Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เซลล์และองค์ประกอบของเซลล์

เซลล์และองค์ประกอบของเซลล์

Published by แคทรียา เมฆารัฐ, 2023-04-09 03:07:52

Description: 2020-09_bb08b829e54a7aa

Search

Read the Text Version

1 ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ วิชาชีววิทยาพ้นื ฐาน ว 31101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4 เรื่อง เซลล์และทางานของเซลล์ นางสิรลิ ักษณ์ ดวงตา ครวู ทิ ยฐานะชานาญการพเิ ศษ โรงเรียนพิมานพิทยาสรรค์ อาเภอเมืองสตูล จังหวดั สตูล สานกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 16 สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ ก คานา ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เร่อื ง เซลล์และการทางานของเซลล์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 4 จดั ทาข้ึนเพือ่ พฒั นาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และพฒั นาผลสมั ฤทธิท์ าง การเรียนรขู้ องนกั เรียนกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ใหส้ ูงข้ึน ประกอบด้วย คาชีแ้ จงสาหรับการใช้ ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ คาชีแ้ จงสาหรับครู คาชีแ้ จงสาหรับนกั เรียน ใบความรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ และ คาถามชวนคิด ซึง่ นกั เรียนควรศกึ ษาให้เข้าใจอย่างชัดเจน เพื่อสามารถทากิจกรรมการเรียนรไู้ ด้อย่าง มีประสิทธิภาพและบรรลุผลการเรียนรู้ตามตัวชี้วัด ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง การรักษาดุลยภาพของ สิ่งมีชีวิต ชุดนี้เป็น ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ โดยให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมการ จัดการเรียนรู้ ซึ่งผู้เรียนสามารถเรียนรู้และปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเอง มีการเรียนรู้อย่างเป็นลาดับข้ันตอน ตามความสามารถในการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง เซลล์และการทางานของเซลล์ ชุดนี้ จะช่วยให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิตมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็น ประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนต่อไป หวังว่าผู้ใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ชุดนี้ คงได้รับ ประโยชน์ตามสมควร ผู้จัดทา ขอขอบคุณ นายจาแนก เรืองติก ผู้อานวยการโรงเรียนพิมานพิทยาสรรค์ คณะกรรมการ สถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน และคณะครูอาจารย์ทุกท่าน ทีใ่ ห้คาแนะนา คาปรึกษาทีด่ ี ตลอดจนการให้กาลังใจใน การจดั ทาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เซลล์และการทางานของเซลล์ ชุดนี้ จนประสบผลสาเรจ็ ด้วยดี สิรลิ กั ษณ์ ดวงตา ผจู้ ัดทา สิริลักษณ์ ดวงตา ครูผู้สอน

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ ข สารบญั เรอ่ื ง หน้า คานา ..............................................................................................................................................ก สารบญั ...........................................................................................................................................ข สารบัญภาพ....................................................................................................................................ง คาชแี้ จงสาหรบั การใช้ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เร่อื ง เซลล์และการทางานของเซลล์............................1 คาชแี้ จงสาหรับครู...........................................................................................................................2 คาชแี้ จงสาหรับนกั เรียน...................................................................................................................3 แผนผงั ข้ันตอนการเรียนโดยใช้ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้.......................................................................4 มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชีว้ ัด............................................................................................................5 สาระการเรียนรู้...............................................................................................................................5 ขอบเขตของเนอื้ หา เวลา และประเมินผลทีใ่ ชใ้ นการเรียนรู้...............................................................6 แบบทดสอบก่อนเรียน .....................................................................................................................7 กระดาษคาตอบแบบทดสอบก่อนเรียน ...........................................................................................10 ใบความรทู้ ี่ 1 เรื่อง โครงสร้างพ้ืนฐานเซลล์(Cell Structure) ............................................................12 ใบกิจกรรมที่ 1 เร่อื ง โครงสร้างพื้นฐานเซลล์(Cell Structure)..........................................................15 ใบกิจกรรมที่ 2 เรื่อง ปฏิบัติการศกึ ษาโครงสร้างพืน้ ฐานเซลล์(Cell Structure)..................................17 ใบความรู้ ที่ 2 เรื่อง การแบ่งเซลล์ (Cell Division).........................................................................21 ใบกิจกรรมที่ 3 ร่อื ง ปฏิบัติการศกึ ษาการแบ่งเซลล์ของปลายรากหอม..........................................25 ใบความรทู้ ี่ 3 เรื่อง การแพร่และการออสโมซิส (Diffusion and Osmosis).......................................28 ใบกิจกรรมที่ 4 เรื่อง การแพร่และการออสโมซิส (Diffusion and Osmosis).................................... 33 ใบกิจกรรมที่ 5 ปฏิบตั ิการทดลอง เรอ่ื ง การออสโมซิสในพืช......................................................... 35 ใบความรทู้ ี่ 4 เร่อื ง การแพร่แบบฟาซิลิเทต(Facilitated Diffusion) และการลาเลียง แบบใช้พลังงาน(Active transport).....................................................................37 ใบกิจกรรมที่ 6 การแพร่แบบฟาซิลิเทต (Facilitated Diffusion) และการลาเลียงแบบใช้พลังงาน (Active Transport) ............................................................................................................ 39 ใบความรทู้ ี่ 5 เรื่อง การลาเลียงสารโดยไม่ผา่ นเยือ่ หุ้มเซลล์ .........................................................41 ใบกิจกรรมที่ 7 เรื่อง การลาเลียงสารโดยไม่ผา่ นเยื่อหุ้มเซลล์ .........................................................43 ใบกิจกรรมที่ 8 เรือ่ ง กิจกรรมสรุปความเข้าใจ.................................................................................44 สิริลักษณ์ ดวงตา ครผู ู้สอน

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ ค สารบญั (ตอ่ ) เรอ่ื ง หน้า แบบทดสอบหลังเรยี น ....................................................................................................................45 กระดาษคาตอบแบบทดสอบหลังเรยี น............................................................................................49 บรรณานกุ รม................................................................................................................................ 50 ภาคผนวก ......................................................................................................................................52 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน .......................................................................................................... 53 เฉลยใบกิจกรรมที่ 1 .......................................................................................................................54 เฉลยใบกิจกรรมที่ 2...................................................................................................................... 56 เฉลยใบกิจกรรมที่ 3.......................................................................................................................57 เฉลยใบกิจกรรมที่ 4...................................................................................................................... 59 เฉลยใบกิจกรรมที่ 5...................................................................................................................... 63 เฉลยใบกิจกรรมที่ 6.......................................................................................................................64 เฉลยใบกิจกรรมที่ 7.......................................................................................................................67 เฉลยใบกิจกรรมที่ 8...................................................................................................................... 68 เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น ............................................................................................................70 สิริลกั ษณ์ ดวงตา ครูผู้สอน

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ ง สารบญั ภาพ ภาพที่ หน้า 1 เซลล์สตั ว์และออร์แกนเนล ..............................................................................................13 2 เซลล์พืชและออร์แกนเนล ................................................................................................14 3 ตัวอย่างเซลล์พืชจากปฏิบัติการทดลอง ...........................................................................18 4 การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส...............................................................................................22 5 การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส 1 .........................................................................................24 6 การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส 2 ..........................................................................................24 7 การแพรข่ องโมเลกลุ ของน้าตาลในน้า ..............................................................................28 8 การแลกเปลี่ยนกาซในหลอดเลือด ...................................................................................29 9 การออสโมซิสผ่านเยือ่ บาง.............................................................................................. 30 10 เม็ดเลือดแดงในสารละลาย 3 ชนิด ..................................................................................31 11 การแพรแ่ บบฟาซิลิเทต....................................................................................................37 12 จาลอง โปรตนี (Carrier) นาสารเข้าสู่เซลล์ ........................................................................37 13 การลาเลียงสารแบบใช้พลังงาน (Active Transport) ......................................................... 38 14 กระบวนการลาเลียงสารออกจากเซลล์แบบเอกโซไซโทซิส...............................................41 15 การลาเลียงแบบเอนโดไซโทซิส (Endocytosis) ..................................................................42 สิริลักษณ์ ดวงตา ครูผู้สอน

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 1 คาชีแ้ จงสาหรับการใช้ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ เร่อื ง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง เซลล์และการทางานของเซลล์ รายวิชาชีววิทยาพืน้ ฐาน ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ประกอบด้วยเนือ้ หาในรายวิชาชีววิทยา ว 31101 ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เร่อื ง เซลล์และการทางานของเซลล์ รายวิชาชีววิทยาพืน้ ฐาน ช้ันมธั ยมศกึ ษา ปีที่ 4 นี้เป็นชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง คิดเป็น ทาเป็น แก้ปัญหา เป็น สามารถทาให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยความสนุกสนาน ได้รับความรู้ และ ความเพลิดเพลิน รู้จักการทางาน ร่วมกันเป็นกลุ่ม และทาให้ผู้เรียนมีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ซึ่งถือว่าเป็นไปตามแนวทางการจัด การศึกษาของชาติที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ สนองต่อพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 และสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้รับการ พัฒนาท้ังทางด้านความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ปัญหา ความสามารถใน การสือ่ สาร การตัดสินใจ และสามารถพัฒนาตนเองได้ ตลอดจนมีจิตวิทยาศาสตร์ คุณธรรมและค่านิยมอัน พึงประสงค์ นอกจากนั้นผู้เรียนยังสามารถนาความรู้ และกระบวนการเรียนรู้ดังกล่าวที่ได้จากการปฏิบัติ กิจกรรมไปประยกุ ต์ใชใ้ นชีวติ ประจาวนั และการศกึ ษาหาความรตู้ ่อไปในอนาคต สิริลกั ษณ์ ดวงตา ครผู ู้สอน

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 2 คาชีแ้ จงสาหรบั ครู ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เร่อื ง เซลล์และการทางานของเซลล์ ชุดนี้ ใช้ประกอบการจัดกิจกรรมการ เรียนการสอนสาหรบั นักเรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 4 โรงเรียนพิมานพิทยาสรรค์ โดยมีขนั้ ตอนการจดั กิจกรรม การเรียนการสอน ดงั นี้ 1. ครแู จกชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรอ่ื ง เซลล์และการทางานของเซลล์ ให้นักเรียน 2. ครชู ้แี จงการใช้ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เซลล์และการทางานของเซลล์ ให้นกั เรียนทราบ 3. ก่อนลงมอื ปฏิบัติ 4. ครูใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน เพือ่ ดูว่านักเรียนมพี ืน้ ฐานความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกบั เรือ่ งที่เรยี นมากน้อยเพียงใด 5. ครูใหน้ กั เรียนศกึ ษาชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ เรือ่ ง เซลล์และการทางานของ ท้ังใบความรู้ และใบ กิจกรรม และคาถามชวนคิด เพือ่ ให้นกั เรียนได้ทบทวนและเกิดความรู้ ความเข้าใจอย่างถูกต้อง 6. ครูใหน้ ักเรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี น เพือ่ ดูว่านักเรียนมคี วามรู้ ความเข้าใจหลังเรียนมากน้อย เพยี งใด 7. ครสู ังเกตพฤติกรรมคุณลักษณะอันพึงประสงค์ และบันทึกผล 8. ครตู รวจคะแนน และบนั ทึกผลลงในแบบเกบ็ คะแนนการทาชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เร่อื ง เซลล์และการทางานของเซลล์ 9. ครูแจง้ คะแนนใหน้ กั เรียนทราบ และชมเชยนักเรียนพร้อมให้คาแนะนาเพิม่ เติม สิริลักษณ์ ดวงตา ครูผู้สอน

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 3 คาชี้แจงสาหรับนกั เรยี น ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรอ่ื ง เซลล์และการทางานของเซลล์ ใช้ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สาหรับนักเรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 โรงเรียนพิมานพิทยาสรรค์ โดยมีข้ันตอนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ดังต่อไปนี้ ศึกษากอ่ นลงมือปฏิบตั ิกจิ กรรม 1. นักเรียนฟังคาชีแ้ จงการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง เซลล์และการทางานของเซลล์ ให้เข้าใจ 2. ให้นกั เรียนรับชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เซลล์และการทางานของเซลล์ มาศกึ ษาเนือ้ หา 3. นักเรียนเริ่มทาแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อประเมินดูว่านักเรียนมีพื้นฐานความรู้ ความเข้าใจ มากน้อยเพียงใด 4. นกั เรียนศกึ ษาเนือ้ หาในใบความรู้ ทาความเข้าใจใหด้ ีตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้ายตามลาดับ จากน้ันจึงทาใบกิจกรรม คาถามชวนคิด อย่าข้ามข้ันตอน จงอ่านและทากิจกรรมที่กาหนดให้ อย่างรอบคอบ และทากิจกรรมการเรียนรตู้ ่างๆ จนครบ 5. เมือ่ นักเรียนทุกคนทากิจกรรมการเรยี นรู้ครบแล้ว ให้นักเรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี น ด้วยความตงั้ ใจและซือ่ สัตย์ 6. ส่งผลงานการทากิจกรรมการเรียนรู้ เพือ่ ให้ครูตรวจและบนั ทึกผล 7. เมือ่ ทากิจกรรมการเรียนรู้เสรจ็ แล้ว และส่งผลตอ่ ครผู สู้ อนแล้วจึงจดั เกบ็ อุปกรณ์ให้เรียบร้อย 8. รับฟงั การบอกคะแนน คาชมเชย และคาแนะนาเพิ่มเติมจากครู 9. ในการเข้าร่วมกิจกรรมทกุ คร้ัง นกั เรียนควรให้ความร่วมมอื ต้ังใจในการทากิจกรรม และ ตรงต่อเวลาเสมอ สิริลักษณ์ ดวงตา ครูผู้สอน

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 4 แผนผงั ข้ันตอนการเรียนโดยใช้ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ ศกึ ษามาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชีว้ ดั ศกึ ษาชุดกิจกรรมการเรยี นรู้โดย ทาแบบทดสอบก่อนเรียน ศกึ ษาใบความรู้ ทาใบกิจกรรม คาถามชวนคิดต่างๆ ทาแบบทดสอบหลังเรยี น ตรวจสอบคาตอบของใบกิจกรรม คาถาม ชวนคิด และแบบทดสอบหลงั เรียนจาก ใบเฉลยกิจกรรม ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ 80 ไม่ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 เรียนรู้เนอ้ื หาอื่นถัดไป สิริลกั ษณ์ ดวงตา ครูผู้สอน

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 5 มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชี้วัด มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจหน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวติ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าทีข่ องระบบต่างๆ ของสง่ิ มีชีวติ ทีท่ างานสมั พันธ์กนั มีกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ส่อื สารสิง่ ที่เรยี นรแู้ ละนาความรไู้ ปใช้ ในการดารงชีวติ ของตนเองและดแู ลสิ่งมีชีวติ ตวั ชีว้ ดั ว 1.1 ม. 4-6/1 ทดลองและอธิบายการทางานของเซลล์ของสิ่งมีชีวติ สาระการเรียนรู้ ด้านความรู้ 1. โครงสรา้ งพ้ืนฐานของเซลล์ (Cell Structure) 2. การแบ่งเซลล์ (Cell Division) 3. การลาเลียงสารผา่ นเยื่อหมุ้ เซลล์โดยวิธีการแพร่ (Diffusion) , การออสโมซิส (Osmosis) ,การแพรแ่ บบฟาซิลิเทต(Facilitated Diffusion) , และการลาเลียงแบบใช้พลงั งาน(Active Transport) 4. ปัจจัยที่มผี ลตอ่ การแพรข่ องสาร 5. การลาเลียงสารโดยไม่ผ่านเยื่อหมุ้ เซลล์โดยวิธีเอน็ โดไซโทซิส (Endocytosis) และ เอ็กโซไซโทซิส (Exocytosis) ดา้ นทักษะกระบวนการ 1. อธิบายโครงสรา้ งพ้ืนฐานของเซลล์ (Cell Structure) 2. อธิบายการแบ่งเซลล์ (Cell Division) 3. อธิบายการลาเลียงสารผา่ นเยื่อหุ้มเซลล์โดยการแพร่ (Diffusion) , การออสโมซิส (Osmosis) ,การแพรแ่ บบฟาซิลิเทต(Facilitated Diffusion) , และการลาเลียงแบบใช้พลงั งาน(Active Transport) สิริลกั ษณ์ ดวงตา ครผู ู้สอน

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 6 4. อธิบายปัจจยั ทีม่ ผี ลตอ่ การแพร่ของสาร 3. อธิบายการลาเลียงสารโดยไม่ผ่านเยือ่ หุ้มเซลล์โดยวิธีเอ็นโดไซโทซิส (Endocytosis) และ เอ็กโซไซโทซิส (Exocytosis) 4. ทาการทดลองการลาเลียงสารโดยวิธีการออสโมซิส (Osmosis) ในพืช 5. สรปุ เช่อื มโยงความรู้ได้ ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งมั่นในการทางาน 4. มีจิตสาธารณะ ขอบเขตของเน้อื หา เวลา และประเมินผลทีใ่ ช้ในการเรียนรู้ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ชุดท่ี 1 เรอ่ื ง การลาเลียงสารผา่ นเซลล์ ใช้เวลาในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 10 ชั่วโมง ประกอบด้วยเนื้อหา คอื โครงสร้างและการทางาน ของเซลล์ การแบ่งเซลล์ การลาเลียงสารผา่ นเซลล์โดยวิธีการแพร่และการออสโมซิส(Diffusion and Osmosis) การลาเลียงสารโดยวิธีฟาซิลเิ ทต (Facilitated) และการลาเลียงแบบใช้พลังงาน (Active transport) รวมถึงการลาเลียงสารโดยไม่ผ่านเยื่อหมุ้ เซลล์ โดยวิธี เอนโดไซโทซิส(Endocytosis) และ เอก็ โซไซโทซิส (Exocytosis) การวัดผลประเมินผล 1. ผลการทาแบบทดสอบ 2. ผลการทาใบกิจกรรม อยา่ ลมื ทาแบบทดสอบ 3. ผลการทาปฏิบัติการทดลองและการนาเสนอผลการทดลอง กอ่ นเรยี นกอ่ นนะคะ 4. แผนผังความคิด สรุปเชือ่ มโยงความรู้ 5. ประเมินพฤติกรรม สิริลกั ษณ์ ดวงตา ครผู ู้สอน

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 7 แบบทดสอบกอ่ นเรียน (Pre Test) เรื่อง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ คาชี้แจง 1. แบบทดสอบเป็นแบบเลือกตอบ มี 4 ตวั เลือก จานวน 15 ข้อ ใชเ้ วลา 20 นาที 2. เลือกคาตอบทีถ่ ูกทีส่ ุด เพียงคาตอบเดียว แล้วทาเครือ่ งหมาย X ตรงกบั คาตอบ ทีถ่ กู ต้องลงในกระดาษคาตอบ 1. โครงสร้างใดพบเฉพาะในเซลล์พืชเท่านั้น ก. ไซโทพลาสซึมกบั นิวเคลยี ส ข. คลอโรพลาสต์กบั ผนังเซลล์ ค. นวิ เคลียสกับไมโทคอนเดรีย ง. เยื่อหุ้มเซลล์กบั ผนังเซลล์ 2. พิจารณาขอ้ ความข้างล่างแลว้ เลือกคาตอบ “ มีลักษณะคอ่ นข้างกลม มีเยือ่ บางๆหุ้มภายในและพบสารทางพนั ธกุ รรมปรมิ าณมาก” ก. นิวเคลียส ข. ผนังเซลล์ ค. ไซโทพลาสซึม ง. นิวคลีโอลสั 3. .การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส เซลล์ใหมท่ ่ไี ด้มีลักษณะเป็นอย่างไร ก. 1 เซลล์ เหมือนเดิมทกุ ประการ ข. 2 เซลล์ เหมือนเดิมทกุ ประการ ค. 1 เซลล์ มีจานวนโครโมโซมลดลงครึ่งหนึง่ ของเซลล์เดิม ง. 2 เซลล์ มีจานวนโครโมโซมลดลงครึ่งหนึง่ ของเซลล์เดิม สิริลักษณ์ ดวงตา ครูผู้สอน

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 8 4. การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส มีความสาคญั ตอ่ สิง่ มีชีวติ อย่างไร ก. ทาให้สิ่งมีชีวติ มกี ารเจริญเติบโต ข. ทาให้มเี ซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์ที่ชารดุ ค. ทาให้สิ่งมีชีวติ มีจานวนโครโมโซมคงทีใ่ นทกุ รุ่น ง. ทาให้เกิดการรวมกันของเซลล์สืบพันธ์ุ 2 เพศ 5. ระยะใดของการแบ่งเซลลแ์ บบไมโอซิสทม่ี องเห็นโครโมโซมมีขนาดใหญ่ทส่ี ุด ก. เมทาเฟส ข. เทโลเฟส ค. อินเตอรเ์ ฟส ง. โฟรเฟส 6. คาว่า ออสโมซิส (Osmosis) ถ้าจะอธิบายจะใช้ข้อใดจึงจะถกู ต้อง ก. เปน็ การเคลือ่ นทีข่ องน้าผา่ นเยื่อบางไปยังบริเวณน้ามากกว่า ข. เป็นการเคลื่อนทีข่ องนา้ จากบริเวณน้ามากไปยงั บริเวณน้าน้อย ค. เปน็ การเคลื่อนที่ของสารละลายเข้มข้นไปสู่สารละลายเจอื จาง ง. เปน็ การเคลือ่ นทีข่ องน้าจากสารละลายเจือจางผ่านเยือ่ บางไปสู่สารละลายเข้มข้น 7. ข้อใดทีเ่ ปน็ ลกั ษณะของการเกิดออสโมซิส (Osmosis) ก. ธาตุอาหารในดินถูกลาเลียงเข้าสู่ราก ข. อาหารที่พืชสร้างขึน้ จากเซลล์ในใบถกู ลาเลียงเข้าไปในลาต้น ค. การทีน่ ้าในแก้วค่อย ๆ กลายเปน็ สีมว่ งเมื่อหย่อนเกล็ดด่างทบั ทิมลงไปในแก้ว ง. ถงุ เซลโลเฟนที่บรรจนุ ้ากลนั่ มปี ริมาตรเล็กลง เมื่อหย่อนลงในแก้วที่มสี ารละลายซูโครสเข้มขน้ 8. ถ้าแช่เม็ดเลือดแดงในสารละลายไอโซโทนิก (Isotonic Solution) เซลลเ์ มด็ แดงจะเปลีย่ นแปลง อย่างไร ก. เซลล์เมด็ แดงจะแตก ข. เซลล์เม็ดเลือดแดงไม่เปลี่ยนแปลง ค. เซลล์เม็ดแดงจะเหี่ยว ง. เซลล์เม็ดแดงจะเห่ยี วแล้วกลับมาเต่ง สิริลกั ษณ์ ดวงตา ครผู ู้สอน

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 9 9. เมื่อหยอ่ นเกล็ดด่างทับทิมลงในบีกเกอร์ท่บี รรจนุ ้าจะเกิดการแพรก่ ระจายขึ้น นักเรยี นคดิ วา่ ถา้ มีการเพิม่ อุณหภูมิให้สงู ขึ้น อัตราการแพร่จะเปน็ อยา่ งไร ก. ช้าลง ข. เร็วขึ้น ค. เท่าเดิม ง. ไม่มีผลตอ่ การแพร่ 10. กระบวนการลาเลียงของสารผ่านเขา้ เซลล์โดยวิธี การแพรแ่ บบฟาซิลิเทต(Facilitated Diffusion) ต้องอาศัยตวั พาคอื สารใด ก. โปรตนี ข. ไขมัน ค. ดีเอ็นเอ ง. อาร์เอน็ เอ 11. ปรากฏการณ์ทท่ี าให้นา้ แพร่ออกสู่ภายนอกเซลและเซลลจ์ ะเหีย่ ว เรยี กวา่ ก. Plasmoptysis ข. Plasmolysis ค. Haemolysis ง. Hydrolysis 12. เมือ่ ถงึ จดุ สมดลุ ของการแพร่ (Dynamic Equilibrium) จะอยู่ในสภาพดงั ขอ้ ใด ก. ไม่มกี ารแพร่อกี ต่อไป ไม่มีสารเข้า-ออกในเซลล์ ข. มีการแพร่จากภายในสู่ภายนอกเซลล์มากกว่าภายนอกเข้าสู่ภายในเซลล์ ค. มกี ารแพร่จากภายนอกสู่ภายในเซลล์มากกว่าภายในเซลล์ออกนอกเซลล์ ง. มีการแพรจ่ ากภายนอกสู่ภายในเซลล์เท่ากบั ภายในเซลล์ออกนอกเซลล์ สิริลกั ษณ์ ดวงตา ครผู ู้สอน

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 10 13. แอกทีฟทรานสปอร์ต (ActiveTtransport)เป็นการเคลื่อนท่ขี องสารจากที่มีความเขม้ ข้นในข้อใด ก. จากมากไปหาน้อยโดยอาศยั พลังงานจากเซลล์ ข. จากมากไปหาน้อยโดยไม่อาศยั พลังงานจากเซลล์ ค. จากน้อยไปหามากโดยอาศยั พลงั งานจากเซลล์ ง. จากน้อยไปหามากโดยไม่อาศยั พลงั งานจากเซลล์ 14. กระบวนการฟาโกไซโทซสิ (Phagocytosis) และพิโนไซโทซิส (Pincocytosis)เหมือนกนั ในเรอ่ื งใด ก. สามารถสร้างซูโดโปเดียมได้เหมอื นกัน ข. สารไม่ผา่ นเยื่อหุ้มเซลล์ ค. ไม่ต้องใช้พลังงานภายในเซลล์ ง. สภาพของสารที่เข้าไปในเซลล์ 15.สารละลายชนิดหนึ่งเมือ่ นาเซลล์เมด็ เลือดแดงใส่ลงไปเซลลเ์ ม็ดเลือดแดงจะแตกสลาย แตเ่ มื่อ เอาเซลลข์ องสาหร่ายใส่ลงไปเซลล์จะไม่แตกเปน็ เพราะ ก. สารละลายน้ันเป็น Hypotonic ต่อเม็ดเลือดแดง แตเ่ ปน็ Isotonic ต่อเซลล์สาหร่าย ข. สารละลายน้ันเปน็ Hypotonic ต่อเม็ดเลือดแดง แตเ่ ป็น Hypertonic ต่อเซลล์สาหรา่ ย ค. สารละลายน้ันเป็น Hypotonic ต่อเม็ดเลือดแดงแตส่ าหรา่ ยมีผนงั เซลล์ เซลล์จึงไม่แตก ง. สารละลายน้ันเปน็ Hypotonic ต่อเมด็ เลือดแดง แตเ่ ซลล์สาหร่ายมีความเข้มข้นสูงกว่าเซลล์จงึ ไม่แตก ************************************************ สิริลักษณ์ ดวงตา ครผู ู้สอน

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 11 กระดาษคาตอบแบบทดสอบกอ่ นเรียน เรื่อง โครงสร้างและการทางานของเซลล์ ชือ่ – สกุล ........................................................................ เลขที่ ..................... ช้ัน ............... ขอ้ ก ข ค ง คะแนนเต็ม คะแนนทไ่ี ด้ 1. 2. ระดบั การประเมิน 3. ดีมาก 4. ดี 5. พอใช้ 6. ปรบั ปรุง 7. 8. เกณฑ์การประเมิน 9. คะแนนระหว่าง 13 – 15 คะแนน อยู่ในระดับ ดีมาก 10. คะแนนระหว่าง 10 – 12 คะแนน อยู่ในระดับ ดี 11. คะแนนระหว่าง 7 – 9 คะแนน อยู่ในระดับ พอใช้ 12. คะแนนระหว่าง 4 – 6 คะแนน อยู่ในระดับ ปรบั ปรงุ 13. 14. 15. รวม *******เกณฑก์ ารผ่านต้องได้ รอ้ ยละ 80 สิริลกั ษณ์ ดวงตา ครูผู้สอน

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 12 ใบความรู้ ที่ 1 เรือ่ ง โครงสร้างพน้ื ฐานของเซลล์ (Cell Structure) เซลล์เป็นหนว่ ยทีเ่ ล็กท่สี ุดของสิ่งมีชีวติ ทีไ่ ม่สามารถมองเหน็ ด้วยตาเปล่าได้ จึงตอ้ งมี เครอ่ื งมือท่ชี ่วยในการมองเห็น คอื กล้องจลุ ทรรศน์ เซลล์มีโครงสรา้ งพ้ืนฐานแบ่งไดเ้ ปน็ 3 ส่วนใหญ่ๆ คอื 1. ส่วนทีห่ อ่ หมุ้ เซลล์ แบ่งออกเป็น 1.1 ผนังเซลล์ (Cell Wall) 1.2 เยอื่ หมุ้ เซลล์ (Cell Membrane) 2. ไซโทพลาซึม (Cytoplasm) ประกอบดว้ ย 2.1 ไซโทซอล (Cytosol) 2.2 ออร์แกเนลล์ (Organelles) 3. นิวเคลียส (Nucleus) ประกอบดว้ ย 3.1 เยือ่ หุ้มนิวเคลียส (Nuclear Membrane) 3.2 นิวคลีโอพลาซึม (Nucleoplasm) ประกอบดว้ ย - โครมาทนิ (Chromatin) - นิวคลีโอลสั (Nucleolus) สิริลกั ษณ์ ดวงตา ครผู ู้สอน

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 13 1.สว่ นที่ห่อหุ้มเซลล์ ได้แก่ เยือ่ หุ้มเซลล(์ cell membrane) และผนังเซลล์(cell wall) โดยเซลลพ์ ืชทกุ ชนิด นอกจากจะมีเยือ่ หมุ้ เซลล์แลว้ ยังมีผนังเซลล์ ซึง่ ประกอบดว้ ยสาระสาคัญ คอื เซลลโู ลสห่อหุ้มอยู่ด้านนอกของเยือ่ หุ้มเซลลอ์ กี ด้วย จึงทาให้เซลล์พชื มีรูปร่างคงที่ และแข็งแรง โดยทว่ั ไป เยื่อหุ้มเซลลจ์ ะประกอบด้วยสารพวกโปรตีนและลิพิดเป็นหลัก 2.ไซโทพลาสซึม(cytoplasm)ไซโทพลาซมึ เปน็ สว่ นประกอยที่อยู่ภายในเซลลท์ ง้ั หมด ยกเวน้ นิวเคลียส มีลักษณะเปน็ ของเหลวซึง่ มีโครงสรา้ งเล็กๆ ท่ีเรียกว่า ออรแ์ กเนลล(์ organell) กระจายอยู่ทั่วไป ออร์แกเนลลม์ ีหลายชนิด เช่น ไรโบโซม(ribosome) กอลจบิ อดีหรอื กอลจคิ อท แพลก็ ส์(golgo body or golgi complex) ไมโทคอนเดรยี (mitochondria) คลอโรพลาสต์ (chloroplast) และแวควิ โอล(vacuole) เปน็ ตน้ 3.นวิ เคลยี ส(nucleus)นวิ เคลียสมีรปู รา่ งคอ่ นขา้ งกลม ทาหน้าทค่ี วบคมุ กระบวนการ ตา่ งๆภายในเซลล์ ภายในนวิ เคลียสมีสารพนั ธุกรรมที่กาหนดลักษณะทางพนั ธกุ รรมของ ส่งิ มีชวี ิตบรรจอุ ยู่นวิ เคลียสมีรูปร่างค่อนขา้ งกลม ทาหน้าท่คี วบคมุ กระบวนการตา่ งๆภายใน เซลล์ ภายในนวิ เคลยี สมีสารพนั ธุกรรมที่กาหนดลักษณะทางพนั ธุกรรมของสิง่ มีชวี ิตบรรจอุ ยู่ ภาพที่ 1 เซลล์สัตว์และออร์แกนเนล (ที่มา : จาก http://www.thaigoodview.com ) สืบค้นเม่ือวันที่ 20 มนี าคม 2557 สิริลักษณ์ ดวงตา ครูผู้สอน

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 14 ภาพที่ 2 เซลล์พืชและออร์แกนเนล (ที่มา : จาก http://www.thaigoodview.com ) สืบค้นเมือ่ วนั ที่ 20 มนี าคม 2557 สิริลกั ษณ์ ดวงตา ครผู ู้สอน

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 15 ใบกิจกรรมที่ 1 เรื่อง โครงสร้างพน้ื ฐานของเซลล์(Cell Structure) คาชแี้ จง จงตอบคาถามต่อไปนี้ 1. ส่วนประกอบพืน้ ฐาน สว่ นใดที่ มเี ฉพาะในเซลล์พชื ตอบ............................................................................................................ 2. เยือ่ หมุ้ เซลล์(Cell Membrane) ประกอบด้วยสารใดบ้าง ตอบ............................................................................................................ 3. การถ่ายทอดลักษณะะทางพนั ธุกรรมเกย่ี วขอ้ งกับโครงสรา้ งพ้ืนฐานใด ตอบ............................................................................................................ 4. พืชสรา้ งอาหารเองไดเ้ กีย่ วข้องกบั โครงสรา้ งใด ตอบ............................................................................................................ 5. ส่วนประกอบของเซลลพ์ ชื ในข้อใดทาหน้าที่ปอ้ งกนั อันตรายและเสรมิ ความแข็งแรง ให้กับเซลล์ คือ ตอบ............................................................................................................ 6. เยือ่ หมุ้ เซลล์ มีหน้าทสี่ าคัญอยา่ งไรใหก้ ับเซลล์ ตอบ............................................................................................................ 7. โครงสรา้ งใดของเซลลท์ ี่มีคณุ สมบตั ิเปน็ เยอื่ เลอื กผา่ น ตอบ............................................................................................................ จากรูปต่อไปนี้ ตอบคาถาม สิริลักษณ์ ดวงตา ครูผู้สอน

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 16 8. อกั ษร A หมายถึง............................................................................... 9. อักษร A หมายถึง............................................................................... 10. สารทเี่ ปน็ องคป์ ระกอบพืน้ ฐาน ทีอ่ ยู่ในเยอ่ื หุ้มเซลล์คือ ตอบ.............................................................................................................. สิริลักษณ์ ดวงตา ครผู ู้สอน

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 17 ใบกิจกรรม ท่ี 2 เรือ่ ง ศึกษาองค์ประกอบพน้ื ฐานของเซลล์ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. เพือ่ ศึกษาลักษณะและรูปรา่ งของเซลลต์ ่างๆของสิง่ มีชวี ิตพวกพชื และสตั ว์ได้ 2. บอกลักษณะโครงสรา้ ง องค์ประกอบพืน้ ฐาน ของเซลล์พชื และเซลล์สตั ว์ทีม่ องเหน็ ได้ วสั ดุอปุ กรณแ์ ละสารเคมี 1. กล้องจลุ ทรรศน์ 1 ตัว/กลุ่ม 2. เขม็ เข่ยี หรือใบมดี โกน 1 อัน/กลุ่ม 3. แผ่นสไลด์ 1 แผ่น/กลุ่ม 4. กระจกปิดสไลด์ 1 แผ่น/กลุ่ม 5. หลอดหยด 1 อัน/กลุ่ม 6. บีกเกอร์ขนาด 50 ลกู บาศก์เซนตเิ มตร(cm3) 1 ใบ/กลุ่ม 7. น้ากล่ัน 9. กระดาษเยอื่ 10. หอมแดง 11 วา่ นกาบหอย 12. เยอื่ บขุ า้ งแกม้ 13. พชื อืน่ ๆที่ต้องศกึ ษารปู ร่างของเซลล์ สิริลกั ษณ์ ดวงตา ครผู ู้สอน

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 18 วธิ กี ารทดลอง 1. ใช้เขม็ เข่ยี หรอื ปลายใบมีดโกนลอกเนอื้ เย่อื บาง ๆ ด้านในของกลบี หอมแดง โดยลอกหรือตัด Section ให้บางทสี่ ุด 2. ตดั เน้ือเย่อื ที่ลอกได้ออกเป็นชิ้นเลก็ ๆ แล้ววางลงบนหยดนา้ บนสไลด์ 3. ปิดด้วยกระจกปดิ สไลด์ โดยวางกระจกปิดเอียงทามุมประมาณ 45 องศากับสไลด์ แล้วคอ่ ย ๆ ปิดลงไปบนแผน่ สไลด์ 4. นาสไลด์ไปตรวจดดู ้วยกล้องจุลทรรศน์ โดยใชเ้ ลนส์ใกลว้ ตั ถุกาลังขยายตา่ และกาลังขยายสงู ตามลาดบั 5. สังเกตและบนั ทึกภาพเซลล์ที่สังเกตเห็นภายใตก้ ล้องจุลทรรศน์ 6. ทาซา้ ขอ้ 1 – 5 อีก โดยเปลีย่ นเซลลเ์ ป็นวา่ นกาบหอย และ เยอ่ื บุขา้ งแกม้ ตามลาดับ ตัวอยา่ งภาพ การทา section เยือ่ หอม ใหแ้ คล่ อกเอาก็ใชไ้ ด้เลย ทีม่ า : ภาพที่ 3 จาก..http://www.sc.mahidol.ac.th :ปฏิบัติการเรือ่ งเซลล์ และโครงสรา้ งของเซลล์ สิริลกั ษณ์ ดวงตา ครผู ู้สอน

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 19 บันทึกกิจกรรม ภาพลักษณะของเซลล์ ชนิดของเซลล์ หอมแดง วา่ นกาบหอย เยือ่ บขุ า้ งแก้ม สิริลกั ษณ์ ดวงตา ครผู ู้สอน

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 20 สรุปผลการทดลอง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ***************************************** สิริลกั ษณ์ ดวงตา ครูผู้สอน

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 21 ใบความรู้ ที่ 2 เรื่อง การแบ่งเซลล์ (Cell Division) การแบง่ เซลล์ (Cell Division) คือ การเพิ่มจานวนของเซลล์ (cell) ในสิ่งมีชวี ติ เพื่อการเจริญเติบโต และรกั ษา ซ่อมแซมรา่ งกายสว่ นทสี่ ึกหรอ รวมถึงสร้างเซลลส์ ืบพันธท์ุ ีค่ งไว้ซงึ่ สารพนั ธุกรรม ทา หน้าทคี่ วบคุมลกั ษณะและการแสดงออกที่เป็นเอกลกั ษณ์ของสิ่งมชี ีวติ กระบวนการแบง่ เซลลส์ ามารถแบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอน ไดแ้ ก่ การแบ่งตัวของนิวเคลียส (Karyokinesis) มีด้วยกัน 2 ลกั ษณะ คือ การแบง่ เซลล์ แบบไมโทซสิ (Mitosis) คือ การเพมิ่ จานวนของเซลล์รา่ งกาย (Somatic Cell) ใน สิง่ มชี ีวติ หลายเซลล์ (Multicellular Organism) เช่น พชื สัตว์และมนษุ ย์ และเปน็ การแบ่งเซลล์เพอ่ื การ สืบพนั ธุ์ในสิ่งมชี ีวติ เซลลเ์ ดียว (Unicellular Organism) และการสรา้ งเซลล์สบื พนั ธใ์ุ นพืช ซง่ึ การแบ่ง เซลล์แบบไมโทซิสเปน็ การเพิม่ จานวนเซลล์จาก 1 เซลล์ด้ังเดิมเพิม่ จานวนข้ึนเปน็ 2 เซลล์ โดยทเี่ ซลล์ เกดิ ใหม่ยงั คงมีคณุ สมบตั ิเหมอื นเซลล์ต้นแบบทกุ ประการ ทั้งชนดิ และจานวนของโครโมโซม (Chromosome) ซ่งึ การแบง่ ตัวแบบไมโทซิสนี้ สามารถจาแนกออกเป็น 5 ระยะหรอื ที่เรยี กกันว่า “วัฏ จักรเซลล”์ (Cell Cycle) ได้ดังนี้ 1. ระยะอินเตอร์เฟส (Interphase) เปน็ ระยะพักและเตรยี มการแบ่งเซลล์ กิจกรรมของเซลล์ ในระยะนมี้ ีการเจริญเติบโตเตม็ ที่ มกี ระบวนการเมทาบอลิซมึ (Metabolism) สงู เซลล์สะสม วัตถุดิบสาหรับการสงั เคราะหส์ ารตา่ ง ๆ และที่สาคญั คอื การสงั เคราะหส์ ารพันธุกรรมหรือดี เอ็นเอ (DNA) เพิม่ ขนึ้ ทาใหม้ ีการจาลองตัวของโครโมโซมเพม่ิ ขึน้ 1 ชุด เพ่อื เตรยี มพรอ้ ม สาหรบั การแบ่งตวั ของนิวเคลียสและไซโทพลาซมึ ในขน้ั ตอนต่อไป 2. ระยะโพรเฟส (Prophase) : โครงสรา้ งของโครโมโซมจะปรากฏใหเ้ หน็ เป็นรปู ตวั เอกซ์ (X) ชดั เจนข้นึ โดยในเซลล์ของสตั ว์มกี ารเคลื่อนทีข่ องเซนทรโิ อล (Centriole) ซ่งึ เคลื่อนตวั ไปอยู่ บริเวณขวั้ ตรงขา้ มทั้ง 2 ด้านของเซลล์ ก่อนสรา้ งเสน้ ใยโปรตีนที่เรียกว่า “ไมโทติกสปนิ เดลิ ” (Mitotic Spindle) หรือ “สปินเดิลไฟเบอร”์ (Spindle Fiber) ไปยดึ เกาะเซนโทรเมียร์ (Centromere) หรือบริเวณจุดกึ่งกลางของโครโมโซม ซึง่ ในเซลล์พชื จะมีขั้วตรงกันขา้ ม (Polar Cap) ทาหน้าที่แทนเซนทรโิ อล โดยในปลายระยะนี้ เยอ่ื หุ้มนวิ เคลียส (Nuclear Membrane) และนิวคลีโอลสั (Nucleolus) ภายในเซลล์จะค่อย ๆ สลายตวั ไป สิริลกั ษณ์ ดวงตา ครผู ู้สอน

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 22 3. ระยะเมทาเฟส (Metaphase) : เป็นระยะทีเ่ สน้ ใยสปินเดิลหดตัวและดึงให้โครโมโซมมาเรียง ตวั อยรู่ ว่ มกนั ในแนวกึ่งกลางของเซลล์ และเป็นช่วงเวลาทโี่ ครโมโซมมกี ารหดตวั ลงสั้นทีส่ ดุ เพือ่ เตรียมพร้อมสาหรบั การแบ่งตัวและการเคลื่อนที่ ส่งผลให้ระยะเมทาเฟสเป็นช่วงเวลาที่ เหมาะสมแก่การนบั จานวน ศกึ ษารปู รา่ ง และความผดิ ปกติของโครโมโซม (Karyotype) โดย โครโมโซมเรม่ิ มีการเคลอื่ นที่แยกออกจากกนั ในช่วงปลายของระยะนี้ 4. ระยะแอนาเฟส (Anaphase) : เป็นระยะทีเ่ ส้นใยสปินเดิลหดส้ันลงจนทาให้โครมาทดิ (Chromatid) หรือ แท่งแตล่ ะแท่งในคู่โครโมโซมถูกดงึ แยกออกจากกันไปอยบู่ รเิ วณขวั้ ใน ทิศทางตรงกนั ขา้ ม โครโมโซมภายในเซลล์จะเพ่มิ จานวนข้ึนเปน็ 2 เทา่ ซึ่งถือเป็นกระบวนการ แบ่งตัว เพอ่ื สรา้ งเซลลใ์ หมข่ ้นึ 2 เซลล์ ซึ่งระยะแอนาเฟสเปน็ ระยะที่ใชเ้ วลาสน้ั ที่สดุ ในขน้ั ตอน ทั้งหมด 5. ระยะเทโลเฟส (Telophase) : เป็นระยะทีโ่ ครมาทิดซึ่งแยกออกจากกนั หรอื ที่เรยี กว่า “โครโมโซมลกู ” (Daughter Chromosome) เกดิ การรวมกลุ่มกันบรเิ วณขว้ั ตรงขา้ มของเซลล์ จากน้ันโครโมโซมลกู แตล่ ะแท่งจะคลายตวั ออกเปน็ เส้นใยโครมาทิน (Chromatin)ขณะเดียวกัน เส้นใยสปินเดิลจะละลายตัวไป เกิดนิวคลีโอลัสและเยอ่ื หุ้มนวิ เคลียสข้ึนอีกครง้ั ล้อมรอบเส้นใย ดังกลา่ ว ดังนนั้ ตอนปลายของระยะนี้ จะเหน็ เซลล์มนี ิวเคลียสเพิม่ ขึน้ เป็น 2 ส่วน ภาพที่ 4 การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส (ทีม่ า : จาก http://www.thaigoodview.com ) สืบค้นเม่อื วันที่ 20 มนี าคม 2557 สิริลกั ษณ์ ดวงตา ครูผู้สอน

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 23 การแบ่งเซลล์ แบบไมโอซิส (Meiosis) คือ การเพิม่ จานวนเซลล์ในสิ่งมชี ีวติ ที่มีความซับซอ้ นและมีข้ันตอนมากขึน้ เพอื่ การสรา้ งเซลล์ สืบพันธ์ุ เปน็ การเพิ่มจานวนเซลล์จากเซลล์ดั้งเดิม 1 เซลล์ ก่อกาเนิดเซลล์ใหม่ 4 เซลล์ โดยภายใน เซลล์เหลือจานวนโครโมโซมเพยี งครึ่งเดียว ซึ่งเซลล์เหลา่ นี้ เมอื่ เกิดการปฏิสนธิหรอื เขา้ กระบวนการ ผสมพันธุ์ จะก่อให้เกิดการเปลีย่ นแปลงภายในสารพนั ธุกรรม หรอื การแปรผันทางพันธุกรรม (Gene Variation) ซง่ึ เป็นจดุ กาเนดิ ของการพฒั นาความหลากหลายทางชีวภาพ และวิวัฒนาการของสิ่งมชี ีวติ โดยข้ันตอนของการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิสสามารถจาแนกออกเป็น 2 ขน้ั ตอน โดยในแตล่ ะขน้ั ตอนมี ด้วยกัน 5 ระยะเช่นเดียวกบั การแบ่งเซลลแ์ บบไมโทซสิ คือ ระยะอินเตอร์เฟส (Interphase) โพรเฟส (Prophase) เมทาเฟส (Metaphase) แอนนาเฟส (Anaphase) และเทโลเฟส (Telophase) ดังนี้ การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิสข้ันที่ 1 (Meiosis I) : จะมีปรากฏการณ์ที่เกิดข้ึนต่างไปจากการแบ่ง เซลล์แบบไมโทซิส คือ ในระยะโพรเฟส หลังการจาลองตัวของดีเอ็นเอ โครโมโซมที่เป็นคู่เหมือน (Homologous Chromosome) จะเคลื่อนที่เขา้ หากัน หรือที่เรียกว่า “การเกิดไซแนปซิส” (Synapsis) ซ่ึง โครโมโซมคู่เหมือนที่แนบชิดติดกัน จะมีช่วงบริเวณปลายไขว้สลับกัน เป็นปรากฏการณ์การ เปลีย่ นแปลงชิ้นส่วนของโครมาทิด (Crossing Over) ระหว่างโครโมโซมคู่เหมือนในบริเวณดังกล่าว ซ่ึง ทาให้เกิดการผันแปรของยีนในสิ่งมีชีวิตรุ่นต่อไป การแบ่งเซลล์จะดาเนินต่อไป โดยไม่สิ้นสุดลงเม่ือ เสรจ็ การใหก้ าเนิดเซลล์ใหม่ 2 เซลล์เหมอื นการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส แต่จะเริม่ การแบ่งเซลล์แบบไม โอซิสในขน้ั ที่ 2 ต่อไปเลยทันที การแบง่ เซลล์แบบไมโอซสิ ขัน้ ที่ 2 (Meiosis II) : โดยก่อนจะเร่มิ การแบ่งเซลล์ในขน้ั ที่ 2 นี้ เซลล์ บางชนิดจะเกดิ ระยะอนิ เตอร์เฟสข้นึ เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่จะไม่มกี ารจาลองตวั ของดีเอ็นเอข้นึ อีก ส่งผลใหก้ ารแบ่งเซลล์ในขนั้ ตอนนี้ มคี วามคล้ายคลึงกับการแบ่งเซลลแ์ บบไมโทซิสเป็นอยา่ งมาก ดังน้ัน จากการแบ่งเซลลท์ ั้งหมด 2 ครั้ง ทาให้เมอ่ื สิ้นสดุ กระบวนการท้ังหมด จะได้เซลล์ใหมจ่ านวน 4 เซลล์ ซึง่ แตล่ ะเซลล์จะมีจานวนโครโมโซมลดลงเหลอื เพยี งครึง่ หนึ่งของเซลล์ดง้ั เดิม สิริลกั ษณ์ ดวงตา ครผู ู้สอน

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 24 ภาพที่ 5 การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส 1 (ทีม่ า : จาก http://www.thaigoodview.com ) สืบค้นเมอื่ วนั ที่ 20 มนี าคม 2557 ภาพที่ 6 การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส 2 (ที่มา : จาก http://www.thaigoodview.com ) สืบค้นเมอ่ื วนั ที่ 20 มนี าคม 2557 สิริลกั ษณ์ ดวงตา ครผู ู้สอน

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 25 ใบกิจกรรม ท่ี 3 เรือ่ ง การแบ่งเซลล์แบบไมโทซสิ ของปลายรากหอม จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. ทากิจกรรมศึกษาการแบ่งแบบไมโทซสิ ของปลายรากหอมตามข้ันตอนต่าง ๆได้ถกู ต้อง 2. สามารถใช้กล้องจลุ ทรรศน์ได้อยา่ งถูกต้อง คล่องแคล่ว 3. สังเกต บันทึก และอธิบายโครงสรา้ งของเซลลท์ ี่แบ่งแบบไมโทซสิ จากกล้องจลุ ทรรศน์ 4. เปรยี บเทียบการแบ่งเซลลร์ ะยะต่าง ๆ ที่เห็นจากกลอ้ งจลุ ทรรศน์กบั ภาพในแบบเรียนได้ ถกู ต้อง วสั ดอุ ุปกรณ์ 1. ขวดปากกว้าง หรอื บีกเกอรข์ นาด 50 ลบ.ซม.ที่บรรจนุ ้า 2. ใบมีดโกน 3. ชุดตะเกยี งแอลกอฮอล์ 4. กล้องจุลทรรศน์ 5. สไลด์และกระจกปิดสไลด์ 6. หลอดหยด 7. ไม้หนีบ 8. ดินสอชนดิ ทีม่ ยี างลบ 9. กระดาษทิชชู 10. น้ากลนั่ 11. กรดไฮโดรคลอริก เขม้ ข้น 1 โมล/ลิตร 12. สีอะซโี ทคารม์ ีน เข้มขน้ 0.5 % 13. หัวหอมแดง หรือหวั หอมใหญ่ สิริลกั ษณ์ ดวงตา ครผู ู้สอน

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 26 วิธีการทดลอง 1. เพาะหอมแดงหรอื หอมหวั ใหญ่โดยวางบนปากขวดปากกว้าง หรอื วางบนบีกเกอร์ที่มนี า้ อยู่ จนรากงอกประมาณ 1-2 วัน 2. ตัดปลายรากหอมยาวประมาณ 0.5 ซม. นามาวางบนสไลด์ แล้วหยดกรดไฮโดรคลอรกิ เข้มข้น 1 โมล/ลิตร ใหท้ ่วม ผา่ นสไลดไ์ ปมาบนเปลวไฟ 3-4 ครั้ง ระวงั อยา่ ใหก้ รดไฮโดร คลอริกแห้ง ลา้ งกรดไฮโดรคลอริกออกโดยหยดนา้ กล่นั ลงบนสไลด์และเทออก 2-3 คร้ัง 3. ซับน้าใหแ้ ห้งแล้วหยดสีอะซโี ทคารม์ นี เข้มข้น 0.5 % ผา่ นสไลด์บนเปลวไฟ ระวังอยา่ ให้สี เดือดและแห้ง แล้วปดิ ด้วยกระจกปิดสไลด์ 4. ใช้ดินสอดา้ นทมี่ ียางลบอยเู่ คาะเบา ๆ บนกระจกสไลด์ เพือ่ ใหเ้ ซลล์กระจายแล้วใช้ กระดาษทิชชซู ับบรเิ วณขา้ ง ๆ กระจกปิดสไลด์ใหแ้ หง้ 5. ตรวจดูเซลล์รากหอมที่อยบู่ นสไลด์ด้วยกล้องจุลทรรศน์ โดยใช้เลนส์ใกลว้ ตั ถทุ ี่มี กาลังขยายต่าสดุ เลอื กบรเิ วณในสไลด์ทเี่ ห็นนิวเคลียสลักษณะตา่ ง ๆ กนั แล้วจึงใช้เลนส์ ใกลว้ ตั ถทุ ีม่ ีกาลังขยายสูงจนเหน็ ภาพชดั เจน สังเกตความแตกตา่ งของแต่ละเซลล์ 6. บนั ทึกภาพ (โดยการถ่ายรปู ที่เหน็ ในกล้องจลุ ทรรศน)์ printรปู ติดในบันทึกผล กิจกรรม แล้วมาเปรียบเทยี บกบั ภาพในบทเรยี นพรอ้ มท้ังเขยี นใต้ภาพวา่ เปน็ การแบ่งเซลล์ในระยะใดบา้ ง บนั ทึกผลกิจกรรม….. โดยบันทึกรูปท่มี องเหน็ ในกล้องจลุ ทรรศนแ์ ล้วบอกว่าเป็นการแบ่งเซลล์ระยะใด สิริลักษณ์ ดวงตา ครูผู้สอน

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 27 สรุปผลกิจกรรม ....................................................................................................................................... ....................................................................................................................................... ....................................................................................................................................... ....................................................................................................................................... ....................................................................................................................................... ....................................................................................................................................... *************************. สิริลกั ษณ์ ดวงตา ครผู ู้สอน

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 28 ใบความรู้ท่ี 3 เรื่อง การแพร่และการออสโมซิส(Diffusion and Osmosis) ในเซลล์ของส่งิ มชี ีวิตจะมีกลไกที่เกีย่ วข้องกบั กระบวนการตา่ งๆ เพือ่ การดารงชีวิต เนื่องจากขณะที่เซลล์ยงั มีชีวิตอยู่ เซลล์จาเป็นต้องอาศัยอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่มกี ารเปลีย่ นแปลง ดงั นน้ั เซลล์ของสิง่ มีชีวติ จึงต้องมีกลไกในการควบคุมสภาวะแวดล้อมภายในเซลล์เพือ่ ให้เกิด ความสมดลุ และต้องอาศัยกระบวนการลาเลียงสาร ซึ่งกระบวนการลาเลียงสาร มีหลายวิธี ดังน้ี การแพร่ (Diffusion) เป็นการเคลือ่ นทีข่ องโมเลกุลจากจดุ ทีม่ คี วามเข้มข้นสงู กว่า ไปยัง จุดที่มีความเข้มข้นต่ากว่า การเคลือ่ นทีน่ เี้ ปน็ ไปในลักษณะทุกทิศทุกทาง โดยไม่มีทิศทางทีแ่ นน่ อน ภาพที่ 7 การแพร่ของโมเลกลุ ของนา้ ตาลในน้า (ที่มา : จาก http://www.thaigoodview.com ) สืบค้นเมื่อวันที่ 20 มนี าคม 2557 การแพรแ่ บบธรรมดาสารจะแพร่จากบริเวณทีส่ ารมีความหนาแน่นมากไปยังบริเวณที่สารมี ความหนาแน่นน้อย จนความหนาแน่นของสารในทกุ บริเวณเท่ากัน ซึง่ อตั ราการแพร่ไปและกลับจะเท่ากนั และสารจะอยู่ในสภาวะแก๊สหรอื ของเหลวก็ได้ สภาวะเช่นน้เี รยี กว่า สมดลุ ของการแพร่ (Dynamic Equilibrium) สิริลักษณ์ ดวงตา ครผู ู้สอน

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 29 ตัวอย่างการแพร่ในเซลล์ เชน่ การแลกเปลีย่ นแกสทีถ่ งุ ลมในปอด กอ็ าศัยหลกั การแพร โดยเมอ่ื หายใจเขา ออกซิเจนกจ็ ะแพรเขาสูเซลลเมด็ เลือดแดง ขณะเดียวกนั แกสคารบอนไดออกไซดก็จะแพรออก จากเซลลเมด็ เลือดแดงเขาสูถงุ ลมในปอดออกมากับลมหายใจออก ภาพที่ 8 การแลกเปลี่ยนกาซในหลอดเลือด (ทีม่ า : http://www.thaigoodview.com) สืบค้นเมื่อวนั ที่ 20 มนี าคม 2557 ปัจจัยท่ีควบคุมอตั ราการแพร่ของสาร 1. ความเขม้ ข้นของสาร ถ้าความเข้มขน้ ของสารที่แพร่กับความเข้มข้นของตัวกลางมี ความแตกต่างกันมาก การแพรจ่ ะเกิดข้ึนเรว็ โดยสารที่มีความเข้มขน้ สงู จะแพร่ไปสู่สารที่มีความเข้มขน้ ต่า 2. อุณหภูมิ ถ้าอุณหภูมสิ ูง การแพรข่ องสารจะเป็นไปอย่างรวดเรว็ 3. ขนาดอนุภาคสาร สารที่มขี นาดอนภุ าคเล็กและนา้ หนกั เบาจะแพร่ได้รวดเร็วกว่าสารที่ ขนาดใหญ่และนา้ หนักมาก 4. ความสามารถในการละลายของสาร ถ้าสารที่แพร่สามารถละลายได้ดีจะมีอตั ราการแพร่สูง นอกจากนี้ยังพบว่าอัตราการแพร่ของสารขึ้นอยู่กับความดัน การถูกดูดซับไว้ด้วยตัวกลาง หรือ สิ่งเจือปนทีเ่ ปน็ อุปสรรคต่อการเคลื่อนทีข่ องโมเลกุลของสารด้วย และกระบวนการแพร่ของสารจะหยุดลง เมื่อทกุ บริเวณมคี วามเข้มข้นของสารเท่ากนั กระบวนการแพร่ที่เกิดในสิ่งมีชีวิต เช่น การแพร่ของน้าเข้าสู่เซลล์รากของพืช การแพร่ของแก๊ส ออกซิเจนและแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เข้าสู่เซลล์พืช เพื่อใช้ในกระบวนการหายใจและใช้ในกระบวนการ สงั เคราะหด์ ้วยแสง เป็นต้น สิริลักษณ์ ดวงตา ครูผู้สอน

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 30 การออสโมซิส (osmosis) การออสโมซิส (Osmosis) เป็นกระบวนการแพร่โมเลกุลของน้าผา่ นเยือ่ เลอื กผ่าน. จากบริเวณที่มี ความเข้มข้นของน้ามาก (สารละลายความเข้มขน้ ต่า) ไปยังบริเวณที่มีความเข้มขน้ ของนา้ น้อย (สารละลาย ความเข้มข้นสูง) กระจายจนกว่าโมเลกลุ ของน้าจะเท่ากนั แรงดนั ทีเ่ กิดจากการออสโมซิสเรียกว่า แรงดันออสโมติก (osmotic pressure) ซึง่ ขึน้ กบั ความเข้มข้นของสารละลาย ถ้าสารละลายมีความเข้มข้นมาก แรงดนั ออสโมตกิ ก็จะมากด้วย ภาพที่ 9 การออสโมซิสผา่ นเยือ่ บาง (ทีม่ า : จาก http:// school.obec.go.th/suwannaramwittayakom.com) สืบค้นเมอื่ วนั ที่ 20 มนี าคม 2557 การออสโมซิสจะเกีย่ วข้องกับสารละลาย 3 ประเภท 1. (Hypertonic Solution) คือ สารละลายภายนอกเซลล์ มีความเข้มข้น สูง เมื่อเทียบ กับ ความเข้มข้นของสารละลายภายในเซลล์ ดงั นนั้ เซลล์อยู่ในสภาวะนี้เยื่อห้มุ เซลล์จะหดตวั และเหี่ยว แฟบลง เนื่องจากมีการสญู เสียน้าออกจากเซลล์ 2. (Hypotonic Solution)คือสารละลายภายนอกมีความเข้มข้นตา่ เมือ่ เทียบกบั ความเข้มขน้ ของสารละลายภายในเซลล์ ดงั นน้ั ถ้าเซลลอ์ ยูใ่ นสภาวะนี้ เซลล์จะขยายขนาด หรอื มีปริมาตรเพิ่มข้ึน เนื่องจากเกิดการแพรข่ องน้าจากสารละลายภายนอกเข้าสู่ภายในเซลล์ (เซลล์พืชจะเต่งเพราะพืชมีผนังเซลล์ เซลล์สัตว์จะแตกเพราะไม่มีผนงั เซลล์) สิริลักษณ์ ดวงตา ครผู ู้สอน

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 31 3. (Isotonic Solution) คือ สารละลายทีม่ คี วามเข้มขน้ เท่ากับความเข้มข้นของ สารละลาย ภายในเซลล์ ดงั นน้ั เซลล์ทอี่ ยู่ในภาวะนี้ จงึ ไม่มกี ารเปลีย่ นแปลงเกิดข้ึนซึ่งมีความสาคญั มากในสิ่งมชี ีวิต โดยเฉพาะการคงรปู ร่างของเซลล์สัตว์ การที่เมด็ เลือดแดงไหลเวียนอยู่ในน้าเลือด โดยไม่เห่ยี วแฟบ หรอื พองโตจนแตก ท้ังนีเ้ พราะ ทิศทางการเคลื่อนที่ของน้าเข้าและออกผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ของ เซลล์ เม็ดเลือดแดง มีคา่ เท่ากัน เซลล์เม็ดเลือดแดงจึงมีรูปร่างตามปกติ สารละลายภายนอกเซลล์มีค่า ความเข้มข้นเท่ากบั ความเข้มข้นของสารละลายภายในเซลล์ ภาพที่ 10 เม็ดเลือดแดงในสารละลาย 3 ชนิด (ทีม่ า :จาก http://www.youtube.com/watch=related) สืบค้นเมื่อวนั ที่ 21 มีนาคม 2557 สิริลักษณ์ ดวงตา ครูผู้สอน

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 32 ปัจจัยท่มี ีผลต่อการแพร่ 1. สถานะของสาร โดยแก็สมีพลงั งานจลน์สงู สุดจึงมอี ัตราการแพร่สงู สดุ 2. สถานะของตัวกลางทีส่ ารจะแพร่ผา่ น โดยตวั กลางที่เปน็ แก็สจะมีแรงต้านน้อยทีส่ ดุ จงึ ทาให้มี อัตราการแพร่สงู ที่สดุ 3. ขนาดอนุภาคของสาร โดยอนุภาคยิง่ เลก็ ยิง่ มีอัตราการแพรส่ ูง 4. ระยะทางทีส่ ารจะแพร่ในหนึง่ หน่วยเวลา 5. อณุ หภมู ิ โดยจะมีผลตอ่ การเพิ่มพลังงานจลนใ์ ห้กับสารทาให้มีอัตราการแพร่เพิ่มสงู ขนึ้ 6. ความดัน เมือ่ ความดนั เพิ่มสงู ข้นึ จะเพิม่ ความหนาแน่นใหก้ บั สาร ส่งผลให้มีอัตราการแพร่เพิ่มสงู ขึน้ 7. ความแตกต่างของความเข้มขน้ สารระหว่าง 2 บริเวณ สิริลกั ษณ์ ดวงตา ครูผู้สอน

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 33 ใบกิจกรรมที่ 4 เรื่อง การแพรแ่ ละการออสโมซสิ (Diffusion and Osmosis) คาชี้แจง จงสืบคน้ และตอบคาถามตอ่ ไปน้ี (20 คะแนน) 1. การกระจายของอนภุ าคของสารใดๆ จากบริเวณทีม่ ีความหนาแน่นของอนุภาคของสารนั้นมากไปสู่ ที่ซึ่งมีความหนาแนน่ ของอนภุ าคของสารนน้ั น้อย เรียก ปรากฏการณ์นีว้ ่าอะไร ตอบ............................................................................................................................................. 2. การกระจายอนุภาคของน้า จากบริเวณทีม่ ีอนภุ าคของสารนั้นมากผ่านเยื่อเลอื กผ่านที่ เรียกว่า เซมิเพอมเิ อเบิลเมมเบรน (Semipermeable Membrane)ไปยังบริเวณที่มีอนภุ าคของสารนั้นน้อย เรียกว่าอะไร ตอบ............................................................................................................................................. 3. เมือ่ นาเซลล์พืชใส่ลงในสารละลายทีเ่ ข้มข้นน้อยกว่าเซลล์พืช เซลล์พืชจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เพราะเหตุใด ตอบ............................................................................................................................................. 4. เมื่อนาเซลล์สตั ว์ใส่ลงไปในสารละลายที่เข้มข้นน้อยกว่าความเข้มข้นภายในเซลล์ เซลล์สัตว์ จะมีการ เปลี่ยนแปลงอย่างไร เพราะอะไร ตอบ............................................................................................................................................. 5. เมื่อใส่ปุ๋ยลงในดินรอบๆโคนพืชมากเกินไป พชื จะตายเพราะเหตุใด อธิบาย ตอบ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................... 6. น้าและแรธ่ าตุจากดินถกู ลาเลียงเข้าสู่รากโดยวิธีการใด ตอบ............................................................................................................................................. 7. ถ้าแช่เม็ดเลือดแดงในสารละลายไอโซโทนิกเซลล์เมด็ แดงจะเปลีย่ นแปลงอย่างไร ตอบ............................................................................................................................................. 8. สารละลายไอโซโทนิก คอื อะไร ตอบ............................................................................................................................................. สิริลกั ษณ์ ดวงตา ครูผู้สอน

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 34 9. สารละลายที่มคี วามเข้มขน้ ตา่ ค่าแรงดนั ออสโมตกิ จะมากหรือน้อย เพราะเหตุใด ตอบ............................................................................................................................................. 10. เยือ่ เลอื กผ่าน คืออะไร... ตอบ............................................................................................................................................. 11. การเคลื่อนที่ของโมเลกลุ น้าหอมออกจากขวดที่เปิดทิง้ ไว้ เป็นรูปแบบการลาเลียงสารแบบใด ตอบ............................................................................................................................................. 12. เมือ่ นาเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ใส่ลงไปในสารละลายทีเ่ ข้มข้นนอ้ ยกว่าความเข้มข้นภายในเซลล์พืชและ เซลล์สัตว์ พบว่าเซลล์สัตว์จะพองจนแตก เซลล์พืชจะพอง แตไ่ ม่แตก เพราะอะไร ตอบ............................................................................................................................................. สิริลกั ษณ์ ดวงตา ครูผู้สอน

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 35 ใบกิจกรรมท่ี 5 ปฏิบตั ิการทดลอง เรอื่ ง การออสโมซิสในพืช แนวปฏิบตั ิงาน 1. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มกลุ่มละ 5 คน แล้วดาเนินการเลือกประธาน เลขานุการกลุ่ม 2. ให้แตล่ ะกลุ่มศกึ ษาจุดประสงค์ของการทดลอง และทาการทดลองเรอ่ื ง การออสโมซิสในพืช พร้อมทั้งบันทึกผลการทดลองตามแบบบันทึกผลการทดลอง 3. ให้รว่ มกนั อภิปรายผลการทดลองทีเ่ กิดข้ึนและตอบคาถามเพือ่ สรุปผลการทดลอง 4. ใช้เวลาในการทาการทากิจกรรม 20 นาที คะแนน 10 คะแนน จุดประสงค์ของการทดลอง 1. ทาการทดลองเพือ่ ศกึ ษาการออสโมซิสในเซลล์พืชเมื่ออยู่ในสารละลายต่างกัน 2. อธิบายการเปลีย่ นแปลงของเซลล์พืชเมื่ออยู่ในสารละลายต่างกนั วสั ดุ อุปกรณ์/กลุ่ม 1. หลอดทดลองขนาดกลาง จานวน 2 หลอด 2. เครือ่ งช่ังสาร จานวน 1 เครื่อง 3. กระดาษกรอง จานวน 3 แผ่น 4. สารละลายน้าตาลกลโู คสเข้มข้นร้อยละ 10 จานวน 20 ลูกบาศก์เซนติเมตร 5. นา้ กลั่น จานวน 20 ลกู บาศก์เซนติเมตร 6. มดี จานวน 1 ด้าม 7. มนั ฝรง่ั จานวน 1 หวั 8. ไม้บรรทดั จานวน 1 อนั 9. คีมคีบ จานวน 1 อัน สิริลกั ษณ์ ดวงตา ครผู ู้สอน

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 36 วิธีการทดลอง 1. ตัดมนั ฝร่ังเปน็ ชนิ้ ขนาด 0.5 เซนติเมตร x 0.5 เซนติเมตร x 4 เซนติเมตร จานวน 2 ชนิ้ 2. ใช้กระดาษกรองซบั ชิน้ มนั ฝรง่ั ใหแ้ ห้ง 3. วัดความยาว และช่งั น้าหนักมนั ฝร่ัง บนั ทึกผล 4. ใส่ชิน้ มันฝรัง่ ในหลอดทดลองขนาดกลางที่มนี ้ากล่ันอยู่ประมาณ 20 ลกู บาศก์เซนติเมตร อีกช้ินหนึ่งใส่ในหลอดทดลองที่มสี ารละลายกลโู คสความเข้มขน้ รอ้ ยละ 10 ประมาณ 20 ลูกบาศก์เซนติเมตร เช่นกนั ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง 5. ใช้คมี คีบช้ินมันฝร่ังทั้งสองชิ้นออกจากหลอดทดลอง ซับให้แห้งด้วยกระดาษกรอง วัดความยาว และชัง่ น้าหนกั แตล่ ะชิน้ อีกคร้ัง บันทึกผลลงในตาราง ตารางบันทกึ ผลการทดลอง การเปลีย่ นแปลงความยาวและน้าหนักของชิน้ มันฝรงั่ ในสารละลายกลูโคส ความเขม้ ข้นรอ้ ยละ 10 และนา้ กลั่น กอ่ นและหลังการทดลอง การเปลีย่ นแปลงความยาวและน้าหนักของชิ้นมันฝรัง่ ขนาดช้ินมันฝร่ัง สารละลายกลูโคส น้ากล่ัน ความยาว(ซ.ม) กอ่ นการทดลอง หลังการทดลอง ก่อนการทดลอง หลงั การทดลอง น้าหนกั (กรมั ) อภิปรายและสรปุ ผลการทดลอง ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................. คดิ กนั สกั นิดนะ : ขนาดและนา้ หนักของชิ้นมันฝรั่งมี การเปลี่ยนแปลงหรอื ไม่ เมือ่ แชใ่ นน้ากลนั่ และ สารละลายกลโู คส เข้มข้นรอ้ ยละ 10 สิริลกั ษณ์ ดวงตา ครผู ู้สอน

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 37 ใบความรู้ ที่ 4 เรื่อง การแพร่แบบฟาซิลเิ ทต(Facilitated Diffusion) และการลาเลยี งแบบใช้พลงั งาน(Active Transport) การแพร่แบบฟาซิลิเทต (Facilitated Diffusion) เป็นการแพร่ของสารทีไ่ ม่สามารถแพร่ผ่านเยือ่ หมุ้ เซลล์ได้โดยตรง ต้องอาศยั โปรตนี เป็นตวั พา หรอื มีโปรตีนเปน็ ตวั พา (Carrier) เชน่ กลีเซอรอล กรดอมิโน และกลูโคส การแพรแ่ บบนีไ้ ม่ต้องอาศัยพลังงาน และเกิดข้ึนเมอ่ื มีความแตกต่างระหว่างความเข้มขน้ ของสารภายนอกกับภายในเซลล์ สารจะเคลื่อนที่ผ่าน เยือ่ หุ้มเซลล์จากด้านที่มคี วามเข้มสงู ไปยงั ด้านที่มีความเข้มขน้ ต่ากว่าเสมอ จนกว่าจะมีความเข้มข้นเท่ากนั การแพรแ่ บบฟาซิลิเทตมีอัตราเรว็ กว่าการแพรธ่ รรมดาหลายเท่าตวั ภาพที1่ 1 การแพรแ่ บบฟาซิลิเทต (ที่มา : จาก http://thn25456biology.blogspot.com) สืบค้นเม่อื วันที่ : 21 มนี าคม 2557 ภาพที่ 12 จาลอง โปรตนี (Carrier) นาสารเข้าสู่เซลล์ สิริลักษณ์ ดวงตา ครผู ู้สอน

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 38 (ทีม่ า : จาก http://sup3rjunior.com/2012/05/16/120516 ) สบื ค้นเม่อื วนั ที่ : 21 มีนาคม 2557 การลาเลียงแบบใช้พลังงาน(Active Transport) การลาเลียงสาร โดยใช้พลังงาน สามารถนาสารจากบริเวณทีม่ คี วามเข้มข้นของสารต่าไปสู่บริเวณ ทีม่ คี วามเข้มข้นของสารสูงกว่าได้ โดยใช้พลังงานจาก ATP การลาเลียงแบบใช้พลังงานต้องอาศยั โปรตนี ตัวพาโดยที่ ATP จะสลาย หมู่ฟอสเฟต (Pi) 1 หมู่ เกาะกับโปรตนี ตัวพา ทาให้โปรตนี มพี ลงั งานทีจ่ ะจับ กับสารที่จะลาเลียง เม่อื จับกบั สารแล้วจะเปลีย่ นโครงสร้างสามมติ ิ พรอ้ มกบั ปล่อยสารออก พร้อม กับปล่อยหมู่ Pi ออก โปรตนี เปลี่ยนโครงสรา้ งกลบั มาเหมอื นเดิม ภาพที่ 13 การลาเลียงสารแบบใช้พลงั งาน (Active transport) (ที่มา : จาก http://writer.dek-d.com/max-xiah/story/viewlongc.php) สืบค้นเม่ือวันที่ : 21 มีนาคม 2557 สิริลกั ษณ์ ดวงตา ครผู ู้สอน

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 39 ใบกิจกรรมที่ 5 เรือ่ ง การแพร่แบบฟาซิลเิ ทต (Facilitated Diffusion) และการลาเลยี งแบบใชพ้ ลงั งาน (Active Transport) คาชี้แจง จงสืบค้นและตอบคาถามต่อไปนี้ (10 คะแนน) 1. การแพรแ่ บบฟาซิลิเทต (Facilitated Diffusion) คือ 2. การแพรแ่ บบฟาซิลิเทต(Facilitated Diffusion)มีลักษณะต่างจากการแพร่แบบธรรมดา (Diffusion)คือ 3. อัตราการแพรข่ องสารแบบฟาซิลิเทต (Facilitated Diffusion) ต่างจากการแพร่แบบธรรมดา (Diffusion) อย่างไร เพราะอะไร 4. การแพรแ่ บบธรรมดา การออสโมซิส(Osmosis) และการแพร่แบบฟาซิลิเทต (Facilitated Diffusion) มีลกั ษณะทีเ่ หมอื นกัน คือ 5. การลาเลียงสารแบบใช้พลังงาน (Active Transport) คือ 6. ทิศทางการเคลื่อนที่ของสารแบบใช้พลังงาน (Active Transport) เหมอื นหรอื ต่างจากการแพร่ (Diffusion) สิริลักษณ์ ดวงตา ครผู ู้สอน

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 40 7. ถ้าเปรียบการแพรเ่ หมอื นกบั การปล่อยน้าลงจากถงั เก็บน้าบนหอคอย การลาเลียงแบบใช้พลังงาน อาจเปรียบเทียบได้กับสงิ่ ใดบ้าง จงยกตวั อย่าง 8. พลังงานทีเ่ ซลล์นามาใช้ในการเคลื่อนทีข่ องสารแบบใช้พลังงาน (Active Transport) ได้มาจากไหน และถูกใช้ในรปู ของพลังงานอะไร . ทาถูกหมดใช่มย้ั เอา้ ...งนั้ อ่านตอ่ เลย นะจะ สิริลักษณ์ ดวงตา ครผู ู้สอน

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 41 ใบความรู้ ที่ 5 เรือ่ ง การลาเลยี งสารโดยไม่ผา่ นเยือ่ หมุ้ เซลล์ ในกรณีทีม่ กี ารลาเลียงสารโมเลกุลใหญ่เข้าหรอื ออกจากเซลล์ ซึง่ สารโมเลกลุ ใหญ่เหลา่ นไี้ ม่สามารถ ผา่ นเยือ่ หุ้ม- เซลล์หรอื โปรตีนในเยือ่ หมุ้ เซลล์ได้โดยตรง เซลล์สามารถลาเลียงสารเหล่านไี้ ด้ดว้ ยกลไกการ ลาเลียง โดยการสรา้ งเวสิเคลิ (Vesicle) จากเยือ่ หมุ้ เซลล์หรอื ออร์แกเนลล์ การลาเลียงแบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ 2.1. เอกโซไซโทซิส (Exocytosis) เป็นการลาเลียงสารโมเลกลุ ขนาดใหญ่ออกจากเซลล์ สารทีจ่ ะถูกส่งออกไปนอกเซลล์บรรจอุ ยู่ ในเวสิเคิล (Vesicle) เชน่ การหลงั่ เอนไซม์จาก เยื่อบผุ นังกระเพาะอาหาร การกาจัดของเสียทีย่ ่อยไม่ได้ ออกจากเซลล์ ภาพที่ 14 กระบวนการลาเลียงสารออกจากเซลล์แบบเอกโซไซโทซิส (ทีม่ า : จาก http://www.vcharkarn.com/lesson/1043) สืบค้นเมอื่ วันที่ : 21 มีนาคม 2557 สิริลักษณ์ ดวงตา ครูผู้สอน

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 42 2.2 เอนโดไซโทซสิ (Endocytosis) เปน็ การลาเลียงสารเข้าสู่เซลล์ ซึง่ มี 3 วิธี ดงั ภาพ ภาพที่ 15 การลาเลียงแบบเอนโดไซโทซิส (Endocytosis) (ทีม่ า : จาก https://www.google.co.th/search) สืบค้นเมอื่ วันที่ : 21 มีนาคม 2557 2.2.1 ฟาโกไซโทซิส (Phagocytosis) เปน็ การลาเลียงสารเข้าสู่เซลล์ที่พบได้ในเซลล์จาพวกอะมีบา และเซลล์เมด็ เลือดขาว โดยเซลล์สามารถยื่นไซโทพลาซึมออกมา ลอ้ มอนภุ าคของสารทีม่ ีขนาดใหญ่ทีเ่ ป็น ของแข็ง ก่อนทีจ่ ะนาเข้าสู่เซลล์ในรูปของเวสิเคิลเรียกอีกอย่างว่า การกินของเซลล์ (Cell Eating) 2.2.2 พิโนไซโทซสิ (Pincocytosis)เปน็ การนาอนภุ าคของสารที่อยู่ในรูปของสารละลายเข้าสู่เซลล์ โดยการทาให้เยื่อหมุ้ เซลล์เว้าเข้าไปในไซโทพลาซึมทีละน้อย จนกลายเป็นถุงเล็กๆ เมื่อเยื่อหมุ้ เซลล์ปิดสนิท ถุงนีจ้ ะหลดุ เข้าไปกลายเป็นเวสิเคิลอยู่ในไซโทพลาซึม เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การด่ืมของเซลล์ (Cell Drinking) 2.2.3 การนาสารเข้าสเู่ ซลลโ์ ดยอาศยั ตวั รบั (Receptor-Mediated Endocytosis) เป็นการลาเลียงสาร เข้าสู่เซลล์ที่เกิดข้ึน โดยมีโปรตนี ตวั รับบนเยื่อหุ้มเซลล์ สารทีถ่ ูกลาเลียงเข้าสู่เซลล์ด้วยวิธีนจี้ ะต้องมี ความจาเพาะในการจบั กบั โปรตนี ตวั รบั ที่อยู่บน เยื่อหมุ้ เซลล์จงึ จะสามารถนาเข้าสู่เซลล์ได้ หลงั จากนั้น เยือ่ หุ้มเซลล์จึงเว้าเป็นเวสิเคิลหลดุ เข้าสู่ภายในเซลล์ สิริลกั ษณ์ ดวงตา ครผู ู้สอน

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 43 ใบกิจกรรมท่ี 6 เรื่อง การลาเลยี งสารโดยไม่ผา่ นเยื่อห้มุ เซลล์ คาชีแ้ จง ให้นกั เรียนนาตวั อักษรหนา้ กลุ่มคาของชดุ B มาเติมลงในชอ่ งว่างหนา้ ข้อความของชดุ A ให้มี ความสัมพนั ธ์สอดคล้องกนั (5 คะแนน) ชุด A ชดุ B 1. วิธีการนาสารขนาดใหญ่เข้าสู่เซลล์ A. Pinocytosis โดยการยืน่ ไซโทพลาซึมออกมา ล้อมรอบสาร B. Phagocytosis พบในเซลล์อะมีบา C. Exocytosis 2. วิธีการนาสารเข้าสู่เซลล์โดยอาศยั โปรตนี D. Endocytosis ที่แทรกอยู่บนเยือ่ หุ้มเซลล์ E. Vesicle 3. การนาสารโมเลกุลใหญ่ออกนอกเซลล์โดย F. Pseudopodium การบรรจุสารภายในเวสิเคิลซึ่งจะเช่อื มรวม G. Receptor – Mediated กับเยื่อหุ้มเซลล์แล้วปล่อยออกนอกเซลล์ Endocytosis 4. วิธีการนาสารเข้าสู่เซลล์ โดยเยื่อหมุ้ เซลล์ เว้า H. Protein เข้าไปในไซโทพลาซึม กลายเป็นถงุ หลดุ เข้าไป ในไซโทพลาซึม พบในการ ลาเลียงสารที่หน่วยไต และเซลล์เยือ่ บผุ ิว ของลาไส้เล็ก 5. วิธีการลาเลียงสารขนาดใหญ่เข้าสู่เซลล์ โดยไม่ต้องใช้พลงั งาน ทาให้เยื่อหุ้มเซลล์ โอบล้อมสารหลดุ เข้าไปในเซลล์ในรปู เวสิเคิล ………… 6. ถุงทีถ่ กู สร้างข้ึนบริเวณเยื่อหุ้มเซลล์ สาหรับ นาสารโมเลกลุ ใหญ่เข้า –ออกจากเซลล์ ........... 7. ประเภทของสารที่เป็นตวั พา เอา้ !!!!!! ตอบถกู กนั มยั้ อยา่ เพง่ิ ดเู ฉลย นะจะ๊ พยายามหนอ่ ย คนเกง่ สิริลักษณ์ ดวงตา ครูผู้สอน

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 44 ใบกิจกรรมท่ี 7 กิจกรรมสรุปความเข้าใจ เราเรียนรู้เร่อื ง “การลาเลียงสารผ่านเซลล์” กันแล้ว……………ถ้างั้น................... เรามาเขียนแผนผังความคิด (Mind Mapping) สรปุ ความรทู้ ี่ได้รับกนั หนอ่ ยนะจะ๊ ( คะแนน 8 คะแนน) การแพร่ (Diffusion) การลาเลียงสารผ่านเซลล์ การลาเลียงสารโดยไม่ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ ฟิโนไซโทซิส สิริลักษณ์ ดวงตา ครูผู้สอน

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เซลลแ์ ละการทางานของเซลล์ 45 แบบทดสอบหลังเรยี น (Pro Test) เรอื่ ง การลาเลยี งสารเข้า – ออกเซลล์ คาชีแ้ จง 1. แบบทดสอบเปน็ แบบเลือกตอบ มี 4 ตัวเลือก จานวน 10 ข้อ ใช้เวลา 20 นาที 2. เลือกคาตอบทีถ่ กู ทีส่ ุด เพียงคาตอบเดียว แล้วทาเครือ่ งหมาย X ตรงกับคาตอบ ทีถ่ กู ต้องลงในกระดาษคาตอบ 1. พิจารณาขอ้ ความข้างลา่ งแลว้ เลือกคาตอบ “ มีลักษณะคอ่ นข้างกลม มีเยื่อบางๆหมุ้ ภายในและพบสารทางพันธกุ รรมปรมิ าณมาก” ก. นิวเคลียส ข. ผนังเซลล์ ค. ไซโทพลาสซึม ง. นิวคลีโอลสั 2. ข้อใดทีเ่ ปน็ ลกั ษณะของการเกิดออสโมซิส (Osmosis) ก. ธาตอุ าหารในดินถกู ลาเลียงเข้าสู่ราก ข. อาหารที่พืชสร้างขึน้ จากเซลล์ในใบถูกลาเลียงเข้าไปในลาต้น ค. การที่น้าในแก้วค่อย ๆ กลายเป็นสีมว่ งเมอ่ื หย่อนเกล็ดด่างทบั ทิมลงไปในแก้ว ง. ถุงเซลโลเฟนทีบ่ รรจุน้ากลั่นมปี ริมาตรเล็กลง เมื่อหย่อนลงในแก้วทีบ่ รรจสุ ารละลาย ซโู ครสเข้มขน้ 3 . ถ้าแช่เมด็ เลือดแดงในสารละลายไอโซโทนิก (Isotonic Solution) เซลล์เมด็ แดงจะเปลีย่ นแปลง อยา่ งไร ก. เซลล์เม็ดแดงจะแตก ข. เซลล์เม็ดเลือดแดงไม่เปลี่ยนแปลง ค. เซลล์เมด็ แดงจะเหี่ยว ง. เซลล์เม็ดแดงจะเหย่ี วแล้วกลบั มาเต่ง สิริลักษณ์ ดวงตา ครผู ู้สอน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook