Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore งานนำเสนอ บท 3

งานนำเสนอ บท 3

Published by โพรดก สวยงาม, 2022-01-27 03:06:54

Description: งานนำเสนอ บท 3

Search

Read the Text Version

หน่วยที่ 3 การออกแบบเอกสาร

ความหมายของการออกแบบ • ความหมายของคาวา่ “ออกแบบ” น้นั ถกู ให้คานยิ าม หรือคาจากดั ความ ไวห้ ลายรปู แบบมากมาย ตามความเข้าใจ การตีความหมาย และการสอื่ สาร ออกมาดว้ ยตัวอักษรของแตล่ ะคน • การออกแบบ (Design) คือศาสตร์แห่งความคิด และตอ้ งใชศ้ ิลป์ รว่ มดว้ ย เปน็ การสรา้ งสรรค์ และการแกไ้ ขปญั หาทมี่ อี ยู่ เพ่อื สนองตอ่ จดุ มุง่ หมาย และนากลับมาใชง้ านไดอ้ ย่างนา่ พอใจ ความน่าพอใจนัน้ • แบง่ ออกเป็น 3 ข้อหลกั ๆ ไดด้ ังนี้

• 1.1. ความสวยงาม เปน็ ส่งิ แรกทเ่ี ราไดส้ ัมผัสกอ่ น คนเราแตล่ ะคนตา่ งมี ความรบั ร้เู รอื่ งความสวยงาม กับความพอใจในท้งั 2 เรอื่ งนไ้ี ม่เทา่ กัน จึง เป็นสิ่งท่ถี กเถียงกัน อย่างมากและไม่มเี กณฑ์ในการตัดสินใด ๆ เปน็ ตวั ท่ี กาหนดอย่างชดั เจน ดงั นัน้ งานทีเ่ ราไดม้ กี ารจัดองค์ประกอบท่ีเหมาะสม นั้น ก็จะมองว่า สวยงามไดเ้ หมือนกนั

• 1.2. มปี ระโยชน์ใชส้ อยทดี่ ี เปน็ เรือ่ งที่สาคญั มากในงานออกแบบทกุ ประเภท เช่น ถา้ เปน็ การออกแบบสง่ิ ของ เชน่ เก้าอี้,โซฟา น้ันจะตอ้ ง ออกแบบมาให้นง่ั สบาย ไมป่ วดเมื่อย ถ้าเปน็ งานกราฟกิ เชน่ งานส่ือ สงิ่ พมิ พ์นน้ั ตัวหนังสอื จะต้องอา่ นงา่ ย เข้าใจง่าย ถงึ จะได้ช่อื วา่ เป็นงาน ออกแบบทีม่ ีประโยชน์ใชส้ อยท่ดี ีได้

• ๑.3. มแี นวความคิดในการออกแบบทดี่ ี เป็นหนทางความคิด ทท่ี าใหง้ านออกแบบ สามารถตอบสนอง ตอ่ ความรูส้ กึ พอใจ ชน่ื ชม มีคุณคา่ บางคนอาจใหค้ วามสาคญั มากหรอื นอ้ ย หรืออาจไมใ่ หค้ วามสาคัญเลยกไ็ ด้ ดงั น้นั บางคร้ัง ในการออกแบบโดย ใชแ้ นวความคิดทีด่ ี อาจจะทาใหผ้ ลงาน หรอื สงิ่ ท่ีออกแบบมีคณุ คา่ มากขึน้ ก็ได้ • ดงั นัน้ นกั ออกแบบ (Designer) คือ ผู้ที่พยายามคน้ หา และสรา้ งสรรคส์ ิง่ ใหม่ หาวธิ แี กไ้ ข หรือหาคาตอบใหม่ ๆ สาหรบั ปญั หาตา่ ง ๆ

๒. องค์ประกอบมูลฐานของการออกแบบ การจัดองค์ประกอบศลิ ป์ (Composition) • เป็นการจดั การต่อสว่ นประกอบ ของงานออกแบบ หรอื องค์ประกอบศลิ ป์ นับได้ว่า เปน็ หัวใจ ของงานออกแบบ ผู้ออกแบบจงึ จาเป็นตอ้ งศึกษาวเิ คราะห์ ถึงคณุ สมบัติ และบทบาทขององคป์ ระกอบมลู ฐานตา่ ง ๆ ให้เกดิ ความเข้าใจอยา่ งแท้จรงิ ในข้อดี และข้อจากดั ตา่ ง ๆ เพอ่ื จะไดน้ าข้อดขี ององคป์ ระกอบมลู ฐานมาใชก้ บั งานออกแบบ อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ • องคป์ ระกอบมูลฐานของการออกแบบ ประกอบดว้ ยสว่ นทีส่ าคญั ดังนี้

2.2.1. จดุ (Dot) • จุด เป็นองค์ประกอบพน้ื ฐานทส่ี าคัญสาหรับการออกแบบ เพราะจุดเป็นตน้ กาเนดิ ของเสน้ และนา้ หนกั ของภาพ ดังจะเหน็ ได้ว่า ในการพมิ พภ์ าพโทนตอ่ เนือ่ ง (Half Tone) การเกดิ น้าหนกั ออ่ นแก่ในภาพเปน็ การใชจ้ ดุ ในบริเวณที่เป็นนา้ หนกั อ่อน เกิดจากจดุ หรือเม็ดสกรีน ท่ีเล็กและหา่ ง สว่ นในบริเวณที่มนี า้ หนกั เข้มจะประกอบดว้ ยจุดที่มขี นาดใหญ่และหนาแนน่ สามารถใชไ้ ด้ 3 ลกั ษณะ ดังน้ี • (1) การวางตาแหน่งของจุดลกั ษณะกระจาย มกั ใชใ้ นการออกแบบแนวนอน • (2) การวางตาแหนง่ ของจุดลักษณะเนน้ ชอ่ งจงั หวะ เปน็ การวางจุดโดยให้พัก เปน็ ระยะ • (3) การวางตาแหนง่ ของจดุ ลักษณะเปน็ กลมุ่ เป็นการทาใหจ้ ุดในงานออกแบบเกิดเอกภาพ สามารถกระทาได้ในลกั ษณะตอ่ ไปน้ี • - การวางจดุ หลายขนาดไวด้ ว้ ยกนั ลักษณะที่เหมอื นกันของจุดจะทาให้เกิดเอกภาพ • - การใชจ้ ุดขนาดเดียวกัน แต่ใชเ้ ส้นเช่อื มโยงเพอื่ ทาให้จดุ เกิดเอกภาพ • - การวางจุดในกรอบภาพ โดยใช้จุดเปน็ ตวั เนน้ และกรอบภาพเป็นตัว สรา้ งเอกภาพ

2.2.๒. เส้น (Line) • เส้น เกดิ จากการเดนิ ทางหรอื ตอ่ เน่อื งของจดุ ในลักษณะทศิ ทางเดียวกนั ประกอบด้วยหลักทส่ี าคญั ไดแ้ ก่ เสน้ นอน เสน้ ตั้ง เสน้ เฉยี ง เส้นโค้ง เส้นซิกแซก และเสน้ คลนื่ • (1) เส้นนอน (Horizontal Line) เป็นเส้นท่แี สดงถงึ ความร้สู ึกสงบนง่ิ กว้างขวาง • (2) เส้นตงั้ (Vertical Line) เป็นเสน้ ทแี่ สดงถงึ ความสง่างาม ความมี ระเบยี บ แข็งแรง • (3) เสน้ เฉียง (Diagonal Line) เปน็ เสน้ ท่แี สดงถงึ ความรสู้ กึ ที่เคล่ือนไหว ความไม่แน่นอนและ เกิด ทิศทาง • (4) เสน้ โคง้ (Curve Line) เปน็ เสน้ ทีใ่ หค้ วามรสู้ กึ ออ่ นหวาน นุ่มนวล แสดงถึงความอ่อนนอ้ ม เศรา้ โศก • (5) เส้นซิกแซก (Zigzag Line) เป็นเสน้ ซ่ึงแสดงความรูส้ ึกเคลื่อนไหว รนุ แรง ไมแ่ นน่ อน • (6) เส้นคลืน่ (Wave Line) เปน็ เส้นที่ให้ความรู้สึกเคลือ่ นไหวชา้ ๆ น่มิ นวลและเปน็ จงั หวะ แกผ่ ู้ พบเหน็

2.2.3. รปู รา่ งและรูปทรง (Shape & Form) • รปู ร่างและรปู ทรง เกิดจากเสน้ ทีเ่ ดนิ ทางครบวงจร ในการออกแบบมักจะกลา่ วถงึ รูปร่างและ รปู ทรงควบคู่กนั ไป แต่โดยข้อเท็จจรงิ แลว้ รปู ร่างจะมี 2 มติ ิ ได้แก่ ความกวา้ งกับความยาวใน ระนาบแบน สามารถจาแนกไดเ้ ปน็ 3 ประเภท ได้แก่ • (1) รูปเรขาคณติ เป็นรูปที่เกดิ จากการสรา้ งขึ้นโดยใช้เครอื่ งมอื เรขาคณติ รปู ในลักษณะนจ้ี ะมี ความแข็ง กระดา้ ง ความมรี ะเบียบ จึงเหมาะสาหรับงานออกแบบซึง่ ต้องการความแข็งแรง มี ระเบยี บ เคร่งครัด เช่นงานทเ่ี กี่ยวกบั การกอ่ สรา้ ง งานวทิ ยาศาสตร์ เปน็ ต้น • (2) รปู ธรรมชาติ เปน็ รูปทเ่ี กิดจากการนาลกั ษณะความงามในธรรมชาติ มาใช้ในการออกแบบ รปู ทรงในธรรมชาติทก่ี ่อใหเ้ กดิ แรงบนั ดาลใจในการออกแบบ การนารปู ทรงในธรรมชาตมิ าใช้ใน การออกแบบ ทาไดโ้ ดยการถ่ายภาพ การเขียนภาพแบบเหมอื นจรงิ เป็นตน้ • (3) รปู อิสระ เปน็ รปู ท่ผี อู้ อกแบบใชจ้ นิ ตนาการสรา้ งข้นึ ด้วยมืออิสระ โดยไม่ใชเ้ ครอ่ื งจักรเข้าช่วย อาจเกดิ จากการดดั แปลงรปู ทรงเรขาคณติ หรอื เป็นการดดั แปลงจาก รปู ทรงในธรรมชาติ

2.2.4. แสงและเงา (Light & Shade) • แสงและเงา เป็นปัจจยั ท่ีทาให้ผ้ดู เู กิดความรู้สกึ ตอ่ ลกั ษณะ 3 มิติ ของรูปทรง ได้ชดั เจนย่ิงขนึ ้ ใน การออกแบบกราฟิก ซงึ่ กระทาบนวสั ดุ 2 มิติ ผ้อู อกแบบสามารถใช้แสงเงาเพ่ือเน้นความลกึ หรือมติ ิท่ีสามได้ โดยธรรมชาตขิ องแสงย่อมตกกระทบบนผิววตั ถไุ มเ่ ทา่ กนั ด้านที่ได้รับแสงจะมี ความจ้า สว่ นด้าน ที่ตรงข้ามจะมนี ้าหนกั มืดลงตามลาดบั • การให้แสงและเงาท่ีถือวา่ มีคณุ คา่ ทางความงามมากที่สดุ นิยมให้ แสงเข้ากระทบวตั ถทุ างดาน ข้างทามมุ เฉียง 45 องศามากกวา่ ตาแหนง่ อื่น

2.2.5. ชอ่ งว่าง (Space) • ชอ่ งวา่ ง หมายถึง การกาหนดชอ่ งว่างในตัววตั ถหุ รอื ตัวรปู (Positive Space) และช่องว่างรอบตวั วตั ถหุ รอื พ้ืน (Negative Space) • หลกั ในการสร้างความสาคัญระหวา่ งรูปและพืน้ ให้มคี วามทัดเทียมกัน และมคี วามสมั พันธ์กัน สามารถกระทาไดด้ ังนี้ (1) กาหนดให้พ้นื ที่ของรปู มีปริมาณใกลเ้ คียงกนั (2) หลกี เลีย่ งไม่ให้ตัวรูปลอยอยกู่ ลางพ้นื แตค่ วรให้ตวั รูปตกชดิ ขอบภาพ เพอื่ มิใหบ้ ริเวณ พน้ื ล้อมรอบตวั รปู การใช้บรเิ วณวา่ งในการออกแบบท้ังหลาย ผู้สร้างงานจะใช้บรเิ วณว่างให้มี ความสมั พนั ธก์ ับภาพรวมของวตั ถุน้ัน ๆ

2.2.6. สี (Color) • สีเปน็ องค์ประกอบมลู ฐานทม่ี ีอิทธิพลต่อความร้สู กึ และการรบั รูข้ องผ้ดู เู ปน็ อย่างยง่ิ ผู้ออกแบบจาเปน็ ตอ้ งเลือกใช้สีใหเ้ หมาะสมกบั จุดมงุ่ หมายของงานออกแบบ จงึ จะเกิดประสทิ ธิภาพต่อ ความรสู้ กึ ของผูด้ ู อาทิ สแี ดง ใหค้ วามรสู้ กึ ร้อน อนั ตราย สสี ้ม ให้ความรู้สึกสว่าง อบอุ่น สเี ลือดหมู ใหค้ วามรูส้ ึกสงา่ หนักแน่น สนี ้าตาล ใหค้ วามรู้สึกเก่าแก่ ถ่อมตน สเี หลือง ใหค้ วามรสู้ กึ สดใส งอกงาม สนี า้ เงิน ให้ความรูส้ กึ สงบ จริงจัง สมี ่วง ให้ความรูส้ กึ หนกั แนน่ มเี ลศนยั สีดา ใหค้ วามรู้สึกหดหู่ เศร้า สีขาว ให้ความรสู้ ึกบรสิ ทุ ธ์ิ สะอาด

2.2.7. ลกั ษณะพ้ืนผิว (Texture) • ลักษณะพืน้ ผิว หมายถงึ ความรู้สึกในการจาแนกความเรียบ หรือความขรขุ ระ ของผวิ วัตถุจากการ สัมผสั ทางสายตา ลกั ษณะพื้นผวิ ที่มีความแตกตา่ งกันยอ่ มเรา้ ใหผ้ ดู้ ูเกดิ ความสนใจ ความแปลกตา ไมน่ ่าเบื่อหนา่ ย เช่น ผนงั อาคารท่ีมี ลกั ษณะเรียบย่อมไม่สรา้ งความนา่ สนใจแกผ่ ดู้ ู แต่สถาปนกิ ออกแบบโดยใช้พนื้ ผวิ ที่มคี วามแตกต่าง กนั เชน่ การใชห้ นิ ลา้ ง หินขดั การประดบั หินกาบบนผนงั การใชผ้ ิวคอนกรีตเปลือย ย่อมสร้างความนา่ สนใจใหแ้ ก่ผดู้ ไู ด้ดีกวา่

2.3 หลักการจัดวางส่วนประกอบในการออกแบบ • ผู้ออกแบบจาเปน็ ตอ้ งศึกษาถงึ หลกั การในการนาองคป์ ระกอบมลู ฐาน มารวมอย่ดู ้วยกนั อย่างมี ระบบ ประดจุ การทกี่ วี นาถ้อยคาต่าง ๆ อันเสมือนเป็นองค์ประกอบมูลฐานมา รอ้ ยกรองโดยมี ฉันทลกั ษณเ์ ปน็ เครอื่ งกาหนด ซ่งึ เปรยี บได้กบั หลักในการออกแบบนัน่ เอง • หลกั การจัดวางสว่ นประกอบในการออกแบบ มีดังนี้

2.3.1 การเนน้ จดุ แหง่ ความสนใจ (Emphasis) • การสร้างจดุ แหง่ ความสนใจใหเ้ กิดขึ้นในงานออกแบบ โดยการกาหนดบริเวณใดบริเวณหน่ึงในภาพ ทีเ่ หมาะสม ใหม้ ลี กั ษณะพิเศษกวา่ บริเวณอน่ื เพือ่ ใช้เปน็ เครอื่ งดึงดดู ความสนใจแก่ผ้ดู ู สามรถ กระทาไดห้ ลายลักษณะดังนี้ • (1) การเนน้ โดยการตัดกัน หมายถงึ การทาให้ สว่ นประกอบจานวนหนง่ึ ท่ีมีความแตกตา่ งไปจาก สว่ นประกอบอื่น เช่น เนน้ ดว้ ยขนาด เน้นดว้ ยรปู รา่ ง เนน้ ด้วยสี เน้นดว้ ยนา้ หนัก เนน้ ด้วยพน้ื ผิว • (2) การเน้นโดยการแยกตัวประกอบออกไป หมายถึงการเน้นโดยให้ส่วนประกอบบางสว่ นแยกตวั ออกมาตา่ งหาก การเน้นด้วยวิธนี ้เี ป็นการเน้นด้วยการนามารวมกนั เปน็ กลุม่ ส่วน ในสว่ นหนึง่ ของ พน้ื ท่ี รปู ร่าง หรอื รปู ทรงท่ีแยกตัวออกมาจะกลายเป็นจดุ เดน่ • (3) การเน้นโดยการจัดวางตาแหน่ง หมายถงึ การจัดวางสว่ นประกอบ ในตาแหน่งทเี่ หมาะสม ไม่ใช่ เปน็ การตัดกนั ดว้ ย รูปร่างตา่ ง ๆ แตอ่ าจใช้เส้น สี รูปรา่ ง รูปทรง ฯลฯ นามาจัดวางเน้นใหอ้ ยู่ใน ตาแหนง่ ที่น่าสนใจ

2.3.2 ความสมดุล (Balance) • เป็นการกาหนดและจัดวาง องค์ประกอบมลู ฐาน ให้มีนา้ หนกั และขนาดในสดั ส่วนทเ่ี ท่า ๆ กันทง้ั สองข้าง สามารถทาได้ 3 แบบ ได้แก่ • (1) สมดลุ แบบสมมาตร (Symmetrical Or Balance) หมายถงึ การจัดวางภาพโดยวาง องค์ประกอบใหซ้ ีกซ้ายและซีกขวามีลักษณะเหมอื นกันทุกประการ ตวั อย่างเช่น ลักษณะใบหนา้ คน ลักษณะลายผีเสอ้ื ลักษณะสถาปตั ยกรรมส่วนใหญ่ ซึง่ เม่ือแบง่ งานดังกลา่ ว ออกเปน็ 2 ซีกจะมี องค์ประกอบท่ีเหมือนกนั อย่างแท้จริง สมดลุ ในลกั ษณะน้ีจะให้ความรสู้ ึกท่ี เคร่งครดั เปน็ ระเบียบ หนักแน่น เทยี่ งตรง มัน่ คง และมีความ น่าเคารพศรทั ธาแก่ผูพ้ บเห็น ความสมดุลแบบสมมาตร บางคร้งั กเ็ รียก “สมดุลแท”้

• (2) สมดุลแบบอสมมาตร (Asymmetrical Or Formal Balance) เปน็ การจัด องค์ประกอบเพ่ือใหผ้ ดู้ เู กิดความร้สู ึกวา่ องค์ประกอบในซีกซา้ ยและซีกขวามปี ริมาณ ที่เท่า ๆ กนั แม้ว่าลักษณะทแ่ี ทจ้ รงิ จะไม่เหมอื นกันก็ตาม สมดลุ ในลักษณะน้ีจะให้ ความรู้สกึ ที่เป็นอิสระ ไมเ่ ครง่ ครัด ความสมดุลแบบอสมมาตร บางครั้งเรียกว่า “สมดลุ ในความรู้สกึ ” ซง่ึ แตกตา่ งจากความสมดลุ แท้ เปน็ ความสมดุลที่เกิดความรู้สึก ในการรับร้จู ากภาพขององค์ประกอบตา่ ง ๆ • (3) สมดุลแบบรศั มี (Radical) เป็นการจัดวางองค์ประกอบใหม้ กี ารกระจายหรอื การ รวมตัว ทจี่ ดุ ศูนยก์ ลาง นิยมใช้ในการออกแบบลวดลายต่าง ๆ เช่น ลายดาวเพดาน และเคร่ืองหมายการคา้ เป็นต้น

2.3.3 ความมเี อกภาพ (Unity) • การจดั วางองค์ประกอบใหม้ กี ารรวมตวั เปน็ อนั หนึง่ อันเดยี วกัน โดยไม่แตกแยก สามารถทาได้หลายวธิ ี ดังน้ี • (1) การนารปู ร่าง รูปทรง มาวงซ้อนทับเกี่ยวเนื่องกนั การซ้อนทับกัน ย่อมสรา้ งความเปน็ อันหนงึ่ อันเดียวกนั ให้เกิดข้ึนในภาพได้ • (2) การใชร้ ูปรา่ ง รูปทรง ที่มคี วามกลมกลนื กนั แม้ว่าตวั ภาพมีลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ งกัน แต่ถ้าต้องการออกแบบ ใหเ้ กิดเอกภาพอาจใชพ้ น้ื รองรับภาพท่ีเหมอื นกนั จะทาให้เกดิ เอกภาพ เช่น การใช้รปู อิสระทง้ั หมด หรอื รปู เรขาคณิตทั้งหมดโดยไมป่ ะปนกันในแต่ละภาพ • (3) การใชพ้ นื้ รองรบั ภาพในลักษณะเดียวกัน แม้วา่ ตวั ภาพจะมีลักษณะทแ่ี ตกตา่ งกนั แตถ่ ้าตอ้ งการออกแบบ ให้เกดิ เอกภาพอาจใชพ้ ้ืนรองรบั ภาพทเ่ี หมือนกนั จะทาให้เกิดเอกภาพได้ • (4) การใชเ้ สน้ ชกั นาสายตาสู่จดุ เดยี วกัน ลักษณะของเสน้ ชักนาสายตารวมที่ส่จู ุดเดียวกัน ทาให้ผดู้ ูรสู้ ึกว่ามี ความเปน็ อันหนึ่งอันเดยี วกนั หรือเกิดภาพพจน์ • (5) การใช้เส้นโยงเพื่อทาให้เกิดเอกภาพ ผูอ้ อกแบบสามารถทาให้เกดิ การรวมตวั ได้โดยการใชเ้ สน้ โยงเพือ่ ให้ เปน็ อนั หน่งึ อนั เดยี วกัน • (6) การใชส้ วี รรณะเดียวกนั เพอื่ ทาให้เกดิ เอกภาพ แม้วา่ งานออกแบบจะ มีการใช้รปู ร่าง ทไี่ มก่ ลมกลนื กนั

• 2.3.4 จังหวะ (Rhythm) ลักษณะของจงั หวะในการจดั ภาพ ได้แก่ การวางองคป์ ระกอบมลู ฐาน ใหม้ ีระยะตาแหน่งขององค์ประกอบเป็นชว่ ง ๆ แบง่ ได้เป็น 3 ลกั ษณะ ได้แก่ จังหวะชนดิ ซา้ จงั หวะชนิดช่วงระยะทีเ่ ปน็ แบบแผนคงที่ และจงั หวะชนดิ ชว่ งระยะไม่คงท่ี • 2.3.5 ความกลมกลืน (Harmony) เป็นการจัดวางองค์ประกอบทางศิลปะ ซง่ึ มีคุณสมบัติใกลเ้ คยี ง กนั เข้าไวด้ ้วยกนั อย่างพอเหมาะ ทาให้งานออกแบบน้นั เกดิ ความประสานกลมกลืน มีความเป็น ระเบียบ และนาไปสคู่ วามมีเอกภาพ และตอ้ งจัดให้ความขัดแย้งเขา้ ไปรว่ มในผลงานน้นั บา้ งเพยี ง เล็กน้อย เพื่อทาให้เกดิ ความนา่ สนใจขนึ้ • 2.3.6 ความขดั แยง้ (Contrast) เป็นการจัดวางสว่ นประกอบมลู ฐานของการออกแบบไมใ่ ห้ซา้ ซาก กนั เชน่ มรี ปู รา่ ง สี ทแี่ ตกตา่ งกนั ซึ่งความขัดแย้งจะตรงข้ามกับ ความกลมกลืน และมคี ณุ คา่ ใน งานออกแบบของศลิ ปะและสงิ่ พมิ พ์ เพราะสามารถนามาใชแ้ กไ้ ขสิง่ ท่ีกลมกลืนกนั มาก ๆ จนเกดิ ความนา่ เบอ่ื หน่าย ให้กลบั กลายดนู า่ สนใจขน้ึ ได้ เช่น ดอกหางนกยงู สีแดงบานสะพร่งั เตม็ ตน้ มี ความสวยงาม แตถ่ า้ ในสว่ นของสีแดง หรือดา้ นหลงั ของสีแดงมสี เี ขยี วของใบไมร้ วมอยู่ด้วย หรือ ฉากหลังเปน็ ทอ้ งฟ้าสนี า้ เงนิ ก็จะทาให้สแี ดงนั้นมีความสวยงามและมคี วามน่าสนใจเพิ่มมากขึน้ เปน็ ต้น

• 2.3.7 สัดส่วน (Proportion) ในการออกแบบถือไดว้ า่ สัดส่วนมีความสาคัญมาก โดยสดั ส่วนเป็น กฎเกณฑข์ องเอกภาพทเ่ี กี่ยวขอ้ งกับความสมสว่ นซง่ึ กนั และกันของขนาดในสว่ นตา่ ง ๆ ของรูปทรง และ ระหวา่ งรูปทรง ในงานออกแบบมกี ารนาสัดสว่ นเขา้ มาใช้เพอื่ สร้างความรู้สกึ ทางสุนทรียภาพ และอุดมคตินั้นคอื การใชส้ ่วนประกอบมูลฐานทางการออกแบบ ได้แก่ เสน้ สี แสงเงา ฯลฯ เข้ามา ใช้ไดอ้ ย่างมคี วามสมั พนั ธ์ เหมาะสมกลมกลนื • 2.3.8 ความเรยี บง่าย (Simplicity) การวางองคป์ ระกอบในการจัดภาพ ควรเน้นท่คี วามเรยี บงา่ ย ไม่รกรงุ รงั ทาใหผ้ ูอ้ อกแบบสมัยใหมจ่ าเป็นจะตอ้ งตัดทอนรายละเอียดของงานออกแบบ เพ่ือให้ง่ายต่อการรบั รขู้ องผู้ดู และเหมาะสมกับสภาพความเปล่ียนแปลงในสังคม

2.4 หลกั การออกแบบทด่ี ี • ผลงานการออกแบบที่มคี ณุ ค่ายอ่ มตอ้ งมาจากหลักการออกแบบทดี่ ี ซึง่ ผทู้ ีท่ างานเกยี่ วขอ้ งกบั การ ออกแบบนนั้ ควรคิดพิจารณาอยูเ่ สมอในการสร้างสรรคผ์ ลงานโดยยึดหลักการ ดังตอ่ ไปน้ี • 2.4.1 ควรจะเปน็ การออกแบบทีม่ ีลกั ษณะเหมาะสมตรงกบั ความมงุ่ หมายตาม ประโยชน์ใชส้ อย มี ความกลมกลืนตามหลกั เกณฑ์ความงามของสงั คม และความสามารถปรบั ปรงุ เปลีย่ นแปลงได้ • 2.4.2 ควรเปน็ การออกแบบทีม่ ลี กั ษณะงา่ ย มีจานวนผลติ ผลตามความต้องการ ของสังคมและ มี กระบวนการผลติ ไมย่ ุ่งยากสลับซับซ้อน • 2.4.3 ควรจะมสี ัดส่วนท่ีดี มีความกลมกลืนกนั ท้งั สว่ นรวม เชน่ รปู แบบ ลักษณะผวิ เสน้ สี เป็นตน้ และมสี ดั ส่วนทเ่ี หมาะสมในการใช้งานด้วย • 2.4.4 ควรมีความเหมาะสมกบั วสั ดุและวธิ ีการ มคี ุณภาพ มวี ธิ กี ารใชง้ า่ ยสะดวก สามารถผลิตได้ ตรงตามความตอ้ งการของสังคมปัจจุบัน • 2.4.5 ควรมลี ักษณะของการตกแต่งอยา่ งพอดี ไมร่ กรุงรัง • 2.4.6 ควรมโี ครงสรา้ งทเ่ี หมาะสมกลมกลนื กับวฒั นธรรม และความตอ้ งการของสงั คม • 2.4.7 ไมค่ วรสน้ิ เปลอื งเวลามากนัก

2.5 หนา้ ท่แี ละประโยชนข์ องการออกแบบด้วยเทคโนโลยี • คอมพวิ เตอรช์ ว่ ยในการออกแบบมีหนา้ ทีส่ าคัญ 2 ประการ ประการแรกคอื อานวยความสะดวก ในการเขยี นแบบ (drafting) ของช้นิ งานท่ีต้องการบนจอภาพ การใช้คอมพวิ เตอรใ์ นการออกแบบ จะตัดความยุ่งยากในการเขยี นแบบบนกระดาษด้วยมอื ซึ่งเปน็ งานท่ีละเอยี ด ต้องการ ความสามารถสูง และกินเวลานานออกไป ทงั้ นค้ี อมพวิ เตอรส์ ามารถแสดงภาพบนจอจากขอ้ มลู ที่ ผู้ออกแบบป้อนใหเ้ ปน็ ภาพ ทัง้ ในระบบ 2 มติ ิ และ 3 มติ ิ ไดต้ ามต้องการ • หนา้ ท่ีสาคญั ประการท่ี 2 ของคอมพิวเตอรใ์ นงานออกแบบไดแ้ ก่ การจาลอง (simulation) สภาพ การทางานจรงิ ของชน้ิ งานทไี่ ด้ออกแบบไว้ในสภาวะตา่ ง ๆ เพอ่ื ศึกษารายละเอียดของชิ้นงาน และ วิเคราะหห์ าประสิทธภิ าพ และคุณภาพของช้ินงานน้ัน โดยท่ผี ู้ออกแบบไมจ่ าเป็นต้องสร้างช้นิ งาน ตน้ แบบ (prototype) ข้ึนมาทดลองจริง ๆ

ประโยชน์ของการใช้คอมพวิ เตอร์ช่วยในการออกแบบสรุปได้เปน็ 4 ประการสาคญั ดงั น้ี • 1. เพิ่มประสทิ ธภิ าพในการออกแบบ ในการเขยี นแบบ คอมพิวเตอรส์ ามารถช่วยผใู้ ชว้ าดรปู ต่าง ๆ บนจอภาพไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว และงา่ ยดาย ผูใ้ ชท้ ี่ไมม่ ีฝีมือในด้านการเขียนแบบกส็ ามารถวาดแบบท่ี ต้องการได้อย่างถกู ตอ้ ง และได้มาตรฐาน • 2. เพม่ิ คณุ ภาพของงานออกแบบ การท่คี อมพิวเตอรส์ ามารถรบั ภาวะทางดา้ นการคานวณตัวเลข ตา่ ง ๆ การแสดงผล และการเขียนแบบไปจากผู้ออกแบบได้ ทาให้ผ้อู อกแบบสามารถใช้สมองและ ความสามารถของตนเองทางาน ในสว่ นทีส่ าคัญอนื่ ๆ • 3. ลดต้นทุนการออกแบบและการผลติ การออกแบบโดยใชค้ อมพิวเตอรช์ ่วยเปน็ การออกแบบที่ไม่ สน้ิ เปลอื งทั้งวัสดแุ ละเวลา เพราะคอมพวิ เตอรส์ ามารถจาลองการทางาน หรือวิเคราะหง์ าน ออกแบบใหไ้ ด้ โดยผู้ออกแบบไม่ต้องสรา้ งชนิ้ งานต้นแบบขึ้นมาทดสอบจริง ๆ • 4. เป็นแหลง่ รวบรวมขอ้ มลู ตา่ ง ๆ ในการออกแบบ ตามปกติงานออกแบบโดยท่วั ไป เมื่อทาเสร็จ แลว้ สามารถนาข้อมูลมาใช้ในการออกแบบครงั้ ต่อไปได้ การออกแบบชน้ิ งานแตล่ ะชน้ิ งาน แตล่ ะ ประเภทจะตอ้ งเกิดขึ้นซ้าแลว้ ซา้ อกี ดังนัน้ ขอ้ มูลของการออกแบบงาน แตล่ ะช้นิ จะต้องเก็บไว้ เพ่อื นามาใช้ประกอบในการออกแบบครัง้ ตอ่ ๆ ไป

จัดทาโดย นางสาวปรีดพิ ทั ธ์ นาสา เลขท่ี 14 ปวส. 1 กส.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook