46 ธาลสั ซเี มีย (Thalassemia) ธาลัสซีเมีย (Thalassemia) เป็นโรคโลหิตจางที่มีสาเหตุจากความผดิ ปกติทางพันธุกรรมระดับยนี ทาให้การสร้างฮีโมโกบิล (Hemoglobin; Hb) ซึ่งเป็นโปรตีนที่เป็นส่วนประกอบสาคัญของเม็ดเลือดแดง ผดิ ปกติ ส่งผลใหเ้ มด็ เลือดแดงมอี ายุสนั้ แตกงา่ ย ถกู ทาลายงา่ ย จดั เปน็ โรคโลหิตจางทางพันธกุ รรมท่ีพบบ่อย ที่สุดในโลก Vichinsky EP. Changing patterns of thalassemia worldwide. Annals of the New York Academy of Sciences. 2005;1054:18-24. อาหารท่ีเหมาะสมสาหรับผปู้ ่วยโรคธาลสั ซีเมยี คอื อาหารทมี่ โี ปรตนี และกรดโฟลกิ (Folic acid) สงู เพ่อื ช่วยในการสร้างเมด็ เลือดแดง ปริมาณโฟเลทในอาหาร อาหาร ปริมาณโฟเลท (ไมโครกรัมตอ่ 35 กรมั หรือ ½ ส่วน) ตาลงึ 42.70 ใบกุ๋ยชา่ ย 50.75 ผักกาดหอม 36.75 คน่ื ชา่ ย 39.90 ดอกกะหล่า 32.90 มะเขือเทศ 8.61 ถว่ั เขยี ว 53.55 ถวั่ แดง 49.70 ถั่วเหลอื ง 62.65 อ้างองิ จาก : ผศ.ภญ.ดร.กลุ วรา เมฆสวรรค์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย เรอ่ื ง โภชนาการผปู้ ว่ ยธาลัสซเี มยี
อาหารท่คี วรหลกี เลย่ี งสาหรบั ผู้ปว่ ยโรคธาลัสซีเมีย 47 คอื อาหารทม่ี ีธาตุเหล็กสงู ปรมิ าณธาตุเหล็ก (มิลลิกรมั ผลิตภัณฑ์จากสตั ว์ทมี่ ีปรมิ าณธาตเุ หล็กสงู ตอ่ 40 กรัมหรอื 1 ส่วน) เน้อื สตั ว์ ปริมาณธาตุเหล็ก (มิลลกิ รมั สัตวน์ า้ 28.0 ต่อ 40 กรัมหรือ 1 ส่วน) 25.2 ก้งุ ฝอยสด 15.6 ปอดหมู 47.6 หอยโขม 6.4 หอยแมลงภู่ 8.1 เลอื ดหมู 25.9 หอยแครง 5.8 ปลาดุก 5.6 หมูหยอง 17.8 ปลาชอ่ น ปลาตะเพียน ตับหมู 10.5 น่องไกบ่ า้ น 7.8 เนื้อวัวเค็มทอด 7.5 กบแหง้ 3.8 ผลิตภัณฑจ์ ากธญั พชื และเห็ดที่มปี รมิ าณธาตุเหลก็ สูง ธัญพชื และ ปรมิ าณธาตเุ หล็ก ผักและเห็ด ปริมาณธาตเุ หลก็ (มิลลกิ รัมต่อ 100 กรมั ) ของว่าง (มลิ ลกิ รมั ตอ่ 100 กรมั ) 36.3 ดาร์กช็อกโกแลต 17.0 ผักกูด 17.2 15.1 ถ่วั ดา 16.5 ใบแมงลกั 9.9 เต้าเจี้ยว 15.2 ใบกระเพาแดง เมลด็ ฟกั ทอง 15.0 ยอดมะกอก
48 ถวั่ ลิสง 13.8 ดอกโสน 8.2 งาขาว 13.0 ใบชะพลู 7.6 ถั่วแดง 10.5 ตน้ หอม 7.3 ลูกเดือย 10.0 มะเขือพวง 7.1 งาดา 9.9 เหด็ หหู นู 6.1 จมูกข้าวสาลี 6.8 ยอดออ่ นขเ้ี หลก็ 5.8 ขา้ วโอต๊ 6.5 ผกั กระเฉด 5.3 อ้างอิงจาก : ผศ. ดร. ภญ. ปยิ นชุ โรจนส์ ง่า ภาควิชาเภสัชเคมี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหิดล เร่อื ง บทความเผยแพร่ความร้สู ปู่ ระชาชน ธาลัสซีเมยี (Thalassemia)...กินอย่างไรใหเ้ หมาะสม หมายเหตุ : ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารร่วมกับอาหารท่ีมีวิตามินสูง เช่น ส้ม มะเขือเทศ เพราะ วติ ามนิ ซีจะชว่ ยในการดูดซมึ ธาตุเหลก็ และควรรบั ประทานร่วมกบั อาหารทลี่ ดการดูดซกึ ธาตุเหลก็ เชน่ ชา และนมถ่ัวเหลือง
49 รูปแบบอาหาร อาหารคีโตเจนิค (Ketogenic diets) อาหารคีโตเจนิค (Ketogenic diets) เป็นวิธีการบริโภคอาหารรูปแบบหนึ่งทีม่ ีทาใหร้ า่ งกายเกดิ การ ผลิตสารคีโตน (ketone) หลักการสาคัญ คือเน้นบริโภคอาหารที่มีส่วนประกอบของไขมันและโปรตีนใน ปริมาณสูง แต่มีปริมาณคารโ์ บไฮเดรตตา่ (low-carbohydrate diet, LC) รูปแบบอาหารดังกล่าวมีผลตอ่ การ ลดน้าหนกั เปน็ วิธีท่ีลดนา้ หนกั ได้อย่างมปี ระสิทธิภาพโดยเฉพาะในระยะสนั้ และชว่ ยการควบคุมระดับนา้ ตาล ในโรคเบาหวาน อาการท่ีพบได้ในคนท่ีบริโภคอาหารคีโตเจนิค คือ การมีไข้ เมื่อยล้า ซึ่งมักเกิดในสัปดาห์แรก นอกจากนีย้ งั อาจจะพบอาการเวยี นหัว อ่อนเพลยี ทอ้ งผูก และนอนไม่หลับ ดงั น้นั คนทีบ่ รโิ ภคอาหารลกั ษณะ LC ควรได้รับการตรวจเลือดเป็นระยะ ๆ และปรับเปล่ียนการบริโภคอาหารหรือการออกกาลังกายอย่าง เหมาะสม อาหารคีโตเจนคิ กบั ระดบั น้าตาลในเลอื ด งานวจิ ัยระยะอาหารคีโตเจนิค สามารถช่วยลดระดบั น้าตาล ในเลอื ด ลดระดับอินซูลิน ดงั นนั้ อาหารคีโตเจนิค อาจใชไ้ ดก้ บั ผู้เป็นเบาหวานชนิดท่ี 2 และคนทว่ั ไปทตี่ อ้ งการ ลดน้าหนัก และต้องไม่มีโรคประจาตัวท่ีต้องระวัง เช่น โรคตับ โรคผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ต้องรับอินซูลิน (รวมถึงเดก็ และวยั รุ่นท่ีเปน็ เบาหวานชนิดท่ี 1) อาจมโี อกาสเกิดปัญหาระดบั น้าตาลต่าได้มากข้ึน ด้วยรูปแบบ การกินอาหารแบบน้ีเปน็ การเพ่ิมคีโต เน่ืองจากผู้ป่วยกลุ่มนี้มีความเส่ียงต่อการเกิดภาวะความเป็นกรดจาก สารคโี ตนในเลอื ดมาก (Ketoacidosis) รวมถึงมีความเส่ยี งตอ่ การเกิดภาวะน้าตาลตา่ มากเกนิ ไป
50 DASH diet DASH Diet (Dietary Approaches to Stop Hypertension Diet) โดยช่ือ DASH Diet หมายถึง แนวทางโภชนาการเพื่อหยดุ ความดนั โลหิตสงู หลักการ : ลดการบริโภคอาหารท่ีมีเกลือโซเดียม ไขมันอ่ิมตัว ไขมันรวมและคอเรสเตอรอลลง และ เพ่ิมการรับประทานใยอาหาร โปรตีน แคลเซียม แร่ธาตุต่างๆอย่าง โปแตสเซียมและแมกนีเซียม รวมถึง ปรมิ าณสารไนเตรทที่มีผลการศกึ ษาถงึ การลดความดันโลหิตสูงได้ สัดสว่ นการรบั ประทานอาหารตามหลกั DASH ใน 1 วนั : ชนิดอาหาร สดั ส่วน ธญั พชื ชนิดตา่ งๆ โดยเน้นเป็นธัญพืชไมข่ ดั สี 7-8 ส่วนบรโิ ภค (หรือประมาณ 7-8 ทัพพ)ี ผกั และผลไม้ อยา่ งละ 4-5 สว่ นบรโิ ภค (หรอื ประมาณ 4-5 ทัพพี และผลไม้ 3-4 ส่วน) เนื้อสตั วไ์ ขมันตา่ อย่างเนอ้ื ปลา 2-3 ส่วนบริโภค (หรอื ประมาณ 4-6 ช้อนกนิ ขา้ ว) ลดการรับประทานสตั ว์เนอื้ แดง การตัดสว่ นไขมนั หรือหนงั ของเนื้อสัตว์และเลือกรบั ประทานเน้อื สตั ว์ ไขมันตา่ นา้ มันหรอื ไขมัน 2-3 ส่วนบรโิ ภค (หรือไมเ่ กนิ 6 ช้อนชา) ถว่ั ชนิดตา่ งๆ เชน่ อัลมอนด์ ถว่ั เลนทิล 4-5 ส่วนบรโิ ภค(หรอื ประมาณ 4-5 ฝ่ามือ)ตอ่ สัปดาห์ ของหวานชนิดตา่ งๆ ไม่เกิน 5 ส่วนบริโภคตอ่ สัปดาห*์ แนะนาให้ รบั ประทานนานๆครงั้ แนะนาให้ใชเ้ ครอ่ื งเทศหรือสมนุ ไพรตา่ งๆในการ เสริมรสชาตอิ าหาร และลดการใช้เกลอื หรอื เครื่องปรงุ ทม่ี ีโซเดียมสงู ในการปรงุ แต่งอาหาร -Mayo Clinic Staff. DASH diet: Healthy eating to lower your blood pressure [online document]. http://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/nutrition-and-healthy-eating/in-depth/dash-diet/art-20048456. October 3, 2017. -Siervo, M., Lara, J., Chowdhury, S., Ashor, A., Oggioni, C., & Mathers, J. (2015). Effects of the Dietary Approach to Stop Hypertension (DASH) diet on cardiovascular risk factors: A systematic review and meta- analysis. British Journal of Nutrition, 113(1), 1-15. doi:10.1017/S0007114514003341.
51 (นิพาวรรณ, มปป)
52 Therapeutic Lifestyle Change Diet ที่มา : national cholesterol Education Program Adult Treatment Panel III, 2001 TLC ยอ่ มาจาก Therapeutic Lifestyle Change Diet เปน็ วิธกี ารดแู ลทางโภชนบาบดั ทางการแพทย์วธิ หี นง่ึ ท่ีมปี ระสทิ ธภิ าพในการดูแลผปู้ ว่ ยทม่ี ีภาวะไขมันในเลือดผดิ ปกตไิ ดเ้ ป็นอยา่ งดี
53 ศัพท์ทางการแพทย์ A Atrial Fibrillation (AF) โรคหวั ใจเตน้ ผดิ จงั หวะ ไม่สม่าเสมอ Asthma โรคหอบหดื Ante natal care (ANC) การดแู ลกอ่ นคลอด(การฝากครรภ)์ Allergy โรคภูมิแพ้,แพ้ Acute Gastroenteritis (AGE) ลาไส้อักเสบฉบั พลัน Acidosis ภาวะเลอื ดเป็นกรด Acute Renal Failure (ARF) ไตวายฉับพลนั Atherosclerotic heart disease โรคหลอดเลือดแดงหวั ใจแข็ง B Burns แผลไหม้ Blunt chest ได้รับการกระแทกทหี่ น้าอก Blood pressure (BP) ความดนั โลหติ Benign Prostatic Hyperplasia (BPH) โรคตอ่ มลกู หมากโต Basal ganglia ปมประสาท ทีม่ หี น้าทีเ่ กีย่ วขอ้ งกบั การสัง่ การการเคลอ่ื นไหวของรา่ งกาย การเรยี นรู้ การ ตัดสินใจและกจิ เก่ยี วกบั อารมณค์ วามรสู้ กึ C C-Spine injury การบาดเจ็บท่กี ระดกู ต้นคอ Crushing การบดทบั Concussion สมองกระทบกระเทือน Coma ภาวะหมดสติ ไม่รสู้ ึกตวั Complication โรคแทรกซอ้ น Cesarian Section (C/S) การผ่าคลอด Chief Complaint (CC)ประวตั สิ าคัญทม่ี าโรงพยาบาล Computed Tomography (CT) การตรวจเอก็ ซเ์ รย์คอมพวิ เตอร์ Cerebrovascular Accident (CVA) โรคทางหลอดเลอื ดสมอง Constipation ทอ้ งผกู Coronary Care Unit (CCU) หออภิบาลผปู้ ่วยหนกั เฉพาะโรคหัวใจ Colonic polyp ตงิ่ เน้ือท่ีลาไสใ้ หญ่ Continuous Ambulatory Peritoneal Dialysis (CAPD) การลา้ งไตทางชอ่ งท้องชนิดต่อเนอื่ งด้วย ตนเอง
54 CTF (Capture the fracture) เป็นโครงการดูและผ้ปู ว่ ยโรคกระดูกหักจากโรคกระดูกพรนุ โดยทีมสหวิชาชพี ปจั จบุ นั ใช้คาว่า FLS (Fracture Liaison service) D Dyslipidemia (DLD) โรคไขมนั ในเลอื ดสงู Diagnosis (Dx) การวินจิ ฉัยโรค Dyspnea หอบเหน่ือย Discharge ผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลแลว้ E Emergency room (E.R) หอ้ งฉุกเฉนิ F Fracture การแตกหกั ของกระดกู Fracture Femur กระดูกต้นขาหกั Follow up (F/U) นดั ตรวจตดิ ตามอาการ Family history (FH) ประวัติการเจ็บป่วยของคนในครอบครวั G General Appearance (GA) ลักษณะภายนอกทัว่ ไป Global aphasia เป็นความผิดปกตขิ องภาษาพูด เกิดจากพยาธิสภาพที่สมอง ผปู้ ว่ ยจะพูดไม่คล่อง ไม่ชดั และ มีปัญหาเร่อื งความเข้าใจ H Head injury การได้รบั บาดเจ็บทศี่ รี ษะ Hemodialysis หอ้ งลา้ งไต HT (Hypertension) ความดันโลหิตสงู I In patient Department (IPD) แผนกรกั ษาผ้ปู ่วยใน Infection การติดเชื้อ Intake/Outtake (I/O) ปริมาณน้าเข้าออกในแตล่ ะวนั Intensive care unit (I.C.U) หออภบิ าลผปู้ ว่ ยหนักรวม Ischemic stroke โรคหลอดเลอื ดสมองตบี หรอื อุดตนั Intracerebal hemorrhage โรคหลอดเลือดสมองแตกจากการฉกี ขาดของหลอดเลอื ดในสมอง J Jaundice ดีซ่าน K
55 L Labour room (L.R) ห้องคลอด LN (Lupus Nephritis) โรคไตท่เี ปน็ ผลกระทบจากโรค SLE M Medication (MED) อายุรกรรม Morbid obesity ภาวะอว้ นอย่างรนุ แรง N Nervous System (N/S) สญั ญาณชพี ทางระบบประสาท Not applicable (N/A) ไมม่ ขี ้อมลู Nephrotic syndrome (NS) ไตอักเสบ Nasogastric Tube (NG Tube) การใส่สายยางทางจมูกถงึ กระเพาะ NASH (Nonalcoholic steatohepatitis) เปน็ ภาวะท่ีมีไขมนั สะสมในตับรวมกบั การอกั เสบ Non-ST Elevated Myocardial Infarction (NSTEMI) ภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลนั O Observe สงั เกตอาการ Orthopedic (ORTHO) กระดกู และข้อ Out Patient Department (OPD) แผนกผปู้ ่วยนอก Operating room (O.R) ผ่าตัด ORIF (Open Reduction Internal Fixation) การผา่ ตดั กระดกู ใหเ้ ขา้ ท่ี โดยการตรงึ กระดูกทห่ี ักดว้ ยโลหะซ่งึ จะใสอ่ ย่ภู ายนอกรา่ งกายของผปู้ ่วย P Pneumothorax ภาวะลมในช่องปอด Pulse ชีพจร Pain ความปวด Pale ซีด Physical therapy แผนกกายภาพบาบัด Pharmacy ห้องจา่ ยยา Physical Examination (PE) การตรวจรา่ งกาย Past History (PH) ประวัติอดีต Present Illness (PI) ประวตั ิปจั จบุ นั Physical therapy (PT) กายภาพบาบัด Past medical history (PMH) ประวตั ิอดีตของการรักษา
56 Q R R/O สงสัยวา่ จะเป็น S Swelling อาการบวม Surgical (SUR) ศัลยกรรม (รกั ษาดว้ ยการผา่ ตัด) Side effect ผลขา้ งเคยี ง Sputum เสมหะ Stress เครียด Surgery ศลั ยกรรม Septicemia ตดิ เชื้อในกระแสเลอื ด SLE (Systemic lupus erythematosus) โรคแพ้ภูมิตวั เอง Septic shock ภาวะช็อกเหตุพิษติดเช้อื เกิดข้ึนหลงั จากการติดเช้ือในกระแสเลอื ด Surgical Intensive Care Unit (SICU) หออภบิ าลผู้ป่วยวิกฤตศัลยกรรม ST Elevated Myocardial Infarction (STEMI) ภาวะหวั ใจขาดเลือดเฉยี บพลัน SGOT (Serum Glutamic-Oxaloacetic Transaminase) หรือ AST (Aspartate Transaminase) เปน็ เอนไซมท์ ่ีใชช้ ว่ ยตรวจภาวะโรคตบั SGPT (Serum glutamate pyruvate transaminase) หรอื ALT (Alanine transaminase) เปน็ เอนไซมท์ ่ี ใช้ช่วยตรวจภาวะโรคตับ T Treatment การรกั ษา Transfer การยา้ ยผู้ปว่ ย Therapy การรักษา Traumatic Brain Injury (TBI) การบาดเจบ็ ทสี่ มอง Tuberculosis วณั โรค U Unconscious ไมร่ ูส้ กึ ตวั Urine analysis การเก็บปสั สาวะสง่ ตรวจ Urticaria ลมพิษ Underlying disease (U/D) โรคประจาตวั Upper Respiratory Infection (URI) การตดิ เชือ้ ทางเดนิ หายใจส่วนบน Urinary Tract Infection (UTI) การตดิ เชอ้ื ทางเดนิ ปสั สาวะ
57 V Vital sign (V/S) สัญญาณชพี Vomit อาเจียน Viral myocarditis กลา้ มเนอื้ หวั ใจอักเสบจากไวรสั W Wound แผล Weak ออ่ นเพลยี Ward ตกึ ผูป้ ่วย Nutri-note เล่มน้เี ป็นสว่ นของรายวิชาการ เตรียมสกจิ ซ่งึ สามารถนาเนอ้ื หาความรูใ้ น นม้ี าใชใ้ นขณะฝกึ เตรยี มสหกจิ หรืออาจอา่ น ทบทวนความรไู้ ด้
58 [email protected]
Search