตกลงโดยตรงกบั นายจา้ งหรอื ตกลงโดยปรยิ ายกไ็ ด้
ขอบเขตการลาํ ดบั ใช้กฎหมายค้มุ ครองแรงงาน ราชการ รฐั วิสาหกิจ นายจา้ งกิจการโรงเรียนเอกชน ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมภิ าค รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายแรงงาน ว่า ตามกฎหมายว่าดว้ ยโรงเรยี นเอกชน แ ล ะ ร า ช ก า ร ส่ ว น ท้ อ ง ถ่ิ น เ น่ื อ ง จ า ก มี ด้ว ย แ ร ง ง า น รัฐ วิส า ห กิจ สัม พัน ธ์ เฉพาะในส่วนท่เี กย่ี วกบั ครูใหญ่และ กฎหมายเฉพาะของตนเอง เน่ืองจากมกี ฎหมายเฉพาะของตนเอง ครใู นโรงเรยี น
นายจา้ งเกี่ยวกบั งานบา้ น นายจ้างเกษตรกรรม นายจา้ งจา้ งทางานทร่ี บั ไปทาทบ่ี า้ น อนั มไิ ดม้ กี ารประกอบธุรกจิ รวมอยู่ดว้ ย เน่ืองจากเป็นงานขน้ึ อยกู่ บั ดนิ ฟ้า นายจา้ งซง่ึ จา้ งลกู จา้ ง โดยทวั่ ไปเราเรยี กวา่ ผชู้ ว่ ยแม่บา้ น อากาศ สงิ่ แวดลอ้ มไมเ่ หมอื นกนั ทางานทร่ี บั ไปทาทบ่ี า้ น
ข้อห้ามและข้อปฏิบตั ิของนายจ้างที่มีต่อลกู จา้ ง 1. ห้ามมิให้นายจ้างเรียกหรือรบั หลกั ประกนั การทาํ งาน หรือหลกั ประกนั ความเสียหายในการทาํ งานไม่ว่าจะเป็ นเงิน หรอื ทรพั ยส์ ินอื่น ๆ หรอื การคาํ้ ประกนั ด้วยบคุ คล 2. กรณีเปลี่ยนแปลงตวั นายจา้ ง หากมีผลให้ลกู จ้างไปเป็น ลูกจ้างของนายจ้างใหม่จะต้องได้รบั ความยินยอมจากลูกจ้าง นัน้ ด้วย 3. ให้นายจ้างปฏิบตั ิต่อลูกจ้างให้ถกู ต้องตามสิทธิและหน้าท่ีท่ีกาํ หนดไว้ใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เว้นแต่พระราชบญั ญตั ิกาํ หนดไว้เป็นอย่างอื่น
4. สญั ญาจา้ ง ขอ้ บงั คบั เกี่ยวกบั สภาพการทาํ งาน ระเบียบหรอื คาํ สงั่ ของนายจ้าง ทาํ ให้นายจ้างได้เปรียบลกู จ้าง เกินสมควร ศาลมีอาํ นาจสงั่ ให้สญั ญาจ้าง ข้อบงั คบั ระเบยี บ หรอื คาํ สงั่ นัน้ มีผลใช้บงั คบั ได้เท่าท่ีเป็นธรรมและ พอสมควรแก่กรณี 5. ให้นายจ้างปฏิบตั ิต่อลกู จา้ งชายและหญิงเท่าเทียมกนั ในการจา้ งงาน เว้นแต่ลกั ษณะหรอื สภาพของงาน ไม่อาจปฏิบตั ิเช่นนัน้ ได้
คาํ พิพากษาฎีกาท่ี 6011-6017/2545 มีข้อบงั คบั เกี่ยวกับการทํางานซ่ึง นายจ้างเป็ นผ้กู าํ หนดและใช้บงั คบั แก่ลูกจ้างกาํ หนดการเกษียนอายุของหญิงแตกต่างจากชาย ซ่ึงการ กาํ หนดที่แตกต่างนี้ ขดั ต่อกฎหมายคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ที่กําหนดว่านายจ้างต้องปฏิบตั ิต่อ ลกู จ้างชายและหญิงโดยเท่าเทียมกนั ดงั นัน้ ข้อบงั คบั เกี่ยวกบั การทาํ งานซึ่งถือได้ว่าเป็นสญั ญาจ้างอย่าง หนึ่ง กเ็ ป็ นสญั ญาจ้างท่ีขดั ต่อกฎหมายแรงงานอนั เป็ นกฎหมายเกี่ยวกบั ความสงบเรียบร้อยจึงตกเป็ น โมฆะ
1. การทาํ งานปกติ การใช้แรงงานทวั่ ไป การทางานวนั หน่ึงตอ้ งไมเ่ กนิ แปดชวั่ โมง งานทอ่ี าจเป็นอนั ตรายต่อสขุ ภาพ และความปลอดภยั ของลกู จา้ ง ทก่ี าหนดไวใ้ นกฎกระทรวง ใหม้ เี วลาทางานวนั หน่ึงตอ้ งไมเ่ กนิ เจด็ ชวั่ โมง และเมอ่ื รวมเวลาทางานทงั้ สน้ิ แลว้ สปั ดาหห์ น่งึ ตอ้ งไมเ่ กนิ ส่สี บิ สองชวั่ โมง ในกรณีลูกจ้างตกลงกนั ให้นาเวลาทางานท่ีเหลือไปรวมกบั เวลาทางานปกติอ่ืนเกินกว่าวนั ละแปด ชวั่ โมง ให้ นายจา้ งจ่ายคา่ ตอบแทนไมน่ ้อยกวา่ หน่ึงเท่าครง่ึ ตามอตั ราคา่ จา้ งต่อชวั่ โมงในวนั ทางานตามจานวนชวั่ โมงทท่ี าเกนิ ในกรณีนายจา้ งไม่อาจประกาศกาหนดเวลาเรม่ิ ต้น และเวลาสน้ิ สุดของการทางานแต่ละวนั ได้ เน่ืองจากลกั ษณะ หรอื สภาพของงาน ใหน้ ายจา้ งและลกู จา้ งตกลงกนั กาหนดชวั่ โมงทางานแต่ละวนั ไมเ่ กนิ แปดชวั่ โมง
เว2. ลาพกั ระหว่างทาํ งาน ในวนั ท่ีมีการทางาน ให้นายจ้างจดั ให้ลูกจ้างมีเวลาพกั ระหว่างการทางานวนั หน่ึงไมน่ ้อยกวา่ หน่งึ ชวั่ โมง หลงั จากท่ี ลกู จา้ งทางานมาแลว้ ไมเ่ กนิ หา้ ชวั่ โมงตดิ ต่อกนั และนายจา้ ง ลูกจา้ งอาจตกลงกนั ล่วงหน้าใหม้ เี วลาพกั ครงั้ หน่ึงน้อยกว่า หน่ึงชวั่ โมงได้ แต่เม่อื รวมกนั แลว้ วนั หน่ึงต้องไม่น้อยกว่า หน่ึงชวั่ โมง
3 การทาํ งานล่วงเวลา การทาํ งานล่วงเวลา หมายความว่า การทาํ งานนอกหรอื เกินเวลาทํางานปกติ หรือเกินชวั่ โมงในการทํางานแต่ละ วนั ท่ีนายจา้ งลกู จ้างตกลงกนั หลกั กฎหมายคุ้มครองแรงงาน กาหนดห้ามมิให้นายจ้างให้ ลูกจ้างทางานล่วงเวลาในวนั ทางาน เวน้ แต่ไดร้ บั ความยนิ ยอมจาก ลูกจ้างก่อนเป็นคราว ๆ ไป ในกรณีท่กี ารทางานล่วงเวลาต่อจาก เวลาทางานปกตไิ ม่น้อยกว่าสองชวั่ โมง นายจา้ งต้องจดั ให้ลูกจา้ งมี เวลาพกั ไมน่ ้อยกวา่ ยส่ี บิ นาทกี ่อนทล่ี กู จา้ งจะเรมิ่ ทางานลว่ งเวลา
4. ทาํ งานในวนั หยดุ ก ฎ ห ม า ย คุ้ ม ค ร อ ง แ ร ง ง า น มิ ใ ห้ น า ย จ้ า ง ใ ห้ ลู ก จ้ า ง ท า ง า น ใ น ว ัน ห ยุ ด ได้แก่ วันหยุดประจาสัปดาห์เช่น วัน อาทติ ย์ วนั หยุดตามประเพณี เช่น วันท่ี 13 เมษายน (วนั สงกรานต์) หรอื วนั หยุด พกั ผ่อนประจาปีท่ีตนมีสทิ ธิได้พกั ผ่อน แต่มขี อ้ ยกเวน้ ใหท้ างานวนั หยุดได้ โดย ต้องได้รบั ความยนิ ยอมจากลูกจ้างก่อน ในงานตอ่ ไปน้ไี ดเ้ ท่าทจ่ี าเป็น
สวสั ดิการแรงงาน สวสั ดกิ าร (Welfare) หมายถงึ การมุ่งใหเ้ กดิ การกนิ ดอี ย่ดู ขี องบุคคลหรอื สงั คม สวสั ดกิ าร แรงงานจงึ หมายถงึ การมุ่งใหเ้ กดิ การกนิ ดอี ยดู่ ใี นหมแู่ รงงาน โดยนายจา้ งเป็นผู้จดั ใหต้ ามกรอบ จรยิ ธรรมหรอื ตามกฎหมาย เชน่ การจดั น้าดม่ื อาหารกลางวนั เงนิ สงเคราะห์ เป็นตน้
3. การค้มุ ครองแรงงานหญิงและเดก็ แรงงานหญิง การ การ การคมุ้ ครองจากการทางานทอ่ี นั ตราย คมุ้ ครองการทางานในยามวกิ าล คมุ้ ครองหญงิ มคี รรภ์
แรงงานเดก็ โดยปกตกิ ารจ้างแรงงาน สามารถจา้ ง แรงงานได้เม่อื ลูกจ้างนัน้ มอี ายุเกิน 18 ปี ในกรณีทต่ี อ้ งการจา้ งเดก็ ทอ่ี ายุต่ากว่า 18 นายจ้างต้องปฏบิ ตั บิ างประการ เช่น แจ้ง การจ้างต่อพนักงานตรวจแรงงาน จดั ทา บนั ทกึ สภาพการจา้ ง รวมถงึ แจง้ การส้นิ สุด การจา้ งลกู จา้ งเดก็ ดว้ ย15
วนั หยดุ ของลกู จ้าง วนั หยดุ ตามประเพณี วนั หยดุ ประจาสปั ดาห์ วนั หยดุ พกั ผอ่ นประจาปี
ลาป่ วย วนั ลาของลกู จา้ ง ลาเพ่ือทาํ หมนั ลาเพ่ือกิจธรุ ะอนั จาํ เป็น ลาเพือ่ รบั ราชการทหารในการเรียกพล ลาเพอ่ื การฝึ กอบรมหรอื พฒั นาความร้คู วามสามารถ ลาคลอดบตุ รของหญิงมีครรภ์
ค่าจ้าง ค่าจา้ ง หมายความว่า เงนิ ท่นี ายจา้ งและลูกจา้ งตกลงกนั จ่ายเป็น ค่าตอบแทนในการทางานตามสญั ญาจ้าง สาหรบั ระยะเวลาการ ทางานปกติเป็นรายชัว่ โมง รายวนั รายสปั ดาห์ รายเดือน หรือ ระยะเวลาอ่ืนหรือจ่ายให้โดยคานวณตามผลงานท่ลี ูกจ้างทาได้ใน เวลาปกตขิ องวนั ทางาน และใหห้ มายความรวมถงึ เงนิ ทน่ี ายจา้ งจ่าย ให้แก่ลูกจ้างในวนั หยุดและวนั ท่ลี ูกจ้างมไิ ด้ทางานแต่ลูกจ้างมสี ทิ ธิ ไดร้ บั ตามพระราชบญั ญตั คิ มุ้ ครองแรงงานน้ีดว้ ย
ค่าจ้างทาํ งานวนั หยดุ เม่อื ลูกจ้างทางานในวนั หยุด คอื ทางานในเวลาปกติ ของเวลาทางาน แต่วนั นัน้ เป็นวันหยุดตามคาสัง่ ของ นายจา้ ง นายจา้ งตอ้ งยอมจ่ายค่าจา้ ง เรยี กว่า ค่าทางาน ในวนั หยุด ใหแ้ ก่ลูกจา้ ง ซ่งึ กฎหมายใหค้ วามหมายว่าค่า ทางานในวนั หยุด คอื เงนิ ทน่ี ายจ้างจ่ายใหแ้ ก่ลูกจา้ งเป็น การตอบแทนการทางานในวนั หยดุ และในกรณนี ายจา้ งให้ ลูกจ้างทางานในวนั หยุดใหน้ ายจา้ งจ่ายค่าจา้ งทางานใน วนั หยดุ ใหแ้ กล่ กู จา้ งตามอตั ราทก่ี ฎหมายกาหนด
การทางานล่วงเวลา (Overtime) การทางานล่วงเวลาหรอื ทเ่ี รยี กกนั โดยทัว่ ไป ว่าทาโอที (Overtime) หมายความว่า“การ ทางานนอก หรอื เกนิ กว่าเวลาทางานปกตหิ รอื เกนิ ชวั่ โมงทางานในแต่ละวนั ทน่ี ายจ้างลกู จา้ ง ตกลงกัน” การทางานล่วงเวลามีได้ทัง้ วัน ทางานปกติและเวลาในวนั หยุด การทางาน ล่วงเวลานายจ้างและลูกจ้างจะต้องตกลงกัน และตอ้ งไดร้ บั ความยนิ ยอมจากลกู จา้ งทุกครงั้
ค่าชดเชย ค่าชดเชย หมายถึง 1.1 เงิ นที่นายจ้างจ่าย 1.2 การเลิกจ้าง มีสาเหตุมา 1.3 สาเหตุจากนายจ้าง เช่น ให้แก่ลกู จา้ งเม่อื เลิกจ้าง จากนายจ้าง อนั มิใช่สาเหตุ งานหรือสัญญาของนายจ้าง มาจากลูกจ้าง ดงั นัน้ ลูกจ้าง สิ้นสุดลงปิ ดโครงการเพื่อไป จงึ มีสิทธิได้รบั ค่าชดเชย เ ริ่ ม กิ จ ก า ร ใ ห ม่ เ ห ตุ อ่ื น ท่ี น า ย จ้ า ง ต้ อ ง ก า ร เ ลิ ก จ้ า ง ลูกจ้างโดยไม่ใช่ความผิดของ ลกู จา้ ง
Search
Read the Text Version
- 1 - 25
Pages: