Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore จิตกับอารมณ์

จิตกับอารมณ์

Published by Dhammanava, 2021-02-10 06:49:47

Description: สนทนาธรรม เรื่อง จิตกับอารมณ์ โดย จารุวณฺโณ ภิกฺขุ

Keywords: พระอาจารย์ต้น,จารุวณฺโณ ภิกฺขุ

Search

Read the Text Version

จตกับอารมณ์ บทสนทนาธรรม กับพระอา ารยท์ ววี ฒั น์ ารวุ ณโฺ ณ สถานศึกษาธรรมปา่ นาโสกฮั ั หวดั อ�านา เ รญิ ๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๑

๒ ติ กับอารมณ์ จตกับอารมณ์ พระอาจารย์ : เร่ือ ติ เรอื่ ใ น้ีเข้าใ ขนาดไหน โยม : ใ มันวุน่ วายอยู่ค่ะ พระอาจารย์ : ใ เราวุ่นวายเนอะ ปัญหาก็คือใ มนั วนุ่ วาย ความวนุ่ วายน้ี ใ เราวนุ่ วายหรอื อารมณว์ นุ่ วาย โยม : ท้ั สอ เลยคะ่ พระอาจารย์ : การทใ่ี เรามนั วนุ่ วายไปกบั อารมณ์ ทม่ี นั วนุ่ วาย อนั นเี้ ปน็ สภาพ ติ ทว่ั ๆ ไป เปน็ สภาพ ติ ทไี่ มไ่ ด้ ฝกึ หดั มนั ก็ ะเปน็ แบบน้ี แตเ่ มอื่ ฝกึ หดั แลว้ ติ ะแยกออก ากอารมณ์ อารมณ์ ะเปน็ สว่ นขอ อารมณ์ หมายถึ ว่า ความวุ่นวายก็มีอยู่เหมือนเดิม แต่ ิต ะไม่วุ่นวายตาม อาการขอ อารมณ์ท่ีมันวุ่นวาย ในกรณีนี้เราต้อ ฝึกใน การพิ ารณา ถ้าเราไม่พิ ารณา ิตกับอารมณ์ เรา ะ ไม่สามารถแยก ิตออก ากอารมณ์ได้ เราต้อ พิ ารณา ิตกบั อารมณ์

บทสนทนาธรรมกับพระอา ารยท์ ววี ฒั น์ ารวุ ณฺโณ 3 การพจารณาจตกับอารมณ์ก็คอการพจารณา ใหเ้ หน็ อารมณท์ เ่ี ขา้ มาสจู่ ต ใหเ้ หน็ อารมณท์ ผี่ า่ นเขา้ มา ใน ติ ทเ่ี ปน็ ความวนุ่ วายนนั้ แหละวา่ กอ่ นหนา้ ที่ ะมคี วาม วนุ่ วายเกดิ ขนึ้ ติ เรากเ็ ปน็ ปกตใิ ไ่ หม เมอ่ื มอี ารมณเ์ ขา้ มา กระทบหรือปัญหาต่า ๆ ท่ีเข้ามาสัมผัสกับ ิต ปัญหา เรอ่ื ราว อารมณเ์ หลา่ นม้ี นั เลยดึ ติ ใหเ้ ขา้ ไปรว่ มกบั การ ปรุ แต่ และก็สบื ต่ออารมณ์อยู่ไมห่ ยุดไมย่ ั้ หมายถึ ว่า ติ เรา ะคลกุ คลอี ยกู่ บั อารมณ์ เรยี กวา่ รวมกนั กบั อารมณ์ เป็นอันหน่ึ อันเดียวกัน เม่อจตกับอารมณ์รวมกันเป็น อนั หนงึ่ อนั เดยี วกนั กเ็ ลยเกดมตี วั ตนเขา้ ไปกระทา� ตอบ ่ึ ท่ี ริ แล้วตัวตนมันก็ไม่มีหรอก แต่ว่า ิตกับอารมณ์ เม่อื เกิดการรวมตวั กันแล้ว ความร้สู ึกขอ เราเอ มคี วาม รสู้ ึกอยากปกป้องจต อยากให้ ติ ส บนนั่ แหละ พดู า่ ยๆ กเ็ ลยไปกระทา� ตอบตอ่ อารมณ์ การไปทา� ตอบตอ่ อารมณ์ อันนน้ั แหละ ๑) อยากส บ ๒) ไม่อยากเ อความวนุ่ วาย

4 ติ กบั อารมณ์ 3) อยากให้ความวุน่ วายดับ 4) อยากให้ ติ ขอ เราไม่ได้รับการกระทบ ดว้ ยมลู เหตทุ ั้ หลายทั้ ปว เหลา่ น้ี เรากเ็ ลยกระทา� ทกุ วถิ ที า เพอ่ื ท่ี ะให้ ติ ขอ เรานไ้ี มม่ คี วามวนุ่ วาย ใหส้ บ เปน็ เรอื่ ทค่ี นทกุ คนตอ้ ท�าแบบนี้ เพราะวา่ ตอ้ การความ ส บ แต่ส�าหรับพระอา ารย์แล้ว ากประสบการณ์ ในการปฏิบัติได้ค้นพบว่า ิตก็สักแต่ว่า ิต อารมณ์ กส็ กั แตว่ า่ อารมณ์ หมายถึ วา่ ติ เปน็ ธรรม าตริ บั อารมณ์ ซงึ่ คา� วา่ จตเปน็ ธรรมชาตรบั อารมณ์ มนั กต็ อ้ งรบั แต่เราไมอ่ ยากใหจ้ ตรบั ใ ไ่ หม นคี่ อื ความอยาก (ที่ ะ) ไม่อยาก คือความวุ่นวายมันเป็นอารมณ์ท่ีมีอยู่แล้ว เมอื่ ความว่นุ วายเป็นอารมณ์ทมี่ อี ยู่แล้ว อารมณ์นี้มนั มา กระทบกับ ิต ิตก็ต้อ วุน่ วายตามอารมณ์ อนั นเ้ี ปน็ เรอื่ ปกติ แต่ส่งท่ีผดปกตเรียกว่าผดจากความเป็นจรง น่ันก็คอเราหวงจต ไม่อยากให้จตรับการกระทบ ไมอ่ ยากใหจ้ ตวนุ่ วาย นแี่ หละคอตวั ปญั หา เราไปใช้ ความต้องการของเราไปก�าหนด ถ้าเราไปรู้ธรรม าติ

บทสนทนาธรรมกับพระอา ารย์ทวีวัฒน์ ารุวณโฺ ณ ๕ ขอ ติ ทแี่ ทแ้ ลว้ วา่ ติ เปน็ ธรรม าตริ บั อารมณ์ กใ็ หม้ นั รบั อารมณไ์ ป แตว่ า่ เราไมย่ อมให้ ติ รบั อารมณ์ เราอยากหนี อารมณ์ แล้วก็มอ ไปหาความส บ อย่าลืมว่าความส บ กค็ อื อารมณห์ นึ่ ความวนุ่ วายกค็ อื อารมณห์ น่ึ ทั้ สอ อยา่ ไม่ไดแ้ ตกตา่ กัน แต่ผลขอ มันตา่ กัน พระพทุ ธเ า้ ไมไ่ ดส้ อนใหเ้ ราไปรบั รทู้ ผ่ี ล คอื ผลมนั แตกต่า กันตามเหตุปั ัยอยู่แล้ว ถ้าเหตุมา ากความ วนุ่ วาย ผลกต็ อ้ เปน็ วุน่ วาย ถา้ เหตมุ า ากความส บ ผล กต็ อ้ เปน็ ความส บ แตต่ อ้ มอ ทั้ สอ อยา่ วา่ เปน็ อารมณ์ อารมณ์คือส่ิ ท่ีผ่านเขา้ มาให้ ติ ได้รบั รู้ การทอ่ี ารมณน์ เี้ ปน็ ส่ิ ทผ่ี า่ นเขา้ มาให้ ติ ไดร้ บั รู้ มนั ต้อ รู้นะ แต่เราไม่ยอมรู้อารมณ์ ไม่ยอมไปก�าหนดรู้ว่า น่ีคืออารมณ์ที่วุ่นวาย อารมณ์ท่ีวุ่นวายมา ากเหตุอันน้ี เหตุอนั นีเ้ กดิ ขน้ึ เพราะส่ิ น้ี เราก็ ะเขา้ ใ วา่ ออ๋ ... เพราะ มีส่ิ นี้ ึ เกิดเหตุ เกิดเหตุอันนี้ ึ ผ่านเข้ามากระทบ ิต กเ็ ปน็ ตวั รบั กระทบ หมายถึ วา่ ติ ทเ่ี ปน็ ตวั รบั กระทบกต็ อ้ เป็นผู้รับกระทบ เรา ะไปปกป้อ ไม่ให้มันรับกระทบ เป็นไปไม่ได้ อา ะได้ ั่วครั้ ่ัวคราว คือหลีกหนีมา

๖ ติ กบั อารมณ์ เมอื่ ไปเ อหรอื ประสบเหตอุ นั ทเี่ คยมแี บบเดมิ ๆ กต็ อ้ ไดร้ บั กระทบเหมอื นเดมิ แลว้ เรากใ็ ว้ ธิ เี ดมิ คอื ปกปอ้ ติ ไมอ่ ยาก รบั การกระทบ มนั ะทา� ให้ ติ ใ ออ่ นแอ ติ ใ เรา ะไมเ่ ขม้ แข็ ิตใ ที่อ่อนแอเป็น ิตใ ท่ีไร้ท่ีพึ่ ไม่มีที่พ่ึ พระพุทธเ ้าก็เลยพยายามสอนให้เราได้เข้าใ ว่าจต สักแต่วา่ จต อยา่ ไปหวงมนั อยา่ ไปปกปอ้ งมนั มันเป็น ธรรม าติรับอารมณ์ ปลอ่ ยให้มนั รับอารมณ์ แตเ่ รารบั ผล ากการกระทบขอ มนั ไมไ่ ด้ นคี่ อื ปญั หาใ ไ่ หมละ่ ผลคอื ความวุ่นวาย เราไม่ส บสุขเลยใน ิตในใ ถ้าเราลอ ปลอ่ ยวา ใหอ้ ารมณม์ นั เกดิ ขน้ึ ใน ติ นเสร็ สนิ้ กระบวนความ ขอ มนั ในขณะทเ่ี รารบั รอู้ ารมณน์ น้ั เราไมเ่ ขา้ ไปปรุ แต่ ตอ่ พูด ่ายๆ คอื ไม่คิดต่อ ากเรื่อ ราวนน้ั ทีม่ ากระทบ ๑) ไมค่ ิดตอ่ ากเรือ่ ราวทมี่ ากระทบ ๒) ไมเ่ ข้าไปห้ามอารมณท์ ม่ี ากระทบ 3) อย่าอยากดบั อารมณท์ ่กี ระทบกบั ติ อยู่

บทสนทนาธรรมกับพระอา ารยท์ วีวฒั น์ ารุวณฺโณ 7 4) ถา้ เราทา� ไดใ้ นสามขอ้ นี้ ถา้ อารมณย์ ั ไมด่ บั ให้ อดทนดตู อ่ ไป อดทนดูอารมณ์ท่ีเข้ามาใน ิต ถ้ามีความ อดทนได้ มนั ะเกดิ ผลขอ้ ท่ี ๕ ข้อที่ ๕ คืออะไรรไู้ หม อารมณ์ ะดบั ล ไปด้วยตัว ขอ มนั เอ เมอื่ อารมณด์ บั ไปดว้ ยตวั ขอ มนั เอ ปบั ค๊ วาม วุ่นวายดับ มัน ะเป็นอะไรขึ้นมาแทนล่ะคราวน้ี ความ วนุ่ วายหายไป กส็ บขน้ึ มาแทน แสด วา่ การหาความส บ ไม่ได้หาอยทู่ อ่ี ่ืนเลย การทเี่ ราหนอี อก าก ดุ หน่ึ ไปอยอู่ กี ดุ หนึ่ อา ะ ส บได้ ว่ั คราว แตน่ ัน่ ไมใ่ ก่ ารแกป้ ญั หา การแก้ปญั หา ขอ พระพทุ ธเ ้าคอื ไปแกป้ ัญหาทต่ี วั รับ ผสั สะกระทบนั่น มนั กระทบใ ดทู ใ่ี ดอู ารมณท์ ป่ี รากฏกบั ใ วา่ มนั กระทบ ขน้ึ มาแลว้ ปลอ่ ยใหม้ นั เกดิ ปลอ่ ยใหม้ นั ตั้ อยู่ แลว้ ปลอ่ ยให้ มันดับ การไปคิดต่อ ากการกระทบท่ีมันผ่านเข้ามา กระทบใ เรา หากไปคิดต่อปุ๊บ มันก็เป็นการกระท�าให้ อารมณน์ นั้ คลกุ คลอี ยกู่ บั ใ เรา สบื ตอ่ อารมณไ์ ปไดอ้ ยตู่ ลอด

8 ิตกบั อารมณ์ การคดิ ตอ่ เป็นการหน่ว เหน่ยี วอารมณไ์ ว้ ถ้าเรา คดิ ตอ่ นะ กบ็ อกเลย หน่ึ ... หา้ มคดิ ตอ่ สอ ... อยา่ หา้ ม อารมณ์ สาม... อยา่ อยากดบั มนั เพราะถ้าเราเขา้ ไปดบั อย่าลืมว่าอารมณ์เป็นนามธรรม ไม่มีตัวตน เรา ะเอา อะไรเขา้ ไปดบั มนั ละ่ เราอยาก ะดบั ขนาดไหนก็ดบั ไมไ่ ด้ หรอก เพราะไม่มีตัวตน มีแต่อาการ มันกระทบแล้วป๊ับ ท�าให้ ิตใ เราขุ่นมัว หรือวุ่นวาย หรือเศร้าหมอ หรือ คิดมากไปต่า ๆ นานา ปัญหารุมเร้า คิดเร่ือ นี้ไม่หยุด ไม่หยอ่ น มนั ะทา� ใหเ้ รา มอยกู่ บั อารมณ์ ความอยาก ะ เข้าไปดับมันนี้ ะท�าให้อารมณ์สืบต่อกับ ิตโดยท่ีไม่ดับ เพราะถ้าเราอยากเข้าไปกระท�าการปั๊บน่ี ความอยาก เปน็ การปรุ แต่ อยา่ หน่ึ หรอื วา่ เขา้ ไปควบคมุ ่ึ อารมณน์ ้ี ไปควบคุมมันไม่ได้ ลา� ดบั ตอ่ มา เมอื่ เราไมอ่ ยากดบั มนั เรากต็ อ้ เหน็ อารมณน์ น้ั เกดิ ขน้ึ ตามธรรมดาวา่ มนั มา ากเหตุ แลว้ เรา อดทนดอู ารมณท์ ม่ี นั เกดิ ขน้ึ กบั ใ แล้วก็ให้ท�าสติรู้สึกตัว ในขณะท่ีอารมณ์เกิดข้ึนด้วยความอดทน เพราะ พระพทุ ธเ า้ บอกวา่ ขนตฺ ี ปรม� ตโป ตตี กขฺ า ความอดทน อดกล้ันต่ออารมณ์ที่มากระทบน่ีแหละ พระพุทธเจ้า

บทสนทนาธรรมกับพระอา ารย์ทวีวฒั น์ ารวุ ณฺโณ 9 บอกวา่ เปน็ ตบะเครอ่ งแผดเผากเลสอยา่ งยง่ หมายถึ วา่ ถา้ เรา ะแผดเผากเิ ลส เรากต็ อ้ อดทน แตเ่ นอ่ื ดว้ ยวา่ เรา ทนไม่ค่อยได้ใ ่ไหมละ่ มกั ะเผลอตวั กระทา� ต่ออารมณ์ น่ีคือการท่ีเราไม่ได้ฝึกหัด ขาดการฝึกฝน เพราะเราทา� ตาม ติ ตามใ ตวั เอ นเคย นิ ทา� ตามอารมณท์ ผ่ี า่ นเขา้ มา นเคย ิน ก็เลยไม่ไดฝ้ กึ หดั มันเลยติดเป็นนสิ ัย ตอ้ เรมิ่ ฝกึ หดั เรม่ิ ปรบั แกต้ นเอ แลว้ กเ็ รม่ิ ยดึ หลกั ธรรมเขา้ ไปสู่ การปฏิบัติต่ออารมณ์ท่ีผ่านเข้ามาใน ิตให้ทัน ถ้าเรา ไมฝ่ กึ อยา่ น้ี เราไมส่ ามารถหลกี หนี ากอารมณพ์ วกนไี้ ด้ ถ้าเราฝึกอยู่ได้แบบนี้ป๊ับ อารมณ์กับ ิต ะแยก ากกัน อารมณม์ ากระทบปบั๊ ติ ะไมโ่ อนตาม เอนตาม โนม้ ตาม คล้อยตาม อารมณ์ ะเปน็ อารมณ์ ต้อ เข้าใ ว่าอารมณ์นี้เป็นส่ิ ท่ีอยู่นอกตัวแต่มัน เข้ามากระทบแล้วเป็นส่ิ ที่อยู่ในตัว แต่ถ้า ิตขอ เรานี้ มคี วามรเู้ ปน็ คณุ สมบตั ติ ดิ กบั ใ ความรคู้ อื เกดิ ากการฝกึ น้ี พอมอี ารมณม์ ากระทบปบั๊ ถา้ ติ ขอ เรานมี้ คี วามรคู้ ทอ่ี ยู่ สติ ะกา� กบั เมอ่ื สตกิ า� กบั ปบั๊ อารมณ์ ะคอ่ ยๆ คลายตวั ขอ มนั แลว้ กด็ บั ไป แตถ่ า้ เราขาดสต อารมณจ์ ะเขา้ มา ยดึ จบั กบั จต พอยดึ จบั กบั จตปบั๊ มนั จะดงึ จตใหเ้ ปน็ ไป

๑0 ติ กบั อารมณ์ ตามอารมณ์ พอเราไปเห็นความวุ่นวายตอนท่ีอารมณ์ มันดึ ิตไปแล้วนี่ เราไปเห็นความวุ่นวายแล้ว เราก็เป็น โดยธรรม าติอยู่แล้ว ต้อ หาท่ีส บ หรือหนี หรือหลบ หรอื วา่ ตอ้ ดบั มนั อนั นเี้ ปน็ การปฏบิ ตั ผิ ดิ แตค่ นทวั่ ไปเขา้ ใ ว่าตนเอ ค ะท�าถูกแล้วล่ะ ริ ๆ แล้วไม่ใ ่ มันผิด พระพุทธเ า้ บอกวา่ เหตุเกดิ อยู่ไหนดบั อยู่น่นั เหตุเกิดอยู่ พัทยามาดับอยนู่ าโสกฮั ไมไ่ ด้ มันไม่ดบั เหตุเกิดอยู่นน้ั ก็ดับมันอยู่น้ันแหละ มันไม่ใ ่การดับนะมาที่น่ี เรียกว่า เป็นการเปลี่ยนความรู้สึกใหม่หรือว่าเปลี่ยนอารมณ์ใหม่ ให้ลืมอารมณ์อันเก่า ริ ๆ ไม่ลืมหรอก ไปประสบอีก เหมือนเดมิ กเ็ ออกี เหมือนเดิม เราต้อ เข้าใ หน้าท่ีขอ ิตว่า จตมีหน้าท่ีรับ อารมณ์ เหมอื นกนั กบั ตามหี นา้ ทรี่ บั ภาพ หมู หี นา้ ทรี่ บั เสยี มูกมีหน้าที่รับกล่ิน ล้ินมีหน้าที่รับรส าติอาหาร กาย มีหน้าท่ีรับการสัมผัส ิตมีหน้าท่ีรับอารมณ์ ค�าว่ามี หนา้ ท่รี บั นน่ั หมายถึ ว่าการรับอารมณเ์ ป็นหน้าทีข่ อ ติ อยู่แล้วแต่เราไม่รู้หน้าท่ีขอ ิตว่าเป็นหน้าท่ีขอ มัน เรา ไม่อยากให้มันท�าตามหน้าท่ีขอ มัน คือเราก้ันอารมณ์ ที่ว่นุ วาย แล้วกเ็ ลือกอารมณ์ท่ดี ีใ ่ไหมล่ะ

บทสนทนาธรรมกับพระอา ารย์ทวีวัฒน์ ารวุ ณฺโณ ๑๑ ติ นน่ี ะเปน็ ธรรม าตทิ เี่ รยี กวา่ ดมี นั กร็ บั ไมด่ มี นั กร็ บั เหมอื นกบั ตาเราสามารถมอ เหน็ ส่ิ ทส่ี วย ามกไ็ ด้ มอ เหน็ ส่ิ ที่สกปรกก็ได้ เราไม่สามารถเลือกก�าหนดกฎเกณฑ์ วา่ ะมอ แตส่ ิ่ ทส่ี วย ามอยา่ เดยี ว ไมใ่ หส้ ิ่ ทไี่ มส่ วย าม ผ่านเข้ามา มันเลือกไม่ได้ อันไหนผ่านเข้ามาปรากฏ กับสายตาก็ต้อ เห็นสิ่ น้ัน เราก็ต้อ ยอมรับ อา ะ เบอื นหนา้ หนไี ด้ แต่กต็ ้อ มใี หเ้ ห็นอยู่เหมือนเดมิ เพราะมี สิ่ ท่ีดีและไม่ดีอยู่ท้ั สอ ฝ่าย อันน้ีคือหลักธรรม าติ ิต ก็เหมือนกัน มีหน้าที่ในการรับอารมณ์อยู่แล้ว แต่เรา ไม่พอใ เม่ืออารมณ์ท่ีมันวุ่นวายมากระทบ ตร นี้แหละ เรียกว่าท�าให้เราปฏบิ ัตผิ ิด ะนนั้ แลว้ พระพทุ ธเ า้ ใหเ้ ราใ ห้ ลกั การในขอ้ ปฏบิ ตั ิ ดว้ ยการยอมรบั วา่ เราอยใู่ นโลกมนษุ ย์ แลว้ โลกมนษุ ยต์ อ้ มอี ารมณเ์ ขา้ มากระทบ เพราะเราไมไ่ ดอ้ ยเู่ ทวโลก เทวโลก ก็มีอารมณ์แต่เป็นอารมณ์ที่เป็นความสุขความสบาย เราไม่ได้อยู่พรหมโลก และเราไม่ได้อยู่พระนิพพาน เราอยู่ในโลกมนษุ ย์

๑๒ ติ กบั อารมณ์ เม่ือเราอยู่โลกมนุษย์ ะต้อ ถูกอารมณ์ขอ โลก กระทบ แตอ่ ยา่ ไปเอาอารมณม์ าบบี คนั้ ตวั เอ หรอื อยา่ ไป แบกรบั อารมณ์ ถา้ เรามวั แตแ่ บกรบั อารมณ์ ไมย่ อมปลอ่ ย วา มันสักที ที่ว่าปล่อยหมายถึ ปล่อยให้มันเกิดขึน้ ตาม กา� ลั ขอ มัน มากหรอื นอ้ ยกต็ าม อย่าคิดต่อ อย่าอยาก ดบั มนั อดทนดอู ารมณ์ นกวา่ มนั ะดบั ล ไปดว้ ยตวั ขอ มนั หากท�าได้อย่า นี้อยู่เร่ือยๆๆ ทุกคร้ั ท่ีมีสิ่ กระทบใ ไม่ได้บอกว่าต้อ รู้เท่าทันทุกครั้ นะ หมายถึ ว่าแม้รู้ตัว ทีหลั ก็ตาม มันก็เป็นการฝึกอย่า หนึ่ ฝึกกระ ้ันๆๆ เข้ามาเร่ือย นสติขอ เราตั้ ม่ันแล้วป๊ับ อารมณ์ ะ ไมส่ ามารถทา� ให้ ติ คลอ้ ยตาม ถา้ ติ นนั้ มสี ติ สติ ะท�าให้ ติ นตี้ ั้ มั่นและค ที่ เพราะสติเป็นอ คข์ อ สมาธิ เมือ่ สติ แก่กล้าป๊ับ มัน ะดึ สมาธิเข้ามารอ รับ ะท�าให้ ิตขอ เราไมโ่ อนตาม เอนตาม โนม้ ตาม ติ ทไ่ี มโ่ อนตาม เอนตาม โนม้ ตามอารมณน์ ี้ มนั ะเหน็ อารมณเ์ กดิ -ดบั ๆๆๆ ถา้ เหน็ อารมณ์เกิด-ดับๆๆๆ ในขณะที่ถูกกระทบได้ในปั ุบัน อนั นนั้ แหละเรยี กวา่ เปน็ วปิ สั สนาหรอื เปน็ ปญั ญา เพราะ ะนน้ั ศีล-สมาธิ-ปัญญา มัน ะเกี่ยวโย กันตลอดสายไม่ได้ พราก ากกนั เลย

บทสนทนาธรรมกับพระอา ารยท์ ววี ัฒน์ ารวุ ณโฺ ณ ๑3 การประพฤตปฏบตั หลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนา มเี พยี งแคก่ ารทา� ความเขา้ ใจจต ทา� ความเขา้ ใจอารมณ์ แล้วก็ตั้งความเห็นให้ถูกระหว่างจตกับอารมณ์ แล้ว ก็มีสตให้ทัน แค่นั้นเอง มันจะแก้ปัญหาทุกอย่างได้ ิตเรา ะโล่ ิตเรา ะโปร่ ิตเรา ะสบาย ิต ะเกิด ปัญญา เรา ะรู้วิธีการใ ้ ีวิตในโลกน้ีว่าควร ะใ ้ ีวิต แบบไหน พระพทุ ธเ า้ สอนธรรมะเพอื่ ใหเ้ รานา� ไปสกู่ ารปฏบิ ตั ิ ไม่ใ ่ว่าให้เรามีความสุขนะ พระอ ค์ไม่ได้ต้อ การให้ มนษุ ยม์ คี วามสขุ เลย มนั เปน็ ไปไมไ่ ด้ เพราะโลกใบนเี้ ปน็ โลกทเี่ ตม็ ไปดว้ ยความทุกข์ พระพุทธเ ้าไม่ได้บอกว่าให้ มีความสุขในโลกใบน้ี ไม่ใ ่ พระอ ค์ทร บอกว่าอย่าไป กลัวความทุกข์ในโลกน้ี พระอ ค์สอนความทุกข์ ให้เรา รู้ กั วา่ ไม่กลวั ทกุ ข์ ไมใ่ ่วา่ ไมใ่ หม้ ที กุ ข์นะ แตท่ า่ นไมใ่ ห้ กลวั ทกุ ข์ คนทไ่ี มก่ ลวั ทกุ ข์ คนนนั้ จะไมท่ กุ ข์ ผใู้ ดกลวั ทกุ ข์ ผนู้ น้ั จะทกุ ข์ ทกุ ขอ์ ยกู่ บั ความทกุ ขน์ นั้ ทา่ นกเ็ ลยใหก้ ลา้ เผ ญิ กบั อารมณ์ ถา้ เรากลา้ เผ ญิ กบั อารมณ์ อนั นนั้ แหละ

๑4 ิตกับอารมณ์ ิตเรา ะอยู่เหนืออารมณ์ แต่ถ้าเราไม่กล้าเผ ิญกับ อารมณ์ ไม่ยอมปล่อยให้อารมณ์เกิดแล้วก็ดับไปตาม ภาวะขอ มนั ติ เรา ะตกเปน็ ทาสขอ อารมณ์ เรา ะถกู ครอบคลุมด้วยอารมณไ์ ปตลอด ีวิต แกไ้ ม่ได้ วิธกี ารแก้ ต้อ มาฝึกสติแบบน้ี รูจ้ ักจต ร้จู ักอารมณ์ ตั้งความเหน็ ให้ถูก มีสตก�ากับ แต่ไม่ต้อ ถึ กับว่าต้อ ควบคุม น กลายเปน็ ความเคร่ เครยี ด ไมใ่ น่ ะ คอื ปลอ่ ย ติ ธรรมดาๆ ใช้ความเข้าใจเป็นตัวน�า เข้าใจจต เข้าใจอารมณ์ ต้งั ความเหน็ ระหว่างจตกับอารมณใ์ ห้ถกู เท่านั้นแหละในการปฏิบัติ อย่าอยากดับอารมณ์ ปล่อยให้อารมณ์เกิดข้ึน อย่าคิดต่อ ากอารมณ์ อดทน ดูอารมณ์ แล้วก็ให้เห็นอารมณ์ดับไปต่อหน้าต่อตา โดยเ พาะอารมณท์ ก่ี ระทบ ติ ริ ๆ อารมณด์ ไี ม่ต้อ ไปดู อารมณไ์ มด่ นี ตี่ วั รา้ ย ทา� ใหอ้ ยไู่ มเ่ ปน็ สขุ กเ็ พราะอนั นแี้ หละ ตวั อารมณ์ไมด่ ีนี่ กธ็ รรมดา ต้อ เอามาเปน็ เครอื่ ฝกึ สติ ฝกึ ติ ฝกึ ใ เรา หลกั การมอี ยแู่ คน่ ้ี นอกนน้ั เปน็ หลกั ปฏบิ ตั ิ ไปปฏิบัตเิ อาแล้วคราวน้ี

บทสนทนาธรรมกบั พระอา ารย์ทววี ัฒน์ ารวุ ณฺโณ ๑๕ มนั ตอ้ ทา� แลว้ ทา� อกี อยา่ ไปหว ติ ถา้ เราหวงจต ไวก้ เ็ ทา่ กบั เราหวงกเลสไว้ เพราะกเิ ลสมนั อยกู่ บั ติ กเิ ลส มนั สรา้ ความ อบ-ไม่ อบ พอใ -ไม่พอใ ข้ึนมา แล้วก็ เขา้ ไปกา� หนดอารมณท์ ตี่ อ้ การและไมต่ อ้ การ ยดึ อารมณ์ ท่ีต้อ การไว้ ปฏิเสธอารมณ์ที่ไม่ต้อ การออกไป ถ้ายั เปน็ แบบนเ้ี รา ะไมพ่ บความอสิ ระ เพราะอะไร? เพราะเรา ต้อ มาคอยป้อ กนั อารมณท์ ่ีไม่ดี และก็ยดึ อารมณ์ท่ีดีไว้ เรา ะไม่พบค�าว่าอิสรภาพ เราต้อ ท�าอย่า น้ีไป นถึ วันตาย แต่หลักการขอ พระพุทธเ ้าเม่ือปล่อย ิตให้รับ อารมณก์ ระทบ กระทบมาเลย เ บ็ ไหม? เ บ็ วนุ่ วายไหม? วุ่นวาย เราก็ต้อ ยอมรับ นั่นคือความเป็น ริ นี่คือ โลกมนุษย์ การทเ่ี ราใหจ้ ตรบั อารมณท์ มี่ ากระทบแลว้ ทา� ให้ เราทกุ ขไ์ ดน้ นั้ นนั่ แสดงวา่ เราอยใู่ นโลกของความเปน็ จรง เพราะอะไร? เพราะในโลกนี้มันไม่มีความสุข สุขมีอยู่ ไม่ใ ่ว่าไม่มี หมายถึ ว่ามันเป็นเพีย แค่สุข ั่วระยะห่า เรยี กวา่ เปน็ ว่ เขา้ มาคนั่ ขอ ความทกุ ขท์ ม่ี อี ยตู่ ามธรรม าติ หมายถึ วา่ ความทกุ ขน์ เี้ ราไมไ่ ดส้ รา้ มนั ขน้ึ แตค่ วามสขุ น้ี เราพยายามแสว หาและสรา้ มนั ขน้ึ มาตลอด และเมอื่ มนั

๑๖ ติ กับอารมณ์ เกิดข้ึนมาแล้วมันก็มาแทรกภาวะขอ ความทุกข์ใน ั่วระยะเวลาหนึ่ นั่นหมายถึ ว่าความทุกข์เป็นพ้ืนฐาน ขอ ีวติ เพราะเราไมไ่ ดส้ รา้ มันขึน้ มนั มีอยแู่ ล้ว การทเี่ รามคี วามทกุ ขใ์ น วี ติ อยนู่ ี้ ึ ทา� ใหเ้ ราพุ่ เปา้ ไปทคี่ วามสขุ ใน วี ติ อะไรทเ่ี ปน็ ความสขุ เรา ะแสว หาเขา้ มา แตเ่ ราไมเ่ ขา้ ใ วา่ ขณะทเี่ ราแสว หานน่ั กเ็ ปน็ เครอ่ื บ่ บอก ความทุกข์อยู่ในขณะท่ีท�าอยู่แล้ว พระพุทธเ ้าก็เลยสอน ให้เรา ลาดมากขึ้นด้วยการกลับมามอ ีวิตตามความ เปน็ ริ วา่ มนั มที กุ ขอ์ ยแู่ ลว้ เมอ่ื วี ติ มนั มคี วามทกุ ขอ์ ยแู่ ลว้ ไม่ต้อ ไปกลัวความทุกข์ ให้กล้าเผ ิญกับความทุกข์ ิตดว ใดก็ตามเม่ือกล้าเผ ิญกับความทุกข์แล้วมัน ะ กล้าแข็ ข้ึนมา ิตกล้าแข็ แล้วมัน ะอยู่เหนืออารมณ์ ความทกุ ข์ เมอื่ ติ อยูเ่ หนอื ความทุกข์ ไม่ใ ว่ า่ ความทกุ ข์ ไม่มี ความทุกข์มีแต่ ิต ะไม่ถูกความทุกข์ครอบ �า ติ ดว นนั้ กเ็ ลยเปน็ ติ ทไี่ มม่ ที กุ ข์ แลว้ กเ็ ปน็ ติ ทมี่ คี วามรู้ ถา้ เราปลอ่ ยแบบนไ้ี ปไดแ้ ลว้ อะไร ะกระทบกก็ ระทบไปเลย เรากเ็ ปน็ อสิ ระได้ เราไมต่ อ้ มาคอยหว ติ ไมต่ อ้ มาคอยกนั อารมณ์ ส บก็ตาม ไม่ส บก็ตาม เป็นเรื่อ ขอ อารมณ์ ไมใ่ ่เรื่อ ขอ เรา ติ เป็นตวั รบั อารมณอ์ ยู่แล้วกเ็ ขา้ ใ กัน

บทสนทนาธรรมกบั พระอา ารย์ทววี ฒั น์ ารวุ ณโฺ ณ ๑7 ไปทกุ ระยะๆ เรากม็ อี สิ ระ ไมต่ อ้ คอยไปปกปอ้ หว แหน กระท�าตอบต่อสิ่ ท่ีเราไม่ต้อ การ ผลักดันมันออกไป ปฏเิ สธมนั ดึ อนั ดมี า ผลกั ดนั อนั ไมด่ อี อกไป ผลกั มนั ออกไป มันก็ท�าอย่า นี้ไปตลอด ีวิตเพราะเราต้อ เ อทั้ ส่ิ ที่ดี และไม่ดีใ ่ไหมล่ะ สลับสับเปลี่ยน ทา สายกลา ขอ พระพุทธเ ้าก็เลยไม่ปฏิเสธ พระอ ค์ใ ้ค�าว่า ไม่ยนดี ในสง่ ทชี่ อบใจ ไมค่ ดั คา้ นในสง่ ทเ่ี ราไมช่ อบใจ ไมย่ นิ ดี ไมค่ ัดค้านปบั๊ ติ ะล เปน็ กลา เมอื่ ิตล เปน็ กลา ปับ๊ ความเห็นท่ีถูกต้อ มัน ะไปแยกอารมณ์พวกนี้ออก เรา ะเ อความส บแบบถาวร เมอ่ื เราฝกึ ปฏบิ ตั แิ บบน้ี น ิต สมั ผสั กบั พระนพิ พาน เรยี กวา่ กระแสแรกขอ พระนพิ พาน ิต ะสัมผัสกับพระนิพพานได้ก็ต้อ เห็นอารมณ์ ท่ีมากระทบ ิตนั่นแหละเกิด-ดับ น่ันหมายถึ ว่าเราต้อ มีอารมณ์ไว้เพ่อเป็นเคร่องก�าหนดรู้การเกดการดับ ของอารมณ์ จะใหม้ นั ปราศจากอารมณเ์ ลย เปน็ ไปไมไ่ ด้ มันต้อ มี เพราะ ะน้ันเมื่อเราเข้าใ เรื่อ ราวเหล่าน้ีแล้ว สิ่ ท่ีเป็นความวุ่นวาย เรา ะไม่กลัว เพราะการที่ความ วุ่นวายเข้ามาสู่ ิตสู่ใ ขอ เรา ะท�าให้เราได้เห็นอารมณ์ แล้วก็เห็นการเกิดการดับขอ มัน เพราะ (เห็น) การเกิด

”๑8 ติ กบั อารมณ์ การดบั ะทา� ให้ ติ นเ้ี ขา้ ไปสบื ตอ่ พระนพิ พาน ถา้ ติ สมั ผสั พระนพิ พานแลว้ ป๊บั อสิ รภาพ ะเกดิ ขน้ึ ในเบอ้ื ตน้ ติ เรา ะปลอดโปร่ โล่ สบาย แล้วก็สัมผัสได้กับความส บ เยอื กเยน็ ขอ พระนพิ พาน และก็ ะไมต่ กตา�่ อกี เลยตลอด อนนั ตกาล และกไ็ ม่ไปสอู่ บายภูมิ เรา ะปิดอบายภูมไิ ด้ ตลอด ีวิต แต่ต้อ อาศัยความพากเพียรในการประพฤติ ปฏิบัติ ด้วยหลักการท่ีแนะน�าไปนี้ ะเป็นหลักการ ที่สามารถใ ้ได้ในขณะที่เราใ ้ วี ิตอย่ตู ามปกติ เขา้ ใ นะ ผนู้ ้ี (กลา่ วถึ ผทู้ น่ี ่ั ฟั ในทนี่ ี้ ไมข่ อระบุ อื่ ...) กต็ อ้ ทา� ผู้นี้อารมณ์ฟึดฟัดบ่อย พออารมณ์ขึ้นมาปั๊บ รีบ ่อดูใ ตนเอ เลย อยา่ ไปดคู นทเ่ี ราไมพ่ อใ เดยี๋ วมนั ะเพมิ่ ดใู ตนเอ ปุ๊บป๊ับ อืม... มันเกิดขึ้นแล้ว ะดับไปตอนไหน” อดเอา ดเู อาอยา่ นนั้ ถา้ ฝกึ ไดแ้ บบนน้ี ห่ี ลดุ พน้ ได้ ถา้ ไมท่ า� อยา่ นน้ี ห่ี ลดุ พน้ ไมไ่ ด้ เราก็ ะเปน็ ทาสอารมณไ์ ปอยา่ น้ี อยตู่ ลอด

บทสนทนาธรรมกับพระอา ารยท์ วีวฒั น์ ารุวณโฺ ณ ๑9 โยม : มีแต่คนมาพดู ย่วั พระอาจารย์ : มแี ตเ่ รื่อ มายว่ั ใ ่ไหม คนนั้นกย็ ่ัว ทแี่ ทแ้ ลว้ ใ ตนเอ ตา่ หากรไู้ มเ่ ทา่ ทนั อารมณ์ ไปกลา่ วหาวา่ คนนนั้ คนน้ี มันไม่ใ ่ มันตอ้ ฝกึ ทุกคนตอ้ ฝึกเพราะว่า ใ กใ็ เราเอ ไมใ่ ใ่ ผอู้ น่ื ใ ผอู้ น่ื เขากฝ็ กึ เอาเอ ขอ เขา เขาไมฝ่ กึ กเ็ รอื่ ขอ เขา เขาก็ ะทกุ ขข์ อ เขาเอ ถา้ เราฝกึ ก็ ะดับความทุกข์ได้ แก้ความทกุ ข์ได้ โยม : ร้สู ึกว่ามนั หนกั พระอาจารย์ : ก็ยอมรับว่ามันหนัก เรียกได้ว่า นน�้าตาไหลก็ว่าได้ ฝึกในหลักการน้ีนะ มันต้อ ทุกข์ มันต้อ เ ็บปวด มันต้อ ... บา ครั้ ต้อ ร้อ โอย... พระพุทธเ า้ ทา� ไมไมบ่ นั ดาลให้ไดม้ รรคผล ่ายๆ หน่อย กท็ า� ทกุ ขท์ า� ยากขนาดนี้ ทา� ไมไม่ ว่ ยบา้ ” ขนาดนน้ั เลยนะ ได้ร้อ เรียกหาในปา่ ในเขา สมยั บา� เพญ็ ทา� ไมมาทา� ให้ ยากเหลอื เกนิ ปฏบิ ตั ภิ าวนาน”้ี เดนิ กรมทา่ มกลา สายฝน นอนกลา แดดกลา แ ้ ไม่มอี ะไรบั ฝนตกฟา้ รอ้ นอน กับพื้นดิน มันทุกข์มันยาก ริ โว้ย...” นได้ร้อ หา ” ” ”

”๒0 ิตกับอารมณ์ ” พระพทุ ธเ า้ ให้ ว่ ย หล อกี นะนน่ั ไปรอ้ หาใหพ้ ระพทุ ธเ า้ ่วย หล ! ท่าน ะมา ว่ ยได้อยา่ ไรล่ะ อัตตา ห อัตตโน นาโถ รู้ กั อยใู่ ไ่ หมละ่ ตนเองกต็ อ้ งพง่ึ ตนเอง ไดก้ ลบั มาด่าตนเอ อีก ท�าไมถึ บ้า ริ ไอ้ต้น ะไปร้อ หา พระพุทธเ า้ ทา� ไม” มนั ทุกข์มากนะตอนนนั้ เพราะ ะน้ัน �าไว้ว่า เส้นทา การปฏิบัติท่ี พระพุทธเ า้ ได้วา ไว้ ไม่มใี คร ่วยใครได้ ตนเอ ตอ้ ว่ ย ตนเอ น่ีคือความ ริ เพราะว่าพระอา ารย์ก็ผ่านมา ด้วยก�าลั ขอ ตัวเอ ่วยกันไม่ได้หรอก ใคร ะเ อทุกข์ แบบไหนกต็ าม พระพทุ ธเ า้ กไ็ ดแ้ คน่ ั่ บอก น่ั ดเู ทา่ นน้ั แหละ ว่า มนั ก็เป็นอย่า นีแ้ หละ ะให้มนั เปน็ ยั ไ โลกนมี้ ัน กเ็ ปน็ โลก” การปฏบิ ตั ทิ า่ นเลยใหห้ นอี อก ากโลก ทา่ นไมไ่ ด้ ให้อยู่กับโลกนะ ท่านให้หนีออก ากโลก ท่านก็ยั หนี ออก ากโลก พระพทุ ธเ า้ พระอ คไ์ มม่ าเกดิ อกี พระอรยิ เ า้ ทา่ นกไ็ มม่ าเกดิ อกี เพราะอะไร? กม็ นั เปน็ อยา่ น้ี โลกอนั น้ี มันเป็นอะไร? มันเป็นทุกข์ไ ทุกขสั ะ เหตุให้ เกดิ ทกุ ขค์ ือความอยาก ใ ่ไหมล่ะ ทา่ นกก็ ลา่ วไว้ มนั กใ็ ่ ริ ๆ ใ ่ไหมล่ะ ีวิตเรามีแต่ความอยากรายล้อมอยู่

” บทสนทนาธรรมกับพระอา ารยท์ วีวัฒน์ ารุวณฺโณ ๒๑ อยากนน่ั อยากน่ี วา่ แตต่ ามอ เหน็ หไู ดย้ นิ เขา้ เทา่ นนั้ แหละ ตาเหน็ หไู ด้ยิน มูกดมกลนิ่ ล้ินลิ้มรส เหลา่ น้ีกอ่ ให้เกิด ความอยากท้ั น้ัน ความดับไปขอ ทุกข์ ไม่ยอมรู้ มรรค ปฏบิ ตั ยิ ั ไ ไมย่ อมปฏบิ ตั ิ มนั กไ็ มส่ า� เร็ ผล กไ็ มส่ ามารถ หนีทุกข์ได้ เด๋ียวก็อยู่ที่เดิม อารมณ์ก็เหมือนเดิม มันก็ อารมณ์อันเดียวกันน่ันแหละแต่ว่ารู้ไมท่ นั มนั ะเกดิ อยู่ แบบนี้ คนที่ท�าให้อารมณ์เราถูกกระทบก็ ะเกิดแบบน้ี ไปตลอด เพราะอะไร? เพราะเรารไู้ มท่ นั แตถ่ า้ เรากา้ วขา้ ม มันได้ รู้ทันแล้วปั๊บ คนที่ ะมาทา� ให้เรามีอารมณ์แบบนี้ ะไม่มอี ีก มัน ะหายไปเอ มนั ะแยกออกไป ติ ใ เรา ะเบกิ บานขน้ึ มา สขุ ภาพรา่ กายเราก็ ะดี สขุ ภาพ ติ เรา กไ็ มเ่ สยี ไดป้ ระโย นท์ ้ั สอ ฝา่ ย คนอยใู่ กลก้ ไ็ มห่ ดุ ห ดิ ร�าคาญด้วย ก็ ะไม่มีการวอกแวกๆ ใส่กัน ท�าได้นี่ดี ไม่ต้อ หว ติ ิตตวั เดยี วน่แี หละไม่อยากถูกดุ ไมอ่ ยาก ถกู ด่า ไมอ่ ยากถกู วา่ ตดิ เปน็ นสิ ยั คนทุกคนมีความสามารถด้วยกันทั้ น้ันแต่ไม่ดึ ออกมาใ ้ให้มันได้ สมัยพระอา ารย์ไม่มีใครมาแนะนา� เส้นทา ขนาดน้ี ก็เลยบ่นให้ตนเอ ขณะปฏิบัติ ใครว่า เขา้ มาบว มนั สบาย มนั ไมส่ บาย” คราวสบาย ดุ ทส่ี บาย

๒๒ ิตกบั อารมณ์ มอี ยู่ แต่ไม่ใ ่สบายแบบโลกๆ หลว ปู่... ท่านกม็ ีทีเ่ อาอยู่ ดุ สบายนั่น ท่ีภายในขอ ท่าน โลกภายนอกอย่า นท้ี า่ น ไมเ่ อา ทา่ นทา� ไวท้ า่ นไมไ่ ดเ้ อาอะไรนะ ทา่ นท�าใหเ้ อาบญุ คนสืบต่อเหตุปั ัยไปในเบ้ือ หน้า ถ้าไม่มีเหตุปั ัย สร้า ไว้แล้ว เบ้ือ หน้า ะไปสร้า เอาตอนไหน คราวท่ีมี พุทธศาสนาอย่นู ี่แหละ เอาละ เอวั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook