Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เนื้อหาหน่วยที่ 6 เครื่องรับวิทยุ FM แบบซูเปอร์เฮเทอโรดายน์

เนื้อหาหน่วยที่ 6 เครื่องรับวิทยุ FM แบบซูเปอร์เฮเทอโรดายน์

Published by pond_moku, 2020-05-30 05:39:02

Description: เนื้อหาหน่วยที่ 6 เครื่องรับวิทยุ FM แบบซูเปอร์เฮเทอโรดายน์

Search

Read the Text Version

หนว่ ยที่ 6 เร่อื ง เครือ่ งรบั วทิ ยุ FM แบบซเู ปอรเ์ ฮเทอโรดายน์ ผ้สู อน ครูปทั มาพร อทุ าจนั ทร์

เครื่องรับวิทยุ FM แบบซูเปอร์เฮเทอโรดายน์ 6.1 โครงสรา้ งวงจรเครือ่ งรบั วทิ ยุ FM แบบซเู ปอร์เฮท เครื่องรับวิทยุ FM แบบซูเปอร์เฮท เป็ นระบบของเครื่องรับวิทยุกระจายเสียงแบบซูเปอร์ เฮทเทอโรดายน์ถูก นาไปใช้ในเคร่ืองรับวิทยุ FM โดยมีหลกั การทางานเช่นเดียวกบั เคร่ืองรับวิทยุ AM แบบซูเปอร์เฮท คือ การทาความถี่สถานี วิทยุท่ีรับไดท้ ุกสถานีให้เป็นความถี่ปานกลาง (IF) ก่อนนาไปใช้งาน ตามมาตรฐานของ FCC ใชย้ ่านความถ่ีวิทยุกระจายเสียง FM อยู่ในช่วงประมาณ 88 - 108 MHz แต่ละสถานีวิทยุมีแถบกวา้ ง (แบนด์วิดท์) ของความถ่ี 1 สถานีประมาณ 200 kHz ใช้ ความถี่ปานกลาง (IF) มคี า่ 10.7 MHz เป็นมาตรฐานทกุ สถานีวิทยทุ ร่ี ับเขา้ มา บลอ็ กไดอะแกรมเครื่องรับวิทยุ FM แบบซูเปอร์เฮท แสดงดงั รูปที่ 6.1 RF IF AF AF AGC RF IF ( ) LO AFT (AFC) รูปท่ี 6.1 บลอ็ กไดอะแกรมเครื่องรับวทิ ยุ FM แบบซูเปอร์เฮท จากรูปท่ี 6.1 แสดงบลอ็ กไดอะแกรมเครื่องรับวิทยุ FM แบบซูเปอร์เฮท ประกอบดว้ ยภาคการทางาน ดงั น้ี สายอากาศ ทาหนา้ ทร่ี บั สญั ญาณคลืน่ วทิ ยกุ ระจายเสียงในระบบ FM ทกุ สถานีในยา่ นความถี่ 88 - 108 MHz เขา้ มา เป็ นส่วนที่จาเป็ นมากสาหรับเคร่ืองรับวิทยุ FM เพราะจะช่วยให้การรับคล่ืนทาได้ดีทุกสถานี สายอากาศที่ใช้งานกบั เครื่องรับวิทยุ FM แบ่งได้ 2 แบบ คือ แบบสายอากาศติดกบั ตวั เครื่องรับวิทยุ FM นิยมใชเ้ ป็นชนิดเสาชักอยู่ในแนวด่ิง และ แบบสายอากาศที่ตอ่ จากภายนอกเขา้ มา มกั เป็นชนิดไดโพล (Dipole) ภาคเลอื กและขยาย RF (RF) ทาหนา้ ท่ีรับสญั ญาณความถ่ีวิทยุ FM สถานีใดสถานีหน่ึงเขา้ มา ดว้ ยวงจรปรับเลือก ความถี่วิทยุ มาทาการขยายสัญญาณวิทยุให้แรงมากข้ึน โดยรูปสัญญาณยงั คงเดิมไม่ผิดเพ้ียน ช่วยให้การรับสัญญาณของ สถานีมคี ณุ ภาพดีข้นึ ภาคโลคอลออสซิลเลเตอร์ (LO) ทาหนา้ ที่ผลติ ความถว่ี ทิ ยขุ ้ึนมา มีความถแ่ี ละความแรงคงทีต่ ลอดเวลา ค่าความถ่ี ทผี่ ลิตข้ึนมามีการเปลยี่ นแปลงไปตามความถวี่ ิทยขุ องสถานีวิทยุ FM ที่รับเขา้ มา (RF) ความถ่ี LO ถกู ผลิตข้นึ มามีค่าความถ่ี สูงกว่าความถี่ของสถานีวทิ ยุ FM ที่รับเขา้ มา (RF) เท่ากบั ความถ่ีปานกลาง (IF) คือ 10.7 MHz เช่น วงจรปรับเลือกความถ่ี วิทยุรับความถ่ี RF เขา้ มา 100 MHz ความถ่ี LO จะถูกผลิตข้ึนมาเท่ากบั 110.7 MHz ความถ่ี LO น้ีสามารถหาได้จากสูตร ดงั น้ี fLO = fRF + fIF

แทนค่า fLO = 100 MHz + 10.7 MHz = 110.7 MHz การกาเนิดความถ่ีข้ึนมาของโลคอลออสซิลเลเตอร์ (LO) ในเคร่ืองรับวิทยุ FM ความถ่ี LO น้ีจะมีการเปล่ียนแปลง ความถ่ีไปเล็กน้อยตลอดเวลา อาจสูงข้ึนหรือต่าลงตามสัญญาณความถี่เสียงท่ีผสมมากบั ความถ่ีวิทยุ (RF) ท่ีรับได้ ความถี่ LO ทผี่ ลติ ข้ึนมาจึงถูกควบคุมค่าความถี่ด้วยภาคควบคุมการปรับจูนโดยอตั โนมตั ิ (Automatic Fine Tuning ; AFT) หรืออาจ เรียกวา่ ภาคควบคมุ ความถโ่ี ดยอตั โนมตั ิ (Automatic Frequency Control ; AFC) ภาคมิกเซอร์ ทาหนา้ ทผ่ี สมคลน่ื ความถีว่ ทิ ยุที่รบั เขา้ มาจากภาคปรับเลอื กความถ่วี ิทยุ (RF) และภาคโลคอลออสซิล เลเตอร์ (LO) ความถว่ี ทิ ยุที่ถูกผสมในภาคน้ีไดอ้ อกมาหลายค่า ดงั น้ี 1. ความถ่วี ิทยจุ ากสถานีวิทยุ FM ท่รี บั เขา้ มา (fRF) 2. ความถ่วี ทิ ยทุ ่ีผลติ ข้นึ มาจากภาคโลคอลออสซิลเลเตอร์ (fLO) 3. ความถวี่ ทิ ยผุ ลบวกระหวา่ งความถ่ีวิทยจุ ากสถานีวิทยุ FM ท่รี ับเขา้ มา (fRF) กบั ความถว่ี ิทยทุ ผ่ี ลติ ข้ึนมา จากภาคโลคอลออสซิลเลเตอร์ (fLO) ไดค้ วามถวี่ ทิ ยอุ อกมาเป็น (fLO + fRF) 4. ความถ่ีวทิ ยุผลต่างระหว่างความถ่ีวิทยุจากสถานีวิทยุ FM ท่ีรับเขา้ มา (fRF) กบั ความถ่วี ทิ ยุทผี่ ลิตข้นึ มา จากภาคโลคอลออสซิลเลเตอร์ (fLO) ไดค้ วามถ่วี ทิ ยอุ อกมาเป็น (fLO - fRF) คา่ ความถี่วิทยุผลตา่ งน้ีเองเป็นค่าความถี่ปานกลาง (fIF) ที่ ถกู นาไปใชง้ าน สามารถหาไดจ้ ากสูตร ดงั น้ี fIF = fLO - fRF= 10.7 MHz ภาคเลือกและขยาย RF ภาคโลคอลออสซิเลเตอร์ และภาคมิกเซอร์ ท้งั 3 ภาคน้ีรวมกนั นิยมเรียกว่า ภาคฟร้อน เอนด์ (Front End) เป็ นภาครับสัญญาณส่วนหน้าท่ีสาคัญ จะถูกสร้างรวมกันไวโ้ ดยมีตวั ถังโลหะคลุมไว้ เพื่อป้องกนั สญั ญาณรบกวนทจี่ ะทาให้การรับคล่นื สถานีวทิ ยุ FM ไดไ้ ม่ดี ภาคจูน IF และขยาย IF ทาหน้าท่ีกรองความถี่ปานกลาง (IF) 10.7 MHz ความถี่เดียวผ่านไปได้ และทาการขยาย ความถ่ีปานกลาง (IF) น้ีให้มีความแรงมากข้ึน ภาคน้ีปกติจะมีมากกว่าหน่ึงภาค ให้ได้ความถี่ที่ถูกต้องและความแรงท่ี พอเหมาะ ภาคดีเทกเตอร์ หรือดมี อดเู ลเตอร์ (Demodulator) ทาหนา้ ทแ่ี ยกสัญญาณเสียงออกจากความถี่ IF โดยท่ีการผสมคลน่ื ใน ระบบ FM สัญญาณเสียงถูกผสมกบั คลื่นพาห์ ดว้ ยการทาให้ความถ่ีพาห์เปลี่ยนแปลงสูงข้ึนเมือ่ สญั ญาณเสียงชว่ งบวกผสม และ ทาให้ความถี่พาห์เปลี่ยนแปลงต่าลงเม่ือสัญญาณเสียงช่วงลบผสม ส่วนความแรงของความถี่ IF คงท่ีจึงทาให้การแยก สัญญาณเสียงออกจากความถ่ี IF ตอ้ งใชว้ ิธีการแยกคล่ืนท่ีแตกต่างไปจากเคร่ืองรับวิทยุ AM วงจรท่นี ิยมใชเ้ ป็นดเี ทกเตอร์ เช่น วงจรดิสคริมิเนเตอร์ (Discriminator Circuit) วงจรเรโชดีเทกเตอร์ (Ratio Detector Circuit) วงจรควอดราเจอร์ดเี ทกเตอร์ (Quadrature Detector Circuit) และวงจรเฟสลอ็ กลูปดเี ทกเตอร์ (Phace Lock Loop Detector Circuit) เป็นตน้ ภาค AFT (AFC) ทาหน้าที่ควบคุมการผลิตความถี่ข้ึนมาของภาคโลคอลออสซิแลเตอร์ ให้มีความเหมาะสม ถกู ตอ้ งและสัมพนั ธ์กบั ความถี่ RF ทร่ี ับเขา้ มา เพอ่ื ให้ไดค้ วามถี่ IF ทีม่ ีการเปล่ียนแปลงไปเลก็ นอ้ ยตามสญั ญาณเสียงผสมอยู่ เมื่อผ่านดีเทกเตอร์แลว้ จะไดส้ ญั ญาณเสียงออกมา หากการผลติ ความถี่ของภาคโลคอลออสซิเลเตอร์ทางานไม่สัมพนั ธ์กบั ความถ่ี RF ที่รับ เขา้ มามีผลต่อสัญญาณเสียงที่รับได้ออกมามีการจางหายไม่ชดั เจน คลา้ ยกบั สถานีเล่ือนไปรับไดไ้ ม่ตรง แรงดนั ไฟฟ้า AFT ถูกส่งมาจากภาคดีเทกเตอร์ ภาค AGC ในเคร่ืองรับวทิ ยุ FM ภาค AGC น้ีทาหนา้ ท่ีควบคุมอตั ราขยายของภาคขยาย RF ให้มีระดบั ความแรงของ ความถ่ี RF ทร่ี ับเขา้ มาคงท่ีระดบั หน่ึง เท่ากนั ทกุ สถานีวทิ ยุ FM ทร่ี ับได้ การควบคุมทาไดโ้ ดยนาความถ่ี IF ของ FM มาแปลง เป็นแรงดนั ไฟฟ้ากระแสตรง ป้อนไปควบคุมอตั ราขยายของภาคขยาย RF

ภาคขยายเสียง ทาหน้าท่ีขยายสญั ญาณเสียงท่ีรับมาจากภาคดีเทกเตอร์ให้มีความแรงมากข้ึน โดยสัญญาณเสียงท่ี ถูกขยายออกมายงั มรี ูปสัญญาณคงเดิมไม่ผิดเพ้ียนไป 6.2 ภาคฟร้อนเอนดแ์ ละภาค AFT ชนดิ ใช้ทรานซสิ เตอร์ ภาคฟร้อนเอนด์ เป็นภาคท่ีรวมภาคเลือกและขยาย RF (RF) ภาคโลคอลออสซิลเลเตอร์ (LO) และภาคมิกเซอร์ ทา หนา้ ท่ีเปลีย่ นความถว่ี ิทยุคลนื่ พาหข์ องแตล่ ะสถานีวิทยกุ ระจายเสียง FM ให้เป็นความถ่ีปานกลาง (IF) ค่าเดียวกนั ทกุ สถานีที่ ความถี่ 10.7 MHz และภาค AFT (AFC) เป็นภาคควบคุมให้การรับสถานีวิทยุ FM ไดส้ ถานีคงทไ่ี ม่เลอื่ นจางหาย ส่วนประกอบ วงจรภาค ฟร้อนเอนดแ์ ละภาค AFT ชนิดใชท้ รานซิสเตอร์ แสดงดงั รูปที่ 6.2 RF RF T1 RF1 C1 Q1 RF RF2 T2 Q2 IF IFT1 IF L1 L2 TC2 VC2 L4 VC1 TC1 L3 R4 R5 C4 C6 R8 R10 R11 C8 R6 +VCC AGC R1 C3 LO Q3 R3 C5 LO C7 R2 TC3 VC3 L5 C2 R7 D1 AFT R9 รูปท่ี 6.2 วงจรฟรอ้ นเอนดช์ นิดใชท้ รานซิสเตอร์ทางาน จากรูปท่ี 6.2 แสดงวงจรฟร้อนเอนด์ชนิดใชท้ รานซิสเตอร์ทางาน วงจรมีส่วนประกอบหลายชนิด มีหน้าท่ีการ ทางานแตกต่างกนั ดงั น้ี L1  ขดลวดหมอ้ แปลง T1 ต่อเขา้ กบั สายอากาศของวิทยุ FM ชว่ ยในการปรับอมิ พีแดนซ์ของ สายอากาศให้เหมาะสมกบั อิมพีแดนซ์ของวงจร RF1 เพื่อการส่งผ่านสัญญาณความถ่ี วิทยุ FM ทกุ สถานีผ่านไดส้ ูงสุดไปใหว้ งจร RF1

TC1, VC1 และ L2  วงจรจูน RF1 ทาหน้าท่ีเลือกความถี่วิทยุคลื่นพาห์ FM เพียง 1 สถานีจ่ายมาตกคร่อมมี สัญญาณแรงท่ีสุด เพื่อส่งต่อไปให้ขา E ของ Q1 การเลือกรับสถานีวิทยุ FM ที่ตอ้ งการ โดยการปรับตวั เก็บประจุ VC1 ส่วน TC1 เป็นตวั เกบ็ ประจทุ ริมเมอร์ ใชป้ รับแตง่ เล็กน้อย ใหว้ งจรจูน RF1 สามารถรบั ย่านความถี่วทิ ยุ FM ไดค้ รอบคลุมความถี่ 88 - 108 MHz C1, C5 และ C7  ตวั ส่งผ่านสญั ญาณความถ่ผี า่ นไปได้ และป้องกนั แรงดนั ไฟฟ้ากระแสตรง ไม่ให้ผ่าน C2, C4, C6 และ C8  ตวั กาจดั สญั ญาณรบกวน สญั ญาณทไี่ ม่ตอ้ งการทิ้งลงกราวด์ และชว่ ยกรองความถี่ TC2, VC2 และ L3  วงจรจูน RF2 ทาหน้าที่เลือกความถี่วทิ ยุคลื่นพาห์ FM เช่นเดียวกบั วงจรจนู RF1 โดยมี คณุ สมบตั ิของวงจรและค่าความถ่เี รโซแนนซ์ เหมอื นกนั ทกุ ประการ L4  ขดลวดทุติยภูมิของหมอ้ แปลง T2 เป็นตวั รับความถีว่ ิทยุคลื่นพาห์ FM สถานีทว่ี งจรจูน RF2 เลือกไวส้ ่งตอ่ ไปให้ขา E ของ Q2 TC3, VC3 และ L5  วงจรจนู LO ทาหนา้ ท่ีกาเนิดความถี่โลคอลออสซิลเลเตอร์ (LO) ค่าถูกตอ้ งข้นึ มา การให้ กาเนิดความถี่ท่ีตอ้ งการโดยการปรับตวั เก็บประจุ VC3 ส่วน TC3 เป็ นตวั เก็บประจุทริม เมอร์ใชป้ รับแต่งเล็กนอ้ ยให้วงจรจูน LO สามารถกาเนิดความถ่ีวิทยุไดค้ รอบคลุมความถ่ี 98.7 - 118.7 MHz C3  ตวั ป้อนกลบั ทางบวกของวงจรกาเนิดความถี่ LO ส่งความถี่ LO บางส่วนจากขา C ไปให้ ขา E ของ Q3 Q1  ตวั ขยายความถ่ีวิทยุ FM ของสถานีวิทยุท่ีรับเข้ามาจากจูน RF1 ให้มีระดับความแรง สญั ญาณเพม่ิ มากข้นึ แบบไมผ่ ิดเพ้ียน Q2  ตวั มกิ เซอร์ ทาการผสมความถว่ี ิทยุ FM ของสถานีทร่ี ับเขา้ มาจากวงจรจูน RF2 กบั ความถี่ วทิ ยทุ ก่ี าเนิดข้ึนมาจากวงจรโลคอลออสซิลเลเตอร์ (LO) ส่งความถี่ทผี่ สมออกขา C รวม 4 ความถี่ คือ RF, LO, LO + RF และ LO - RF (IF = 10.7 MHz) Q3  ตวั ทรานซิสเตอร์ในวงจรโลคอลออสซิลเลเตอร์ ช่วยทาให้การกาเนิดความถี่ LO ของ วงจรมีค่าความแรงคงทีแ่ ละถกู ตอ้ ง R1, R2, R3, R6, R7  ตวั ช่วยลดระดบั แรงดนั ไฟฟ้าให้มีค่าพอเหมาะ จ่ายไปเป็ นไบแอสให้ตวั Q1, Q2 และ Q3 และ R8 ทางานถกู ตอ้ ง R4, R5 และ  วงจรแบ่งแรงดนั ไฟฟ้า กาหนดแรงดนั ไฟฟ้าจา่ ยเป็ นไบแอสใหข้ า B ของ Q1 และ Q2ค่า R10, R11 พอเหมาะ เพ่อื ทาให้ทรานซิสเตอร์ท้งั 2 ตวั ทางานอย่างถกู ตอ้ งเหมาะสม R9  ตวั ตา้ นทานลดแรงดนั ไฟฟ้า AFT มาตกคร่อม จ่ายไปควบคุมการทางานที่พอเหมาะของตวั D1 D1  ไดโอดวาริแคป (Varicap Diode) หรือไดโอดวาแรกเตอร์ (Varactor Diode) ทาหน้าท่ีเป็น ตวั เก็บประจุแบบปรับเปลี่ยนค่าความจุได้ โดยอาศยั แรงดนั ไฟฟ้าจากดีเทกเตอร์ ท่ีถูก แปลงเป็นแรงดนั ไฟฟ้ากระแสตรงป้อนมาควบคุม ทางานร่วมกบั C5 เป็นวงจร AFT ไปทา ใหว้ งจรจนู LO เปล่ยี นแปลงความถ่ีไป กาเนิดความถ่ี LO ออกมาถกู ตอ้ ง IFT1  วงจรจนู IF ที่ 1 ทาหนา้ ทีก่ าหนดความถี่ IF คา่ 10.7 MHz ผ่านไปไดค้ วามถเี่ ดียว หลกั การทางานของวงจรฟร้อนเอนดช์ นิดใชท้ รานซิสเตอร์ อธิบายไดด้ งั น้ี

ความถีส่ ถานีวิทยุ FM ย่าน 88 - 108 MHz ถูกส่งผา่ นสายอากาศเขา้ มาที่ L1 เหน่ียวนามาให้วงจรจนู RF1 (VC1, TC1, L2) วงจรจนู RF1 สามารถเลือกรับความถี่วิทยุ FM เพียง 1 สถานีส่งผ่าน C1 ไปใหข้ า E ของ Q1 ทาการขยายสัญญาณความถี่วิทยุ FM สถานีน้ันให้มีระดับความแรงมากข้ึนแบบไม่ผิดเพ้ียน อตั ราขยายของ Q1 ยงั ถูกควบคุมด้วยภาค AGC ท่ีส่งมาจาก ภาคขยาย IF เพอื่ ทาให้ระดบั ความแรงของสัญญาณความถีว่ ิทยุ FM ท่ถี กู ขยายแลว้ ทุกสถานีมคี วามแรงใกลเ้ คียงกนั ส่งต่อ สัญญาณความถี่วิทยุ FM ไปให้วงจรจูน RF2 (VC2, TC2, L3) ยอมให้ความถี่ RF ค่าเดียวกบั วงจรจูน RF1 ผ่านไปได้ ส่งผ่าน L4 ไปให้ขา E ของ Q2 เป็นวงจรมิกเซอร์ วงจรจูน LO (TC3, VC3, L5) ให้กาเนิดความถ่ี LO ข้ึนมามีค่าสูงกว่าความถี่ท่ีรับเขา้ มาจากจูน RF1 และจูน RF2 เทา่ กบั ความถ่ี IF 10.7 MHz เสมอ เช่น วงจรจูน RF1, จนู RF2 รบั ความถ่ีสถานีวทิ ยุ FM เขา้ มา 100 MHz วงจรจนู LO กาเนิด ความถ่ีข้ึนมา 110.7 MHz (100 MHz + 10.7 MHz) เป็ นต้น ส่งความถ่ี LO ผ่าน C7 ไปให้ขา E ของ Q2 เพ่ือทาการผสมคลื่น นอกจากน้นั ความถี่ LO ยงั ถกู ส่งผ่าน C3 ป้อนกลบั แบบบวกไปให้ขา E ของ Q3 ขยายและป้อนออกขา C มากระตนุ้ เสริมความ แรงของความถี่ท่กี าเนิดข้นึ มาจากจนู LO ใหค้ งทต่ี ลอดเวลา วงจรมิกเซอร์ Q2 ทาการผสมความถ่ี RF และความถี่ LO ที่รับ ส่งออกทข่ี า C ไดค้ วามถี่ออกมา 4 ความถ่ี คอื ความถี่ RF ความถ่ี LO ความถ่ี LO + RF และความถ่ี LO – RF หรือความถ่ี IF 10.7 MHz ส่งต่อไปให้วงจรจูน IFT1 เลือกความถ่ี ผ่าน ความถี่ทผ่ี ่านวงจรจนู IFT1 ไป คือ ความถี่ IF 10.7 MHz ส่งต่อไปใหว้ งจรขยาย IF ไดโอด D1 เป็นไดโอดวาริแคป ทาหนา้ ทเี่ ป็นตวั เก็บประจุแบบปรบั เปล่ียนคา่ ความจุไดต้ ามค่าแรงดนั ไฟฟ้ากระแส ตรงทีป่ ้อนมาควบคุมจากภาคดเี ทกเตอร์ ทางานร่วมกบั C5 และ R9 เป็นวงจร AFT ถกู ต่อร่วมกบั วงจรจนู LO มผี ลให้ความถี่ ของวงจรจูน LO เปลี่ยนแปลงไปตามสัญญาณเสียง ความถี่ LO ที่กาเนิดข้ึนมามีการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยตาม สัญญาณเสียง ไดค้ วามถ่อี อกมาถูกตอ้ งส่งไปวงจรมกิ เซอร์ ทาใหส้ ถานีวิทยุท่ีรับไดม้ คี วามคงที่ไม่เล่อื นจางหายไป 6.3 ภาคความถ่ี IF และ AGC ชนดิ ใชท้ รานซิสเตอร์ ภาคความถ่ี IF ของเครื่องรับวิทยุ FM ประกอบไปด้วยภาคจูน IF ประมาณ 2 – 3 ภาค และภาคขยาย IF อีก ประมาณ 2 ภาค หนา้ ท่ีของภาคความถ่ี IF มี 3 ประการ คือ ประการแรกกาหนดความถ่ีผ่านเขา้ มาเฉพาะความถ่ีปานกลาง (IF) มีคา่ ความถี่ 10.7 MHz ประการที่สองนาความถี่ IF ท่รี บั เขา้ มา ทาการขยายความถ่ี IF ใหม้ รี ะดบั ความแรงมากข้ึนแบบ ไม่ผิดเพ้ียนก่อนส่งให้ภาคดีเทกเตอร์ต่อไป ประการท่ีสามส่งไปแปลงเป็นแรงดนั ไฟฟ้ากระแสตรงในรูป AGC ไปควบคุม อตั ราขยายสัญญาณของภาคขยาย RF โดยอตั โนมตั ิ ให้มีอตั ราขยายคงท่ีเท่ากนั ทุกสถานีท่ีรับได้ ส่วนประกอบวงจรภาค ความถ่ี IF และ AGC ชนิดใชท้ รานซิสเตอร์ แสดงดงั รูปที่ 6.3 IF Q4 IF1 Q5 IF2 Q6 IF3 Q7 IF4 +VCC R19 IFT2R24 R27 IF CF1 R16 R22 D2 R20 C17 AGC C10 R12 R14 IO C15 D3 IFT1 R12 C11 G R17 R23 R13 R15 C12 C13 R18 C14 R21 C16 C18 C19 R25 R26 C20 RF

รูปท่ี 6.3 วงจรภาคความถี่ IF และ AGC ชนิดใชท้ รานซิสเตอร์ทางาน จากรูปที่ 6.3 แสดงวงจรภาคความถ่ี IF และ AGC ชนิดใชท้ รานซิสเตอร์ทางาน วงจรมสี ่วนประกอบหลายชนิด มี หนา้ ท่กี ารทางานแตกต่างกนั ดงั น้ี D2  ไดโอดจากัดค่า หรือลิมิเตอร์ (Limiter) ช่วยกาจดั สัญญาณความถ่ี IF ที่มีความแรง ส่วนเกินทง้ิ ไป โดยกาหนดความแรงของความถี่ IF ท่ีจ่ายเขา้ มาใหค้ งทคี่ า่ หน่ึงตลอดเวลา IFT1 และ IFT2  หมอ้ แปลง IF กรองความถ่ี IF 10.7 MHz ผ่านไปได้ CF1  เซรามิกฟิ ลเตอร์ (Ceramic Filter) มีคุณสมบตั ิเหมือนหมอ้ แปลง IF กาหนดความถี่ผ่าน ความถี่เดียว เช่น ในภาคจูน IF ของสถานีวิทยุกระจายเสียง FM จะกรองความถี่ IF 10.7 MHz ผ่านไปได้ เป็นตน้ รูปร่างและสัญลกั ษณ์ของเซรามกิ ฟิลเตอร์ แสดงดงั รูปที่ 6.4 IO G (ก) รูปร่าง (ข) สญั ลกั ษณ์ รูปท่ี 6.4 เซรามิกฟิลเตอร์ Q4, Q5, Q6 และ Q7  ทรานซิสเตอร์ขยายสัญญาณความถ่ี IF ค่า 10.7 MHz ให้มีระดบั ความแรงมากข้ึนเป็ น ลาดบั และสญั ญาณไมผ่ ดิ เพ้ยี นไป C11  ตวั ส่งผา่ นความถ่ี IF ส่งไปใหว้ งจรขยาย IF C10, C13 และ C15  ตวั กาหนดยา่ นความกวา้ งของความถี่ IF ผา่ น R15, C12, R18, C14,  เป็ นวงจรสเตบิไลซ์ไบแอส (Stabilize Bias) ควบคุมให้ Q4, Q5, Q6 และ Q7 มีอตั ราขยาย R21, C16 และ R26, ความถี่ IF คงทไี่ ม่เปลีย่ นแปลงไปตามอุณหภมู ิ C20 C19  ตวั กรองสญั ญาณรบกวนที่มาจากแหลง่ จ่ายแรงดนั ไฟฟ้าทิ้งลงกราวด์ R12, R13 และ R24,  วงจรแบ่งแรงดนั ไฟฟ้า กาหนดแรงดนั ไฟฟ้าจา่ ยเป็นไบแอสให้ขา B ของ Q4 และ Q7 ในค่า R25 พอเหมาะ R16, R17 และ R19  กาหนดแรงดนั ไฟฟ้าจ่ายเป็นไบแอสให้ขา B ของ Q5 และ Q6 ในค่าพอเหมาะ R20  ตวั ป้อนกลบั แบบลบจากขา E ของ Q6 ไปขา B ของ Q5 ลดอตั ราขยายลง R14, R22 และ R27  ลดกระแสไฟฟ้าไหลผ่านขา C ของ Q4, Q6 และ Q7 ท่ีค่าพอเหมาะ D3, R23, C17 และ  เป็ นวงจร AGC กาหนดแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงซีกลบ จ่ายไปควบคุมค่าไบแอสให้ C18 วงจรขยาย RF มีอตั ราขยายลดลง หลกั การทางานของวงจรภาคความถี่ IF ตามรูปที่ 6.3 อธิบายไดด้ งั น้ี

สัญญาณความถ่ีวิทยทุ ส่ี ่งมาจากมิกเซอร์มีท้งั หมด 4 ความถี่ส่งเขา้ หมอ้ แปลง IFT1 กรองความถีเ่ ฉพาะความถี่ IF 10.7 MHz ผา่ นไปให้ Q4 ทาการขยายสัญญาณความถี่ IF ให้แรงมากข้ึนระดบั หน่ึงส่งออกขา C ป้อนเขา้ เซรามิกฟิลเตอร์ CF1 กรอง ความถ่ีเฉพาะความถ่ี IF 10.7 MHz ผ่านไปให้ Q5 และ Q6 ทาการขยายสัญญาณความถี่ IF ให้แรงมากข้ึนอกี ระดบั หน่ึง ส่งออกขา C ป้อนเขา้ หมอ้ แปลง IFT2 กรองความถ่ีเฉพาะความถี่ IF 10.7 MHz ผ่านไปให้ Q7 ขยายความถ่ี IF เป็นภาคสุดทา้ ย การขยาย สัญญาณความถ่ี IF ท้งั หมด สัญญาณความถี่ IF ที่ถูกขยายออกมาตอ้ งไม่ผิดเพ้ียน ไดส้ ัญญาณความถี่ IF ผ่านไปให้วงจรดี เทกเตอร์ 6.4 ภาคเรโชดเี ทกเตอร์ เรโชดีเทกเตอร์ เป็นดีเทกเตอร์แบบหน่ึงท่ีนามาใช้งานในเคร่ืองรับวิทยุ FM โดยการแยกเอาความถ่ี IF 10.7 MHz ท้ิงไป เหลือเพียงสัญญาณเสียงนาไปใชง้ าน ความถ่ี IF ของวิทยุ FM ประกอบดว้ ยความถ่ี 3 ค่า คือ ความถี่ IF ค่าปกติ 10.7 MHz พอดี (ไม่มีสญั ญาณเสียงผสมมา) ความถ่ี IF สูงกว่า 10.7 MHz (มีสัญญาณเสียงช่วงบวกผสมมา) สญั ญาณเสียงผสมมี ความแรงยิ่งมาก ความถี่ IF ยิ่งสูงกว่า 10.7 MHz มากข้ึน ความถี่ IF ต่ากว่า 10.7 MHz (มีสัญญาณเสียงช่วงลบผสมมา) สัญญาณเสียงผสมมีความแรงย่ิงน้อยลง ความถ่ี IF ยิ่งต่ากว่า 10.7 MHz ลงไปอีก การแยกสัญญาณเสียงออกจากความถี่ IF จะตอ้ งมีเฟสสัญญาณแรงดนั ไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าเขา้ มาเกี่ยวขอ้ งในการทางาน ส่วนประกอบวงจรภาคเรโชดีเทกเตอร์ แสดงดงั รูปที่ 6.5 IF4 L7 D4 C21 C22 E2 L6 T3 I2 E21 C23+-E4 R28 E1 I1 L71 C24+-E5 R29 -+C25 L72 E22 +B E3 D5 R30 L8 C26 C27 IF AF 10.7MHz 10.7MHz 10.7MHz 10.7MHz AFT R31 R32 C28 + รูปที่ 6.5 วงจรภาคเรโชดเี ทกเตอร์ จากรูปที่ 6.5 แสดงวงจรภาคเรโชดเี ทกเตอร์ วงจรมีส่วนประกอบหลายชนิด มีหนา้ ท่กี ารทางานแตกตา่ งกนั ดงั น้ี L6, C21 และ L7, C22  วงจรเรโซแนนซ์แบบขนาน ตอบสนองต่อความถี่ IF ที่ 10.7 MHz  75 kHz D4 และ D5  ไดโอดเรโชดีเทกเตอร์ ทาการดีเทกเตอร์สัญญาณความถี่ IF โดย D4 ยอมให้สัญญาณซี กลบผา่ นไป และ D5 ยอมให้สญั ญาณซีกบวกผา่ นไป C23 และ C24 C25  เกบ็ ประจุแรงดนั ไฟฟ้าทีไ่ ดโอด D4, D5 จ่ายออกมา R28 และ R29  เกบ็ ประจแุ ละรกั ษาระดบั แรงดนั ไฟฟ้าทีไ่ ดโอด D4, D5 จ่ายออกมาให้คงท่ี  ตวั ตา้ นทานภาระของวงจร ทาให้เกิดกระแสไฟฟ้าไหลครบวงจร

L8  ขดลวดให้กาเนิดแรงดนั ไฟฟ้า E3 จา่ ยให้วงจร C26  รบั สัญญาณเสียงทจ่ี า่ ยออกมาจากวงจรเรโชดีเทกเตอร์ R30 และ C27  วงจรดีเอมฟาซิส (De - Emphasis) ทาหนา้ ท่ลี ดระดบั ความแรงของเสียงแหลมท่ถี กู ขยาย เพ่ิมข้ึนเป็ นพิเศษมาจากทางด้านเคร่ืองส่งวิทยุ FM ให้ลดต่าลงเข้าสู่สภาวะปกติ เหมือนกบั สญั ญาณเสียงตน้ กาเนิดทสี่ ่งมา R31, R32 และ C28  วงจรกรองสญั ญาณเสียงให้เป็นแรงดนั ไฟฟ้ากระแสตรงซีกบวก และลดระดบั ความแรงให้ เหมาะสมก่อนส่งไปควบคุมการทางานของตวั ไดโอดวาริแคป ในวงจร AFT ของภาคฟ รอ้ นเอนด์ หลกั การทางานของวงจรภาคเรโชดีเทกเตอร์แบ่งออกเป็น 3 ชว่ ง อธิบายไดด้ งั น้ี ช่วงความถ่ี IF ปกติ 10.7 MHz ป้อนเข้ามา (ไมม่ ีสัญญาณเสียงผสม) จ่ายมาตกคร่อมวงจรเรโซแนนซ์ L6 , C21 เกิด การเหน่ียวนาสัญญาณความถ่ี IF ไปให้วงจรเรโซแนนซ์ L7 , C22 เกิดเป็ นแรงดนั ไฟฟ้ากระแสสลบั E2 ตกคร่อม เนื่องจาก ความถี่ IF ที่ป้อนเขา้ มามีค่าความถ่ี 10.7 MHz พอดี วงจรเรโซแนนซ์ L7 , C22 แสดงคุณสมบตั ิของวงจรออกมาเป็ นตัว ต้านทาน (R) ทาให้วงจรเกิดแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ E2และกระแสไฟฟ้ากระแสสลับ I2 พร้อมกนั ขณะกระแสไฟฟ้า กระแสสลบั I2 ไหลผ่าน L7 เกิดแรงดนั ไฟฟ้ากระแสสลบั ตกคร่อม L7เป็ น E21 และ E22 และในเวลาเดียวกนั น้นั ความถี่ IF ที่ ป้อนเขา้ มาถูกป้อนไปให้ L3 ดว้ ยเกิดแรงดนั ไฟฟ้ากระแสสลบั E3 ข้นึ มาดว้ ยพร้อมกนั แรงดนั ไฟฟ้ากระแสสลบั E21 รวมกบั แรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ E3 จ่ายไปให้ไดโอด D4 กาหนดผ่านเฉพาะ สัญญาณแรงดนั ไฟฟ้ากระแสสลบั ซีกลบไปประจุให้ C23 ด้านบนลบดา้ นล่างบวก (E4) และแรงดนั ไฟฟ้ากระแสสลบั E22 รวมกบั แรงดนั ไฟฟ้ากระแสสลบั E3 จ่ายไปให้ไดโอด D5 กาหนดผ่านเฉพาะสัญญาณแรงดนั ไฟฟ้ากระแสสลบั ซีกบวกไป ประจุให้ C24 ดา้ นบนลบดา้ น ล่างบวก (E5) แรงดนั ไฟฟ้าท้งั สองทีถ่ ูกประจุไวใ้ น C23 และ C24 (E4 - E5) จา่ ยมาให้ C26 ประจุ แรงดนั ไฟฟ้าไว้ การทางานของไดโอด D4, D5 และตวั เก็บประจุ C23, C24 ในวงจรเรโชดเี ทกเตอร์ แสดงดงั รูปที่ 6.6 L71 E21 D4 C23+- E4 L72 E22 D5 C24+- E5 L8 E3 ID4 L8 E3 ID5 C26 C26 (ก) การทางานของ D4 และ C23 (ข) การทางานของ D5 และ C24 รูปที่ 6.6 การทางานของไดโอด D4, D5 และตวั เกบ็ ประจุ C23, C24 ในวงจรเรโชดเี ทกเตอร์ แต่เนื่องจากข้วั แรงดนั ไฟฟ้าท่ีจ่ายมาจาก C23 และ C24 (E4 - E5) มีข้วั ตรงขา้ มกนั และมีแรงดนั ไฟฟ้าเท่ากนั จึงเกิด การหักลา้ งกนั หมดไป ไมม่ ีแรงดนั ไฟฟ้าไปประจไุ วใ้ น C26 (E4 - E5 = 0 V) ไมม่ สี ญั ญาณเสียงส่งออกเอาตพ์ ุต แรงดนั ไฟฟ้า และกระแสไฟฟ้าท้งั หมดที่เกิดข้ึนในวงจรเขียนในรูปเฟสเซอร์ แสดงดงั รูปท่ี 6.7

E21 E21 E4 E2 I2 E3 E2 I2 E3 E22 E22 E5 (ก) แรงดนั ไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าทีเ่ กิดข้ึน (ข) เฟสเซอร์แรงดนั ไฟฟ้าท่ีประจุไวใ้ น C23 และ C24 รูปท่ี 6.7 เฟสเซอร์แรงดนั ไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าในวงจรเรโชดีเทกเตอร์ ขณะความถ่ี IF พอดี 10.7 MHz ช่วงความถี่ IF สูงกว่า 10.7 MHz ป้อนเข้ามา (มีสัญญาณเสียงซีกบวกผสม) จ่ายมาตกคร่อมวงจรเรโซแนนซ์ L6, C21 เกิดการเหนี่ยวนาสัญญาณความถ่ี IF ไปให้วงจรเรโซแนนซ์ L7, C22 เกิดเป็ นแรงดนั ไฟฟ้ากระแสสลบั E2 ตกคร่อม เนื่องจากความถี่ IF ท่ีป้อนเขา้ มามีค่า ความถี่สูงกว่า 10.7 MHz วงจรเรโซแนนซ์ L7, C22 แสดงคุณสมบตั ิของวงจรออกมาเป็ นรี แอกแตนซ์ XL ทาให้วงจรเกิดแรงดนั ไฟฟ้ากระแสสลบั E2 ก่อนเกิดกระแสไฟฟ้ากระแสสลับ I2 เมื่อ I2 เกิดช้า ทาให้เกิด แรงดนั ไฟฟ้ากระแสสลบั E21 และ E22 เกิดชา้ ตามไปดว้ ย แต่ยงั คงมีเฟสแตกต่างกนั ระหว่าง I2 กบั E21 และ E22 เป็ นมุม 90o เช่นเดิม และในเวลาเดียวกันน้ันความถี่ IF ที่ป้อนเข้ามาถูกป้อนไปให้ L3 ด้วยเกิดแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ E3 ข้ึนมา เหมือนเดมิ แรงดนั ไฟฟ้ากระแสสลบั E21 รวมกบั E3 จา่ ยไปใหไ้ ดโอด D4 กาหนดผา่ นแรงดนั ไฟฟ้ากระแสสลบั ซีกลบไปประจุ ให้ C23 ดา้ นบนลบดา้ นล่างบวก (E4) และแรงดนั ไฟฟ้ากระแสสลบั E22 รวมกบั E3 จา่ ยไปใหไ้ ดโอด D5 กาหนดผา่ นแรงดนั ไฟฟ้า กระแสสลบั ซีกบวกไปประจุให้ C24 ดา้ น บนลบดา้ นล่างบวก (E5) แรงดนั ไฟฟ้าท้งั สองทถี่ กู ประจุไวใ้ น C23 และ C24 (E4 - E5) จ่ายมาให้ C26 ประจุแรงดนั ไฟฟ้าไว้ เน่ืองจากแรงดันไฟฟ้าท่ีจ่ายมาจาก C23 มากกว่า C24 (E4 - E5) เกิดการหักกนั เหลือ แรงดนั ไฟฟ้าบวกไปประจุไวใ้ น C26 (E4 - E5 = เสียงซีกบวก) ไดส้ ัญญาณเสียงซีกบวก (+) ส่งออกเอาตพ์ ุต แรงดนั ไฟฟ้าและ กระแสไฟฟ้าท้งั หมดทเ่ี กิดข้ึนเขียนในรูปเฟสเซอร์ แสดงดงั รูปท่ี 6.8 (ก)

E21 E4 E21 E4 E2 I2 E3 E2 E3 I2 E22 E5 E22 E5 (ก) ความถี่ IF สูงกว่า 10.7 MHz (เสียงซีกบวกผสม) (ข) ความถ่ี IF ต่ากว่า 10.7 MHz (เสียงซีกลบผสม) รูปท่ี 6.8 เฟสเซอร์แรงดนั ไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าในวงจรเรโชดีเทกเตอร์ ช่วงความถี่ IF ต่ากว่า 10.7 MHz ป้อนเข้ามา (มีสัญญาณเสียงซีกลบผสม) จ่ายมาตกคร่อมวงจรเรโซแนนซ์ L6, C21 เกิดการเหนี่ยวนาสัญญาณความถี่ IF ไปให้วงจรเรโซแนนซ์ L7, C22 เกิดเป็ นแรงดนั ไฟฟ้ากระแสสลบั E2 ตกคร่อม เน่ืองจากความถ่ี IF ที่ป้อนเขา้ มามีค่า ความถ่ีต่ากว่า 10.7 MHz วงจรเรโซแนนซ์ L7, C22 แสดงคุณสมบตั ิของวงจรออกมาเป็ นรี แอกแตนซ์ XC ทาให้วงจรเกิดกระแสไฟฟ้ากระแสสลบั I2 ก่อนเกิดแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ E2เม่ือ I2 เกิดเร็ว ทาให้เกิด แรงดนั ไฟฟ้ากระแสสลบั E21 และ E22 เกิดเร็วตามไปด้วย แต่ยงั คงมีเฟสแตกต่างกนั ระหวา่ ง I2 กบั E21 และ E22 เป็ นมุม 90o เช่นเดิม และในเวลาเดียวกันน้ันความถ่ี IF ท่ีป้อนเขา้ มาถูกป้อนไปให้ L3 ด้วยเกิดแรงดันไฟฟ้ากระแสสลบั E3 ข้ึนมา เหมือนเดิม แรงดนั ไฟฟ้ากระแสสลบั E21 รวมกบั E3 จ่ายไปให้ไดโอด D4 กาหนดผ่านแรงดนั ไฟฟ้ากระแสสลบั ซีกลบไปประจุ ให้ C23 ดา้ นบนลบดา้ นล่างบวก (E4) และแรงดนั ไฟฟ้ากระแสสลบั E22 รวมกบั E3 จ่ายไปให้ไดโอด D5 กาหนดผ่านแรงดนั ไฟฟ้า กระแสสลบั ซีกบวกไปประจุให้ C24 ดา้ น บนลบดา้ นล่างบวก (E5) แรงดนั ไฟฟ้าท้งั สองท่ถี ูกประจุไวใ้ น C23 และ C24 (E4 - E5) จ่ายมาให้ C26 ประจุแรงดนั ไฟฟ้าไว้ เนื่องจากแรงดนั ไฟฟ้าท่ีจ่ายมาจาก C24 มากกว่า C23 (E4 - E5) เกิดการหักกนั เหลือ แรงดนั ไฟฟ้าลบไปประจุไวใ้ น C26 (E4 - E5 = เสียงซีกลบ) ไดส้ ัญญาณเสียง ซีกลบ (-) ส่งออกเอาตพ์ ุต แรงดนั ไฟฟ้าและ กระแสไฟฟ้าท้งั หมดท่ีเกิดข้ึนเขียนในรูปเฟสเซอร์ แสดงดงั รูปที่ 6.8 (ข) สัญญาณเสียงที่ไดอ้ อกมาจะถูกส่งไปยงั ภาคขยายเสียงต่อไป เพ่ือให้มีความดงั เสียงมากพอท่ีจะขบั ลาโพงให้เกิด เสียงออกมา ภาคขยายเสียงทีใ่ ชง้ านสามารถใชร้ ่วมกบั ภาคขยายเสียงของเคร่ืองรับวิทยุ AM หรือต่อไปเขา้ เคร่ืองขยายเสียง ท่สี รา้ งข้ึนมาใชง้ านโดยเฉพาะก็ได้ 6.5 เครื่องรบั วทิ ยุ FM แบบซเู ปอรเ์ ฮทชนดิ ใช้ IC เครื่องรับวิทยุ FM แบบซูเปอร์เฮท ไดร้ ับการพฒั นาวงจรและโครงสรา้ งวงจรเรื่อยมา เพอ่ื ใหว้ งจรง่ายตอ่ การสร้างและ การใช้งาน โดยสร้างวงจรรวมไวใ้ นรูป IC ช่วยทาให้เคร่ืองรับวิทยุ FM แบบซูเปอร์เฮทมีขนาดเล็กลง การสร้างและการ

ประกอบวงจรใช้งานทาได้ง่ายข้ึน โดยรวมวงจรภาคต่างๆ สร้างไวใ้ นตวั IC ท้งั หมด เครื่องรับวิทยุ FM ชนิดใช้ IC มีเบอร์ท่ี ถูกผลิตข้ึนมาใชง้ านหลายเบอร์แตกตา่ งกนั ไป 6.5.1 เครื่องรับวทิ ยุ FM ชนิดใช้ IC เบอร์ TDA 7000 IC เบอร์ TDA 7000 เป็น IC ชนิด 18 ขา ทาหน้าท่ีเป็นเคร่ืองรับวิทยุ FM สร้างวงจรทางานภาคต่างๆ ไว้ ในตัว IC ประกอบด้วยภาคมิกเซอร์ ภาคโลคอลออสซิลเลเตอร์ ภาค ขยาย IF ภาคดีมอดูเลเตอร์ ภาค AFT (AFC) และ ภาคขยายเบ้ืองตน้ ทาให้สามารถสร้างเครื่องรับวิทยุ FM ได้ด้วย IC เพียงตัวเดียว โดยต่อเพ่ิมอุปกรณ์ประกอบ R, L, C ภายนอกอีกบางส่วน จะสามารถรบั สัญญาณสถานีวิทยุ FM ในย่านความถี่ 88 - 108 MHz ได้ ถา้ ตอ้ งความดงั สัญญาณ เสียงมาก ข้ึน นาสัญญาณเสียงไปตอ่ เขา้ วงจรขยายต่อไป โครงสร้างภายในตวั IC เบอร์ TDA 7000 แสดงดงั รูปท่ี 6.9 7 8 9 10 11 12 15 17 4 1 AF 2 13 IF1 IF2 IF 14 TDA 7000 6 +VP 5 16 3 18 (ก) โครงสร้างภายใน (ข) รูปร่าง รูปท่ี 6.9 ตวั IC เบอร์ TDA 7000 จากรูปที่ 6.9 แสดงโครงสร้างภายในตวั IC เบอร์ TDA 7000 เป็น IC ชนิด 18 ขา ใช้ระบบการทางานแบบ ฟรีเควนซีล็อกลูป (Frequency Locked Loop ; FLL) ใช้ความถี่ IF ที่ค่า 70 kHz การกาหนดเลือกความถี่ IF ผ่านโดยใช้วงจร RC ฟิ ลเตอร์แบบมีการขยาย ส่วนของวงจรท่ีตอ้ งมีการปรับแต่งให้วงจรเกิดการตอบสนอง อยู่ที่วงจรออสซิลเลเตอร์เท่าน้ัน เลือกความถี่สถานีวิทยุ FM ท่ีตอ้ งการรับ ภายในมวี งจรกาจดั เสียงรบกวนหรือเสียงซ่า (Noise) ในขณะทีไ่ มส่ ามารถรบั สัญญาณ สถานีวิทยุ FM ได้จะมีวงจรควบคุมเสียงเงียบ (Mute Control Circuit) ควบคุมให้ไม่มีสัญญาณรบกวนหรือเสียงซ่าส่งออกมา นอกจากน้นั ยงั มีวงจรขยายเสียงเบ้ืองตน้ รวมอย่ดู ้วย ช่วยขยายสัญญาณเสียงให้มีความแรงมากข้ึนระดบั หน่ึง ก่อนส่งออก เอาตพ์ ตุ ไป ตวั IC ใชแ้ รงดนั ไฟฟ้ากระแสตรงอยู่ในชว่ ง 2.7 - 10 V เทา่ น้นั สามารถรับความถ่ีวิทยุไดอ้ ยู่ในย่าน 1.5 - 110 MHz ครอบคลมุ ย่านความถ่วี ิทยุ FM วงจรเคร่ืองรับวทิ ยุ FM ใชต้ วั IC เบอร์ TDA 7000 ประกอบวงจร แสดงดงั รูปท่ี 6.10

100C1n5F 4C71p4 F +6V 12L022S.W.G.6 . . 2C2018 pF 3C3017 pF 1C0016 nF 150C1p3F 3.C31n2F 3C3101 pF 18 17 16 15 14 13 12 11 10 TDA 7000 1234 5 6789 15C01 nF 22Cn3 F 10C5nF 180Cp8F 3.C3 9nF C7 = 330 pF C2 R1 470C4nF C6 = 10 nF 3L1 6 . . VC1 TC1 2C21p0 F 2.2 nF 22 kW 22 S.W.G. 25 pF 15 pF LO รูปท่ี 6.10 วงจรเครื่องรับวิทยุ FM ใช้ตวั IC เบอร์ TDA 7000 จากรูปที่ 6.10 แสดงวงจรเคร่ืองรับวิทยุ FM ใช้ตวั IC เบอร์ TDA 7000 เพียงตวั เดียวสามารถรับสัญญาณ ความถี่วทิ ยุกระจายเสียง FM ยา่ น 88 - 108 MHz ไดส้ ัญญาณเสียงที่ส่งกระจายเสียงออกมา การทางานของวงจร อธิบายได้ ดงั น้ี ความถีว่ ทิ ยุกระจายเสียง FM ยา่ น 88 - 108 MHz ถกู ส่งเขา้ มาที่สายอากาศรับสัญญาณ ผา่ น C14 จ่ายไปให้ ขา 13 โดยมีชุดเรโซแนนซ์ C14, C15 และ L2 กาหนดความถีว่ ทิ ยุ FM ยา่ น 88 - 108 MHz ผ่านไปเขา้ ขา 13 และขา 14 ส่งไปให้ ภาคมิกเซอร์ การกาหนดค่าความถ่ี เรโซแนนซ์ของสถานีวิทยุท่ตี อ้ งการรับสถานีใด ถูกกาหนดดว้ ยชุดจูน LO ประกอบด้วย L1, VC1, TC1, C7 และ C10 ส่งเขา้ ขา 5 และขา 6 ไปให้ภาคโลคอลออสซิลเลเตอร์กาเนิดความถี่ข้ึนมา ส่ง ไปให้ภาคมิกเซอร์ ภาคมิกเซอร์ผสมความถี่ RF กบั ความถี่ LO เขา้ ด้วยกนั ส่งผ่านไปภาคกรองและขยาย IF กาหนดผ่านเฉพาะความถี่ IF = 70 kHz ส่งต่อไปภาค IF ลิมิเตอร์กาหนดความแรงความถ่ี IF ใหค้ งที่กาจดั ความแรงสญั ญาณส่วนเกินทิ้งไป ส่งต่อไปภาคดีมอดูเล เตอร์เปลี่ยนความถี่ IF ให้กลบั คืนมาเป็นสัญญาณเสียง ส่งต่อไปภาคลูปฟิ ลเตอร์ที่มีตวั C5 ที่ขา 4 ช่วยให้ได้สัญญาณ เสียงที่ สมบรู ณส์ ่งไปเป็นแรงดนั ไฟฟ้า AFT ควบคมุ ภาคโลคอลออสซิลเลเตอร์ ใหก้ าเนิดความถี่ข้นึ มาถกู ตอ้ ง และส่งสญั ญาณเสียง ไปให้ภาคมิวติงควบคุมการส่งผ่านสัญญาณเสียงไปให้ภาค ขยายเสียง ภาคมิวติงจะถูกควบคุมการส่งผ่านสัญญาณเสียงไป ภาคขยายเสียง ดว้ ยภาคนอยส์ซอร์ส ควบคุมให้ไม่มีสัญญาณรบกวนหรือเสียงซ่าส่งไปภาคขยายเสียง ในขณะท่ีไม่สามารถรับ สัญญาณสถานีวิทยุ FM ได้ ภาคมิวติงจะช่วยกาจดั สัญญาณรบกวนหรือเสียงซ่าให้หมดไป สัญญาณเสียงส่งออกท่ีขา 2 ผ่าน ให้วงจรดเี อมฟาซิส R1, C2 ลดระดบั ความแรงเสียงแหลมทถี่ กู ขยายเพ่ิมข้นึ เป็ นพิเศษมาจากดา้ นเคร่ืองส่งวิทยกุ ระจายเสียง FM ให้ลดต่าลงเขา้ สู่สภาวะปกติ ผ่าน C4 ไป

6.5.2 เครื่องรับวิทยุ FM ชนิดใช้ IC เบอร์ TDA 7021T IC เบอร์ TDA 7021T เป็น IC ชนิด 16 ขา ทาหน้าที่เป็นเครื่องรับวิทยุ FM สร้างวงจรทางานภาคต่างๆ ไว้ ในตัว IC ประกอบด้วยภาคมิกเซอร์ ภาคโลคอลออสซิลเลเตอร์ ภาคกรองและขยาย IF ภาคดีมอดูเลเตอร์ ภาคมิวติง และ ภาคขยายเบ้อื งตน้ ทาให้สามารถสร้างเครื่องรับวิทยุ FM ไดด้ ว้ ย IC เพียงตวั เดียว โดยต่อเพิ่มอุปกรณ์ประกอบ R, L, C ภายนอก อีกบางส่วน ก็สามารถรับสัญญาณสถานีวิทยุ FM ย่านความถี่ 88 - 108 MHz ได้ โครงสร้างภายในตวั IC เบอร์ TDA 7021T แสดงดงั รูปท่ี 6.11 () 1 11 10 8 7 6 9 12 IF IF IF 13 5 TDA 7021T 2 (V4P) 3 14 15 16 (GND) (AF) (ก) โครงสร้างภายใน (ข) รูปร่าง รูปท่ี 6.11 ตวั IC เบอร์ TDA 7021T จากรูปท่ี 6.11 แสดงโครงสรา้ งภายในตวั IC เบอร์ TDA 7021T เป็น IC ชนิด 16 ขา ใชง้ านกบั แรงดนั ไฟฟ้า ต่า เป็นระบบการปรับจูนขนาดเล็ก (Micro Tuning System ; MTS) ใชร้ ะบบการทางานแบบฟรีเควนซีล็อกลูป (FLL) ใช้ ความถี่ IF ที่ค่า 76 kHz การกาหนดเลือกความถ่ี IF ผ่านโดยใชว้ งจร RC ฟิ ลเตอร์แบบมีการขยาย ส่วนของวงจรท่ีตอ้ งมีการ ปรับแต่งให้วงจรเกิดการตอบสนอง อยู่ท่ีวงจรออสซิลเลเตอร์เท่าน้นั เลือกความถี่สถานีวิทยุ FM ที่ตอ้ งการรับ ภายในมี วงจรกาจดั เสียงรบกวนหรือเสียงซ่า ในขณะท่ไี ม่สามารถรับสญั ญาณสถานีวิทยุ FM ไดจ้ ะมวี งจรควบคุมเสียงเงียบควบคุมให้ไม่ มีสัญญาณเสียงซ่าส่งออกมา นอกจากน้ันยงั มีวงจรขยายเสียงเบ้ืองตน้ รวมอยูด่ ว้ ย ช่วยขยายสญั ญาณเสียงให้มีความแรงมากข้นึ ระดบั หน่ึง ก่อนส่งออกเอาตพ์ ตุ ไป ตวั IC ใชแ้ รงดนั ไฟฟ้ากระแสตรงอยู่ในชว่ ง 1.8 - 6 V เท่าน้นั สามารถรับความถ่วี ิทยุได้ อยู่ในย่าน 1.5 - 110 MHz ครอบคลุมยา่ นความถี่วทิ ยุ FM วงจรเครื่องรับวทิ ยุ FM ใชต้ วั IC เบอร์ TDA 7021T ประกอบวงจร แสดงดงั รูปที่ 6.12

R2 C7 R1 10 kW C10 C8 100 nF 8.2 kW C13 C12 C9 100 nF 3.3 nF C11 220 pF 68 pF 1.5 n1F0 14 47 mF 13 12 11 16 15 9 TDA 7021T 12 3 C3 4 5 6 7 C6 8 10Cn1F 100Cn2F 10 nF L1 40VCpF1 10C04 nF 820 pF +3V 56 nH C5 1.5 nF รูปท่ี 6.12 วงจรเคร่ืองรับวทิ ยุ FM ใชต้ วั IC เบอร์ TDA 7021T จากรูปที่ 6.12 แสดงวงจรเคร่ืองรับวิทยุ FM ใช้ตวั IC เบอร์ TDA 7021T เพียงตวั เดียวสามารถรับ สัญญาณความถ่ีวิทยุกระจายเสียง FM ย่าน 88 - 108 MHz ไดส้ ัญญาณเสียงที่ส่งกระจายเสียงออกมา การทางานของวงจร อธิบายไดด้ งั น้ี ความถี่วทิ ยุกระจายเสียง FM ยา่ น 88 - 108 MHz ถกู ส่งเขา้ มาท่สี ายอากาศรับสญั ญาณ ผ่าน C9 จ่ายไปใหข้ า 12 โดยมชี ุดกรองผา่ นความถ่ี RF ยา่ น FM อยภู่ ายในร่วมกบั C10 ทีข่ า 13 กาหนดความถีว่ ทิ ยุ FM ย่าน 88 - 108 MHz ผา่ นเขา้ ไป ให้ภาคมิกเซอร์ การกาหนดค่า ความถี่เรโซแนนซ์ของสถานีวิทยุที่ต้องการรับสถานีใด ถูกกาหนดด้วยชุดจูน LO ประกอบดว้ ย L1 และ VC1 ส่งเขา้ ขา 4 และขา 5 ไปใหภ้ าคโลคอลออสซิลเลเตอร์กาเนิดความถ่ีข้นึ มา ส่งไปให้ภาคมิกเซอร์ ภาคมิกเซอร์ผสมความถี่ RF กบั ความถ่ี LO เขา้ ด้วยกนั ส่งผ่านไปภาคกรองและขยาย IF กาหนดผ่านเฉพาะความถี่ IF = 76 kHz ส่งต่อไปภาค IF ลิมิเตอร์กาหนดความแรงความถี่ IF ให้คงทีก่ าจดั ความแรงสัญญาณส่วนเกินทิ้งไป ส่งตอ่ ไปภาคดีมอดูเล เตอร์เปลี่ยนความถ่ี IF ให้กลบั คืนมาเป็ นสัญญาณเสียง ส่งต่อไปภาคคอร์รีเลเตอร์ (Correlator) กาหนดสัญญาณเสียงท่ีค่า ถูกตอ้ งมีสัญญาณเสียงต่อสัญญาณรบกวน (Signal to Noise Ratio ; SNR) ดีท่ีสุดผ่านไปเท่าน้ัน สัญญาณเสียงที่สมบูรณ์ส่งไป เป็นแรงดนั ไฟฟ้า AFT ควบคุมภาคโลคอลออสซิลเลเตอร์ ให้กาเนิดความถี่ข้ึนมาถูกตอ้ ง และส่งสัญญาณเสียงไปให้ภาคมิ วตงิ ควบคมุ การส่งผ่านสญั ญาณเสียงไปให้ภาคขยายเสียง ภาคมิวตงิ จะถูกควบคุมการส่งผ่านสัญญาณเสียงไปภาคขยายเสียง ควบคมุ ใหไ้ มม่ สี ัญญาณรบกวนหรือเสียงซ่าส่งไปภาคขยายเสียง ในขณะท่ไี มส่ ามารถรับสัญญาณสถานีวิทยุ FM ได้ ภาคมิวติง จะชว่ ยกาจดั สัญญาณรบกวนหรือเสียงซ่าให้หมดไป ในช่วงจงั หวะน้ีเครื่องรับวิทยุจะเงียบ สญั ญาณเสียงท่ีรับไดจ้ ะถูกขยาย เบ้ืองตน้ ส่งออกทข่ี า 14 ผา่ น C11 ไปตกคร่อม R2 เป็นสญั ญาณเสียงส่งออกไปภาคขยายเสียงต่อไป ขา 9 เป็ นสัญญาณ IF ท่ีส่งออกมาจากภาค IF ลิมิเตอร์ในตวั IC ผ่านไป R1 และ C7 กรองผ่านไป ส่งไป แสดงผลสัญญาณสถานีวทิ ยทุ ่ีรบั ไดต้ ่อไป 6.5.3 เครื่องรับวิทยุ FM ชนดิ ใช้ IC เบอร์ TDA 7088T

IC เบอร์ TDA 7088T เป็น IC ชนิด 16 ขา ทาหนา้ ท่ีเป็นเคร่ืองรบั วิทยุ FM สร้างวงจรทางานภาคต่างๆ ไว้ ในตวั IC ประกอบดว้ ยภาคมกิ เซอร์ ภาคโลคอลออสซิลเลเตอร์ ภาค ขยาย IF ภาคดมี อดูเลเตอร์ ภาค AFT (AFC) ภาคขยาย เบ้อื งตน้ และเพิ่มภาคปรบั คน้ หาคลนื่ ความถีว่ ิทยุโดยอตั โนมตั ิ (Automatic Scan Radio) ทาให้สามารถสร้างเคร่ืองรับวิทยุ FM ได้ด้วย IC เพียงตัวเดียว โดยต่อเพิ่มอุปกรณ์ประกอบ R, L, C และไดโอด จากภายนอกอีกบางส่วน จะสามารถรับ สญั ญาณสถานีวทิ ยุ FM ในยา่ นความถี่ 88 - 108 MHz เขา้ มา ผ่านภาคทางานต่างๆ จนไดส้ ัญญาณเสียงแต่ละสถานีออกมา สามารถนาสัญญาณเสียงไปต่อผ่านเขา้ วงจรขยายเสียงต่อไปได้ โครงสร้างภายในตวั IC เบอร์ TDA 7088T แสดงดงั รูปท่ี 6.13 (IFFB) 6 (CLP1)7 (VoIF)8 (ViIF) 9 10(CLP2) 13 (CLIM) 15 (CAP) (V1iR1F) (V1iR2F) IF1 IF IF2 IF (OS5C) TDA 7088T (V4P) (GND)14 (TUNE)16 (MUTE)1 2 (VoAF) 3 (LOOP) (ก) โครงสร้างภายใน (ข) รูปร่าง รูปที่ 6.13 ตวั IC เบอร์ TDA 7088T จากรูปที่ 6.13 แสดงโครงสร้างภายในตวั IC เบอร์ TDA 7088T เป็น IC ชนิด 16 ขา ใชก้ บั แรงดนั ไฟฟ้า ชนิดสองข้วั สาหรับการใชง้ านเป็นวิทยุขนาดเล็กแบบพกพาระบบโมโน มีชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่อพ่วงน้อยชิ้น (มีขนาดเล็กและ คา่ ใชจ้ า่ ยต่า) เป็นส่วนสาคญั ขาตา่ งๆ ของตวั IC ทาหนา้ ที่แตกตา่ งกนั แสดงรายละเอยี ดดงั ตารางท่ี 6.1 ตารางท่ี 6.1 รายละเอยี ดการตอ่ ใชง้ านขาตา่ งๆ ของตวั IC เบอร์ TDA 7088T ตวั ย่อ ขา การใช้งาน MUTE 1 สญั ญาณเงียบจ่ายออกเอาตพ์ ุต VoAF 2 สัญญาณความถ่ีเสียงจา่ ยออกเอาตพ์ ตุ LOOP 3 ลปู ฟิลเตอร์สญั ญาณเสียง VP 4 รับแรงดนั ไฟฟ้ากระแสตรงคา่ บวก (+ VDC) OSC 5 วงจรกาเนิดความถเี่ รโซแนนซ์ IFFB 6 ป้อนกลบั ความถี่ IF CLP1 7 ตวั เกบ็ ประจุกรองความถีต่ ่าผา่ นของอตั ราขยาย 1 dB

ตวั ย่อ ขา การใช้งาน VoIF 8 ความถี่ IF ออกเอาตพ์ ตุ ตอ่ ไปภายนอกให้ตวั เก็บประจุส่งผา่ น (ความถ่ีสูงผ่าน) ViIF 9 ความถ่ี IF ป้อนเขา้ ไปยงั วงจรจากดั อตั ราขยาย CLP2 10 ตวั เกบ็ ประจกุ รองความถี่ต่าผ่านของวงจรจากดั การขยายความถ่ี IF ViRF 11 อนิ พุตความถี่วทิ ยุ ViRF 12 อนิ พุตความถว่ี ิทยุ CLIM 13 ตวั เกบ็ ประจุจากดั แรงดนั ไฟฟ้าออฟเซต็ GND 14 กราวด์ CAP 15 ตวั เก็บประจกุ รองผ่านท้งั หมด / ข้วั อินพตุ สาหรับการจนู โดยอตั โนมตั ิ TUNE 16 การจนู ดว้ ยไฟฟ้า / เอาตพ์ ตุ AFC ภายในวงจร IC ใชร้ ะบบการทางานแบบฟรีเควนซีล็อกลปู (FLL) ใชค้ วามถ่ี IF ทค่ี ่า 70 kHz การกาหนด เลือกความถี่ IF ผ่านโดยใช้วงจร RC ฟิ ลเตอร์แบบมีการขยาย ตวั IC สามารถต่อเพ่ิมวงจรคน้ หาคลื่นสถานีวิทยุ FM โดย อตั โนมตั ิ จากความถี่ต่าไปหาความถี่สูง และมสี วติ ช์รีเซต (Reset Switch) เพ่อื เริ่มคน้ หาสถานีวทิ ยุ FM ใหมจ่ ากความถตี่ า่ ไป หาความถ่ีสูง ในขณะที่ไม่สามารถรับสัญญาณสถานีวิทยุ FM ได้จะมีวงจรควบคุมเสียงเงียบ ควบคุมให้ไม่มีสัญญาณ รบกวนหรือเสียงซ่าส่งออกมา นอกจากน้นั ยงั มวี งจรขยายเสียงเบ้อื งตน้ รวมอยู่ดว้ ย ชว่ ยขยายสญั ญาณเสียงให้มคี วามแรงมาก ข้นึ ระดบั หน่ึง ตวั IC ใชแ้ รงดนั ไฟฟ้ากระแสตรงคา่ ต่าอยู่ในชว่ ง 1.8 - 5 V และใชก้ ระแสไฟฟ้ากระแสตรงค่าต่าอยู่ในชว่ ง 4.2 - 6.6 mA เทา่ น้นั สามารถรบั ความถวี่ ิทยุไดอ้ ยู่ในยา่ น 0.5 - 110 MHz ครอบคลุมย่านความถวี่ ิทยุ FM วงจรเคร่ืองรบั วทิ ยุ FM ใช้ ตวั IC เบอร์ TDA 7088T ประกอบวงจร แสดงดงั รูปท่ี 6.14 R3 C11 C10 10 kW 68 pF 82 pF C12 70 nH 62L22 S.W.G6. . . +3V 220 pF 1C0015nF S2 4C7014nF S1 10C013nF C9 R S 330 pF 16 15 14 13 12 11 10 9 R2 TDA 7088T 5.6 kW 12 34 5 6 C5 7 8 C8 C1 1.5Cn2F R1 78 nH 4L1 3.3 nF C6 3.9 nF 100 nF 22 kW 3C33nF 6 .. 180 pF 22 S.W.G. C4 BDB1 910 680 pF C7 10 nF รูปท่ี 6.14 วงจรเคร่ืองรับวทิ ยุ FM ใช้ตวั IC เบอร์ TDA 7088T

จากรูปท่ี 6.14 แสดงวงจรเครื่องรับวิทยุ FM ใช้ตวั IC เบอร์ TDA 7088T เพียงตวั เดียวสามารถรับ สัญญาณความถ่ีวิทยุกระจายเสียง FM ย่าน 88 - 108 MHz ได้สัญญาณเสียงที่ส่งกระจายเสียงออกมา การทางานของวงจร อธิบายไดด้ งั น้ี ความถี่วิทยุกระจายเสียง FM ย่าน 88 - 108 MHz ถูกส่งเขา้ มาที่สายอากาศรับสญั ญาณผ่านชุดเรโซแนนซ์ L2, C10, C11,C12 และ R3 กาหนดความถวี่ ทิ ยุ FM ย่าน 88 - 108 MHz ผา่ นไปเขา้ ขา 11 และขา 12 ส่งไปให้ภาคมกิ เซอร์ การกาหนด คา่ ความถ่เี รโซแนนซ์ของสถานีวิทยุทต่ี อ้ งการรับสถานีใด ถูกกาหนดดว้ ยชุดจูน LO ประกอบดว้ ย L1, C4 และ D1 โดยถกู จูน หาสถานีแบบอตั โนมตั ิมาจากสวิตช์กด S1 กวาดหาคล่ืน (Scan ; S) กดและปล่อยจะมีแรงดนั ไฟฟ้ากระแสตรงค่าบวกจ่าย เขา้ ขา 15 ไปควบคุมภาคจนู คน้ หาคลืน่ จา่ ยออกขา 16 ไปให้ C15 ประจุแรงดนั ไฟฟ้าเพิ่มข้ึน แรงดนั ไฟฟ้ากระแสตรงคา่ น้ีจ่าย ผา่ น R2 ไปให้ไดโอดวาริแคป D1 มีผลทาให้คา่ ความจใุ นตวั D1 ลดลง ความถี่ของภาคโลคอลออสซิลเลเตอร์เพิ่มข้ึน เป็นวงจร กาเนิดความถ่ดี ว้ ยการควบคมุ แรงดนั ไฟฟ้า (Voltage Control Oscillator ; VCO) ความถี่จากภาคโลคอลออสซิลเลเตอร์ และความถ่ีวิทยุกระจายเสียง FM ย่าน 88 - 108 MHz ถูกส่งเขา้ ภาคมิกเซอร์ผสมความถี่ RF กบั ความถ่ี LO เขา้ ด้วยกนั ส่งผ่านไปภาคกรองและขยาย IF กาหนดผ่านเฉพาะความถี่ IF = 70 kHz ส่งต่อไปให้ภาค IF ลิมเิ ตอร์กาหนดความแรงความถ่ี IF ใหค้ งทก่ี าจดั ความแรงสัญญาณส่วนเกินท้งิ ไป ส่งต่อไปภาคดี มอดูเลเตอร์เปล่ียนความถ่ี IF ให้กลบั คนื มาเป็นสัญญาณเสียง ส่งต่อไปภาคลปู ฟิลเตอร์ท่ีมีตวั C3 ท่ีขา 3 ชว่ ยใหไ้ ดส้ ัญญาณเสียง ที่สมบูรณ์ส่งไปเป็นแรงดนั ไฟฟ้า AFT ควบคุมภาคโลคอลออสซิลเลเตอร์ให้กาเนิดความถขี่ ้ึนมาถูกตอ้ ง หยุดการเปล่ียนแปลง ความถี่ และส่งสัญญาณเสียงไปให้ภาคขยายเสียงส่งต่อไปภาคมิวติงควบคุมหรือส่งผ่านสัญญาณเสียงออกเอาตพ์ ุตขา 2 โดย ภาคมวิ ติงจะควบคมุ ไม่ให้มสี ัญญาณรบกวนหรือเสียงซ่าส่งออกไป ในขณะที่ไมส่ ามารถรับสญั ญาณสถานีวิทยุ FM ได้ ภาคมิ วตงิ จะชว่ ยกาจดั สัญญาณรบกวนหรือเสียงซ่าให้หมดไป สัญญาณเสียงส่งออกท่ีขา 2 ผา่ นไปวงจรดีเอมฟาซิส R1, C2 ลดระดบั ความแรงเสียงแหลมทีถ่ ูกขยายเพ่มิ ข้ึนเป็นพิเศษมาจากดา้ นเครื่องส่งวทิ ยกุ ระจายเสียง FM ใหล้ ดต่าลงเขา้ สู่สภาวะปกติ เมื่อภาคโลคอลออสซิลเลเตอร์หยุดการเปล่ียนแปลงความถ่ี แรงดนั ไฟฟ้ากระแสตรงท่ีขา 16 หยุดการ เปล่ียนแปลงไปดว้ ย การหาสถานีวทิ ยุกระจายเสียง FM สถานีต่อไป โดยการกดและปล่อยสวิตช์ S1 อีกคร้ัง เครื่องรับวทิ ยุ FM จะกวาดหาคล่ืนความถ่ีวิทยโุ ดยอตั โนมตั ิ หรือ AFT สถานีต่อไป นน่ั คอื ตวั C15 ประจุแรงดนั ไฟฟ้าเพ่ิมข้ึน ควบคุมให้ตวั D1 ลดค่าความจุลงไปอีก ความถ่ีของภาคโลคอลออสซิลเลเตอร์เพิ่มมากข้ึนไปอีก ทาการคน้ หาความถี่สถานีวิทยุ กระจาย เสียง FM สถานีตอ่ ไป เป็นเช่นน้ีเรื่อยไป ป่ ุมสวิตช์ S2 เป็ นป่ ุมสวิตช์ปรับต้งั ใหม่ หรือรีเซต (Reset ; R) เมื่อกดสวิตช์ S2 ทาให้ตวั C15 คายประจุ แรงดนั ไฟฟ้าออกจนหมด เป็นการปรับเคร่ืองรับวทิ ยุ FM ไปเร่ิมตน้ รบั สัญญาณสถานีวิทยกุ ระจายเสียง FM สถานีตา่ สุด 88 MHz อกี คร้ัง สญั ญาณเสียงทไี่ ดอ้ อกมาจะถกู ส่งไปยงั ภาคขยายเสียงต่อไป เพือ่ ใหม้ คี วามดงั เสียงมากพอทีจ่ ะขบั ลาโพง ให้เกิดเสียงออกมา ภาคขยายเสียงท่ีใช้งานสามารถใช้ร่วมกบั ภาค ขยายเสียงของเคร่ืองรบั วิทยุ AM หรือต่อไปเขา้ เคร่ือง ขยายเสียงทีส่ รา้ งข้ึนมาใชใ้ นการขยายสญั ญาณเสียงจากแหลง่ กาเนิดเสียงต่างๆ โดยเฉพาะกไ็ ด้ 6.6 บทสรปุ เคร่ืองรับวิทยุ FM แบบซูเปอร์เฮท เป็นระบบของเคร่ืองรับวิทยกุ ระจายเสียงถูกนาไปใช้ในเครื่องรับวิทยุ FM โดย การทาความถ่ีสถานีวิทยุที่รับได้ทุกสถานีให้เป็นความถี่ปานกลาง (IF) ก่อนนาไปใช้งาน ตามมาตรฐานของ FCC ใชย้ ่าน ความถวี่ ิทยุกระจายเสียง FM อยใู่ นช่วงประมาณ 88 - 108 MHz แต่ละสถานีวทิ ยุมีแถบกวา้ งความถี่ 1 สถานี 200 kHz ใชค้ วามถ่ี IF คา่ 10.7 MHz เป็นมาตรฐานทกุ สถานีวิทยุทรี่ ับเขา้ มา เครื่องรบั วิทยุ FM ประกอบดว้ ยภาคการทางาน ดงั น้ี

สายอากาศ ทาหนา้ ทีร่ บั สัญญาณคล่นื วทิ ยกุ ระจายเสียงในระบบ FM ทุกสถานีในยา่ นความถี่ 88 - 108 MHz เขา้ มา เป็นส่วนที่จาเป็นมากสาหรบั เคร่ืองรบั วทิ ยุ FM เพราะจะชว่ ยให้การรับคลนื่ ทาไดด้ ที ุกสถานี ภาคเลือกและขยาย RF (RF) ทาหน้าท่ีรับสัญญาณความถวี่ ิทยุ FM สถานีใดสถานีหน่ึงเขา้ มา ดว้ ยวงจรปรับเลือก ความถี่วิทยุ มาทาการขยายสญั ญาณวิทยุให้แรงมากข้ึน ภาคโลคอลออสซิลเลเตอร์ (LO) ทาหนา้ ที่ผลติ ความถ่วี ทิ ยขุ ้นึ มา มคี วามถแ่ี ละความแรงคงที่ตลอดเวลา ค่าความถ่ีที่ ผลิตข้ึนมามีการเปล่ียนแปลงไปตามความถว่ี ทิ ยุของสถานีวิทยุ FM ท่ีรับเขา้ มา (RF) ความถ่ี LO ถูกผลิตข้ึนมามีคา่ ความถี่ สูงกว่าความถ่ีของสถานีวิทยุ FM ที่รับ เขา้ มา (RF) เท่ากบั ความถี่ปานกลาง (IF) คือ 10.7 MHz การกาเนิดความถี่ข้ึนมาของ ภาคโลคอล ออสซิลเลเตอร์ (LO) ความถ่ี LO มีการเปล่ียนแปลงความถี่ไปเล็กน้อยตลอดเวลา โดยถูกควบคุมความถี่ดว้ ยภาค ควบคมุ การปรบั จนู โดยอตั โนมตั ิ (AFT) หรืออาจเรียกว่า ภาคควบคุมความถี่โดยอตั โนมตั ิ (AFC) ภาคมกิ เซอร์ ทาหนา้ ทผ่ี สมคลน่ื ความถว่ี ิทยุทร่ี ับเขา้ มาจากภาคปรับเลอื กความถี่วิทยุ (RF) และภาคโลคอลออสซิล เลเตอร์ (LO) ความถี่วิทยุที่ถูกผสมในภาคน้ีประกอบด้วยความถ่ีวิทยุที่รับเข้ามา (fRF) ความถ่ีโลคอลออสซิลเลเตอร์ (fLO) ความถี่ผลบวกของท้งั สอง (fLO + fRF) และความถีว่ ทิ ยุผลต่างของท้งั สอง (fLO - fRF) ภาคเลือกและขยาย RF ภาคโลคอลออสซิเลเตอร์ และภาคมิกเซอร์ ท้งั 3 ภาคน้ีรวมกนั นิยมเรียกว่า ภาคฟร้อน เอนด์ เป็นภาครบั สญั ญาณส่วนหนา้ ที่สาคญั จะถกู สร้างรวมกนั ไวโ้ ดยมีตวั ถงั โลหะคลุมไว้ เพ่อื ป้องกนั สัญญาณรบกวนที่ จะทาใหก้ ารรบั คล่ืนสถานีวทิ ยุ FM ไดไ้ ม่ดี ภาคจูน IF และขยาย IF ทาหนา้ ที่กรองความถ่ี IF 10.7 MHz ความถี่เดียวผ่านไปได้ และทาการขยายความถปี่ าน กลาง (IF) น้ีใหม้ ีความแรงมากข้นึ ภาคดีเทกเตอร์ ทาหนา้ ที่แยกสญั ญาณเสียงออกจากความถี่ IF วงจรที่นิยมใชง้ านไดแ้ ก่ วงจร ดิสคริมะเนเตอร์ วงจรเร โชดีเทกเตอร์ วงจรควอดราเจอร์ดีเทกเตอร์ และวงจรเฟสล็อกลูปดีเทกเตอร์ เป็นตน้ ภาค AFT (AFC) ทาหน้าที่ควบคุมการผลิตความถ่ีข้ึนมาของภาคโลคอลออสซิแลเตอร์ ให้มีความเหมาะสม ถูกตอ้ งและสมั พนั ธก์ บั ความถี่ RF ท่ีรับเขา้ มา เพื่อให้ไดค้ วามถ่ี IF ทมี่ กี ารเปล่ียนแปลงไปเลก็ นอ้ ยตามสญั ญาณเสียงผสมอยู่ แรงดนั ไฟฟ้า AFT ถูกส่งมาจากภาคดีเทกเตอร์ ภาค AGC ในเคร่ืองรับวิทยุ FM ภาค AGC น้ีทาหนา้ ที่ควบคุมอตั ราขยายของภาคขยาย RF ใหม้ รี ะดบั ความแรงของ ความถ่ี RF ทร่ี ับเขา้ มาคงทรี่ ะดบั หน่ึง เท่ากนั ทุกสถานีวิทยุ FM ทร่ี บั ได้ การควบคมุ ทาไดโ้ ดยนาความถี่ IF ของ FM มาแปลง เป็นแรงดนั ไฟฟ้ากระแสตรง ป้อนไปควบคุมอตั ราขยายของภาคขยาย RF ภาคขยายเสียง ทาหนา้ ทีข่ ยายสัญญาณเสียงท่รี ับมาจากภาคดีเทกเตอร์ใหม้ ีความแรงมากข้นึ โดยสัญญาณเสียงที่ถูก ขยายออกมายงั มรี ูปสญั ญาณคงเดิมไม่ผิดเพ้ียนไป เครื่องรับวิทยุ FM แบบซูเปอร์เฮท ไดร้ บั การพฒั นาวงจรและโครงสร้างวงจรเรื่อยมา เพือ่ ให้วงจรงา่ ยตอ่ การสร้างและ การใช้งาน โดยสร้างวงจรรวมไวใ้ นรูป IC ช่วยทาให้เคร่ืองรับวิทยุ FM แบบซูเปอร์เฮทมีขนาดเล็กลง การสร้างและการ ประกอบวงจรใชง้ านทาได้ง่ายข้ึน โดยรวมวงจรภาคต่างๆ สร้างไวใ้ นตวั IC เครื่องรับวิทยุ FM ชนิดใช้ IC มีเบอร์ที่ถูกผลิต ข้ึนมาใชง้ านหลายเบอร์แตกต่างกนั ไป