คานา หนงั สืออ่านเพม่ิ เตมิ วชิ าการงานพ้นื ฐานอาชพี เร่ือง”แหลง่ อารยธรรมโบราณในภูมภิ าเอเชีย” เลม่ น้ี เหมาะท่ีจะใชอ้ ่านประกอบการเรียนในระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษา การจดั ทาหนงั สือเล่มน้ีมีจุดประสงคเ์ พอื่ ให้นักเรียนไดศ้ กึ ษา แหล่งอารยธรรมของทวปี เอเชยี อน่ึงเน้ือหาสาระของหนังสือเร่ือง แหลง่ อารยธรรมโบราณในภมู ิภาเอเชยี เล่มน้ีตรงตามจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ของกล่มุ วชิ าประวตั ศิ าสตร์ หลกั สูตรมธั ยมศกึ ษา พทุ ธศกั ราช 2542 ทกุ ประการ
สารบญั หน้า 1 เรื่อง 11. อารยธรรมจนี 11.1 อารยธรรมจนี สมัยก่อนประวัติศาสตร์ 21.2 อารยธรรมจนี สมยั ประวัติศาสตร์ 41.2.1 พัฒนาการด้านอารยธรรมและความเจริญของจีน 51.3 อิทธิพลของอารยธรรมจนี 52. อารยธรรมอนิ เดีย 62.1 อารยธรรมล่มุ นา้ สินธุ 62.2 อารยธรรมอนิ เดียภายหลงั การเข้ามาของชาวอารยนั 82.2.1พฒั นาการด้านอารยธรรมและความเจริญของอนิ เดยี 92.3 อิทธพิ ลของอารยธรรมอนิ เดยี3. แหล่งมรดกโลกในประเทศต่าง ๆ ในภูมภิ าคเอเชีย
หน้า 11. อารยธรรมจีน1.1 อารยธรรมจนี สมยั ก่อนประวัติศาสตร์ร่องรอยอารยธรรมจนี เริ่มปรากฏข้ึนในยคุ หินเก่า เมือ่ มีการขดุ คน้ พบโครงกระดูก “มนษุ ย์ปกั กิ่ง” ซ่ึงมอี ายุ 500,000–300,000ปี มาแลว้แหลง่ โบราณคดี 2 แหลง่ ซ่ึงมลี กั ษณะเดน่ มาก คือ1. วฒั นธรรมหยางเชา (Yangshao culture) ขดุ พบซากโบราณคดีท่บี ริเวณมณฑลเหอหนาน2. วฒั นธรรมหลงชาน (Longshan culture) ขดุ พบซากโบราณคดีทบ่ี ริเวณมณฑลชานตงจนถึงเมอื งหางโจว มกี ารต้งั แหล่งชุมชน 1.2 อารยธรรมจนี สมัยประวัติศาสตร์ 1.2.1 ประวัติศาสตร์และพัฒนาการของการก่อตัวเป็ นรัฐราชวงศแ์ รกในยคุ ประวตั ิศาสตร์ของจนี คือ ราชวงศโ์ จว ปกครองแบบนครรัฐ เป็นยคุ แรกท่ีรูจ้ กั ประดิษฐต์ วั อกั ษรเพื่อบนั ทกึ เรื่องราวตา่ ง ๆ
หน้า 2 1.2.2 พฒั นาการด้านอารยธรรมและความเจริญของจีน1. ศาสนาและความเชื่อ ในสมยั ราชวงศช์ าง ชาวจนี นบั ถือเทพเจา้ และเช่ือเรื่องวญิ ญาณ จึงมีการเคารพบชู าบรรพบรุ ุษในชว่ งที่เกิดความแตกแยกสมยั ราชวงศโ์ จว ทาใหเ้ กิดนกั ปรัชญามากมายเพื่อแกป้ ญั หาสังคมและการเมอื ง มีแนวคิด 3 ลทั ธิ ไดแ้ ก่ ลทั ธิขงจ๊ือ ลทั ธิเต๋า ลทั ธิฝ่ าเจยี หรือนิติธรรมนิยม2. ศิลปะและนวัตกรรม การผลิตภาชนะสาริดและความกา้ วหนา้ ทางดาราศาสตร์ มีความเจริญกา้ วหนา้ ในสมยั ราชวงศช์ าง สามารถผลิตปฏิทนิ ในระบบจนั ทรคติ ตอ่ มาเมื่อเขา้ สู่ยคุ ท่ีประเทศจีนแตกแยก ไดน้ าเหล็กมาใชแ้ ทนสาริด ซ่ึงทนทานกวา่ ขณะเดียวกนั การแกะสลกัหยกเจริญกา้ วหนา้ และนามาใชเ้ ป็นเครื่องประดบั สุสานของจกั รพรรดิจนิ๋ ซี แสดงใหเ้ ห็นถึง ความกา้ วหนา้ ทางประติมากรรมของจีน ในสมยั ราชวงศฮ์ น่ั มกี ารประดิษฐ์กระดาษ เคร่ืองมอื ตรวจวดั ตาแหนง่ ดวงดาว สามารถ คานวณไดว้ า่ 1 ปี มี 365 วนั และคานวณการเกิด จนั ทรุปราคาได้
หน้า 33. ตวั อกั ษรและวรรณกรรม อกั ษรจนี เป็นตน้ กาเนิดของอกั ษรภาพพฒั นามาจากการวาดภาพเพื่อบนั ทกึ เร่ืองราวของมนุษยส์ มยั โบราณ ในสมยั ราชวงศช์ างและราชวงศโ์ จวนิยมสลกั คาทานายบนกระดองเตา่ หรือกระดูกสตั ว์ เรียกวา่ อกั ษรกระดองเตา่ จนกระทงั่ จกั รพรรดิจิน๋ ซีรวมประเทศเป็นปึ กแผน่ ไดแ้ ลว้ จงึ ปรบั ใหใ้ ชอ้ กั ษรจนี รูปแบบเดียวกนั ท้งั หมด กลายเป็นรูปแบบหน่ึงของศิลปะเรียกวา่ ศิลปะแบบพ่กู นั จนี (Calligraphy) อีกดว้ ยวรรณกรรมชดุ แรกที่มชี ื่อเสียง คือ “อู่จิง” แปลวา่ “คมั ภรี ์ท้งั 5 (Five Classics) จดั ทาโดยขงจอื๊ ไดแ้ ก่1) ซือจงิ เป็นหนงั สือทร่ี วบรวมบทกลอนจากแควน้ ต่าง ๆ2) ซูจงิ เป็นหนงั สือทรี่ วบรวมคาประกาศ เอกสารราชการ3) อ้ีจิง เป็นตาราทานายดวงชะตา4) หล่ีจ้ี เป็นหนงั สือเก่ียวกบั จารีต ขนบธรรมเนียม5) ชนุ ชิว เป็นบนั ทึกเหตุการณส์ าคญั ทางประวตั ิศาสตร์ เรียบเรียงโดยขงจือ๊
หน้า 44. การติดต่อค้าขาย ในสมยั ราชวงศช์ าง ใชเ้ ปลือกหอย หรือหอยเบ้ียเป็นส่ือกลางซ้ือขาย และเปลี่ยนมาใชเ้ งินตราในราชวงศโ์ จวจกั รพรรดิจ๋นิ ไดย้ กเลิกระบบเงินตรา และมาตรการวดั ของแควน้ ต่าง ๆ ใหใ้ ชต้ ามแบบอยา่ งในแควน้ ฉินทม่ี อี ยเู่ ดิม เป็นแบบเดียวกนั ท้งั ประเทศ ทาใหก้ ารติดตอ่ คา้ ขายสะดวกยงิ่ ข้ึนต่อมาไดม้ ีการบกุ เบกิ เส้นทางสายไหมข้ึนในสมยั ราชวงศฮ์ น่ั โดยเริ่มตน้ ท่ีเมืองฉางอาน และส้ินสุดทจ่ี กั รวรรดิโรมนั 1.3 อิทธิพลของอารยธรรมจีนดินแดนทเ่ี คยตกอยภู่ ายใตก้ ารปกครองของจีน เชน่ เกาหลี เวยี ดนาม จะไดร้ ับอารยธรรมจนีอยา่ งสมบรู ณ์ ประเทศในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ จะยอมรบั อารยธรรมจนี ดว้ ยผลประโยชน์ทางการคา้ ส่วนเส้นทางการคา้ สายไหม มีการแลกเปลี่ยนระหวา่ งอารยธรรมตะวนั ตกกบั จีนจนี ไดแ้ พร่ขยายวิทยาการและส่ิงประดิษฐ์ต่าง ๆ
หน้า 52. อารยธรรมอินเดยี2.1 อารยธรรมล่มุ นา้ สินธุหลกั ฐานทางโบราณสถานและโบราณวตั ถทุ พี่ บในเมอื งฮารัปปาและเมืองโมเฮนโจดาโร เกิดจากชาวดราวเิ ดียนซ่ึงเป็นชาวพื้นเมอื งของอินเดีย สนั นิษฐานวา่ อารยธรรมลมุ่ น้าสินธมุ คี วามเจริญในระดบั เดียวกบั อารยธรรมเมโสโปเตเมยี โดยพบเครื่องประดบั ของอารยธรรมเมโสโปเตเมียในเมอื งฮารปั ปาและโมเฮนโจดาโร2.2 อารยธรรมอนิ เดียภายหลงั การเข้ามาของชาวอารยัน2.2.1 ประวัติศาสตร์และพฒั นาการของการก่อตัวเป็ นรัฐกอ่ นที่อารยธรรมอินเดียจะพฒั นาไปสู่จกั รวรรดิ แบง่ ได้ 2 ยคุ คือ1. ยคุ พระเวท เป็นยคุ แรกท่ชี าวอารยนั มาต้งั หลกั แหลง่ มนั่ คงในอินเดียเกิดเป็นระบบวรรณะ2. ยคุ มหากาพย์ (ประมาณ 900–600 ปี กอ่ นคริสต์ศกั ราช) เป็นชว่ งที่ชาวอารยนั ขยายตวั ไปทางตะวนั ออกเฉียงเหนือและทางตอนกลางของอินเดียมีการกอ่ ต้งั เมืองต่าง ๆ แควน้ ที่มีอานาจในสมยั น้นั คือ แควน้ มคธ
หน้า 62.2.2 พฒั นาการด้านอารยธรรมและความเจริญของอนิ เดีย1. ศาสนาและความเชื่อ ในตอนแรกชาวอินเดียนบั ถือเทพเจา้ ตอ่ มาในยคุ พระเวทไดเ้ กิดคมั ภรี ์ทางศาสนาพราหมณ์ เรียกวา่ คมั ภีร์พระเวท ประกอบดว้ ย ฤคเวท ยชุรเวท และสามเวทการปกครองของสงั คมแบง่ ออกเป็น 4 วรรณะ คือพราหมณ์ กษตั ริย์ แพศย์ และศทู ร หากแตง่ งานขา้ มวรรณะ บตุ รจะกลายเป็นคนท่อี ยนู่ อกวรรณะ เรียกวา่ จณั ฑาล กลายเป็นท่ีรงั เกียจของสังคมตอ่ มาเกิดศาสนาข้ึนใหม่ 2 ศาสนา เป็นศาสนาแบบอเทวนิยม1) ศาสนาเชน ศาสดาคือ พระมหาวีระ2) พระพุทธศาสนา ศาสดาคือ พระพุทธเจา้ ตรัสรู้ความจริงอนั ประเสริฐ 4 ประการ หรืออริยสัจ 4 ไดแ้ ก่ ทกุ ข์ สมทุ ยั นิโรธ และมรรค เป็นหลกั การของพระพุทธศาสนา นอกจากน้ียงั เชื่อในกฎแหง่ กรรม คือ ใครทาส่ิงใดยอ่ มไดผ้ ลตอบแทน พระพทุ ธศาสนาเจริญรุ่งเรืองในสมยั พระเจา้ อโศกมหาราช
หน้า 72. ศิลปะและนวัตกรรม ในสมยั พระเจา้ อโศกมหาราช มสี ิ่งกอ่ สรา้ งทม่ี คี วามสาคญั ดงั น้ี1) สถูป สร้างข้ึนเพ่ือบรรจพุ ระบรมสารีริกธาตุ2) ถ้าวหิ าร สร้างเพื่อใหพ้ ระสงฆจ์ าวดั3) เสาหิน เป็นเสาหินขนาดใหญ่ท่สี วยงาม แสดงใหเ้ ห็นวา่ พระเจา้ อโศกมหาราชทรงยกยอ่ งเชิดชพู ระพทุ ธศาสนาในช่วงทชี่ าวกรีกครอบครองทางตอนเหนือของอินเดียเกิดการผสมผสานศิลปะของกรีกและอินเดียข้ึน เรียกวา่ ศลิ ปะคนั ธาระ โดยมกี ารป้ันรูปพระพทุ ธเจา้ เป็นคร้ังแรกนกั คณิตศาสตร์ไดพ้ ฒั นาสัญลกั ษณข์ องตวั เลข ซ่ึงเป็นรากฐานของตวั เลขทใี่ ชใ้ นปัจจบุ นัรวมถึงระบบทศนิยมและสมการพีชคณิตกาลงั สองส่วนการแพทยม์ คี วามเจริญกา้ วหนา้ เชี่ยวชาญในการเสริมความงามและผลิตยาที่ใชร้ กั ษาโรคเรื้อนได้สมยั คุปตะมคี วามกา้ วหนา้ กวา่ อาณาจกั รอื่น
หน้า 83. ตวั อักษรและวรรณกรรมยคุ มหากาพย์ ไดเ้ กิดวรรณคดีท่ียง่ิ ใหญ่ 2 เร่ือง คือ1) มหากาพยร์ ามายณะ2) มหากาพยม์ หาภารตะ4. การตดิ ต่อค้าขาย ในสมยั จกั รวรรดิเมารยะ การคา้ ขายมีความเจริญรุ่งเรืองข้ึน เพราะบา้ นเมอื งอยใู่ นความสงบ 2.3 อทิ ธพิ ลของอารยธรรมอินเดียอารยธรรมอินเดียไดแ้ พร่ขยายไปยงั ภมู ิภาคตา่ ง ๆ จนอารยธรรมอินเดียกลายเป็นส่วนหน่ึงของอารยธรรมในสงั คมน้นั ๆในภมู ิภาคเอเชียกลาง ยคุ สมยั แรก ๆ มีพฒั นาการทางประวตั ิศาสตร์และวฒั นธรรมร่วมกบัชาวอินเดีย แลว้ อารยธรรมอิสลามกเ็ ขา้ มาแทนท่ีจนถึงปจั จบุ นัในภมู ิภาคเอเชียตะวนั ตกเฉียงใต้ ชาวมสุ ลิมไดใ้ ชว้ ทิ ยาการหลายอยา่ งของอินเดีย เช่นการแพทย์ คณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์เอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ เป็นภมู ภิ าคทม่ี ีอิทธิพลของอารยธรรมอินเดียมากท่สี ุด โดยเฉพาะดา้ นศาสนา นอกจากน้ีตวั อกั ษรอินเดียกเ็ ป็นมรดกตกทอดมาถึงภมู ภิ าคน้ีดว้ ย
หน้า 9 3. แหล่งมรดกโลกในประเทศต่าง ๆ ในภูมภิ าคเอเชีย 3.1 แหล่งมรดกโลกในดนิ แดนเอเชียตะวันออก1. กาแพงเมอื งจีน (The Great Wall)ภาษาจีนเรียกวา่ “กาแพงหม่นื ล้ี” เป็นกาแพงทย่ี าวที่สุดในโลก ยเู นสโกได้ประกาศใหก้ าแพงเมอื งจนี เป็นมรดกทางวฒั นธรรมใน ค.ศ. 1987 และเป็น1 ใน 7 ส่ิงมหศั จรรยข์ องโลกสมยั กลาง 2. ปราสาทฮิเมจิ (Himeiji-Jo) เรียกอีกชื่อ หน่ึงวา่ “ปราสาทกระเรียนขาว” ปราสาท แหง่ น้ีมกี ารออกแบบระบบการปอ้ งกนั ที่ ซบั ซอ้ น และรอดพน้ จากการถูกทาลาย ดว้ ยระเบิดในสงครามโลกคร้ังท่ี 2 ยเู นสโกไดป้ ระกาศใหป้ ราสาทฮิเมจเิ ป็น มรดกโลกทางวฒั นธรรมใน ค.ศ. 1993
หน้า 10 3. สุสานราชวงศ์โชซอน (Royal Tombs of Joseon Dynasty) เป็นทีต่ ้งั สุสาน ท้งั หมด 40 สุสาน กระจายอยใู่ นพ้ืนท่ี ทง้ั หมด 18 แหง่ ยเู นสโกไดป้ ระกาศให้ สุสานราชวงศโ์ ชซอนเป็นมรดกโลกทาง วฒั นธรรมใน ค.ศ. 2009 3.2 แหล่งมรดกโลกในดนิ แดนเอเชียใต้1. ตาชมะฮัล (Taj Mahal) ต้งั อยทู่ ีเ่ มืองอคั ระ รฐั อตุ ตรประเทศ สร้างข้ึนจากหินอ่อนสีขาวและประดบั ดว้ ยอญั มณีใชเ้ วลาก่อสร้างถึง 20 ปี ยเู นสโกไดป้ ระกาศใหต้ าชมะฮลั เป็นมรดกโลกทางวฒั นธรรมใน ค.ศ. 1983 และเป็น 1 ใน 7 ส่ิงมหศั จรรยข์ องโลก2. ตกั ศิลา (Taxila) ต้งั อยบู่ นเสน้ ทางการคา้ และเคยตกอยใู่ ตอ้ านาจของจกั รวรรดิเปอร์เซียและกรีก ถือไดว้ า่ เป็นจดุ นดั พบระหวา่ งอารยธรรมตะวนั ตกและอารยธรรมตะวนั ออกยเู นสโกไดป้ ระกาศใหต้ กั ศิลาเป็นมรดกโลกทางวฒั นธรรมใน ค.ศ. 1980
หน้า 11 3.3 แหล่งมรดกโลกในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ เปตรา (Petra) เป็นเมืองโบราณต้งั อยทู่ างตะวนั ออก ของหบุ เขาวาดีมซู า (Wadi Musa) ชาวอาหรับไดเ้ ขา้ มา สกดั หินผาลึกเขา้ ไปเป็นอาคารตา่ ง ๆ ตามหบุ เขา สถาปัตยกรรมผสมผสานระหวา่ งกรีกและศลิ ปะแบบ ตะวนั ออก ยเู นสโกไดป้ ระกาศใหเ้ ปตราเป็นมรดกโลก ทางวฒั นธรรมใน ค.ศ. 1985 3.4 แหล่งมรดกโลกในดนิ แดนเอเชียกลางซามาร์คันด์ (Samarkand–Crossroadsof cultures) ก่อต้งั ข้ึนราวศตวรรษท่ี 7 กอ่ นคริสต์ศกั ราช และในคริสตศ์ ตวรรษท่ี 14 พระเจา้ ติมรู ์ไดร้ วบรวมชา่ งฝี มือจากเมืองต่าง ๆ ท่ีพระองค์ไปยึดครองมาได้ เช่น ดามสั กสั อาเซอร์ไบจาน มาสร้างสถาปตั ยกรรมในเมอื ง เชน่สุสาน สุเหร่า ใจกลางเมืองซามาร์คนั ด์ในสมยั น้นั เรียกวา่ “เรกิสถาน” (registan) ยเู นสโกได้ประกาศใหซ้ ามาร์คนั ด์เป็นมรดกโลกทางวฒั นธรรมใน ค.ศ. 2001
บรรณานุกรมรศ.ดร.ไพฑูรย์ มกี ศุ ล และคณะ.ประวตั ิศาสตร์ ม.2.พิมพ์คร้ังที่ 4.กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์วฒั นาพานชิ จากดั ,2551ทมี งานทรูปลกู ปญั ญา.2559. “บทเรียนออนไลน์ วชิ าสังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม เร่ือง แหล่งอารยธรรมโบราณในเอเชีย.”[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก:www.trueplookpanya.com/learning
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: