Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พระสีวลี

พระสีวลี

Published by Dhammanava, 2021-02-07 05:07:16

Description: อริยผู้มีลาภล้น ต้นแบบของผู้ฉลาดทำบุญ

Keywords: พระสีวลี

Search

Read the Text Version

รวู้ า่ บญุ ทท่ี าํ จะสง่ ผลใหส้ าํ เรจ็ สมประสงคเ์ ชน่ นี้ กบ็ งั เกดิ ความ ปลาบปลม้ื จนชนลกุ เกรยี วไปทั้งกาย นับจากนั้นกต็ ้ังใจทาํ แต่คุณงาม ความดีตราบจนส้ินชีวิต เวียนว่ายตายเกิดและส่ังสมบารมีอยู่ในสุคติ ภพอีกประมาณ ๙๙,๗๘๗ กัป พระพุทธเจ้าตรัสรู้ไปแปดพระองค์ ต่อมาในสมัยของพระพุทธเจ้าพระนามว่า วิปัสสี เขาก็ระเห็จ ไปเกิดในหมู่บ้านแห่งหน่ึง ห่างจากกรุงพันธุมวดีไม่มาก อยู่มาจน เปน็ หนุ่ม วันหนง่ึ ตอ้ งเข้าไปทําธรุ ะในเมอื ง ระหว่างทางก่อนถงึ กล็ ง ไปอาบนํ้าชําระร่างกายในลําธาร พลันได้ยินเสียงห่ึง ๆ อยู่บนยอดไม้ เหลือบไปก็เห็นรวงผ้ึงขนาดใหญ่บนกิ่งใหญ่กิ่งหน่ึง ฝูงผึ้งพากันผละ จากรังบินวนอยู่เหนือยอดไม้ ก่อนจะบินจากไปท้ังฝูง รวงผ้ึงป่าน้ัน ใหญ่เป็นวา ๆ เลยทีเดียว พอผ้ึงมันท้ิงรังไปหา แหล่งใหม่ นํ้าผ้ึงจะยังเหลืออยู่เพราะพวกผึ้งเก็บน้ําหวานไว้มากดูด เก็บไปไม่ไหว หนุ่มผู้นี้เห็นแล้วก็ดีใจว่า ลาภของเราก็คราวนี้ เขา จัดการตัดรวงผึ้งลงมาทั้งก่ิงไม้ ตัดเอาส่วนรวงเปล่าออก เหลือไว้ เฉพาะส่วนท่ีเก็บน้ําผึ้งแล้วก็แบกเข้าไปในเมือง ในเมืองคราวนั้น พระราชาและชาวเมืองกําลังพากันเตรียม ข้าวเตรียมของสําหรับถวายทานใหญ่ ประชันกันว่าระหว่างพระราชา กับชาวเมือง ใครจะหาของที่ดีเยี่ยมได้ครบถ้วนกว่ากัน ก่อนถึงวันถวายทาน ชาวเมืองก็ตรวจตราดูไทยทานอันจะ ถวายพระในตอนเช้า คนหน่ึงก็หารือว่า ไทยทานอะไรที่พระราชามี พวกเราก็มีครบถ้วนเช่นกัน เออแน่ะ อย่างนี้มันก็เสมอกันซี เรื่อง

อื่น ๆ เรายอมให้ได้ แต่เร่ืองทําบุญทําทานน่ีต้องวัดกันสักหน่อย ฉัน ว่าถ้าได้อะไรเพ่ิมอีกสักอย่าง ทานนี้ต้องบริบูรณ์เหนือกว่าพระราชา แน่นอน อกี คนกแ็ ยง้ วา่ ดู ๆ แลว้ มนั ละลานตาไปหมดอยา่ งนี้ จะเหลอื อะไรอีกล่ะ คนเดิมก็บอกว่า ดูให้ดีสิ ในน้ีขาดอยู่อย่างหน่ึง เรียก ความสนใจแล้วก็เฉลยว่า น้ําผึ้งสดยังไงล่ะ* ข้อเสนอนี้ทุกคนฟังแล้วก็เห็นพ้อง จึงเร่งส่งคนกระจายกัน ออกไปหานํ้าผึ้งสดให้ได้ภายในวันน้ี เอาชนิดที่ค้ันกันจากรวงตอน น้ันทีเดียว E จะว่าเป็นคราวบุญของพ่อหนุ่มบ้านนอกคนของเราก็เห็นจะไม่ ผดิ พอเดนิ เขา้ ประตเู มอื งกม็ ชี ายวยั กลางคนผหู้ นง่ึ ปรเ่ี ขา้ มาหาแลว้ ถามด้วยสีหน้ายินดีว่า “น้องรัก น้ําผ้ึงท่ีแบกมาน้ีจะเอาไปให้ใครหรือ” ชายหนุ่มตอบว่า “ไม่ได้นําไปให้ใครหรอกพี่ชาย” คนถามดีใจจนออกนอกหน้า “ถ้าอย่างน้ันพ่ีขอซื้อ” แล้วก็ล้วงเงินในถุงออกมาส่งให้หนึ่ง กหาปณะ * ในคัมภีร์มโนรสปูรณี บอกว่า ขาดนํ้าผ้ึงและเนยแข็ง แต่ในคัมภีร์อรรถกาถา ธรรมบท บอกว่า นํ้าผึ้งสุกมีแล้ว ขาดนํ้าผ้ึงสด เพียงอย่างเดียว อีกทั้งมูลเหตุนี้เอง จึงเป็นท่ีมาของ ประเพณีตักบาตรน้ําผ้ึงของชาวมอญ

ชายหนุ่มเห็นจํานวนเงินก็คิดว่า นํ้าผึ้งไม่ได้มีราคาค่างวด มากขนาดนั้น แต่พี่ชายคนน้ีควักออกมาจ่ายอย่างไม่เสียดาย ท่า จะมีอะไรอยู่เบื้องหลัง จะลองโก่งราคาดู ชักสีหน้าเมินเฉยแล้วก็ว่า “กหาปณะเดียวไม่ขายหรอก” “งั้นก็เอาไปสอง” เขาก็ไม่ยอมขายอีก ชายผู้น้ันก็ยังใจปลํ้ายอมเพิ่มมูลค่าให้ เรื่อย ๆ อย่างไม่เสียดาย อีกฝ่ายก็ยังยืนกรานไม่ขายอยู่นั่นเอง จน คนเสนอราคาเร่ิมรู้สึกว่าชักจะเสียเวลา เลยตัดบทว่า “เอ้า ถ้าอย่างนั้นน้องก็เอาไปเลยพันกหาปณะ” แล้วก็ยัดเงิน ทั้งถุงใส่มือหนุ่มบ้านนอก ชายหนุ่มชักมือกลับ “พ่ีชายบ้าไปแล้วหรือยังไง พ่ีไม่รู้หรือว่าน้ําผึ้งน้ีราคาไม่ถึง กหาปณะ ยังจ่ายมาได้ตั้งพันหนึ่ง” ชายผู้นั้นก็ว่า “ทาํ ไมจะไมร่ ลู้ ะ่ นอ้ งชาย ไอท้ พ่ี ตี่ อ้ งยอมจา่ ยขนาดนี้ กเ็ พราะ ว่ามีความจําเป็นจะต้องได้น้ําผึ้งนี้กลับไปต่างหาก” รู้ดังนั้นก็ซักต่อไปว่า เรื่องอะไรหรือ พี่ชายคนนั้นก็เล่าว่า “พวกเราเตรียมถวายทานครั้งใหญ่ เพ่ือพระวิปัสสีพุทธเจ้า กบั พระสงฆห์ กลา้ นแปดแสนรปู ในทานนนั้ ขาดน้ําผง้ึ ดบิ อยอู่ ยา่ งหนงึ่ ดังน้ันพี่ยินยอมจ่าย เท่าไหร่เท่ากัน เพ่ือให้ได้น้ําผึ้งจากน้อง” หนุ่มชนบทถามว่า ก็แล้วทานครั้งน้ีจําเป็นไหมว่าจะต้องรวม

กันท้ังหมด” พี่ชายคนนั้นก็ตอบว่า “ไม่หรอกน้องพ่ี ถ้าถวายร่วมกับพวก เราชาวเมือง ใครก็ถวายได้” เมอ่ื รบั ฟงั ดงั นนั้ หนมุ่ เจา้ ของนาํ้ ผงึ้ กค็ ดิ วา่ นเ่ี ปน็ โอกาสทห่ี า ได้ไม่ง่าย ต้องรีบคว้าเอาเสียแล้ว จึงว่า “ถ้าอย่างน้ัน พี่ก็เอาเงินของพ่ีคืนไปเถอะ แล้วกลับไปบอก กับทุกคนว่า ไม่ว่าจะให้ราคาเท่าไหร่ก็ตาม ฉันไม่ขายน้ําผ้ึงน้ีดอก แต่จะถวายด้วยมือของตนเองในฐานะท่ีเป็นเจ้าของน้ําผึ้งและในนาม ของชาวเมือง ขอให้ทุกคนคลายกังวลได้” อีกฝ่ายพอได้ยินก็ยกมือท่วมหัวอนุโมทนาสาธุกับความตั้งใจ ของเขา บอกทางไปวิหารให้แล้วก็กลับ E เช้าวันใหม่ ชายหนุ่มต่ืนแต่เช้า ร่ีไปตลาด ซ้ือเคร่ืองเทศมา ผสมกับนมส้มซึ่งตนเองห้ิวมาจากบ้านนอก บีบน้ําผ้ึงผสมลงไป คน ให้เข้ากัน กลายเป็นอาหารช้ันดีของคนยากในสมัยนั้น ปรุงเสร็จก็ จัดการห่อด้วยใบบัวจนได้เต็มถาดขนาดใหญ่ แล้วยกขึ้นทูนหัวตรง ดิ่งไปยังวิหาร การถวายทานในสมัยพระพุทธเจ้านั้น ถ้าเป็นบนเรือน พระ จะเข้าไปน่ังข้างในให้เจ้าของบ้านตักบาตร จากน้ันท่านก็ฉัน ฉัน เสรจ็ กก็ ลา่ วอนโุ มทนาแลว้ กลบั วดั ถา้ เปน็ การใหญ่ ชาวบา้ นจะรว่ ม กันสร้างประรําหรือไม่ก็วิหารช่ัวคราว แล้วนําของไปถวายรวมกัน

พอชายหนุ่มไปถึง พระพุทธเจ้าและพระสาวกก็เข้ามาในวิหาร พอดี เขาน้อมถาดห่อนํ้าผึ้งเข้าไปหาพระพุทธองค์ กราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ของน้ีข้าพระองค์หามาได้ตามมีตาม เกิด ขอพระพุทธองค์โปรดอนุเคราะห์รับบิณฑบาตของคนยากน้ี ด้วยเถิด” พระพุทธองค์มิได้ตรัสว่ากระไร ทรงเปิดบาตรรับอาหารของ เขา แลว้ ทรงอธษิ ฐานใหข้ องทเี่ ขาถวายนนั้ มคี รบตามจาํ นวนพระสงฆ์ รวมท้ังใช้เวลาถวายเพียงอึดใจเดียว ฟังแล้วอาจจะเหลือเช่ืออยู่ แต่พุทธวิสัยหรืออิทธิฤทธ์ิของ บุคคลระดับพระพุทธเจ้านั้น ยากแท้หยั่งถึง ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ ได้ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเคยตรัสเอาไว้ว่า มีอยู่ ๔ เรื่อง ท่ีหา ข้อสรุปด้วยสติปัญญาของคนทั่วไปไม่ได้ คิดไปรังแต่จะเปลืองสมอง เปล่า คือ ๑. วิสัยของพระพุทธเจ้า (พุทธวิสัย) ๒. อิทธิฤทธ์ิของผู้สําเร็จฌาน (ฌานวิสัย) ๓. การให้ผลของกรรมดี กรรมช่ัว (กรรมวิสัย) ๔. เรื่องเก่ียวกับโลกและจักวาล (โลกจินตะ) E ชายหนุ่มบ้านนอกประสบเหตุมหัศจรรย์เช่นน้ี ก็เกิดปีติจน น้ําตาไหล รอให้พระพุทธองค์และพระสงฆ์ฉันเสร็จ ก็เข้าไปกราบ พระพุทธองค์แล้วอธิษฐานเฉพาะพระพักตร์ว่า

“พระองค์ผู้เจริญ นับเป็นบุญของข้าพระองค์โดยแท้ท่ีได้ร่วม ถวายทานกับชาวเมืองพันธุมวดีครั้งนี้ ด้วยอํานาจแห่งบุญนี้ ไม่ว่า ข้าพระองค์จะไปเกิดภพใดชาติใด ก็ขอให้ประสบแต่ความบริบูรณ์ แห่งลาภ” อธิษฐานไปอย่างน้ัน ก็เพราะมีชนวนในใจว่า ต้ังแต่เราเกิด มา ต้องหาเช้ากินคํ่า เงินทองก็ชักหน้าไม่ถึงหลัง ในอดีตเราคง ทําบุญให้ทานมาน้อย ครน้ั ไดโ้ อกาสงามเชน่ น้ี จงึ อธษิ ฐานขอใหต้ นเองพน้ จากความ ยากจนข้นแค้นเสียที ขณะเดียวกัน การทําบุญแล้วอธิษฐานก็เหมือนกับการส่งของ มีจ่าหน้าไว้ด้วย ของน้ันจะส่งถึงท่ีตามจ่าหน้าไม่มีบิดพลิ้ว คนเราทําอะไรก็ต้องมีเป้าหมายไว้ในใจ หากไม่มีเป้าหมาย อะไรเลยก็กลายเป็นคนเล่ือนลอย การทําบุญก็เช่นกัน ทําแล้วต้อง ระบุเจตนารมณ์หรืออธิษฐานให้ชัดว่าต้องการให้ส่งผลอะไรอย่างไร การอธิษฐานขอในลักษณะดังกล่าว มีคนเคยทํามาเหมือนกัน ในพระธรรมบทมีเร่ืองเล่าว่า อดีตชาติของพระอนุรุทธะ พระนัดดา (หลาน) ของพระพุทธเจ้า ก็เคยทําบุญกับพระปัจเจกพุทธเจ้าที่เพ่ิง ออกจากนิโรธสมาบัติ* แล้วอธิษฐานว่า ต้ังแต่นี้ต่อไป ขอคําว่า “ไม่มี” จงอย่ามีแก่ข้าพเจ้า ผลบุญน้ันก็ให้ผลในชาติต่อมา ท่าน * นิโรธสมาบัติ คือการดับความจําและการรับรู้อารมณ์ความรู้สึกทั้งหมด เหมือนกับการปิด สวิตซ์ตัวเอง ผู้ที่จะเข้านิโรธสมาบัติได้ต้องเป็นพระอรหันต์และพระอริยบุคคลประเภทรองจาก พระอรหันต์ คือพระอนาคามีที่ได้สมาบัติ ๘ เท่าน้ัน

อยากไดอ้ ะไรเปน็ ตอ้ งได้ คนหาใหไ้ มไ่ ด้ เทวดากต็ อ้ งหามาใหท้ เี ดยี ว กลับมาท่ีคําอธิษฐานของหนุ่มบ้านนอก พระพุทธเจ้าสดับจน จบแล้วก็แย้มโอษฐ์ตรัสว่า “ดูก่อนกุลบุตร ความปรารถนาของเธอจงสําเร็จตามนั้นเถิด” ผลบญุ อนั เกดิ จาก “ทานของคนยาก” แดพ่ ระพทุ ธเจา้ และพระ สาวกหกลา้ นแปดแสนรปู ดว้ ยศรทั ธาอนั แรงกลา้ นนั้ กต็ ามมาทนั ใน ชาติท่ีเขาถือปฏิสนธิในทองของพระนางสุปปวาสา ยังผลให้เกิดลาภ เกิดผลได้ต้ังแต่อยู่ในครรภ์พระมารดา เป็นอีกผู้หนึ่งที่เรียกได้เต็ม ปากว่า เกิดมาพร้อมกับกองเงินกองทอง กองเงนิ กองทองทไี่ มไ่ ดเ้ กดิ อยา่ งเลอ่ื นลอยไรท้ มี่ าทไี่ ป แตเ่ กดิ จากการสั่งสม “ต้นทุน” เอาไว้ของเจ้าตัวเอง

ตลอดชีวิตของทา่ นพระสวี ลี นอกจากจะมีลาภอยา่ งลน้ หลาม แล้ว ยังเป็นที่รักของพวกเทวดาท้ังจักรวาลอีกด้วย ในพระสูตรเล่า ว่า เวลาเทวดาเข้ามาไหว้พระอรหันตสาวกท้ังหลาย ก็จะถามไถ่ถึง พระสีวลีตลอดว่า พระคุณเจ้าสีวลีของพวกเรามาไหม พระคุณเจ้า สีวลีอยู่ท่ีไหน เพราะการได้กราบไหว้ให้การอุปัฏฐากพระเถระผู้มีลาภ ก็ พลอยทําให้ตนเองได้รับอานิสงส์นั้นไปด้วย คือเกิดความช่ืนชม มุทิตานุโทนาว่าน่ีละหนอคนทําดีและฉลาดทําดี ก็ได้รับผลดีอย่างนี้ น่ีเอง จิตใจก็น้อมไปในความดี บังเกิดความผุดผ่องเอิบอาบขึ้นจาก ภายใน อานสิ งสก์ เ็ กดิ ขน้ึ อายทุ พิ ยส์ มบตั ทิ พิ ยข์ องพวกเขากเ็ พม่ิ พนู

ยืนยงต่อไปอีกนานเท่านาน อาการท่ีเกิดขึ้นกับดวงจติ เชน่ น้ี เรียกวา่ ได้ดีตัง้ แตย่ ังไม่ลงมือ ทําดี ถามว่ากับลาภผลท่ีเกิดขึ้นน้ี พระสีวลีท่านมีท่าทีอย่างไร พระอรหนั ตอ์ ยา่ งพระสวี ลี ทา่ นไมไ่ ดใ้ สใ่ จใยดอี ยแู่ ลว้ มลี าภ ก็ใช้ประโยชน์จากผลนี้ได้เต็มที่ อุปถัมภ์พระศาสนาของพระศาสดา อํานวยประโยชน์การอยู่การฉันของเพ่ือนพระสหธรรมิก ให้ได้รับ ความสะดวกในการปฏิบัติธรรมและเผยแผ่ธรรม สว่ นตวั ทา่ นเองกอ็ ยอู่ ยา่ งงา่ ย ๆ ธดุ งคไ์ ปเรอ่ื ยไมอ่ ยตู่ ดิ ท่ี เพอื่ เผ่ือแผ่อานิสงส์นั้นให้แก่ผู้คน ท่านไปถึงไหนที่นั่นก็บังเกิดความสุข สงบร่มเย็น พูดอย่างเข้าใจกันในปัจจุบันคือ ท่านอุทิศตนเพื่อสร้าง คุณค่าแก่คนหมู่มาก น่ันเอง ในยุคต่อมา จึงมีการปั้นรูปเหมือนของพระสีวลีไว้เป็นอนุสสติ หากไปตามวดั หรอื พทุ ธสถานบางแหง่ เราจะเหน็ รปู ปน้ั พระธดุ งคแ์ บก กรดสะพายบาตรทําท่าเดินไปข้างหน้า น่ันคือรูปปั้นพระสีวลี ซ่ึงนับ ว่าสะท้อนตัวตนของพระสีวลีได้อย่างชัดเจน เพราะจริยวัตรดังนี้น่ีเอง จึงไม่แปลกที่พวกเทวดาจะรักท่าน มาก เหล่ามนุษย์เองก็เคารพบูชาท่าน…


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook