Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สิ่งที่คนอยากรู้มากที่สุดเกี่ยวกับ การสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตร

สิ่งที่คนอยากรู้มากที่สุดเกี่ยวกับ การสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตร

Published by Sarapee District Public Library, 2020-11-17 16:19:39

Description: สิ่งที่คนอยากรู้มากที่สุดเกี่ยวกับ การสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตร

Keywords: ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร,ธรรมะ

Search

Read the Text Version

ธัมมจกั กัปปวตั ตนสูตร พระธรรมเทศนาบทแรก ขององคพระสัมมาสมั พุทธเจา สง่ิ ทค่ี นอยากรมู ากทส่ี ดุ เกย่ี วกบั การสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตร www.kalyanamitra.org

สวดธัมมจกั กปั ปวตั ตนสูตรด้วยวธิ งี า่ ย ๆ โดย... มเีเพส่ือยีสสงแวสกดวนดทพาQงรRอ้ YCมooบudTทeuสbวeด สแแกลนะสQาRมมเี Cาสรoยี ถdงสeสง่ วเยพดอพอ่ื ดสรใอ้วนดมกทบาารทงสสวAวดดpไpดliด้ cว้aยtion iOS Android ดาวนโ์ หลด PDF อ่าน e-book หนงั สอื เสยี ง หนังสอื เสยี ง YouTube Podcast www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

ทําไมต้องอา นหนังสือเลม น้ี ? ทุกวันน้.ี .คณุ เข้าใจเร่อื งการสวดมนต์มากแค่ไหน ? การสวดมนต์ใช่ส่งิ สา� คญั และจ�าเป็นสา� หรบั ชีวติ ไหม ? การสวดมนต์ถอื เป็นการเสยี เวลาเพ่อื ทา� ในสง่ิ งมงายหรือไม่ ? และการสวดธรรมจกั รล่ะ… คอื อะไร ? ทา� ไมถงึ ฮติ สวดกนั นัก ? ความเข้าใจทไ่ี ม่ถ่องแท้ในเร่อื งทา� นองนี้ ทา� ให้หลายคนไม่เคยคดิ จะสวดมนต์เลยตลอดชวี ติ หรอื สวดบ้าง ไม่สวดบ้าง ! ซึง่ คุณใช่..คนเหล่านไ้ี หม ? แต่ไม่ว่าจะใช่หรอื ไม่กต็ าม… หากคณุ อยากจะย่นย่อการทา� ความเข้าใจเรอ่ื งการสวดมนต์ และการสวดธรรมจกั รแบบม้วนเดยี วจบ หนงั สอื เล่มน้ไี ม่เพียงแค่เป็นหนงั สือที่ดีท่สี ุดส�าหรบั คณุ แต่ยงั เป็นหนงั สือท่ดี ีทส่ี ดุ สา� หรบั คนที่คณุ รกั รอบตัวคุณอกี ด้วย ด้วยความปรารถนาดี ร.ลวิ่ เฉลมิ วงศ์ www.kalyanamitra.org

สารบัญ หน้า • สิง่ ท่ีคนอยากรูม้ ากที่สดุ เกี่ยวกับการสวดธัมมจกั กัปปวตั ตนสูตร ......................................................... 1 1. ท�าไมต้องสวดมนต์ ? การสวดมนต์ถอื เป็นการกระท�าท่งี มงายหรอื ไม่ ? มีการทดลองทางวทิ ยาศาสตร์ยนื ยนั หรอื ไม่ ? ........................................................................................ 1 2. การสวดมนต์มมี าตั้งแต่ครง้ั พทุ ธกาลหรอื ไม่ ? ........................................................................................ 11 3. พระสมั มาสมั พุทธเจ้าตรัสเรือ่ งการสวดมนต์ไว้อย่างไรบ้าง ? ................................................................ 13 4. บทธัมมจกั กปั ปวตั ตนสตู รมปี ระวตั ิความเป็นมาอย่างไร ? .................................................................... 15 5. ทา� ไมต้องสวดธมั มจกั กปั ปวตั ตนสตู ร ? .................................................................................................. 17 6. พระสมั มาสมั พุทธเจ้ารบั สั่งให้สวดธมั มจักกปั ปวตั ตนสตู รไหม ? ........................................................... 21 7. ท�าไมต้องสวดบทธมั มจกั กัปปวตั ตนสูตร สวดบทอ่นื แทนได้หรือไม่ ? ................................................... 23 8. คา� ว่า “ธรรมจกั ร” กบั “ธมั มจกั กปั ปวัตตนสตู ร” มคี วามแตกต่างกันอย่างไร ? เขยี นอย่างไรถูกต้องกนั แน่ ? ................................................................................................................... 25 9. ใจความสา� คัญและความหมายของบทสวดธมั มจกั กปั ปวัตตนสตู รเป็นอย่างไร ? ค�าว่ารอบ 3 อาการ 12 ในบทสวดหมายถงึ อะไร ? ................................................................................ 27 10. ทา� ไมต้องสวดธมั มจักกปั ปวตั ตนสูตรเป็นภาษาบาลี ? ......................................................................... 33 11. สวดธัมมจกั กปั ปวตั ตนสูตรแบบแปลได้ไหม ? ...................................................................................... 35 12. บางคนสวดมนต์แบบท่องเป็นนกแก้วนกขนุ ทอง ถือเป็นการกระทา� ท่ถี กู ต้องไหม ? จะเกิดประโยชน์อะไรไหม ? ..................................................................................................................... 37 13. ทา� อย่างไรถงึ จะสวดมนต์บทธมั มจักกปั ปวตั ตนสูตรได้อย่างถูกหลกั วชิ ชา ? ....................................... 41 14. เราจะได้อะไรจากการสวดมนต์อย่างถกู หลกั วชิ ชา ? .............................................................................. 43 www.kalyanamitra.org

ห นา้ 15. ท�าไมต้องสวดเป็นพนั ๆ ล้านจบ ? เวอร์ไปไหม ? จา� เป็นด้วยหรอื ทีต่ ้องสวดกันขนาดนัน้ ? แล้วควรสวดถ่แี ค่ไหนด ี ? ............................................................................................................................... 45 16. ทา� ไมหลายคนต้องแห่มาสวดธมั มจกั กปั ปวัตตนสูตรหน้าพระมหาธรรมกายเจดยี ์ ? สวดทอ่ี ื่นได้ไหม ? ........................................................................................................................................... 49 17. การทพ่ี ระภกิ ษุสงฆ์สวดมนต์พร้อมกบั ญาตโิ ยมถอื ว่าอาบตั หิ รือไม่ ?.................................................... 51 18. การสวดมนต์หรอื สวดสรรเสรญิ คุณของพระรตั นตรยั มอี านสิ งส์อะไรบ้าง ? ....................................... 53 19. การสวดหรอื ฟังบทสวดธรรมจกั รให้อานิสงส์ทนั ตาเหน็ ไหม ? ถ้าให้..ให้อย่างไร ? ............................ 59 20. สวดธมั มจกั กัปปวัตตนสตู รเป็นประโยชน์ต่อการน่งั สมาธิปฏบิ ตั ธิ รรมหรอื ไม่ ? ................................... 61 21. การสวดธมั มจักกปั ปวัตตนสูตรนยิ มสวดในเทศกาลหรือวาระโอกาสใด ? ........................................... 63 22. ควรสวดธมั มจักกัปปวัตตนสตู รเวลาไหน ? ........................................................................................... 65 23. เด็กสวดได้ไหม ? อายเุ ท่าไรถงึ สวดได้ ? ใครบ้างท่คี วรจะสวดธมั มจกั กัปปวตั ตนสูตร ? .......................... 67 24. ก่อนสวดต้องเตรยี มตวั อย่างไรบ้าง ? ...................................................................................................... 69 • พระนานาชาติ 8 ประเทศสวดธัมมจกั กปั ปวตั ตนสตู ร ....................................................................... 71 • ขอเป็นคนหน่ึง...ท่ีทาํ ใหเ้ สียงสวดมนตด์ งั กงั วาน ณ เมยี นมา ............................................................. 85 • เสียงสวดธรรมจักรเปล่ียนชีวิตฝร่ังในต่างแดน ..................................................................................... 109 • หนูน้อยมหศั จรรยช์ อบสวดมนต์ตั้งแต่ 1 ขวบ ...................................................................................... 115 • สวดธรรมจักรกูว้ กิ ฤตกิจการ ..................................................................................................................... 121 • ประมวลภาพความปลื้มในการสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ................................................................. 132 www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

สิ่งทค่ี นอยากรมู้ ากท่ีสดุ เกยี่ วกบั การสวดธมั มจกั กปั ปวัตตนสูตร 1 ทาํ ไมตอ้ งสวดมนต ? การสวดมนตถ อื เปน็ การกระทาํ ทงี่ มงายหรอื ไม ? มกี ารทดลองทางวทิ ยาศาสตรย นื ยนั หรอื ไม ? ปัจจุบันมีผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์และข้อมูลทางการแพทย์มากมายยืนยันว่า..การสวดมนต์ไม่ใช่ ส่ิงงมงาย อีกท้ังยังถือว่า..การสวดมนต์เป็นวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ ที่ควรเอาไปประกอบการรักษาดูแล ผู้ป่วย เพราะขณะสวดมนต์ร่างกายจะหล่งั สารแห่งความสขุ ออกมาหลายตวั ด้วยกัน เช่น 1) เซโรโทนนิ (Serotonin) สารสอื่ ประสาทตวั นจ้ี ะหลง่ั ออกมาเมอ่ื รา่ งกาย รู้สกึ สงบสขุ สบาย ผ่อนคลาย และเมอ่ื หลง่ั ออกมาแล้วจะทา� ให้มนษุ ย์มคี วามสขุ หากรา่ งกายมสี ารตวั นน้ี อ้ ยจะสง่ ผลตอ่ ระบบควบคมุ อารมณ์ กอ่ ให้ เกดิ ความวิตกกังวล หงุดหงดิ ขาดสมาธิ นอนไม่หลับ เกิดภาวะของโรค ซึมเศร้า นอกจากนี้ ยังท�าให้ระบบการทา� งานของรา่ งกายรวนหลายระบบ เชน่ ระบบควบคมุ ความหวิ ความอม่ิ ระบบการหล่งั น�า้ ย่อย ระบบการไหลเวยี นของ เลือด ระบบภูมคิ ุ้มกนั • โครงสรา้ งโมเลกลุ ของเซโรโทนนิ สิ่ ง ที่ ค น อ ย า ก รู้ ม า ก ที่ สุ ด เ กี่ ย ว กั บ ก า ร ส ว ด ธั ม ม จั ก กั ป ป วั ต ต น สู ต ร 1 www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

2) เอนดอร์ฟน (Endorphin) เป็นสารภายใน รา่ งกายมนษุ ยท์ หี่ ลง่ั ออกมาแลว้ สรา้ งความรสู้ กึ ทเ่ี ตม็ ไป ด้วยความสขุ ผ่อนคลาย บรรเทาความเจบ็ ปวด หากร่างกายผลิตเอนดอร์ฟนไม่เพียงพอ ตอ่ ความตอ้ งการ จะทาํ ใหม้ อี าการซมึ เศรา้ วติ กกงั วล • โครงสร้างโมเลกลุ ของเอนดอร์ฟิน หงดุ หงดิ งา่ ย มพี ฤตกิ รรมหนุ หนั พลนั แลน่ กา้ วรา้ ว ปวดเมอ่ื ย เจบ็ ปวด 3) เมลาโทนนิ (Melatonin) เปน็ ฮอรโ์ มนทผ่ี ลติ จากสารเซโรโทนนิ ซง่ึ ฮอรโ์ มนตวั นช้ี ว่ ยในเรอื่ งของการนอนหลบั ทสี่ า� คญั ...เมลาโทนนิ จะอยู่ในสมองส่วนฮปิ โปแคมปัส (Hippocampus) ซ่งึ ท�าหน้าทเ่ี กย่ี วกบั ระบบความจ�าและการเรยี นรู้ ถา้ ระดบั เมลาโทนนิ ในรา่ งกายตา่ํ เกนิ ไป ยงิ่ ในคนสงู อายดุ ว้ ยแลว้ • โครงสรา้ งโมเลกลุ ของเมลาโทนนิ รา่ งกายจะผลิตฮอรโ์ มนตวั นีน้ อ้ ยลง เลยทาํ ใหน้ อนไม่หลับ ข้ีลมื การที่เราสวดมนต์ นอกจากร่างกายจะหล่ังสารท่ีให้คุณประโยชน์มากมายแล้ว ท่ีสุดยอดไปกว่านั้น... คือ ขณะสวดมนต์ไประยะหน่ึง ความถ่ีของคล่ืนสมองจะลดลงโดยเปล่ียนความถ่ีมาอยู่ในระดับทีตา (Theta) ซ่ึงคล่ืนสมองระดับน้ี ส่งผลให้มนุษย์พบความสงบสุขระดับลึก ซ่ึงภาวะที่สมองมีคล่ืนความถ่ี ระดบั ทตี านี้ จะทาํ ใหร้ า่ งกายหล่ังสารแหง่ ความสุขออกมา เช่น เอนดอร์ฟน เห็นไหมว่า..การสวดมนต์เป็นการกระทา� ง่าย ๆ แต่ทา� ให้ผู้คนเอ่อล้นไปด้วยความสขุ ฉะนั้น จึงไม่แปลกเลยท่ีแทบทุกศาสนาล้วนมีการสวดมนต์กันหมด ซ่ึงจะท�าให้ผู้ท่ีนับถือศาสนานั้น ๆ รู้สึกสงบและมคี วามสขุ น่ันเอง... สิ่ ง ที่ ค น อ ย า ก รู้ ม า ก ที่ สุ ด เ กี่ ย ว กั บ ก า ร ส ว ด ธั ม ม จั ก กั ป ป วั ต ต น ส ู ต ร 3 www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

การทดลอง งานวจิ ัย และขอ้ มลู ทนี่ าสนใจ เกี่ยวกบั การสวดมนต 1) การทดลองของ ดร.เฮอรเ์ บริ ์ต เบนสนั (Herbert Benson) จาก Harvard Medical School ศาสตราจารย์ด้านอายุรศาสตร์โรคหัวใจ ผู้บุกเบิกงานด้านเวชศาสตร์ทางกายและจิต ผู้จัดตั้งสถาบัน เวชศาสตรท์ างกายและจติ (Mind Body Medical Institute) ทา่ นไดน้ มิ นตพ์ ระจากทเิ บต รวมทงั้ ทา่ นทะไลลามะมาสวดมนตใ์ นหอ้ งแลป็ ทา� ใหม้ ผี ลการทดลองออกมา วา่ ..การสวดมนตช์ ว่ ยเพมิ่ ภมู ติ า้ นทาน ลดโคเลสเตอรอล (Cholesterol) ลดความดนั โลหติ ลดอะดรนี าลนี (Adrenaline) ลดคอรต์ ซิ อล (Cortisol) กระตนุ้ การทาํ งานของสมองสว่ นฮปิ โปแคมปสั ซงึ่ สง่ ผลใหค้ วามจาํ ดขี น้ึ นอกจากน้ันยังพบว่า..การสวดมนต์ส่งผลให้สมองซีกซ้ายและขวามีคลื่นความถ่ีที่ใกล้เคียงกันมากข้ึน จน ทา� ให้สมองทง้ั ๒ ข้างทา� งานประสานกนั อย่างลงตวั มากกว่าภาวะปกต ิ และทสี่ า� คญั ...การสวดมนตย์ งั ทา� ใหร้ า่ งกายหลงั่ สารแหง่ ความสขุ ตวั สา� คญั ออกมาดว้ ย ซง่ึ กค็ อื เอนดอรฟ์ น 2) การทดลองของศาสตราจารยด์ ามาริส ดริวรี (Damaris Drewry) ศาสตราจารย์ด้านจิตวทิ ยา ผูเ้ ชี่ยวชาญการแก้ปัญหาการบาดเจบ็ และดแู ลสุขภาพแบบองคร์ วม หลังจากทน่ี �าผู้เข้าทดลองจา� นวน 18 คน มาฟังเสยี งสวดมนต์เพยี ง 2 นาที ก็พบว่าความถข่ี องคลื่นสมอง เปลยี่ นจากระดบั บตี า (Beta) ไปสรู่ ะดบั แอลฟา (Alpha) และเมอ่ื ใหท้ กุ คนฟงั เสยี งสวดมนตต์ อ่ จนกระทง่ั ถงึ นาทที ่ี 3 ก็พบว่า คลืน่ สมองเปลี่ยนไปส่รู ะดบั ทตี า (Theta) สิ่ ง ที่ ค น อ ย า ก รู้ ม า ก ที่ สุ ด เ กี่ ย ว กั บ ก า ร ส ว ด ธั ม ม จั ก กั ป ป วั ต ต น สู ต ร 5 www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

3) การทดลองของศาสตราจารย์ ท.ี เทมเพิล ทัตเทิล (Prof. T. Temple Tuttle) สมาชกิ ผกู้ ่อตัง้ Niagara Chapter ซึง่ เปน็ ศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลยั แห่งรฐั คลีฟแลนด์ สหรัฐอเมรกิ า ผู้ประสานงาน การศึกษาดนตรโี ลก ผ้อู าํ นวยการโครงการศึกษาวัฒนธรรมอินเดยี พบว่า..การสวดมนต์เป็นภาษาบาลอี ย่างเดยี ว จะเกดิ ผลต่อระบบประสาท Neuro-Linguistic Effect (NLE) คือ คล่นื สมองจะมคี วามถี่ลดลงไปสู่ระดบั ทีตา แตก่ ารสวดโดยรคู้ วามหมายของบทสวดดว้ ย จะเกดิ ผลทางจติ วทิ ยา Psycholinguistic Effect (PLE) คอื สมอง จะผลิตสารแห่งความสุขเพ่ิมข้ึนมา เพราะความหมายของบทสวดจะท�าให้ผู้สวดรู้สึกมีท่ีพ่ึงที่ยึดเหนี่ยว และรู้สึก ได้เป็นส่วนหนง่ึ ของสง่ิ ส�าคญั ในศาสนาท่ตี นนบั ถือ 4) ข้อมูลจาก ดร.นพ.ธวัชชัย กมลธรรม อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลอื ก ใหข้ อ้ มลู วา่ ..การสวดมนตบ์ า� บดั ถอื เปน็ ศาสตรห์ นง่ึ ของแพทยท์ างเลอื กทใ่ี ชห้ ลกั การ Vibrational Therapy คือการใช้คุณสมบัติของคล่ืนบางคลื่นมาบ�าบัดความเจ็บป่วย โดยผู้ท่ีได้สวดมนต์ต้ังแต่ 10-15 นาทีขึ้นไป ร่างกายจะหล่ังสารเซโรโทนิน เอนดอร์ฟน เมลาโทนนิ ออกมา ขอบคณุ ภาพจาก : https://images.app.goo.gl/g67bKqk6hN84tSuv9 และ https://images.app.goo.gl/imn4YmPdk6aK3x2M7 สิ่ ง ที่ ค น อ ย า ก รู้ ม า ก ที่ สุ ด เ กี่ ย ว กั บ ก า ร ส ว ด ธั ม ม จั ก กั ป ป วั ต ต น ส ู ต ร 7 www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

ว่าไปแล้ว..คนเราเกิดมาล้วนปรารถนาท่ีจะมีความสุขกันทั้งน้ัน แต่ท่ีหลายคนไม่มีความสุข เพราะไม่รู้ ความลบั ของการสร้างความสขุ ฉะน้ันหากเราปรารถนาการมสี ุขภาพด ี และมคี วามสุขด้วยวธิ ีง่าย ๆ เรากค็ วรสวดมนต์ เพราะ... • ร่างกายจะหล่งั สารแห่งความสขุ ออกมา • ความถ่ขี องคลน่ื สมองจะลดลงมาอยู่ในระดบั ทตี า (Theta) • สุขภาพของผู้สวดจะดขี นึ้ สิ่ ง ที่ ค น อ ย า ก รู้ ม า ก ที่ สุ ด เ กี่ ย ว กั บ ก า ร ส ว ด ธั ม ม จั ก กั ป ป วั ต ต น ส ู ต ร 9 www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

2 การสวดมนตม ีมาตัง้ แตค รั้งพทุ ธกาลหรือไม ? มี… เพราะมีหลักฐานปรากฏเด่นชัดในพระไตรปิฎกหลายแห่ง ซึ่งถ้าเราได้ศึกษาประวัติของบทสวด สบิ สองตา� นาน เช่น บทรตั นสตู ร จะพบว่า..บทน้ีเกิดขึ้นเพราะพระสัมมาสมั พทุ ธเจา้ รบั สง่ั ให้พระอานนท์ สวด เพอ่ื ขจดั ปดั เปา ภยั พบิ ตั ริ า้ ยแรงทเ่ี กดิ ในกรงุ เวสาลี พรอ้ มกบั ทา� นา้� พระพทุ ธมนตใ์ นบาตรของพระพทุ ธองค์ แล้วเดินพรมไปทว่ั พระนคร จนทา� ให้พวกอมนษุ ย์หนีไป และโรคภยั สงบลง... หรือหากศึกษาจาก พระไตรปิฎก เล่มท่ี 23 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 15 อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก- นวกนบิ าต มาตาสตู ร และ อรรถกถา อังคตุ ตรนิกาย สตั ตกนบิ าต ปฐมปณณาสก์ มหายญั ญวรรคที่ 5 มาตาสตู ร กจ็ ะพบวา่ การสวดทาํ นองสรภญั ญะมมี าตง้ั แตค่ รง้ั พทุ ธกาลจรงิ ๆ เพราะหลงั จาก นนั ทมาตาอบุ าสกิ า ออก จากสมาบัติ ก็ได้ สวดปารายนสูตร เป็นท�านองสรภัญญะประมาณ ๒๕๐ คาถา ซึ่งมีความไพเราะมาก จน ท้าวเวสสวณั มหาราชทรงสดบั ฟังจนจบ... ฉะนน้ั ...การสวดมนต์มมี าต้ังแต่ในสมยั พทุ ธกาลอย่างแท้จรงิ ... สิ่ ง ที่ ค น อ ย า ก รู้ ม า ก ที่ สุ ด เ กี่ ย ว กั บ ก า ร ส ว ด ธั ม ม จั ก กั ป ป วั ต ต น สู ต ร 11 www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

3 พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ตรสั เรอ่ื งการสวดมนตไ วอ้ ยา งไรบา้ ง ? การสวดมนต์หรือการสาธยาย*มนต์ เป็นสิ่งท่ีชาวพุทธพึงปฏิบัติ เพราะเป็นพุทธประสงค์ เนอ่ื งจาก เป็นหนึ่งในเหตุแห่งการหลุดพ้น (วิมุตติ) 5 ประการ ที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ ซ่ึงมีหลักฐานชัดเจนใน พระไตรปฎิ ก เลม่ ที่ 22 พระสตุ ตนั ตปฎิ ก เลม่ ท่ี 14 องั คตุ ตรนกิ าย ปญ จก-ฉกั กนบิ าต วมิ ตุ ตสิ ตู ร วา่ ... “...ภกิ ษุย่อมทา� การสาธยายธรรมเท่าทไ่ี ด้สดับ ได้ศึกษาเล่าเรยี นมาโดยพสิ ดาร เธอย่อมเข้าใจอรรถ เข้าใจ ธรรม ในธรรมน้ัน ตามที่ภิกษุสาธยายธรรมเท่าที่ได้สดับ ได้ศึกษาเล่าเรียนมาโดยพิสดาร เมอ่ื เธอเข้าใจอรรถ เขา้ ใจธรรม ยอ่ มเกดิ ปราโมทย์ ... เมอ่ื มสี ขุ จติ ยอ่ มตง้ั มนั่ ดกู รภกิ ษทุ งั้ หลาย นเ้ี ปน็ เหตแุ หง่ วมิ ตุ ตขิ อ้ ท่ี 3...” ฉะนน้ั การท่วี ดั พระธรรมกายกา� ลังเชิญชวนให้ทกุ ท่านได้ร่วมกนั สวดธรรมจกั รนี ้ ไม่ใช่ชวนให้ท่องเวทมนต์ เหมอื นความเชอ่ื อน่ื ๆ ทเี่ อาภาษาบาลมี าทอ่ งเปน็ คาถา แตก่ ารใหส้ วดธรรมจกั รกเ็ พอื่ เปน็ การสง่ เสรมิ ใหม้ กี ารศกึ ษา ธรรมะบทแรกของพระสมั มาสมั พุทธเจ้า โดยการให้สวด ท่องจา� แปล เพ่อื ให้เข้าใจความหมาย จนสามารถนา� ไป ปฏบิ ัติ เพ่อื มุ่งสู่ความหลดุ พ้นในทส่ี ุด... *สาธยาย มาจากภาษาบาลวี ่า “สชฌฺ าย” หมายถงึ การสวดมนต์ สิ่ ง ที่ ค น อ ย า ก รู้ ม า ก ที่ สุ ด เ กี่ ย ว กั บ ก า ร ส ว ด ธั ม ม จั ก กั ป ป วั ต ต น สู ต ร 13 www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

4 บทธัมมจกั กปั ปวัตตนสูตรมีประวัติความเปน็ มาอยางไร ? ธัมมจักกัปปวัตตนสูตรเป็นพระธรรมเทศนาบทแรกท่ีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแก่สาวกชุดแรก คือ ปัญจวคั คยี ์ท้ัง 5 ในวันเพญ็ ข้ึน 15 ค�่า เดอื น 8 ซงึ่ กค็ ือ วันอาสาฬหบูชานน่ั เอง เมอื่ พระองคท์ รงแสดงแลว้ กม็ ผี บู้ รรลธุ รรมคนแรก คอื ทา่ นอญั ญาโกณฑญั ญะ ซง่ึ ไดบ้ วชเปน็ พระภกิ ษสุ งฆ์ องคแ์ รกในพระพทุ ธศาสนา แบบเอหภิ กิ ขอุ ปุ สมั ปทา คอื พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ประทานการบวชให ้ โดยพระพทุ ธองค์ ทรงเปล่งพระสรุ เสยี งว่า “จงเป็นภกิ ษมุ าเถิด” และตรสั ต่อไปอกี ว่า “เธอจงประพฤตพิ รหมจรรย์ เพื่อกระทา� ให้ถงึ ที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบเถิด” ด้วยเหตุน้ีเอง จึงท�าให้วันนั้นมีพระรัตนตรัยครบองค์สามบริบูรณ์เป็นครั้งแรก ของโลก คอื มที งั้ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์... สิ่ ง ที่ ค น อ ย า ก รู้ ม า ก ที่ สุ ด เ กี่ ย ว กั บ ก า ร ส ว ด ธั ม ม จั ก กั ป ป วั ต ต น ส ู ต ร 15 www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

5 ทําไมต้องสวดธมั มจักกัปปวัตตนสตู ร ? บทสวด “ธัมมจักกัปปวัตตนสตู ร” เป็นบทสวดทีม่ คี วามสา� คญั มาก เพราะเป็นบททปี่ ระกาศพระสมั มา- สมั โพธญิ าณ เปน็ บททพี่ ระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ทกุ ๆ พระองคท์ บ่ี งั เกดิ ขนึ้ บนโลกน ี้ ไมว่ า่ จะเปน็ พระปญั ญาธกิ พทุ ธเจา้ พระสทั ธาธกิ พทุ ธเจ้า พระวริ ยิ าธิกพุทธเจ้า จา� นวนนบั อสงไขยพระองค์ไม่ถ้วน เมอื่ พระองค์ตรสั รู้แล้ว กท็ รงแสดง ธรรมบทนก้ี นั ทั้งนั้น ดังนั้น ใครก็ตามท่ีได้สวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรในยุคน้ี จึงถือเป็นบุคคลส�าคัญที่ได้เคล่ือนจักรแห่งธรรม ในชว่ งเวลาทชี่ าวพทุ ธกา� ลงั สบั สน เกดิ ความไมส่ งบแหง่ จติ ใจ เพราะเทา่ กบั เราไดเ้ ปน็ ตวั แทนของพระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ถงึ แมพ้ ระองคเ์ สดจ็ ดบั ขนั ธปรนิ พิ พานไปแลว้ กย็ งั มสี าวกเอาธรรมบทนม้ี าแสดงตอ่ ซง่ึ เปน็ การสบื ทอดอายพุ ระพทุ ธ- ศาสนาให้ยนื ยาวต่อไป ทสี่ า� คญั ...ธรรมบทนเี้ ปน็ ธรรมะทที่ า� ใหค้ วามเปน็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ บรบิ รู ณ ์ เพราะเมอื่ พระองคท์ รงแสดง แล้ว ได้มีผู้บรรลธุ รรมตาม คอื พระอญั ญาโกณฑัญญะ จึงเป็นเหตใุ ห้เกิดองค์แห่งพระรตั นตรยั ครบถ้วนบรบิ รู ณ์ คอื พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นครง้ั แรกของโลก สิ่ ง ที่ ค น อ ย า ก รู้ ม า ก ที่ สุ ด เ กี่ ย ว กั บ ก า ร ส ว ด ธั ม ม จั ก กั ป ป วั ต ต น ส ู ต ร 17 www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

ดังนั้น ใครก็ตามท่ีได้สวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรเป็นนิจ จะท�าให้ผู้น้ันได้บุญมาก เมื่อคิดปรารถนาอะไร ก็จะส�าเรจ็ ได้โดยง่าย เพราะบทสวดธมั มจกั กัปปวัตตนสูตรน ้ี ทา� ให้มนษุ ย์พ้นจากความทกุ ข์ทรมานของชวี ิต และ หลดุ พ้นจากกเิ ลสอาสวะทง้ั หลาย จนสามารถก้าวข้ามไปสู่หนทางแห่งพระนพิ พาน ทส่ี า� คญั ทุกคร้งั ทเ่ี ราสวดมนต์ บญุ กจ็ ะเกิดกบั ตวั เรา เพราะใจเราจะถกู กล่นั ให้สะอาดบรสิ ุทธ์ิ วิบากกรรม ที่ตดิ มาข้ามภพข้ามชาตกิ จ็ ะถูกกลั่นแก้ไปด้วย จากหนกั ก็จะเป็นเบา จากเบาก็จะหาย จติ ใจทขี่ ุ่นมวั กจ็ ะใสสว่าง ดงั น้นั เราต้องสวดธมั มจกั กัปปวัตตนสตู รกันทกุ วนั ... สิ่ ง ที่ ค น อ ย า ก รู้ ม า ก ที่ สุ ด เ กี่ ย ว กั บ ก า ร ส ว ด ธั ม ม จั ก กั ป ป วั ต ต น ส ู ต ร 19 www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

6 พระสมั มาสัมพทุ ธเจา้ รบั ส่งั ให้ สวดธมั มจักกปั ปวัตตนสตู รไหม ? มีหลักฐานเด่นชัดใน พระไตรปิฎก เล่มท่ี 19 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 11 สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค ธารณสตู รท่ี 2 ว่า พระสัมมาสัมพทุ ธเจ้ารบั สัง่ ให้ทรงจา� อรยิ สจั 4 อันเป็นใจความสา� คัญในบทสวดธัมมจักกปั ป- วัตตนสตู ร ซ่งึ เป็นบทท่ีขยายความเรอ่ื งอรยิ สัจ 4 ไว้อย่างละเอยี ด ส่วนสิ่งท่ตี ้องรู้เพ่ิมไปกว่าน้นั ก็คือ พระภกิ ษุในสมยั พุทธกาลได้ใช้วธิ ีจดจ�าโดยการท่องออกเสยี งด้วยปาก ที่เรยี กกันว่า “มุขปาฐะ” ฉะน้ัน การสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรจนจ�าได้ขึ้นใจ จึงเป็นการกระท�าตามค�าสั่งสอนของพระพุทธองค์ โดยแท้... ส่วนการท่พี ระสมั มาสมั พทุ ธเจ้ารบั สัง่ ให้จดจา� อริยสจั 4 ให้ได้ กเ็ พราะถ้าเราเจอคา� อธิบายบทธรรมทผี่ ิดไป จากนี้ ก็จะได้รู้ว่าไม่ใช่ และสามารถแก้ไขให้ถูกต้องตามท่ีพระพุทธองค์ตรัสไว้ได้ อีกทั้งเม่ือเราจ�าได้แม่นย�าแล้ว พระพทุ ธองค์กร็ ับส่ังเพมิ่ เตมิ ว่า..ให้เร่งทา� ความเพยี รตามอย่างทพ่ี ระองค์สอน เพ่อื จะได้หมดกเิ ลสบรรลุธรรม สิ่ ง ที่ ค น อ ย า ก รู้ ม า ก ที่ สุ ด เ กี่ ย ว กั บ ก า ร ส ว ด ธั ม ม จั ก กั ป ป วั ต ต น ส ู ต ร 21 www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

7 ทําไมตอ้ งสวดบทธมั มจักกัปปวัตตนสูตร สวดบทอืน่ แทนไดห้ รอื ไม ? สวดได้...สมมุติว่าเราสวด คาถาชินบัญชร อยู่แล้ว ก็เท่ากับเราได้สวดอัญเชิญบารมีของพระอรหันต์ หลาย ๆ พระองค์มาปกปองคุ้มครองเรา หรือถ้าเรา สวดอิติป โสฯ หรือ สวดมนต์ทําวัตรเช้า ทําวัตรเย็น ก็เท่ากับเราได้สวดสรรเสรญิ คณุ ของพระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ แตถ่ า้ จะใหค้ รอบคลมุ และเกดิ ประโยชนส์ งู สดุ เราตอ้ งสวดบทธมั มจกั กปั ปวตั ตนสตู รควบคไู่ ปดว้ ย เพราะบทธัมมจักกัปปวัตตนสูตร..เป็นบทหลักและเป็นบทแรกท่ีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ทรงนํามาเทศน์สอนแล้วมีผู้บรรลุธรรมตาม จนเกิดองค์แห่งพระรัตนตรัยครบถ้วนสมบูรณ์คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อีกท้ังเน้ือหาของบทสวดน้ี พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสอธิบายไว้ชัดเจนถึงวิธีการท่ีท�าให้มนุษย์พ้นจาก ความทุกข์ทรมานของชีวิต และหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ จนสามารถก้าวข้ามไปสู่หนทางแห่งพระนิพพานได้ โดยง่าย สิ่ ง ที่ ค น อ ย า ก รู้ ม า ก ที่ สุ ด เ กี่ ย ว กั บ ก า ร ส ว ด ธั ม ม จั ก กั ป ป วั ต ต น สู ต ร 23 www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

8 คาํ วา “ธรรมจกั ร” กับ “ธัมมจักกปั ปวตั ตนสตู ร” มีความแตกตางกนั อยางไร ? เขียนอยางไรถูกต้องกนั แน ? ถูกต้องทั้ง 2 แบบ คือ หากต้องการเขียนแบบย่อ สามารถเขียนได้ว่า “ธรรมจักร” ซ่ึงเป็นการเขียน อย่างถูกต้องตรงตามพจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน แต่ถ้าหากต้องการเขียนเต็ม ต้องเขียนว่า “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” ซ่ึงเป็นการเขียนตามช่ือพระสูตร ในพระไตรปิฎก โดยการเอาคา� บาล ี (ธมมฺ จกกฺ ปฺปวตฺตนสตุ ฺต)� มาเขียนเป็นคา� ไทย (ธัมมจักกัปปวัตตนสตู ร) หรอื จะเขียนว่า ธัมมจักกปั ปวัตนสตู ร ตามพจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑิตยสถานก็ได้ สิ่ ง ที่ ค น อ ย า ก รู้ ม า ก ที่ สุ ด เ กี่ ย ว กั บ ก า ร ส ว ด ธั ม ม จั ก กั ป ป วั ต ต น สู ต ร 25 www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

9 ใจความสาํ คญั และความหมาย ของบทสวดธมั มจกั กัปปวัตตนสูตรเป็นอยางไร ? คาํ วารอบ 3 อาการ 12 ในบทสวดหมายถงึ อะไร ? ค�าว่า “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” แปลว่า พระสูตรท่วี ่าด้วยการหมนุ ล้อพระธรรม เป็นคา� สอนทอ่ี ธิบายถงึ วธิ ีการก�าจดั กเิ ลสให้หมดสน้ิ ไป ซงึ่ ในทางปฏบิ ตั ิต้องก�าจัดเป็นรอบ ๆ โดยการปฏบิ ตั มิ รรคมอี งค์ 8 ซ้�า ๆ รอบแล้ว รอบเลา่ เปรยี บเสมอื นกบั การใชใ้ บจกั รหมนุ ดว้ ยความเรว็ หลาย ๆ รอบ เพอ่ื ตดั วตั ถสุ ว่ นทไี่ มต่ อ้ งการใหข้ าดกระเดน็ ในเนอ้ื หาของบทสวดน้ ี พระองค์ทรงอธิบายให้เข้าใจถงึ อรยิ สัจ 4 ว่า..ส่งิ ต่าง ๆ ในโลกน้ลี ้วนแต่เป็นทกุ ข์ ซ่ึงต้นเหตุแห่งทุกข์ก็คือ ตัณหาหรือความอยาก แล้วการที่เราจะดับทุกข์ได้น้ัน ก็ต้องละตัณหา เพ่ือไปสู่หนทาง แห่งการดบั ทุกข์ สิ่ ง ที่ ค น อ ย า ก รู้ ม า ก ที่ สุ ด เ กี่ ย ว กั บ ก า ร ส ว ด ธั ม ม จั ก กั ป ป วั ต ต น ส ู ต ร 27 www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

ส่วนการท่เี ราจะดบั ทกุ ข์ได้นั้น ตอ้ งไม่ปฏิบัติตามหนทางสดุ โตง่ 2 ทาง คือ การหมกมุ่นด้วยกามสขุ และ การทรมานตนให้ลําบากโดยมิได้ประโยชน์อะไรเลย แต่ให้ใช้หลักทางสายกลาง คือ มรรคมีองค์ 8 อนั ประกอบดว้ ย การมคี วามเหน็ ถกู ตอ้ ง คดิ ถกู ตอ้ ง พดู ถกู ตอ้ ง ทำ� การงานถกู ตอ้ ง เลยี้ งชพี ถกู ตอ้ ง พยายามถกู ตอ้ ง ตั้งสตถิ กู ต้อง และมสี มาธถิ กู ต้อง นอกจากนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงอธิบายถึงข้ันตอนการเห็นแจ้งในอริยสัจ 4 ด้วยญาณทัสนะของ พระองค์โดยมรี อบ 3 อาการ 12 ซ่งึ จะขออธิบายโดยสรปุ ดงั น้ี รอบ 3 หมายถงึ ญาณทัสนะหรือปัญญาในการรู้เหน็ อรยิ สจั 4 ของพระพุทธองค์ แบ่งเป็น 3 ระดับ คือ รอบท่ี 1) สัจจญาณ คอื ญาณหย่งั รู้อรยิ สัจ 4 ตามความเป็นจริง รอบท่ี 2) กิจจญาณ คอื ญาณหยงั่ รู้กจิ ทตี่ ้องท�ำในอริยสัจ 4 รอบที่ 3) กตญาณ คอื ญาณหยัง่ รู้กจิ ทกี่ ระท�ำแล้วในอริยสัจ 4 ส่วนอาการ 12 หมายถงึ อาการ 12 อย่าง ที่เกดิ จากการรู้เหน็ อรยิ สจั 4 ด้วยญาณทัสนะ 3 ระดับ ทไ่ี ด้ กล่าวมาแล้วข้างต้น ซง่ึ สามารถแจกแจงได้ดงั น้ี คอื d อรยิ สัจ 4 ขอ้ 1) ทุกข์ • รอบท่ี 1 ได้รู้แล้วว่า..ความทกุ ข์น้นั เป็นทุกข์อย่างแท้จรงิ • รอบท่ี 2 ทกุ ข์เป็นสิ่งท่ีควรก�ำหนดรู้ • รอบท่ี 3 ได้ก�ำหนดรู้สำ� เรจ็ แล้ว สิ่ ง ที่ ค น อ ย า ก รู้ ม า ก ที่ สุ ด เ กี่ ย ว กั บ ก า ร ส ว ด ธั ม ม จั ก กั ป ป วั ต ต น สู ต ร 29 www.kalyanamitra.org

d อรยิ สัจ 4 ข้อ 2) สมทุ ยั (สาเหตแุ ห่งทกุ ข)์ d อรยิ สจั 4 ข้อ 4) มรรค (หนทางแห่งความดบั ทกุ ข์) • รอบท ่ี 1 ได้รู้แล้วถงึ สาเหตุแห่งทกุ ข์ • รอบที่ 1 ได้รู้แล้วถงึ ข้อปฏิบัติให้ถงึ ความดับทกุ ข์ • รอบท ี่ 2 สาเหตุแห่งทกุ ข์เป็นสง่ิ ท่ีควรละ • รอบท่ี 2 หนทางแห่งความดบั ทุกข์เป็นสิ่งท่ี • รอบที่ 3 ละสาเหตแุ ห่งทกุ ข์ได้แล้ว ควรปฏิบัติหรอื ควรทา� ให้เจรญิ d อริยสัจ 4 ขอ้ 3) นิโรธ (การดับทกุ ข)์ • รอบท่ี 3 ปฏบิ ตั ิสา� เรจ็ แล้ว • รอบท ่ี 1 ได้รู้เร่ืองการดบั ทุกข์แล้ว • รอบท่ ี 2 การดบั ทกุ ข์เป็นสิง่ ทีค่ วรทา� ให้แจ้ง • รอบที ่ 3 ท�าให้แจ้งสา� เรจ็ แล้ว www.kalyanamitra.org

สรปุ เป็นตารางเพื่อความเขา้ ใจดังน้ี สิ่ ง ที่ ค น อ ย า ก รู้ ม า ก ที่ สุ ด เ กี่ ย ว กั บ ก า ร ส ว ด ธั ม ม จั ก กั ป ป วั ต ต น สู ต ร 31 www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

10 ทาํ ไมต้องสวดธมั มจกั กปั ปวตั ตนสตู รเปน็ ภาษาบาลี ? เพราะภาษาบาลเี ปน็ ภาษาทเ่ี สถยี ร ไมม่ กี ารเปลย่ี นแปลงไปตามยคุ สมยั เหมอื นภาษาอน่ื ๆ ฉะนน้ั จึงเป็นภาษาที่เก็บรักษาค�าสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ดี เนื่องจากท�าให้ค�าสอนของพระพุทธองค์ยังคง สมบูรณ์ ไม่ผดิ เพี้ยน ฉะนน้ั การทเี่ ราสวดเป็นภาษาบาล ี นอกจากจะเป็นการสวดตามคา� สอนด้งั เดิมของพระสมั มาสมั พทุ ธเจ้า แล้ว ยังเป็นการรกั ษาคา� สอนของพระพุทธองค์ให้สบื ทอดต่อไปอีกด้วย ทส่ี า� คญั ... การสวดหรอื การทอ่ งดว้ ยปากเพอ่ื ใหจ้ ดจา� สบื ทอดตอ่ ๆ กนั จากยคุ สยู่ คุ เชน่ น ี้ เปน็ สง่ิ ทมี่ มี าตง้ั แต่ ครงั้ พทุ ธกาลแล้ว ซ่งึ เราเรยี กกันว่า “มุขปาฐะ” นนั่ เอง... สิ่ ง ที่ ค น อ ย า ก รู้ ม า ก ที่ สุ ด เ กี่ ย ว กั บ ก า ร ส ว ด ธั ม ม จั ก กั ป ป วั ต ต น สู ต ร 33 www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

11 สวดธมั มจักกปั ปวัตตนสูตรแบบแปลไดไ้ หม ? สวดได้ ซงึ่ เป็นการดีมาก ๆ เพราะเราจะได้จา� ความหมายของบทสวดให้ข้นึ ใจ จนเกิดความซาบซง้ึ แล้ว น้อมน�าเอาไปปฏบิ ตั ไิ ด้ แต่ถ้าจะให้ดีที่สุด ต้องสวดแบบบาลีควบคู่ไปด้วย เพราะเป็นการคงไว้ซ่ึงค�าสอนท่ีถูกต้องดั้งเดิมของ พระพทุ ธองค ์ สิ่ ง ที่ ค น อ ย า ก รู้ ม า ก ที่ สุ ด เ กี่ ย ว กั บ ก า ร ส ว ด ธั ม ม จั ก กั ป ป วั ต ต น ส ู ต ร 35 www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

12 บางคนสวดมนตแบบทอ งเป็นนกแก้วนกขนุ ทอง ถอื เปน็ การกระทาํ ทถี่ กู ตอ้ งไหม ? จะเกดิ ประโยชนอ ะไรไหม ? ขนาดค้างคาวฟังสวดเฉย ๆ โดยไม่รู้ความหมาย แถมยงั ไม่ได้อ้าปากสวด ยังได้ไปเกดิ บนสวรรค์เลย ดงั ใน อรรถกถา ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท พทุ ธวรรคท่ี 14 เรื่องยมกปาฏหิ ารยิ ์ ซ่ึงเร่อื งมอี ยู่ว่า... มีค้างคาว 500 ตวั ห้อยอยู่ที่เงอื้ มเขาแห่งหน่งึ ได้ฟังเสยี งพระสวดอภธิ รรม โดยทคี่ ้างคาวไม่รู้และไม่เข้าใจ ความหมายของบททพี่ ระสวดเลย แตข่ ณะฟงั กท็ า� ใหจ้ ติ คา้ งคาวมสี ภาพผอ่ งใส และดว้ ยบญุ น ้ี เมอ่ื คา้ งคาวตายแลว้ กไ็ ปเกดิ บนสวรรค์ เสวยทพิ ยสมบตั ถิ ึง 1 พทุ ธันดร และเมอ่ื ลงมาเกิดเป็นมนษุ ย์ พอได้เหน็ พระสัมมาสมั พทุ ธเจ้า แสดงยมกปาฏหิ าริย์ กเ็ กดิ เลอื่ มใสศรัทธา จงึ ขอบวชในสา� นกั ของพระสารบี ุตร ต่อมาในช่วง 3 เดือนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ โดยเทศน์ บทพระอภธิ รรมให้พุทธมารดาฟัง พระสัมมาสมั พุทธเจ้ากต็ รสั บอกพระสารบี ตุ รว่า ให้ไปเทศน์บทพระอภธิ รรมให้ พระภกิ ษบุ รวิ ารทงั้ 500 รปู ฟงั ดว้ ย เนอื่ งจากชาตทิ เี่ กดิ เปน็ คา้ งคาวคนุ้ กบั ธรรมบทนมี้ าก และเมอื่ พระภกิ ษทุ ง้ั 500 รปู ไดฟ้ งั พระสารบี ตุ รเทศน์ กเ็ กดิ ความแตกฉานและเขา้ ใจในพระอภธิ รรมไดอ้ ยา่ งลกึ ซงึ้ และรวดเรว็ จนกระทง่ั สิ่ ง ที่ ค น อ ย า ก รู้ ม า ก ที่ สุ ด เ กี่ ย ว กั บ ก า ร ส ว ด ธั ม ม จั ก กั ป ป วั ต ต น ส ู ต ร 37 www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

ถึงวันออกพรรษา เมื่อพระภิกษุทั้ง 500 รูปเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเปิดโลกตอนเสด็จลงมาจากสวรรค ์ ชน้ั ดาวดงึ ส์และได้ฟังธรรมจากพระองค์ จึงทำ� ให้พระภิกษุทัง้ 500 รปู นน้ั บรรลธุ รรมเป็นพระอรหนั ต์กนั ทั้งหมด จะเหน็ วา่ ..แมส้ ตั วเ์ ดรจั ฉานทไ่ี มเ่ ขา้ ใจความหมายของบทสวดพระอภธิ รรมเลย แตพ่ อฟงั เสยี งสวด จนจิตผอ่ งใส กส็ ง่ ผลใหห้ ลงั ตายแลว้ ไปเกดิ บนสวรรค์ แต่ทน่ี ่าสนใจไปกว่าน้นั คือ ในชาตทิ ม่ี าเกิดเป็นคน เมอ่ื ได้ฟังบทสวดบทเดิมที่เคยฟงั ในชาตทิ ่ีเกดิ เป็นคา้ งคาว ด้วยความคนุ้ เคยในบทสวดน้อี ยา่ งยิง่ จงึ ท�ำใหแ้ ตกฉานและเข้าใจธรรมบทนอ้ี ยา่ งงา่ ยดาย บทธัมมจักกัปปวัตตนสูตรนี้ก็เช่นกัน ในเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ทรงแสดงธรรมบทน ี้ เปน็ บทแรก* ซงึ่ ถา้ เราได้ ไปเกดิ เจอพระองคแ์ ลว้ มโี อกาสไดฟ้ งั ธรรม ดว้ ยความคนุ้ เคยทเ่ี ราไดส้ วดบทนเี้ ปน็ ประจ�ำ ในชาติน้ี กจ็ ะท�ำให้เรามสี ทิ ธบ์ิ รรลุธรรมตามพระองคอ์ ย่างง่าย ๆ นัน่ เอง ฉะน้ัน การสวดมนต์เป็นนกแก้วนกขุนทองก็ยังดีกว่าการไม่สวดเลย แต่ถ้าจะให้ดีก็ต้องศึกษาค�ำแปล ความหมาย และน้อมนำ� ไปปฏิบตั ดิ ้วยจงึ จะเกดิ ประโยชน์สงู สดู (* ศกึ ษาหลกั ฐานยนื ยนั การแสดงธรรมบทธมั มจกั กปั ปวตั ตนสตู รของพระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ หลาย ๆ พระองค ์ จาก พระไตรปิฎก เล่มท่ี 33 พระสตุ ตนั ตปิฎก เล่มที่ 25 ขุททกนิกาย อปทาน ภาค 2-พุทธวังสะ-จรยิ าปิฎก ข้อท่ี 21-26) สิ่ ง ที่ ค น อ ย า ก รู้ ม า ก ที่ สุ ด เ กี่ ย ว กั บ ก า ร ส ว ด ธั ม ม จั ก กั ป ป วั ต ต น สู ต ร 39 www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

13 ทําอยา งไรถึงจะสวดมนตบ ทธมั มจักกัปปวัตตนสูตร ได้อยางถกู หลักวชิ ชา ? การสวดอยา่ งถกู หลกั วชิ ชานนั้ เราตอ้ งเปลง่ เสยี งสวดมนตอ์ อกมาจากแหลง่ แหง่ ความบรสิ ทุ ธภิ์ ายใน โดยการหลับตาเบา ๆ เอาใจจรดไว้ท่ศี ูนย์กลางกาย ตรกึ นึกถงึ องคพ์ ระหรือดวงธรรม แลว้ ทําความร้สู กึ ประหนึ่งวา่ กาํ ลงั เขา้ เฝาพระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ แล้วท่ีส�าคัญ ขณะสวดเราต้องปล้ืมให้ได้ทุกจบ ถ้าจบที่ผ่านมาสวดแล้วยังไม่ปลื้ม ก็ให้สวดต่อไป จนกว่าจะปลื้ม อีกทง้ั ต้องปล้มื ต้ังแต่ค�าแรกจนจบ ไม่ใช่สวดแบบเร่ง ๆ เพ่อื เอาแต่จา� นวนยอดท่สี วด ผมู้ ปี ญั ญาตอ้ งสวดใหไ้ ดท้ งั้ ปรมิ าณและคณุ ภาพ คอื ยงิ่ สวด..ยง่ิ ปลมื้ ทเี่ ราไดส้ วดบชู าพระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ซ่งึ การทา� อย่างนี้ เรากจ็ ะมคี วามบริสทุ ธเิ์ พม่ิ ขนึ้ แล้วบญุ ของเรากจ็ ะเพ่มิ ขน้ึ ตามไปด้วย สิ่ ง ที่ ค น อ ย า ก รู้ ม า ก ที่ สุ ด เ กี่ ย ว กั บ ก า ร ส ว ด ธั ม ม จั ก กั ป ป วั ต ต น ส ู ต ร 41 www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

14 เราจะได้อะไรจากการสวดมนตอ ยางถกู หลักวชิ ชา ? ถ้าเราสวดอย่างถูกหลักวิชชา เสียงสวดมนต์จะมีอานุภาพอันไม่มีประมาณ เพราะทุกคร้ังที่สวด ใจเรา จะถูกกลั่นให้สะอาดบริสุทธ์ิยิ่ง ๆ ข้ึนไป อีกท้ังวิบากกรรมที่เกิดจากการทําผิดพลาดในอดีต ก็จะถูก กล่ันแก้ไปด้วย จากหนัก..เปน็ เบา จากเบา..ก็จะหาย และทีส่ าํ คญั บุญกจ็ ะเกิดกับผสู้ วดทนั ที ไมเ่ พยี งเทา่ นนั้ เสยี งสวดมนตท์ เ่ี กดิ จากความเลอ่ื มใสในพระรตั นตรยั จะกลายเปน็ พลงั มวลแหง่ ความบรสิ ทุ ธ์ิ ที่แผ่ขยายออกไปทุกทิศทุกทาง ไปช่วยขจัดส่ิงท่ีเป็นมลทินในบรรยากาศ ขจัดทุกข์ โศก โรค ภัย ให้สิ่งที่ไม่ดี ความขัดแย้ง ความคิดเบียดเบียนมลายหายสูญ และเกิดกระแสแห่งความเมตตาที่ท�าให้สรรพสัตว์เกิดความรัก ความปรารถนาดตี ่อกัน จะเห็นว่า ในแต่ละวันเราใช้เวลาสวดเพียงไม่กี่นาที แถมไม่ต้องเสียเงินเสียทองอะไรเลย แต่อานิสงส์น้ัน เกดิ ขนึ้ มากมาย โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ใจของผสู้ วดกจ็ ะผอ่ งใส ผกู พนั กบั พระรตั นตรยั ซง่ึ ใจทผ่ี อ่ งใสเปน็ ปกตเิ นอื งนติ ย์ นเี้ อง จะทา� ให้เวลาใกล้หลบั ตาลาโลก สุคติก็จะเป็นทไ่ี ป... สิ่ ง ที่ ค น อ ย า ก รู้ ม า ก ที่ สุ ด เ กี่ ย ว กั บ ก า ร ส ว ด ธั ม ม จั ก กั ป ป วั ต ต น ส ู ต ร 43 www.kalyanamitra.org