ประวตั คิ วามเป็นมาของธงชาตไิ ทย กําเนดิ ธงสยาม ๑. ประวัติศาสตร์การใช้ธงเป็นสญั ลักษณข์ องประเทศตา่ ง ๆ สืบเน่อื งจากการจัดทพั ไปทํา สงครามจะใช้ธงสีต่าง ๆ ประจําทัพเป็นเครื่องหมายทัพละสี ต่อมาเม่ือมีการเดินเรือค้าขายกับต่างประเทศทาง ตะวนั ตกในสมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยาได้ใชธ้ งสีแดงตดิ เปน็ เคร่ืองหมายว่าเป็นเรือบรรทุกสินค้าของชาติสยาม จดหมายเหตุ ของชาวต่างประเทศกล่าวว่า ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แห่งกรุงศรีอยุธยา (พ.ศ.๒๑๙๙ - พ.ศ. ๒๒๓๑ ) มีเรือฝรั่งเศสแล่นเข้ามาสู่ปากนํ้าเจ้าพระยาเพ่ือเจริญสัมพันธไมตรีและทําการค้า ตามประเพณีของชาว ยุโรปเรือรบจะต้องมีการยิงสลุต เมื่อถึงป้อมวิไชยเยนทร์ของชาติสยาม สยามจึงชักธงชาติฮอลันดาข้ึนรับเรือ ฝรั่งเศส เน่ืองจากในเวลาน้ันยังไม่มีธงชาติของตนเอง ทําให้เรือฝรั่งเศสไม่ยอมสลุตรับธงชาติฮอลันดาเพราะเคย เป็นอริกันมาก่อน และถือว่าไม่ใช่ธงของชาติสยาม ประเทศไทยหรือชาติสยามในเวลานั้นจึงแก้ไขโดยนําธงแดงข้ึน ชกั แทนธงชาตฮิ อลนั ดาเรอื ฝรั่งเศสจึงยอมสลุตคาํ นบั นับตัง้ แตน่ ัน้ มาธงแดงจงึ กลายเป็นธงของชาตสิ ยามเร่อื ยมา ธงพื้นแดงตลอด (อดีต – ๒๓๒๕) ๒. คร้ันถึงสมัยกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์ ก็ยังใช้ธงสีแดงเกลี้ยงชักเป็นเคร่ืองหมายประจํา เรือค้าขายกับต่างประเทศอยู่ ธงแดงน้ีใช้ชักข้ึนทั้งในเรือหลวงและเรือราษฎร ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอด ฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลท่ี ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ทรงพระราชดําริว่า เรือหลวงกับเรือราษฎรควรมี เครื่องหมายให้เห็นแตกต่างกัน จึงมีพระบรมราชโองการให้นํารูปจักรสีขาวอันเป็นเคร่ืองหมายแห่งพระบรมราช จกั รีวงศ์ตดิ ไวก้ ลางธงแดงใช้สําหรับปกั เรือหลวง ส่วนเรือค้าขายของราษฎรทว่ั ไปยังคงใชธ้ งแดงเกล้ยี งกนั อยู่ ธงพืน้ แดงมีรปู วงจกั รสขี าวตรงกลาง (๒๓๒๕ – ๒๓๕๒)
๒ ๓. ในสมัยรัชกาลพระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลิศหลา้ นภาลยั รชั กาลท่ี ๒ แห่งกรงุ รตั นโกสินทร์ ไดช้ า้ งเผอื กสามเชือก ซ่งึ ตามประเพณีไทยถอื วา่ เป็นเกยี รติยศอยา่ งย่งิ จึงมีพระบรมราชโองการให้เพิ่มรูปช้างเผือก ในรปู วงจกั รสขี าวกลางธงสีแดงสําหรับเรือหลวง โดยธงเรือสนิ คา้ ของราษฎรยังคงใชธ้ งแดง ธงพ้ืนแดง มีรปู วงจกั รและชา้ งเผือกอยูต่ รงกลาง (๒๓๕๒ – ๒๓๙๔) ๔. รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยู่หัว รชั กาลท่ี ๔ แห่งกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ทําสนธิสัญญาทางพระราชไมตรีการค้ากับอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๘ เป็นท่ีรู้จักกันทั่วไปว่า “สนธิสัญญาเบาว์ร่ิง” หลังจากทําสนธิสัญญาเบาว์ร่ิงแล้วได้มีชาติอ่ืน ๆ เข้ามาขอเจราจาทําสนธิสัญญาทางการค้ามากข้ึนจึงมีเรือสินค้า ของประเทศต่าง ๆ ในยุโรปและอเมริกาเดินทางเข้ามาค้าขาย และตั้งสถานกงสุลในกรุงเทพฯ โดยชักธงชาติของ ตนข้ึนเป็นสําคัญ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดําริว่าธงสีแดงท่ีราษฎรใช้เป็นธงชาติประจํา เรอื สนิ ค้าน้นั เหมอื นกบั ธงของชาติอ่ืน จงึ โปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มให้ใช้ธงสีแดงมีรูปช้างสีขาวอยู่ตรงกลาง เป็นธง สาํ หรับเรือสินค้าของราษฎรท่ัวไป ส่วนธงเรือหลวงเปล่ียนเป็นธงสีขาบ มีรูปช้างสีขาวอยู่ตรงกลาง ดังน้ัน ธงสีแดง ซง่ึ มรี ูปชา้ งเผือกสขี าวอยูต่ รงกลาง จงึ เปน็ ธงชาติของไทยมาจนถงึ รชั กาลที่ ๖ แหง่ กรงุ รัตนโกสินทร์ ธงพน้ื แดง มีช้างเผือกอยตู่ รงกลาง (๒๓๙๔ – ๒๔๕๙) ๕. ต่อมาถึงพุทธศักราช ๒๔๕๙ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้ทรงพระราชดําริว่า เมื่อมองธงชาติซ่ึงใช้อยู่ในขณะนั้นแต่ไกล จะมีลักษณะไม่ต่างจาก ธงราชการเท่าไร และรปู ชา้ งท่อี ยู่กลางธงกไ็ ม่งดงาม จึงโปรดเกลา้ ฯ ไดม้ ีประกาศเพ่มิ เตมิ และแก้ไขพระราชบัญญัติ ธงรัตนโกสินทรศก ๑๒๙ กําหนดให้ธงชาติมีพื้นธงสีแดง มีรูปช้างเผือกทรงเคร่ืองยืนแท่นหันหน้าหาเสาธงหรือคัน ธงสําหรบั เป็นธงราชการซ่ึงถือเปน็ ธงช้างรปู สดุ ทา้ ยของธงในสมัยรตั นโกสินทร์
๓ ธงพืน้ แดง มชี ้างเผือกยนื บนแทน่ หันหนา้ หาเสาธง (๒๔๕๙ – ๒๔๖๐) ๖. ช่วงท้ายในปพี ุทธศักราช ๒๔๕๙ ก็ไดม้ กี ารยกเลกิ การใช้ธงชาติแบบชา้ งเผือกทรงเครื่อง ยืนแท่น หน้าหันเข้าเสา เน่ืองจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดําริเปล่ียนธงช้างเป็นธง แถบสี เพราะทรงเห็นความลําบากของราษฎรที่ต้องส่ังซื้อธงช้างมาจากต่างประเทศ และบางครั้งเมื่อเกิดความ สะเพร่าติดธงผิด รูปช้างกลับเอาขาชี้ขึ้นเป็นท่ีน่าละอาย ซ่ึงหากเปล่ียนเป็นธงแถบสีแล้ว ราษฎรก็สามารถทําธง ใช้ได้เอง และจะช่วยขจัดปัญหาการติดผิดพลาด โดยก่อนออกพระราชบัญญัติฉบับใหม่ ได้ทรงทดลองใช้ธงชาติ ไทยแบบรวิ้ ขาวแดงหา้ ร้วิ ตดิ อยู่ที่สนามเสอื ปา่ ในช่วงระยะหนง่ึ ธงพ้ืนรว้ิ ขาวแดง (ระหว่างปี ๒๔๖๐) ๗. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๖ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรด กระหม่อมให้ตราพระราชบัญญัติธงขึ้นใหม่ในพุทธศักราช ๒๔๖๐ เน่ืองจากในสมัยน้ันไทยได้เข้าร่วมสงครามโลก ครั้งท่ี ๑ กับประเทศพันธมิตร ซ่ึงส่วนใหญ่ธงจะมีสามสี ธงชาติไทยในสมัยนั้นจึงเป็นรูปส่ีเหลี่ยมรี ขนาดกว้าง ๒ สว่ น ยาว ๓ สว่ น มแี ถบสีนาํ้ เงนิ แกก่ ว้าง ๑ ส่วน ซ่งึ แบง่ ๓ ของขนาดกว้างแห่งธงอยู่กลาง มแี ถบขาวกวา้ ง ๑ ส่วน ซ่ึงแบ่ง ๖ ของขนาดกว้างแห่งธงข้างละแถบ แล้วมีแถบสีแดงกว้างเท่าแถบขาวประกอบชั้นนอกอีกข้างละแถบ และเรียกธงนี้ว่า “ธงไตรรงค์” และพระองค์ทรงได้กําหนดความหมายของสีธงชาติไว้ว่า สีแดง หมายถึง ชาติ คือ ประชาชน สขี าว หมายถึง ศาสนา (มไิ ด้เน้นศาสนาใดโดยเฉพาะ) และสีนํา้ เงิน หมายถงึ พระมหากษตั รยิ ์
๔ ธงไตรรงคร์ ปู สเี่ หลย่ี มรี (๒๔๖๐ – ๒๔๗๙) ๘. ต่อมาในปีพุทธศักราช ๒๔๗๙ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ ๘ ได้โปรดเกลา้ โปรดกระหม่อมใหต้ ราพระราชบญั ญตั ขิ ้นึ ใหม่ โดยอธบิ ายลักษณะธงชาติว่า ธงชาติรูปเหลี่ยม มีขนาด กว้าง ๖ ส่วน ยาว ๙ สว่ น ด้านกวา้ ง ๒ ใน ๖ ส่วน ตรงกลางเป็นสีขาบออกไปท้ังสองข้าง ๆ ละ ๑ ใน ๖ ส่วน เป็น สีขาว ต่อจากสขี าวออกไปทง้ั สองข้างเป็นแถบสแี ดง ๙. ปัจจุบันลักษณะของธงชาติไทยปรากฏตามความในหมวด ๑ มาตรา ๕ (๑) แห่ง พระราชบัญญัติธง พ.ศ. ๒๕๒๒ กําหนดไว้ว่าธงชาติ มีลักษณะเป็นรูปส่ีเหล่ียมผืนผ้า กว้าง ๖ ส่วน ยาว ๙ ส่วน ด้านกว้างแบ่งเป็น ๕ แถบ ตลอดความยาวของผืนธง ตรงกลางเป็นสีน้ําเงินแก่ กว้าง ๒ ส่วน ต่อจากแถบสีนํ้าเงิน แก่ออกไปทั้งสองข้างเป็นแถบสีขาว กว้างข้างละ ๑ ส่วน ต่อจากแถบสีขาวออกไปท้ังสองข้าง เป็นแถบสีแดงกว้าง ขา้ งละ ๑ สว่ น
๕ แนวทางปฏิบตั กิ ารใชธ้ งชาติ ธงชาติ เป็นธงที่แสดงความหมายถึงประเทศไทย หรือชาติไทยให้ปฏิบัติต่อธงดังกล่าวด้วย ความเคารพไม่ดถู ูกเหยียดหยาม หรือทาํ ใหเ้ กิดความเส่ือมเสียซึง่ เกียรติภูมขิ องประเทศไทยหรือชาตไิ ทย การใช้ธง หมายความว่า การนําธงที่อยู่ในสภาพพร้อมแล้วทําให้ปรากฏหรือให้เห็นโดยมี วัตถุประสงค์เพ่อื ให้เกดิ ประโยชนห์ รือใช้ในโอกาสใดโอกาสหนึง่ ตามที่กําหนดไว้ในระเบียบ ลกั ษณะธงชาติท่ีนํามาใช้ ธงชาติที่จะมาใช้ ชัก หรือแสดงนั้นจะต้องมีสภาพดี เรียบร้อย ไม่ขาดวิ่น และสีไม่ซีดจนเกิน ควร ขนาดเสาธงและผนื ของธงชาติ เสาธงชาติจะมีขนาดสูง ตํ่า ใหญ่ หรือเล็กเพียงไร ควรจะอยู่ ณ ที่ใด และจะใช้ผืนธงขนาด เท่าใดน้ัน ให้อยู่ในดุลยพินิจของหัวหน้าส่วนราชการระดับกรมหรือผู้ปกครองสถานที่หรือเอกชน ผู้ ครอบครองอาคารสถานท่ี หรืออาคารนั้นที่จะพึงพิจารณาให้เหมาะสมเป็นสง่างามแก่อาคารสถานที่ นั้น ๆ ตัวอย่างเช่น เสาธง มีความสูงขนาด ๕ เมตร ผืนธงชาติที่ใช้ควรเป็นขนาดประมาณ ๑.๒๐ x ๑.๘๐ เมตร เสาธงสูง ๑๐ เมตร ผืนธงชาติท่ีใช้ควรเป็นขนาดประมาณ ๒ x ๓ เมตร ท้ังน้ีการเพ่ิมขึ้น หรือลดลงของขนาดผืนธงชาติเป็นไปในสัดส่วนประมาณ ๒ : ๓ สําหรับผืนธงชาติท่ีใช้กันโดยทั่วไปจะมีขนาด ประมาณ ๑.๒๐ x ๑.๘๐ เมตร
๖ การใช้ธงชาติกับผู้เสยี ชีวิต การใชธ้ งชาตปิ ระกอบเกยี รตยิ ศศพหรอื อฐั ิ ใหใ้ ชก้ บั บุคคลดงั ตอ่ ไปน้ี ๑. ประธานองคมนตรี ๒. ประธานรฐั สภา ๓. นายกรฐั มนตรี ๔. ประธานศาลฎกี า ๕. ผ้ไู ด้รบั พระราชทานเครอ่ื งราชอิสรยิ าภรณ์อันเปน็ โบราณมงคลนพรตั นราชวราภรณ์ ๖. ผู้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าท่ีสู้รบหรือต่อสู้หรือช่วยเหลือในการสู้รบ หรือเพ่ือปกป้อง อธิปไตยหรอื รักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ หรือเพื่อปราบปรามการกระทาํ ผดิ ต่อความม่ันคงของรัฐและ พระมหากษตั รยิ ์ ๗. ผ้เู สยี ชีวติ จากการแสดงความกล้าหาญช่วยเหลอื เจ้าหนา้ ทรี่ ฐั ๘. บคุ คลที่ทางราชการเห็นสมควร
๗ การใชธ้ งชาตคิ ลมุ ศพ ใหใ้ ชใ้ นกรณี ดังน้ี ๑. ในพิธีรับพระราชทานนาํ้ อาบศพหรือพธิ ีรดนาํ้ ศพ ๒. ในพิธีปลงศพตามประเพณีของทหารเรือ ๓. ในระหวา่ งการเคลื่อนยา้ ยศพเพอ่ื ประกอบพธิ ที างศาสนา การใชธ้ งชาตคิ ลุมหบี ศพ หรืออัฐ ใหใ้ ชใ้ นกรณดี ังต่อไปน้ี ๑. เม่ือเชญิ หรอื เคลอื่ นยา้ ยศพหรอื อฐั ิ เพอ่ื ประกอบพธิ ีรับพระราชทานนํ้าอาบศพ รดนาํ้ ศพ หรือ บาํ เพญ็ กศุ ลตามพธิ ที างศาสนา ๒. ในระหว่างการประกอบพิธที างศาสนา ๓. ในระหวา่ งการตง้ั ศพเพอื่ รับพระราชทานเพลงิ ศพ ประกอบการฌาปนกิจ หรอื เคลือ่ นยา้ ย ศพไปประกอบพิธีฝงั การใชธ้ งชาตคิ ลมุ ศพหรือหบี ศพ ๑. ปกติให้ใช้คลุมตามความยาวของธง โดยให้ด้านต้นของผืนธงอยู่ทางส่วนศีรษะของศพและ จะตอ้ งปฏิบัติไมใ่ ห้เป็นการเสือ่ มเสยี เกยี รติแก่ธงชาติ ๒. หา้ มมใิ หว้ างส่งิ หนง่ึ ส่งิ ใดลงบนธงชาติที่คลุมศพหรือหบี ศพ ๓. เม่ือจะรับพระราชทานน้ําอาบศพ บรรจุหรือฝังศพ ประชุมเพลิงศพตอนเผาจริง ให้เชิญ ธง ชาติทีค่ ลุมศพหรือหบี ศพพับเก็บให้เรยี บรอ้ ย โดยมิให้สว่ นหนง่ึ สว่ นใดของธงชาตสิ มั ผัสพ้นื สาํ หรบั ผไู้ ดร้ บั พระราชทานโกศหรอื หบี หลวงประกอบเกียรตยิ ศศพอยู่แลว้ ถา้ มีสทิ ธทิ จ่ี ะใช้ ธงชาติคลมุ ศพด้วย ให้กระทําไดโ้ ดยวธิ ีเชิญธงชาติในสภาพทพ่ี ับเรยี บรอ้ ยใสพ่ านตงั้ ไว้ เปน็ เกยี รตยิ ศที่ใส่หน้าท่ตี งั้ ศพ เช่นเดียวกับการตง้ั เครือ่ งยศและเครอ่ื งราชอสิ ริยาภรณ์ แต่ตอ้ งไมต่ ํ่ากว่าเคร่ืองยศและเครอ่ื งราชอิสรยิ าภรณ์ โดยห้ามใชธ้ งชาตหิ รอื แถบสีธงชาติคลมุ ทับหรอื ตกแตง่ โกศหรือหีบศพทพ่ี ระราชทานประกอบเกียรติยศศพ
๘ การชักธงชาติ การชักธง หมายความว่า การเชิญธงขน้ึ สู่ยอดเสา หรือการเชญิ ธงลงจากยอดเสาตามกําหนดเวลา หรือตามโอกาสท่ีกําหนดไว้ในระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการใช้ การชัก หรือการแสดง ธงชาติ และธง ของตา่ งประเทศในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๒๙ ขอ้ ปฏิบัติเก่ยี วกบั การชักธงชาติ ๑. ธงชาติ เปน็ สัญลกั ษณ์ท่ีแสดงถึงความเปน็ ประเทศหรือชาติ ดังน้นั จึงสมควรปฏบิ ตั ติ อ่ ธง ชาติด้วยความเคารพ เพื่อสร้างความรู้สึกนิยมและภาคภูมิใจในความเป็นชาติ อีกท้ังเป็นการเผยแพร่ธงชาติให้เป็น ทป่ี รากฏชินตาแกผ่ ูพ้ บเหน็ คณะรฐั มนตรไี ดก้ ําหนดใหส้ ว่ นราชการ รฐั วิสาหกจิ และหนว่ ยงานอื่นของรัฐประดับธง ชาติไว้ในสถานที่อันควร ในบริเวณท่ีทําการทุกวันและตลอดเวลา สําหรับภาคเอกชน และบ้านเรือนประชาชน โดยท่ัวไปก็ใหอ้ นโุ ลมดําเนินการไปในแนวทางเดียวกัน ๒. ถ้าต้องมีการชักธงชาติข้ึนและลง ณ สถานท่ี หรือบริเวณใด โดยปกติให้เป็นไปตาม กําหนดเวลาดังต่อไปน้ี ชกั ขึน้ เวลา ๐๘.๐๐ นาฬกิ า ชักลงเวลา ๑๘.๐๐ นาฬกิ า ๓. สถานที่และยานพาหนะของฝ่ายทหาร การชักธงชาติข้ึนและลงให้ปฏิบัติตามระเบียบ หรือข้อบังคับของทหาร ๔. เรอื เดินทะเล การชักธงชาตขิ ้ึนและลง ใหป้ ฏบิ ัติตามขนบธรรมเนยี มประเพณขี องชาวเรือ ๕. สถานที่ราชการพลเรือน ถ้าในบริเวณเดียวกันมีสถานที่ราชการหลายแห่งจะสมควร ชกั ธงชาติ ณ ทใ่ี ด ให้อยใู่ นดลุ พินจิ ของหัวหน้าหนว่ ยงานผูป้ กครองสถานทน่ี ้นั ๆ ๖. สถานที่ราชการฝ่ายพลเรือนท่ีต้ังอยู่ในเขตพระราชฐาน การชักธงชาติโดยการจัดต้ัง เสา ธงชาตติ า่ งหากจากตัวอาคาร ให้ไดร้ ับความเห็นชอบจากเลขาธกิ ารพระราชวัง ๗. สถาบันการศึกษาในสังกัดหรือในความควบคมุ ของกระทรวงศึกษาธกิ าร ให้ชักธงชาตติ าม ระเบียบทกี่ ระทรวงศึกษาธิการกําหนด ๘. เรือเดนิ ในลํานํา้ ถ้าจะชกั ธงชาตใิ หช้ กั ไว้ทีท่ ้ายเรอื ๙. ที่สาธารณสถานและสถานท่ีของเอกชน ถ้าจะชักธงชาติ ให้ปฏิบัติตามระเบียบสํานัก นายกรัฐมนตรโี ดยอนโุ ลม
๙ วิธีการชกั ธงชาติ ๑. ผูม้ ีหนา้ ทีช่ กั ธงชาติ ต้องแต่งกายเรยี บรอ้ ย ๒. เมือ่ ใกล้กาํ หนดเวลาชักธงข้นึ ให้เตรียมธงชาตผิ กู ติดกบั สายเชือกทางด้านขวาของผูช้ ักธง ให้เรียบร้อย ๓. เมือ่ ถึงกําหนดเวลา ให้คล่ธี งชาติออกเต็มผืน แล้วดึงเชือกให้ธงชาตขิ นึ้ ช้า ๆ ดว้ ยความ สมา่ํ เสมอ จนถงึ สุดยอดเสาธง แลว้ จึงผกู เชอื กไวใ้ หต้ งึ ไม่ให้ธงลดต่ําลงมาจากเดมิ ๔. เม่อื ชกั ธงลงให้ดึงเชอื กให้ธงชาตลิ งช้า ๆ ด้วยความสม่าํ เสมอ และสายเชอื กตึงจนถึงระดับ เดมิ ก่อนชักข้ึน ๕. ในกรณที มี่ ีการบรรเลงเพลงเคารพหรือมีสญั ญาณใหก้ ารชกั ธงข้ึนและลง จะตอ้ งชกั ธงชาติ ขน้ึ และลงให้ถงึ จดุ ที่สุด พร้อมกบั จบเพลงหรอื สัญญาณนั้นๆ วนั พธิ สี าํ คญั ทต่ี อ้ งชักธงและประดับธงชาติ ๑. วนั ข้นึ ปใี หม่ วนั ที่ ๑ มกราคม ๑ วัน ๒. วันมาฆบชู า ๑ วัน ๓. วนั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราชและวันท่ีระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ ๑ วนั ๔. วันสงกรานต์ วนั ท่ี ๑๓ เมษายน ๑ วัน ๕. วนั ฉัตรมงคล วันที่ ๕ พฤษภาคม ๑ วัน ๖. วันพชื มงคล ๑ วัน ๗. วันวสิ าขบชู า ๑ วนั ๘. วันอาสาฬหบูชา ๑ วนั ๙. วนั เข้าพรรษา ๑ วัน ๑๐. วนั เฉลมิ พระชนมพรรษาสมเดจ็ พระนางเจ้าพระบรมราชินนี าถ วนั ท่ี ๑๒ สิงหาคม ๑ วนั ๑๑. วันสหประชาชาติ วนั ที่ ๒๔ ตลุ าคม ๑ วนั ๑๒. วันเฉลมิ พระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันท่ี ๕, ๖, ๗ ธนั วาคม ๓ วัน ๑๓. วนั รัฐธรรมนูญ วันท่ี ๑๐ ธันวาคม ๑ วัน นอกจากนี้สุดแต่ทางราชการจะประกาศให้ทราบเป็นคร้ังคราว ส่วนงานพิธีอื่นๆ ตามประเพณี นยิ ม หากจะชกั ธงและประดับธงชาตกิ ท็ าํ ได้ แต่ต้องทําด้วยความเคารพ
๑๐ การลดธงชาตคิ รึ่งเสา การลดธงชาติครึ่งเสากรณีใด เป็นเวลาเท่าใด ทางราชการจะประกาศให้ทราบเป็นคราว ๆ ไป ในทางปฏิบัติท่ีผ่านมา การลดธงชาติคร่ึงเสาจะกระทําในกรณีที่ประมุขหรือบุคคลสําคัญของประเทศต่างๆ เสียชวี ิต โดยปกตทิ างราชการจะประกาศใหล้ ดธงชาติครงึ่ เสาท่ัวราชอาณาจักรเป็นเวลา ๓ วัน การลดธงชาติครึ่งเสาให้ปฏิบัติการเหมือนการชักธงข้ึนเช่นปกติ แต่เมื่อธงถึงยอดเสาแล้วจึงลดลง ให้อยู่ในระดับความสูงประมาณ ๒ ใน ๓ ส่วนของความสูงของเสาธงนั้น และเมื่อจะชักธงลงให้ชักธงขึ้นจนถึง ยอดเสาก่อน แลว้ จึงชักธงลงเชน่ เดียวกบั เรอ่ื งวิธกี ารชักธงชาติ การทาํ ความเคารพธงชาติ ๑. เมอ่ื มีการชกั ธงชาตขิ ึ้นและลง ใหแ้ สดงความเคารพโดยการยนื ตรง หันไปทางเสาธง อาคาร หรอื สถานท่ีทม่ี ีการชกั ธงชาตขิ ึน้ และลง จนกว่าจะเสร็จการ ๒. ในกรณที ่ีได้ยนิ เพลงชาตหิ รอื สัญญาณการชกั ธงชาติ จะเห็นหรอื ไมเ่ หน็ การชกั ธงชาติก็ตาม ให้แสดงความเคารพโดยหยดุ น่ิงในอาการสํารวม จนกว่าการชกั ธงชาติหรือเสียงเพลงชาติ หรือสญั ญาณการ ชักธงชาตจิ ะสน้ิ สุดลง การดูแลรกั ษาธงชาติ ๑. ให้หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานผู้ปกครองอาคารสถานท่ีราชการหรือสถานที่ ทําการของหนว่ ยงานของรัฐและเอกชนผ้คู รอบครองอาคารสถานทีท่ ี่มีการใช้ การชกั หรือการแสดงธงชาตกิ วดขัน ดแู ลใหม้ กี ารปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายและระเบยี บโดยเคร่งครดั ๒. ให้เจ้าหน้าที่หรือบุคคลผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการใช้ การชัก หรือการแสดงธงชาติเก็บ รกั ษาธงชาตไิ ว้ด้วยความเคารพในสถานท่ีและทเ่ี กบ็ อนั สมควร ๓. การเชิญธงชาติจากทเี่ ก็บรกั ษาเพอ่ื นาํ ไปใช้ ชกั หรือแสดง ในกรณที ธี่ งชาตเิ ป็นผืนผา้ ให้ เชิญไปในสภาพทพ่ี บั เรยี บรอ้ ย และด้วยอาการเคารพเมื่อถงึ ทีทจี่ ะใชห้ รอื แสดงจงึ คลีธ่ งออกเพื่อใช้หรอื แสดงตอ่ ไป ๔. การเชิญธงชาติจากทที่ ่ีใช้ ชกั หรือแสดง ไปเกบ็ ไว้ ณ ทเี่ ก็บรักษา ให้ดาํ เนนิ การในลักษณะ เดยี วกับทีก่ ําหนดไว้ การประดบั ธงชาติคหู่ รอื ร่วมกับธงอ่ืน ๑. การประดับธงชาติคู่หรือร่วมกับธงอ่ืน ยกเว้นธงพระอิสริยยศจะต้องไม่ให้ธงชาติอยู่ใน ระดับต่ํากว่าธงอ่ืนๆ และโดยปกติให้จัดธงชาติอยู่ท่ีเสาธงแรกด้านขวา (เม่ือมองดูออกมาจากภายใน หรือจุดของ สถานท่ที ่ใี ชช้ ัก แสดง หรือประดบั ธงเปน็ หลกั ) ๒. การประดับธงชาติคู่กับธงอ่ืนในงานพิธีซึ่งมีแท่นหรือมีที่สาํ หรับประธาน ให้จัดธงชาติอยู่ ดา้ นขวาของแท่นพธิ ีและธงอ่นื อยูด่ า้ นซา้ ย ๓. การประดับธงชาติคู่กับธงอน่ื เมื่อรวมกบั ธงชาติแลว้ เปน็ จาํ นวนค่ี ให้ธงชาติอยู่กลาง ๔. การประดับธงชาติคู่กับธงอ่ืน เมื่อรวมกับธงชาติแล้วเป็นจํานวนคู่ ให้ธงชาติอยู่กลาง ด้านขวา
๑๑ การประดบั ธงชาติคหู่ รอื รว่ มกับพระพทุ ธรปู หรือพระบรมรูป การประดบั ธงชาตริ ่วมกบั พระพุทธรูปและพระบรมรูปในพิธกี ารตา่ งๆ ใหจ้ ัดธงชาติอยดู่ า้ นขวา ของพระพุทธรูป พระบรมรปู อย่ดู า้ นซา้ ย การประดบั ธงชาติคูห่ รอื รว่ มกบั ธงของตา่ งประเทศ ๑. การประดบั ธงชาตคิ ู่หรอื ร่วมกับธงของต่างประเทศ จะตอ้ งเป็นไปในลักษณะท่เี ท่าเทยี มกนั เชน่ ขนาดและสีของธง และความสูงต่ําของธง เป็นตน้ ๒. ถ้าประดับหรอื ชักธงของตา่ งประเทศประเทศเดยี ว ตอ้ งใหธ้ งชาติอยดู่ ้านขวาของ ธงต่างประเทศ ๓. ถา้ ประดบั ธงของต่างประเทศเกนิ กว่าหนึง่ ประเทศ เม่อื รวมกับธงชาติแลว้ เป็นจาํ นวนคี่ ให้ ธงชาตอิ ยตู่ รงกลาง ๔. ถา้ ประดบั ธงของต่างประเทศเกนิ กวา่ หนงึ่ ประเทศ เมอื่ รวมกับธงชาตแิ ลว้ เป็นจํานวนคู่ ให้ ธงชาตอิ ยู่กลางดา้ นขวา ๕. การประดับธงชาติในสถานที่ หรือมีข้อตกลงระหว่างประเทศ หรือประเทศภาคีกําหนดไว้ เปน็ อยา่ งอนื่ เชน่ ใหใ้ ชเ้ รียงตามลาํ ดบั อักษร หรือเรียงตามลําดับการเป็นสมาชิก กใ็ หป้ ฏิบตั ติ ามข้อตกลงนน้ั ๖. การประดับธงชาตใิ นการแขง่ ขนั กฬี าระหว่างประเทศ โดยปกตใิ หเ้ ปน็ ไปตามระเบียบ ขอ้ บังคับของสมาคมกฬี าระหว่างประเทศ หรือตามหลกั สากลทีย่ อมรับกนั ในนานาอารยประเทศ ๗. การประดับธงชาติค่กู ับธงของตา่ งประเทศสําหรับรถยนต์ ให้ปกั ธงชาติไว้ทางดา้ นขวา และธงของต่างประเทศไวท้ างดา้ นซา้ ย ๘. ยานพาหนะอื่นใหใ้ ชท้ ํานองเดียวกบั ข้อ ๗. เว้นแตก่ ารประดับบนเรอื ให้เปน็ ไปตาม ธรรมเนียมประเพณขี องชาวเรือ การแสดงธงชาตทิ ่ีสนิ คา้ การแสดงธงชาติไว้ทีส่ ่ิงบรรจุหบี ห่อ สิ่งหุ้มหอ่ สง่ิ ผูกมดั ผลติ ภัณฑ์ หรือสนิ ค้าใดๆ ท่มี ไิ ด้ มลี กั ษณะเป็นการเหยยี ดหยามตอ่ ธงชาติ ประเทศไทยหรือชาตไิ ทย ให้ทําได้ในกรณีดงั ต่อไปนี้ ๑. เปน็ การแสดงธงชาติทีก่ ระทาํ โดยส่วนราชการ รัฐวสิ าหกจิ หรือหน่วยงานอืน่ ของรัฐ ๒. เปน็ การแสดงธงชาตทิ ่ีกระทาํ โดยเอกชน เพอ่ื ประโยชน์ทางการพาณิชย์ โดยไดร้ ับความ เห็นชอบจากส่วนราชการที่ได้รับมอบหมายจากกระทรวงพาณิชย์ หรือกระทรวงอุตสาหกรรมแล้วแต่กรณี โดย หลักเกณฑ์และวิธีการขอความเห็นชอบให้เป็นไปตามท่ีกระทรวงพาณิชย์หรือกระทรวงอุตสาหกรรมประกาศ กําหนด ๓. เป็นการแสดงธงชาติท่ีกระทําโดยเอกชนในกรณีอ่ืนๆ ตามท่ีสํานักงานปลัดสํานัก นายกรฐั มนตรี โดยได้รบั ความเหน็ ชอบจากคณะกรรมการธงจะประกาศกาํ หนด
๑๒ การกระทําอนั เปน็ การเหยยี ดหยามหรอื ไมส่ มควรต่อธงชาติ ๑. การกระทาํ อนั เป็นการเหยียดหยามตอ่ ธงชาติ ได้แก่ การกระทาํ ต่อธงชาติรูปจําลองของธงชาติ หรอื แถบสธี งชาติ ดว้ ยเจตนาเหยยี ดหยามประเทศชาติ เช่น ฉีกทําลาย ถ่มน้ําลายรด ใช้เท้าเหยียบ วางเป็นผ้าเช็ด เทา้ ซ่งึ เปน็ การแสดงความดถู กู ดูหม่ินเหยียดหยามชาติไทย ๒. การกระทาํ ทีไ่ มส่ มควรต่อธงชาติ รูปจาํ ลองของธงชาติ หรือแถบสีธงชาติ เชน่ ๒.๑ การประดิษฐ์รูป ตัวอักษร ตัวเลข หรือเครื่องหมายอื่นในผืนธงรูปจําลองของธง หรือแถบสขี องธง ๒.๒ การใช้ ชัก หรือแสดงธง รูปจําลองของธง หรือแถบสีของธงอันมีลักษณะตาม ข้อ ๒.๑ ๒.๓ การใช้ ชัก หรือแสดงธง รูปจําลองของธง หรือแถบสีของธงไว้ ณ สถานที่หรือวิธี อันไม่สมควร ๒.๔ การประดิษฐธ์ ง รูปจาํ ลองของธง หรือแถบสธี งไว้ ณ ท่หี รือสง่ิ ใดๆ โดยไมส่ มควร ๒.๕ แสดงหรือใช้สิ่งใด ๆ ที่มีรูปธง รูปจําลองของธง หรือแถบสีธงอันมีลักษณะตาม ข้อ ๒.๔ บทกําหนดโทษ การกระทาํ การตอ่ ธงชาติโดยไมใ่ ห้ความเคารพมีความผดิ และต้องรบั โทษตามกฎหมาย ดงั นี้ ๑. กระทาํ การใด ๆ ตอ่ ธง หรอื เคร่ืองหมายอน่ื ใด อันมีความหมายถึงรัฐ เพอื่ เหยียดหยาม ประเทศชาติ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกนิ ๒ ปี หรือปรบั ไมเ่ กนิ ๔,๐๐๐ บาท หรือท้ังจําท้งั ปรับ (มาตรา ๑๑๘ แหง่ ประมวลกฎหมายอาญา) ๒. กระทาํ การใด ๆ ที่ไม่สมควรต่อธงชาติ รูปจาํ ลองของธงชาติ หรือแถบสีของธงชาติ ตามขอ้ ๒.๑ – ๒.๕ ต้องระวางโทษจาํ คกุ ไมเ่ กนิ ๑ ปี หรอื ปรบั ไมเ่ กิน ๒,๐๐๐ บาท หรอื ทัง้ จําทั้งปรับ (มาตรา ๕๓ แห่งพระราชบญั ญัตธิ ง พ.ศ. ๒๕๒๒) ๓. ผู้ใดกระทาํ การใด ๆ อนั มีลกั ษณะเป็นการเหยยี ดหยามต่อธง รูปจาํ ลองของธงหรือแถบสี ของธงชาติ ตอ้ งระวางโทษจําคุกไม่เกนิ ๖ เดอื น หรือปรบั ไม่เกนิ หน่ึงพันบาท หรอื ทง้ั จาํ ท้งั ปรับ (มาตรา ๕๔ แหง่ พระราชบญั ญตั ธิ ง พ.ศ. ๒๕๒๒)
๑๓ เอกสารอา้ งองิ สาํ นกั งานเสริมสรา้ งเอกลักษณข์ องชาติ, สาํ นักงานปลัดสาํ นกั นายกรัฐมนตรี. ค่มู อื ธงไตรรงค์ ธาํ รงไทย. กรงุ เทพฯ : บริษทั ยเู นยี นอุลตร้าไวโอเล็ต จํากัด. วิกิพีเดีย สารานกุ รมเสรี. ธงชาติไทย. https://th.wikipedia.org/wiki/ธงชาตไิ ทย (19 พฤษภาคม 2560) กรมการทหารช่าง. ประวัตคิ วามเปน็ มาของธงชาตไิ ทย www.engrdept.com/tahanchangling/army_tongthai.htm (8 พฤษภาคม 2560)
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: