Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พระอานนท์ พุทธอนุชา

พระอานนท์ พุทธอนุชา

Published by Sarapee District Public Library, 2020-11-09 06:21:49

Description: พระอานนท์ พุทธอนุชา
โดย วศิน อินทสระ

Keywords: ธรรมะ,พระอานนท์

Search

Read the Text Version

๔6 “โกกลิ า! มเี รองอะไรหรอื ?” “เออ้ , ไมม่ อี ะไรดอก สมุ ดิ รา ขา้ พเจา้ ฝนั รา้ ยไป รส้ กี ตกใจมากจงึ รอ้ งไหอ้ อกมา ขอบใจ มาก ทท่ี า่ นเปน็ หว่ งขา้ พเจา้ ” นางตอบฝนั สหี นา้ ใหช้ มุ่ ชน่ื ขน้ึ “พระศาสดาสอนเราวา่ ใหเ้ จรญิ เมดตา แอว้ จะไมฝ่ นั รา้ ย ทา่ นเจรญิ เมดดาหรอื เปลา่ กอ่ นนอนนะ่ ” ภกิ ษณุ สี มุ ติ ราถามอยา่ งกนิ เอง “ออ้ื ! เมอ่ื เจรญิ เมตตาแอว้ จะไมฝ่ นั รา้ ยอยา่ งนน้ั หรอื ?” “ใช่” กอ่ นนอนคนื น้ี ขา้ พเจา้ ลมื ไป ทา่ นกลบั ไปนอนเกดิ ขา้ พเจา้ ขออภยั ดว้ ยทร่ี อ้ งไหด้ งั ไปจน ทา่ นตน่ึ ” เมอ่ื ภกิ ษรุ น่ สมุ ติ รากลบั ไปแลว้ ภกิ ษรุ น่ โกภลิ ากค็ ดิ ถงึ ชวี ติ ของตวั ชวี ติ ของนางเตม็ ไป ตว็ ยความเปน็ ทาส เมอ่ื กอ่ นบวชกเ็ ปน็ ทาสทางกาย พอปลกี จากทาสทางกายมาไดก้ ม็ าตกเปน็ ทาส ทางใจเขาอกี แนน่ อนทเี ดยี ว ผไู้ ดตกอยใู่ นความรกั ดวงใจของผนู้ น้ั ยอ่ มเปน็ ทาส ทาสของความรกั ทาสรกั นน้ั จะไมม่ ใิ ครสามารถชว่ ยปลดปลอ่ ยได้ นอกจากเจาของดวงใจจะปลดปลอ่ ยเอง นางทลบั ไป ดว้ ยความออ่ นเพลยี เมอ่ื จวนจะรง่ สางอยแู่ ลว้ ... www.kalyanamitra.org

กบั โกกลิ าภกิ ษณุ ี ในที่สดุ เมอเฺ ห็นว่าจะสะกดใจไวไ้ ม่อยู่แมแ่ ล้ว นางจึงตัดสนิ ใจลาพระศาสดา พระอานนท์ และเพอนภิกษณุ ีอนๆ จากวัดเซตวันเมอื งสาวตั ถี ม่งุ หน้าส่โู ฆสติ าราม เมอื งโกสัมพี ดว้ ยคิดวา่ การอยหู่ า่ งอาจจะเปีนยารักษาโรครักได้น้างกระมัง! นางจากเชดวันดว้ ยความอาลยั อาวรณ์เปน็ ที่ยิง่ อปุ มาเหมอื นมารดาด้องจำใจจากบตุ ร สุดท่ีรกั ของตัวฉนั ใดก็ฉันน้นั นางอยู่จำพรรษา ณ โฆสิตาราม ซ่ึงโฆสิดมหาเศรษฐสี รา้ งถวายพระ- พทธองค์ สามเดือนท่ีอยู่หา่ งพระอานนท์ ดวงจิตของนางผ่องแผว้ แจ่มใสขนึ้ การทอ่ งบน่ สาธยาย และการปาเพญ็ สมณธรรมก็ดืขึ้นดามไปดว้ ย นางคิดวา่ คราวนึค๊ งตัดอาลัยในพระอานนทไ์ ด้เปน็ แนแ่ ท้ แต่ความรกั ยอ่ มมวื งจรของมันเอง จนกว่ารักนน้ั จะสุดสน้ิ ลง ชวี ติ มกั จะเปน็ อยา่ งนี้ เสมอ เมอื่ ใครคนหนึ่งพยายามดิน้ รนหาความรัก เขามกั จะไมส่ มปรารถนาแด่พอเขาท่าทา่ จะหนี ความรกั ก็ดามมา ความรกั จึงมลี กั ษณะคลา้ ยเงา เมอื่ บคุ คลว่ิงดาม มนั จะว่งิ หนี แดเ่ มื่อเขาว่งิ หนี มนั จะวงิ่ ตาม ดว้ ยกฎอนั นีก้ ระมงั เมอ่ื นางหนรี กั ออกจากเขตวนั และมาสงบอยู่ ณ กรงุ โกลมั พน็ ้ี เม่อื ออกพรรษาแลว้ ขา่ วการเสดจ็ ส่กู รงุ โกลมั พ็ของพระผ้มพื ระภาคกแ็ พรส่ ะพดั มา ซง่ึ เป็นการแนน่ อนว่า พระอานนทจ์ ะตอ้ งดามเสด็จมาดว้ ย www.kalyanamitra.org

&ค www.kalyanamitra.org

ชาวโกสมั พที ราบขา่ วนด้ี ว้ ยความชน่ื ชมโสมนสั ภกิ ษสุ งฆต์ า่ งจดั แจงปดั กวาดเสนาสนะ เตรยี มพระคนั ธกฎุ ที ป่ี ระทบั ของพระศาสดา พระเจา้ อเุ ทนเองชง่ื ไมค่ อ่ ยจะสนพระทยั ในทางธรรม นกั กอ็ ดทจ่ี ะทรงปรดี าปราโมชมไ่ ด้ เพราะถอื ทนั วา่ พระศาสดาเสดจ็ ไป ผ ทใ่ี ด ยอ่ มนำความสงบสขุ และมงคลไปสทู่ น่ี น้ั ดว้ ย การสนทนาเรอ่ึ งการเสดจ็ มาของพระศาสดามอี ยทู่ กุ ทวั ระแหงแหง่ กรงุ - โกสมพี ศาสดาคณาจารยเ์ จา้ คฑั ธติ า่ ง ๆ กเ็ ตรยี มผกู ปญั หาเพอ่ื ทลู ถาม บางทานกเ็ ตรยี มถามเพอ่ึ ให้ พระศาสดาจนไนปญั หาของตน บางทา่ นกเ็ ดรยี มถามเพยี งเพอ่ึ เทยี บเคยี งความคดิ เหน็ เทา่ นน้ั หมู่ ภกิ ษสุ งฆป์ ตี ปิ ราโมชเปน็ อนั มาก เพราะการเสดจ็ มาของพระศาสดายอ่ มหมายถงึ การไดย้ นิ ไดฟ้ งั มธรุ ภาษติ จากพระองคด์ ว้ ย และบางทา่ นอาจจะไดบ้ รรลคุ ณุ วเิ ศษเบอ้ื งสงู เพราะธรรมเทศนานน้ั ใครจะทราบบา้ งเลา่ วา่ ดวงใจของโกภลิ าภกิ ษณุ จี ะเปน็ ประการใด เมอ่ื บา่ ยจนั หนง่ึ เพอ่ื น ภกิ ษณุ นี ำขา่ วมาบอกนางวา่ “น่ี โกกลิ า! ทา่ นทราปไหมวา่ พระศาสดาจะเสดจ็ มาถงื นเ่ึ รว็ ๆ น,้ี , “อยา่ งนน้ั หรอื ?,, นวงมอี าการตน่ึ เดน้ เตม็ ที “เสดจ็ มาองคเ์ ดยี วหรอื อยา่ งไร?,, “ไมอ่ งคเ์ ดยี วดอก ใคร ๆ กร็ วู้ า่ เมอ่ื พระพทุ ธองคเ์ สดจ็ มาจะดอ้ งมพี ระเถระผใู้ หญม่ าดว้ ย หรอื อาจจะมาสมทบทหี ลงกไ็ ด้ แตท่ า่ นทด่ี อ้ งดามเสดจ็ แนค่ อื พระอานนท์ พทุ ธอนชุ า,, “พระอานนท!์ ,, นางอทุ าน พรอ้ มดว้ ยเอามอี ทาบอก “ทำไมหรอื โกภลิ า ดทู านดน่ึ เดน้ มากเหลอื เกนิ ?,, ภกิ ษณุ รี ปู นน้ั ถามอยา่ งสงสย “ เปลา่ ดอก ขาพเจาดใี จทจ่ี ะไดเ้ ฝาื พระศาสดาและฟงั พระธรรมเทศนาของพระองค์ ดใี จจนควบคมุ ควั ไมไ่ ด,้ , นางตอบเลย่ี ง “ใครๆ เขากด็ ใี จทนั ทง้ั นน้ั แหละโกภลิ า คราวนเ้ี ราไดฟ้ งั ธรรมกถาอนั ลกื ขง้ึ และไดฟ้ งั มธรุ ภาษติ ของพระมหาเถระเขน่ พระสารบี ตุ ร และพระมหาทสั สปหรอื พระอานนทเ์ ปน็ ดน้ ,, ภกิ ษณุ ี รปู นน้ั กลา่ ว วนั ทร่ี อคอยกม็ าถงึ พระศาสดา มพี ระภกิ ษสุ งฆอ์ รทนั คห์ มใู่ หญแ่ วดดอ้ มเสดจ็ ถงึ กรงุ - โกสม้ พี พระราชาธบิ ดอี เุ ฑนและเสนามหาอำมาตย์ พอ่ คา้ ประชาชน สมุ ณพราหมณาจารย์ ถวาย การตอ้ นรบั อยา่ งมโหฬารยง่ิ กอ่ นถงึ ซมุ้ ประตโู ฆสดิ ารามประมาณกง่ึ โยชนม์ ปี ระชาชนจำนวน แสนคอยรบั เสดจ็ มรรคาดารดาษไปดว้ ยกลบี ดอกไมน้ านาพนั ธหุ ลากลที ป่ี ระชาชนนำมาโปรยปราย เพอ่ื เปน็ พทุ ธบชู า ในบรเิ วณอารามกอ่ นเสดจ็ ถงึ พระคนั ธกฎุ ี มภี กิ ษแุ ละภกิ ษณุ จี ำนวนมากรอจบั เสดจ็ ทกุ ทา่ นมแี ววแหง่ ปตี ปิ ราโมช ถวายบงั คมพระศาสดาดว้ ยความเคารพอนั สงู สดุ พระอานนทต์ าม เสดจ็ พระพทุ ธองคด์ ว้ ยกริ ยิ าทง่ี ดงาม มองตนู า่ เลอ่ื มใส ทกุ คนตา่ งชน่ื ชมพระศาสดาและพระอานนท์ และผทู้ ช่ี น่ื ชมในพระอานนทเ์ ปน็ พเิ ศษ กเ็ หน็ จะเปน็ โกกลิ าภกิ ษณุ นี น้ั เอง ทนั ใดนางไดเ้ หน็ พระอานนท์ ความรกั ซง่ึ สงบตวั อยกู่ พ็ งิ ขน้ึ มาอกี คราวนด้ี เู หมอื นจะ รนุ แรงยง่ิ กวา่ คราวกอ่ น เพราะเปน็ เวลาสามเดอี นแลว้ ทน่ี างมไิ ดเ้ หน็ พระอานนท์ ความรกั ทท่ี ำทา่ จะสงบลงนน้ั บนั เปน็ เหมอื นตณิ ชาตซิ ง่ึ ถกู รดิ รอน ณ เบอ้ื งปลาย เมอ่ื ขน้ึ ใหมย่ อ่ มขน้ึ ไดส้ วยกวา่ มากกวา่ และแผข่ ยายโตกวา่ ฉะนน้ั www.kalyanamitra.org

นางรบี กลบั สหู่ อ้ งของตน บดั น้ี ใจของนางเรม่ี ปน็ ปวนรวนเรอกี แลว้ จรงิ ทเี ดยี ว ใน จกั รวาลน้ี ไมม่ ใึ ฟอะไรรอนแรงและลบั ยากเทา่ ไฟรกั ความรกั เปน็ ความเรยี กรอ้ งของหว้ ใจ มนษุ ย์ เราทำอะไรลงไ,ปเพราะเหตเพยี งสองอยา่ งเทา่ นน้ั คอื เพราะหนา้ ทอ่ี ยา่ งหนง่ึ และเพราะความเรยี ก รอ้ งของหว้ ใจอกี อยา่ งหนง่ึ ประการแรก แมจ้ ะทำสำเรจ็ บา้ งไมส่ ำเรจ็ บา้ ง มนษุ ยก์ ไ็ มค่ อ่ ยจะเดอื ดรอ้ น เทา่ ใดนกั เพราะคนสว่ นมากหาไลร้ กั หนา้ ทเ่ี ทา่ กบั ความสขุ สว่ นลวั ไม่ แตส่ ง่ี ทห่ี วั ใจเรยี กรอ้ งนซ่ึ ิ ลา้ ไมส่ ำเรจ็ หรอี ไมส่ ามารถสนองไล้ หวั ใจจะรารอ้ งอยตู่ ลอดเวลา มนั จะทรมานไปจนกวา่ จะหมดฤฑธ้ิ ของมนั หรอี มนษุ ยผ์ นู้ น้ั ดายจากไป โกกลิ าภกิ ษณุ กี ำลงั ตอ่ สกู้ บั สง่ิ สองอยา่ งนอ้ี ยา่ งนา่ สงสาร หนา้ ทข่ี องนาง คอื การทำ- ลายความรกั ความใคร่ บดั นน้ี างเปน็ ภกิ ษณุ ี มใิ ชห่ ญงิ ชาวบา้ นธรรมดา นางจงึ ลอ้ งพยายามกำจดั ความรกั ความใครร่ ะหวา่ งเพศใหห้ มดไป แตห่ วั ใจของนางกำลงั เรยี กรอ้ งหาความรกั หนา้ ทก่ี บั ความ เรยี กรอ้ งของหวั ใจอยา่ งไหนจะแพจี ะชนะ กแ็ ลว้ แตค่ วามเขม้ แขง็ ของอำนาจฝา่ ยสงู หรอื ฝา่ ยดา ผหู้ ญงิ นน้ั ลงไดท้ ม่ เทความรกั ใหแ้ กใ่ ครแลว้ กม็ น่ั คงเหนยี วแนนี ยง่ิ นกั ยากทจ่ี ะกา่ ยถอน และความ รกั ทไ่ี มป่ ที างสมปรารถนาเลยนน้ั เปน็ ความปวดรา้ วอยา่ งยง่ิ สำหรบั ผหู้ ญงิ ดวงใจของเธอจะระบม บม่ หนอง ในทส่ี ดุ กแ็ ตกสลายลงดว้ ยความชอกชา้ํ นน้ั อนจิ จา! โกกลิ า แมเ้ ธอจะรวู้ า่ ความรกั ของ เธอไมม่ ที างจะสมปรารถนาไลเ้ ลย แตเ่ ธอกย็ งั รกั สดุ ทจ่ี ะหกั หา้ มและถา่ ยถอนไล้ อกี คนื หนง่ึ ทน่ี างลอ้ งกระวนกระวายรญั จวนจติ ถงึ พระอานนท์ นอนพลกิ ไปพลกิ มา นยั นต์ าเหมอ่ ลอยอยา่ งไรจ้ ดุ หมาย นาน ๆ จงึ จะจบั นง่ึ อยทู่ เ่ี พดานหรอื ขอบหนา้ ตา่ ง นางรสู้ กึ วา้ เหว่ เหมอื นอยทู่ า่ มกลางปาลกึ เพยี งคนเดยี ว ทำไมนางจงึ วา้ เหว่ ในเมอ่ึ คนื นน้ั เปน็ คนื แรกทพ่ี ระศาสดา เสดจ็ มาถงึ ราชามหาอำมาดยแ์ ละพอ่ ลา้ คหบดมี ากหลายมาเฝาื พระผมู้ พี ระภาค เหมอื นสายนา้ํ ท่ี หลง่ั ไหลอยมู่ ไี ลข้ าดระยะ มนั เปน็ เรอ่ื งของผหู้ ญงิ ทผ่ี ชู้ ายนอ้ ยคนมกั จะเขา้ ใจและเหน็ ใจ ภกิ ษณุ โี กกลิ าถอนสะอน้ื เบา ๆ เมอ่ื เรา่ รอ้ นและกลดั กลมุ้ ถงึ ทส่ี ดุ นา้ั ดาเทา่ นน้ั ทจ่ี ะ ชว่ ยบรรเทาความระทมขมขน่ื ลงไลบ้ า้ ง เพอ่ื นทด่ี ใื นยามทกุ ขส์ ำหรบั ผหู้ ญงิ กค็ อื นา้ํ ตา ดเู หมอื นจะ ไม,มอี ะไรอกี แลว้ จะเปน็ เครอ่ื งปลอบประโลมใจไลเ้ ทา่ นา้ั ตา แมม้ นั จะหลง่ั ไหลจากขว้ั หวั ใจ แตม่ นั ก็ ชว่ ยบรรเทาความอดี ยดั ลงไลบ้ า้ ง เนึ่องจากผหู้ ญงิ ถือว่าชีวิตเป็นส่วนหนึ่งของความรกั ตรงกันขา้ มกบั ผชู้ าย ซงึ่ มักจะเฟน้ ว่าความรักเป็นเพียงบางส่วนของชวี ติ เท่านัน้ เมอเกิดความรัก ผ้หู ญิงจงทมุ่ เท ท้ังชวี ติ และจิตใจใหแุ้ ก่ความรักนั้น ทุ่มเทอย่างยอมเป็นทาส โกกลิ าเปน็ ผูห้ ญิงคนหนง่ึ ในโลก เธอจะหลกี เลี่ยงความจรงิ ในชีวิตหญงิ ไปไลอ้ ยา่ งไร พระดำรสั ของพระศาสดาซง่ึ ทรงแสดงแกพ่ ทุ ธบรษิ ทั เมอ่ื สายณั ห์ ยงั คงแวว่ อยใู่ นโสต ของนางพระองคต์ รสั วา่ ^มค่ วรปล่อยตนใฟ้ตกอยู่ภายใต้อำนาจแหง่ ความรัก เพราะการพลดั พรากจาก ส่ิงอนั เปน็ ท่ีรกั เป็นเรอ่ื งทรมาน และเรื่องที่จะบังคบั มิใฟพ้ ลัดพรากกเ็ ปน็ ส่งิ สดุ วิสัย ทุก คนจะต้องพลดั พรากจากสง่ิ อันเปน็ ท่ีรกั ท่ีพอใจ ไม่วนั ใดก็วนั หนง่ึ ” www.kalyanamitra.org

พระพุทธดำรัสน้ชี ่างเป็นความจริงเสยี นี่กระไร แต่เธอจะพยายามหกั ห้ามใจมใิ ห้คิดถึง พระอานนท์สกั เท่าใดก็หาสำเรจ็ ไม่ เธอดกเปน็ ทาสแหง่ ความรักแล้วอยา่ งหมดส้ินหวั ใจ รงุ่ ขนเวลาบ่าย นางเทย่ี วเดินชมโน่นชมนี่ในบริเวณโฆสิดาราม เพือ่ บรรเทาความ กระวนกระวายกลดั กลมุ้ รมุ่ รอ้ น เธอเดินมาหยุดยืนอยรู่ มิ สระซ่ึงมบี วั บานสะพร่ัง รอบ ๆ สระมี มา้ น่ังทำดว้ ยไมแ้ ละมีพนักพงิ อยา่ งสบาย เธอชอบมาเล่นบริเวณสระน้ีเสมอ ๆ ดูดอกบัวดแู มลงซง่ึ บนิ วนไปเวย่ นมาอย่กู ลางสระ ลมพดั เฉอ่ื ยฉิวหอบเอากลิ่นดอกบวั และกลิ่นนาํ้ คละเคล้ากันมาทำให้ นางมีควานแชม่ ชื่นข้ึนบา้ ง ธรรมชาติเปน็ ลิง่ มีคณุ คา่ ต่อชวี ติ ชีวิตทอี่ ยกู่ ับธรรมชาติมกั จะเปน็ ชวี ติ ทีช่ ื่นสุขเบาสบายยงิ่ มนุษย์ทอดทงิ้ หา่ งเหนิ จากธรรมชาตมิ ากเท่าใด เขากย็ ่งิ ห่างความสขุ ออกไป ทุกทีมากเท่าน้นั ขณะทีน่ างกำลงั เพลนิ อย่กู ับธรรมชาตอิ ันสวยงาม และดเู หมอื นความรุ่มร้อนจะลดลงได้ บา้ งน้นั เอง นางไดย้ ินเสียงเหมือนมคี นเดินอยู่ฌอ้ี งหลัง ทันทีทน่ี างเหลยี วไปดู ภาพ ณ เบ้ีองหนา้ นางเข้ามาทำลายความสงบราบเรยี บเสียโดยพลนั ... พระอานนท์และโฆสิตมหาเศรษฐีเจา้ ของอา- รามนน่ั เอง นางรสู้ ึกดะครั่นดะครอ มอื และริมรเี ปากของนางเริม่ ส่นั นอ้ ยๆ เหมือนคนเรม่ิ จะจบั ไข้ เมอื่ พระอานนทเ์ ข้ามาใกล้ นางถอยหลงั ไปนิดหนง่ึ โดยมิไดส้ ำนึกว่า เบ้ีองหลังของนาง ณ บัดน้ีคือ สระน้าั บังเอิญเทา้ ข้างหน่งึ ของนางเหยียบดนิ แขง็ ก้อนหนงึ่ นางเสียหลักและล้มลง พระอานนท์และโฆสดิ มหาเศรษฐีตกตะลึงยนื นง่ึ เหมือนรูปปนั ศลิ า ลักครหู่ นึง่ จงึ ไดส้ ติ แต่ไม่ทราบจะชว่ ยนางประการใด นางเปน็ ภกิ ษุณีอนั ใครๆ จะถกู ด้องมไิ ด้ อย่าพูดถงึ พระอานนท์ เลย แม้!ฆสิตมหาเศรษฐีเองกไ็ มก่ ล้ายืน่ มือประคองนางใหล้ ุกขน้ึ นางพยายามชว่ ยตัวเองจนสามารถ ลุกขึน้ มาสำเรจ็ แล้วคุกเช่าลงเบื้องหน้าพระอานนท์ ก้มหน้านง่ึ ดว้ ยความละอาย “นอ้ งหญงิ ...” เสยี งทุ้ม ๆ น่มุ นวลของพระอานนท์ปรากฏแก่โสตของนางเหมอื นแว่วมาตามสายลม เสยี งเรีย! ๆ แต่แฝงไว้ด้วยความหว่ งใยของพระอานนท์ ไดเ้ ปน็ เหมือนน้าั ทิพยช์ โลมใจนางให้ซ่ึน- บาน อะไรเล่าจะเป็นความชนื่ ใจของสตรีมากเท่ารสู้ กึ ว่าชายทตี่ นพะวงรกั มคื วามห่วงใยในตน สตรี เปน็ เพศทจี ำความดขี องผู้อน่ื ได้เก่งพอ ๆ กับการใหอ้ ภยั และลืมความผดิ พลาดของชายอันตนรัก เหมอื นเด็ าน้อย แม้จะถูกเฆ่ยี นมาจนปวดรา้ วไปทัง้ ตัว แต่พอมารดาผ้เู พ่ิงจะวางไม้เรียวแลว้ หนั มา ปลอบดว้ ยคำอนั อ่อนหวานลักครูห่ นึง่ และแถมด้วยขนมช้ินน้อย ๆ บ้างเทา่ น้ัน เด็กนอ้ ยจะลมื เรือ่ ง ไม้เรียว กลบั หันมาชนื่ ชมยินดีกบั คำปลอบโยนและขนมชนิ้ น้อย เขาจะชกุ ตวั เข้าสูอ่ อ้ มอกของมาร- ดาและกอดรดั เหมือนอาลยั อยา่ งที่สุด การให้อภัยคนที่ตนรักนั้นไม่ปีที่สิ้นสุดในหัวใจของสตรี และ บางทกี เ็ ปน็ เพราะธรรมชาติอนั นี้ดว้ ย ที่ทำใหเ้ ธอชอกชํ้าแล้วชอกช้าิ อีก แต่มนษุ ย์ท้งั บรุ ษุ และสตรี เป็นลดั ว้ใลกท่ีไม่คอ่ ยจะร้จู ักเขด็ หลาบ จงึ ดอ้ งชอกชํ้าด้วยกันอยูเ่ นอื ง ๆ นางชอ้ นสายดาขึน้ มองพระอานนท์แวบหน่ึงแล้วคงก้มหน้าต่อไป ไม่มเื สียงตอบจาก นาง เหมือนมือะไรมาจุกท่คี อหอย นางพูดไมอ่ อกบอกไมถ่ ูกว่าดีใจหรอื เสียใจท่ีเกดิ เหตุการณน์ ้ขี น้ึ “น้องหญงิ ” เสยี งพระอานนท์ถามข้นึ อีก “เธอเจบ็ บา้ งไหม? อาดมาเป็นห่วงว่าเธอจะเจบ็ ” “ไมเ่ ป็นไร พระคุณเจา้ ” เสียงตอบอย่างยากเยน็ เตม็ ที www.kalyanamitra.org

“เธอมาอยนู่ ส่ี บายดีหรอื ?” “พอทนได้ พระคณุ เจ้า” “ แมน่ างต้องการอะไรเก่ียวกับปัจจัย ๔ ขอให้บอกขา้ พเจา้ ขา้ พเจา้ ขอปวารณาไว”้ ทา่ นเศรษฐีพูดขึน้ บ้าง แล้วพระอานนทแ์ ละโฆสิตเศรษฐกี ็จากไป นางมองตามพระอานนท์ดว้ ยความรัญจวนพศิ วาส นางรสู้ ึกเหมอื นอยากใหห้ กลม้ วนั ละ ห้าครัง้ ถ้าการหกล้มนั้นเปน็ เพราะเธอไดเ้ ห็นพระอานนท์อันเปน็ ทรี่ ัก นางเดนิ ดามพระอานนทไ์ ป เหมือนถกู สะกด ความรกั ทำให้บุคคลทำสง่ิ ต่าง ๆ อยา่ งคร่ึงหลบั ครงึ่ ต่ืน คร่หู น่ีงนางจึงหยุดเหมอื นนกึ อะไรขึน้ มาได้ แล้วเหลียวหลงั กลบั สทู่ ีอ่ ย่ขู องนาง นางกลบั ส่ภู กิ ขนุ ปู สั สยะทพ่ี ักของภิกษุณดี ว้ ยหัวใจท่ีเศร้าหมอง ความอยากพบและ อยากสนทนาดว้ ยพระอานนท์นนั้ มมื ากสุดประมาณ บคุ คลเมอ่ื มคี วามปรารถนาอย่างรุนแรง ยอ่ ม คิดหาอบุ ายเพื่อใหบ้ รรลสุ งิ่ ที่ปรารถนาน้ัน เม่ือไมไ่ ดโ้ ดยอบุ ายทีช่ อบก็พยายามทำโดยเลห่ ้กลมารยา แล้วแต่ความปรารถนาน้นั จะสำเร็จได้โดยประการใด โดยเฉพาะความปรารถนาในเรอึ่ งรกั ด้วยแล้ว ยอ่ มหนั เหบดิ เบือนใจของผ้ดู กอยภู่ ายใต้ อำนาจของมันให้กระทำไดท้ ุกอยา่ ง พระพุทธองค์จึงตรสั ว่า เมื่อใดความรักและความหลงครอบงำจิต เมื่อนั้นบุคคลก็มืดมน เสมือนคนตาบอด นางปดิ ประตกู ุฎนอนเหมอื นคนเจ็บหนัก ภกิ ษณุ ีผู้อยู่ห้องตดิ กนั ได้ยนิ เสียงครางจงึ เคาะ ประตูเรียก “ทา่ นเปน็ อะไรไปหรือ โกกลิ า?” สนุ ันทาภกิ ษุณถี ามดว้ ยความเปน็ ห่วง “ไมเ่ ป็นไรมากดอกสนุ นั ทา ปวดศีรษะเลก็ น้อย แด,ตเู หมือนจะมือาการไข้ ตะครัน้ ดะครอ เน้ือตัวหนักไปหมด” โกกลิ าดอบ “ฉันยาแลว้ หรือ?” “ เรียบรอ้ ยแลว้ ” “เอ้อ มีอะไรจะใหข้ า้ พเจา้ ชว่ ยท่านบ้าง ไม่ด้องเกรงใจนะ ขา้ พเจา้ ยนิ ดเี สมอ” “มีธุระบางอย่าง ถ้าท่านเต็มใจจะช่วยเหลอื กพ็ อทำได”้ โกภลิ าพูดมแี ววแช่มชนื่ ข้ึน “มีอะไรบอกมาเถิด ถ้าขา้ พเจา้ พอชว่ ยได้ ก็ยนิ ด”ี สุนนั ทาตอบด้วยความจริงใจ “ท่านรู้จักพระอานนทม์ ใิ ชห่ รือ?” “รู้ซิ โกกลิ า พระอานนท์ใคร ๆ ก็ตอ้ งรูจ้ ักท่าน เว้นแต่ผไู้ มร่ จู้ กั พระผมู้ พื ระภาคเจ้าเทา่ นั้น ทา่ นมีธุระท่ีพระอานนท์หรือ?” “ ถ้าไม่เปน็ การลำบากแก่ทา่ น ข้าพเจ้าอยากวานให้ท่านช่วยนมั นคพ์ ระอานนท์มาที่น่ี ข้าพเจ้าอยากพิงโอวาทท่าน เวลานี้ขา้ พเจา้ กำลังป่วย ชวี ิตเป็นของไม่แน่ พระพทุ ธองคต์ รัสไวม้ ิใช่ หรอื ว่า ความแตกดับแห่งชีวิต ความเจ็บปวย กาลเป็นที่ดาย สถานที่ทิ้งร่างกายและคติในสัมปรายภพ เป็นสิ่งที่ไม่มืเครื่องหมายใครๆรู้ไม่ได้ เพราะฉะนน้ั ขอท่านอาศัยความอนุเคราะหัเก้อื กูลแกข่ ้าพเจ้าวา่ โกกิลาภกิ ษณุ ีขอนมัสการท่านด้วยเศียรเกล้า เวลานน้ี างป่วยไมส่ ามารถลกุ ขึ้นได้ ถ้าพระคณุ เจา้ จะ อาศัยความกรุณาไปเยี่ยมไข้ จะเปน็ ประโยชนึเกื้อกลู และความสุขแกน่ างหาน้อยไม”่ www.kalyanamitra.org

เวลาบา่ ยมากแล้ว ความอบอ้าวลดลง บริเวณอารามซ่งึ มืพนั ธไุ มห้ ลายหลากดรู ม่ รื่นยิง่ ขึน้ นกเล็ก ๆ บนก่ิงไมว้ ิง่ ไลเ่ ลน่ กันอยา่ งเพลิดเพลนิ บางพวกรอ้ งทักทายกนั อย่างสนิทสนมและชืน่ สุข ตริ ัจฉานเป็นสัตวโ์ ลกที่มืความรูน้ ้อยและความสามารถน้อย มันมคี วามรูค้ วามสามารถเพียงแด่ หากินและหลบหลกี ภยั เฉพาะหนา้ แด่ดูเหมอื นมนั จะมคี วามสุขยง่ิ กวา่ มนุษย์ ซง่ึ ถือตนว่าฉลาด และมคี วามสามารถเหนือสัตวโ์ ลกทั้งมวล เปน็ ความจริงที่ว่า ความสุขนนั้ ข้นึ อยกู่ ับความพอใจ มนษุ ย์ ไม่วา่ จะอยู่ในเพศไหนและภาวะอยา่ งใดล้าสามารถพอใจในภาวะนั้นได้ เขากม็ คี วามสขุ คนยากจน หาเข้ากนิ คํ่า อาจจะมีความสุขกวา่ มหาเศรษฐหี รอิ มหาราชผูเ้ รา่ รอ้ นอยูเ่ สมอ เพราะความปรารถนา และทะยานอยากอันไมร่ ้จู ักส้ินสุด มนุษย์เราจะมีสดิปญั ญาฉลาดปานใดก็ดาม ล้าไร้เสียแลว้ ซ่งึ ปญั ญา ในการหาความสขุ ให้แกต่ นโดยทางที่ชอบ เขาผู้นั้นควรจะทะนงตนว่าฉลาดกวา่ สัตว์ละหรอื ? มนษุ ย์ ส่วนใหญม่ ักจะปลอ่ ยให้ความอยากความดน้ิ รนออกหน้าแลว้ ว่งิ ดาม เหมอื นวง่ิ ดามเงาของตนเองใน เวลาบ่าย ยิ่งว่งิ ตาม กด็ เู หมอื นเงาจะหา่ งตวั ออกไปทกุ ที ทุกคนด้องการและมงุ่ มั่นในความสุข แด่ ความสุขก็ ป็นเหมอื นเงาน้ันเอง ความสขุ มใี ช่เป็นสิ่งทีเ่ ราจะต้องแสวงหาและมุ่งมอง หนา้ ที่โดยตรงท่ี มนุษย์ควรทำน้นั คอื การมองทุกขใ์ หเ้ หน็ พรอ้ มท้ังตรวจสอบพจิ ารณาสาเหตแุ หง่ ทุกข์นัน้ แลว้ ทำลายสาเหตแุ ห่งทุกขเ์ สีย โดยนัยนี้ ความสขุ กเ็ กิดข้ึนเอง เหมือนผ้ปู รารถนาความสุขความเจรญิ แก่ประเทศชาติ ลา้ ปราบเส้ียนหนามและเรอ่ื งร้ายในประเทศมไี ด้ ก็อยา่ หวังเลยว่า ประเทศชาตจิ ะ เจริญและผาสุก หรือเหมือนผปู้ รารถนาสุขแก่ร่างกาย ลา้ ยงั กำจดั โรคในรา่ งกายมีได้ ความสุขกาย จะมไี ดอ้ ย่าง1ร แดล่ ้าร่างกายปราศจากโรค มอื นามัยดี ความสขุ กายก็มืมาเอง ด้วยประการฉะนี้ ปรัชญาเถรวาทจึงใหห้ ลักเราไวว้ า่ มองทุกข์ให้เห็นจึงเป็นสุข อธิบายวา่ เมื่อเห็นทุกข์ กำหนดรูท้ ุกข์ และคน้ หาสมฎุ ฐานของทุกขน์ ัน้ เสยี เหมือนหมอทำลายเขึ้ออนั เปน็ สาเหตแุ ห่งโรค ยงิ่ ทุกขล์ ดนอ้ ย ลงเทา่ ใด ความสุขกย็ ่งิ เพมิ่ ขึน้ เท่านน้ั ความทุกข์ที่ลดลงน้ันเองคือความสุข เหมอื นทัศนะทางวทิ ยาศาสตร์ ทถี่ ือว่าความสุขไมม่ ี มแื ด่ความร้อนทลี่ ดลงถงื ที่สดุ กก็ ลายเป็นความเย็นทส่ี ุด ความสุขนัน้ มขื ้ึนตาม ขั้นแหง่ ความทกุ ขท์ ่ลี ดลง คำสอนทางศาสนาเมอ่ื ว่าโดยนยั หนึง่ จึงเป็นเร่ืองของ ศิลปะแห่งการลดทุกข์ นนั้ เอง พระอานนท์ไดร้ ับคำบอกเล่าจากสุนันทาภิกษุณีแล้ว ใหร้ ้สู กึ เปน็ ห่วงกังวลถึงโกกิลาภกิ ษณุ ี ย่ิงนัก ท่านคิดว่า หรอื จะเป็นเพราะนางหกล้มเมือ่ บา่ ยน้กี ระมงั จึงเปน็ เหตุให้นางปว่ ยลง อนิจจา! โกกลิ า เธอรักเรา เราหรอื จะไมร่ ู้ แด่เธอมาหลงรกั คนทไ่ี มม่ ืหวั ใจจะรักเสยี แลว้ เหมอื นเดก็ น้อยผูไ้ ม่ ประสาต่อความตาย น้ังร่าื ร้องเร่งเร้าขอคำตอบจากมารดาผู้นอนดายสนิทแลว้ ช่างนา่ สงสารน่าสงั เวช เสยี นกี่ ระvร ผหู้ ญิงมคื วามออ่ นแอท้งั รา่ งกายและจิตใจ พระศาสดาจึงกดี กันหนกั หนาในเบื้องแรก ทีจ่ ะใหส้ ด'!บวชในพระศาสนา ทัง้ นีเ้ ป็นเพราะพระมหากรณุ าของพระองคท์ ่ไี มด่ อ้ งการใหส้ ตรีลำบาก มีเรื่องเดีLวเท่านั้นที่สตรีทนได้ดีกว่าบุรุษ นั้นคือการทนต่อความเจ็บปวด พระอานนทม์ ีพระรูปหน่ึงเป็นปัจฉาสมณะไปสู่สำนักภิกษณุ ีเพื่อเยยี่ มไช้ แต่เมือ่ เหน็ อาการไขข้ องโกกิลาภิกษณุ ีแลว้ ความสงสารและกังวลของท่านกค็ อ่ ย ๆ คลายตัวลง ความฉลาด อย่างเลศิ ลาของพระพุทธอนุชาแทงทะลุความรูส้ กึ และเคสญั ญาการของนาง ท่านรู้สกึ วา่ ท่านถูกหลอก ทา่ นไม่เชอื่ เลยวา่ นางจะเปน็ ไข้ www.kalyanamitra.org

“แดเ่ อาเถดิ ” พระอานนทป์ รารภกบั ตวั เอง “โอกาสนเ้ี ปน็ โอกาสดเี หมอื นกนั ทจ่ี ะแสดง บางอยา่ งใหน้ างทราบ เพอ่ื นางจะไดล้ ะความพยายาม เลกิ รกั เลกิ หมกมนุ่ ในโลกยี ว์ สิ ยั กนั มาทำ ความเพยี รเพอ่ื ละสง่ี ทค่ี วรละ และเจรญิ สง่ี ทค่ี วรทำใหเ้ จรญิ ใหเ้ หมาะสมกบั เพศภกิ ษณุ แี หง่ นาง คง จะเปน็ ประโยชนเ์ กอ้ื กลู แก'นางไปดลอดกาลนาน และคงจะเปน็ ปฏกิ ารกนั ประเสรฐิ สำหรบั ความรกั ของนางผกู้ กั ดดี ,อเราดลอดมา” www.kalyanamitra.org

๕๘ d ใกกลิ าผ้ปู ระหารกเิ ลส แลแลว้ พระอานนทก์ ีกลา่ วว่า ‘‘นอ้ งหญงิ ! ชวี ิตนีเ่ ร่มิ ดน้ ดว้ ยเรอื่ งทีน่ า่ ละอาย ทรงตัวอยู่ด้วยเรอ่ิ งที่ยุง่ ยากสบั สน และจบลงด้วยเรอ่ิ งเศรา้ อนง ชวี ติ นเ่ี รม่ิ ดน้ และจบลงดว้ ยเสยี งคราครวญ เมอถมื ตาฃนื้ ดโู ลกเป็นครง้ั แรกเฑก็รอ้ งไห้ และเบือ้ จะหลับตาลาโลกเรากร็ อ้ งไหอ้ กี หรอื อย่างนอ้ ยก็เปน็ สาเหตใุ ห้คนอนหลง่ั นา้ํ ตา เดก็ ร้องไห้ พรอ้ มด้วยกำมือแน่น เปน็ สัญลกั ษณ์วา่ เขาเกิดมา เพอจะหนว่ งเหนี่ยวยึดถือ แต่เมอหลับตาลาโลกน้ัน ทุกคนแบมอื ออก เหมอื นจะเตอื น ใหผ้ ู้อยู่เบ้ืองหลงั สัาฟ้กและเป็นพยานวา่ เขามไิ ดเ้ อาอะไรไปเลย นอ้ งหญงิ ! อาตมาขอเลา่ เรอ่ื งสว่ นตวั ใหฟ้ งั สกั เลก็ นอ้ ย อาดมาเกดิ แลว้ ในศากยวงศ์ อนั มตี กั ด ซง่ึ เปน็ ทเ่ี ลอ่ื งลอื วา่ บรสิ ฑุ ธย้ิ ง่ิ ในเรอ่ื งตระกลู อาดมาเปน็ อนชุ าแหง่ พระบรมศาสดา และ ออกบวชตดิ ตามพระองคเ์ มอ่ื อายไุ ด้ ๓๖ ปี ราชกมุ ารผมู้ อี ายถุ งึ ๓๖ ปที ย่ี งั มดี วงใจผอ่ งแผว้ ไมเ่ คย ผา่ นเรอ่ื งรกั ๆใครๆ่ มาเลยนน้ั เปน็ บคุ คลทห่ี าไดย้ ากในโลก หรอื อาจจะหาไมไ่ ดเ้ ลยกไ็ ด้ นอ้ งหญงิ อยา่ นกึ วา่ อาตมาจะเปน็ คนวเิ ศษเลศิ ลอยกวา่ ราชกมุ ารทง้ั หลาย อาดมาเคยผา่ นความรกั มาและ ประจกั ษว์ า่ ความรกั เปน็ ความรา้ ย ความรกั เปน็ สง่ี ทารณุ และเปน็ เครอ่ื งทำลายความสขุ ของปวงชน อาตมากลวั ตอ่ ความรกั นน้ั ทกุ คนตอ้ งการความสมหวงั ในชวี ติ รกั แตค่ วามรกั ไมเ่ คยใหค้ วามสมหวงั แกใ่ ครถงึ ครง่ื หนง่ึ แหง่ ความตอ้ งการ ยง่ิ ความรกั ทฉ่ี าบทาดว้ ยความเสนห่ าดว้ ยแลว้ จะเปน็ พษแก่ จิตใจ ทำใหท้ รุ นทรุ ายดน๊ึ รนไมร่ จู้ กั จบสน ความสขุ ทเ่ี กดิ จากความรกั นน้ั เหมอี นความสบายของ คนปว้ ยทไ่ี ดก้ นิ ของแสลง เธออยา่ พอใจในเรอ่ื งความรกั เลย เมอ่ื หวั ใจถกู ลบู ไลด้ ว้ ยความรกั หวั ใจนน้ั จะสรา้ งความหวงั ขน้ึ อยา่ งเจดิ จา้ แตท่ กุ ครง้ั ทเ่ี ราหวงั ความผดิ หวงั กจ็ ะรอเราอยู่ www.kalyanamitra.org

&e www.kalyanamitra.org

๖0 นอ้ งหญงิ ! อยา่ หวังอะไรให้มากนกั จงมองดชู ีวติ อย่างผู้ชาชอง อยา่ วติ กกังวล อะไรล่วงหน้า ชวี ติ นเ้ี หมอื นเกลยี วคลน ซุงก่อตวั ขนแก้วมว้ นเขา้ หาส์ง และแตกกระจาย เปึนฟองฝอย จงยนื มองดูชวี ิตเหมือนคนทยี่ ืนอยบ่ นส์งมองดเู กลียวคลนิ่ ในมหาสมทุ รฉะน้ัน โกกลิ าเอย! เมอ่ื ความรกั เกดิ ขน้ึ ความละอายและความเกรงกลวั ในสง่ิ ทค่ี วรกลวั กพ็ ลนั สน้ิ ไป เหมอื นกอ้ นเมฆมหมึ าเคลอ่ื นตวั เขา้ บดบงั ดวงจนั ทรใ์ หอ้ บั แสง ธรรมดาสตรนี น้ั ควรจะยอมตาย เพราะความละอาย แตแ่ ทนทจ่ี ะเปน็ เชน่ น้ั ความละอายมกั จะตายไปกอ่ นเสมอ เมอ่ื ความใครเ่ กดิ ขน้ึ ความละอายกห็ ลบหน้า เพราะเหตนุ ้ี พระบรมศาสดาจงึ ตรส้ วา่ ความใครท่ ำใหค้ นมดื บอด อนง่ึ โลกมนษุ ย์ ของเรานเ้ี ตม็ ไปดว้ ยชวี ติ อนั ประหลาดพสิ ดารตา่ งชนดิ และตา่ งรส ชวี ดิ ของแตล่ ะคนไดผ้ า่ นมาและ ผา่ นไป ดว้ ยความระกำลำบากทกุ ขท์ รมาน ถา้ ชวี ติ มคี วามสขุ กเ็ ปน็ ความหวาดเสยี วทจ่ี ะตอ้ งจาก ชวี ติ อนั รน่ื รมยน์ น้ั ไป โกกลิ าเอย! มนษุ ยท์ ง้ั หลายผยู้ งั มอี วชิ ชาเปน็ ผา่ บงั ปญั ญาจกั ษนุ น้ั เปน็ เสมอื นทารกนอ้ ย ผหู้ ลงเขา้ ไปในปา่ ใหญอ่ นั รกทบึ ซง่ึ เตม็ ไปดว้ ยอนั ตรายอนั นา่ หวาดเสยี ว และวา้ เหวเ่ งยี บเหงา มนษุ ย์ สว่ นใหญแ่ มจ้ ะรา่ เรงิ แจม่ ใสอยใู่ นหมญู่ าตแิ ละเพอ่ื นฝงู แตใ่ ครเลา่ จะทราบวา่ ในสว่ นลกึ ของหวใจ เขาจะวา้ เหวแ่ ละเงยี บเหงาลกั ปานใด แทบทกุ คนวา้ เหวไ่ มแ่ นใ่ จวา่ จะยดึ เอาอะไรเปน็ หลกั ของชวี ติ ทแ่ี นน่ อน เธอปรารถนาจะเปน็ อยา่ งนน้ั ดว้ ยหรอื ? นอ้ งหญงิ ! บดั นเ้ี ธอมธี รรมเปน็ เกาะทพ่ี ง่ื แลว้ จงยดึ ธรรมเปน็ ทพ่ี ง่ื ตอ่ ไปเถดิ อยา่ หวงั อยา่ งลน่ื เปน็ ทพ่ี ง่ื เลย โดยเฉพาะความรกั ความเสนห่ าไมเ่ คยเปน็ ทพ่ี ง่ื จรงิ จงั ใหแ้ กใ่ ครได้ บนั เปน็ เสมอื นตอทผ่ี ุ จะลม้ ลงทนั ทเี มอ่ื ถกู คลน่ื ซดั สาด ธรรมเปน็ สง่ิ สำคญั ทส่ี ดุ ในชวี ติ มนษุ ย์ ไมว่ า่ เขาจะอยใู่ นเพศไดภาวะใด การกระทำทน่ี กึ ขน้ึ ภายหลงั แลว้ ดอ้ งเสยี ใจนน้ั พระศาสดาทรงสอนใหเ้ วน้ เสยี เพราะฉะนน้ั แมจ้ ะประสบปญั หาหวั ใจ หรอื ไดร้ บั ความทกุ ขย์ ากลำบากลกั ปานใด กด็ อ้ งไมท่ ง้ิ ธรรม มนษุ ยท์ ย่ี งั มอี าสวะอยใู่ นใจนน้ั ยอ่ มจะ มวี นั พลง้ั เผลอประพฤตผิ ดิ ธรรมไปบา้ ง เพราะยงั มสี ตไิ มส่ มบรู ณ์ แตเ่ มอ่ื ไดส้ ตใิ นภายหลงั แลว้ กค็ วร ตง้ั ใจประพฤตธิ รรมสง่ั สมความดกี นั ใหม่ ยง่ิ พวกเรานกั บวชดว้ ยแลว้ จำเปน็ ตอ้ งมอี ดุ มคติ การตาย ดว้ ยอดุ มคตนิ น้ั มตื า่ กวา่ การเปน็ อยโู่ ดยไวอ้ ดุ มคติ นอ้ งหญิง! ธรรมดาว่าไม้จนั ทน์นั้น แมจ้ ะแหง้ กีไมท่ ิ้งกล่ิน หัสดนิ กา้ วลงสู่ สงครามกไ็ มท่ ้งิ ลีลา ออ้ ยแมเ้ ขา้ สูห่ ีบยนต์แลวี กไ็ มท่ ิง้ รสหวาน บัณฑติ แม้ประสบทุกข์ ก็ไมท่ ิง้ ธรรม พระศาสดาทรงยํา้ ว่าฟงึ สละทกุ ลิ่งทุกอย่างเพื่อรกั ษาธรรม โกกลิ าเอย! เธอไดส้ ละเพศฆราวาสมาแลว้ ซง่ึ เปน็ การเสยี สละทย่ี ง่ิ ใหญย่ ากทใ่ี คร ๆ จะสละได้ ขอใหเ้ ธอเสยี สละตอ่ ไปเถดิ และสละใหล้ กึ กวา่ นน้ั คอื ไมส่ ละแตเ่ พยี งเพศอยา่ งเดยี ว แตจ่ ง สละความรสู้ กึ อนั จะเปน็ ขา้ ศกึ ตอ่ เพศเสยี ดว้ ย เธอเคยพงิ สภุ าษติ อนั กนิ ใจยง่ิ มาแลว้ มใิ ชห่ รอื ในคน รอ้ ยคนหาคนกลา้ ไดห้ นง่ึ คน ในคนพน้ คนหาคนเปน็ มณั ฑติ ไดห้ นง่ึ คน ในคนแสนคนหาคนพดู จรงิ ไดเ้ พยี งหนง่ึ คน สว่ นคนทเ่ี สยี สละไดท้ กุ สง่ิ ทกุ อยา่ งนน้ั ไมร่ ว้ า่ จะปหี รอื ไม่ คอื ไมท่ ราบจะคำนวณเอา จากคนจำนวนเทา่ ใดจงึ จะเฟน้ ไดห้ นง่ึ คน สมเดจ็ พระสมั มาลมั พทุ ธเจา้ ทรงเปน็ นกั เสยี สละตวั อยา่ ง www.kalyanamitra.org

๖® ของโลก เคยมกี ษตั รยิ อ์ งคใ์ ดบา้ งทำไดเ้ หมอื นพระพทุ ธองค์ ยอมเสยี สละความสขุ ความเพลนิ ใจ ทกุ อยา่ งทช่ี าวโลกปองหมาย มาอยกู่ ลางดนิ กลางทราย กเ็ พอ่ื ทำประโยชนอ์ นั ยง่ี ใหญแ่ ยม่ นษุ ยช์ าติ การเสยี สละของพวกเรา เมอ่ื นำไปเฑยบกบั การเสยี สละของพระบรมศาสดาแลว้ ของเราชา่ งเลก็ นอ้ ย เสยี นก่ี ระไร นอ้ งหญงิ ! พระศาสดาดรสั วา่ บคุ คลอา่ จอาศยั ตณั หาละตณั หาได้ อาจอาศยั มานะละ มานะได้ อาจอาศยั อาหารละอาหารได้ แตเ่ มถนธรรมนน้ั พระผมู้ พี ระภาคทรงสอนใหช้ กั สะพานเสยี คออยา่ ทอดสะพานเขา้ ไป เพราะอาศยั ละไม,ได้ ขอ้ วา่ อาศยั อาหารละอาหารนน้ั คอื ละความพอใจในรสของอาหาร จรงิ อยสู่ ตั วโ์ ลก ทง้ั มวลดำรงชพี อยไู่ ดเ้ พราะอาหาร ขอ้ นพ่ี ระศาสดากต็ รสั วา่ แตม่ นษุ ยแ์ ละสตั วเ์ ปน็ อนั มากตดิ ขอ้ ง อยใู่ นรสแหง่ อาหาร จนดอ้ งกระเสอื กกระสนกระวนกระวาย และดอ้ งทำชว่ั เพราะรสแหง่ อาหารนน้ั ทว่ี า่ อาศยั อาหารนน้ั คอื อาศยั อาหารละความพอใจในรสแหง่ อาหารนน้ั บรโิ ภคเพยี งเพอ่ื ยงั ชพี ให้ ชวี ติ นเ่ี ปน็ !ป!ดเ้ ทา่ นน้ั เหมอื นคนเดนิ ทางขา้ มทะเลทราย เสบยี งอาหารหมด และบงั เอญิ ลกู นอ้ ยดายลง เพราะหวิ โหย เขาจำใจดอ้ งกน็ เนอ่ี บดุ รเพยี งเพอ่ื ใขข้ า้ มทะเลทรายไดเ้ ทา่ นน้ั หาตดิ ในรสแหง่ เนีอ่ บตุ ริน], ขอ้ วา่ อาศยั ตณั หาละตณั หานน้ั คือเมอ่ื ทราบวา่ ภกิ ษุ ภกิ ษณุ ี อบุ าสก อบุ าสกิ า ชือ่ โนน้ ไดส้ ำเรจ็ เปน็ โสดาบนั สกทาคามี อนาคามี หรอื อรหนั ต์ กม็ คี วามทะยานอยากทจ่ี ะเปน็ บา้ ง เมอ่ื พยายามจนไดเ้ ปน็ แลว้ ความทะยานอยากอนั นน้ั กห็ ายไป อยา่ งนเ่ี รยี กวา่ อาศยั ตณั หาละตณั หา ขอ้ วา่ อาศยั มานะละมานะนน้ั คอื เมอ่ื ไดย้ นิ ไดฟ้ งั ภกิ ษหุ รอื ภกิ ษณุ ี .หรอื อบุ าสกอบุ าสกิ า ชอ่ื โนน้ ไดส้ ำเรจ็ เปน็ โสดาบนั เปน็ ดน้ กม็ มี านะขน้ึ วา่ เขาสามารถทำได้ ทำไมเราซง่ึ เปน็ มนษุ ยแ์ ละมี อวยั วะทกุ สว่ นเหมอื นเขาจะทำไมไ่ ดบ้ า้ ง จงึ พยายามทำความเพยี ร เผากเิ ลสจน!ดบ้ รรลโุ สดาบต้ ตผิ ลบา้ ง อรหดั ตผลบา้ ง อยา่ งนเ่ี รยื กวา่ อาศยั มานะละมานะ เพราะเมอ่ื บรรลแุ ลว้ มานะนน้ั ยอ่ มไมม่ อี กี ดูกอ่ นนอ้ งหญงิ ! สว่ นเมถนุ ธรรมนน้ั ใครๆจะอาศยั ละมไิ ดเ้ ลย นอกจากจะพจิ ารณา เหนิ โทษของบนั แลว้ เลกิ ละเสยี หา้ มใจมใี หเ้ ลอ่ื นไหลไปยนิ ดใี นกามสขุ เชน่ นน้ั นอ้ งหญงิ ! พระศาสดา ตรสั 'วา่ กามคุณนัน้ เปน็ ของไม,เทีย่ งไม่ชัง่ ยืน มลี ขุ นอ้ ยแตม่ ที กุ ขม์ าก มโี ทษมาก มคี วามศบั แดน้ เปน็ มลู มที กุ ขเ์ ปน็ ผล” พระอานนทพ์ ดู จบ คอยวบั กริ ยิ าของโกกลิ าภกิ ษณุ วี า่ จะมคี วามรสู้ กึ อยา่ งไร ธรรมกถา ของทา่ นไดผ้ ล ภกิ ษณุ คี อ่ ย ๆ ลกุ จากเด■ี ยง สสดั ผา้ หม่ ออก คลานมาหมอบลงแทบเทา้ พระอานนท์ สะอึกสะอน้ื จนสัน่ เทิม้ ไปทัง้ ตวั นางพดู อะไรไมอ่ อก นางเสยี ใจอยา่ งสดุ ขง้ึ อนั ความเสยี ใจและละอายนน้ั ถา้ บนั แยกกนั เกดิ คนละครง้ั กด็ เู หมอื นจะไมร่ นุ แรงเทา่ ใดนกั แตเ่ มอ่ื ใดทง้ั ความเสยี ใจและความละอาย เกดิ ขน้ึ พรอ้ ม ๆ กนั และในกรณเี ดยี วกนั ดว้ ยแลว้ ยอ่ มเปน็ ความทรมานสำหรบิ สตรอี ยา่ งยง่ึ นางเสยี ใจ เหลอื เกนิ ทค่ี วามรกิ ของนางมไิ ดร้ บิ สนองเลยแมแ้ ตน่ อ้ ย คำพดู ของพระอานนทล์ ว้ นแตเ่ ปน็ คำเสยี ดแทงใจ สำหรบั นางผย้ งั หวงั ความรกั จากทา่ นอยู่ ยง่ี กวา่ นน้ั เมอ่ื นางทราบวา่ พระอานนทม์ ไิ ดเ้ ชอ่ื ในอาการ ลวงของนางเลย นางจงึ รสู้ กี เหมอื นถกู ดบหนา้ อยา่ งแรง ละอายสดุ ทจ่ี ะประมาณ!ี ด้ นางจงึ ไมส่ ามารถ พดู คำใดไดเ้ ลย นอกจากถอนสะอน้ื อยไู่ ปมา www.kalyanamitra.org

ครหู่ นง่ึ พระอานนทจ์ งึ พดู วา่ “นอ้ งหญงิ ! หยดุ รอ้ งไหเสยี เถดิ การรอ้ งไหไ้ มม่ ปี ระโยชนอ์ ะไร ไมช่ ว่ ยเรอ่ื งหนกั ใจของเธอใหค้ ลายลงได”้ อนจิ จา! พระอานนทช์ า่ งพดู อยา่ งพระอรยิ ะนท์ “ขา้ แตพ่ ระคณุ เจา้ ” นางพดู ทง้ั เสยี งสะอน้ื ภกิ ษผุ เู้ ปน็ ปจั ฉาสมณะของพระอานนทต์ อ้ ง เบอื นหนา้ ไปเสยี ทางหนง่ึ เกรงวา่ ไมส่ ามารถจะอดกลน้ั นา้ั ตาไต้ “ขา้ พเจา้ จะพยายามกลา้ั กลนื ผนื ใจปฎปิ ตั ติ ามโอวาทของทา่ น นมจะเปน็ ความทรมาน สกั ปานใด ขา้ พเจา้ กจ็ ะอดทนและขอเทอดทนู บชู าพระพทธอนชุ าไรใ้ นฐานะเปน็ ทเ่ี คารพสกั การะ อยา่ งสงู ขา้ พเจา้ ไมเ่ จยี มตวั จงึ ตอ้ งทนทกุ ขท์ รมานถงึ ปานน้ี ขา้ พเจา้ เปน็ เพยี งหญงิ ทาสทนู หมอ้ นา้ํ ขา้ พเจา้ เพง่ิ สำนกึ ตนเวลานเ้ี อง ความรกั ความอาลยั ทา่ ใหข้ า้ พเจา้ ลมื กำเนดิ ชาตติ ระกลู และความ เหมาะสมใด ๆ ทง้ั สน้ิ มาหลงรกั พระพทธอนชุ าผทู้ รงตกั ด”้ิ “ขา้ แตท่ า่ นผสู้ บี อรยิ วงศ!์ กายกรรม วจกี รรมทข่ี า้ พเจา้ ลว่ งเกนิ ทา่ นและจะพงี ขอโทษนน้ั ไมม่ ี สว่ นมโนกรรมนน้ั มอี ยู่ ขา้ พเจา้ รกั ทา่ น และรกั อยา่ งสดู หวั ใจ ถา้ การทข่ี า้ พเจา้ รกั ทา่ นนน้ั เปน็ ความผดิ ขอทา่ นผปู้ ระเสรฐิ โปรดใหอ้ ภยั ในความผดิ พลาดสนั นน้ั ดว้ ย” นางพดู จบแถว้ นง้ั กมหนา้ นา้ั ดาของนางหยดลงบนจวี รผนื บางเสมอื นหยาดนา้ํ คา้ งถกู สลดั ลงจากใบหนา้ เมอ่ื ลมพดั เปน็ ครง้ั คราว “น้องหญิง! เรอ่ื งชาตเิ รอ่ื งตระกลู นน้ั อยา่ นำมาปรารมภเ์ ลย อาตมามไิ ดเ้ คยคดิ ถงึ มนั เปน็ เวลานานมาแลว้ ทอ่ี าตมาไมร่ กั นอ้ งหญงิ มใิ ชเ่ พราะอาตมามาเกดิ ในตระกลู สนั สงู ตกั ด้ิ สว่ นเธอ เปน็ ทาสดี อก แตเ่ ปน็ เพราะอาดมาเหน็ โทษแหง่ ความรกั ความเสนห่ า ตามทพ่ี ระศาสดาทรงสอน อยเู่ สมอ เวลานอ้ี าดมามหี นา้ ทต่ี อ้ งปารงพระศาสดาผเู้ ปน็ นาถะของโลก และพยายามทำหนา้ ทก่ี ำจคํ อาสวะในจติ ใจ มใิ ชเ่ พม่ิ อาสวะใหม้ ากปนี เมอ่ื อาสวะสงั ไมส่ น้ิ ยอ่ มจะตอ้ งเวยี นวา่ ยอยใู่ นรฎั สงสารอกี จะเปน็ เวลานานเทา่ ไดกส็ ดู จะคำนวณ พระศาสดาตรสั วา่ การเกดิ ปอย ๆ เปน็ ความทกุ ข์ เพราะเมอ่ื มกี ารเกดิ ความแก่ ความเจบ็ และความทรมานอน๋ึ ๆ กต็ ดิ ดามมาเปน็ สาย นอก^ากน้ี ผวู้ นเวยี น อยไู่ นวฏั สงสารอาจจะมบี างชาตทิ ป่ี ระมาทพลาดพลง้ั ไปแลว้ ตอ้ งดกไปในอบาย เปน็ การถอยหลงั ไป อกี มาก กวา่ จะตง้ั ตน้ ไตใ้ หมก่ เ็ ปน็ การเสยี เวลาของชวี ติ ไปมใิ ชน่ อ้ ย นอ้ งหญงิ ! เธออยา่ นอ้ ยใจในชาตติ ระกลู สนั ตาตอ้ ยของเธอเลย บคุ คลจะเกดิ ไนตระกลู กษตั รยิ ์ พราหมณ์ แพทย์ หรอื สทู รกต็ าม ยอ่ มตกอยภู่ ายใตก้ ฎธรรมดาเหมอื นภนั หมดคอื เมอ่ื เกดิ มาแลว้ กต็ อ้ งแก่ ตอ้ งเจบ็ และไนทส่ี ดู กต็ อ้ งตาย ความตายยอ่ มกวาดลา้ งสรรพสดั วใั ปโดยมลิ ะเรน้ ใครไรเ้ ลย และใคร ๆไม,อาจตอ่ สดู้ ว้ ยวธิ ใี ด ๆไต้ นอกจากน้ี มนษุ ยท์ กุ คนลว้ นมเื ลอี ดสแี ดง รส้ กั กลวั ภยั และใครค่ วามสขู เสมอกนั เหมอื น ไมน้ านาชนดิ เมอ่ื นำมาเผาไฟยอ่ มมเี ปลวสเี ดยี วกนั เมอ่ื เปน็ เชน่ น้ี จะมวั มาแบง่ แยกกนั อยทู่ ำไมวา่ คนนน้ั เปน็ วรรณะสงู คนนเ้ี ปน็ วรรณะดา มาชว่ ยกนั กระพอื สนั ตสิ ขู ใหแ้ กโ่ ลกทร่ี อ้ นระอนุ จ้ี ะมดิ กี วา่ หรอื มนษุ ยไ์ มว่ า่ จะเกดิ ในวรรณะใด เมอ่ื ประพฤตดิ กี เ็ ปน็ คนดเี หมอื นกนั หมด เมอ่ื ประพฤตชิ ว่ั กเ็ ปน็ คนชว่ั เหมอื นกนั หมด www.kalyanamitra.org

ben เพราะฉะนั้น ขอให้น้องหญิงเลิกน้อยใจในเร่อื งชาตดิ ระกูลของตวั และดั้งหน้าพยายาม ทำความดีเถิด ขอใหน้ ้องหญงิ เชอ่ื ว่า การทอ่ี าตมาไม่สามารถสนองความรกั ของน้องหญงิ ไดน้ นั้ มใิ ช่ เป็นเพราะอาดมารังเกียจเร่อื งชาติเร่อื งตระกูลของเธอเลย แตเ่ ปน็ เพราะอาตมารงั เกยี จตวั ความรกั นน่ั ตา่ งหาก ภคนิ เี อย! อันธรรมดาว่าความรักน้นั มันเป็นธรรมชาติทีเ่ รา่ ร้อนอยแู่ ล้ว ล้ายิ่งมนั เกดิ ขึน้ ในฐานะท่ผี ิด ทไี่ ม่เหมาะสมเขา้ อีก มนั ก็จะยิ่งเพมิ่ แรงร้อนมากข้ึนเพียงใด การทน่ี อ้ งหญงิ จะรกั อาดมาหรอื อาดมาจะรักเธออย่างเสน่หาอาลัยนน้ั แล เรียกวา่ ความรักอันเกดิ ขนึ้ ในฐานะที่ผิดหรอื ไม่เหมาะสม ขอให้เธอตัดความรักความอาลยั เสียเถิด แลว้ เธอจะพบความสขุ ความปลอดโปร่งอกี แบบหน่งึ ซง่ึ สงู กว่าประณตี กวา่ ” พระอานนท์ ละภิกขุนปู สั สายะไวเ้ บอื้ งหลัง ดว้ ยความร้สู ึกทีแ่ ปลกประหลาด ท่านเดนิ ลัดเลาะมาทางริมสระแลว้ นง้ั ลง ณ ม้ายาวมพี นักตัวหนงึ่ ภิกษุผเู้ ป็นปัจฉาสมณะกน็ ง้ั ลง ณ รมิ สดุ ขา้ งหนึ่ง พระอานนทถ์ อนหายใจยาวและหนกั หนว่ ง เหมอื นจะระบายความหนักอกหนักใจออกมา เสียบา้ ง ครู่หน่งึ ท่านจึงบอกให้ภกิ ษรุ ปู น้นั กลับไปก่อน ท่านดอ้ งการจะนั้งพโี กผอ่ นอยูท่ ่ีนั้นลักครู่ ล้า พระศาสดาเรยี กหากใ็ หม้ าตามทีร่ มิ สระนัน้ ท่านนง้ั คิดทบทวนถึงเหตุการณท์ เ่ี กิดขน้ึ บางคร้งั รูส้ กึ สงสารภกิ ษุณีโกกิลาอยา่ งจบั ใจ แดด่ ้วยอัธยาศัยแหง่ มหาบรุ ูษประตับด้วยบารมธี รรมนน้ั ด่างหากเล่า จึงสามารถข่มใจและสลดั ความ รูส้ ึกสงสารอันน้ันเสยี ทา่ นปรารภกบั ตนเองวา่ ‘‘อานนท์เธอเปน็ เพยี งโสดาบันเท่านนั้ ราคะโทสะและโมหะยงั มิไดล้ ะเลย เพราะฉะน้นั อย่าประมาท อยา่ เขา้ ใกล้ หรือยอมพบกบั ภิกษุณีโกกลิ าอกี ธรรมชาติของจิตเป็นสิง่ ดิ้นรนกลับกลอกง่าย บางครงั้ ปรากฏเหมือนข้างตกมนั อานนท์! จงเอาสติเป็นขอสำหรบั เหนีย่ วรัง้ ข้าง คิอจดิ ทีด่ ้ินรนนี้ ใหอ้ ยใู่ นอำนาจ บุคคลผู้มีอำนาจมากที่สดุ และควรแก่การสรรเสริญนนั้ คือ ผ้ทู ีส่ ามารถเอาตนของ ดนเองไวใ้ นอำนาจได้ สามารถชนะตนเองได้ พระศาสดาตรัส'วา่ พ!ชนะตนเองไตชั อ่ื วา่ เปน็ ยอดนกั รบ ในสงคราม เธอจงเป็นยอดนกั รบในสงครามเถิด อยา่ เป็นผู้แพ้เลย” พระอานนท์ตรกี ดรองและใหโ้ อวาทตนเองอย่พู อสมควรแลว้ ก็เข้าเผาิ พระผมู้ ีพระภาค ทา่ นไมม่ อี ะไรปิดบังสำหรบั พระผู้มีพระภาคเพราะฉะน้นั ท่านจงึ กราบทูลเรอ่ื งราวทัง้ หมดใหพ้ ระจอมมนุ ี ทรงทราบ รวมทั้งที่ท่านปรารภกบั ดนเองและใหโ้ อวาทตนเองนั้นด้วย พระมหาสมณะทรงทราบ เรือ่ งน้ีแล้ว ทรงประทานสาธุการแก่พระอานนท์แล้วตรสั ให้กำลงั ใจว่า ‘‘อานนท!์ เธอเป็นผมู้ บี ารมีอันไดส้ ่งั สมมาดแี ลว้ ชาตินีเ้ ปน็ ชาตสิ ุดทา้ ยแห่งเธอ เรื่องที่ เธอจะดกไปสู่ฐานะที่ตากวา่ นน้ี ้นั เปน็ ไมม่ ีอีก,, แลว้ พระศากยมุนีก็ทรงแย้มพระโอษฐ์นอ้ ย ๆ เม่ึอ พระอานนท์ทลู ถามสาเหตทุ ี่ทรงแยม้ พระโอษฐน์ ้นั จงึ ตรสั ว่า ‘‘อานนท์! เธอคงลมื ไปวา่ พระโสดาบนั น้ันไมม่ ีการตกดรเปน็ ธรรมดา จะต้องได้ตรสั รู้ เป็นพระอรหนั ต์อยา่ งแนน่ อนไมร่ นั ใดกจ็ นั หน่ึง เธออย่าวิตกทกุ ขร้ ้อนไปเลย” พระอานนท์มอี าการแชม่ ชน่ื แจ่มใสขึ้น เพราะพระดำรัสประโลมใจของพระศาสดานนั้ www.kalyanamitra.org

เยน็ วันน้ันเอง พุทธบ่ริษทั นห่งนคฟ้กฒพั ีผใู้ คร่ตอ่ ธรรม ถือดอกไมธ้ ูปเทียนและสุคนั ธชาติ หลากหลายมุ,งหนา้ สู่โฆสติ ารามเพ่ือฟงั ธรรมรสจากพระพทุ ธองค์ เมอ่ื พทุ ธบริษัทพรัง่ พรอ้ มนง่ั อย่างมีระเบยี บแล้ว พระผ้มีพระภาคทรงอนั ตรวาสก (สบง=ผ้าสำหรับนุ่ง) ซ่งึ ยอ้ มไวด้ ้วยดีแล้ว ทรง คาตพระกายพนั ธนะ (ประคตเอว=ผ้ารดั เอว) อันเป็นประดุจสายฟ้า ทรงครองสุคตมหาบังสกุ ลจวี ร อนั เปน็ ประดุจผา้ กัมพลสีเหลอื งหมน่ เสดจี ออกจากพระคนั ธกุฎสี ู่ธรรมสภา ด้วยพุทธลลี าอันงามย่ีง หาทเี่ ปรยี บมไิ ด้ ประดจุ ลีลาแห่งพญาช้างคัวประเสรฐิ และประดุจอาการเยื้องกรายแห่งไกรสรสหี ราช เสดจ็ ขน้ึ สบู่ วรพุทธอาสน้ทปี่ ลู าดไวด้ แี ล้วทา่ มกลางมณฑลมาล ซึง่ ประคับดกแต่งอยา่ งวจิ ิตรตระการตา ทรงเปลง่ พระฉัพพณั ณรังสี ประดจุ พระอาทิตย์เปลง่ แสงอ่อนๆ บนยอดเขายคุ ันธร เมอ่ื สมเดจ็ พระจอมมนุ เี สด็จมาถืง พทุ ธบริษัทกเ็ งยี บกรบิ พระพทุ ธองค์ทรงมองดูพทุ ธบริษทั ด้วยพระหฤทัย อันเร่ยมไปดว้ ยเมตตา ทรงดำริวา่ “ชมุ นุมนชี้ ่างงามน่าดูจริง จะหาคนคะนองมอื คะนองเทา้ หรอื มเี สียงไอเสยี งจามไม่ไดเ้ ลย ชนทั้งหมดน้ีมิคารวะตอ่ เรายงิ่ นกั ถา้ เราไมพ่ ูดขึ้นก่อน แม้จะนั่งอยนู่ าน สักเทา่ ใดก็จะไมม่ ใี ครพูดอะไรเลย แต่เวลาน้ีเป็นเวลาแสดงธรรม” พระองคท์ รงดำรเิ ช่นน้แี ล้วจึงสง่ ข่ายแหง่ พระญาณของพระองคไ์ ปสำรวจพุทธบริษัทว่า ใครหนอจะสามารถบรรลธุ รร่มเบือ้ งสงู ไดบ้ า้ งในวันนี้ ทรงเลง็ เหน็ อปุ นสิ ยั แห่งภิกษณุ ีโกกิลาวา่ มี ญาณแก่กล้าพอจะบรรลุธรรมได้ พระพทุ ธองคจ์ ีงฑรงประกาศธรรมจักรอนั ประเสริฐ ด้วยพระสรุ เสียง อนั ไพเราะกังวานคังน้ี “ดกู ่อนทา่ นทงั้ หลาย! ทางสองสายคอื กามสุข้ลลิกานุโยค การหมกมุ่นอย่ดู ้วยกามสุข สายหน่งึ และอัตดกลิ มถานโุ ยค การทรมานกายไทล้ ำบากเปลา่ สายหน่ึง อนั ผห้ วังความเจรญิ ในธรรม พงึ ละเว้นเสีย ควรเดินทางสายกลาง คอื เดินตามอริยมรรคมีองค์ ๘ คอื ความเหน็ ชอบ ความดำริชอบ การพูดชอบ การทำชอบ การประกอบอาชพี ในทางสจุ รติ ความพยายามในทางท่ีชอบ การดงั้ สตชิ อบ และการทำสมาธชิ อบ ดกู อ่ นทา่ นทัง้ หลาย! ความทกุ ข์เปน็ ความจริงประการหน่ึงทช่ี วี ิตทุกชีวิตจะด้องประสบบา้ ง ไม่มากกน็ ้อย ความทุกขท์ ่ีกลา่ วน้ีมีอะไรบ้าง? ท่านท้ังหลาย! ความเกิดเป็นความทกุ ข์ ความแก่ ความเจบ็ ความตายกเ็ ปน็ ความทุกข์ ความแท้งไจ หรอื ความโศก ความราไรรำพันจนนํ้าดานองหนา้ ความ ทกุ ขก์ าย ความทกุ ขไ์ จ ความคบั แคนไจ ความพลัดพรากจากบุคคลหรอื สี่งของอันเปน็ ท่ีรัก ความ ดองประสบกบั บคุ คลหรือสง่ิ ของอัน!มเ่ ป็นทพ่ี อไจ ปรารถนาอะไรไมไ่ ด้ดังใจ ท้ังหมดนล้ี ้วนเป็นความทกุ ข์ ท่บี ุคคลด้องประสบทง้ั สน่ิ เม่อื กล่าวโดยสรปุ การยดึ มนไนขน้ ธ์ ๕ ด้วยตัณหาอุปาทานนน่ั เอง เป็น ความทุกข์อันยง่ิ ใหญ่” “ทา่ นทั้งหลาย! เราตถาคตกล่าวว่า ความทุกขท์ ้ังมวลย่อมสืบเนอ่ื งมาจากเหตุ กอ็ ะไรเล่า เป็นเหตแุ หง่ ทุกข์นัน่ เรากลา่ ววา่ ตณั หานั่นเปน็ เหตุเกดิ แห่งทุกข์ ตัณหาคือความทะยานอยากด้ินรน ซงึ่ มลิ กั ษ-ณะเป็นสามคอื ดนิ้ รนอยากได้อารมณท์ ี่นา่ ใครน่ า่ ปรารถนา เรียกกามตัณหาอย่างหนึง่ น่ึแลคือสาเหตแุ ห่งทกุ ข์ข้นั มูลฐาน ด้ินรนอยากเป็นนนั่ เปน็ นี่ เรียกภวตณั หาอยา่ งหน่ึง ด้นิ รนอยาก ผลักส่งิ ท่ีมิอย่แู ลว้ เปน็ แลว้ เรยกวิภวตณั หาอย่างหนึง่ นแ่ึ ลคอื สาเหตุแหง่ ความทกุ ข์ ขน้ั มูลฐาน “ทา่ นท้งั หลาย การสละคนื โดยไมเ่ หลอื ซึง่ ตัณหาประเภทต่าง ๆ ตับตัณหาคลายตณั หา โดยดน้ิ เช้ง น่นั แลเราเรยี กว่านิโรธ คอื ความตับทุกข์ได้ www.kalyanamitra.org

“ทางทจ่ี ะดบั ทกุ ข์ดับตณั หานน้ั เราตถาคตแสดงไวแ้ ลว้ คอื อริยมรรคมีองค์ ๘” ‘‘ท่านทัง้ หลายจงมธี รรมเปนึ ที่พงเถิด อย่ามอี ย่างอนเป็นที่พงเลย เราตถาคต เองเปน็ ทพ่ี งแก่ท่านท้ังหลายไม่ไต้ ตถาคตเปน็ แตเ่ พยี งผ้ชู ที้ างบอกทางเทา่ นน้ั สว่ น ความเพียรพยายามเพอเผาบาปอกุศล ทา่ นทงั้ หลายต้องทำเอง ทางมีอยู่ เราช้แี ลว้ บอกแล้ว ท่านทง้ั หลายตอ้ งเดินเอง” พระธรรมเทศนาของพระผ้มู ืพระภาคเจ้าในวนั นั้น เหมือนเจาะจงเทศนาแกภ่ ิกษณุ ีโกกิลา โดยเฉพาะ นางรู้สึกเหมือนพระองคป์ ระทับแกป้ ัญหาหัวใจของนางให้หลดุ ร่วง สมแล้วทีใ่ คร ๆ พา กนั ชมพระพทุ ธองค์ว่าเป็นเหมอื นดวงจนั ทร์ ซ่ึงทุกคนรสู้ กึ เหมอื นว่าจงใจจะส่งแสงสนี วลไปใหแ้ กต่ น เพียงคนเดยี ว โกกลิ าภกิ ษณุ สี ง่ กระแลจติ ไปดามพระธรรมเทศนา ปลดเปลอ้ื งสงั โยชนค์ อื กเิ ลสเครอ่ื ง รอ้ ยรดั จติ ใจทลี ะชน้ั จนสามารถประหารกเิ ลสทง้ั มวล ไดส้ ำเรจ็ มรรคผลชน้ั สงู สดในพระพทธศาสนา เปน็ พระอรหนั ตอ์ งคห์ นง่ึ ดว้ ยประการฉะน้ี www.kalyanamitra.org

6 พนั ธลุ ะกบั พระราชา วันหนงเวลาเช้าอนั เปน็ ฤดใู บไมผ้ ลิ ใบเก่าของพฤกษชาติถกู สลดั ร่วงลุง และ เหย่ี วแหงอย่บู รเิ วณโคนตน้ ท่เี น่าเปีอยไปแลว้ ก็มเื ปน็ จำนวนมาก ใบอ่อนซงผลิออก ใหมด่ สู วยงามสล้างเสลา มองดูเรยี งรายเปน็ ทิวแถวน่าชนชม เมอฤดูนี้มาถึง แทบทกุ คน เสืกว่าเหมือนไตอ้ าศยั อยูใ่ นโลกใหม่ นา้ํ คา้ งบนยอดหสู่เาและใบไม้ยงั ไมท่ ันเหือดแหง้ เพราะยังเช้าอยู่ พระอาทิตย์เพ่งิ จะยอแสงสาดพื้นพภิ พมาไม่นานนกั ลมอ่อนในยามเช้า พัดเฉอยฉวิ หอบเอากล่นิ ดอกไม้นานาพนั ธุติดมาตว้ ย นกเลก็ ๆ กระโดดโลดเตน้ ตว้ ยความ สาั ราญจากลิ่งนส้ี ล่ ่งิ โนน้ และจากกงโนน้ สกู่ งนนั้ พลางก็ร้องเหมอื นเสยี งทกั ทายทัน ตว้ ยความสขุ สดชนรับอรุณรุ่ง พระอานนท์พทุ ธอนุชา เดินจงกรมพจิ ารณาธรรมอยทู่ า่ มกลางบรรยากาศอันสดมน่ื น้ี พลางทา่ นก็คดิ ถึงสุภาษิตเก่า ๆ บทหนง่ึ ว่า “กากด็ ำ นกดเุ หวา่ กด็ ำ อะไรเลา่ เปน็ เครอ๋ี งแดกตา่ งระหวา่ งกาและนกดเุ หวา่ นน้ั ” แดเ่ มื่อฤดใู บไมผลิมาถงึ เข้า กากค็ งเป็นกา นกดเุ หวา่ กค็ งเปน็ นกดเุ หวา่ สาธุชนและทุรชนก็มีรปู ลักษณะคลา้ ยคลึงกัน แด่เมื่อเปล่งวาจาปราศรัย จึงทราบวา่ ใครเปน็ สาธชุ น และใครเป็นทรุ ชน ทา่ นใครค่ รวญต่อไปถงึ พระพทุ ธภาษดิ ที่เกยี่ วกบั เร่ืองน้ี พระพทุ ธองค์เคยดรสั ว่า ท่ีใดไมม่ สื ตั บุรุษ ที่นน้ั ุไมช่ อวา่ สภา ผู้พดุ ไมเ่ ป็นธรรม ไมช่ อว่าเปน็ สัตบุรษุ www.kalyanamitra.org

b<r} www.kalyanamitra.org

ขณะน้นั เอง สภุ าพสตรีคู้หนึ่งถือดอกไม้ธปู เทยี นและขา้ วยาคู เดินเข้ามาใน บรเิ วณอาราม เมอนางเห็นพระอานนท์ จืงวางของลงแม้วนัง่ ลงไหว้ “อบุ าสกิ า! วันน้มี าแตเ่ ช้าเทียวหรือ” พระอานนท์ทักอย่างสนทิ สนม “ข้าพเจ้ามีกจิ พเิ ศษดว้ ย คอื จะมาทูลลาพระศาสดากลบั ไปอยบู่ ้านเดมิ กุสินารา พระ­ อุณเจ้า” นางตอบดว้ ยเสยี งสนั่ เครือ “และต้ังใจว่าจะลาพระคณุ เจ้าดว้ ย กพ็ อดพี บพระคุณเจา้ ท่นี ่”ี “ทำไมหรือ อบุ าสกิ า?” พระอานนทถ์ ามดว้ ยความสงลยั “ทา่ นเสนาบดใี หก้ ลบั พระคณุ เจ้า” เมึอ๋ พระอานนทไ์ มซ่ กั ถามอะไรอีก นางกน็ มสั การลาแล้วเช้าเฝาื พระผมู้ พี ระภาค ใจนางไม่สบายเลย ไหนจะเปน็ หว่ งทา่ นเสนาบดที จ่ี ะตอ้ งอยู่โดยปราศจากนาง และท่สี ำคญั อกี อย่างหนึง่ คอื นางปรารถนาจะอย่สู าวัตถี เพราะเป็นราชธานที ี่พระพุทธองคป์ ระทบั อยูบ่ อ่ ยท่สี ดุ และนานทสี่ ุด การไต้อยู่เมืองท่พี ระพุทธเจา้ ประทบั อยนู่ ้นั เป็นกำไรชวี ิตอยา่ งมากสำหรบั ความ รสู้ ึกของนาง เมอื่ นางถวายปงั คมแล้ว พระศาสดาจึงทกั ว่า “มัลลกิ า! วนั น้มี าแตเ่ ช้า มธี รุ ะอะไรพเิ ศษหรือ?” “หม่อนฉนั มาทลู ลาพระองค์ เพอื่ ไปกุสินาราพระเจ้าช้าฯ” นางทูลตอบ “ทำไมหรือ?” “ทา่ นเสนาบดใี หก้ ลับไปอยกู่ สินารา พระเจ้าช้าฯ” “มีเร่ืองอะไรรุนแรงถงี ตอ้ งใหก้ ลับเทียวหรือ?” “เรอ่ื งก็มเี พยี งวา่ หม่อมฉนั ไม่มบี ตุ ร ท่านพนั ธุละเสนาบดจี ึงให้กลับไปอยู่บ้านเดิม เขา บอกว่าหมอ่ มฉนั เปน็ หมนั เขาต้องการลูก เมือ่ ไม่สามารถมีลกู ใหเ้ ขาได้ จงึ ไม่มีประโยชนอ์ ะไรท่จี ะ อยตู่ อ่ ไป” “เท่านเี้ องหรือ มลั ลกิ า!” “เทา่ นีเ้ องพระเจา้ ช้าฯ” “ลา้ เพยี งเท่านกี้ ็อย่าไปเลย อย่ทู ี่สาวัตถีนีแ่ หละ ขอใหบ้ อกทา่ นเสนาบดีตามคำของ ตถาคต” นางมัลลิกาได้ฟังพทุ ธดำรัสแลว้ ดใี จและโปร่งใจเหมอื นนกั โทษทถ่ี ูกดดั สินประหารชวี ิต และพระราชารบั สั่งใหป้ ล่อยฉะนน้ั นางถวายปงั คมลาพระศาสดา เดินอย่างรา่ เริงกลับออกมา ทางเดมิ พบพระอานนท์ยงั เดนิ จงกรมอยู่ จึงเล่าเรื่องต้งั หมดใหพ้ ระอานนทท์ ราบ ทา่ นกลา่ ววา่ “อบุ าสิกา! ทา่ นเปน็ ผมู้ โี ชคดี ตอ่ ไปนท้ี ่านปรารถนาสี่งใดคงไดส้ ีง่ นั้นสมประสงค์ พระ ศาสดาไมเ่ คยตรสั อะไรที่ปราศจากเหตุ การหา้ มของพระองค์น่าจะมเี หตุผล ทจี่ ะเปน็ ประโยชนแ์ ก่ ท่าน จงเบาใจเถดิ ” นางมัลลกิ าภรรยาแหง่ ท่านพันธลุ ะเสนาบดนี ้เี ป็นสดรมื บี ญุ ผหู้ นึ่งในสมยั พุทธกาล มี เครื่องประดับที่มีคา่ และทรงเกียรตลิ ํ้า ซง่ึ เรยี กวา่ มหาลดาปสาธน ในสมยั เดียวกัน มสี ตรอี ย่สู าม คนเทา่ นน้ั ทีส่ ามารถมีเคร่ืองประดบั น้ี คอื นางวิสาขามหาอบุ าสกิ าคนหนึง่ นางมัลลิกาภรรยา พันธละเสนาบดคี นหน่งึ และธิดาแหง่ เศรษธกี รงพาราณสีอกี คนหนึง่ www.kalyanamitra.org

๖6 นางกลับไปหาทา่ นพันธลุ ะดว้ ยอาการลงิ โลดใจ แจ้งเรือ่ งท่ีพระศาสดาทรงทัดทาน มิไห้กลบั ไปกสนิ ารา พันธลุ ะคิดวา่ พระศาสดาคงทรงเห็นเหตสุ ำคัญเปน็ แนจ่ ึงทรงห้ามไว้ เขาเช่ึอ ในพระลัพพัญฌุดญาณแห่งพระพฑธองคจ์ งึ พลอยดีใจทับชายาดว้ ย เขา้ ประคองมลลิกาด้วยความ ถนอมรกั ใคร่พลางกลา่ ววา่ “ทีร่ ัก! การทพี่ ีบ่ อกใหน้ ้องกลบั กสนิ าราน้นั จะเปน็ เพราะไมร่ ักน่องก็หามิได้ นอ้ งก็คง ทราบว่าวงคต์ ระกลู เปน็ ส่ีงสำคัญ ตระกลู ที่ไม่มบี ุตรสืบตอ่ ย่อมขาดสญู พี่ไม่ปรารถนาเชน่ น้นั พี่ เพียงทำตามประเพณีของพวกเราเท่านน้ั หญงิ ที่เปน็ หมนั ย่อมให้สิทธแิ กส่ ามตี นเพีอ่ มีหญิงอืน่ เปน็ ภรรยาสำหรบั มบี ตุ รสืบสกลวงศ์ เพราะพรี่ กั นอ้ งจึงไมอ่ ยากให้น้องอย่อู ยา่ ง หนา้ ชื่นอกตรม พ่ที ราบ กฎธรรมดาดีว่า ไมม่ ีสตรคี นใดอยากเห็นสามีของดนมีภรรยาอ่นื อย่างตำหดู ำดา น้องเป็นสดท่รี ัก ของพ่ี แตค่ วามจำเปน็ ควรจะอยูเ่ หนอื ความรักมิใชห่ รีอ?” มัลลิกาซบอยทู่ ับอกของพันธลุ ะ น้ัาดาไหลพรากลงอาบแก้ม นางจะสะกดกลน้ั อย่างไร ก็สูดที่จะห้ามมิใหม้ นั พร่ังพรอู อกมา ความรู้สกึ ของนางสับสนวุ่นวายทงั้ ดีใจและเสยี ใจ ดีใจท่ีมีโอกาส ได้อยรู่ ับใข้ใกล้ชดิ สามีลันเป็นทีร่ ัก เสยี ใจทนี่ างไมส่ ามารถให้บุตรสืบสกลแก่เขาได้ ความรู้สึกอกี อย่างหน่ึงสอดแทรกเขา้ มา คือ รูส้ ีกสงสารและเห็นใจสามี นางพดู ทง้ั นั้าตาว่า “นอ้ งเขา้ ใจพีด่ ี และพรอ้ มทจี่ ะทำตามคำบัญชาของพ่ี น้องไดม้ อบทง้ั รา่ งกายและจิตใจ ให้พ่แี ล้ว สิ่งทน่ี ้องใหพ้ ไี่ ม่ไดน้ น้ั เป็นสิ่งสดุ วิสยั จร่ืง ๆ เทา่ น้นั ในโลกน้มี สี ิง่ อยู่เปน็ จำนวนมากที่เรา ปรารถนาเหลอื เกนิ เพ่อี จะได้ แตก่ ็ไมไ่ ดส้ มดง้ั ใจ ดรงทนั ข้าม มสี ง่ิ อยเู่ ป็นจำนวนมากทเ่ี ราอยาก หลีกเล่ยี งและไม่พงึ ปรารถนา แต่กป็ ระสบเขา้ จนได้ ท่ีรกั ในโลกนม่ึ ีใครเล่าทีจ่ ะสมปรารถนาไปเสีย ทุกอย่าง ทกุ ชีวติ ลว้ นคลุกเคลา้ ไปด้วยยาพีษและนาั้ ดาล ชวี ติ มที งั้ ความหวานชืน่ และช่ืนขม เรามิได้ เป็นเจ้าของชีวิต แต่ทุกคนเกดิ มาเพี่อเปน็ ทาสของชีวิต...เปน็ ไปจนกวา่ ชวี ติ นึ๊จะสนิ้ ” “ทำไมน้องพูดรุนแรงถึงปานนั้น” พนั ธลุ ะทกั หว้ งเชยคางนางลนั เปน็ ท่ีรักใหเ้ งยหนา้ ชื่น มองช่ืงลงไปในดวงตาลนั เศรา้ ซมึ ของมัลลิกาซง่ึ ลงั มนี า้ั ตาคลออยู่ ก้มลงจมุ พติ เบา ๆ เพ่ีอปลอบใจใหน้ างสร่างโศก มอี หนงึ่ สูบไล้ไป ดามเรอื นเกศาลันออ่ นนุ่มสลวยเป็นเงางามเร่อื ยลงมาถงึ แผน่ หลงั ซง่ึ อวบเตม็ “ชีวิตน๊ึไมม่ ีอะไรรนุ แรงนกั ดอก ความผิดหวงั และความขมชน่ื ซงึ่ มีเป็นครัง้ คราวนัน้ เป็นสิ่งที่ทำให้เราเห็นคุณค่าของความสมหวงั และความหวานชื่น ทรี่ ัก ถ้าไมม่ รี สขมอยใู่ นโลกน้ี มนุษย์จะรู้จักคณุ คา่ แหง่ รสหวานได้อย่างไร ถ้าไม่มบี รรยากาศทร่ี ้อนอบอา้ ว คนจะรู้จกั คุณค่าแหง่ ร่มพฤกษ์อัน่รื่นรมยไ์ ด้อยา่ งไร ถ้าไมม่ ีส่งิ ท่ชี ่วั มนุษยจ์ ะรู้คณุ คา่ ของส่ิงท่ีดลี ะหรือ น้องจงมองชวี ิต ในฐานะเป็นส่งิ ร่นื รมย์ และสร้างความหวังลนั สดช่ืนไว้เสมอเพ่ีอชีวติ นีจ้ ะได้สดชื่นชน่ื ” “จะไมเ่ ป็นการหลอกลวงคัวเองไปหรอื ?” มลั ลกิ าเงยหน้าสบดาสามี “ในเมอื่ ชวี ิตมิได้ รืน่ รมย์ จะมิ เปน็ การระบายสีให้แกช่ วี ิตจนมองชีวิตทแ่ี ห้จริงไมเ่ หน็ ไปหรอื ?” www.kalyanamitra.org

“น้องรก! ถ้าการหลอกตัวเองน้นั เปน็ ไปในทางที่ดใี นทางสรา้ งสรรคใ์ ห้ชีวิตนี้ช่ืนสุขเรา ก็ควรจะหลอกลวง มนษุ ยเ์ ราชอบหลอกลวงตัวเองไปในทางร้าย และเหตรุ ้ายกอ็ าจจะเกดิ ขึ้นได้จรงิ ๆ เมอื่ เปน็ เช่นน้ี ทำไมเราจะไม่ลองหลอกตัวเองไปในทางดีเพ่อึ ผลดจี ะเกดิ ขึน้ จริง ๆ บ้าง พระบรม ศาสดาก็ตรสั ไวม้ ิใช่หรือว่า สำคญั ทใี่ จ ถา้ ใจดี ดดี ดี ทำดี และพดู ดี ผลดกี ย็ อ่ มดดี ตามมาเหมอื นเงา ดามตวั บางฑพี ่มี ิความเห็นรนุ แรงสงื ถบ้ วา่ ในโลกน้ี ไม่มีอะไรดี ไมม่ ีอะไรเลว แด1ความคิดหรือความ ร้สู กึ ของเราตา่ งหากท่ีไปรสู้ ึกเช่นน้นั เข้าเอง ด้วยกฎตันนีน้ ้องจะเหน็ ว่า ในคน ๆ เดยี วกนั หรือใน สง ๆ เดียวกนั บางคนอาจจะชอบ แตบ่ างคนอาจจะชงั บางคนว่าดี บางคนว่าไมด่ ี พ่เี ปน็ อยู่อย่างนี้ รูปร่างหน้าตาอยา่ งน้ี เป็นท่รี กั ของน้อง แตน่ ้องกค็ งทราบวา่ ยังมคี นเปน็ ตันมากทฺไมร่ กั พ่ีไมช่ อบพี่ ไมเ่ พยี งแต่ไมร่ ักไมช่ อบเทา่ นนั้ ดอก ถงึ กับเกลยี ดเอามาก ๆ ก็มีอยู่มใิ ช่น้อย ถ้าพ่ีเป็นอยา่ งอน่ื อาจ จะเปน็ ทรี่ ักท่ีพอใจของพวกหนง่ึ แตอ่ าจจะเป็นทเี่ กลียดชงั ของน้องก็ได้ แต่พ่ียอมนะน้อง ยอมให้ ใคร ๆ เกลยี ดไดโ้ ดยไมส่ ะทกสะท้าน แตข่ อใหเ้ ป็นที่รักของมลั ลกิ าเท่านั้น” มัลลกิ ายม้ิ ทัง้ นัา้ ตา คนื น้ันพระจันทรเ์ ต็มดวง พอพระอาทิตยอ์ ัสดงครู่หน่ึงดวงรชั นีกโ็ ผลข่ ้นึ เหนือทิวไม้ ทางทศิ ตะรนั ออก ลมด้นปฐมยามให้ความชมุ่ ชน๋ี มิใชน่ ้อย กล่ึนดอกไม้จากอทุ ยานปลิวมาดามสายลม กระทบฆานประสาทตนั ไวตอ่ ความรสู้ ึกของปถู ชนผตู้ ดิ อยู่ในรูป เสยี ง กลิน่ รส และสัมผัส 'บนปราสาทชน้ั ทสี่ าม จะมองเหน็ มนุษย์ค่หู นงึ่ ยืนเคยี งกันมองผา่ นหนา้ ตา่ งออกไป ทางดะรันออก คู่หนง่ึ บรุ ษุ ผู้มรี า่ งกายกำยำสมเป็นนักรบ ค่อย ๆ อน่ื แขนโอบประคองร่างสตรีผยู้ นื อยเู่ คียงขา้ ง “มัลลกิ าท่รี กั ทา่ มกลางสายลม แสงจันทร์ และกลิ่นดอกไมจ้ ากอทุ ยาน ซ้าํ ยังมมี ัลลิกา อยูเ่ คียงใกถเ้ ชน่ นี้ พี่มคี วามสุขเหลอื เกิน ดเู หมีอนรันน้เี ปน็ อกี รันหน่งึ ทีพ่ ีม่ คี วามรูส้ ึกเหมอื นรนั แรก ทพี่ ่ีและนอ้ งอยู่รว่ มกันฉันสามีภรรยา ทรี่ กั พ่ีขอพดู ชั้าอกี คร้ังเถิดวา่ พี่รักน้องเหลอื เกิน” เขาดีงภรรยายอดรักเขา้ สวมกอดด้วยความทะนุถนอม ตอ่ มามัลลิกาตงั้ ครรภ์ และคลอดบตุ รคร้งั ละสอง ๆ ถงึ ๑ ๖ ครง้ั รวม ๓๒ คน เปน็ ท่ี ช่ืนชมสมใจของพันธลุ ะและมัลลกิ าเองยี่งนกั บุตรเหลา่ นีล้ ้วนแขง็ แรงมีพลานามัยสมบูรณ์ และ สำเร็จวิทยาการตนั สูงย่งี สมเปน็ บุตรแหง่ เสนาบดแี ควน้ มคธตนั เกรยี งไกร ปลายรัชกาลแหง่ พระเจ้าปเสนทิโกศลนัน้ เอง ข่าวใหญ่กเ็ กดิ ข้นึ ในราชธานีสารตั ถี เปน็ ขา่ วทแี่ พร่สะพัดไปอยา่ งรวดเร็ว จากแคว้นหน่ึงสแู่ คว้นหนงึ่ จากเมอื งนอ้ ยสตู่ ำบลและหมู่บ้าน ทกุ แห่ง ประชาชนตา่ งโจษจันกนั ถงึ ขา่ วนี.้ ... พนั ธลุ ะเสนาบดี และบุตร ๓๒ คนถูกฆ่าตาย ภกิ ษุกลุม่ หน่งึ ในอารามเชดรัน น้งั สนทนากนั อย่วู ิพากษ์วจิ ารณ์ถึงมรณกรรมของท่าน พนั ธุละ ขณะน้นั เองพระอานนทพ์ ทุ ธอนชุ าเดนิ ผา่ นมา ภิกษุเหล่าน้ันลุกขน้ึ ยืนรับ แลว้ ปูลาด อาสนะเปน็ ทำนองเข้ึอเชญิ พุทธอนุชา พระอานนทเ์ มอ่ื นง้ั ลงเรียบร้อยแลว้ จงึ กล่าววา่ “อาๅโส! ท่านทั้งหลายกำลังสนทนาเร่อื งอะไรดา้ งอยู่?” “ขา้ แต่ทา่ นผู้เจริญ ข้าพเจา้ ทัง้ หลายกำลังสนทนากันถงึ เร่อื งมรณกรรมของท่านพนั ธลุ ะ เสนาบดี” www.kalyanamitra.org

พระอานนท์มีอาการตรองเหมือนจะปลงธรรมสงั เวชอยคู่ รู่หนง่ึ แล้วกลา่ วว่า “อาวุโส! มรณกรรมของท่านพนั ธุละเสนาบดี ซึง่ ความจรงิ ทา่ นผ้นู ีศ้ อึ เจา้ ชายแหง่ นครกสุ นิ ารานน้ั กอ่ ความสะเทอื นใจแกข่ า้ พเจ้ามาก ท่านท้งั หลายกท็ ราบกันอยแู่ ลว้ ว่า ครอบคร้ว แหง่ ทานเสนาบดี รวมทัง้ ท่านเสนาบดเี อง มคี วามสนทิ สนมตอ่ ข้าพเจา้ เพียงไร อนง่ึ ขา้ พเจ้าน้ัน แมจ้ ะเปน็ พระอรยิ บคุ คลก็จริง แต่กเ็ ป็นเพยี งอรยิ ะขนต้นเทา่ น้นั ยงั หาดัดความโศกและความสะเทือน ใจไตไ้ ม่ แตท่ ยี่ บั ยงั้ อยไู่ ต้กต็ ้วยมสี ตคิ อยเหน่ียวรงั้ อย”ู่ ภิกษกุ ลุม่ น้นั มอี าการสงสยั เมึอ่ พระอานนทพ์ ูดว่า พันธลุ ะเสนาบดี เป็นเจ้าชายแห่ง นครกสินารา ภกิ ษรุ ูปหน่ึงซง่ึ มีลักษณะอาวโุ สกว่ารปู อน่ื ๆ ถามขนึ้ อย่างนอบน้อมวา่ “ขา้ แต่ทา่ นผ้ทู รงธรรม ขา้ พเจา้ สงสัยในคำกล่าวของทา่ นทว่ี ่า ท่านพันธุละเสนาบดี เป็นเจ้าชายแหง่ นครกสุ นิ ารา เท่าทขื ้าพเจ้าทราบและเห็น ข้าพเจ้าเข้าใจว่าท่านพนั ธุละ เป็นเชอ้ื ไข แหง่ ราชธานสี าวดั ถนี ึเ่ อง เพราะเป็นเสนาบดีแห่งนครนี้ และเปน็ ทวี่ กั ชองทวยนครแคว้นโกศล เหลอื เกนิ ข้าพเจา้ ไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่าพนั ธุละเสนาบดเี ปน็ ชาวกสนิ าราโดยกำเนิด” “ดกู ่อนศากยบตุ ร” พระอานนท์กลา่ วอยา่ งขา้ ๆ “ทา่ นทง้ั หลายยังมีอายนุ อ้ ย และ เป็นชาวแควน้ อน่ื เพ่งี เดินทางมาส่รู าชธานีแหง่ แคว้นโกศลไมน่ านนัก จงึ ยงั หาทราบความเตมิ แห่งท่านเสนาบดีไม่ ล้าทา่ นทง้ั หลายประสงค์ ข้าพเจ้ากจ็ ะเล่าให้ทา่ นฟังแตเ่ พยี งสงั เขป” เม่อื ภกิ ษเุ หลา่ นนั้ แสดงอาการยอมดาม และวงิ วอนเพอี๋ ใหท้ ่านเล่าความเป็นมาแห่ง พนั ธลุ ะเสนาบดแี ลว้ พระอานนท์จึงกลา่ วว่า ภราดร! นับถอยหลงั ไปจากนีป้ ระมาณ๓ ๐ ปีเศษ เม่อื ทา่ นพนั ธลุ ะเสนาบดียังอยู่ใน วัยหนุม่ และสำเร็จการศกึ ษาจากสำนกั ดักกสิลา แล้วกลบั สกู่ สุ นิ ารานครนั้น ไตว้ บั การต้อนวับ จากพระชนกชนนีและพระประยูรญาตอิ ย่างมโหฬารสมพระเกียรติแห่งพระราชกมุ าร พนั ธลุ ะ เปน็ เจา้ ชายรปู งาม เสียสละ อดทน และวักเกียรติ เป็นราชประเพณีท่ีราชกุมารผสู้ ำเร็จการศกึ ษา มา จะต้องแสดงศลึ ปศาสตร์ใหป้ รากฏแก่พระประยูรญาติและทวยนาคร วิชาที่พนั ธลุ ะชำนาญ มากกศ็ ึอวชิ าฟนั ดาบและยิงธนู เม่ือมีการทดลองฟนั ดาบ พระญาติไตน้ ำไม้ไผ่มามัดรวมเขา้ ด้วยกนั มดั ละหลายลำและ ยกให้สูงขน้ึ แล้วใหพ้ ันธลุ ะกุมารกระโดดขนึ้ ไปฟัน พนั ธลุ ะฟันมดั ไมไ้ ผ่เหลา่ นั้นขาดสะบน้ั เหมือน ฟันตน้ กล้วย แตบ่ ังเอิญไตย้ ินเสียงดงั กรกิ ในไม้ไผม่ ัดสดุ หา้ ย เม่ือพันธุละกระโดดลงมาแล้ว ถาม ทราบความว่าเสยี ง ‘กรกิ ’ นน้ั เป็นเสียงของซเี่ หล็กทพี่ ระญาตแิ กล้งใส่ไว้ในมดั ไม้ไผ่ทกุ ๆ ลำ พันธุละ เสียใจว่าพระญาตขิ องพระองคไ์ มม่ ีใครหวังดกี ับพระองค์เลย จงึ ไม่บอกลว่ งหน้าวา่ ไต้สอดชีเ่ หลก็ ไว้ในลำไมไ้ ผ่ต้วย ลา้ พระองคท์ รงทราบล่วงหนา้ จะฟนั ไมใ่ ห้มีเสยี งดงั เลย จงึ กราบทูลพระชนก ชนนวี า่ จะฆา่ มัลลกษัตริย์แหง่ กุสนิ าราให้หมดแล้วจะเปน็ กษตั ริยเ์ อง เมอ่ื ถูกพระมารดาทดั ทานไว้ และดวสั วา่ เปน็ สทิ ธขิ องพระประยูรญาตทิ ่ีจะท่าอยา่ งนนั้ ไต้ พนั ธลุ ะจงึ ไม่ปรารถนาจะอาศยั ใน กสินาราต่อไป เพราะร้สีกอบอายท่ฟี นั ไมไ้ ผใ่ หม้ เี สยี งดัง www.kalyanamitra.org

อาวโส! ธรรมดาของชายใจสิงหน์ ั้น ยอ่ มรกั เกียรตแิ ละศักดศ้ี รยี ิ่งนกั จะไม่ยอมอยู่ในท่ี ไร้เกยี รติ เพราะฉะน้นั เม่ือรสู้ กึ ตวั ว่าไมม่ เี กียรตพิ อในกสินารา ท่านพนั ธลุ ะจงึ ต้งั ใจจะไปอยเู่ มืองอื่น แดจ่ ะไปไหน ทรงระสกึ ถึงพระสหายรว่ มสำนักศกึ ษารุ่นเดียวกนั อยู่หลายคน ในทสี่ ุดทรงมองเห็น ปเสนทกี มุ ารแห่งสาวดั ถึว่าพอจะอาศัยอยไู่ ด้ เพราะเปน็ พระสหายทร่ี กั ใคร่กนั มาก และปเสนฑิ กมุ ารกท็ รงมีอัธยาศยั ดี จึงส่งสาสน์ ไปทูลความตัง้ หมดให์ปเสนทิราชาทรงทราบ พระเจ้าปเสนท-ี โกศลทรงพอพระทยั ย่ิงนกั ท่จี ะไดพ้ ระสหายรว่ มสำนกั ศึกษา และปรากฏเป็นผูม้ ีผมิ อื เปน็ เลศิ มา ทำราชการในราชสำนกั แห่งพระองค์ อย่างนอ้ ย ๆ พนั ธลุ ะคงจะเป็นท่ีปรกึ ษาของพระองคอ์ ยา่ ง ดเี ลิศ พระเจา้ ปเสนฑิโกศลทรงให้วดั การด้อนรับพระสหายอย่างมโหฬาร และทรงตงั้ ไร้ในตำ- แหนง่ เสนาบดเี ปน็ ทีป่ รกึ ษาราชการตงั้ ปวง พันธุละทำราชการด้วยความรคู้ วามสามารถอยา่ งดี เยย่ี ม วันหนงึ่ ขณะทพ่ี นั ธลุ ะกลบั จากธุรกจิ บางอย่างและผ่านมาทางโรงวินิจฉยั เมอ่ื ประชาชน เหน็ ท่านพนั ธุละจงึ ขอรอ้ งใหห้ ยุดและให้ช่วยวนิ จิ ฉยั ความ เพราะคำวินจิ ฉัยของผ้พู ิพากษาไม่เป็น ทพี่ อใจของคู่ความ ด้วยวา่ ผพู้ พิ ากษากินสนิ บน คูค่ วามขา้ งใ’ดสามารถให้เงินทองแก่ผ้พู พิ ากษา คูค่ วามข้างน้นั กจ็ ะชนะ ส่วนฝา่ ยท่ยี ากจนไมม่ เี งนิ ทอง แมจ้ ะถกู ก็กลบั กลายเปน็ ฝ่ายผดิ ประชาชน เดอดร้อนและขมฃนึ๋ มาเป็นเวลานานสดุ ทจี่ ะทนได้ อาวโส! ธรรมดาวา่ ความอดทนของปกชุ นนัน้ ยอ่ มมขี อบเขต เมอื่ เลยขอบเขตทจ่ี ะทนไดต้ อ่ ไปก็จะระเบดิ ออกมา และจะกลายเป็นผลร้ายอยา่ งย่งิ แกผ่ ูถ้ กู กดขี่ทารุณ จะมคี วามชอกชํา้ และขมขน่ื ใดเล่าเสมอด้วยการไมไ่ ดร้ บั ความยุตธิ รรม อยุตธิ รรม น้ัน จะถูกจดจำฝังใจของผู้ไดร้ ับไปดลอดชีวติ นึกขน้ึ ทีไรมนั เหมือนปลายหอกขวางอยู่ทอี่ ก แด่ ผูเ้ ป็นใหญทีจ่ ะทรงไร้ซง่ึ ความยตุ ิธรรมนน้ั กศ็ ึอผูท้ ี่ตั้งมัน่ อยู่ในธรรม รจู้ กั ละอายใจในการแสวงหา ความสขุ สำราญบนความเดอื ดร้อนของผูอ้ น่ื ดว้ ยเหดนพึ๊ ระศาสดาจึงตรัสวา่ ความละอายใจในการ ทำชว่ั และความกลวั ตอ่ ผลอนั เผด็ รอ้ นของความชว่ั ๒ ประการนเ้ี ปน็ ธรรมคมุ้ ครองโลกใหส้ งบสข โอกาสสำหรบั การทำชวน้นั ยอ่ มมอี ย่เู สมอสำหรับผู้ขาดธรรม ปราศจากธรรม พระศาสดาตรัสว่า ‘‘เมือซ่ึงโคกำลังวา่ ยขา้ มนํ้า ถา้ โคนายซึ่งนำดี โคตั้งหลายกจ็ ะปลอดภยั ฃนสทู่ ่าทลี่ กู ตอ้ ง ไมถ่ กู นํ้าพัดไป แต่ถ้าโคนายซ่งึ นำไมด่ ี โคตัง้ หลายย่อมเดือด รอ้ นไต้รับอันตราย ฉันใด ในหม่มู นุษยก์ ็ฉันน้ัน ผใู้ ดถกู แตง่ ต้งั ใหเ้ ปน็ หัวหน้าคณะ ถ้าเขาต้ัง อยใู่ นธรรม ซอลตั ยส์ จุ ริต ประชาชนผู้เดนิ ตาม ก็น่าจะตง้ั อย่ใู นธรรม และ ซอ่ึ สตั ยส์ จุ ริตตว้ ย รฐั จะมืความสุข ถ้าผู้เปน็ ใหญป่ ระพฤตธิ รรม” ทา่ นพนั ธลุ ะเสนาบดี แมจ้ ะไม่มีหน้าที่เกยี่ วขอ้ งโดยดรงในการวินจิ ฉัยความ แดเ่ มอ่ื ประชาชนขอร้องท่านก็ดอ้ งทำ และเมือ่ วินจิ ฉัยไปแล้ว ปรากฏว่าเป็นทพ่ี อใจของมหาชนอย่างยงิ่ ทำเจา้ ของทรัพยใ์ ห้เป็นเจ้าของ ทำผทู้ จุ ริตใหพ้ ่ายแพั ประชาชนชีนชมยินดีโหร่ ้องชนี อึงคะนงึ จนไดย้ ินถึงพระเจ้าปเสนทโี กศลพระองคตรสั ถามเรอื่ งราว ทรงทราบความแลว้ ทรงโสมนสั ยิ่งนัก จงึ ทรงตง้ั ทำนพนั ธุละไรใ้ นตำแหนง่ ผู้พพิ ากษาอึกตำแหน่งหน่ึงดว้ ย www.kalyanamitra.org

เรอ่ื งร้ายในโรงวินิจฉัยสงบเรยี บรอ้ ยตลอดมา แดท่ า่ นท้งั หลายกต็ ้องไม่ลมื วา่ คนดมี ศี ตั รู เหมอื นกัน และคนท่ีเปน็ ศตั รูของคนดีน้ันคือคนร้าย เม่อื คณะผ้พู ิพากษาผู้กินสนิ บนชุดเกา่ ถกู ถอดออก ก็โกรธเคืองและเกลยี ดชังท่านพนั ธุละ ยิง่ มหาชนเคารพยกย่องท่านพันธลุ ะมากเท่าใด คนพวกน้นั ก็ยิง่ เกลียดชงั ท่านพนั ธุละมากขึ้นเทา่ นั้น ความเกลียดชงั ทีเ่ กิดจากความไมด่ ีของผู้อนี๋ เป็นความเกลียดชงั ที่พอจะระงับใต้บา้ ง แดค่ วามเกลยี ดชงั ทม่ี แี รงรษิ ยาผสมอยดู่ ว้ ยนน้ั จะคอย เรง่ เรา้ ใหบ้ คคลหาชอ่ งทางทำลายผทู้ ด่ี นเกลยี ดชงั อยเู่ สมอ ด้วยเหตนุ ี้ คณะผพู้ พิ ากษาชุดนนั้ จึง พยายามยแหย่ใหพ้ ระราชวงศช์ ั้นผู้ใหญเ่ กลียดชงั ทา่ นพนั ธุละโดยคาดหมายว่า 9ย่างไรเสยี เรื่อง จะตอ้ งถงึ พระกรรณพระเจา้ ปเสนทีโกศล และก็เป็นจรงิ สมคะเน เรื่องที่ยุแหย่ให้เกลยี ดชงั ก็คือ เร่ืองรชั สมบ้ด พนั ธลุ ะตอ้ งการจะแยง่ รชั สมบต้ ” “ดูก่อนท่านผูส้ ืบอริยวงศ์!” พระอานนท์กลา่ วต่อไป “เรื่องใดเล่าจะรา้ ยแรงสำหรบั สตรยี ิง่ ไปกวา่ ทราบว่าสามอี นั เปน็ ที่รกั ของตนแบ่ง ใจใหห้ ญิงอน เรอื่ งใดเลา่ จะรา้ ยแรงสำหรับ บุรุษยิง่ ไปกวา่ ถกู หยามเกยี รตวิ ่าเป็นผูไ้ ร้ความ สามารถ เรือ่ งใดเล่าจะร้ายแรงสำหรบั คชสาร ยง่ิ ไปกวา่ ถกู เห็นวา่ ร่วมสงั วาสกับนางพัง เรือ่ งใดเลา่ จะรา้ ยแรงสำหรับแมง่ ูยง่ิ ไปกวา่ ถูกชว่ งชงิ ไข่ เรื่องใดเลา่ จะร้ายแรงสำหรบั พระ ราชายงิ่ ไปกวา่ ลกู แยง่ รัชสมบัติ” “อาวโุ ส! ด้วยเหตุนี้ พระเจ้าปเสนทิโกศลเมื่อทรงเชอึ๋ วา่ ทา่ นพนั ธลุ ะคิดกบฎ กท็ รง วางแผนสงั หารท่านพนั ธลุ ะทนั ที พระองศ์ประสงคจ์ ะยมื มอื ทหารของพระองค์ให้ฆา่ ทา่ นพันธลุ ะ จึงกุขา่ วขนึ้ วา่ ปจั จนั ตชนบทแห่งแควน้ โกศลมีโจรกลุ่มหนง่ึ กำเริบใจ เทีย่ วปล้นและฆ่าชาวบาน อยา่ งทารณุ ทำบา้ นมใิ หเ้ ปน็ บา้ น ท่านคิ มมใื หเ้ ป็นนิคม พระองคท์ รงมองไม่เห็นใครอึน่ ท่ีจะปราบได้ นอกจากพันธุละเสนาบด,ี * เม่ือทา่ นพนั ธลุ ะพร้อมดว้ ยบตุ ร ๓๒ คน เตรียมเดินทางไปบจ้ จนั ดชนบทน้ันเอง นาง มัลลกิ ารสู้ ึกสังหรณ์ใจอยา่ งบอกไมถ่ ูก “พี่ คนอ่นื ในเมอื งสารดั ถึนี่ ไม,มอื ีกแลว้ หรอื นอกจากทา่ นพันธลุ ะ” นางถามอยา่ ง กงั วล “เมือ่ เปน็ พระบรมราชโองการ เรากต็ อ้ งไป” ท่านพนั ธุละพูดอย่างเครยี ด “ทำไม เรื่องโจรปล้นชาวบ้านเท่านเี้ องจะตอ้ งสงั่ เสนาบดีไปปราบ เพียงแด่ตำรวจหรือ ทหารธรรมดากน็ า่ จะเพียงพอแล้ว” นางมัลลกิ าหว้ ง “นอ้ งรกั ” ทา่ นพันธลุ ะยังคงพูดอยา่ งเคร่งขรมึ . “ทวี่ ่าพระองศ์ส่งพ่ีไปปราบโจร แม้ พระองศท์ รงเหน็ ว่าพ่สี มควรจะปราบควายเปลี่ยวแลว้ สง่ั พ่ีไป พี่ก็จะตอ้ งไป ยิง่ กวา่ น้ัน ล้าพระองศ์ จะส่งพี่ไปต่อสกู้ บั ความตาย พกี่ ็ตอ้ งไป พระราชาเป็นเจา้ ชีวติ น้องรกั ชวี ิตของเราเป็นของพระองศ์ เม่อื พระองศ์ทรงตอ้ งการเมื่อไร เราก็ตอ้ งถวายทันที” “ แด่น้องรู้สกึ สังหรณใ์ จอยา่ งไรพิกล พ่ีเคยจากน้องไปราชการอยู่เสมอมิใชไ่ ม่เคยไป นอ้ งไม่เคยสังหรณแ์ ละวิตกกังวลเหมอื นครง้ั นี้ พี่ไม่ไปไมไ่ ต้หรือ?” นางพรืา่ พลางกอดเอวของ เสนาบดีไว้ www.kalyanamitra.org

“พ่ีบอกนอ้ งแลว้ ว่า เมือ่ เปน็ พระบรมราชโองการ พ่ีก็ต้องท่าดาม คงไมเ่ ปน็ ไรดอกน้อง อยา่ กงั วลเลย” พันธลุ ะปลอบ “แล้วทำไมต้องเอาลกู ๆไปท้งั หมดตว้ ย ลกู ไมต่ อ้ งไปไมไ่ ตห้ รือ?” “นีก่ ็เป็นพระบรมราชโองการอกี เหมอื นกนั ” เมื่อนึกถึงลกู ท่านเสนาบดกี ม็ ืสีหนา้ หมน่ หมองลง แตกกลบั แร{มชื่นช้นื อย่างเดมิ ในชว่ั เวลาเล็กนอ้ ย “ไมเ่ อาฑฆี การายนะ หลานชายไปต้วยหรอื ?” “ไมม่ ีพระบรมราชโองการให้พาไป” “น้องขอไปดว้ ย” “อย่าไปเลย ทรี่ กั เปน็ เรอึ่ งของพีแ่ ละลกู ๆ เท่าน้ัน” “อาวุโส” พระอานนท์เลา่ ต่อ “ท่านพนั ธุละพูดเหมอื นรู้ลว่ งหนา้ อย่ตู ลอดเวลา นาง มัลลิกาสงั หรณใ์ จเป็นความสงั หรณท์ ่ีมเื หตผุ ลอยา่ งมาก ภราดร! ความสงั หรณ์ใจของสตรีนัน้ มัก จะมมี ลู เหดเสมอ สภาพดวงจติ ของสดรืหวั่นไหวงา่ ย ดังนี้ จงึ สามารถรบั อารมณ์สนั เร้นสับไต้ง่าย เหมือนนา้ั ดีนย่อมกระเพี่อมไต้เร็ว ประสาทที่ ๖ ของคนไวต่ออารมณส์ ันเรน้ สบั เสมอ” “อาวุโส! เมื่อมขี ่าวท่านพันธุละออกปราบโจรดว้ ยตนเอง โจรท่กี อ่ ความวนุ่ วายกห็ ลบหนึ ไป ความจริงโจรพวกนกี้ ด็ ีอราชบรุ ุษท่ีพระเจ้าปเสนฑิฑรงแต่งไปนน้ั เอง และกหาไต้ปล้นหรือทำรา้ ย ชาวบา้ นอย่างขา่ วลอื ไม่ เมือ่ ท่านพนั ธลุ ะเดินทางกสบั มานครสารตั ถึน้นั เอง ทหารท่พี ระเจา้ ปเสนฑิ แตง่ ตัง้ ไวใ้ ห้ไปในขบวนของท่านพนั ธลุ ะไต้ลอบฆ่าท่านเสนาบดีและลูก ๆ ทงั้ หมด” “ท่านผูเ้ จริญ” ภิกษรุ ูปหน่ึงกลา่ วช้ืน “ไมน่ า่ จะเปน็ ไปไต้เลยทที่ า่ นพนั ธุละจะไมท่ ราบ แผนการของพระเจา้ ปเสนทิ แด'ขา้ พเจา้ ดิดว่าทา่ นพนั ธลุ ะเปน็ เสนาบดใี จสิงห์พสัดพรากบา้ นเมือง มา และหวงั จะพึง่ ร่มเงาของเพีอ่ น เมื่อเพอ่ี นคดิ ฆา่ กไ็ มท่ ราบจะอยไู่ ปทำไม ดายเสียดกี วา่ ” “อนึง่ ตามเต้าเร๋ึอง ล้าทา่ นพนั ธลุ ะปรารถนารชั สมบ้ดิในกรงุ สาวัดถึ ท่านกส็ ามารถ ชิงเอาไตโ้ ดยงา่ ย แต่ความจงรกั กกั ดีและชอื่ สดั ยก์ ดัญญ ท่าให้ท่านยอมดายดีกวา่ ทจ่ี ะท่าการอสัตย์ อกดญั ฌู พระเจา้ ปเสนทิน้นั เป็นทรี่ ู้ ๆ กันอยูแ่ ลว็ ว่าเป็นกษตั ริยท์ ่ีโง่เขลาและพระกรรณเบาด้วย ข้าพเจา้ ไมป่ ลงใจเชอื่ เลยว่า ทา่ นพนั ธลุ ะจะไม่ทราบถงึ แผนการของพระเจา้ ปเสนท”ิ ภิกษรุ ูปนน้ั พดู เสยี งเครยี ดเหมือนจะเจ็บรอ้ นแทนท่านพันธุละเสนาบดี พระอานนท์น่ึงอ้ึงอยา่ งตรกี ดรอง ท่านมองเหม่อไปขา้ งหนา้ อยา่ งไร้จดุ หมาย ทกุ คนเงียบ ทุกคนคดิ น่ึงและนาน “อาวโุ ส!” พระพทุ ธอนชุ ากลา่ วชื้น “ในที่สดพระเจา้ ปเสนทิกฑ็ ราบความจรงิ ภายหลงั ว่า พันธลุ ะมิไตค้ ิดแย่งรชั สมปดั เลย ทรงเสยี พระกยั อย่างใหญ่หลวงจนหาความสขุ ในรชั สมบ้ดิมิไต้ แตก่ ว่าจะทรงรูพ้ ระองคก์ ็เมอื่ ไต้เสียคนดีไปอยา่ งจะเรยี กกลับคนื มาไม่ไต้อกี แลว้ และสมยั ทพ่ี ระองค์ ทรงระลึกถงึ พนั ธุละมากทส่ี ดุ ก็คอื สมัยที่มรื าชกจิ สำคัญ ๆ ซง่ึ พระองค์ไม่สามารถวนิ ิจฉัยไต้ด้วย พระสตปิ ญั ญาของพระองค์เอง www.kalyanamitra.org

“อาวโส! คนสอพลอนน้ั นอกจากหาความสขใหแ้ กต่ นมไิ ดแ้ ลว้ ยงั กอ่ ความยงุ่ ยากแก่ คนบรสิ ทธม้ิ ากมาย แตโ่ ลกกไ็ มเ่ คยขาดแคลนคนประเภทน้ี เขาแสดงอาการพนิ อบพเิ ทาตอ่ หนา้ เจา้ นายเสยี จนออกหนา้ ออกดา และเหมือนแสร้งทำ เมอใดมโอกาสอยดู่ ามลำพงั กบั เจา้ นาย เขาก็ เรม่ิ ลงมอื ทบั ถมความดขี องเพอ่ื นและคยุ้ เขย่ี ความรา้ ยตา่ ง ๆ ของเพอ่ื นปนี มาเสนอนาย คนประเภท นอ้ี ยทู่ ใ่ี ดกเ็ ดอี ดรอ้ นทน่ี น้ั แตก่ ด็ เู หมอื นจะซอกแซกอยทู่ กุ หนทกุ แฟง ลา้ ไมม่ คื นประเภทดงั กลา่ วน้ี ไฉนเลยทา่ นพนั ธลุ ะจะดอ้ งดายอยา่ งหนา้ เศรา้ และสงั เวชใจ” พระอานนทพ์ ดู จบแลว้ บอกลาภกิ ษุ เหลา่ นน้ั แถลงวา่ ถงึ เวลาทจ่ี ะดอ้ งเขา้ เมาื พระผมู้ พื ระภาค www.kalyanamitra.org

ณ ป่าประดู่ลาย เมอพระผมู้ ฺพระภาคอรหันทส์ ัมมาสม้ พุทธเจ้าผอู้ นาวรณญาณทรงสละละท้งั สังขาร อนั ประกอบขนึ้ เหมือนสมั ภาระท่ีใช้สอยเช่นเกวียนเปน็ ต้น เช้าส่มู หาปรินิพพาน อันบรมสุขเกษมศานตจากความทรมานทั้งปวงแลุ้ว พระอานนทพ์ ุทธอนุชา ชงบัดนื้ เปน็ เสมอื นองท์แทนแห่งพระตถาคตเจ้ากจ็ าริกไปในท่ตี ่าง ๆ โดยโดดเตยวเดยี วดาย จากแควน้ ส่แู คว้น จากราชธานสี ่รู าชธานี และบทจรสคู่ ามนคิ มชนบทตา่ ง ๆ เพอแสวงหาความวิเวก บาง เพื่อโปรดให่ประชานกิ รดำรงในคณุ ธรรมสมั มาปฏบิ ตั ิบ้าง เป็นเวลา ๔0 ปี หลงั พทุ ธ ปรนิ ิพพาน สมยั หนง พระพุทธอนชุ าออกจากสาวัตถีราชธานีแห่งแควน้ โกศล มุ่งหนา้ ลงสทู่ ศิ ใต้ ถึงลำนา้ํ ยมนุ า เดนิ เสอื บลำน้าํ นีลงตอนใต้ อันเปน็ ท่ตี ้ังแหง่ โกสัมพรี าชธานีแห่งแควน้ วงั สะ อนั ว่านครโกสมั พีน้ื รงุ่ เรอื งดว้ ยศิลปวิชาการมากหลาย นอกจากนย๊ึ งั เป็นยา่ นกลาง แหง่ การเดินทางและการขนส่งสนิ คา้ ระหว่างโกศล มคธ และเมอื งผ่านดา่ ง ๆ ทางใต้และทางตะวนั - ออกอีกดว้ ย ลำนาํ้ ยมนุ าอนั สวยงามตระการย่งิ นกั นนั้ กไ็ หลมาจากแดนอนั ขจรนามแด่กาลไกล สมยั มหาภารตยทุ ธ นน่ั คือหัสดินปรุ ะนคร ซง่ึ ปรกั หักพงั แลว้ และทว่ มท้นทงุ่ กุรุ ซง่ึ ปาณฑพและ เคารพไตท้ ำสงครามเพื่อชิงชัยความเป็นใหญ่กนั ความงามของนครโกสมั พยี อ่ มติดดาเดือนใจของ อาคนั ตุกะผมู้ าเยือนไปตลอดชีวิต จากส์งยมุนาจะเห็นกำแพงปราการบ้านเรือนสลบั สล้างเป็นเชิง ชั้นลดหลนกนั ยอดจากปราสาทแหง่ อุเทนราชนั้น เม่ึอตอ้ งแสงสุรยิ ายามจะอสั ดงกส็ ่องแสงเหมอื น มีอาทติ ย์อยู่หลายดวง การสญั จรทางเรือคับคง มีเรอื น้อยใหญ่ประคบั ธงทิวสีดา่ ง ๆ ดูงดงาม www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

เมื่อพระอานนท์มาถึงใกลน้ ครโกลัมพนี นั้ เป็นเวลาเยน็ มากแลว้ ทุ่งสาลีเกษตรยามต้อง แสงอาทติ ยใ์ นสายัณหกาลมองดปู ระหนึ่งปูลาดด้วยแผน่ ทอง พระพายรำเพยเพยี งแผว่ เบาตอ้ ง กายพระมหาเถระ กอ่ ใหเ้ กดิ ความช่มุ เยน็ เฉกมารดาลบู คลำบตุ รสดุ ท่ีรกั ต้วยใจถนอม ณ เบื้องบน ก้อนเมฆสลบั ซบั ซอ้ นเปน็ ทิวแถว ลอยละล่วี ตามแรงสมุ มอฺ งดูเป็นลีม่วงสลบั พีาดระการดายงี่ นกั พระผูเ้ ปน็ พหสู ูด หาไตบ้ งุ่ เข้าสู่เขตนครโกลมั พีไม่ ทา่ นตอ้ งการแสวงหาที่สงดั และ ณ ทนี่ ้ัน แห่งใดเลา่ จะสงดั เทา่ ป้าไม้ประดลู่ าย เพราะฉะนน้ั พระมหาเถระจงึ เยอ้ื งยา่ งตว้ ยลักษณะ อันน่าทัศนาเขา้ สู่ปา๋ น้ันตว้ ยหทยั ท่แี ช่มชืน่ เบกิ บาน เมื่อพระอาทิตยอ์ สั ดงไมน่ าน ดวงจนั ทรแ์ จ่มจรสั กโิ ผล่ขึ้นเหนือทวิ ไม้ต้านตะวันออก ปา้ ประดูล่ ายเงียบสงัดวังเวง เหมาะสำหรบั ผู้แสวงหาวเิ วกอยา่ งแห้จริง เนอ่ึ งจากมภี กิ ษุแวะเวยี นมา พักอยเู สมอ ป้านจ้ี งึ มเี สนาสนะน้อย ๆ อยหู่ ลายหลังสำหรับพักอาศัย หลังหน่ึงอยไู่ ดเพียงผ้เู ดยี ว พระเถระเลือกไตก้ ระทอ่ มหลงั หนงึ่ เม่ือปูลาดนิสีทนะลงแล้วกนิ ้งั ซัดสมาธิ หลบั ดาอยดู่ ลอดปฐม ยามแหง่ ราตรี และพักผ่อนเม่ือก่ึงมชั ฌิยามล่วงไปแลว้ ปจ็ จุสกาล แสงสีขาวทางทิศดะวันออกเร่มี ทาบขอบพาี จากทศิ เหนอื ดลอดไปทางทศิ ใต้ ลมรงุ่ อรณุ พดั เฉอ่ื ยฉวิ เสยี งกาซงึ่ เพงี่ ออกจากรวงรังเพ่อื แสวงภกั ษาหาร บินผ่านป้าประดลู่ าย พร้อมดว้ ยเสยี งรอ้ งกา ๆ บรเิ วณปา้ ประดู่ลายอังคงเงียบสงัด ไต้ยนิ แตเ่ พียงเสียงใบไม้ไหวกระทบ ภันเปน็ คร้งั คราว พระพทุ ธอนุชาผ้ปู ระเสรฐเดนิ วนเวยี นมาอยหู่ นา้ กระทอ่ มนอ้ ย โดยอาการทเ่ี รียก ภันว่าเดนิ จงกรม เพอ่ื พจิ ารณาทวั ขอ้ ธรรม ห้องฟา้ สางแลว้ แสงสวา่ งสาดไปทว์ บรเิ วณไพร โน้มนอ้ มมนัสแหง่ พระอานนทใ์ หแ้ จ่มใส ชน่ื บาน ทา่ นเตรยี มนุ่งอนั ดรวาสก และครองอุดราสงคเ์ ปน็ ปรมิ ณฑลเรียบร้อย ถอึ บาตรเขา้ ส่นู คร โกลมั พเี พือ่ บิณฑบาต มีผ้คู อยดกั ถวายอาหารแก่บนุ อื ยเู่ ปน็ แหง่ ๆ สมณศากยบตุ รเปน็ ท่ีตน้ ดาของประชาซน ชาวโกลัมพีแลว้ ดงั้ แต่ครงั้ ที่พระตถาคตเจัาเสดจ็ เข้าสนู่ ครโกลมั พเี ป็นคร้งั แรก เม่อื พระอานนท์ไต้ อาหารพอสมควรแลว้ ท่านกิเดนิ ตุ่มบงุ่ เขา้ สู่ปา้ ประดู่ลายตามเดิม ฉนั อาหารดามทป่ี ระชาชนศรัทธา ถวายด้วยอาการแหง่ สามบี รโิ ภค อนั เปน็ แบบอยา่ งแหง่ พระอรทันคท์ ง้ั หลาย เสรีจแล้วท่านกิยับยง้ั อยู่ ณ ทน่ี นั้ ด้วยวหิ ารธรรมอันประเสรฐิ จนกระทงั้ วฒั นฉายากาล พระอาทติ ย์โคจรผา่ นกึ่งกลางฟา้ ไปแล้ว เงาไม้ประดู่ลายทีอ่ ยโู่ ดดเด่ยี ว ทอดยาวไปทางทิศตะวันออก บรรยากาศรน่ื รมยส์ งบ เหมาะแก่อนาคารกิ มนุ ี ภิกษรุ ูปหนง่ึ ร่างกายสูงใหญม่ สี ง่า เดนิ เขา้ มาสปู่ ่าอนั เงียบสงบน้ี เมื่อทา่ นผา่ นมา ทางพระอานนท์นัง่ อยู่ เหน็ เป็นสมณะแบบเดียวกนั จึงเข้าไปหาดว้ ยอาการแห่งมติ ร แตท่ า่ นหาไต้ รจู้ ักพระอานนทไ์ ม่ “ทา่ นผู้ทรงพรด” ภิกษรุ ูปน้นั กลา่ วข้นึ “ขา้ พเจา้ ไม่คิดวา่ จะพบทา่ นผูใ้ ดในปา้ อนั วิเวก แห่งน้ี ท่านคงบุ่งแสวงลนั ดวิ รบทเชน่ เดยี วกับข้าพเจ้า จึงมาน่งั อยู่ ณ ทีน่ ้ีแด่ผเู้ ดยี ว” www.kalyanamitra.org

‘‘ท่านผปู้ ้าเพ็ญตบะ!” พระอานนทต์ อบ “ข้าพเจ้าทราบจากเคร่ืองนุ่งหม่ และบรขิ าร อ่ึน ๆ ฑต่ึ ิตตวั ท่านมา วาทา่ นเปน็ สมณะแบบเดียวกบั ข้าพเจ้า สมณะแบบเราน้ืมพี ระผู้มพี ระภาค เป็นศาสดาตวั ยกนั ก็พระผู้มพี ระภาคพระองคน์ ั้นตรสั ไว้มิใช่หรีอว่า ความวเิ วกเป็นสหายอนั ประเสรฐิ ” “ท่านผู้ทรงพรต” ภิกษรุ ปู นนั้ กล่าว “พระดำรสั น้ชี ่างเป็นพระพุทธภาษิตท่ีกระตุ้นเดือน เรง่ เว้าให้พุทธสาวกพอใจในวเิ วกเสยี น้ีกระไร! ขอประทานโทษเถิด จากลกั ษณะอาการและคำ กลา่ วของท่าน ขา้ พเจ้าพออนมุ านไตัวา่ ท่านคงจะมาสู่ธรรมวินยั นี้นานแลว้ สว่ นข้าพเจ้าเอง แม้ จะมีอายุเหยยี บย่างเข้าส่วู ัยชรามาหลายปีแล้วก็ตาม แต่ขา้ พเจา้ เพ็งจะอปุ สมบทอทุ ิศพระผู้มีพระ ภาคเม่ือไมน่ านมานเี้ อง ดือเม่ือพระผมู้ พี ระภาคพระองคน์ น้ั ปรนิ พิ พานแล้ว ข้าพเจ้าเพง็ จะบวชได้ ๕ พรรษาเทา่ นน้ั ” “อาวุโส!” พระอานนทเ์ ปลย่ี นคำแทนซึอ่ ของภิกษุรูปน้นั “ข้าพเจา้ อุปสมบทไนสมัยท่ี พระตถาคตยงทรงพระชนมอ์ ยู่ และได้เห็นได้เฝาื พระองคเ์ สมอ ๆ ข้าพเจา้ ถือเป็นลาภอนั ประเสริฐ ทไ่ี ดเ้ ฝาื พระผมู้ ีพระภาค มใิ ชแ่ ตข่ า้ พเจา้ เท่าน้ัน ใคร ๆ กป็ รารถนาที่จะได้เข้าเฝืาและสนทนาดว้ ย พระองค์เป็นผูสงู สดุ อย่างแหจ้ ริง” ภิกษุรูปนัน้ แสดงอาการสนใจอยา่ งเหน็ ได้ชัด และมีนยั น์ตาวาวด้วยปตี พิ รอ้ มดว้ ยกลา่ ว วา่ “ทา่ นผู้ทรงพรต! ข้าพเจา้ ปรารถนาอย่างยื่ง ปรารถนาเหลือเกินที่จะทราบพระพทุ ธจรยิ าโดย ละเอียดจากผ้ซู งึ่ เคยเขา้ เฝาื เคยฟงั ธรรมของพระศาสดา ทา่ อยา่ งไรขา้ พเจา้ จึงจะได้บรรลผุ ลสำเร็จ แหง่ ความปรารถนานน้ั แต่ก่อนอ๋ึน ขา้ พเจ้าปรารถนาใครท่ ราบนามของทา่ นผโู้ ชคดี พอเปน็ เคร่อื งประตบั ความรไู้ ว้ก่อน ส่วนขา้ พเจ้าเองมนี ามวา่ กม้ โพชะ ซ่ึอเดียวกบั แคว้นท่ขี ้าพเจา้ เกดิ ซ่งึ อยทู่ างเหนือขื้นไป ทา่ นเองกค็ งทราบวา่ แควน้ กมั โพชะมซี ่อึ เสียงที่สุดเร่อื งพันธ์ม้าดี” พระอานนท์นง้ี อยูครู่หนีง้ หาได้ตอบคำถามของพระกมั โพชะทนั ทีไม่ ทา่ นกำลงั ตรกึ ตรอง ว่า ควรจะบอกนามของทา่ นแก่ภิกษรุ ปู น้ีหรือไม่หนอ ภิกษรุ ูปน้ีมคี วามเล่อื มใสในพระคาสดาเป็น อยา่ งย่งี กระหายใคร่ฟังพระพุทธจรยิ าและเรื่องซ่งึ เกี่ยวขอ้ งกบั พระองค์ ภกิ ษรุ ปู น้คี งจะด้องเคยได้ ยีนเกียรติคณุ ของทา่ นในฐานะเป็นผใู้ กล้ชิดอยา่ งยี่งกับพระศาสดา ล้าเธอทราบนามของท่านแล้ว และได้ฟงั พทุ ธจรยิ าบางตอนจากท่านเอง คงจะเพม็ พนู ปีติปราโมชแก,เธอหานอ้ ยไม่ อาจจะเปน็ ทาง ใหเ้ ธอได้ธรรมจกั ษไุ นไม่ข้า เมื่อดดื ถงื ประโยชน์ตังกลา่ วนีเ้ ป็นทด่ี งั้ แลว้ พระพทุ ธอนุชาสกุ โกทนบตุ ร จงึ กล่าวว่า “ภราดา! ขา้ พเจ้ายนิ ดีจะเลา่ พุทธจรยิ า และบุคคลที่เกีย่ วข้องกับพระองค์บางประการ บางดอนให้ทา่ นฟังเทา่ ท่ขี ้าพเจา้ รเู้ หน็ มาดว้ ยตนเองบา้ ง ที่พระศาสดาโปรดประทานเล่าให้ข้าพเจา้ ฟงั บ้าง อนึง่ ขอ้ ทที่ า่ นอยากทราบนามของข้าพเจา้ นั้น ขา้ พเจา้ บอกท่านได้แต่เพียงว่า เม่ือขา้ พเจา้ ยงั ครองฆราวาสอยู่ พระญาติวงศเ์ รยี กข้าพเจา้ ว่า เจา้ ชายอาทนั ทะ และเมอ่ื ข้าพเจ้าอุปสมบทแลว้ เพ่ือนพรหมจารเี รยี กข้าพเจา้ พระอาทนั ทะ พระศาสดาเรียก อานนท์ อานนท์ อยูเ่ สมอ ๆ” พอพระมหาเถระกล่าวจบลง พระกัมโพชะมอี าการตะลึงอยคู่ รู่หนง่ึ แลว้ อาการแหง่ ปีติ ชาบซ่านกเ็ ข้ามาแทนที ท่านลกุ ขนื้ น้ังกระโหยง่ ประนมมอื กราบลงแทบบาทมูลของพระอานนท์ www.kalyanamitra.org

do ซบศีรษะอยนู่ ่ิงและนาน เมือ่ ทา่ นเงยหน้าข้ึนอกี ครั้งหนึ่ง พระพุทธอนชุ าสังเกตเหน็ นัา้ ตาเออ่ เบ้าดา ของภกิ ษผุ อู้ ยูใ่ นวยั ชรารูปนน้ั นัน้ เป็นสัญลักษณแ์ ห่งปตี ปิ ราโมชสันหลัง่ ไหลจากความรสู้ ึกทส่ี ึกขึ้ง และปรากฎออกมาทางกรชั กาย และแลว้ พระกม้ โพชะก็กล่าววา่ “ข้าแตท่ า่ นผไู้ มห่ ลงใหลในบ่วงมาร! เป็นลาภสันยิง่ ใหญ่ของขา้ พเจา้ ทีไ่ ดม้ าพบทา่ น ผูท้ รงคณุ สันประเสริฐ เหมือนองคแ์ ทนแห่งพระตถาคตเจ้า ข้าพเจ้าเตนิ ทางมาหลายเมืองดว้ ย จดประสงค์ทจี่ ะได้พบและสนทนากับท่าน ข้าพเจา้ ทราบวา่ ทา่ นเดินทางมาโกสัมพี. ข้าพเจา้ ก็ตดิ ดามมา แตก่ ็หาได้รูจ้ กั ทา่ นไม่ แม้จะสนทนาอยู่กบั ทา่ นทกี่ ระหายใคร่พบอยตู่ ลอดเวลากต็ าม โอ! ชา่ ง เป็นลาภของขา้ พเจา้ เสียนีก่ ระไร! อปุ มาเหมือนลกู โคซึง่ เท่ยี วติดตามหาแม่ในปากจา้ งและไดพ้ บ แมส่ มประสงค์ ความรู้สึกของลูกโคนนั้ เปน็ ฉันใด ความรสู้ ึกของข้าพเจ้าก็เปน็ ฉนั นน้ั ’* แล้วพระ ก้มโพชะกก็ ราบลงแทบบาทมูลของพระอานนทอ์ ีกคร้งั หน่งึ “ช่างเถิดผมู้ อี าย”ุ พระอานนทก์ ลา่ ว “เรอ่ื งของขา้ พเจ้าไมม่ คื วามสำคญั เทา่ เรอ่ื งของ พระศาสดา อนึง่ ทานบวชอุทศิ พระพุทธเจา้ แม้จะนิพพานไปแลว้ กด็ าม แต่เรือ่ งของพระองคก์ ัง เปน็ เคร่อื งเพม่ี พูนปีติปราโมชแกผ่ ู้สคบั อยูเ่ สมอ ทา่ นไดข้ อจอ้ งให้ขา้ พเจ้าเลา่ ถึงพทุ ธจริยาบางตอน เพื่อเป็นเคร่อื งประคบั ความรู้ และประคบั ประคองศรัทธาปสาทะ ข้าพเจา้ จะขอเลา่ ให้ท่านฟงั เป็น ปฎิการแกค่ วามปรารถนาดขี องท่าน” แลว้ พระอานนทก์ ็กล่าวสบื ไปว่า “ดกู ่อนภราดา! ณ ปาไม้ประดู่ลายน่ีเอง สมยั หนึ่งพระตถาคตเจา้ ประทบั อย่ดู ้วยหมู่ ภกิ ษุนบ้ จำนวนจอ้ ย พระองคห์ ยบิ ใบไมม้ ากำพระทดั ถห์ น่ึง แล้วตรสั ถามภกิ ษทุ ง้ั หลายวา่ ใบไมใ้ น กำพระทดั ถข์ องพระองค์ กับใบไม้ในป๋าน้ีท้งั หมด ไหนจะมากกว่ากนั เมอื่ ภิกษุท้ังหลายกราบทลู ว่า ใบไม้ในป่ามมี ากกวา่ เหลอื หลาย ใบไมใ้ นกำพระหัตถม์ นี ้อยนดิ เดียว พระพุทธองคจ์ ึงตรัสว่าฉันเดยี ว กันนั้นแล ภิกษทุ ้งั หลาย! ธรรมที่เราแสดงแล้วแก่เธอทัง้ หลายนัน้ เพียงเลก็ น้อย เหมอื นใบไม้ใน กำมอื ของเรา สว่ นธรรมทีเ่ รากังมิไดแ้ สดงมีมากหลายเหมือนใบไม้ในปา้ ภกิ ษทุ ง้ั หลาย! ทำไมเรา จงึ ไมแ่ สดงสงี่ ทีเ่ รารเู้ ราเข้าใจอีกมากหลายเล่า ภกิ ษทุ ง้ั หลาย! เราตถาคตแสดงแตธ่ รรมทจ่ี ำเปน็ เพอ่ื ระงบั ตบั ทกุ ขเ์ ทา่ นน้ั สิ่งนอกจากนีจ้ ้ไปก็ทำใหเ้ สียเวลาเปลา่ ภิกษทุ งั้ หลาย! สมัยหนงึ่ มภี ิกษรุ ปู หนงึ่ เขา้ มาหาเรา และถามปัญหา ๑๐ ข้อ ขอให้เรา แก้ปัญหาข้อข้องใจนัน้ กา้ เราไมแ่ ก้ปัญหาใหค้ ลายสงสยั เขาจะละเพศพรหมจรรย์ ปญั หา ๑๐ ขอ้ น้นั ลว้ นเป็นปญั หาทีไ่ จส้ าระ ไมเ่ ปน็ ไปเพือ่ ระงบั คับทุกข์ รูแ้ ล้วก็ไมท่ ำใหอ้ ะไรดขี ึน้ เช่นปญั หาว่า โลกเทย่ี งหรอื ไมเ่ ท่ียง โลกมืท่สี ดหรือไม่มทื ส่ี ดุ ดายแลว้ เกดิ หรือไม่ คงั นเึ่ ป็นด้น เราไมย่ อมแก้ปัญหา นัน้ ภกิ ษุทงั้ หลายเรา กลา่ วกบั ภิกษรุ ูปนนั้ ว่า อยา่ ว่าแตเ่ ธอจะละเพศพรหมจรรยเ์ ลย แม้เธอจะตาย ไปต่อหนา้ ต่อดาเรา เรากห็ ายอมแกป้ ญั หาเหล่านั้นของเธอไม่ ภกิ ษทุ ง้ั หลาย! ปญั หาทเ่ี ผชญิ อยเู่ บอ้ื ง หนา้ ของทกุ ๆ คน คอื ปญั หาเรอ่ื งทกุ ขแ์ ละความตบั ทกุ ข์ มนษุ ยแ์ ละสตั วท์ ง้ั หลายถกู ความทกุ ขเ์ สยี บ อยทู่ ง้ั ทางกายและทางใจ อุปมาเหมอื นผู้ถกู ยงิ ด้วยลกู ศรซง่ึ กำซาบด้วยยาพิษแลว้ ญาตมิ ติ รเห็นเข้าเถิดความ กรณุ าจงึ พยายามจะช่วยกนั ถอนลกู ศรนน้ั แต่บุรุษผ้โู ง,เขลาบอกวา่ ด้องไปสืบใหไ้ ดเ้ สียก่อนว่าใคร เปน็ คนยงิ และยิงมาจากทิศไหน ลกู ศรทำด้วยไมอ้ ะไร แล้วจึงจะคอ่ ยมาถอนลูกศรออก ภิกษทุ ้ัง www.kalyanamitra.org

หลาย! บรุ ษุ ผู้นน้ั จะต้องดายเสยี ก่อนเป็นแนแ่ ท้ ความจริงเม่อื ถกู ยงิ แล้ว หน้าทีข่ องเขากค็ อื ควร พยายามถอนลูกศรออกเสยี ทนั ที ชำระแผลไทส้ ะอาดแล้วใส่ยาและรกั ษาแผลไทห้ ายสนทิ หรือ อกี อปุ มาหน่ึง เหมือนบคุ คลท่ไี ฟไหมอ้ ย่บู นศีรษะ ควรริบดับเสยี โดยพลนั ไม่ควรเท่ยี วว่งี หาผูค้ น เอาไฟมาเผาศีรษะตน ทงั้ ๆ ทไ่ี ฟลุกไหมอ้ ยู่ ภิกษุท้ังหลาย! ลังสารรฎั นโ่ึ พลงอยู่ดว้ ยเพลงิ ทุกขน์ านาประการโหมไท้รอ้ นอยทู่ ้วั ลตั ว้ทั้งหลายดนิ้ ทุรนทุรายอยู่ไนกองทุกขแ์ ห่งสังสารวัฏน้ี ใครเล่าจะเป็นผด้ ับ ลา้ ทุกคนไมช่ ว่ ยกัน ดับทกุ ขแ์ ห่งดน อปุ มาเหมอื นบรุ ษุ สดรผิ ูร้ วมกันอยใู่ นบรเิ วณกรา้ งแหง่ หนึง และด่างคนด่างถือต้น ไฟใหญล่ นั ไฟลกุ โพลงอย่ทู ้วั แลว้ ด่างคนดา่ งกว็ ่ีงวนกันอย่ไู นบริเวณนนั้ และรอ้ งกันว่า ร้อน รอ้ น ภกิ ษทุ ้งั หลาย! คราวนน้ั มบื รุ ุษผูห้ น่งึ เปน็ ผ้ฉู ลาดร้องบอกไทท้ กุ ๆ คนทง้ิ ดันไฟในมือของดนเสีย ผทู้ ี่ยอมเช่อื ท้งิ ตน้ ไฟก็ไตป้ ระสบความเยน็ ส่วนผู้ไม่เชอื่ กล็ งั คงวี่งถอื ตน้ ไฟพรอ้ มดว้ ยร้องดะโกน วา ร้อน ร้อน อย่นู ั่นเอง ภิกษุทัง้ หลาย! เราตทาคดไตท้ ง้ิ ตน้ ไฟแลว้ และรอ้ งบอกไทเ้ ธอทัง้ หลายทิ้งเสียดว้ ย ต้นไฟ ที่กล่าวถืงนึ๊คอื กิเลสทง้ั มวล ลันเปน็ ลิง่ ที่เผาลนลดั ว้ไทเ้ ร่าร้อนกระวนกระวาย ภกิ ษุทัง้ หลาย! อายตนะภายใน'©คอื ดาหูจมกู ด้นิ กายและไจ อายดนะภายนอก'©คอื รปู เสียง กลนิ่ รสโผฏ- ฐพั พะ และธมมารมณ์ เป็นของรอ้ น ร้อนเพราะไฟ คือ ราคะบา้ ง โทสะบา้ ง โมหะบา้ ง ภกิ ษุท้ังหลาย! เราตถาคตไมพ่ ิจารณาเหน็ รูปเสียง กลน่ิ รส โผฏฐัพพะ ใดๆที่จะ ครอบงำรึงรดั ไจของบุรุษไตม้ ากเทา่ รปู เสยี ง กล่นิ รส และโผฏฐัพพะแห่งสดรึ ภิกษทุ ้งั หลาย! เรา ไมพ่ ิจารณาเหน็ รูป เสยี ง กลน่ิ รส โผฏฐัพพะใดๆท่ีสามารถครอบงำรัดรงึ ไจของสตรไี ต้มากเท่า รปู เสยี ง กล่ิน รส และโผฏฐพั พะแห่งบุรุษ ภิกษุทั้งหลาย! กามคณุ น้เี รากลา่ วว่าเปน็ เหย่ือแหง่ มาร เปน็ พวงดอกไม้แห่งมาร เป็น กำลังพลแห่งมาร ภกิ ษุผปู้ รารถนาจะประหารมาร พิงสลดั เหย่อื แห่งมาร ขยี้พวงดอกไมแ้ หง่ มาร และทำลายกำลังพลแห่งมารเสีย ภิกษทุ งั้ หลาย! เราเคยเยาะเยย้ กามคุณ ณ โพธมิ ณฑลไนวันทเี่ ราตรสั รนู้ ้นั เองว่า ดู กอ่ นกาม! เราไตเ้ ห็นตน้ เต้าของเจ้าแลว้ เจ้าเกดิ จากความดำรคิ ำนงึ ถงื น้ันเอง เราวักไม่ดำรถิ งื เจา้ อีก ดว้ ยประการฉะนี้ กามเอย! เจา้ จะเกิดชื่นอกี ไม่ไต้,* “ดกู อ่ นภราดา!” พระอานนท้กลา่ วต่อไป “คร้งั นั้น ณ ปาไม้ประดลู่ ายน้ี ภกิ ษุจำนวน มากไต้ดวงดาเหน็ ธรรมและอรยิ คณุ สูง ๆ ช่นื ไปด้วยพระพุทธภาษิตลันสกี ชื่งวบั ใจนี้ พระองค์ทรงไซ้ อุปมาอปุ ไมยลันคมคายแยบยล และขมวดพระธรรมเทศนาไท้เห็นจดุ เดน่ ท่ีทรงประสงค์ เหมือน นายช่างผูฉ้ ลาดเมอ่ื จะสรา้ งปราสาทหรอึ ถฎู าคาร ยอ่ มจะลงรากปราสาทน้ันไทแ้ นน่ หนา และวาง เสาลนั ม่นั คง และสร้างเรอื นยอดตะล่อมชืน่ ไท้ยอดเด่นเหน็ สงา่ งามรุง่ เรือง ด้วยพระธรรมเทศนา โกศลแหง่ พระทศพลวมิ ลอนาวรณญาณ ลนั หาใครเปรยี บปานมิได้ในสามภพ” “ดกู อ่ นอาดันคกุ ะ” พระอานนทก์ ล่าวต่อไป “ณ กรุงโกลัมพินี่เอง พระดถาคดเจา้ เคย ประทับรอยพระบาท คือพระพทุ ธจรยิ าลันประเสรฐิ ไวล้ า่ หรบั ไทค้ นภายหลงั ถือเป็นเย่ยี งอย่าง ดำเนินดาม” www.kalyanamitra.org

คือสมยั หนึง่ เมื่อพระพุทธองค์เสดจ็ ถึงโกลมั พีและสำราญพระอริ ยิ าบถอยู่ ณ โฆสดิ าราม ดอนเชา้ พระพทุ ธองคจ์ ะเสดจ็ ออกบิณฑบาต มีประชาชนผ้เู ลอ่ื มใสคอยดักถวายเปน็ ทวิ แถว แดก่ ม็ ี กลุม่ ชนอกี กลุ่มหน่งึ คอยตามด่าว่ากระทบกระแทกเสียดสีอยู่ดลอดเวลา เมือ่ พระองคเ์ สดจ็ กลบั โฆสิดาราม กด็ ามไปด่าถงึ พระคันธกุฎดี ว้ ย อักโกสวดั กุ ๑๐ ประการ เช่น เป็นโค เปน็ ลา เปน็ อูฐ เป็นลัดว์'นรก เป็นดน้ เร่อื งน้ีมีเบอ้ื งหลังคือ สมัยหนึ่ง กอ่ นหน้าท่เี รอื่ งนีจ้ ะเกิดขึน้ ไมน่ านนัก พระผูม้ พี ระภาคเจา้ เสดํ จ็ สแู่ คว้นกุรุ ณ ท่นี ้ัน มีหม่บ้านพราหมณอ์ ยแู่ หง่ หนง่ึ พราหมณน์ ายบา้ นมีธิดาสาวทรงสิริโสภาคยง่ี นกั นาม ว่า มาอนั ทยิ า ความงามแหง่ นางระบือไปควั่ ชายหนุม่ ผู้มั่งคัง่ ดา่ งเดินทางโดยเกวียนบา้ ง โดยรถม้า บ้าง มา๙มาคนั ทยิ คามน้ี เพอ๋ึ ทัศนามาดนั ทิยานาริ บางคนกแตง่ ผ้ใู หญม่ าสขู่ อ แดพ่ ราหมณ์ผู้บดิ า องั มองไมเ่ ห็นใครเหมาะสมแกธ่ ดิ าของดน จึงอังไม่ยอมยกให้ใคร มาดันทยิ าเป็นท่กี ล่าวขวญั ถึง แหง่ ปวงชนชาวกุรอุ ย่างแพรห่ ลาย จนเมื่อธดิ าของสกุลใดเกิดใหม่ ผู้เฒา่ ผ้แู กม่ กั จะให้พรวา่ ขอให้ สวยเหมอื นมาคันทยิ า ดกู ่อนอาคันตุกะ แด,ทา่ นด้องระลึกไวอ้ ย่างหนง่ึ ว่า ความงามกับอันดรายนั้นมักจะมา ด้วยกันเสมอ ทีใ่ ดมคี วามงาม ทีน่ นั้ ยอ่ มมีอนั ดรายแอบแฝงชอ่ นเว้นอยู่ดว้ ย จะมากหรอิ นอ้ ยแลว้ แด่ขนาดแหง่ ความงามนัน้ และมีอยู่บ่อยครัง้ ท่เี ป็นอันดรายไมเ่ พียงแดผ่ ู้เช้าไปเก่ียวชอ้ งเท่านั้น แด่ แก่เจ้าของความงามนน้ั เองอกี ด้วย พระศาสดาเสด็จไปถงึ บ้านมาคนั ทยิ พราหมณ์ในเชา้ วันหน่งึ ขณะทเี่ ขาบชู าไฟอยู่ ที่ประตูบา้ น เมื่อไดท้ ัศนาเห็นพระศาสดาแลว้ พราหมณ์กต็ ะลึงในความงามแห่งพระองค์ ถึงแก่ อุทานออกมาวา่ ชายผนู้ ีง้ ามจรงิ หนอ เขาเชา้ ไปหาพระดถาคดเจา้ แล้วกลา่ วว่า “สมณะ ชา้ พเจ้ามองหาชายอนั จะตู่ควรแก่บุตรขี องช้าพเจา้ มาเป็นเวลานานแลว้ แด่จะ หาใครงามตู่ควรแก่บุดรขิ องช้าพเจ้าเสมอท่านได้ไม่ ขอทา่ นโปรดยืนอย่ตู รงนี้ลกั ครหู่ นงึ่ แล้วขา้ พเจ้า จะนำบตุ รีมามอบให้ท่าน,’ พระศาสดาแสดงอาการดษุ ณภี าพ ทรงเหยียบรอยพระบาทใหป้ รากฎไวด้ ว้ ยแรงอธิษฐาน อันสำเรจ็ มาจากพระบารมแี ด่ปางบรรพ์ แลว้ เสดจ็ หลีกไปประทับ ณใด้ดน้ ไม้เงาคร้็มด้นหนงึ่ พราหมณ์แจง้ ข่าวแกพ่ ราหมณี และใหด้ กแต่งลูกสาวให้สวยงาม เพื่อนำไปมอบใหช้ าย ผ้หู นง่ึ อันตนเห็นว่าตคู่ วรกัน แล้วพากันออกจากเรือน เม่ือไม่เห็นพระตถาคต ณ ทเ่ี ดิม พราหมณ์ก็ ประหลาดใจ บังเอญิ พราหมณีไดเ้ หลอื บเห็นรอยเท้าท่ีพระพทุ ธองคท์ รงเหยียบไว้จึงกล่าวกับ พราหมณ์ผสู้ ามวี า่ อยา่ ตดิ ตามมหาบุรุษผ้นู ี้เลย ผูม้ ีรอยเทา้ อย่างนีเ้ ป็นผสู้ ละแล้วซง่ึ โลกยิ ารมณ์ ทั้งปวง พราหมณเ์ อย! อนั บดคลผเู้ จา้ ราคะนน้ั ปเี ทา้ เจา้ กลางมาก คนเจา้ โทสะหนกั สน้ สว่ นคน เจา้ โมหะนน้ั ปลายเทา้ จกิ ลง สว่ นรอยเทา้ ของบรษผนู้ เ้ี ปน็ ผเู้ พกิ กเิ ลสไดแ้ สว้ อยา่ งแทจ้ รงิ พราหมณ์ ต่อว่าภรรยาว่าอวดรอู้ วดดี ทำดนุ เหมือนจระเข้นอนในตมุ่ จงึ พาบุตรแี ละภรรยาเท่ียวตามหาพระ ศาสดา มาพบเชา้ ใด้ร่มไมแ้ หง่ หนึ่ง พราหมณ์ดใี จนกั หนา แด่ได้ต่อว่าเป็นเชิงพอ์ วา่ www.kalyanamitra.org

den “สมณะ ข้าพเจา้ บอกใหท้ า่ นยนื รอท่โี น้นแตห่ ายืนคอยไม่ เหมือนไม่ยนิ ดีจะรับบตุ รขี อง ข้าพเจา้ สมณะ! บุตรีของข้าพเจ้านีง้ ามเลศิ กวา่ นารีใด ๆ ท้งั ปวงในถนึ่ น้ี เปน็ ทปี่ องหมายแหง่ เศรษฐี คหบดีและแมแ้ หง่ พระราชา แตข่ า้ พเจ้าหาพอใจใครเสมอดว้ ยท่านไม่ บัดน้ขี า้ พเจ้าไดน้ ำนางผงู้ าม พร้อมมามอบ ณ เบ้อื งบาทของทา่ นแลว้ ขอได้โปรดรบั ไว้ และครองกันฉนั สามภี รรยาเถิด,* พราหมณ์กลา่ วจบแล้วสั่งใหบ้ ดุ รีถวายบงั คมพระศาสดา พระโลกนาถศากยบุตร ยงั คงประทับดษุ ณอี ยู่ครูห่ นึง่ พระองคท์ รงรำพงึ ว.่ พราหมณ์ ผนู้ ่ึมคื วามหวังดีตอ่ เรา ตอ้ งการสงเคราะหเ์ ราดว้ ยสง่ิ อนั เปน็ ทรี่ ักทหี่ วงแหนท่สี ุดแหง่ ตน แด่ส่ิงนี้มี ความแก่ ความเจ็บ และความดายเป็นธรรมดา เราวักปฎกิ ารพราหมณผ์ ูน้ ดี้ ้วยอมตธรรม อนง่ึ พราหมณแ์ ละพราหมณีทัง้ สองน้มื ือปุ นิสัยแก่กลา้ พอทจี่ ะบรรลุธรรมของเราได้ เปน็ การมอบสภาพ อนั ไม่แก่และไม่ตายแก่เขา ดำรดิ ังนีแ้ ล้ว พระตถาคตเจา้ จงึ เอ้อื นพระโอษฐ์ว่า “พราหมณ!์ ลา้ เราจะเล่าเร๋อึ งบางเร่อื งใหท้ ่านฟัง ทา่ นจะพอใจฟงั หรอื ไม่,, “เล่าเถดิ สมณะ ขา้ พเจา้ พรอ้ มอยแู่ ลว้ ทา่ นมบี ุตรภรรยาอยแู่ ล้วหรอื ?,, มาคันทิยา บุตรแี ห่งพราหมณ์นงั่ เพง่ พิศพระตถาคตเจา้ เหมอื นเด็กมองดตู กุ๊ ตาซึ่งตนไม่ เคยเห็น พร้อม ๆ กันนนั่ มารยาแหง่ สตรีซ่งึ ปรากฏอย่ใู นเรือนรา่ งและนสิ ยั แ่ หง่ อติ ถเึ พศ ก็เร่ิม ฉายแวววาวออกมาทางสายดา และริม?!ปากอนั บางงามเตม็ อ่มี น่ัน พระตถาคตเจา้ ชายพระเนตรดนู างมาดนั ทิยาหน่อยหน่ึง ทรงรู้ถงึ จิตใจอันมน่ื ป้วนของ นางแลว้ ตรัสว่า “พราหมณ์! เมอื่ เราอยู่ในวัยหน่มุ เกศายงั ดำสนทิ ถกู แวดลอ้ มดว้ ยสตรลี ว้ นแต่สะคราญ ตา เป็นทีป่ รารถนาของบุรุษเพศผู้ยงั ดดั อาลัยในบว่ งกามมีได้ แต่เราเม่อื หนา่ ยในโลกย็ วิสัย จึงสละ สมบดบรมวักรและนางผู้จำเรญิ ดา ออกแสวงหาโมกขธรรมแต่เดียวดาย เท่ียวไปอย่างไมม่ อี าลัย ปลอดโปร่งเหมือนบคุ คลท่ีเป็นหนแ้ี ลว้ ฟันจากหนี้ เคยถกู คมุ ขังแล้วฟันจากที่คุมขงั เคยเปน็ โรค แลว้ หายจากโรค หลังจากท่องเทยี่ วอยเู่ ดยี วดายและทำความเพยึ รอย่างเขม้ งวดไมม่ ใี ครจะทำได้ ย่ีงกวา่ อยเู่ ปน็ เวลา ๖ ปี เรากไ็ ดป้ ระสบขยั ชนะอยา่ งใหญ่หลวงในชีวติ ไดต้ รสั รู้อนุดดรสมั มาสมั ­ โพธญิ าณ สงบเยือกเย็นถึงทส่ี ุด ล่วงฟนั บ่วงแห่งมารทง้ั ปวงทงั้ ทเี่ ปน็ ทิพยแ์ ละเปน็ ของมนษุ ย์ มารและธดิ ามารคือ นางตณั หา นางราคา และนางอรดี ได้พยายามยั่วยวนเราด้วยวธิ แี ปลก ๆ เพือ่ ให้เราดกอยใู่ นอำนาจ แตเ่ ราก็หาสนใจใยดไี ม่ ในท่ีลดุ พวกนางกถ็ อยหนิไปเอง เราชนะมารอยา่ ง เดด็ ขาด จนมนี ามลอ้ งโลกวา่ ผพู้ ชิ ติ มาร พระตถาคตหยดุ อยคู่ รู่หนงึ่ ทรงกวาดสายพระเนตรดูทุกใบหน้า ในท่ีสุดพระองคต์ รัสวา “พราหมณ์ เมอ่ื ไดเ้ หน็ นางตณั หา นางราคา และนางอรดี ซง่ึ ทรงความงามเหนอื สาม โลก เรากห็ าพอใจแตน่ อ้ ยไฝ กท็ ำไมเลา่ เราจะพอใจในสรรี ะแหง่ ธดิ าของทา่ น ซง่ึ เตม็ ไปดว้ ยมตู รและ กรสี พราหมณเ์ อย! อยา่ วา่ แตจ่ ะใหน้ ดะดองดว้ ยมอื เลย เราไมป่ รารถนาจะแตะดอ้ งธดิ าของทา่ นแม้ ดว้ ยเทา้ ” www.kalyanamitra.org

บนกองกระดกู แห่งตัณหานสุ ยั “ดกู อ่ นภราดา!” พระอานนทเ์ ล่าตอ่ ไป “พระดำรัสตอนสุดทา้ ยของพระผมู้ ื พระภาค เปนึ เสมือนสายฟา้ ฟาดเปรยงลงบนใบหน้าของบตุ รพี ราหมณ์ นางรส้ ์กร้อนผ่าว ไปหมดทุงรา่ ง สำหรบั สตรสี าว อะไรจะเปน็ เรองเจ็บปวดยิง่ ไปกวา่ การเสนอตวั ให้ชายแล้ว ถกู เขาเข่ยี ท์งอย่างไมไ่ ยดี ตงั น้นั นัยนต์ าซงเคยหวานเพาของนาง จง็ ถูกเค่ยี วใหเ้ หอื ดแหง้ ไปดว้ ยไฟโทสะ ใบหนา้ ซงเคยถูกชมวา่ งามเหมือนจนั ทรเ์ พญ็ นน้ั บดั นใด้ถกู เมฆ คือความ โกรธเคลอนเข้ามาบดบังเสียแล้ว นางผูกใจเจ็บในพระศาสดาสุดประมาณ พระตถาคตเจา้ สังเกตเห็นกริ ิยาอาการของนางโดยตลอด แดห่ าสนพระทยั อนั ใดไม่ ทรงแสดงอนุปพุ พกิ ถาพรรณนาถงึ เรอ่ื งทาน ศีล ผลแห่งทานศีล โทษของกามและอานสิ งสแ์ หง่ การหลกี เร้นออกจากกาม ท่ีเรยี กวา่ เนกขมั มะ ฟอกอธั ยาศัยแหง่ พราหมณ์และพราหมณจี นทรง เห็นวา่ มีจิตอ่อน ควรแก่พระธรรมเทศนาชั้นสูง แล้วพระผมู้ ีพระภาคกท็ รงประกาศสามกุ กังสิกา ธรรมเทศนา คอื อริยสัจ ๔ ประหน่งึ ชา่ งยอ้ มผฉู้ ลาด ฟอกผ้าให้สะอาด แลว้ นำมาย้อมสที ีด่ น ตองการ พระธรรมเทศนา จบลงดว้ ยการสำเรจ็ มรรคผลของพราหมณแ์ ละพราหมณี พระพุทธ องคเ์ สดจ็ ลุกจากอาสนะ ทงิ้ มาศันทยิ คามไรเ้ บื้องหลัง มุ่งสชู่ นบทอ่นื เพ่ือโปรดเวไนยสตั ว์ต่อไป www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

ความงามแห่งสตรี มักจะเป็นเหมือนดาบสองคม คอื ให้ทัง้ คุณและโทษแกเ่ ธอ และมื สตรีนอยคนนักทีจ่ ะจับแด,เพยี งคมเดียว เพราะฉะนัน้ เธอจึงมกั ประสบทัง้ ความสุขและความเศร้า เพราะความงามเป็นมลู เหตุ กฎข้อนพ้ี ิสูจน์ไดด้ ว้ ยชวี ิตของนางมาดันฑยิ า ช่ืงข้าพเจ้าจะเลา่ ให้ท่าน ฟังต่อไป ดว้ ยความพยายามอยา่ งยงิ่ ยวดในการท่ีจะแกแ้ ดน้ พระบรมศาสดา เคร่ืองมือในการ ใขค้ วามพยายามของนางมอื ยา่ งเดยี วคือความงาม เม่อื มคื วามพยายาม ความสำเรจ็ ย่อมตามมา เสมอ และในความพยายามน้ัน ถ้าจงั หวะดีกจ็ ะทำให้สำเร็จเร็วข้นึ ดงั นน้ั ตอ่ มาไมข่ า้ นัก นางได้ เปน็ มเหสขี องพระเจา้ อเุ ฑนแห่งโกสมั พโี ดยวธิ ใี ดไมแ่ จ้ง นับว่าได้เปน็ ใหญ่เปน็ โดพอท่จี ะหาทางแก้ แค้นพระบรมศาสดาไดโ้ ดยสะดวก ดงั นั้น เม่อื นางทราบว่าพระตถาคตเจ้าเสดจ็ มาโกสัมพี นางจึง ยนิ ดยี ง่ิ นัก คราวนแ้ี หละพระสมณโคดมผูจ้ องหองจะได้เห็นฤทธข้ิ องมาดนั ฑยิ า นางปรารภเรอื่ งนี้ ดว้ ยความกระหยม่ิ ใจ แล้วจ้างบรวิ ารของนางบา้ ง ทาสและกรรมกรบ้าง ให้เท่ียวตดิ ตามดา่ พระ บรมศาสดาทกุ มมุ เมอื ง ทุกหนทุกแห่งทีพ่ ระองคท์ รงเหยียบยา่ งไป ดกู อ่ นภราดา! ข้าพเจา้ ตามเสดจ็ ไปทุกหนทกุ แห่งเหมือนกัน เมอ่ื ถูกด่าแรงๆ จติ ใจ ของขา้ พเจา้ กกระวนกระวาย แด่พระตถาคตเจา้ ฑฺรงมอื าการแชม่ ชนื่ อยเู่ สมอ สีพระพ'ี กตร็กงั คง สงบนึ่ง เช่นเดยี วกบั เวลาไดร้ ิบคำสรรเสรญิ จิตใจท่ไี ม่หวน่ั ไหวดว้ ยโลกธรรมค่ ือ นินทาและสรรเสรญิ นน้ั เป็นจติ ท่ปี ระเสรฐิ ย่ิง พระองค์ตรสั 1วอ้ ยา่ งนี้ และพระองค์ก็ทรงทำใหด้ ูเปน็ ตัวอย่าง อาวุโส! ตราบ ใตทีบ่ ุคคลกงั พอใจดว้ ยคำสรรเสริญ เขาย่อมกงั ด้องหวั่นไหวเพราะถกู นนิ ทา นเ่ี ป็นกฎทแี่ น่นอน พระตถาคตเจ้าทรงทำพระมนสั ให้เป็นเช่นแผ่นดนิ หนกั แน่น และไม่ยนิ ดยี ินรา้ ยวา่ ใครจะโปรย ปรายของหอมหรอื ดอกไมล้ งไป หรือใครจะทงิ้ เศษขยะปฏิกูลอย่างไรลงไป ข้าพเจา้ เองสุคท่จี ะทนได้ จงึ กราบทูลพระองคว์ ่า “พระองค์ผู้เจริญ! อย่าอยู่เลยทนี่ ่ึ คนเขาดา่ มากเหลือเกิน” “จะไปไหน อานนท”์ พระศาสดาตรัส มแี ววแห่งความเดด็ เด่ยี วฉายออกมาทางพระ เนตร และสีพระพักตร์ “ไปเมืองอ่ืนเถดิ พระเจ้าข้า สารัตถี ราชคฤห์ สาเกต หรอื เมืองไหนๆกไ็ ด้ ทีไ่ ม่ใช่ โกสมพี” “ถ้าเขาดา่ เราทีน่ ั้นอีก!” “กไ็ ปเมืองอ่นื อกี พระเจา้ ข้า” “ถ้าที่เมอื งนั้นเขาดา่ เราอีก?” “ไปตอ่ ไป พระเจ้าขา้ ” “อยา่ เลย อานนท!์ เธออย่าพอใจใหต้ ถาคตทำอย่างน้ัน ถา้ จะตอ้ งทำ อย่างเธอวา่ เราจะไม่มีแผน่ ดินอยู่ มนษุ ยเ์ ราอยูท่ ไี่ หนจะไม่ให้มีคนรักคนชงั น้ันเห็นจ ะไม่ไต้ เร่ืองเกดิ ขึ้นท่ีใดควรใหร้ ะงับลง ณ ทนี่ นั้ เสียก่อนแถว้ จงคอ่ ย ไป อานนท!์ เร่อื งทเ่ี กิดขนึ้ แก่ตถาคตน้ันจะไม่ยืดยาวเกิน d ว นั ค ือ จ ะ ต อ้ ง ระงับลงภายใน ๗ วนั เท่านัน้ ” www.kalyanamitra.org

แลว้ พระพทุ ธองคก์ ็ตรัสต่อไปว่า “อานนท!์ เราจะอดทนต่อคำวิงวอนของผู้อน เหมือนช้างศีกกา็ วลง สู่สงคราม ตอ่ งทนต่อลกู ศรซ่ึงมาจากทศิ ท้งั ๔ เพราะคนในโลกน้ลื ว่ นมาก เปน็ คนชํว่ คอยแสห่ าแต่โทษของคนอน เธอจงดเู ถิด พระราชาทง์ หลายยอ่ ม ทรงราชพาหนะต้วทฝ่ี ึกแลว้ ไปสู่ที่ชุมนมุ ชน เปึนสตั ว์ทอ่ี อกชมุ นมุ ชนไต่ อานนท์ เอย! ในหมู่มนษุ ยน์ ้ื ผใู้ ดฝกึ ตนใหเ้ ป็นคนอดทนตอ่ คำล่วงเกนิ ของผู้อนไต่ จัด วา่ เปน็ ผปู้ ระเสรฐิ สุด ม้าอัสดร มา้ สินธพ พญาชางตระถลู มหานาคท่ีไต่รบั การ ฝึกแล้ว จัดเป็นสตั วอ์ าชาไนย สตั วอ์ าชาไนยเปน็ สัตวท์ ี่ประเสริฐ แตค่ นที่ฝึกตน ดีแลว้ ยงั ประเสริฐกว่าสตั วเ์ หล่านั้น,, “ดูก่อนอานนท์! ผ้อู ดทนตอ่ คำลว่ งเกนิ ของผู้สูงกว่ากเ็ พราะความกลัว อดทนตอ่ คำล่วงเกนิ ของผเู้ สมอกนั เพราะเห็นว่าพอสกู่ นั ไต่ แตผ่ ู้ใดอดทนตอ่ คำลว่ งเกนิ ของผซู้ งึ่ ต่อยกวา่ ตนไต่ เราเรยี กความอดทนนน้ั ว่าสูงสุด ผู้มคี วาม อดทน มเี มตตา ย่อมเป็นผ้มู ลี าภ มยี ศ อยู่เปน็ สุข เป็นที่รักของเทวดาและ มนุษย์ทงั้ หลาย เป็ดประดูแหง่ ความสขุ ความสงบไตโ่ ดยง่าย สามารถชุดมูลเหดู แห่งการทะเลาะววิ าทเสียไต่ คุณธรรมท้งั มวล มศี ลี และสมาธเิ ป็นตน่ ยอ่ มเจริญ งอทงามแกผ่ มู้ ศี วามอดทนท้งั ส้นี ” ในทิสดุ ทาสและกรรมกรท่ีพระนางมาคนั ทิยาวา่ จ้างมาด่าพระมหาสมณะก็เลกิ ราไป เอง เพราะเขาทั้งหลายรสู้ กึ ว่า เขากำลิงดา่ เสาศิลาแทง่ ทึบซึ่งไม่หว่นั ไหวเลย ความพยายามของ พระนางมาคันทิยาเปน็ อันล้มเหลว อาวโุ ส! พระศาสดาเคยตรัสไว้ว่า ภูเขาศลิ าล้วนย่อมไม่หวนั่ ไหว ดว้ ยลมจากทศิ ท้งั ๔ ฉนั ไต บณั ฑิตยอ่ มไมห่ วนั่ ไหวเพราะคำนินทาและคำสรรเสริญ ฉันน้ัน ในพระดำรัสของพระศาสดาดอนด้น ท่านคงจำไดว้ ่า พระองค์ตรสั ถึงมา้ อสั ดร ม้าสนิ ธพ และสัตวอ์ าชาไนย รวมทั้งพญาช้างตระกูลมหานาค ขา้ พเจา้ ขอไขความเรอ่ื งนีส้ กั เล็กนอ้ ย มา้ อสั ดรนนั้ คอื สัตวผ์ สมระหว่างม้าและลา คือแม่มา้ พอ่ ลา ลกู ออกมาจงึ ไดล้ ักษณะ ท่ีดเี ยย่ี ม คือไดล้ ักษณะเร็วจากแมแ่ ละได้ลักษณะทนทานจากพอ่ ม้าเป็นสัตวท์ ี่มีสเื ทา้ เร็วมากจนได้ นามอกอย่างหนง่ึ วา่ มโนมยั หมายความวา่ สำเรจ็ ดงั ใจ ส่วนลานน้ั ทนทานมากในการนำภาระ หนกั ปีนท่ีโกรกชันก็เกง่ เมือ่ สกั ษณะทงั้ ๒ ประการมารวมกนั คือทัง้ เรว็ และทน ก็เป็นคุณลักษณะ ทด่ี ีเยี่ยม หันมามองดมู นุษยเ์ รา ผใู้ ดมลี กั ษณะ ๒ อย่างคือ ทง้ั เรว็ และทนทาน ผนู้ ัน้ ก็จัดไดว้ ่า ประเสริฐ คนบางคนมีสตปิ ัญญาดี รอู้ ะไรได้เรว็ แด่ไม่ทนทาน ออ่ นแอ เบื่อหน่ายงานงา่ ย จับจด ในท่ีสุดกเ็ อาดีไม่ค่อยได้ ส่วนบางคนทนทาน ปีกปนี แดข่ าดสตปิ ัญญา รูอ้ ะไรได้ช้า จงึ ทำไท้เสียเวลา มากเกินไปในการทำส่งิ ใดส่ิงหน่ึง และคนในโลกสว่ นมากกม็ กั จะได้ลักษณะเดียว แดด่ เู หมอื นพระ ศาสดาจะทรงสรรเสริญความเพยี รพยายามมากอยู่ เม่ือได้พยายามแลว้ ไม่สำเรจ็ สมประสงค์ ใคร เลา่ จะลงโทษผู้นน้ั ได้ www.kalyanamitra.org

ม้าสนิ ธพนนั้ Iปีนพันธ์มา้ ซ่ึง๓ ด ณ ลุม่ แม่นัา้ สินธุ เป็นมา้ พนั ธด์ มี าก แควน้ กม้ โพชะ ถึน่ กำเนิดของท่าน กเ็ ป็นแคว้นทมี่ ีช่ือเสยี งมากในเรื่องมีม้าพันธ์ดีตามทท่ี า่ นกลา่ วแล้วแต่หนหลัง ส่วนชา้ งตระกูลมหานาคกเ็ ปน็ ช้างตระกูลดี กล่าวถงึ ลัตว้อาชาไนย หมายถึงสัตว์ท่ีไดร้ บั การสืกฝนแลว้ ให้ควรแก่การงานประเภท นน้ั ๆ โดยนยั น้ี สัตวท์ ุกประเภทสามารถเป็นอาชาไนยลา้ ไดร้ บั การ&เกใหเ้ หมาะแก่การใช้งาน แต่ บรรดาอาชาไนยดว้ ยก้น บุรุษอาชาไนยหรือคนอาชาไนยประเสรฐิ ท่ีสดุ เพราะเหตุนี้ พระดถาคด เจา้ จึงตรัสว่า บรรดามนุษย์ด้วยก้น คนท่ีสกื ตนแลว้ ประเสรฐิ ทสี่ ดุ คำวา่ ฟ้กตนน้ัน หมายถึงการฟก้ จติ ของตนให้ดีงาม รบั ได้ ทนได้ แมใ้ นภาวะทค่ี นท่วั ๆ ไปรู้สกึ วา่ ไมน่ ่าจะฑนไิ ด้ การถเึ กจิตกเ็ หมือนการฟืกยกน้ัาหนัก ตองค่อยทำค่อยไป เม่ือได้ทีแ่ ลว้ กเ็ ป็น จิตฑฑนทาน และมีอภินิหารเป็นอศั จรรย์ นางมาคนั ทยิ าเปน็ พระมเหสรี องของพระเจา้ อุเทน พระมเหสใี หญ่คือพระนางสามาวดี ซงึ่ เลือ่ มใสในพระตถาคตเจ้ามาก เม่อื พระนางมาคนั ฑยิ ากลนแกล้งพระศาสดาไม่สมประสงค์ กห็ ันมารษิ ยาหาโทษใหพ้ ระนางสามาวดี พระนางกูกกลา่ วหาหลายเร่อื งจนพระเจ้าอเุ ฑนทรงเชอื่ และจะประหารชวี ติ พระนางสามาวดี แต่พระองคท์ รงทราบชอ้ เทจ็ จรงิ ภายหลัง จงึ สั่งประหารชวี ติ พระนางมาคนั ฑยิ าพรอมท่ังบรวิ ารและญาติ ด้วยวิธที ีเ่ รืยกไดว้ ่าทารุณอย่างยี่ง คือพระองค์ใหช้ ุดหลุมฝังพระนางมาคนั ทย็ าและบริวารเพยี งแคค่ อ แล้วให้ไถจนอวัยวะ ขาดเป็นช้ินเล็กช้นิ น้อย พระนางมาคนั ฑิยาจบชวี ิตลงด้วยเรอื่ งท่ีพระนางก่อชน้ิ เอง “ดกู ่อนภราดา! การคิดประทุษรายต่อผ้ไู มป่ ระทุษรา้ ย ผ้บู ริสทุ ธ ยอ่ มเป็นเหมือนการถ่มนํ้าลายรดฟ้า หรอื การปาธุลที วนลม ผูก้ ระทำย่อมได้ รับโทษเอง” “ดูก่อนทา่ นผแู้ สวงมรรคาแห่งอมตะ!” พระอานนทก์ ลา่ วตอ่ ไป “พระผ้มู พี ระภาค เจ้าสำราญพระอริ ิยาบถ ณโกสมั พีตามพระอัธยาศยั พอสมควรแลว้ กเ็ สด็จจาริกไปสูค่ ามนคิ ม ชนบทราชธานนี อ้ ยใหญ่ เพ่อื โปรดเวไนยสัตวผ์ ูพ้ อแนะน่าไดใ้ หด้ ำรงอยู่ในกศุ ลบถ จนกระทง่ั หวน กลบั ไปประทับ ณ กรุงสาวดั ถี ราชธานแี หง่ แคว้นโกศล อันเป็นดินแดนแถบเชงิ เขาหิมาลยั ความ จริงพระพุทธองคป์ ระหับ ณ กรงุ สาวตั ถีเปน็ เวลาหลายปที ่สี ุด คอื ถงึ ๒๕ พรรษา แต่ท่งั น้มี ไิ ดห้ มาย ความว่าประทบั อยู่รวดเดียว๒๕พรรษา พระองคเ์ สดจ็ ไปๆมาๆ แตเ่ มอ่ื คิดรวมแลว้ ได๒้ ๕ปี พอดี คือประหับอยู่ ณ ปุพพารามของนางวิสาขา ๖ ปี และประหบั ณ เซตวนั อารามของท่าน อนาถบณิ ฑิกะ ๑๙ ปี อันว่าพระนครสาวัตลี ราชธานแี หง่ แคว้นโกศลนื้ ตง้ั อยทู่ างเหนอื แห่งแควน้ กาลี มอี าณาเขตไปจนลีงหมฺ าลยั บรรพต มีแคว้นศากยะอยูท่ างทิศเหนอื โกลยิ ะอยทู่ าง ทศิ ตะวนั ออก แคว้นโกศลซ่งึ ม?ี กวตั ลเี ป็นรไชธานนื ้ื เป็นอาณาจักรยงิ่ ใหญค่ ู่แขง่ กบั แควน้ มคธ www.kalyanamitra.org

โกศลมเี มืองสำคัญสามเมอื ง คอื สาวตั ถี อโยธยา ซง่ึ ดั้งอยบู่ นฝงั แมน่ า้ํ สรายุ เป็นเมือง สำคญั มาก่อนสมัยพระพุทธองค์ ตอ่ มาถกรวมเข้ากบั โกศล สว่ นอีกเมืองหนง่ึ คอื สาเกด อยใู่ กลก้ ับ อโยธยา เจรญิ ขน้ึ เวลาเดยี วกับอโยธยาเสอมลง จึงคลา้ ยเปน็ เมอื งแทนอโยธยา สาเกตมคื วามสำคญั สำหรับโกศลมาก เป็นเมอื งบิดาแหง่ นางวิสาขามหาอบุ าสิกา ซง่ึ ขา้ พเจ้าจะขอเลา่ ให้ทา่ นฟังใน ภายหลัง ระหวา่ งสาวตั ถถี ึงสาเกด มรื ถตว่ นเดินทางวันเดียวถงึ รถตว่ นนน้ั คอื รถเทียมม้า ดง้ั สถานี ไว้ ๗ แหง่ พอถงึ สถานีหนงึ่ กเ็ ปลี่ยนมา้ ครง้ั หน่ึง ม้าชดุ หน่งึ วงี่ เป็นระยะทางกว่ากึง่ โยชนเ์ ล็กนอ้ ย แปลวา่ ต้องเปลย่ี นม้าถึง ๗ คร้ัง เรอ่ื งน้เี องทีพ่ ระปณุ ณะมันตานีบตุ ร อาจารยข์ องขา้ พเจา้ เม่ือสนทนา กบั พระสารีบุดรถึงเรื่องวสิ ทุ ธิ ๗ อนั จะนำบุคคลไปสพู่ ระนิพพาน จึงเปรียบวสิ ุทธิ ๗ เหมือนรถ ๗ ผลัดจากสาวัตถึถึงสาเกด คร้งั แรกทพี่ ระตถาคตเจ้าเหยียบพระมงคลบาทลงสส่ าวัตถนี น้ั เปน็ เพราะการ อาราธนาของท่านอนาถปณี ฑิกมหาเศรษฐี ชงเวลาน้นั ยงั มไิ ตม้ เี นมิตตกนามอนั ไพเราะ อยา่ ง,นเลย เรอื่ งเป็นดัง'แ- สมยั หนง เมอ่ื ตรสั รูแ้ ลว้ ไมน่ าน พระดถาคดเจ้าประทบั อยู่ ณ สติ วนั ใกลก้ รงุ ราชคฤห้ พร้อมดว้ ยภิกษสงฆห์ มูใ่ หญ่ ครัง้ นน้ั อนาถปีณฑกิ เศรษฐียังมไิ ตร้ ู้จกั พระพุทธเจา้ ไตเ้ ดนิ ทางไป กรงุ ราชคฤห์เพือเยยี่ มเยียนสหายและเพ่อื กิจการคา้ ด้วย เมอื่ ไปถึง เศรษฐีผสู้ หายต้อนรับพอสมควร แล้ว ก็ขอควั ไปสัง่ งานคนทั้งหลายใหท้ ำนนั่ ทำน่ึจนไม่มีโอกาสได้สนทนากบั อาคันตกุ ะ อนาถ- ปิณฑกิ ะประหลาดใจจงึ ถามวา่ “สหาย! คร้ังก่อนๆเม่อื ข้าพเจ้ามา ท่านกระวีกระวาดต้อนรบ้ อ่ย่างดยี ี่ง สนทนาปราศรยั เป็นที่บันเทงิ จติ ดามฐานะมิตรอนั เป็นที่รกั ท่านละงานอ่ืน ๆไว้ส้นิ มาต้อนรับขา้ พเจ้า แต่คราวนี้ ทา่ นละขา้ พเจ้าแลว้ สง่ั งานยงุ่ อยู่ ท่านมงี านอาวาหววิ าหมงคล หรอื พระเจ้าพมิ พสิ ารจอมเสนา แห่งแคว้นมคธจะเสด็จมาเสวยท่บี ้านของทา่ นในวันพรงุ่ นีห้ รอื อยา่ งไร?” “สหาย” เศรษฐีกรงุ ราชคฤหต์ อบ “อภยั ขา้ พเจา้ ตว้ ยเกดิ ขา้ พเจา้ จะไม่สนใจไยดใี น การมาของทา่ นกห็ ามิไต้ ท่านคงทราบอยู่แกใ่ จแล้วว่า ข้าพเจา้ มืความรักในท่านอย่างไร แตพ่ รุ่งน้ี ข้าพเจ้าอาราธนาพระพทุ ธเจ้าพรอ้ มดว้ ยพระภิกษุสงฆ์จำนวนร้อย เพือ่ เสวยและฉันอาหารท่ีนึ่ เพราะฉะนัน้ ขา้ พเจ้าจึงมัวสง่ั งานยุ่งอย่”ู “สหาย! ท่านกลา่ วว่า พระพทุ ธเจ้าหรอื โอ! พระพุทธเจา้ เกิดขน้ึ แลว้ ในโลกหรอื น!ี่ ” “ใช่ พระพทุ ธเจา้ พระโคดมะพทุ ธะออกบวชจากศากยตระกูล มีข่าวแพร่สะพดไปทุก หนทกุ แห่งวา่ พระองคเ์ ป็นพระอรทนั ต์ เปน็ ผู้ตรสั ร้เู องโดยชอบ สมบรู ณด์ ้วยวชิ ชาและจรณะ คอ มีความรูด้ แี ละความประพฤตดิ ี เสด็จไปทไี่ หนกอ็ ำนวยโชคใหท้ ่ีนัน่ เป็นผู้ฝกื คนทค่ี วร£๒ไต้อยา่ ง ยอดเย่ยี ม เปน็ ผู้รู้จกั โลก เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ท้งั หลาย เป็นผูต้ ื่นจากกเิ ลสนทิ รา รูอ้ รยิ สจั อย่างแจ่มแจง้ และมีพระทยั เบิกบานด้วยพระมหากรณุ าตอ่ มวลลดั ว์ เปน็ ผทู้ ักราคะโทสะ และโมหะพร้อมทัง้ บาปธรรมทัง้ มวลแล้ว เสด็จเที่ยวจารกิ สง่ั สอนเวไนยสัตว์ แสดงธรรมอนั ไพเราะ ทัง้ เบองต้น ทา่ มกลาง และท่ีสดุ ทรงประกาศพรหมจรรย์อนั บรสิ ทุ ธ้บิ รบิ ูรณส์ นิ้ เชิง เต็มบริสุทธ้ิ ทั้งทวั ขอ้ และความหมาย สหาย! ท่านไมท่ ราบการอุบด้ ขิ นึ้ ของพระพทุ ธเจ้าดอกหรือ?” www.kalyanamitra.org

6o ดกู อ่ นภรไดา! คำวา่ พทุ โธ นัน้ เป็นคำท่กี อ่ ความดื่นเตน้ ใหแ้ ก่อนาถปณิ ฑิกเศรษฐี ยง่ิ นกั อุปมาเหมอื นคนเปน็ โรคซง่ึ ทรมานมานานปี เม่อื ทราบวา่ มหื มอสามารถจะบำบัดโรคนัน้ ไต้ จะดใี จสักเพยี งใด ดงั นัน้ อนาถปิณฑกิ ะจงึ กล่าวว่า “สหาย! ค่าอาหารสำหรบั เลยี้ งพระพุทธเจา้ และพระสงฆ์สำหรบ้ พรุง่ น้เื ป็นจำนวน เทา่ี ใด ข้าพเจ้าขอออกใหท้ ้ังหมด” “อยา่ เลย สหาย!” เศรษฐกี รงราชคฤห์ดอบ “อยา่ วา่ แต่ท่านจะจา่ ยค่าอาหารเลย แม้ ท่านจะมอบสมบํตในกรงุ ราชคฤหท็ ง้ั หมดให้แก่ขา้ พเจา้ ขา้ พเจา้ ก็หายอมให้ท่านเปน็ เจา้ ภาพสำหรบั . เล้ยี งพระพทุ ธเจา้ ไม่ กวา่ ข้าพเจ้าจะจองไตก้ ็เป็นเวลานานเหลือเกิน ขา้ พเจ้าคอยโอกาสนี้มานาน นกั หนาแล้ว สมบต้ บรมจักรขา้ พเจ้ายงั ปรารถนาน้อยกว่าการไตเ้ ลี้ยงถวายพระพทุ ธเจา้ ๗ วันนี้ เปน็ วันของข้าพเจา้ ข้าพเจ้าจะไมย่ อมใหใ้ ครเปน็ อนั ขาค” เมืออนาถปณิ ฑกิ ะวิงวอนวา่ ขอออก คา่ ใขจ้ ่ายสกั ครึง่ หน่ึง เศรษฐีกรุงราชคฤห้ก็หายอมไม่ ดูกอ่ นภราดา! พระบรมศาสดาของเราทง้ั หลายนน้ั ทรงมปื พุ เพกดปุญญดาอย่างล้น เหลอื กุศลธรรมทัง้ มวลท่พี ระองค์ทรงบำเพญ็ กระทำมาดลอดเวลาทที่ ่องเท่ียวอยู่ในสงั สารวฏั มา รวมกนั ใหผ้ ลในปัจฉมิ ภพของพระองคน์ ้ี ประดจสายธารซ่ึงยังเออ่ อยใู่ นทำนบและบังเอิญทำนบ พังทลายลง อธุ กธารากไ็ หลหลากท่วมท้น ดงั น้นั ไมว่ า่ พระองคจ์ ะเสดจ็ ไป ณ ท่ีใด พระราชา เสนาบดี พ่อคา้ ประชาชน จงึ ตอ้ งการถวายปจั จยั แก่พระองค์จนถงึ กับต้องแย่งตอ้ งจองกันล่วงหน้า เปน็ เวลานาน ๆ อนาถปณี ฑิกเศรษฐี เป็นผูอ้ นั กศุ ลธรรมแตป่ างบรรพด์ กั เดือนแล้ว เม่อื ไตย้ นิ คำ ทเุ ทใธ เท่านนั้ ปดี กิ ซ็ าบซา่ นไปท่วั สรรพางค์ ปรารถนาเหลือเกินที่จะไตเ้ ข้าเฝาื พระสมั มาสมั พุทธเจ้าใน เวลานน้ั แต่บงั เอิญเป็นเวลาคา ประตเู มอื งปดิ เสียแล้ว จติ ใจของเขาจงึ กังวลถงึ แตเ่ รอื่ งทีจ่ ะเฝืาพระ- บรมศาสดา ไมอ่ าจหสับลงไต้อย่างปกติ เขาลุกข้นึ ถึง ๓ ครั้งด้วยสำคัญวา่ สวา่ งแลว้ แตพ่ อเดิน ออกไปภายนอกเรือน ความมืดยงั ปรากฏปกคลุมอยูท่ ั่วไป ครานั้น ความสะดุ้งหวาดเสียวและ ความกลัวกเ็ กิดขึน้ แก่เขา เขากสับมานอนรำพงึ ถึงพระศาสดาอยู่ต้วยความกระวนกระวายใจ ในท่สี ุดเวลาก็มาถงึ ทอ้ งฟา้ เริ่มสาง เสียงไกข่ นั รับอรณุ แวว่ มาดามสายลม เศรษฐีเดิน ออกจากตัวเรือนมุ่งสูป่ ระดเู มอื ง ประตยู ังไมเ่ ปิด อนาถปณี ฑกิ ะตอ้ งขอรอ้ งวิงวอนคนเฝืาประตูเสีย นานเขาจึงยอมเปิดให้ เมอื ออกจากประตเู มืองแลว้ ทางทจี่ ะไปสู่บำสีตวันก็เป็นทางเปล่ียว การ สญั จรยังไม่มี การเดนิ ออกจากเมืองเขา้ ไปในปา่ นนั้ เป็นการยากมากสำหรบั คนขลาด เศรษฐเี กอื บ จะหมดความพยายาม มีหลายครั้งทเี่ ขาจะถอยกลบั เข้าสู่เมอื ง แตพ่ อเขาหยดุ ยืนนั้นเอง เสยี งก็ ปรากฏข้นึ เหมือนแวว่ มาจากอากาศวา่ เศรษฐ!ี มา้ ตง้ั รอ้ ย ชา้ งตง้ั รอ้ ย โค แพะ แกะ เปด็ ไก่ อยา่ ง ละรอ้ ย ๆ ถา้ ทา่ นไดเ้ พราะถอยกลบั เพยี งกา้ วเดยี ว กจ็ ะไมป่ ระเสรฐิ เหมอื นกา้ วไปชา้ งหนา้ เพยี ง กา้ วเดยี ว จงกา้ วตอ่ ไปเถดิ เศรษฐ!ี การกา้ วไปชา้ งหนา้ ของทา่ น จะเปน็ ประโยชนแ์ กท่ า่ นและแก่ โลกมาก เศรษฐมี งุ่ หน้าเขา้ สปู่ ่าสดี วัน อนั เป็นทีป่ ระกบั แห่งพระศาสดา เวลานนั้ พระพทุ ธองค์ ดน่ื บรรทมแลว้ ทรงแผข่ า่ ยพระญาณ พิจารณาตสู ัตวโ์ ลกท่พี ระองค์ควรจะโปรด เหน็ อปุ นสิ ัยของ อนาถปิณฑกิ เศรษฐีวา่ เป็นผู้ควรแกก่ ารบรรลุธรรม จึงทรงจงกรม คอื ดำเนินกลบั ไปกลับมาอยู่ ณ บรเิ วณทปี่ ระกบั เมอ่ื เศรษฐีเข้ามาใกล้ พระพทุ ธองค์จงึ ตรัสว่า www.kalyanamitra.org

“เขา้ มาเถดิ สทุ ดั ดะ! ดถาคดอยนู่ ,่ี , ดกู ่อนภราดา! พระดำรัสตรัสเรียกเศรษฐีโดยชือ่ ว่า สทุ ดั ตะ โดยถูกต้องนนั้ นำความ ปราโมชมาให้เศรษฐ.ี อย่างเหลอื ล้น เขาไมเ่ คยรู้จักพระศาสดา และพระศาสดาก็ไมเ่ คยทรงรจู้ ักเขา แด่พระองค์สามารถเรียกชอื่ เขาไต้ เศรษฐีหรือจะไม่ปลื้มใจ เขาซบหนา้ ลงแทบบาทมลู แห่งพระ ดทาคดเจ้า แล้วกราบทลู วา่ “ข้าแด่พระศากยมุนี! เป็นโชคดีของขา้ พระพทุ ธเจา้ ยง่ิ แล้วท่ไี ตม้ าเฝาื พระองคส์ ม ปรารถนา ขา้ พระองคร์ อคอยจนพระองค์เสด็จเข้าไปในเมืองเพอ๋ื เสวยภตั ดาหารไม่ไหว จึงออกมา เฝืาแด่เข้ามดื พระองค์ผ้เู จรญิ ! เมือ่ คนื นี้ ราตรีชา่ งยาวนานเสยี เหลือเกิน ปรากฏแกข่ า้ พระพุทธเจา้ เหมอื นหน่งึ เดอื น เป็นเวลานานเหลอื เกิน ทส่ี ตั ว์โลกจะไตส้ ดบั คำว่า ‘พฑุ โธ พทุ โธ’ “ดูก่อนสุทัตตะ! ผูต้ นอยู่มไิ ต้หลบั ยอ่ มเสกว่าราตรหี นึ่งยาวนาน ผู้ท่เี ดนิ ทาง จนเมอยลา้ แล้ว เสืกวา่ โยชน์หนงึ่ เปน็ หนทางท่ยี ืดยาว แต่สังสารวฏั คอื การเวยี นเกิดเวียน ตายของสัตว์ผู้ไม่เพระสัทธรรมยงั ยาวนานกวา่ นั้น ดกู ่อนสทุ ดั ตะ! สงั สารวฏั นี้หาเบอ้ื งต้นเบ้อื งปลายไตโ้ ดยยาก สตั วผ์ ู้พอใจในการเกิดย่อม เกิดบ่อย ๆ และการเกิดบอ่ ย ๆ น้นั ตถาคตกล่าววา่ เป็นความทกุ ข์ เพราะส่ึงทีต่ ิดตามความเกิดมา ก็คอื ความแกช่ รา ความเจ็บปวดทรมานและความดาย ความตอ้ งพลัดพรากจากส่ีงอันเปน็ ทีร่ ัก ความ ตอ้ งประสบกบั สง่ิ อนั ไม่เปน็ ท่ีรกั ความแหง้ ใจ ความคราี ครวญ ความทกุ ขก์ ายทกุ ข์ใจ และความ ดับแค้นใจ อุปมาเหมอื นเห็ดซงึ่ โผล่ขึน้ จากดินและนำดินติดขึน้ มาดว้ ย หรอื อปุ มาเหมือนโคซง่ึ เทยี ม เกวียนแลว้ จะเดินไปไหนก็มเื กวยี นติดดามไปทกุ หนทุกแห่ง สัตวโ์ ลกเกิดมาก็นำทุกข์ประจำสงั ขาร ตดิ มาด้วย ดราบใดที่เขาองั ไม่สสดั ความพอใจในสังขารออก ความทุกข์ก็ยอ่ มตดิ ดามไปเสมอ ‘ เหมือน โคท่ีองั มแื อกเกวยี นครอบคออยู่ ลอ้ เกวยี นย่อมติดตามไปทกุ ป็กา้ ว ดูก่อนสุทดั ตะ! เมื่อรากองั มั่นคงแมต้ น้ ไมจ้ ะถูกดัดแลว้ มันกส็ ามารถข้ึนไตอ้ ีก ฉันเดียวกนั เมอ่ื บุคคลองั ไม่ถอนตัณหานุสัยข้นึ เสียจากดวงจิต ความทกุ ข์ก็เกิดขนึ้ ไตบ้ ่อย ๆ ‘‘สทุ ดั ตะเอย! นัา้ ดาของสัดวผ์ ู้ต้องร้องไห้เพราะความทุกขโ์ ทมนัสทบั ถม ในขณะทท่ี อ่ งเท่ยี ว อยูใ่ นวัฏสงสารน้ีมจื ำนวนมากเหลอื คณา สดุ ท่จี ะกลา่ วไตว้ ่ามืประมาณเท่าน้ันเทา่ นี้ กระดูกทเ่ี ขา ทอดทงิ้ ลงทบั ถมปฐพีดลเล่า ถ้านำมากองรวม ๆ กนั มใื ห้กระจดั กระจาย คงจะสงู เท่าภเู ขา บน พ้ืนแผ่นตินนีไ้ ม่มืช่องว่างเลยแมแ้ ด่สักนิดเดยี วท่ีสตั วไ์ ม,เคยดาย ปฐพีน้ีเกลอ่ื นกลน่ ไปดว้ ยกระดกู แห่งสัตว์ผ้ดู ายแล้วดายเลา่ เป็นท่ีนา่ สังเวชสลดจิดยง่ิ นกั ทุกย่างก้าวของมนษุ ย์และสตั วเ์ หยยี บย่าิ ไป บนกองกระดกู เขานอนบนกองกระดูก นั่งบนกองกระดกู สนุกสนานเพลิดเพลนิ อยู่บนกองกระดูก ท้ังส้นิ ดกู อ่ นสทุ ดั ดะ! ไมว่ า่ ภพไหน ๆ ลว้ นแตมลี กั ษณะเหมอื นกองเพลงิ ทง้ั สน้ิ สตั วท์ ง้ั หลาย สน้ิ รนอยใู่ นกองเพลงิ คอื ทกุ ข์ เหมอื นเดา่ ลนั เขาโยนลงไปแลว้ ในกองไฟใหญฉ่ ะนน้ั ,, www.kalyanamitra.org

สุทตั ตะผู้สรา้ งอารามเซตวัน พระศาสดาทรงเทศนาอริยสัจแตโ่ ดยยอ่ แก่ทา่ นสุทตั ตะ จนเศรษฐไี ท้ดวงตา เห็นธรรม เป็นผ้มู ศี รทั ธาไม่หวั่นไหวในพระรตั นตรัย แลว้ ทรงยํ้าในตอนสดุ ทา้ ยว่า “ดูก่อนสทุ ัตตะ! การไท้อตั ภาพมาเปน็ มนษุ ย์เป็นของยาก การดำรงชพี อยแู่ ห่ง สัตวท์ ั้งหลายเป็นของยาก การไท้ฟง้ ธรรมของสตั บรุ ษุ เป็นของยาก และการอบุ ัติขึ้นแหง่ พระพทุ ธเจ้าทงั้ หลายกเ็ ปน็ ของยาก ดกู ่อนสทุ ตั ตะ! เพราะเหตุนนั้ การแสดงธรรมของ สตั บุรษุ กต็ าม การเกิดขน้ึ แห่งพระพุทธเจา้ ก็ตาม ลว้ นเป็นเหตุนำความสุขความสงบมา สูโ่ ลก” “ดกู อ่ นผสู้ บื อรยิ วงศ”์ พระอานนทก์ ลา่ วตอ่ ไป “พระธรรมเทศนาของพระศาสดานน้ั ไพเราะจบั ใจและแจมแ่ จง้ ยง่ี นกั เพราะเหตนุ ้ี เมอ่ื พระองคแ์ สดงจบลงจงึ มกั มผี ซู้ มเชยเสมอวา่ แจม่ แจง้ จรงิ พระเจา้ ขา้ เหมอื นหงายของทค่ี วา เปดี ของทป่ี ด็ บอกทางแกค่ นหลงทาง สอ่ งประทปี ในทม่ี ดื เพอ่ื ใหผ้ มู้ ตื าดไี ดม้ องเหนรปู ดงั น”้ี อนาถปณิ ฑกิ เศรษฐี หรอื อกี นยั หนง่ึ คอื สทุ ดั ดะคฤหบดี ซง่ึ บดั นไ้ี ดเั ปน็ โสดาบนั แลว้ ดว้ ยการฟงั พระธรรมเทศนาครง้ั เดยี ว ทลู อาราธนาพระตถาคดเจา้ เพอ่ื เสดจ็ สกู่ รงุ สาวดั ถี ราชธานี แหง่ โกศลรัฐ เมอ่ื พระพทุ ธองคท์ รงรบิ แลว้ เศรษฐจี งึ มงุ่ หนา้ กลบั สนู่ ครดนลว่ งหนา้ ไปกอ่ น ดามรายทาง เศรษฐใี หค้ นสรา้ งทพ่ี กั ไวเ้ ปน็ แหง่ ๆ และปา่ วประกาศไหป้ ระชาชนสรา้ งทพ่ี กั เพอ่ื พระสงฆส์ าวก ดามเสน้ ทางทพ่ี ระศาสดาจะเสดจ็ ไป www.kalyanamitra.org

Sen www.kalyanamitra.org

เมอื่ ถงึ สาวตั ถแี ล้ว อนาถปณิ ฑกิ ะกม็ องหาสถานท่ีทจ่ี ะสร้างอารามถวายพระศาสดา และภกิ ษสุ งฆ์ เหน็ ที่อยแู่ ห่งหน่ึงเปน็ สวนของเจา้ ชายในราชตระกลู ผูท้ รงพระนามว่า เซตะ ได้ ลักษณะควรเป็นอารามสำหรบั พทุ ธนวิ าส คอึ อยไู่ มใ่ กลไ้ มไ่ กลจากหมบู า้ น มที างเขา้ ออกไดส้ ะดวก ไมอ่ กึ ทกึ ในเวลากลางวนั และเงยี บสงดั ในเวลากลางคนื เหมาะสำหวบั เปน็ ทส่ี ำราญพระอริ ยิ าบถ ของพระดถาคดเจา้ และเปน็ ทด่ี รกึ ดรองธรรมอนลกึ ซง้ึ สำหรบิ ภกิ ษสุ งฆ์ อนาถปณิ ฑิกะได้เข้าเผาิ เจา้ ชายเซตะ ขอซ้อื สวนสร้างอารามเบ้อื งแรกเจ้าชายทรงปฏิเสธ แตเ่ มอื่ เศรษฐีขอร้องวิงวอนหนกั เข้ากท็ รงยอม แตท่ รงโกง่ ราคาแพงเหลอื หลาย ถึงกบั ว่าล้าจะซอื้ ใหไ็ ด้กด็ ้องให้ราคาเทา่ กบั เอาทองไปปลู งใหเ้ ตม็ สวนนั้น ทงั้ นี้ เพราะพระองคท์ รงดำรวิ ่า ลา้ ราคาแพง เกนิ ไป เศรษฐคี งไมซ่ ้ือ แตพ่ ระองคท์ รงเข้าพระกัยผิดไป เศรษฐยี อมตกลงซ้ือ เม่ือตกลงแลว้ ก็วดั เนอื้ ทชี่ ำระเงินเปน็ ตอน ๆไป เหลอื เน้อื ท่ีอยอู่ กี นดิ หน่อย ซงึ่ เศรษฐกี ำหนดไวว้ า่ จะทำซ้มุ ประตตู รงน้นั พอดเี งินหมด เศรษฐีกำลังจะไปยมเพอ่ื นทสี่ นทิ ไวใ้ จกันคนหน่งึ มา เจ้าซายเชตะทรงเหน็ ใจและสงสาร เศรษฐี จงึ ทรงยกเนือ้ ท่ตี รงน้นั ให้ เมือ่ สรา้ งอารามเสร็จแลว้ ก็ถึงเวลาทำซุ้มประตู เศรษฐดี ำรวิ า่ เจ้าชาย เซดะมีคนเคารพนับถือมากในพระนครสาวัดถี ลา้ มีชึอ่ เจา้ ชายอยดู่ ้วยจะเปน็ ประโยชนม์ าก จงึ ให้ ยกปา้ ยซืน้ ว่า “เซตวัน,, แตค่ นท้ังหลายมักจะต่อทายวา่ “อารามของอนาถปณี ฑิกเศรษฐ”ี ด้วย ประการฉะน้ี ลนั วา่ เซตวันนเ้ี ปน็ อารามที่สวยงามทีส่ ุดและใหมท่ สี่ ุด อนาถปณิ ฑิกะใหส้ ร้างกุฏวิ ิหาร ห้องประชมุ หอ้ งเก็บของ ขุดสระใหญ่ ปลูกบวั ขาว บวั ขาบ บวั หลวง บวั เขยี ว บานสะพร่งั ชูตอกไสว ปลูกมะมว่ ง เพิ่มเดิมจากท่ีมอี ยู่เดมิ แล้ว ยังพนั ธุไมห้ ลายหลากเปน็ ทิวแถวท่ที ำเปน็ ซุม้ เป็นพ่มุ กม็ ี สะอาด สวยงาม และรม่ รนื่ ดน้ ไม้ส่วนมากมีผลลนั จะเปน็ ประโยชนแ์ กภ่ กิ ษสุ ามเณร รวมความว่า เซตวันเปน็ อารามท่นี า่ อยูน่ า่ อาลัย มีลปั ปายธรรมพร้อมทั้ง ๔ ประการคือ ๑. เสนาสนสปั ปายะ ท่ีอยู่อาลยั สบาย ๒. ปคุ คลแป.ปายะ มีมิตรสหายดี มีผูเ้ อาใจใส่พอสมควร ๓. อาหารสปํ ปายะ มขี า้ วปลาอาหารบริบรู ณ์ ๔. ธมมสปํ ปายะ มธี รรมเปน็ ท่สี บาย ข้อนหี้ มายความวา่ ธรรมท่จี ะปฏิบ้ตเิ พื่อบรรลคุ ณุ เบ้อื งสงู เหมาะแกจ่ รติ อธั ยาศยั และมเี ร่ืองราวด่าง ๆโนม้ นอ้ มใจไปเพอ่ื ละบาปอกุศลทเี่ กิดข้นึ แล้ว เพ่ือพยายามมใิ ห้อกศุ ลท่ยี งั ไมเ่ กิดได้เกิดข้นึ เพ่อื ทำกศุ ลทย่ี ังไม่เกิดใหเ้ กิดมี และเพอ่ื รักษากุศลที่ เกดิ แล้วให้คงอยแู่ ละเจริญย่งิ ๆ ขึน้ ไป ตูก่อนอาลันคุกะ! กลา่ วเฉพาะอยา่ งย่ิงประการที่ ๒ คอื ปคุ คลสปั ปายะ นั้น ท่าน อนาถปิณฑิกะ นอกจากจะถวายอารามแล้ว ยงั บำรุงภิกษสุ งฆด์ ว้ ยปัจจัยอนื ๆ อีก เซน่ จวี ร อาหาร และยารักษาโรค ท่านจะไปเผิาพระศาสดาท้ังเขา้ และเยน็ เมอ่ื ไปดอนเขา้ กจ็ ะนา่ อาหาร เปน็ ด้นวา่ ยาคูและกตั ค์ เมือ่ ไปในเวลาเยน็ ก็จะนา่ ปานะชนิดตา่ งๆไป เป็นดน้ ว่า นา้ั ผงและ'นาอ้อย ทา่ นไม่เคย ไปมอื เปลา่ เลย ด้วยละอายแก'ภิกษหุ นุม่ และสามเณรจะดมู อื เมอื่ ไปเผาิ ก็ไมเ่ คยทูลถามปัญหาพระศาสดา เลย เพราะท่านคิดว่า พระผมู้ ีพระภาคเจา้ เคยเป็นกษัตริย์สขุ มุ าลชาติ และบดั นี้เปน็ พระพทุ ธเจ้า สุขมุ าล ล้าจะถามปญั หาพระองคก์ จ็ ะทรงดำริวา่ เศรษฐเี ปน็ ผมู้ ีอุปการะมากต่อเรา แล้วจะทรงแล้ ปญั หาด้วยความเกรงพระทัย จะทำให้พระองคท์ รงลำบาก www.kalyanamitra.org

“ดกู อ่ นอาคนั ตกุ ะ! พระศาสดาทรงทราบอธั ยาศยั คนั นข้ี องเศรษฐแี ลว้ ทรงดำรวิ า่ เศรษฐี นเ้ี กรงใจเราในฐานะทไ่ี มค่ วรจะเกรง กเ็ ราบำเพญ็ บารมมี าเปน็ เวลายดื ยาวนาน เคยควกั ลกู นยั นด์ า เคยคดั ศรี ษะอนั ประคบั ประดาแลว้ ดว้ ยมงกฎ และเคยสละอวยั วะอน่ื ๆ ดลอดถงึ ชวี ติ ใหเ้ ปน็ ทาน บารมี ๑๐ เราบำเพญ็ มาแลว้ อยา่ งเขม้ งวดและบรบิ รู ณ์ กด็ ว้ ยจดุ ประสงคท์ จ่ี ะขนสดั วใ์ นลงั สารสาคร ขน้ึ สทู่ อ่ี นั เกษม คอื พระนพิ พาน ทรงดำรเิ ชน่ นแ้ี ลว้ กท็ รงแสดงธรรมแก,เศรษฐพี อสมควรทกุ ครง้ั ทเ่ี ขาไปเฝาื \"ดกู อ่ นพงศพ์ นั ธแุ หง่ อารยะ! นอกจากทา่ นอนาถปณิ ฑกิ ะแลว้ ยงั มคี นอน่ื ๆ อกี มากมาย ทเ่ี คารพเลอ่ื มใสในพระศาสดาและภกิ ษสุ งฆ์ ทา่ นเหลา่ นน้ั ลว้ นเปน็ กำลงั สำคญั แหง่ พระพทุ ธศาสนา ชว่ ยบำรงุ รกั ษา และการเผยแผค่ ำสอนของพระดถาคดเจา้ เปน็ ดน้ วา่ นางวสิ าขามหาอบุ าสกิ า นางสปปวาสา นางสปุ ปยิ า ดลอดไปถึงพระราชาธบิ ดปี เสนฑโิ กคล และพระนางมลั ลกิ าอคั รราชเทว”ิ “ขา้ แตฟ่ านผทู้ รงพรตอนั ประเสรฐิ !\" พระอมั โพชะกลา่ วขน้ึ “ขา้ พเจา้ เคยไดย้ นิ ชอ่ื เสยี ง ของทา่ นเหลา่ นบ้ี า้ งเปน็ บางทา่ น แตไ่ มท่ ราบรายละเอยี ด ถา้ ทา่ นจะกรณุ าอนเุ คราะหเ์ ลา่ แกข่ า้ พเจา้ บา้ ง กจ็ ะเปน็ ประโยชนอ์ ยา่ งยง่ี \" www.kalyanamitra.org

6b ๑ Clโ) ----------------------------- ------------------------------------------------------------------- -ฌ-ญ--จ-ก-ัล-*ย<ญาณgีนpา*ม-ว--ิส-า-ข-า “ดูกอ่ นภทดา! สำหรับท่านแรกคือ นางวิสาขามหาอุบาสกิ าน้ัน มเี รองกอ่ นข้าง จะมากอยู่ เป็นสตรที ีม่ คี วามสำคัญอย่างยง่ิ ในพุทธจักร เปน็ ผู้มบี ญู แุ ละรูปงาม สมบูรณ์ (รวยลักษณะเบญจคัลยาณี ๕ประการคือ ผมงาม หมายถึงผมชงยาวสลวยลงมาแล้วมี ปลายข้อนฃน้ึ เองโดยธรรมชาติ ฟ้นงาม หมายถงึ ฟน้ ขาวสะอาดเปน็ ระเบยี บเรียงรายประดุจ ไข่มุกที่นายชา่ งจัดเข้าระเบียบแล้ว รมิ ?เปากงาม หมายถึงรมิ ?เปากบาง โค้งเปน็ รูปกระจบั สีชมพเู รอื้ คล้ายผลตำถงึ สุก เปน็ เองโดยธรรมชาติ มใิ ช่เพทะตกแต่งแตม้ ทา ผิวงาม หมายถงึ ผวิ ขาวละเอยี ดออ่ นเหมอื นสดี อกกรรณิการ์ ลกั ษณะน้มี ี ๒อยา่ ง คือ ลา้ ผิวตำก็ดำอยา่ ง ดอกอบุ ลเขยี ว อมเถอึ ดอมฝาด เปลง่ ปลงั่ คล้ายสีนั้าผ้งึ ชงนำมาจากรังผ้งื ใหม่ๆ วยั งาม หมายถึงเปน็ คนงามตามวยั งามทกุ วัย เมออยใู่ นวัยเตก้ ก็งามอยา่ งเด็ก เมออยใู่ นวยั สาว ก็งามอย่างหญงิ สาว เมออยใู่ นวัยชราก็งามอย่างคนชรา นางวสิ าขามใิ ชช่ าวสาวดั ถโี ดยกำเนดิ แดเ่ ปน็ ชาวสาเกด ดน้ ตระกลู ดง้ั เดมิ ของนางอยู่ กรงุ ราชคฤห้ สมยั เมอ่ื พระเจา้ ปเสนทโิ กศลเสดจ็ ไปขอเศรษฐจี ากกรงุ ราชคฤหน็ น้ั จอมเสนาบดี แหงแควน้ มคธไดม้ อบธนญั ชยั เศรษฐบี ดิ าวสิ าขาใหม้ า เมอ่ื เดนิ ทางมาถงึ เขดกรงุ สาวดั ถี ธนญั ชุ ยั เหน็ สถานทแ่ี หง่ หนง่ึ มที ำเลดเี หมาะทจ่ี ะสรา้ งเมอื งได้ จงึ ทลู ขอพระเจา้ กรงุ สาวดั ถเี พอ่ื สรา้ งทพ่ี กั ดรงนน้ั พระเจา้ ปเสนฑทิ รงอนญุ าต ตอ่ มาจงึ สรา้ งเปน็ เมอื งใหซ้ อ่ื วา่ “สาเกต,’ เพราะนมิ ติ ทม่ี าถงึ ทต่ี รงนน้ั เมอ่ื ตะวนั รอน www.kalyanamitra.org

g<r) www.kalyanamitra.org

วสิ าขาเจรญิ เตบิ โดชน่ื ทก่ี รงุ สาเกดนน้ั เอง เจรญิ วยั ชน่ื ดว้ ยความงาม งามอยา่ งจะหา หญงิ ใดเสมอเหมอื นไดย้ าก แดเ่ ปน็ ผไู้ มห่ ยง่ิ ทะนงในความงาม มคี วามออ่ นนอ้ มถอ่ มตนเปน็ นสิ ยั มี กริ ยิ าวาจาสภุ าพเรยี บรอ้ ย สมเปน็ กลุ สตรที ไ่ี ดร้ บิ การอบรมดี จนกระทง่ั มอี ายพุ อสมควรจะแตง่ งาน แลว้ บดิ าแหง่ ปณุ ณวฒั นกมุ ารในกรงุ สาวตั ถจื งึ สง่ ทตู ไปขอนางเพอ่ื บตุ รของตน การแตง่ งานของนางวสิ าขาเปน็ เรอ่ื งมโหฬารยง่ิ ธนญั ชยั เศรษฐใี หน้ ายชา่ งทำเครอ่ื ง ประดบั มหาลดาประสาธนเ์ ปน็ ชดุ ววิ าหแ์ หง่ ธดิ า เครอ่ื งประดบั นแ้ี พรวพราวไปดว้ ยเพชรนลิ จนิ ดา มากหลาย ไมม่ ผี า้ ดา้ ยผา้ ไหมหรอผา้ ใด ๆ เจอื ปนเลย ท่ี ๆ ควรจะใชผ้ า้ เขากจ็ ะใชแ้ ผน่ เงนิ แทน ใน เครอ่ื งประดบั นด้ี อ้ งใชเ้ พชร ๔ ทะนาน แกว็ มกดา ๑๑ ทะนาน แกว้ ประพาฬ ๒๐ ทะนาน แกว้ มณี ๓๓ ทะนาน ลกู ดมุ ทำดว้ ยทอง หว่ งทำดว้ ยเงนิ เครอ่ื งประดบั นค้ี ลมุ ตง้ั แตศ่ รี ษะจรดหลงั เทา้ บนศรี ษะ ทำเปน็ รปู นกยงู รำแพน ขนปกึ ทง่ั สองชา้ งทำดว้ ยทองชา้ งละ ๕๐๐ ขน จะงอยปากทำดว้ ยแกว้ ประพาฬ นยั นด์ าทำดว้ ยแกว้ มณี กา้ นขนและขาทำดว้ ยเงนิ นกยงู นน้ั ประดษิ ฐอ์ ยเู่ หนอื เศยี รเหมอื น นกยงู รำแพนอยบู่ นยอดเขา เครอ่ื งประดบั นม้ี คี า่ ๙๐ ลา้ นกหาปณะ คา่ จา้ งทำหนง่ึ แสนกหาปณะ และทำอยถู่ งึ ๔ เดอื น โดยนายชา่ งจำนวนรอ้ ยจงึ สำเรจ็ ลง คนื สดุ ทา้ ยทว่ี สิ าขาจะจากไปสตู่ ระกลู สามนี น้ั เอง ธนญั ชยั เศรษฐผี บู้ ดิ าไดใ้ หโ้ อวาทแก่ นางเปน็ ทป่ี ระทบั ใจ และเปน็ ประโยชนใ์ นการครองเรอื นยง่ิ นกั โอวาทนน้ั มี ๑๐ ขอ้ ดงั น้ี วสิ าขา! เมอ่ื ลกู ไปสตู่ ระกลู สามี ชอ่ื วา่ อยไู่ กลหไู กลดาพอ่ ลกู จงจำโอวาทของพอ่ ไวเ้ พอ่ื เปน็ ดวั แทนของพอ่ เปน็ เกราะบอิ งกนั ภยนั ตรายสำหรบั ลกู ๑. จงอยา่ นำไฟในออก I®. จงอย่านำไฟนอกเขา A <il<i J) a I A a I Art JftA ๔* จงอย่าใหแ้ กค่ ุนพ่ไื ม่ให้ ๕. จงใหแ้ ก,คนท่ที ่ังให้และไม่ให้ ๖. จงนงั่ ใหเ้ ปน็ ๗. จงนอนใหเ้ ปน็ ๘. จงบรโิ ภคใหเ้ ป็น ส. จงบชู าเทวดา ๑0. จงบชู าไฟ นางวสิ าขาเขา้ สพู่ ธิ อี าวาหะววิ าหมงคลดว้ ยเกยี รตอิ นั ยง่ิ ใหญ่ การดอ้ นรบิ ทางกรงุ สาวดั ถี นน้ั มโหฬารเหลอื คณนา แตบ่ งั เอญิ ตระกลู ของปณุ ณวฒั นกมุ ารนน้ั มไิ ดน้ บั ถอื พระพทุ ธศาสนา แต่ นบั ถอื ศาสนาของนคิ รนถน์ าฏบตุ รหรอื ศาสนาเชน มกจะเชอ่ื เชญิ นกั บวชผไู้ มน่ งุ่ หม่ อะไรมาเลย้ี ง กดั ตาหารเสมอ นางวสิ าขามคี วามละอายเปน็ ลน้ พน้ จนโ่ มส่ ามารถออกมากราบไหวแ้ ละเลย้ี งสมณะ ทม่ี คิ ารเศรษฐบี ดิ าแหง่ สามเี ลอ่ื มใสได้ จงึ เปน็ ทต่ี ำหนขิ องมคิ ารเศรษฐี นางวสิ าขาเลอ่ื มใสพระรตั นดรยั ตง้ั แตส่ มยั อยเู่ มอื งราชคฤหแ์ ลว้ เรอ่ื งนเ้ี ปน็ ขอ้ ยงุ่ ยากในครอบครวั ประการเดยี วทย่ี งั แกไ้ มต่ ก www.kalyanamitra.org


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook