Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เข้าใจสมรรถนะอย่างง่ายๆฉบับประชาชน ครู ผู้บริหารและบุคลากรทางการศึกษา

เข้าใจสมรรถนะอย่างง่ายๆฉบับประชาชน ครู ผู้บริหารและบุคลากรทางการศึกษา

Description: เข้าใจสมรรถนะอย่างง่ายๆฉบับประชาชน ครู ผู้บริหารและบุคลากรทางการศึกษา

Search

Read the Text Version

เขา้ ใจ สมรรถนะ อย่างง่ายๆ ฉบบั ประชาชน เขา้ ใจหลกั สูตรฐานสมรรถนะ อย่างงา่ ยๆ ฉบบั ครู ผบู้ รหิ าร และบคุ ลากรทางการศึกษา ส�ำ นกั ง�นเลข�ธกิ �รสภ�ก�รศกึ ษ� กระทรวงศึกษ�ธกิ �ร

371.42 สำานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ส 691 ข เขา้ ใจสมรรถนะอย่างง่ายๆ ฉบับประชาชน และเข้าใจหลกั สูตร ฐานสมรรถนะอยา่ งงา่ ยๆ ฉบับครู ผู้บรหิ าร และบุคลากรทางการศกึ ษา กรงุ เทพฯ : สกศ., 2562 24 หน้า ISBN : 978-616-270-194-8 1. การจดั การศึกษาฐานสมรรถนะ 2. ชือ่ เร่ือง เขา้ ใจสมรรถนะอยา่ งงา่ ยๆ ฉบบั ประชาชน และเข้าใจหลกั สูตรฐานสมรรถนะอยา่ งงา่ ยๆ ฉบบั ครู ผ้บู รหิ าร และบุคลากรทางการศกึ ษา ส่งิ พิมพส์ กศ. อนั ดับท่ี 20/2562 ISBN 978-616-270-194-8 พมิ พค์ ร้ังที่ 1 พฤษภาคม 2562 จาำ นวนพิมพ์ 2,000 เลม่ พิมพเ์ ผยแพร่โดย กลมุ่ มาตรฐานการศึกษา พิมพ์ท่ี สำานักมาตรฐานการศกึ ษาและพัฒนาการเรยี นรู้ สำานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา 99/20 ถนนสโุ ขทยั เขตดสุ ติ กรุงเทพฯ 10300 โทรศพั ท์ : 0 2668 7123 ต่อ 2528, 2529 โทรสาร : 0 2243 1129 Website : www.onec.go.th บรษิ ทั 21 เซน็ จรู ี่ จำากัด 19/25 ม.8 ถนนเตม็ รัก-หนองกางเขน ต.บางครู ดั อ.บางบวั ทอง จ.นนทบุรี 11000 โทรศพั ท์ : 0 2150 9676-8 โทรสาร : 0 2150 9679 E-mail : [email protected] Website : www.21century.co.th

ค�ำ นำ� สำ�นักง�นเลข�ธิก�รสภ�ก�รศึกษ�ได้ดำ�เนินก�รศึกษ�วิจัยและพัฒน� กรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับประถมศึกษ�ตอนต้น ร่วมกับ คณะวิจัยและคณะทำ�ง�นว�งแผนจัดทำ�กรอบสมรรถนะหลักสูตรก�รศึกษ� ขน้ั พน้ื ฐ�นในคณะกรรมก�รอสิ ระเพอื่ ก�รปฏริ ปู ก�รศกึ ษ� โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือพัฒน�กรอบสมรรถนะผู้เรียนระดับประถมศึกษ�ตอนต้น สำ�หรับ หลักสูตรก�รศึกษ�ข้ันพ้ืนฐ�น และนำ�เสนอแนวท�งก�รใช้กรอบสมรรถนะ ดังกล่�วในก�รพัฒน�ผู้เรียน เอกส�รเรื่องเข้�ใจสมรรถนะอย่�งง่�ยๆ สำ�หรับประช�ชนและเข้�ใจหลักสูตรฐ�นสมรรถนะอย่�งง่�ยๆ สำ�หรับครู ผู้บริห�รและบุคล�กรท�งก�รศึกษ�เล่มน้ี จัดทำ�ข้ึนเพ่ือให้คว�มรู้ คว�มเข้�ใจเกี่ยวกับสมรรถนะแก่ผู้สนใจท่ัวไป ครู ผู้บริห�ร และผู้เกี่ยวข้อง เพื่อก�รนำ�ไปปรบั ใช้ในก�รพฒั น�ผู้เรียนให้เกดิ สมรรถนะท่ีตอ้ งก�ร ส�ำ นกั ง�นเลข�ธกิ �รสภ�ก�รศกึ ษ� ขอขอบคณุ คณะวจิ ยั และคณะท�ำ ง�น ในโครงก�รวจิ ยั และพฒั น�กรอบสมรรถนะผเู้ รยี นระดบั ประถมศกึ ษ�ตอนตน้ สำ�หรับหลักสูตรก�รศึกษ�ข้ันพ้ืนฐ�น ตลอดจนทุกฝ่�ยที่เก่ียวข้อง และ หวังเป็นอย่�งยิ่งว่�เอกส�รฉบับน้ีจะเป็นประโยชน์แก่พ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู ผู้บริห�ร บุคล�กรท�งก�รศึกษ� ตลอดจนประช�ชนท่ัวไป ในก�รพัฒน� สง่ เสรมิ ใหเ้ ด็กมที ักษะและสมรรถนะอนั พงึ ประสงค์ (น�ยสุภัทร จ�ำ ป�ทอง) เลข�ธกิ �รสภ�ก�รศึกษ�

ส�รบัญ หน�้ เข้�ใจสมรรถนะอย�่ งง�่ ยๆ ฉบับประช�ชน……………………….. 1 ก�รจัดก�รศึกษ�ฐ�นสมรรถนะ…………………………………….. 1 ตัวอย่�งสมรรถนะต�่ งๆ ในชีวิตประจ�ำ วนั ……………………………. 1 คณุ สมบตั หิ รอื ลักษณะส�ำ คัญของสมรรรถนะ………………………… 8 คว�มหม�ยของสมรรถนะ…………………………………………. 9 อะไรไม่ใช่สมรรถนะ………………………………………………. 9 สมรรถนะเกิดข้ึนไดอ้ ย�่ งไร………………………………………… 10 ระดบั ของสมรรถนะ………………………………………………. 10 องคป์ ระกอบสำ�คญั ของสมรรถนะ………………………………….. 11 วิธกี �รพฒั น�สมรรถนะใหเ้ กดิ ข้ึน…………………………………… 12 เข้�ใจหลกั สูตรฐ�นสมรรถนะอย�่ งง่�ยๆ ………………………… 13 ฉบับครู ผบู้ รหิ �ร และบคุ ล�กรท�งก�รศึกษ� ลกั ษณะส�ำ คัญของหลักสูตรอิงม�ตรฐ�น……………………………. 13 ลักษณะส�ำ คญั ของหลักสูตรฐ�นสมรรถนะ…………………………… 13 (Competency-Based Curriculum) องคป์ ระกอบส�ำ คญั ของหลักสูตรฐ�นสมรรถนะ………………………. 14 สมรรถนะหลกั …………………………………………………… 14 สมรรถนะเฉพ�ะ………………………………………………… 15 ระดับของสมรรถนะ………………………………………………. 15 หลกั สตู รฐ�นสมรรถนะโดยทวั่ ไป…………………………………… 16 ก�รจดั ก�รเรียนก�รสอนฐ�นสมรรถนะ……………………………… 17 (Competency–Based Instruction) ก�รวดั และประเมนิ ผลฐ�นสมรรถนะ……………………………….. 17 (Competency–Based Assessment) ก�รออกแบบหลกั สูตร……………………………………………. 18

เข้าใจสมรรถนะอย่างง่ายๆ ฉบบั ประชาชน การจดั จ�กปัญห�คว�มด้อยคุณภ�พของผเู้ รยี นทีไ่ ม่ส�ม�รถ การศึกษา นำ�คว�มรู้ คว�มเข้�ใจ ทกั ษะและคณุ ลักษณะต�่ งๆ ท่ตี น ฐานสมรรถนะ เรยี นรไู้ ปประยกุ ตใ์ ชใ้ นก�รท�ำ ง�นและก�รด�ำ รงชวี ติ ประจ�ำ วนั ได้ ส่งผลให้ก�รศึกษ�จำ�เป็นจะต้องปรับเปลี่ยนจุดเน้นจ�ก ฐ�นเน้ือห� (content - based) ไปเป็นฐ�นสมรรถนะ (competency-based) ดงั นน้ั จงึ จ�ำ เปน็ ทผี่ เู้ กยี่ วขอ้ งและผสู้ นใจทง้ั หล�ยจะตอ้ งเข�้ ใจ ว�่ “ สมรรถนะ” คอื อะไร ในชีวิตประจำ�วันท่ัวๆ ไป ตวั อย่าง เร�คงได้เคยพบเห็นเหตุก�รณ์ สมรรถนะตา่ งๆ ทำ�นองนีเ้ กิดข้ึน ในชีวติ ประจำวัน 1

1 ตัวอย�่ งสมรรถนะก�รใช้ภ�ษ�ไทยเพื่อก�รสื่อส�ร เด็กหญิงคนหนึ่งว่ิงเข้�ม�กอดคุณย�ยซึ่งกำ�ลังจะออกไป ซอื้ ของ เธอทกั ท�ยถ�มไถค่ ณุ ย�ยดว้ ยถอ้ ยค�ำ ทไ่ี พเร�ะน�่ รกั และ ออดออ้ นใหค้ ณุ ย�ยซอื้ ของเลน่ ม�ฝ�กเธอไมร่ วู้ �่ ของเลน่ ทเ่ี ธอเหน็ เพือ่ นเลน่ และอย�กได้นั้น เรยี กว�่ อะไร แต่เธอก็พย�ย�มอธบิ �ย ให้คุณย�ยเข้�ใจด้วยภ�ษ�ของเธอเอง จนคุณย�ยเข้�ใจว่� หล�นส�วตอ้ งก�รอะไร • เด็กหญงิ คนนน้ี บั ว�่ เปน็ ผู้มสี มรรถนะการใชภ้ าษาไทยเพือ่ การส่อื สาร 2 ตวั อย�่ งสมรรถนะก�รใชภ้ �ษ�องั กฤษเพ่ือก�รสื่อส�ร กระเป๋�รถสองแถวเห็นคนต่�งช�ติยืนงงอยู่ จึงถ�มเป็นภ�ษ�อังกฤษแบบ ช�วบ้�นว่� จะไปไหน Where you go? ช�วต่�งช�ติเข้�ใจ ตอบกลับ กระเป๋�รถ ก็เชญิ ขึ้นรถ บอกว�่ คนั นี้ไปยงั ทเ่ี ข�ต้องก�ร พน้ื ฐ•�กนรใะชเ้งป��๋นรไถดคใ้ นนนชี้ีวถิตอื ปวร�่ ะมจสี ำ�มวรันรถนะการใชภ้ าษาองั กฤษเพอ่ื การสอื่ สาร ในระดบั Where you go? Market 2

3 ตัวอย�่ งสมรรถนะคณิตศ�สตร์ในชีวิตประจ�ำ วัน เม่ือโรงเรียนต้องจัดง�นท่ีต้องเชิญแขกม�ทั้งส้ิน 200 คน คุณครูให้นักเรียน ช้ันประถมศึกษ�ปีที่ 6 ช่วยว�งแผนในก�รจัดโต๊ะว่�ควรจัดจำ�นวนเท่�ไร นักเรียน ได้อภิปร�ยร่วมกัน มีฝ�่ ยหนึง่ เสนอใหจ้ ัดนอ้ ยกว�่ 200 โต๊ะ เพร�ะโดยสว่ นใหญ่แขก ท่ีม�ง�นย่อมน้อยกว่�จำ�นวนท่ีเชิญเสมอ และอ�จมีแขกบ�งคนซึ่งติดธุระ ม�ในวันง�นไม่ได้ อีกฝ่�ยก็ค้�นว่�ควรจัดโต๊ะให้ครบต�มจำ�นวนท่ีเชิญ เหลือดีกว่� ข�ด อีกฝ่�ยค้�นว่�ก�รเหลือที่น่ังเอ�ไว้ เป็นก�รสิ้นเปลือง งบประม�ณ ท้ังปริม�ณอ�ห�ร ปริม�ณโต๊ะและเก้�อ้ี น้องแจนเสนอให้ใช้ฟังก์ชันของไมโครซอฟท์เอกซ์เซล ท่ีได้เรียนม� คอื NORMDIST ในก�รค�ำ นวณห� จำ�นวนที่น่ังที่เหม�ะสมมีคว�มเส่ียงน้อย ที่สุด ทุกคนเห็นด้วยเพร�ะเป็นวิธีที่มี เหตุผลรองรับ ไม่ได้ใช้เพียงคว�มรู้สึก ในก�รแกป้ ญั ห� ใ น ช•ี วินต้อปงแรจะนจำมาีสวมั นรรเพถนระ�คะณแกิต้ศปัาญสหตร�์ ของโรงเรยี นโดยใชค้ ว�มรทู้ �งคณติ ศ�สตร์ ท่ีเรียน เชื่อมโยงกับปัญห�ที่ตนเองพบ ในชวี ติ จรงิ ไดอ้ ย�่ งมเี หตุผลต�มวัย 3

4 ตัวอย�่ งสมรรถนะด�้ นก�รสืบสอบท�งวิทย�ศ�สตร์และ คว�มเปน็ ผู้มิีจิตวทิ ย�ศ�สตร์ ช�ยหนุ่มคนหน่ึงเป็นนักศึกษ�ในมห�วิทย�ลัย เข�เป็น คนมคี ว�มสนใจใฝ่รู้ เมื่อสนใจหรือสงสยั ในเรอื่ งใด เข�จะ พย�ย�มห�คำ�ตอบให้แก่ตนเอง โดยก�รค้นคว้�ห� ขอ้ มลู คว�มรจู้ �กแหลง่ ต�่ งๆทน่ี �่ เชอ่ื ถอื แลว้ วเิ คร�ะห์ และนำ�เสนอผลที่ได้ผ่�นสื่อออนไลน์ เพ่ือรับฟัง คว�มคดิ เห็นและข้อเสนอแนะ •นักศึกษ�คนนี้มีสมรรถนะด้านการสืบสอบ ทางวิทยาศาสตร์และเป็นผู้มีจิตวิทยาศาสตร์ ส�ม�รถระบุสิ่งที่สงสัย ต้ังคำ�ถ�ม วิเคร�ะห์ข้อมูล สืบสอบคว�มรู้ได้ด้วยตนเอง รวมท้ังเป็นผู้มีจิต วิทย�ศ�สตร์ มีคว�มใฝ่รู้ และมุ่งม่ันห�คำ�ตอบให้แก่ ตนเอง 4

5 ตัวอย�่ งสมรรถนะทักษะชวี ติ ส�วท�ำ ง�นออฟฟิศ 2 คน ท�ำ ง�นทเี่ ดียวกัน เงินเดือนเท่�กัน แต่คนหน่ึงรู้จักว�งแผน เก็บออม อีกคนใชจ้ �่ ยโดยไม่มแี ผน ส�ว•คสน�ทว่ีค2นแเรพกรน��่ ะจเะธมออี เปน็�นคผตู้มทีสม่ี มน่ั รครงกถวน�่ ะ ทักษะชีวิต รู้จักก�รบริห�รจัดก�รก�รเงิน และ ใชช้ วี ติ อย�่ งพอเพียง วันหนึ่งเจ้�ก�แฟสุนัขของทิมถูกรถชนต�ย ทิมเสียใจและมีคว�มโศกเศร้�ม�ก หลังจ�ก ฝังเจ้�ก�แฟแล้ว เข�ก็เกิดคว�มคิดว่� ถึงอย่�งไรเจ้�ก�แฟกจ็ �กไปแลว้ ก�รเสยี ใจ ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ เข�คิดว่� เข�น่�จะ ไ ป ห � สุ นั ข ท่ี ไ ม่ มี เ จ้ � ข อ ง ม � เ ลี้ ย ง แ ท น เจ้�ก�แฟจะดีกว่� เพร�ะเท่�กับว่�เข�ได้ ช่วยชีวิตสุนัขอีกตัวหนึ่ง รวมทั้งเป็นก�รทำ�บุญ ให้เจ้�ก�แฟดว้ ย ปัญ•หท�ิมแมกีส้ปมัญรรหถ�นยะทอักมษรัะบชผีวลิตทเ่ีเปก็นิดผขู้พ้ึนร้อแมลระับฟก้ืน�ครืเนปสลภี่ย�นพแจป�ลกงปสัญ�หม��รไถดเ้อผยช่�ิญง รวดเรว็ 5

6 ตวั อย่�งสมรรถนะก�รคิด ข�้ ร�ชก�ร 2 คน คนหนึ่งท�ำ ง�นต�มทไี่ ด้รบั มอบหม�ย อกี คน หนึ่งทำ�เชน่ เดียวกนั แต่มักท�ำ ได้ดกี ว�่ และม�กกว�่ ท่สี ง่ั รวมทัง้ มี คว�มคิดดๆี เสนอม�ดว้ ย และ•ใชขค้�้ รว��ชมกร�ใู้ นรคกน�รทท่ี 2�ำ งเ�ปนน็ มผคีู้ทวที่ ��ำ มงร�บั นผโดดิ ยชใอชบส้ แมลระรคถวน�ะมกตาง้ั รใคจดิในกรูจ้�ักรทแ�ำสงว�งนหส�งูคทว��ำ มใหรู้้ ได้ผลง�นทีด่ ี ข�้ ร�ชก�รผูน้ ้นี ่�จะมีอน�คตทสี่ ดใส เจริญรุง่ เรอื งในหน้�ที่ก�รง�น 7 ตัวอย�่ งสมรรถนะด้�นทักษะอ�ชพี และก�รเปน็ ผ้ปู ระกอบก�ร แจ่มใสมีฝีมือในก�รทำ�อ�ห�ร โดยเฉพ�ะสนใจเรื่องก�รทำ�นำ้�พริกเป็นพิเศษ หมู่บ้�นของแจ่มใสมีก�รเลี้ยงปล�สลิด และมีสินค้�ล้นตล�ด แจ่มใสจึงคิดสูตร น�้ำ พรกิ ปล�สลดิ หล�กหล�ยสตู รและมกี �รจดั จ�ำ หน�่ ยในหล�ยชอ่ งท�งทงั้ ศนู ยผ์ ลติ ภณั ฑ์ ของหมบู่ �้ น และข�ยแบบออนไลน์ คิดส•รแ�้ งจง่ม�ในสมสีสรม�้ รงนรถวตันกะดรร้ามนททีเ่ักปษน็ ะปอราะชโีพยแชลนะ์ตกอ่ าตรนเป็นคผรอู้ปบรคะกรวัอบหกราอื รสงั เคพมร�ะส�ม�รถ 6

8 ตัวอย�่ งสมรรถนะก�รรูเ้ ท่�ทันสอื่ และส�รสนเทศ กลุม่ แม่บ้�น 4-5 คน ไปเดนิ ห้�งสรรพสนิ ค�้ เพือ่ ซอ้ื ของ พบว�่ มรี �้ นขนึ้ ป�้ ย“ลดสงู สดุ 70%”จงึ ชวนกนั เข้�ไปเลือกซื้อ แม่บ้�นท่�นหนึ่งเตือนสติเพ่ือนว่� คว�มหม�ยของป้�ยอ�จมีสินค้�เพียงไม่กี่ช้ินท่ีลดร�ค� 70% ก�รใช้ป้�ยตัวโตสีแดง เป็นก�รจูงใจใหค้ นเข้�ไปเลอื กซ้ือ เม่อื มลี ูกค�้ จ�ำ นวนม�ก อ�จทำ�ให้เร�ลืมตรวจสอบร�ค� ลดของสินค้�แตล่ ะชนิ้ ด้วย•กแันมมบ่ ีห�้ลนักทใน�่ นกน�รม้ี เสีลมือรกรซถอื้ นสะนิ กคา้�รรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื และสารสนเทศ และชว่ ยใหเ้ พอื่ นทไ่ี ป ตัวอย�่ งสมรรถนะก�รทำ�ง�นแบบรวมพลงั เป็นทมี 9 และมีภ�วะผู้นำ� ในชว่ งเวล�ทเี่ กดิ พ�ยปุ �บกึ ป�้ ส�ยไดร้ วบรวมแมบ่ �้ นในหมบู่ �้ น 10 คน ชว่ ยเจ�้ หน�้ ท่ี ในก�รดูแลเด็ก ๆ และคนแก่ ในศูนย์อพยพ ป้�ส�ยแบ่งหน้�ที่ให้ทำ�ต�มถนัด ทงั้ ก�รจดั ห�อ�ห�ร ก�รจดั ย�ดแู ลผเู้ จบ็ ปว่ ย และใหก้ �ำ ลงั ใจ แกผ่ ทู้ เี่ ปน็ หว่ งกงั วลเกยี่ วกบั ทรพั ยส์ นิ ทเ่ี สยี ห�ย โดยมปี �้ ส�ย เป็นผูป้ ระส�นง�น ซงึ่ ท�ำ ให้ทกุ คนมสี ุขภ�พก�ยใจทีด่ ี พร้อม รับมือกับปญั ห�ที่เกดิ ข้นึ ตอ่ ไป รวม•พปล้�งั สเ�ปย็นทแีมละเพกลร�ุ่มะแมมที ่บัก้�ษนะมใีสนมก�รรรทถ�ำนงะ�กนารร่วทมำกงนั าแนลแะบปบฏิบตั ิต�ม บทบ�ทเพอ่ื ก�รท�ำ ง�นใหบ้ รรลเุ ป�้ หม�ย ในสว่ นป�้ ส�ยนนั้ มสี มรรถนะ การเป็นผู้นำและใช้ภ�วะผู้นำ�อย่�งเหม�ะสม ส�ม�รถประส�นและ นำ�กลุ่มแม่บ้�นให้ปฏิบัติง�นได้ โดยนำ�คว�มส�ม�รถของสม�ชิก แต่ละคนม�ใช้เพือ่ ก�รปฏิบตั ิง�นใหป้ ระสบคว�มส�ำ เร็จ 7

10 ตวั อย�่ งสมรรถนะในก�รเปน็ พลเมอื งต่นื รู้ นักเรียนพบว่� แหล่งน้ำ�ของหมู่บ้�นเร่ิมส่งกล่ินเหม็น เพร�ะมีคนนำ�สิ่งปฏิกูลไปทิ้ง เม่ือศึกษ�ระเบียบของ หมู่บ้�นพบว่� มีข้อห้�มอยู่แต่ไม่ได้บังคับใช้จริงจัง จึงรวมตัวกันกับเพ่ือนๆ ไปปรึกษ�ผู้ใหญ่บ้�น เพ่ือห� วิธีก�รแก้ปัญห� สรุปได้ว่� ควรมีก�รแจ้งข้อมูลผ่�นเสียงต�มส�ยของหมู่บ้�นและ ติดป�้ ยประก�ศเตอื นพรอ้ มแจ้งบทลงโทษผู้ฝ่�ฝืน มีคน•กปลัญ�้ คหิด�สแ�ลธะ�รรวณมะตไวั มกใ่ นั ชเ่เพรื่อ่ืองพขจิ อ�งรใณคร�คหน�ใผดู้มคีอนำ�หนน�จง่ึ หแนต�้ ่เปท็น่ใี นเรกื่อ�งรขดอ�ำ งเทนุกินคกน�รทแตี่กอ้้ไขง ปัญห�ต�มระบบ นักเรยี นกลมุ่ นจี้ ัดว่�เปน็ ผมู้ สี มรรถนะการเป็นพลเมอื งต่นื รู้ จ�กตัวอย่�งท่ียกม�ดังกล่�ว แสดงให้เห็นถึง ลกั ษณะของผมู้ สี มรรถนะ 10 ด�้ น ซง่ึ คงไมม่ ใี ครปฏเิ สธว�่ คุณสมบตั ิหรอื เปน็ คณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ และห�กวเิ คร�ะหเ์ จ�ะลกึ ลกั ษณะสำ�คญั ลงไปอีกจะเห็นได้ว่� ผู้ท่ีมีสมรรถนะต่�งๆ ดังกล่�วนั้น ของสมรรถนะ มคี ณุ สมบตั ริ ว่ มทเี่ หมอื นกนั คอื สามารถ ทำ (งาน/กจิ กรรม) ไดส้ ำเร็จ ก�รท่ีบคุ คลจะส�ม�รถทำ�ง�นใดๆ ได้สำ�เร็จนน้ั ต้องอ�ศัยปัจจัยสำ�คัญหล�ยประก�ร ไดแ้ ก่ 1. มีคว�มรู้และนำ�คว�มรู้ม�ใช้ในสถ�นก�รณ์ได้ เช่น เด็กหญิงไม่รู้ว่�ของเล่น มีชอื่ เรียกว่�อะไร แต่เธอกใ็ ช้คว�มรู้จ�กค�ำ ท่เี ธอรู้ พย�ย�มชแ้ี จง จนคุณย�ยเข้�ใจ 2. มีทักษะ เด็กหญิงมีทักษะก�รใช้ภ�ษ�ส่ือส�รเป็นทุนเดิมและพย�ย�มใช้ทักษะ ก�รพูดของเธอชีแ้ จงจนคณุ ย�ยเข�้ ใจ 3. มีเจตคติ แรงจูงใจ และคุณลักษณะท่ีส่งเสริมพฤติกรรม ก�รกระทำ�ให้บรรลุผล เช่น คว�มอย�กไดข้ องเลน่ เป็นแรงจูงใจท่ที �ำ ใหเ้ ดก็ หญิงพย�ย�มอธิบ�ยจนคุณย�ยเข้�ใจ 8

สมรรถนะจึงเป็นคว�มส�ม�รถของบุคคลในระดับ ท่ีส�ม�รถปฏิบัติง�นใดง�นหนึ่งได้สำ�เร็จ โดยใช้คว�มรู้ ความหมาย ทกั ษะ เจตคต/ิ คณุ ลักษณะ ท่ตี นมีอยู่ ของสมรรถนะ สมรรถนะเปน็ พฤตกิ รรมทแ่ี สดงออกถงึ คว�มส�ม�รถ ของบคุ คลในก�รน�ำ คว�มรู้ทกั ษะและคณุ ลกั ษณะเฉพ�ะ ของตน ม�ประยกุ ตใ์ ชใ้ นง�น หรอื ในสถ�นก�รณต์ ่�งๆ ไดจ้ นประสบคว�มส�ำ เร็จ สมรรถนะจึงเป็นผลรวมของความรู้ ทักษะ เจตคติ หรือคุณลักษณะ ที่ทำให้บุคคล ประสบความสำเร็จในการทำงาน การแก้ปญั หา และการดำรงชวี ิต สรปุ วา่ คนท่ีมีสมรรถนะ คอื คนท่ีท�ำ ง�นได้ส�ำ เรจ็ โดยใชค้ ว�มรู้ ทักษะ เจตคติ / คณุ ลักษณะ ต่�งๆ ท่ีตนมีอยู่ - คนมีคว�มรู้ แต่ไม่ใช้คว�มรู้หรือไม่ส�ม�รถใช้ อะไร คว�มรู้ในสถ�นก�รณ์ต่�งๆ ยังไม่ถือว่�มีสมรรถนะ ไม่ใช่สมรรถนะ (เช่น ผู้มีคว�มรู้ภ�ษ�อังกฤษ แต่ไม่ส�ม�รถพูดคุยกับ ช�วต่�งช�ติหรือใช้คว�มรู้ภ�ษ�อังกฤษในก�รปฎิบัติ ง�นได)้ - คนมีทักษะ แต่ไม่ส�ม�รถนำ�ทักษะนั้นม�ใช้ใน สถ�นก�รณต์ �่ งๆ กย็ งั ไมถ่ อื ว�่ มสี มรรถนะ (เชน่ มที กั ษะ ก�รอ่�น เขียน ฟัง พูดภ�ษ�อังกฤษ สอบผ่�น ก�รทดสอบ แต่ไม่กล้� หรือไม่ส�ม�รถสื่อส�รกับ ช�วต่�งช�ติได)้ - คนมีเจตคติที่ดี แต่ไม่นำ�ม�ใช้ในสถ�นก�รณ์ต่�งๆ กถ็ อื ว่�ยงั ไม่มสี มรรถนะ (เช่น ชอบภ�ษ�องั กฤษ มเี จตคติ ท่ีดีต่อภ�ษ�อังกฤษ แต่อ�ย หรือไม่กล้�พูดส่ือส�รกับ ช�วต�่ งช�ต)ิ 9

สมรรถนะ สมรรถนะเกิดขึ้นได้ เมื่อบุคคลมีโอกาสได้ฝึกใช้ เกดิ ขึน้ ความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะท่ีตนมีในการทำางาน ได้อย่างไร การแกป้ ญั หา ในสถานการณต์ า่ งๆ จนเกดิ ความชำนาญ และความม่ันใจ ทำใหส้ ามารถทำงานตา่ งๆ ได้สำเร็จ ดงั ตัวอยา่ ง พอ่ แมใ่ นชนบทมกั ใชใ้ หล้ กู ๆชว่ ยท�ำ ง�นต�่ งๆในชวี ติ ประจ�ำ วนั ตง้ั แตเ่ ลก็ โดยก�รสงั่ /สอน ใหท้ ำ�บ้�ง ท�ำ ใหด้ ูหรือใหเ้ หน็ เป็นตวั อย่�งบ�้ ง เดก็ ตอ้ งท�ำ ต�ม เมอ่ื ทำ�บ่อยๆ กจ็ ะทำ�ได้เอง และเรยี นรกู้ �รใชท้ กั ษะทเ่ี กดิ ขน้ึ ในสถ�นก�รณต์ �่ งๆ จนเกดิ คว�มช�ำ น�ญ เชน่ นี้ กล�่ วไดว้ �่ เด็กมีสมรรถนะในก�รท�ำ ง�นนน้ั ในกรณีข้�งต้น เด็กมีสมรรถนะในก�รท�ำ ง�นนน้ั เพร�ะเดก็ ใช้คว�มรู้จ�กทพี่ อ่ แม่บอก หรือทำ�ให้ดู แล้วลองทำ�ต�ม ข้ันแรกอ�จทำ�ผิดๆ ถูกๆ พ่อแม่ให้ทำ�ใหม่ ก็เรียนรู้เพิ่มขึ้น ต่อๆ ม�กเ็ ร่ิมคิดแก้ปญั ห�เอง และทำ�ไดด้ ขี ึ้นจนคล่องแคลว่ ชำ�น�ญ ระดับ สมรรถนะมีได้หล�ยระดับต�มคว�มจำ�เป็นหรือ ของสมรรถนะ คว�มตอ้ งก�รในหล�ยๆ เรอ่ื ง เร�จ�ำ เปน็ ตอ้ งมสี มรรถนะ ในระดบั พอใช้ก�รได้ จงึ จะอยู่รอด อยู่ดี แต่ในบ�งเรอื่ ง เร�จำ�เป็นต้องมีสมรรถนะในระดับสูงข้ึน ดังนั้น ใน ก�รพัฒน�และก�รวัดสมรรถนะ จึงต้องมีก�รกำ�หนดเกณฑ์ก�รปฏิบัติ (Performance Criteria) ว่�ต้องก�รในระดับใด เช่น สำ�หรับคนทั่วไปอ�จจำ�เป็นต้องมีสมรรถนะ ก�รใช้ภ�ษ�อังกฤษเพื่อก�รสื่อส�รในระดับพอใช้ก�รได้ คือ ส�ม�รถส่ือส�รเร่ืองท่ัวๆ ไป พอเข้�ใจกัน แต่สำ�หรับผู้ที่ต้องก�รไปศึกษ�ต่อต่�งประเทศ คว�มส�ม�รถท�งด้�นนี้ กจ็ �ำ เปน็ ต้องอยู่ในระดับสูง ซึง่ มักจะมกี �รกำ�หนดม�ตรฐ�นเอ�ไว้ สมรรถนะท่ีสูงข้ึน ก็จะต้องอ�ศัยคว�มรู้ ทักษะ ท่ีสูงข้ึนด้วย แต่คว�มรู้ ทักษะ ท่ีสูงข้ึนน้ันอ�จส่งผลหรือไม่ส่งผลต่อก�รเกิดสมรรถนะก็ได้ ข้ึนอยู่กับประสบก�รณ์ในก�รนำ� คว�มรแู้ ละทกั ษะเหล่�นน้ั ม�ใช้ รวมทั้งคณุ ลักษณะสว่ นตนทม่ี วี �่ เออ้ื อำ�นวยเพียงใด 10

องคป์ ระกอบสำ�คัญ มี 7 ประก�ร คอื ของสมรรถนะ 1) ความรู้ (Knowledge) 2) ทกั ษะ (Skill) 3) คณุ ลักษณะ / เจตคติ (Attribute / Attitude) 4) การประยกุ ต์ใช้ (Application) 5) การกระทำา / การปฏบิ ัติ (Performance) 6) งานและสถานการณต์ า่ งๆ (Tasks / Jobs / Situations) 7) ผลสำาเร็จ (Success) ตามเกณฑท์ ก่ี าำ หนด (Performance Criteria) สมรรถนะ = ความรู้ + ทักษะ + คณุ ลกั ษณะ ประยุกตใ์ ช้ ประ ุยก ์ตใ ้ช ประยุก ์ตใช้ ทำ�/ปฏิบตั ิ ระดับ/ การแกป้ ัญหา เกณฑก์ ารปฏบิ ตั ิ ความสำ�เรจ็ 11

วิธีการ พ่อแม่ ผู้ปกครอง ผู้ใหญ่รอบข้�งเด็ก ส�ม�รถ พัฒนาสมรรถนะ ชว่ ยพฒั น�เดก็ ใหม้ สี มรรถนะทจ่ี �ำ เปน็ เพอ่ื ก�รด�ำ รง ให้เกิดข้นึ ชวี ติ อย�่ งมคี ณุ ภ�พในระดบั ทต่ี อ้ งก�รไดไ้ มย่ �กนกั โดยก�รส่งเสริมให้เด็กนำ�คว�มรู้และทักษะต่�งๆ ท่ีได้เรียนรู้ม�แล้ว ไปใช้ในก�รทำ�ง�น ก�รแก้ปัญห� ในสถ�นก�รณ์ต่�งๆ และช่วยให้ กำ�ลังใจในก�รทำ�ง�น ให้คำ�แนะนำ� ส่งเสริมคุณลักษณะที่จำ�เป็น และเพ่ิมคว�มรู้และ ทักษะให้เด็กทำ�ง�นได้ดีขึ้นต�มลำ�ดับ เด็กกจ็ ะเกดิ สมรรถนะท่ีสูงขน้ึ เรื่อยๆ มารว่ มชว่ ยกนั พฒั นาเด็กไทย ใหเ้ ปน็ คนด�ี มสี มรรถนะสูง� คดิ เป็น�ทำ�เป็น�แก้ปัญหาเป็น�� ช่วยกนั พฒั นาเด็กไทยให้เปน็ คน ทม่ี ีคณุ ภาพ�เพอ่ื พัฒนาประเทศ ให้ม่ันคง�ม่ังคงั่ �และยง่ั ยนื ตลอดไป 12 F a m i l y

เขา้ ใจหลักสูตรฐานสมรรถนะอยา่ งง่ายๆ ฉบบั ครู ผ้บู รหิ าร และบคุ ลากรทางการศกึ ษา ลักษณะสำ�คญั ทกุ คนคงจะเข�้ ใจกนั แลว้ ว�่ หลกั สตู รปจั จบุ นั ทใ่ี ชก้ นั อยู่ ของหลักสตู ร เปน็ หลกั สตู รองิ ม�ตรฐ�น(Standards-Based Curriculum) อิงมาตรฐาน ซง่ึ ก�ำ หนดม�ตรฐ�นและตวั ชว้ี ดั ใหค้ รใู ชเ้ ปน็ เป�้ หม�ยในก�ร จดั ก�รเรยี นก�รสอน โดยม�ตรฐ�นและตวั ชว้ี ดั จะครอบคลมุ คว�มรู้ ทักษะ และเจตคติ หรือคุณลักษณะที่จำ�เป็นต่อ ก�รบรรลุม�ตรฐ�นและตัวช้วี ัดนั้นๆ ลกั ษณะสำ�คญั หลักสูตรฐ�นสมรรถนะแตกต่�งจ�ก ของหลักสตู รฐานสมรรถนะ� หลกั สตู รปจั จบุ นั ตรงท่ี ก�รก�ำ หนดเป�้ หม�ย (Competency-Based จะมุ่งไปท่ีสมรรถนะของผู้เรียนว่� ผู้เรียน จะต้องทำาอะไรได้ ซึ่งต่�งจ�กหลักสูตร Curriculum) อิงม�ตรฐ�นท่ีม�ตรฐ�นและตัวช้ีวัดจำ�นวนม�ก เนน้ ไปทผ่ี เู้ รยี นว�่ จะตอ้ งรอู้ ะไร สรปุ ไดว้ �่ หลกั สตู รฐ�นสมรรถนะเนน้ ทกั ษะ(Skill) ในขณะท่ี หลกั สตู รอิงม�ตรฐ�นคอ่ นข้�งเน้นเนอ้ื หาสาระ (Content) หลักสูตรฐานสมรรถนะจึงเป็นหลักสูตรที่ยึดความสามารถท่ีผู้เรียนพึงปฏิบัติได้ เป็นหลัก เพ่ือประกันว่า ผู้ท่ีจบการศึกษาระดับหน่ึงๆ จะมีทักษะและความสามารถ ในดา้ นต่างๆ ตามท่ตี ้องการ 13

องคป์ ระกอบสำ�คัญ หลักสูตรฐ�นสมรรถนะ จะกำ�หนดม�ตรฐ�น ของหลักสตู ร สมรรถนะ (Competency Standards) ขึ้นเป็น ฐานสมรรถนะ สมรรถนะขั้นตำ่�ที่จำ�เป็นสำ�หรับผู้เรียน เพ่ือ ก�รด�ำ รงชวี ติ อย�่ งมคี ณุ ภ�พ สมรรถนะทก่ี �ำ หนด ใหผ้ ู้เรียน โดยทั่วไปมี 2 ลกั ษณะ คือ สมรรถนะหลัก สมรรถนะหลักที่เรียกว่� Core Competency มีลักษณะเป็นสมรรถนะข้�มวิช�หรือคร่อมวิช� คือ เปน็ สมรรถนะทสี่ �ม�รถพฒั น�ใหเ้ กดิ ขน้ึ แกผ่ เู้ รยี นได้ ในส�ระก�รเรียนรู้ต่�งๆ ท่ีหล�กหล�ย หรือส�ม�รถนำ�ไปประยุกต์ใช้ในก�รพัฒน� ผู้เรียนให้เรียนรู้ส�ระต่�งๆ ได้ดีขึ้น ลึกซ้ึงขึ้น สมรรถนะในลักษณะน้ี กล่�วได้ว่� เปน็ สมรรถนะท่มี ลี กั ษณะ “content – free” คือ ไมเ่ ก�ะติดเนือ้ ห� หรือไมข่ น้ึ กับเนือ้ ห� ตวั อย�่ งสมรรถนะประเภทนี้ เชน่ สมรรถนะก�รคดิ ขนั้ สงู สมรรถนะก�รท�ำ ง�นแบบรวมพลงั สมรรถนะทักษะชีวิต ซ่ึงสมรรถนะเหล่�นี้ ส�ม�รถใช้เนื้อห�ส�ระใดๆ ก็ได้ในก�รพัฒน� เพยี งแตว่ ่�สมรรถนะบ�งสมรรถนะ อ�จพัฒน�ไดด้ ีกว่�ในเน้ือห�บ�งเน้ือห� การทำ�งานแบบรทวกัมษพะลชังีวิต การคิดข้นั สูง ทักษะชีวติ 14

สมรรถนะเฉพาะ สมรรถนะอีกประเภทหนึ่ง เรียกว่� สมรรถนะเฉพ�ะ Specific Competency เปน็ สมรรถนะเฉพ�ะวชิ �/ส�ข�วชิ � ซึ่งจำ�เป็นสำ�หรับวิช�น้ันๆ เช่น ในกลุ่มส�ระก�รเรียนรู้ภ�ษ�ไทย จะมีสมรรถนะเฉพ�ะของวิช� เช่น สมรรถนะด้�นก�รพูดในโอก�สต่�งๆ สมรรถนะ ด้�นก�รประพันธ์ ในกลุ่มส�ระก�รเรียนรู้ศิลปะ ก็มีสมรรถนะด้�นก�รว�ดภ�พ ก�รป้ัน ก�รประดิษฐ์ ส�ระวิช�ต่�งๆ จะมีสมรรถนะเฉพ�ะวิช�ของตน ซ่ึงมีลักษณะเป็น “ทักษะ” (Skill) ห�กผู้เรียนได้รับก�รฝึกทักษะจนส�ม�รถใช้ง�นได้ และส�ม�รถประยุกต์ใช้ทักษะนั้น ระดับ สมรรถนะท้งั 2 ประเภท ไม่ว�่ จะเป็นสมรรถนะหลกั หรอื ของสมรรถนะ สมรรถนะเฉพ�ะ ต่�งก็มีระดับตั้งแต่ง่�ยไปย�ก ซึ่งหลักสูตร จะกำ�หนดให้ผู้เรียนได้เรียนรู้แบบไต่ระดับ ไปต�มระดับ คว�มส�ม�รถของตน ตัวอย่�งเช่น สมรรถนะหลักด้�นก�รคิดอย่�งมีวิจ�รณญ�ณ ซึ่งก็คือ ก�รคิดท่ีมีก�รใช้ วิจ�รณญ�ณพิจ�รณ�ข้อมูลอย่�งรอบด้�นก่อนก�รตัดสินใจ ก�รคิดอย่�งมีวิจ�รณญ�ณ สำ�หรับผู้เรียนในระดับประถมศึกษ�จะเริ่มต้นต้ังแต่ระดับง่�ย คือ ส�ม�รถคิดจำ�แนกข้อมูล ที่เป็นขอ้ เท็จจรงิ และเป็นขอ้ คดิ เหน็ ก่อน ตอ่ ไปจึงเพม่ิ ระดับให้กว�้ งข้ึน ครอบคลุมม�กข้ึน 15

หลกั สูตร หลกั สตู รฐ�นสมรรถนะโดยทวั่ ไป จะก�ำ หนดจดุ ประสงค์ ฐานสมรรถนะ ก�รเรียนรู้เชิงสมรรถนะ (Learning Competencies) สำ�หรบั ผเู้ รียนในชว่ งวยั หรอื ชว่ งชั้นต่�งๆ ให้แกค่ รู เพื่อใช้ โดยท่ัวไป ในก�รจดั ก�รเรียนก�รสอนให้แกผ่ ูเ้ รยี น หลักสูตรฐ�นสมรรถนะนอกจ�กจะกำ�หนดสมรรถนะไว้ให้แล้ว อ�จกำ�หนดส�ระ ก�รเรยี นรขู้ น้ั ต�่ำ ส�ำ หรบั ก�รพฒั น�สมรรถนะทก่ี �ำ หนดใหแ้ กผ่ เู้ รยี นหรอื อ�จใหโ้ รงเรยี นและ ครูก�ำ หนดไดต้ �มคว�มเหม�ะสม สมรรถนะและส�ระก�รเรียนรู้ท่ีกำ�หนดให้น้ันเป็นข้ันตำ่�ท่ีจำ�เป็นสำ�หรับเด็กไทยทุกคน หลักสูตรจะต้องจัดให้มีพื้นท่ีสำ�หรับโรงเรียนและครูในก�รจัดก�รเรียนรู้ส�ระ ทักษะ และ คณุ ลกั ษณะเฉพ�ะ เพอ่ื ตอบสนองคว�มตอ้ งก�รต�มคว�มแตกต�่ งกนั ของผเู้ รยี น ภมู สิ งั คม และบริบท ในสดั สว่ นทีเ่ หม�ะสมกับผู้เรียนในแต่ละช่วงวัย ก�รกำ�หนดสมรรถนะท่ีเป็นเกณฑ์กล�ง/ม�ตรฐ�นกล�งสำ�หรับก�รจัดก�รศึกษ� ในแต่ละช่วงวัย จะเอื้ออำ�นวยให้สถ�นศึกษ�ส�ม�รถพัฒน�หลักสูตรในรูปแบบต่�งๆ ต�มแนวคดิ ของตนได้ โดยยึดสมรรถนะเปน็ เกณฑ์กล�ง หลกั สูตร ฐานสมรรถนะ 16

การจดั การเรยี นการสอน ใ น ก � ร จั ด ก � ร เ รี ย น ก � ร ส อ น ฐ � น ฐานสมรรถนะ สมรรถนะนั้น ครูจะมีม�ตรฐ�นสมรรถนะ และจุดประสงค์ก�รเรียนรู้เชิงสมรรถนะ (Competency–Based ที่จัดไว้อย่�งเป็นลำ�ดับ เป็นกรอบใน Instruction) ก�รจัดก�รเรียนก�รสอน ครูมีเป้�หม�ย ท่ีจะช่วยพัฒน�ให้ผู้เรียนทำอะไรได้ (ในระดับท่ีกำหนด) ครูจะต้องวิเคร�ะห์ว่� ผู้เรียน จำเป็นต้องรู้อะไร จึงจะช่วยให้ทำ�สิ่งนั้นได้ ซึ่งเอ้ือให้มีก�รบูรณ�ก�รคว�มรู้ข้�มศ�สตร์ และลดส�ระก�รเรียนรู้ท่ีไม่จำ�เป็น ผู้เรียนต้องได้รับคว�มรู้และฝึกใช้คว�มรู้ในก�รทำ� รวมท้ังพัฒน�คุณลักษณะท่ีควรจะต้องมีในก�รทำ�ส่ิงนั้น ให้ประสบผลสำ�เร็จได้ ในระดับที่กำ�หนด ครูจัดก�รเรียนรู้เชิงรุก ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จ�กก�รคิด ก�รปฏิบัติ ก�รลงมือทำ� ก�รได้รับข้อมูลย้อนกลับ ก�รปรับปรุง พัฒน� และได้รับก�รส่งเสริมให้นำ� คว�มรู้ ทกั ษะ และคณุ ลกั ษะทไ่ี ดเ้ รยี นรู้ ไปใชใ้ นสถ�นก�รณต์ �่ งๆ จนเกดิ สมรรถนะในระดบั ท่ีตอ้ งก�ร โดยผู้เรยี นแตล่ ะคน อ�จจะใชเ้ วล�ในก�รเรยี นรูม้ �กนอ้ ยแตกต�่ งกันได้ การวัดและประเมินผล ก�รวัดสมรรถนะเป็นก�รช่วยให้เห็น ฐานสมรรถนะ คว�มส�ม�รถที่เป็นองค์รวมของผู้เรียนโดย ค รู ทำ � ก � ร ท ด ส อ บ พ ฤ ติ ก ร ร ม ก � ร ป ฏิ บั ติ (Competency–Based (Performance Assessment) ของผู้เรียน Assessment) ต�มเกณฑ์ทกี่ �ำ หนด (Performance Criteria) ซึ่งจะเน้นก�รประเมินองค์รวมของสมรรถนะ ด้วยเครื่องมือประเมินต�มคว�มเหม�ะสม และประเมินเม่ือผู้เรียนพร้อมท่ีจะรับ ก�รประเมิน ห�กประเมินผ่�น ผู้เรียนจะส�ม�รถก้�วสู่จุดประสงค์ก�รเรียนรู้ขั้นต่อไปได้ ห�กยังไม่ผ่�น ผู้เรียนจะได้รับก�รสอนซ่อมเสริม จนกระทั่งบรรลุผล ผู้เรียนแต่ละคน จะก้�วหน้�ไปต�มคว�มส�ม�รถของตน อ�จก้�วหน้�ไปได้เร็วในบ�งส�ระ และอ�จ ไปได้ช�้ ในบ�งส�ระต�มคว�มถนดั ของตน 17

การออกแบบ หลักสูตรฐ�นสมรรถนะโดยท่ัวไปมีหลักก�รและ หลักสตู ร ลักษณะสำ�คัญดงั กล่�ว แตใ่ นประเทศต่�งๆ ก�รกำ�หนด สมรรถนะ และก�รออกแบบหลักสูตรอ�จมีลักษณะที่ แตกต่�งกนั ซงึ่ มักเป็นไปต�มคว�มตอ้ งก�ร บริบท และ ลักษณะเฉพ�ะของแต่ละประเทศ เน่ืองจ�กเด็กไทยส่วนใหญ่ได้รับคว�มรู้จำ�นวนม�ก แต่ยังไม่ส�ม�รถใช้คว�มรู้ให้ เป็นประโยชน์ต่อชีวิตได้เท่�ที่ควร รวมท้ังยังข�ดทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ท่ีจำ�เป็นต่อ ก�รดำ�รงชีวิตในโลกปัจจุบันและอน�คต ทำ�ให้มีขีดคว�มส�ม�รถตำ่�ในก�รแข่งขันกับ น�น�ประเทศ ซง่ึ จะกระทบต่อคว�มอยูร่ อดและคว�มอยู่ดีของประช�ชนและประเทศช�ติ จึงจำ�เป็นที่ครูและผู้เกี่ยวข้องกับก�รจัดก�รศึกษ�ให้แก่เด็กซึ่งเป็นอน�คตของช�ติ ได้มีคว�มตระหนักในบทบ�ทหน้�ท่ีของตนในก�รช่วยกันพัฒน�ผู้เรียนในทุกระดับ ก�รศึกษ� ให้เป็นผู้มีทักษะและสมรรถนะที่จำ�เป็น ทันต่อคว�มก้�วหน้�และก�ร เปล่ียนแปลงของโลก 18

คณะผู้จัดทำ�เอกส�ร ท่ปี รึกษ� ดร.สภุ ทั ร จำ�ป�ทอง เลข�ธิก�รสภ�ก�รศึกษ� ดร.วฒั น�พร ระงบั ทกุ ข์ รองเลข�ธิก�รสภ�ก�รศึกษ� ดร.สมศกั ด์ิ ดลประสิทธิ์ รองเลข�ธกิ �รสภ�ก�รศึกษ� น�ยส�ำ เน� เนอ้ื ทอง ผอู้ �ำ นวยก�รสำ�นักง�นม�ตรฐ�นก�รศกึ ษ� และพัฒน�ก�รเรยี นรู้ คณะจัดทำ�ต้นฉบบั รองศ�สตร�จ�รย์ ดร.ทศิ น� แขมมณี รองศ�สตร�จ�รย์ ดร.พมิ พันธ์ เดชะคุปต์ รองศ�สตร�จ�รย์ ดร.บังอร เสรรี ตั น์ ดร.เฉลมิ ชยั พนั ธ์เลศิ ดร.กณุ ฑลี บรริ กั ษส์ นั ตกิ ลุ น�งสุทธิด� ธ�ด�นิติ น�งอ�ำ ภ� พรหมว�ทย์ ดร.ทรงพร พนมวัน ณ อยุธย� ดร.น�ฎฤดี จิตรงั สรรค์ 19

บรรณ�ธิก�รและเรียบเรยี งเอกส�ร ดร.ประวีณ� อัสโย ผอู้ ำ�นวยก�รกลุ่มม�ตรฐ�นก�รศึกษ� น�งส�วกรกมล จงึ ส�ำ ร�ญ นกั วิช�ก�รศกึ ษ�ชำ�น�ญก�รพิเศษ น�งส�วนรู ยี � ว�จิ นักวิช�ก�รศึกษ�ปฏิบตั ิก�ร ผปู้ ระส�นง�นก�รจัดพิมพเ์ อกส�ร น�งส�วกรกมล จึงสำ�ร�ญ นกั วชิ �ก�รศึกษ�ช�ำ น�ญก�รพิเศษ หนว่ ยง�นรับผิดชอบ กลุม่ ม�ตรฐ�นก�รศกึ ษ� สำ�นกั ม�ตรฐ�นก�รศึกษ�และพัฒน�ก�รเรียนรู้ สำ�นักง�นเลข�ธิก�รสภ�ก�รศึกษ� 99/20 ถนนสุโขทยั เขตดสุ ิต กรุงเทพฯ 10300 โทรศพั ท์ 0 2668 7123 โทรส�ร 0 2243 1129 Website : www.onec.go.th 20